แด่การจากไปของขบวนรถเร็วที่ ๑๓๗/๑๓๘ และ ๑๐๑/๑๑๐

[tuie]

ออกจากวังกรดแล้ว ขบวน ๑๐๑ จอดรับส่งผู้โดยสารสถานีพิจิตร บางกระทุ่ม พิษณุโลก หนองตม พิชัย เรื่อยไปตามปกติ สวนกับขบวนรถเร็วที่ ๑๐๒ เชียงใหม่ - กรุงเทพ ซึ่งรอหลีกอยู่ที่สถานีไร่อ้อย สถานีแห่งความหลังของอาจารย์กิตติ ( แฟนๆ โชเฟอร์ล้อเหล็ก รออ่านตอนต่อไปอยู่นะครับอาจารย์ )



พอแล่นผ่านสถานีไร่อ้อยได้สักพัก ก็ข้ามแม่น้ำน่านที่สะพานปรมินทร์ แล้วจอดสถานีชุมทางบ้านดารา ซึ่งเป็นสถานีถัดจากไร่อ้อย พอผ่านพ้นสะพานปรมินทร์ ก็รีบหันไปดูเส้นทางสายชุมทางบ้านดารา - สวรรคโลกทางด้านซ้ายของขบวนรถเลยละครับ ชอบเสาออกรางสองทางที่จะไปสวรรคโลกมากเลยครับ เพราะปกติเสาสัญาณหางปลาแบบที่มีหางปลาสองอันจะอยู่ริมรางประธานทั้งนั้น ไม่ค่อยจะเห็นเสาลักษณะดังกล่าวริมรางสอง ( รางหลีก ) อย่างที่สถานีชุมทางบ้านดาราเลยครับ แถมมีป้ายติดบนเสาตั้งสามป้ายแน่ะ ทั้ง ๕๐ ขอบดำ ๕๐ ขอบแดงและป้ายห้ามรถจักรพ่วงพหุผ่านสะพาน ที่ใช้เสาแบบนี้ริมรางสองเนื่องจากเป็นรางที่มีทางแยกไปสวรรคโลกนั่นเอง



ถ้าเป็นการอนุญาตให้ขบวนรถในรางสองผ่านไปยังเส้นทางสายสวรรคโลก หางปลาเสานี้ ก็จะอยู่ในท่ายกสองอัน แต่ถ้าเป็นการอนุญาตให้ขบวนรถในรางสองผ่านเข้าสู่รางประธาน มุ่งหน้าไปยังสถานีไร่อ้อย หางปลาเสานี้จะอยู่ในท่ายกเฉพาะอันบน ส่วนอันล่างยังอยู่ในแนวตั้งตามเดิม ท่านที่จะไปเที่ยวเส้นทางสายสวรรคโลก ถึงจะได้เห็นหางปลาเสาต้นนี้ยกสองอัน( ชมภาพได้ในกระทู้ของน้องเจฟตามนี้ครับ http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=465&start=20) ซึ่งเป็นท่าที่ผมชอบมาก แต่ชักจะหาดูยากขึ้นทุกวัน ตามความทันสมัยที่กำลังคืบคลานเข้ามา 8)

[tuie]

พอถึงสถานีอุตรดิตถ์ ขบวน ๑๐๑ เข้ารางสองรอหลีกขบวนรถด่วนพิเศษที่ ๑๒ เชียงใหม่-กรุงเทพ ซึ่งช้าประมาณ ๒๐ นาที ส่วนขบวน ๑๐๑ ทำเวลาคืนได้จนถึงอุตรดิตถ์ตามเวลาแล้วครับ



เสาสัญญาณหางปลาเตี้ยที่สุดในประเทศไทยหาชมได้ที่สถานีอุตรดิตถ์ครับ

[tuie]

พอขบวน ๑๐๑ ถึงศิลาอาสน์ มีการตัดโบกี้ บชส.สองคันท้ายออก รถ บชท. ที่ผมนั่งมากลายเป็นคันสุดท้ายแล้ว การพ่วงโบกี้ บชส.กรุงเทพ - ศิลาอาสน์ ไว้ท้ายขบวนต่อจากโบกี้ บชท. กรุงเทพ - เชียงใหม่ นับว่าเป็นเอกลักษณ์การจัดริ้วขบวน ๑๐๑ ในยุคปลาย( จนถึงวันงดเดิน ) ได้อย่างหนึ่งนะครับ มองจากท้ายขบวนเห็น บชส.ที่ตัดออกไป จอดอยู่รางถัดไปด้ายซ้าย



ขบวน ๑๐๑ กับป้ายสถานีศิลาอาสน์ ซึ่งตั้งผิดประเพณี เพราะหันเข้าหาด้านข้างขบวนรถครับ

[black_express]

สาเหตุมาจาก พื้นที่ชานชาลาสถานีศิลาอาสน์มีความกว้างที่จำกัดครับ เลยต้องหันป้ายชื่อสถานีไปตามชานชาลา

เหมือนป้ายชื่อสถานีของ KTM ยังไงยังงั้น แต่สะดวกสำหรับผู้โดยสารในการมองชื่อสถานีครับ

[Wisarut]

ไงๆ พอได้รถจักรมาใหม่ หรือ ทางฝั่งลาวเปิดเดินรถ ท่านาแล้งและเวียงจันท์แล้วก็ฟื้นฟูเจ้า 137/138 เป็นรถเร็วมิตรภาพและ ด่วน 69/70 เป้นด่วนพิเศษมิตรภาพ ด้วยก็ดีนะ

[tuie]

ขบวน ๑๐๑ ออกจากศิลาอาสน์ตามเวลา ตอนนี้เหลือแค่ ๗ คันครับ ไม่มีโบกี้ปรับอากาศซึ่งมีน้ำหนักมากสักคัน เลยค่อนข้างจะวางใจว่ายีอีเอคงพาขึ้นภูเขาได้สบายๆ พอขบวน ๑๐๑ ถึงทางโค้งจะเข้าอดีตสถานีท่าเสาก็ถ่ายไว้เป็นที่ระลึกอีกสักภาพ



ชมวิวทางตอนภูเขาช่วงบ้านด่าน-ปางต้นผึ้ง-ห้วยไร่-อดีตสถานีแม่พวก ลอดอุโมงค์สองแห่งคือ ปางตูบขอบและเขาพลึง(อยู่ระหว่างปางต้นผึ้ง-ห้วยไร่) เพลิดเพลินไม่ทันไรขบวน ๑๐๑ เลี้ยวโค้งเข้าสู่สถานีเด่นชัยแล้วครับ หวังว่าจะได้เป็น “ชุมทางเด่นชัย” ในอนาคตอันใกล้นี้นะครับ



วันนั้นขบวน ๑๐๑ ถึงเด่นชัยก่อนกำหนดประมาณ ๕ นาที ตามกำหนดจอดสถานีนี้ ๑๐ นาที รวมๆแล้วต้องจอดรอเวลาที่เด่นชัย ๑๕ นาที ถึงเคลื่อนขบวนออกจากเด่นชัยตามเวลาครับ

[tuie]

[tuie]

ออกจากเด่นชัยผ่านสถานีปากปานไปแล้ว ผมก็รีบย้ายมานั่งฝั่งขวาของขบวนรถเพื่อชมทิวทัศน์แม่น้ำยมช่วงแก่งหลวง ซึ่งเป็นไฮไลท์ช่วงหนึ่งในเส้นทางรถไฟสายเหนือ มาฤดูนี้น้ำไม่มากแต่ยังไม่ถึงขนาดแห้งขอด สามรถชมบรรยากาศแก่งหลวงยามบ่ายแก่ๆเกือบๆสี่โมงเย็นได้ด้วยขบวน ๑๐๑ เท่านั้นนะครับ ถ้ามาขบวน ๙ ก็ผ่านตอนเย็นกว่าขบวน ๑๐๑ แถมเป็นรถปรับอากาศชมวิวไม่ถนัดเลย สู้มองผ่านหน้าต่างโบกี้ บชส. หรือ บชท.ไม่ได้เลยนะครับ

[CENTENNIAL]

ขอคั่นเล็กน้อยครับพี่ตุ้ย

สาเหตุที่ต้องมาคั่น เนื่องจากเห็นภาพแก่งหลวงที่พี่เอามาลงแล้ว รู้สึกคิดถึงรถขบวนนี้ขึ้นมาเลย เพราะมีหลายครั้งที่นั่งขบวนนี้ ไปชมวิวเล่น และบางทีก็นั่งยาวมาถึงลำปาง
และภาพแก่งหลวงที่พี่ถ่ายมาก็ดูสวยงาม เขียวขจีดีแท้ๆ แถมท้องฟ้าสีฟ้าสดใส ด้วยครับ

โชคดีมากเลยครับที่ 101 ตรงเวลา ไม่ต้องลุ้นให้ยากว่า 101 จะได้สวน 14 หรือ 2 ก่อนถึงลำปางหรือไม่

หวังเหมือนกันครับว่าซักวัน 101 , 110 จะได้กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับ ชุมทางเด่นชัย ด้วยครับ

[black_express]