View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
CivilSpice
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/03/2006 Posts: 11192
Location: หนองวัวหนุ่มสเตชั่น
|
Posted: 12/12/2006 4:47 pm Post subject: |
|
|
ดูเส้นทางช่วงนี้เอาเถอะ ดูผาดๆ เหมือนวิ่งไปตามคันสวนยังไง ยังงั้น
บางช่วง มีสะพานรถยนต์มาสร้างคอยท่าอยู่แล้ว เผื่อรถไฟจะขี้เกียจวิ่งขึ้นมา ยังใช้รถยนต์ รถมอเตอร์ไซด์ได้บ้าง
บางช่วงก็น้ำเอ่อปริ่มๆ รางแบบนี้ รางไม่ผุก็ให้รู้ไปสิ
|
|
Back to top |
|
|
CivilSpice
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/03/2006 Posts: 11192
Location: หนองวัวหนุ่มสเตชั่น
|
Posted: 12/12/2006 4:51 pm Post subject: |
|
|
เส้นทางรถไฟช่วงนี้ ยังคงผ่านนาเกลือ นากุ้งแล้วแต่กรณี สังเกตดูบางแห่งจะมีการถางป่าชายเลนเตรียมทำนากุ้ง
เอ...ตอนนี้กุ้งราคาไม่ค่อยดีนัก ยังมีคนกล้าลงทุนอีกหรือ ?
จะมีใครสังเกตบ้างไหมเอ่ย ? เส้นทางช่วงบ้านแหลม - แม่กลอง จะไม่มีเสาโทรเลขริมทางเลย ต่างจากช่วงวงเวียนใหญ่ - มหาชัย ที่ยังมีใช้งานอยู่ครับ
ขบวนรถแล่นเข้าสู่ชุมชนบ้านบ่อ ที่นี่เคยตั้งเป็นสถานีด้วยครับ แต่ยุบลงเป็นที่หยุดรถมาหลายปีแล้ว ยังเหลือตัวอาคารสถานีดั้งเดิมของบริษัทรถไฟแม่กลอง จำกัด
ก่อนคืนกิจการให้ รฟท. ตั้งอยู่ริมทางด้วยล่ะ
ที่หยุดรถบางกระเจ้า ครับ.. อยู่ริมป่าแสม แต่ประทานโทษครับ ภาพลวงตา... มีบ้านเรือนชาวบ้านตั้งอยู่หลังป่าแสมนั่นแหละครับ
ขอรูปสะพานอีกสักแห่งนะครับ สะพานเลียบทางรถไฟ มองดูคล้ายๆ แถวสถานีตลาดพลู แต่ที่นี่เป็นป่าแสม
ตอนนี้ขบวนรถเข้าใกล้ปลายทางแล้วครับ เข้าสู่ชุมชน ต.ท่าจีน บริเวณท่าฉลอม
ใครที่ยังคงจำประวัติศาสตร์ได้ คงไม่ลืมนะครับว่า ท่าฉลอม เป็นสุขาภิบาลแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ
รัชกาลที่ 5 แต่ปัจจุบันรวมอยู่ในเขตเทศบาลนครสมุทรสาคร ....
เห็นสภาพชุมชนแล้ว ไม่ช่วยกันรักษาเกียรติประวัติในอดีตกันเลย เฮ้อ..
|
|
Back to top |
|
|
CivilSpice
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/03/2006 Posts: 11192
Location: หนองวัวหนุ่มสเตชั่น
|
Posted: 12/12/2006 5:03 pm Post subject: |
|
|
ถึงแล้วครับ ที่หยุดรถท่าฉลอม เป็นตลาดนัดชุมชนใหญ่โตเชียวล่ะ คนโดยสารลงที่นี่เกือบหมด
จุดที่น่าสนใจสำหรับชุมชนท่าฉลอม ก็คือ ที่ตั้งแพปลา และอู่ต่อเรือตังเกของไทย ที่ออกไปอาละวาดไปถึงทะเลปาปัวนิวกินี กับแถบอัฟริกาตะวันออก
เป็นที่ลือลั่นคร้ามขามของเจ้าของประเทศบริเวณดังกล่าว จนต้องไล่จับ ไล่จมเรือประมงไทยกันอุตลุตครับ
ในภาพนี้ คือ .... แพปลาแห่งหนึ่งของฝั่งท่าฉลอม
อู่ต่อเรือประมงครับ... สมัยก่อนยังไม่ได้กั้นรั้ว ผมเห็นเรือตังเกไม้ ขึ้นคานรอซ่อมกันเรียงเกือบชิดทางรถไฟเชียวล่ะ
ตอนนี้หายหน้าไปแยะ อาจเป็นเพราะน้ำมันแพง แต่มีเรือประมงต่อใหม่ลำตัวเรือเป็นเหล็ก ขนาดใหญ่กว่าเดิมเป็นเท่าตัว แสดงว่า กิจการประมงเราก้าวหน้าใช่ไหมครับ ?
หากินกันไกลๆ แถมมีเรือห้องเย็นลำเลียงปลามาขึ้นแพปลาอีกต่างหาก สมแล้วที่เป็นเมืองประมงอันดับหนึ่งของไทย
ทางรถไฟสายแม่กลองสมัยก่อน สร้างสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีนเชื่อมสองฝั่งไม่ได้ ก็ด้วยเหตุเรือประมงแล่นไปมาไม่สะดวกนี่แหละ
ตอนนี้ถ้าหากทำ คงเป็นแบบหันสองด้านเหมือนสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกงกระมังครับ ?
|
|
Back to top |
|
|
CivilSpice
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/03/2006 Posts: 11192
Location: หนองวัวหนุ่มสเตชั่น
|
Posted: 12/12/2006 5:11 pm Post subject: |
|
|
ตอนนี้ขบวนรถเริ่มชะลอเข้าสถานีบ้านแหลมด้วยความเร็ว 5 กม./ ชม. ครับ มองดูรางรถไฟผาดๆ เห็นเพียงรางสองเส้นวางบนดินเฉยๆ
ไม่ต้องถามถึงหินรองรางนะครับ ที่นี่เขาใช้กันหรือเปล่าเนี่ย ? ต่างจากฝั่งมหาชัยลิบลับ...
แล้วก็ถึงประแจหลีก พร้อมแม่แรงยกรถไฟ เมื่อถึงวาระซ่อมเปลี่ยนช่วงล่าง
มองกันใกล้ๆ ครับ แต่ เอ... ใครหว่า ? ยืนถ่ายรูปไกลๆ น่ะ
|
|
Back to top |
|
|
CivilSpice
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/03/2006 Posts: 11192
Location: หนองวัวหนุ่มสเตชั่น
|
Posted: 12/12/2006 5:17 pm Post subject: |
|
|
อ้าว ... วิ่งเปิดแน่บไปซะแล้ว ใครกันหนอ ..... เห็นหุ่น และท่าสะพายกระเป๋าแบบนี้ ก็ไม่ใช่ใครอื่นหรอกครับ เฮียวิศรุต (Wisarut) ของเรานั่นเอง
มาพร้อม น้องบอย (Pattharachai) และ น้องฟาง (Main Reservoir) ที่ตื่นไม่ทันในช่วงเช้า .... และนี่ก็เป็นทีมงานทีมสุดท้าย ที่ตามมาสมทบ
กับ 3 ทีมที่มากันแล้วในตอนแรก ...
ตอนนี้ขบวน 4382 ก็มาถึงสถานีบ้านแหลมโดยสวัสดิภาพ อีกสักครู่ก็จะทำขบวนเป็นขบวน 4383 กลับไปแม่กลองอีกครั้ง
โดยเที่ยวนี้ จะพาทีมงานของเราทั้งหมด กลับไปด้วย
รอให้ชุดช่างเครื่องที่คอยทีอยู่แล้ว ตรวจสภาพรถ เติมน้ำมัน ก่อนทำขบวนกลับแม่กลอง
เที่ยวนี้ รถเข้าล่าช้า พอได้เวลาสักพักใหญ่ๆ ก็ออกจากบ้านแหลมแบบไม่รีรอใครล่ะครับ
|
|
Back to top |
|
|
CivilSpice
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/03/2006 Posts: 11192
Location: หนองวัวหนุ่มสเตชั่น
|
Posted: 12/12/2006 5:34 pm Post subject: |
|
|
สำหรับเที่ยวกลับ ผู้โดยสารก็มีบ้างพอสมควร แต่ก็ไม่มากนัก พวกเราก็แยกย้ายไปยืนคุยกับ พขร. ชค. และ พรร. บ้างตามโอกาสและจังหวะจะอำนวย
ภาพทั้งหมดต่อไปนี้ อาจจะไม่ได้เก็บมาทุกรายละเอียดของสถานีที่ขบวนรถผ่าน แต่ก็พยายามเลือกมุมมองแปลกๆ มาให้ชมนะครับ โดยส่วนใหญ่
จะปักหลักถ่ายกันอยู่ที่ด้านท้ายของขบวนรถ
ภาพนี้เป็นภาพตอนขากลับ จากบ้านแหลมไปแม่กลอง บนขบวน 4383 จะเห็นว่า รางท่อนเดิมที่หักเมื่อช่วงสาย
ได้ถูกเปลี่ยนไปเรียบร้อยแล้ว .... รวดเร็วทันใจมากๆ ....
ร่องรอยของน้ำท่วม ที่ยังพอหลงเหลือให้เห็นอยู่บ้าง แล้วอย่างนี้จะไม่ให้รางผุพังได้อย่างไร
บรรยากาศนาเกลือ บริเวณสองข้างทาง ช่วงก่อนถึงที่หยุดรถบ้านกาหลง
ดูๆ แล้วเหมือนวิ่งอยู่ในพงหญ้ายังไงก็ไม่รู้ ... ขณะกำลังเข้าจอด ณ ที่หยุดรถบ้านกาหลงครับ
|
|
Back to top |
|
|
CivilSpice
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/03/2006 Posts: 11192
Location: หนองวัวหนุ่มสเตชั่น
|
Posted: 12/12/2006 5:39 pm Post subject: |
|
|
สะพานรถไฟ กับ สะพานข้ามทางรถไฟ ถนนพระรามที่ 2 ... ธนบุรี-ปากท่อ
บรรยากาศในแบบวิวชุมชนข้างทางรถไฟ
กับเครื่องกั้นถนนอัตโมมัติ แห่งเดียว (ไม่นับในตัวเมืองแม่กลอง) บริเวณแถวๆ ที่หยุดรถลาดใหญ่
|
|
Back to top |
|
|
CivilSpice
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/03/2006 Posts: 11192
Location: หนองวัวหนุ่มสเตชั่น
|
Posted: 12/12/2006 5:42 pm Post subject: |
|
|
แถวนี้ไม่ต้องพึ่งพาเครื่องตัดหญ้า หรือคีมตัดกิ่งไม้ เพราะโดนรถไฟตัดให้ซะเรียบร้อย
กำลังจะเข้าสู่ตลาดแม่กลองอีกรอบ เพียงแค่ถนนกั้นเท่านั้น แต่ทัศนียภาพ ต่างกันลิบลับ
|
|
Back to top |
|
|
CivilSpice
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/03/2006 Posts: 11192
Location: หนองวัวหนุ่มสเตชั่น
|
Posted: 12/12/2006 6:05 pm Post subject: |
|
|
ตัดโชะ ข้ามตลาดมาที่สถานีแม่กลองเลยก็แล้วกันครับ เพราะช่วงที่ผ่านตลาดนั้น ผมถ่ายเป็นวิดีโอไว้ เลยไม่ได้ถ่ายมาเป็นภาพ
ขบวน 4383 กลับมาถึงแม่กลอง ช้ากว่ากำหนดประมาณ 30 นาที พี่ๆ พขร. และ ชค. ในเวรแรก ก็ออกเวรไปพร้อมกับภารกิจ
ของขบวน 4383 ด้วย โดยจะมีเวรสอง เข้ามารับหน้าที่ต่อ จนถึงช่วงเย็นๆ สรุปแล้วก็ขับกันชุดละ 4 เที่ยว ไป-กลับ ต่อวัน
ว่าแต่ว่าพี่เค้าจะเบื่อกันบ้างมั้ยครับเนี่ย วิ่งอยู่แค่ระยะทาง 30 กว่ากม. ไป-กลับแค่นี้ .... แต่เท่าที่ถามมา พี่ท่านทั้งสองขับรถสายนี้
มาเกือบจะ 10 ปีเข้าไปแล้ว
ส่งท้ายภารกิจของเราในช่วงแรกที่สถานีแม่กลองในช่วงเช้าแต่เพียงเท่านี้ครับ พร้อมๆ กับวิดีโอ MiniDV ที่อัดเอาไว้ประมาณ 4 ม้วน
ตอนนี้พลพรรค RFT อยู่รวมกันร่วมๆ 15 คน คึกคักเสียไม่มี .... แต่ภารกิจของพวกเรายังไม่จบแค่นี้ครับ เพราะพี่อ้อ เจ้าถิ่นเมืองแม่กลอง
จะพาพวกเราไปเที่ยวต่อ พร้อมทั้งหาข้าวกลางวันทานกันด้วย ก่อนจากสถานีแม่กลองไป เราก็แวะอำลาเจ้าถิ่นก่อนตามธรรมเนียม และต้อง
ขอขอบคุณ น้ำใจไมตรี จากพี่ๆ ชาว รฟท.ทุกท่าน ทั้งที่สถานีแม่กลอง ตลอดจนถึงสถานีบ้านแหลม และทุกท่านที่ปฏิบัติหน้าที่บนขบวนรถ
ที่คอยอำนวยความสะดวก และต้อนรับทีมงานของเราเป็นอย่างดี ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ......
อ้อ และที่ลืมไม่ได้ ก็คือพระเอกของเราในวันนี้ เจ้า NKF 1213 & 1210 ที่พาเราเดินทางไป-กลับตลอดสาย โดยสวัสดิภาพ
(ถึงแม้ว่าหน้าตาจะมีรอยแผลไปบ้าง แต่ก็ทำหน้าที่อย่าซื่อสัตย์มาโดยตลอดนะ จะบอกให้)
ปล. ยังไม่จบนะครับ แต่ขอพักเบรคก่อนเป็นการชั่วคราว ยังมีอะไรเบื้องหลังอีกเยอะ โดยเฉพาะตอน "เมื่อรถไฟหนีน้ำท่วม" ส่วนเรื่องราวจะเป็นยังไงนั้น
ต้องลองติดตามต่อไปครับ |
|
Back to top |
|
|
CivilSpice
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/03/2006 Posts: 11192
Location: หนองวัวหนุ่มสเตชั่น
|
Posted: 13/12/2006 9:18 am Post subject: |
|
|
หลังจากที่เมื่อวานนี้ คณะของเราเพิ่งจะเสร็จภารกิจจากสถานีแม่กลองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็อย่างว่า มาถึงเมืองแม่กลองทั้งที ไม่แวะไปเที่ยวหรือหาอะไรรองท้องเสียหน่อย ก็คงจะมาไม่ถึงเมืองแม่กลองเป็นแน่แท้ ว่าแล้วพี่อ้อ ซึ่งมีบ้านอยู่ที่แม่กลองอยู่แล้ว ก็อาสาพาพวกเราไปหาข้าวกลางวันรับประทานกัน โดยขับรถเป็นขบวนตามกันออกมา จากวัดเพชรสมุทร หรือวัดบ้านแหลม ออกไปตามเส้นทางที่ไป อ.อัมพวา และ อ.ดำเนินสะดวก วิ่งตามกันไปได้สักพัก พี่อ้อก็พาเลี้ยวซ้ายข้ามแม่น้ำแม่กลอง ข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งบอกตามตรงว่าหลังจากข้ามสะพานมาแล้ว เป็นอะไรที่งงมากๆ เพราะถนนวิ่งลัดเลาะไปตามสวนผลไม้ของชาวบ้าน วกไปวนมา ประมาณว่า ถ้ารถจับพวกเราไปวางที่จุดเริ่มต้นบริเวณสะพาน แล้วให้ขับเข้าไปอีกรอบ รับรองว่าได้หลงอยู่ในสวนเป็นแน่แท้ ..... ขับวนอยู่นานพอสมควร สุดท้ายก็มาหยุดที่บ้านหลังนึง ท่ามกลางความงงๆ เล็กน้อย ว่าบ้านใครหว่า สุดท้ายก็ได้รับคำเฉลย ว่าคือบ้านพี่อ้อนี่เอง (ขับมาตั้งนาน กลายเป็นว่าแวะมาเอาของที่บ้านซะงั้น)
จากบ้านพี่อ้อ ขับลัดเลาะมาอีกพักใหญ่ ก็มาถึงที่นี่ครับ ดูใหญ่โตโอ่อ่า แต่เงียบสงบ ได้บรรยากาศเป็นอย่างมาก ซึ่งที่นี่แหล่ะครับ คือที่ที่เราจะมานั่งทานอาหารกลางวันกัน
ดูไม่ผิดหรอกครับ เพราะที่นี่คือวัด อ้าว ..... สุดท้ายพากันเข้าวัดเฉยเลย วัดนี้คือ "วัดประดู่" ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของ อ.อัมพวา มาตั้งแต่ครั้งตอนปลายกรุงศรีอยุธยา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาสต้นทางชลมารคมาที่วัดนี้ ในสมัยที่หลวงปู่แจ้งเป็นเจ้าอาวาส โดยพระองค์ทรงมีพระราชศรัทธา และได้ถวายสิ่งของให้แก่หลวงปู่มากมาย เช่น เรือเก๋งพระที่นั่ง พระแท่นบรรทม ตาลปัตร ปิ่นโต สลกบาตร ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันทางวัดได้โดยจัดสร้าง พิพิธภัณฑ์พระราชศรัทธา เก็บรักษาไว้อย่างดี นอกจากนี้ในพิพิธภัณฑ์ยังจัดแสดง "หุ่นดินสอพอง" รูปพระเกจิอาจารย์ในจังหวัดสมุทรสงคราม และรูปรัชกาลที่ 5 แกะสลักจากไม้หอมให้ชมอีกด้วย
ก่อนจะเข้าชมวัด ก็หาอะไรทานกันก่อนครับ บริเวณท่าน้ำหน้าวัด จะมีศาลาริมหน้าอยู่หลังนึง พร้อมด้วยเสื่อและเก้าอี้เล็กๆ จัดเป็นชุดๆ ตอนแรกๆ พวกเราก็งง ว่าเขาจะให้เรานั่งกันยังไงหว่า สุดท้ายได้ความว่า เก้าอี้ที่เห็น เอาไว้รองชามก๋วยเตี๋ยวเรือต่างหาก ส่วนตอนจะนั่ง ก็นั่งกันกับพื้นตามสไตล์ลูกทุ่งนี่ล่ะครับ สำหรับก๋วยเตี๋ยวเรือที่ว่า ก็คือเรือจริงๆ พายกันมาขายตรงนั้นเลย มีหมดทั้งเส้นเล็ก เส้นใหญ่ เส้นหมี่ ทั้งต้มยำ ทั้งน้ำใส เลือกทานได้ตามสะดวก สนนราคาก็ไม่แพง เพียงชามละ 10 บาทเท่านั้น หรือหากใครกระหายน้ำ ก็มีชา กาแฟโบราณ โอเลี้ยง ไว้คอยบริการ ซึ่งก็ขายกันบนเรือเช่นกัน ..... ว่าแล้วก็น้ำลายไหล เหอๆๆๆๆๆ
ทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยจนพุงกาง ก็ไปเดินชมพิพิธภัณฑ์ของทางวัดกันหน่อยดีกว่าครับ ติดแอร์ทั้งหลังด้วยนะจะบอกให้ ไม่ธรรมดาเลยครับ
รายละเอียดเพิ่มเติม :
บทความ : พิพิธภัณฑ์วัดประดู่ ...บอกเรื่องการเสด็จประพาสต้น โดยนิตยสารหญิงไทย |
|
Back to top |
|
|
|