View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 27/02/2007 3:01 pm Post subject: |
|
|
มาถึงสถานีศิลาอาสน์ จะไม่ให้พูดถึงเรื่อง Hanomag ก็ยังไงๆ อยู่ครับ แต่เดิม ไม่ได้ตั้งอยู่ตรงนี้หรอกครับ เดี๋ยวผมค่อยบอกทีหลังดีกว่า
รถจักรไอน้ำ Hanomag คันนี้ ผมจำได้คลับคล้ายคลับคลาสมัยเด็กๆ ว่า เคยวิ่งประจำเส้นทางสายเหนือช่วง อุตรดิตถ์ - เด่นชัย แต่ข้อนี้ ยังไม่ขอยืนยันครับ ที่แน่ๆ Hanomag เหมาะสมกับเส้นทางช่วงภูเขาจริงๆ
ด้านหน้ารถจักร ผมเคยอ่านในเอกสารเก่าๆ ของการรถไฟฯ ว่า มีแผนงานจัดตั้งรถจักรไอน้ำเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งตามหน้าสถานีต่างๆ ซึ่งมีชื่อสถานีอุตรดิตถ์รวมอยู่ด้วย อาจเป็นเพราะพื้นที่ไม่เหมาะสมต่อการทำสถานที่ตั้งรถจักรก็ได้ จึงมีแต่หอนาฬิกา อยู่บริเวณด้านหน้าสถานี (เดิม) เท่านั้น
เบื้องหลังการถ่ายทำครับ จะมีทรากรถลำเลียงของรถจักรรุ่น Hanomag คันหนึ่ง ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่โรงรถจักรธนบุรี
ถ้าสังเกตกันดีๆ ตรงรางที่วางรถจักรคันนี้ จะใช้หมอนหลายแบบ เริ่มจากหมอน คสล. duo - block .ใช้คลิ๊ปประกอบน๊อตขันเกลียวกับราง ถัดไปก็เป็นไม้หมอนตอกหมุดตรึงกับราง
ด้านท้ายสุด เป็นหมอนเหล็กกล้ายุคเก่า ที่ผมว่าหาดูได้ยากครับ สันนิษฐานว่า คงนำมาจากเส้นทางรถไฟของอินโดจีนฝรั่งเศส ช่วงปอยเปต - สวายดอนแก้ว ที่ไทยยึดครองก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 แน่ๆ เชียว
ด้านในห้องขับครับ ยังมีอุปกรณ์อยู่ครบบริบูรณ์ ไม่เหมือนกับพวกพ้องหน้าสถานีนครราชสีมา ที่ป๋าต๊อบแจ้งว่า หายไปหมดแล้ว
ครับ ก่อนที่รถจักร Hanomag คันนี้ จะมาตั้งอยู่ข้างๆ สถานีศิลาอาสน์ สถานที่เดิมจะตั้งอยู่ตรงหน้าสถานีตำรวจรถไฟศิลาอาสน์ครับ อยู่ใต้ต้นมะม่วงใหญ่ ใบมะม่วงหล่นสุมแทบเต็มรถลำเลียงเชียวล่ะ
ตอนหลัง ทางแขวงฯ อุตรดิตถ์ ได้ต่อรางรถไฟเข้าไปถึงจุดจอดรถจักร เตรียมลากออกมา แต่ไม่สำเร็จครับ เพราะล้อจับเพลาจนตายหมดแล้ว เลยต้องใช้รถเครน ยกใส่รถยนต์ลำเลียงมายังที่แห่งใหม่ ตามที่เราเห็นทุกวันนี้
ส่วนที่จอดรถจักรเดิม กลายเป็นลานเปตองไปเรียบร้อยแล้ว
Last edited by black_express on 16/08/2018 8:01 am; edited 2 times in total |
|
Back to top |
|
|
Anan124
3rd Class Pass
Joined: 03/07/2006 Posts: 213
Location: สมุทรสาคร
|
Posted: 27/02/2007 4:58 pm Post subject: |
|
|
black_express wrote: |
บ่ายวันหนึ่ง จังหวะเหมาะครับ ผมเจอรถจักร Alsthom ใช้สลิงดึงขอพ่วง(ชำรุด) ของโครงรถจักรไอน้ำตัดบัญชี ออกจากรางเก็บข้างโรงรถจักร ไปเข้ารางด้านหลังโรงรถจักร ให้ผู้ประมูลราคาได้ตัดเป็นเศษเหล็กจำหน่าย เท่าที่ผมนับได้ จะจอดทิ้งไว้ที่นี่รวม 8 คัน ทั้งรุ่น "แปซิฟิก" และ "มิกาโด" แต่บางคันถอดเอาหม้อน้ำไปใช้งานที่อื่นแล้ว
เสียงล้อเหล็กของบางเพลาที่จับตายแล้ว ถูไปกับราง เหมือนกับรู้ตัวว่าจะเข้าไปสู่แห่งสุดท้ายในชีวิต และเสียงจังหวะลูกสูบที่เกิดจากข้อเสือดันไปตามล้อกำลัง ยังอยู่ในความทรงจำของผมทุกวันนี้
และโชคดีครับ ที่รถจักรไอน้ำตัดบัญชี ไม่ได้ถูกตัดขายเป็นเศษเหล็กทุกคัน มีอยู่คันหนึ่ง ในรุ่น "แปซิฟิก" ที่คัดเลือกมาให้แขวงฯ อุตรดิตถ์ นำมาขัดสีฉวีวรรณ พ่นสีกันใหม่ ในฐานะรถจักรไอน้ำประวัติศาสตร์ ทำขบวนรถพิเศษในวันสำคัญต่างๆ ปีละ 3 ครั้ง ซึ่งแขวงฯ ธนบุรี รับผิดชอบดูแลอยู่นั่นเอง... |
โอ้โห...ความรู้ล้วนๆครับ ผมก็เพิ่งรู้นี่แหละ ว่าเขารับมาจากแขวงอุตรดิตถ์... _________________
|
|
Back to top |
|
|
alderwood
1st Class Pass (Air)
Joined: 10/04/2006 Posts: 6593
Location: กรุงเทพ-ราชสีมา
|
Posted: 27/02/2007 5:08 pm Post subject: |
|
|
black_express wrote: | และโชคดีครับ ที่รถจักรไอน้ำตัดบัญชี ไม่ได้ถูกตัดขายเป็นเศษเหล็กทุกคัน มีอยู่คันหนึ่ง ในรุ่น "แปซิฟิก" ที่คัดเลือกมาให้ทางแชวงฯ อุตรดิตถ์ นำมาขัดสีฉวีวรรณ พ่นสีกันใหม่ ในฐานะรถจักรไอน้ำประวัติศาสตร์ ทำขบวนรถพิเศษในวันสำคัญต่างๆ ปีละ 3 ครั้ง ซึ่งแขวงฯ ธนบุรี รับผิดชอบดูแลอยู่นั่นเอง... |
เอ...พี่ตึ๋งครับ ไม่ใช่มิกาโด้เหรอ งั้นเลขอะไรเอ่ย ชักอยากรู้แล้วสิ ส่วน 953 เหมือนเคยได้ยินว่า ก่อนจะมาอยู่ที่ธนบุรี แต่ก่อนเคยประจำการที่แขวงอุตรดิตถ์ครับ จริงเท็จแค่ไหน รอท่านอื่นๆ มาเสนอแนะแล้วกันครับ _________________ รักรถไฟมั่นใจโคปเตอร์ || Railway Racing Team || Korat Spotter
|
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 27/02/2007 6:00 pm Post subject: |
|
|
en_corrs wrote: | เมื่อก่อนจำได้เหมือนกันว่าจะมีขบวนรถท้องถิ่นจาก ศิลาอาสน์ - ตะพานหิน - สวรรคโลก จะใช้ "หัวผี" ลากอยุ่ทุกวัน มีอยู่ 5 ตู้ปุเลงๆ ไปอย่างนั้น ป้ายจะไม่เหมือนรถทั่วไปคือ ป้ายมันจะแดงๆ ป้ายอื่นๆจะเป็นสีเงิน ตัวหนังสือสีแดง
มีอยู่ช่วงหนึ่งเหมือนกันที่ขบวน 9/12 จะใช้ป้ายข้างรถสีเขียว ตัวอักษรสีขาว สะดุดตาดีครับ เหมือนเอาชอล์คมาเขียนบนกระดานชนวนยังไงยังงั้น |
รถท้องถิ่นขบวนนี้ เลิกเดิน เพราะคนโดยสารน้อย พอขบวนรถสินค้ามีมากขึ้น ทำรายได้ดีกว่า ก็ยกเลิกเฉยๆ งั้นแหละ เอารถจักรไปทำขบวนสินค้าแทน คนโดยสารเฉพาะช่วงเช้า - เย็น ระหว่างอุตรดิตถ์ - พิษณุโลก บ่นกันอุบ เพราะมีในช่วงเวลาเหมาะสมในการเดินทางไปทำงาน - เรียนหนังสือที่พิษณุโลก รวมถึงกลับบ้านยังอุตรดิตถ์
ถึงแม้จะมีขบวนดีเซลราง พิษณุโลก - ศิลาอาสน์ มาแทน ก็ไม่ค่อยตรงจุดประสงค์ของชาวบ้านเท่าใดนัก เพราะต้องการขบวนรถท้องถิ่นช่วงเช้า ไปพิษณุโลก รอรถเร็วเข้ากรุงเทพ เที่ยวเช้า ก็ไม่ได้แวะสถานีรายทาง ไปไม่ทันทำงาน หรือเรียนหนังสือแน่ๆ
ข.9/10 ตอนนั้นยังเป็นรถด่วนพิเศษนี่ครับ ป้ายข้างรถเลยแตกต่างจากชาวบ้านหน่อย
alderwood wrote: | เอ...พี่ตึ๋งครับ ไม่ใช่มิกาโด้เหรอ งั้นเลขอะไรเอ่ย ชักอยากรู้แล้วสิ ส่วน 953 เหมือนเคยได้ยินว่า ก่อนจะมาอยู่ที่ธนบุรี แต่ก่อนเคยประจำการที่แขวงอุตรดิตถ์ครับ จริงเท็จแค่ไหน รอท่านอื่นๆมาเสนอแนะแล้วกันครับ |
ผมว่าเป็น "แปซิปิก" นะ แต่ "มิกาโด" ที่แขวงฯ อุตรดิตถ์ เคยมีใช้งานอยู่หลายคัน
คราวหน้า จะแวะถามแขวงฯ ธนบุรี ให้ครับ
Last edited by black_express on 16/08/2018 8:07 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
AONZON
3rd Class Pass
Joined: 06/12/2006 Posts: 221
Location: กรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ
|
Posted: 28/02/2007 12:24 pm Post subject: |
|
|
เห็นรถหุ้มเกราะจอดอยู่หน้าโรงรถจักรอุตรดิตถ์ เป็นสีพราง เลยอยากทราบว่าถ่ายเมื่อปีอะไรครับ เพราะปี ๒๕๓๕ ผมเคยเดินตามรถดาร์เวนปอร์ตจากสถานีศิลาอาสน์ เข้าไปที่ใกล้โรงรถจักรนี้ แล้วบังเอิญถ่ายทุกอย่างที่เห็น จำได้ว่า มีรถเกราะสีเลือดหมูจอดต่อกับตู้โดยสารโบราณตู้ไม้ ข้างๆ วงเวียนกลับรถ บังเอิญรูปถัดมาไม่เห็นรถเกราะจอดข้างวงเวียนกลับรถ
เวลาเห็นรูปเก่าๆแบบนี้ เมื่อมาเทียบกับปัจจุบันแล้วตื่นเต้นดีนะครับ
ยังไงผมคงต้องขออนุญาตเชพรูปไปพิมพ์ แล้วหาโอกาสดีไปถ่ายในมุมเดียวกันจะได้เห็นความแตกต่างครับ ขอบคุณทุกท่านที่นำภาพเก่า (ส่วนตัว) ที่มีค่าทางประวัติศาสตร์มาอวดเพื่อนสมาชิก "ภาพถ่ายวันนี้ คือประวัติศาสตร์ในวันพรุ่งนี้" |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 28/02/2007 12:39 pm Post subject: |
|
|
ภาพรถหุ้มเกราะนี้ ผมถ่ายเมื่อปี พ.ศ.2547 ครับ พร้อมๆ กับชุดสำรวจเส้นทางรถไฟสายสวรรคโลก ตอนแรกที่นำมาตั้งบริเวณประตูทางเข้าโรงรถจักร จะเป็นสีเขียวเรียบๆ พอตกแต่งสถานที่ภายหลัง จึงเพิ่มเติมสีพราง
เกี่ยวกับการขอเซฟภาพเพื่อเผยแพร่ต่อเนื่อง ทางผมไม่ขัดข้องประการใดครับ |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 06/03/2007 12:11 pm Post subject: |
|
|
เนื่องจากสถานีศิลาอาสน์ ตั้งขึ้นภายหลังช่วงปี พ.ศ.2500 เพื่อรองรับปริมาณขบวนรถที่มีเพิ่มขึ้นทุกขณะจนกระทั่งบริเวณย่านสถานีอุตรดิตถ์รองรับขบวนรถไม่เพียงพอ เพราะต้องใช้ตัดต่อลดหน่วยลาดจูงขบวนรถขึ้นสายเหนือ และเป็นจุดพักรถจักรด้วย ที่ตั้งและย่านสถานีศิลาอาสน์จึงค่อนข้างไปทางทิศตะวันตกของแนวทางเดิม รวมทั้งเป็นที่ตั้งของหน่วยงานต่างๆ ของการรถไฟอีกด้วยครับ
ดูเรื่องราวเพิ่มเติมในกระทู้ ขุดกรุ : เส้นทางนอกสำรวจ ก่อนมีสถานีศิลาอาสน์
ต่อมา กรมชลประทานได้ก่อสร้างถนนต่อจากย่านสถานีศิลาอาสน์ ไปยังบ้านผาซ่อม ต.ผาเลือด อ.ท่าปลา เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนเครื่องจักรกลต่างๆ ไปยังหัวงานเขื่อนผาซ่อม หรือมีชื่อเรียกในปัจจุบันว่า "เขื่อนสิริกิติ์" นั่นเองครับ ถนนสายนี้จึงมีชื่อเรียกติดปากคนอุตรดิตถ์รุ่นเก่าๆ ว่า "ถนนชลประทาน" ตอนนี้ เป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1045 อุตรดิตถ์ - เขื่อนสิริกิติ์ - บ้านห้วยหูด (อ.น้ำปาด) ซึ่งเราจะเดินทางตามเส้นทางสายนี้ไปเที่ยวภูสอยดาว ก็ได้
ที่ทำการศูนย์บำรุงทางสายเหนือครับ ขนาดเล็กกระทัดรัด เพราะเป็นที่ตั้งเดิมของเขตบำรุงทางศิลาอาสน์ ซึ่งยุบเลิกไปแล้ว
ที่ทำการกองจัดการเดินรถ เขต 3 (ภาคเหนือ) ตั้งอยู่ที่ศิลาอาสน์นี่แหละครับ
นอกจากนั้น ยังมีหน่วยงานของแขวงบำรุงทางอุตรดิตถ์ นายตรวจสายศิลาอาสน์ ตำรวจรถไฟศิลาอาสน์ ด้วยครับ
สมัยก่อน...จะมีรถเร็วเฉพาะช่วงกลางคืนเท่านั้น พอมาถึงศิลาอาสน์ช่วงสามทุ่มเศษ ขณะที่รถจักรเติมน้ำมัน รถไอน้ำก็จะนำ บชส.ที่ตัดพ่วงศิลาอาสน์สองโบกี้ เข้าต่อท้ายขบวน พ่อค้าแม่ค้าเดินขายของกินกันเกรียวกราว แถมมีร้านอาหารที่สถานีศิลาอาสน์เปิดบริการด้วย
นัยว่า คนกลางคืนสมัยก่อน ชอบกันนักหนาเชียวล่ะครับ ตอนนี้ ปิดสนิท เลิกกิจการไปนานแล้ว....
อ้อ...รถเร็วสมัยดั้งเดิม มี บชส.เก้าอี้ไม้ทั้งนั้น แคร่เพนซิลเวเนีย กว่าปู่ ยีอี. ทำขบวนถึงกรุงเทพฯ นั่งกันเมื่อยก้นแย่เลย ถ้านั่ง บชท.ก็สบายหน่อย
ไม่ค่อยมีวาสนาได้นั่ง บชท.หรอกครับ ตอนเด็กๆ หนะ
Last edited by black_express on 16/08/2018 8:11 am; edited 3 times in total |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 06/03/2007 12:49 pm Post subject: |
|
|
ทางด้านตะวันออกของย่านสถานีศิลาอาสน์ ใกล้ ทรส. มักจะมีโบกี้โดยสาร ตู้สินค้าต่างๆ ตัดปล่อยทิ้งอยู่ในรางตันเป็นประจำ จึงเป็นที่ลองมือถ่ายภาพของผมไปด้วย
หลังจากหมดยุครถจักรไอน้ำ รถจักรสับเปลี่ยนภายในย่านสถานีต่างจังหวัดแทบทั้งหมด เกือบเป็นภาระผูกขาดของรถจักร Davenport 500 hp. เพียงเจ้าเดียวล่ะครับ
ด้วยขนาดที่กระทัดรัด คล่องตัวต่องานสับเปลี่ยนขบวนรถ ท่าทางจะทำหน้าที่นี้อีกนานหลายปี แถมยังมีสีสันแตกต่างกันไป
เป็นที่น่าพิสมัยของบรรดาตากล้องคนรักรถไฟด้วยสิ
ตอนที่ผมไปทำงานอยู่อุตรดิตถ์ใหม่ๆ เช่าห้องพักแถวๆ หน้า วค.อุตรดิตถ์ ใกล้ๆ ย่านสถานีศิลาอาสน์ ซึ่งตอนนั้น มี Davenport หมายเลข 518 (นัยว่ามาจากลำปาง ?) รับหน้าที่อย่างแข็งขัน ค่ำมืดดึกดื่นขนาดไหน จะได้ยินเสียงตัดต่อตู้ลอยตามลมกล่อมเข้าหูตลอดปี
เรียกว่านอนหลับได้สุขโข ถ้าได้ยินเสียงรถไฟ กระมัง ?
พอ Davenport หมายเลข 518 ถูกเรียกตัวกลับโรงงานมักกะสันไปแล้ว ย่านสถานีอุตรดิตถ์ก็มี Davenport 1,000 hp. หมายเลข 571 ที่ทุกคนรู้จักกันดี เข้ารับหน้าที่ครับ ก่อนย้ายไปทำหน้าที่ในย่านโรงงานรถไฟอุตรดิตถ์ ปล่อยให้เป็นภาระของบรรดารถจักร GE ในปัจจุบัน
Last edited by black_express on 16/08/2018 8:13 am; edited 4 times in total |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 06/03/2007 1:32 pm Post subject: |
|
|
สมัยที่รถจักรไอน้ำ ยังมีใช้งานอยู่นั้น เวลาขบวนรถสินค้าสายเหนือที่ไปยัง จ.แพร่ , ลำปาง , ลำพูน , เชียงใหม่ เดินทางมาถึงย่านสถานีศิลาอาสน์แล้ว ก็จะตัดขบวนลดหน่วยลากจูง ทำเป็นขบวนรถสั่นๆ พอเหมาะกับกำลังของรถจักรไอน้ำ (ต้อง "มิกาโด" ด้วยสิ) เดินทางขึ้นเขาต่อไป
การตัดพ่วงทำขบวนใหม่ ต้องคำนึงถึงน้ำหนักบรรทุกใน ตญ. และรถพ่วงอื่นๆ เป็นหลักครับ โดย ตัดต่อขบวนรถที่มีน้ำหนักเบา ออกเดินทางเป็นขบวนแรก ขบวนถัดไปจะเป็นขบวนรถสินค้าหนักปานกลาง และให้ขบวนรถสินค้าหนักเดินทางรั้งท้าย เหตุผลก็ไม่มีอะไรมากครับ เพราะถ้าปล่อยขบวนรถสินค้าหนักเดินทางไปก่อน หากมีอาการ "ติดเขา" แรงดันไอน้ำตก ปีนขึ้นเขาไม่ไหว ขบวนที่ตามหลังมาก็เสียเวลาจอดรอตามกันเป็นทิวแถวล่ะ
ถ้าใครเคยเดินทางรถไฟขาล่องบนเส้นทางสายเหนือในยุคก่อน ขบวนรถมักจะรอหลีกบรรดาขบวนรถสินค้าขาขึ้นจากศิลาอาสน์ อยู่เสมอ ถ้าไม่คิดว่าล่าช้า เสียเวลา ก็จะเพลิดเพลินกับการเฝ้าดูบรรดาขบวนรถสินค้านี่แหละครับ
พอถึงยุคสมัยของรถจักรดีเซลรุ่นหลังๆ อย่าง GE หรือ Alsthom ขบวนรถสินค้าเริ่มลดความยาวแปรผันกับความยาวของทางหลวงแผ่นดินที่แผ่ขยายออกไปทุกขณะ จากบรรดา ตญ. บมค. ขต.ที่พ่วงรวมในขบวนรถ กลายเป็นขบวนรถ บทค. บซล. หรือ บทต.ล้วนๆ แถมเป็นขบวนรถสินค้า เดินเมื่อต้องการด้วยสิครับ แต่ยังมีบรรยากาศหนึ่งที่ไม่ค่อยได้พบเห็นบนเส้นทางสายอื่น คือการทำพหุ (ไม่สมบูรณ์) รถจักรดีเซล ทำขบวนบนเส้นทางสายเหนือ เพื่อไปทำขบวนรถสินค้าขาล่องจาก สถานีเด่นชัย , แม่เมาะ , นครลำปาง ไปจนถึงสถานีเชียงใหม่
เรียกว่าอาศัยแรงกันลากจูงขบวนรถ ดีกว่าวิ่งตัวเปล่า ว่างั้นเถอะ....
ไม่รู้ว่าจะเลือกภาพไหนดี ส่งท้ายชุดย่านสถานีศิลาอาสน์
คราวหน้า จะพาแวะดู (อดีต) สถานีท่าเสากันสักนิดนะครับ
Last edited by black_express on 16/08/2018 8:15 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 08/03/2007 12:20 pm Post subject: |
|
|
ออกจากสถานีศิลาอาสน์ ทางรถไฟเริ่มตีโค้งไปทิศตะวันออก แล้วโค้งซ้ายอีกครั้งหนึ่ง ขนานกับถนนสำราญรื่น ตรงตำบลท่าเสา มีอดีตสถานีรถไฟแห่งหนึ่งที่ตั้งมานาน เรียกว่าร่วมรุ่นกับสถานีอุตรดิตถ์ (หลังแรก) เมื่อครั้งก่อสร้างทางรถไฟสายเหนือแล้วเสร็จใหม่ๆ ก็ว่าได้ ในปัจจุบัน ได้ยุบลงเป็นที่หยุดรถไปแล้ว คือ (อดีต) สถานีท่าเสา นั่นเองครับ
จากเรื่องเดิม " ตำนานเมืองอุตรดิษฐ์ " เรียบเรียงโดยคุณ วิบูลย์ บูรณารมย์ เช่นกัน
คนอุตรดิตถ์ เคยภูมิใจในสมัยหนึ่งที่ว่า มีสถานีรถไฟถึงสามแห่ง ตั้งอยู่ในเขตเทศบาล มากกว่าหลายๆ จังหวัดล่ะ
ช่วงที่ผมเก็บภาพนั้น ยังมีรางหลีก และอาคารสถานีเดิมเหลืออยู่ครับ แต่หลังจากนั้นไม่กี่เดือน การรถไฟฯ ได้รื้อออก เหลือเพียงส่วนที่พักผู้โดยสารไว้อาศัยร่มเงาระหว่างรอขึ้นรถไฟเท่านั้น
บริเวณชานชาลา กับภาพถ่ายหน้าตรงของอาคารสถานีท่าเสาครับ เสียดายอยู่นิดหนึ่งตรงที่ร้านอัดขยายภาพให้แสงไวไปหน่อย กลายเป็นภาพสีซีดๆ ตามที่เห็น
ด้านหน้าสถานีติดกับถนนสำราญรื่น ซึ่งเป็นเส้นทางไปยังค่ายพิชัยดาบหัก ม.2 พัน 7 บรรจบกับถนนชลประทานจากย่านศิลาอาสน์ กับทางหลวงหมายเลข 11 ที่บ้านวังสีสูบ สามารถเดินทางไปยังจังหวัดแพร่ รวมถึงเขื่อนสิริกิติ์ จนสุดชายแดนไทย - สปป.ลาว โน่นล่ะ
อ้อ...ลืมไปนิด ท่าเสา เป็นบ้านของครูเมฆ ครูมวยของพระยาพิชัยดาบหัก ทหารเอกสมเด็จพระเจ้าตาก ด้วยครับ ปัจจุบัน ลูกหลานผู้สืบทอดตระกูล ยังตั้งค่ายสอนมวยไทยอยู่ที่นี่
ก่อนหน้าที่จะมีทางหลวงหมายเลข 11 ลูกค้าส่วนใหญ่ของสถานีท่าเสา ก็คือ บรรดาทหารม้าและครอบครัวจากค่ายพิชัยดาบหักนั่นเองครับ ที่เหลือจะเป็นพี่น้องชาวบ้านจากตำบลรอบนอก และ อ.ท่าปลา รอขึ้นรถไฟที่นี่ โดยไม่ต้องเข้าไปในตัวเมือง บรรยากาศบริเวณหน้าสถานีคึกคัก แถมช่วงกลางคืน ยังมีบาร์ขายอาหารตั้งอยู่บริเวณสถานีรถไฟอีกด้วย แต่เมาแล้วห้ามรุ่มร่าม เพราะอยู่ใกล้เขตทหาร ต้องเกรงใจเจ้าของถิ่นกันหน่อย
พอถนนหนทางสะดวก ลูกค้าหันไปใช้บริการรถประจำทางระหว่างจังหวัด ที่แล่นผ่านหน้าค่ายด้วย สถานีท่าเสา ก็โรยรา.....
ช่วงบันทึกภาพ จะมีขบวนรถไฟจอดรับส่งผู้โดยสาร ที่หยุดรถท่าเสา วันละ 4 ขบวนเท่านั้นครับ ปัจจุบัน อาจเหลือเพียง 2 ขบวนก็ได้ เพราะ 2 ขบวนได้ปรับศักย์เป็นขบวนรถเร็วกรุงเทพ - เด่นชัย ไปแล้ว
ตรงข้ามย่านสถานีท่าเสา ยังมีบ้านพักพนักงานรถไฟปลูกเอาไว้ด้วย ปัจจุบันเหลือแต่พื้นที่ว่างเปล่า
เป็นภาพส่งท้ายชุดอดีตสถานีท่าเสาครับ ซึ่งหลายๆ คนในเวปไซด์คงได้รู้จักกันดีแล้ว คือสถานที่บรรจุอัฐิกรรมกรก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายเหนือช่วงอุตรดิตถ์ - เด่นชัย (ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน) ที่ล้มตายด้วยไข้ป่าที่มีชุกชุมในยุคนั้น ทางกรมรถไฟฯ ได้นำมาบรรจุไว้ในสถูปแห่งนี้ ที่วัดดอยท่าเสา ริมเส้นทางรถไฟสายเหนือด้านทิศตะวันตก เลยโค้งที่หยุดรถท่าเสามาอีกเล็กน้อยครับ
ปัจจุบัน ทางจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้พัฒนาปรับปรุงสถานที่ ทำรั้วรอบขอบชิดอย่างสวยงาม พร้อมติดป้ายแสดงประวัติให้ผู้สนใจได้ทราบด้วยครับ
Last edited by black_express on 16/08/2018 8:17 am; edited 3 times in total |
|
Back to top |
|
|
|