แด่การจากไปของขบวนรถเร็วที่ ๑๓๗/๑๓๘ และ ๑๐๑/๑๑๐

[tuie]

ปี ๒๕๔๓ มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาขบวน ๑๓๗ ให้ถึงปลายทางหนองคายเร็วขึ้นกว่าปี ๒๕๔๒ เป็นเวลา ๓๐ นาที มีรายละเอียดดังนี้ครับ

กรุงเทพ ออก 06.15
สามเสน ออก 06.31
บางซื่อ ออก 06.46
หลักสี่ ออก 07.04
ดอนเมือง ออก 07.12
รังสิต ออก 07.22
อยุธยา ออก 07.54
บ้านภาชี ออก 08.15
สระบุรี ออก 08.41
แก่งคอย ออก 08.55
แก่งเสือเต้น ออก 09.25
ลำนารายณ์ ออก 10.13
บำเหน็จณรงค์ ออก 11.55
จัตุรัส ออก 12.13
บ้านเหลือม 12.43
บัวใหญ่ ออก 13.22
เมืองพล ออก 13.53
บ้านไผ่ ออก 14.18
ขอนแก่น ออก 14.53
น้ำพอง ออก 15.22
กุมภวาปี ออก 16.04
อุดรธานี ออก 16.45
หนองคาย ถึง 17.30

ถ้าเทียบกับกำหนดเวลาเดินรถขบวน ๑๓๗ ในปี ๒๕๔๒ แล้ว เวลาที่เปลี่ยนแปลงให้เร็วขึ้นเริ่มตั้งแต่สถานีชุมทางบัวใหญ่เป็นต้นมา มีข้อสังเกตว่าสถานีโคกคลีถูกลบชื่อออกจากตารางเดินรถฉบับแจกผู้โดยสารไปแล้ว โดยมีชื่อสถานีบ้านเหลือมเข้ามาแทน ขบวน ๑๓๗ ในปีนี้ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพถึงหนองคาย ๑๑ ชั่วโมง ๑๕ นาที ส่วนขบวน ๑๓๘ ยังใช้กำหนดเวลาเดิมเหมือนปี ๒๕๔๑-๒๕๔๒ และยังสวนกับขบวน ๑๓๘ ที่ชุมทางบัวใหญ่เช่นเดิมครับ 8)

[tuie]

พอถึงปี ๒๕๔๔ มีการปรับเปลี่ยนกำหนดเวลาเดินรถทั้งขบวน ๑๓๗ และ ๑๓๘ และปรากฏข้อมูลในตารางฯว่าขบวน ๑๓๗ จอดสถานีบางเขนเพิ่มอีกหนึ่งสถานีแล้ว มีรายละเอียดดังนี้ครับ

กำหนดเวลาเดินรถขบวน ๑๓๗ ปี ๒๕๔๔

กรุงเทพ ออก 06.00
สามเสน ออก 06.16
บางซื่อ ออก 06.32
บางเขน ออก 06.43
หลักสี่ ออก 06.50
ดอนเมือง ออก 06.58
รังสิต ออก 07.07
อยุธยา ออก 07.39
บ้านภาชี ออก 08.01
สระบุรี ออก 08.22
แก่งคอย ออก 08.36
แก่งเสือเต้น ออก 09.10
ลำนารายณ์ ออก 09.56
บำเหน็จณรงค์ ออก 11.20
จัตุรัส ออก 11.37
บ้านเหลือม 12.03
บัวใหญ่ ออก 12.47
เมืองพล ออก 13.19
บ้านไผ่ ออก 13.47
ขอนแก่น ออก 14.24
น้ำพอง ออก 14.56
กุมภวาปี ออก 15.45
อุดรธานี ออก 16.33
หนองคาย ถึง 17.20

กำหนดเวลาเดินรถขบวน ๑๓๘ ปี ๒๕๔๔

หนองคาย ออก 07.50
อุดรธานี ออก 08.50
กุมภวาปี ออก 09.29
น้ำพอง ออก 10.20
ขอนแก่น ออก 10.55
บ้านไผ่ ออก 11.39
เมืองพล ออก 12.05
บัวใหญ่ ออก 12.53
บ้านเหลือม ออก 13.36
จัตุรัส ออก 14.01
บำเหน็จณรงค์ ออก 14.18
ลำนารายณ์ ออก 15.39
แก่งเสือเต้น ออก 16.22
แก่งคอย ออก 16.55
สระบุรี ออก 17.08
หนองแซง ออก 17.22
บ้านภาชี ออก 17.31
อยุธยา ออก 17.52
รังสิต ออก 18.25
ดอนเมือง ออก 18.35
หลักสี่ ออก 18.43
บางซื่อ ออก 19.05
สามเสน ออก 19.13
กรุงเทพ ถึง 19.25

ในปี ๒๕๔๔ ขบวน ๑๓๗ ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพถึงหนองคาย ๑๑ ชั่วโมง ๒๐ นาที ขบวน ๑๓๘ ใช้เวลาเดินทางจากหนองคายถึงกรุงเทพ ๑๑ ชั่วโมง ๓๕ นาที แม้จะปรับเปลี่ยนเวลาแต่ทั้งสองขบวนยังคงสวนกันที่สถานีชุมทางบัวใหญ่เหมือนเดิมครับ

[tuie]

ผมเคยนำแต่ภาพตั๋วขบวน ๓๓ มาให้ชม เดี๋ยวขบวน ๓๔ จะน้อยใจ เลยลองค้นกรุตั๋วแข็งที่สะสมไว้พบตั๋วแข็งขบวน ๓๔ ปี ๒๕๒๙ จากห้วยเกิ้ง-กรุงเทพ นำมาให้ชมกันครับ



ตั๋วตามภาพเป็นตั๋วค่าโดยสารชั้นสามซึ่งจะต้องใช้ควบกับตั๋วค่าธรรมเนียมรถเร็ว(ที่มีสีแดงคาดกลาง)อีกใบหนึ่ง แม้ในกำหนดเวลาเดินรถสายอีสานฉบับแจกผู้โดยสารจะไม่มีชื่อสถานีห้วยเกิ้ง แต่ขบวน ๓๓/๓๔ ก็หยุดรับส่งผู้โดยสารนะครับ พูดง่ายๆว่ายังมีสถานีที่ไม่ระบุในตารางรถไฟแต่ขบวน ๓๓/๓๔ จอดอีกหลายสถานี เช่น ท่าพระ(จ.ขอนแก่น) ห้วยเกิ้งเป็นต้น ลองพลิกดูรอยตอกข้อมูลการใช้ตั๋วใบนี้นะครับ



รอยตอกที่ปรากฎว่า 22.07.29.ข34.74. หมายความว่าตั๋วใบนี้ใช้เดินทางวันที่ ๒๒ กรกฎาคม(เดือน ๗) ปี ๒๕๒๙ ขบวนรถเร็วที่ ๓๔ หนองคาย-กรุงเทพ ส่วนหมายเลข ๗๔ นั้น เป็นหมายเลขขบวนรถดีเซลรางที่ ๗๔ หนองคาย-นครราชสีมา ซึ่งยุคนั้นเดินในเวลาใกล้เคียงกับขบวน ๓๔ เจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋วเลยตั้งหมายเลขขบวน ๓๔ และ ๗๔ เอาไว้คู่กัน เพื่อจะได้จำหน่ายตั๋วให้แก่ผู้โดยสารได้ทั้งสองขบวนในช่องจำหน่ายตั๋วช่องเดียวกันครับ

[black_express]

ผมจำได้ว่า เคยอ่านรายชื่อสถานีที่ ข.33/34 หยุดรับผู้โดยสารนอกจากสถานีหลัก ตามประกาศของการรถไฟฯ สมัยนั้น ก็มี สถานีหนองบัวลาย โนนสะอาด และ ห้วยเกิ้ง ครับ

[tuie]

[tuie]

ในปี ๒๕๔๕ มีการปรับเวลาขบวน ๑๓๗ เล็กน้อย ส่วนขบวน ๑๓๘ ปรับเปลี่ยนเวลาอยู่หลายนาทีเหมือนกันครับ ตามตารางเดินรถปีนี้กำหนดให้ทั้งสองขบวนจอดสถานีบางปะอินเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกหนึ่งสถานี และให้ขบวน ๑๓๘ จอดสถานีบางเขนด้วย จากเดิมที่ขบวน ๑๓๗/๑๓๘ ไม่จอดสถานีบางเขน และขบวน ๑๓๘ เดิมก็ไม่จอดสถานีบางเขน

กำหนดเวลาเดินรถขบวน ๑๓๗ ปี ๒๕๔๕

กรุงเทพ ออก 06.00
สามเสน ออก 06.14
บางซื่อ ออก 06.30
บางเขน ออก 06.43
หลักสี่ ออก 06.50
ดอนเมือง ออก 06.57
รังสิต ออก 07.06
บางปะอิน 07.28
อยุธยา ออก 07.42
บ้านภาชี ออก 08.03
สระบุรี ออก 08.26
แก่งคอย ออก 08.41
แก่งเสือเต้น ออก 09.11
ลำนารายณ์ ออก 09.59
บำเหน็จณรงค์ ออก 11.22
จัตุรัส ออก 11.40
บ้านเหลือม 12.07
บัวใหญ่ ออก 12.57
เมืองพล ออก 13.28
บ้านไผ่ ออก 13.54
ขอนแก่น ออก 14.32
น้ำพอง ออก 15.04
กุมภวาปี ออก 15.50
อุดรธานี ออก 16.35
หนองคาย ถึง 17.25

กำหนดเวลาเดินรถขบวน ๑๓๘ ปี ๒๕๔๕

หนองคาย ออก 08.20
อุดรธานี ออก 09.15
กุมภวาปี ออก 09.51
น้ำพอง ออก 10.41
ขอนแก่น ออก 11.16
บ้านไผ่ ออก 11.59
เมืองพล ออก 12.23
บัวใหญ่ ออก 13.05
บ้านเหลือม ออก 13.49
จัตุรัส ออก 14.15
บำเหน็จณรงค์ ออก 14.33
ลำนารายณ์ ออก 15.52
แก่งเสือเต้น ออก 16.42
แก่งคอย ออก 17.15
สระบุรี ออก 17.30
หนองแซง ออก 17.47
บ้านภาชี ออก 17.59
อยุธยา ออก 18.20
บางปะอิน 18.33
รังสิต ออก 19.00
ดอนเมือง ออก 19.09
หลักสี่ ออก 19.16
บางเขน ออก 19.23
บางซื่อ ออก 19.39
สามเสน ออก 19.47
กรุงเทพ ถึง 20.00

ตามตารางเดินรถ ปี ๒๕๔๕ ขบวน ๑๓๗ ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพ-หนองคาย ๑๑ ชั่วโมง ๒๕ นาที ขบวน ๑๓๘ ใช้เวลาเดินทางจากหนองคายถึงกรุงเทพ ๑๑ ชั่วโมง ๔๐ นาที ทั้งสองขบวนยังคงสวนกันที่สถานีชุมทางบัวใหญ่ครับ

[tuie]

ปี ๒๕๔๖ เป็นปีที่น่าเศร้าสำหรับขบวน ๑๓๗/๑๓๘ และขบวนรถสายอีสานหลายขบวนที่ถูกขับไล่ออกจากบ้านทรายทอง เอ๊ย!ไม่ใช่สิครับ เรียกให้ไพเราะว่า ปรับเปลี่ยนต้นทาง/ปลายทางจากเดิมที่สถานีกรุงเทพ(หัวลำโพง)ไปเป็นสถานีชุมทางบางซื่อ ๒ บ้าง สถานีพหลโยธิน ตรงข้างสถานีขนส่งหมอชิต ๒ บ้าง กระจายกันไปเหมือนบ้านแตกสาแหรกขาด ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆนะครับ เหตุผลหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คือ การลดขบวนรถไฟที่ผ่านจุดตัดเสมอระดับในเขตกลางเมืองกรุงเทพมหานคร แม้ในชีวิตประจำวันผมจะใช้รถยนต์ส่วนตัวมากกว่าขึ้นรถไฟ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าช่างไม่ยุติธรรมแก่ผู้ใช้บริการรถไฟเลยนะครับ รถไฟขบวนหนึ่งขนคนได้ตั้งเท่าไรเมื่อเทียบกับรถยนต์บนท้องถนน จะเสียสละเพื่อให้คนหมู่มากบนรถไฟไปก่อนไม่ได้หรือครับ นี่ยังไม่นับเหตุผลอื่นๆที่ควรสนับสนุนให้คนหันมาใช้รถไฟกันมากๆ เช่น การประหยัดพลังงาน ลดมลพิษ เป็นต้น เล่นแบบนี้ผู้โดยสารรถไฟนับวันก็จะลดลงเรื่อยๆสิครับ อย่างผมบ้านอยู่แถวๆปิ่นเกล้า เวลาจะขึ้นรถไฟไปทางเหนือหรืออีสานขึ้นที่สถานีสามเสนจะสะดวกที่สุด ก็ต้องย้ายตามไปขึ้นที่สถานีชุมทางบางซื่อ ๒ หรือที่สถานีพหลโยธินตามแต่กรณี ตอนนั้นรถไฟฟ้าใต้ดินก็ยังไม่เปิดบริการ คนที่ไม่รักรถไฟจริงๆคงปันใจไปขึ้นรถโดยสารกันแน่เพราะไหนๆต้องก็ไปแถวหมอชิต ๒ แล้วนี่ครับ

ชักจะหาเรื่องมาบ่นได้ยาวเกินไปอีกแล้ว ขออภัยนะครับ เล่าถึงขบวน ๑๓๗/๑๓๘ ในปี ๒๕๔๖ ต่อดีกว่า นับตั้งแต่วันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๔๖ ขบวน ๑๓๗/๑๓๘ ก็เปลี่ยนจากกรุงเทพ/หนองคาย เป็นบางซื่อ-หนองคาย เที่ยวไป ขบวน ๑๓๗ มีกำหนดเวลาเดินรถช่วงออกจากสถานีชุมทางบางซื่อ ๒๐๖.๓๐ น. ถึงสถานีหนองคาย ๑๗.๒๕ น. เที่ยวกลับ ขบวน ๑๓๘ ก็มีกำหนดเวลาออกจากสถานีหนองคาย ๐๘.๒๐ น. ถึงสถานีชุมทางบางซื่อ ๒ เหมือนกับตารางฯปี ๒๕๔๕ เพียงแต่ตัดช่วงสถานีกรุงเทพ สามเสนออกไป แล้วเปลี่ยนจากกำหนดเวลาถึง-ออก สถานีชุมทางบางซื่อ ๑ มาเป็นชุมทางบางซื่อ ๒ เท่านั้นเองครับ 8)

[tuie]

วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๔๖ มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาเดินรถขบวน ๑๓๗/๑๓๘ อีกแล้ว แต่ยังมีต้นทาง/ปลายทางที่สถานีชุมทางบางซื่อ ๒ อยู่ต่อไปนะครับ

กำหนดเวลาเดินรถขบวน ๑๓๗ นับแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๔๖

บางซื่อ ออก 06.15
บางเขน ออก 06.28
หลักสี่ ออก 06.35
ดอนเมือง ออก 06.42
รังสิต ออก 06.51
บางปะอิน 07.12
อยุธยา ออก 07.26
บ้านภาชี ออก 07.49
สระบุรี ออก 08.12
แก่งคอย ออก 08.27
แก่งเสือเต้น ออก 08.57
ลำนารายณ์ ออก 09.44
บำเหน็จณรงค์ ออก 11.08
จัตุรัส ออก 11.26
บ้านเหลือม 11.58
บัวใหญ่ ออก 12.45
เมืองพล ออก 13.29
บ้านไผ่ ออก 13.55
ขอนแก่น ออก 14.33
น้ำพอง ออก 15.09
กุมภวาปี ออก 15.57
อุดรธานี ออก 16.42
หนองคาย ถึง 17.30

กำหนดเวลาเดินรถขบวน ๑๓๘ นับแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๔๖

หนองคาย ออก 09.05
อุดรธานี ออก 10.04
กุมภวาปี ออก 10.40
น้ำพอง ออก 11.30
ขอนแก่น ออก 12.04
บ้านไผ่ ออก 12.46
เมืองพล ออก 13.10
บัวใหญ่ ออก 13.52
บ้านเหลือม ออก 14.34
จัตุรัส ออก 15.01
บำเหน็จณรงค์ ออก 15.19
ลำนารายณ์ ออก 16.58
แก่งเสือเต้น ออก 18.02
แก่งคอย ออก 18.40
สระบุรี ออก 18.55
หนองแซง ออก 19.12
บ้านภาชี ออก 19.24
อยุธยา ออก 19.45
บางปะอิน 19.59
รังสิต ออก 20.25
ดอนเมือง ออก 20.34
หลักสี่ ออก 20.41
บางเขน ออก 20.48
บางซื่อ ออก 21.00

เมื่อเทียบกับสมัยก่อนที่ยังเป็นขบวน ๓๔ จะเห็นได้ว่าขบวน ๑๓๘ ชักจะถึงกรุงเทพดึกมากขึ้นเรื่อยๆแล้วนะครับ คำนวณจากกำหนดเวลาข้างต้นที่ขบวน ๑๓๗ ออกจากชุมทางบัวใหญ่ ๑๒.๔๕ น. ถึงเมืองพล ๑๓.๒๙ น. ขบวน ๑๓๘ ออกจากเมืองพล ๑๓.๑๐ น. ถึงชุมทางบัวใหญ่ ๑๓.๔๒ น. ประกอบกับระยะทางระหว่างช่วงสถานีชุมทางบัวใหญ่กับเมืองพล ซึ่งต้องผ่านสถานีหนองบัวลายและหนองมะเขือแล้ว คาดว่าทั้งสองขบวนเปลี่ยนจากที่เคยสวนกันตรงสถานีชุมทางบัวใหญ่มานานหลายปี ไปเป็นสวนกันที่สถานีหนองมะเขือนะครับ

[tuie]

เปลี่ยนบรรยากาศมาชมภาพตั๋วเป็นที่ระลึกบ้างนะครับ

ตอนที่ขบวน ๓๓/๓๔ เปลี่ยนแปลงหมายเลขขบวนรถเป็นขบวนรถเร็วที่ ๑๓๗/๑๓๘ ในปี ๒๕๔๑ นั้น เป็นยุคที่ตั๋วคอมพิวเตอร์เริ่มแพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆแล้วครับ การเดินทางครั้งหนึ่ง(ในหลายๆครั้ง)ด้วยขบวน ๑๓๗ ของผมจึงได้ตั๋วคอมพิวเตอร์เป็นที่ระลึกด้วย 8)



ตั๋วคอมฯตามภาพเป็นตั๋วคอมฯยุคแรกๆซึ่งมีขนาดเล็กกว่าตั๋วคอมสมัยนี้มาก(ดูรายละเอียดเรื่องตั๋วคอมฯแบบต่างๆในกระทู้เรื่อง “เล่าถึงเหล่าเพื่อนผองของตั๋วแข็ง” ได้นะครับ) ส่วนหมายเลขขบวนรถ ๗๑๓๗ ก็คือขบวนรถเร็วที่ ๑๓๗ นั่นเอง มีข้อสังเกตว่าในยุคนี้ รถ บชท. หายไปจากขบวน ๑๓๗/๑๓๘ แล้วนะครับ เปลี่ยนเป็นรถ บสส. (ที่นั่งชั้นสอง ๒๐ ที่) เข้ามาพ่วงแทน สถานีที่จำหน่ายตั๋วคอมฯใบนี้ คือ ธบ. หรือสถานีธนบุรีของแท้แต่โบราณ คือ อาคารสถานีธนบุรีเดิมริมแม่น้ำเจ้าพระยาติดโรงพยาบาลศิริราชน่ะครับ

เห็นตั๋วแล้วก็อดนึกถึงความหลังไม่ได้(อีกแล้วครับท่านผู้ชม)

ปี ๒๕๔๑ เป็นปีที่ยุ่งและเหนื่อยจน “น่วม” สำหรับผม เนื่องจากไหนจะต้องดูหนังสือสอบเปลี่ยนสายงานไปทำงานที่หน่วยงานใหม่(ซึ่งนักกฎหมายส่วนใหญ่มักบ่นว่าข้อสอบสนามนี้ยากมาก) ไหนจะเขียน สอบ แก้ไขวิทยานิพนธ์ ไหนจะต้องทำงานประจำอีก พอทุกอย่างสำเร็จเสร็จสิ้นในตอนสิ้นปี ๒๕๔๑(ผมเองก็น่วมเต็มทีจนแทบจะสิ้นใจตามไปด้วย) ผมเลยตัดสินใจขอลาพักร้อน(ความจริงตอนนั้นอากาศหนาวนะครับ )ช่วงเดือนมกราคม ๒๕๔๑ หาเรื่องพักผ่อนหย่อนใจด้วยการนั่งรถไฟเดินทางด้วยขบวน ๑๓๗ จากกรุงเทพไปอุดรธานี หลังจากที่ว่างเว้นจากการนั่งรถไฟเที่ยวมานานหลายเดือน

จำได้ว่าเดินทางวันธรรมดา รถ บสส. ที่ผมโดยสารค่อนข้างว่าง มีผู้โดยสารประมาณ ๗-๘ คนเท่านั้นเอง ช่างต่างจากสมัยยี่สิบปีก่อนเสียจริงๆเพราะในยุคนั้นขบวน ๓๓ มีรถ บชท.พ่วง ถึงแม้เป็นวันธรรมดาก็ยังมีผู้โดยสารไม่ต่ำกว่าครึ่งคันนะครับ สงสัยเพราะผู้โดยสารชั้นสองมีจำนวนน้อยเลยเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้รถ บชท. หายไปจากขบวน ๑๓๗/๑๓๘ ผมเพิ่งจะได้นั่งรถไฟข้ามสะพานคอนกรีตที่ทอดยาวบริเวณที่จะเป็นทะเลสาบเหนือเขื่อนป่าสักฯเป็นครั้งแรกจากการเดินทางครั้งนี้ ตอนนั้นเพิ่งจะเปิดให้ขบวนรถแล่นบนสะพานได้ไม่กี่เดือน(ถ้าจำไม่ผิด เปิดใช้สะพานประมาณปลายปี ๒๕๔๑) เขื่อนป่าสักฯก็ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ยังกักเก็บน้ำเหนือเขื่อนไม่ได้มากจนเห็นเป็นผืนน้ำกว้างไกลท่วมตอม่อและเสาสะพานรถไฟเหมือนอย่างในปัจจุบัน

ช่วงที่ขบวน ๑๓๗ แล่นบนสะพานดังกล่าวผมมองไปด้านล่างยังเห็นเป็นพื้นดินแห้งแล้ง ฝุ่นฟุ้ง ยังไม่มีช่วงใดที่น้ำท่วมถึงตอม่อสะพานเลย อดนึกสงสัยไม่ได้ว่าจำเป็นต้องยกระดับทางรถไฟหนีน้ำท่วมโดยสร้างสะพานคอนกรีตสูงจากพื้นดินมาก และมีความยาวๆหลายช่วงเช่นนี้เชียวหรือ อดพยากรณ์ล่วงหน้าไม่ได้ว่าถ้ามีน้ำเต็มทะเลสาบเหนือเขื่อนเมื่อใด ทางรถไฟช่วงนี้จะต้องสวยมากและเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกที่หนึ่งเป็นแน่ ปรากฎว่าแค่หนึ่งฤดูฝนปี ๒๕๔๒ ผ่านไป ช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๒ ผมนั่งขบวน ๗๕ ผ่านสะพานดังกล่าวอีกครั้ง คราวนี้น้ำเต็มท่วมถึงช่วงปลายเสาสะพานแล้วทัศนียภาพงดงาม ชมวิวแล้วปลอดโปรงโล่งใจจริงๆ

เรื่องที่จะลำบากลำบนบ้างเวลานั่งรถไฟที่ไม่ใช่รถปรับอากาศในฤดูแล้งก็คือ ขี้เถ้า ฝุ่น ควันจากการเผาหญ้า ตอซังข้าว วัชพืชข้างทาง ปลิวเข้ามารบกวนเป็นระยะๆ ทั้งๆที่ผมเคยทราบข้อมูลจากกรมวิชาการเกษตรว่า การกำจัดวัชพืชด้วยการเผานั้น เป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องมีผลเสียหลายประการ ที่สำคัญคือ ทำให้คุณภาพดินบริเวณที่มีการเผาเสื่อมลงไป ควันไฟหนาทึบก็เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ โชคดีที่ผมไม่เป็นโรคทางเดินหายใจเช่น ภูมิแพ้ หอบหืด จึงยังสนุกกับการนั่งรถ บสส. ชมวิวได้จนถึงอุดรธานี แม้จะมีฝุ่น ขี้เถ้าติดตามร่างกายจนถึงศีรษะก็ตาม

[Wisarut]

อาจารย์ตุ้ย

วันนี้ขึ้นไปเที่ยวปีใหม่ที่หนองคาย โดยขี่เจ้าด่วน 75 ไปอุดร ได้ถ่ายปากอุโมงค์เขาพังเหยสมใจซักที แถมได้ยิงภาพสะพานใหญ่แถวแผ่นดินทอง, ท่าพระ โนนพยอม สักทีหนึ่ง

จะ พลาดก็ช่วงไปถึงเขาสวนกวาง ที่พอพ้นเขาสวนกวางก็มืดซะก่อน
ว่าจะถ่ายภาพสถานีอุดรก็ทำไม่ได้มากเท่าไหร่


ไม่เป็นไร เดี๋ยวตอนขี่เจ้า 138 ก็จะยิงภาพชดเชยจนได้ และหาทางวางตำแหน่งสถานีและ ที่หยุดรถ ช่วง อุดร - หนองคาย อย่างเต็ม รวมทั้งที่โดนปิดไปแล้ว ด้วย