ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."

[Mongwin]

เสน่ห์ของ Community Mall บรรยากาศรอบ ๆ ต้องมีเอกลักษณ์น่าสนใจครับ ตอนนี้เห็นกำลังก่อสร้างอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทำสวย ๆ แบบสิงคโปร์
คล้าย ๆ Asiatique
แถวย่านสถานีแม่กลอง ปรับปรุงทางเสร็จเมื่อไหร่ก็น่าพัฒนาแถวริมน้ำให้ดี สร้างรายได้เข้าการรถไฟครับ บ้านพักรับรองเก่าก็ซ่อมทำร้านอาหารได้ บ้านพักรถไฟได้ครับ

----

ผู้เช่าที่ดินตลาดรถไฟสงขลาร้อง คสช. ให้เช่ากับการรถไฟโดยตรง
29/07/2014 Hatyai OK
http://news.hatyaiok.com/?p=201059

วันที่ 29 ก.ค. 57 ที่ค่าเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายบวร วัฒนาวีรวงศ์ ประธานชุมชนตลาดรถไฟสงขลาพร้อมด้วยตัวแทนฯเข้าร้องเรียนและขอความช่วยเหลือจาก คสช.ให้ชาวชุมชนตลาดรถไฟสงขลาได้รับสิทธิ์เป็นผู้เช่าที่ดินตลาดรถไฟสงขลาโดยตรงจากการรถไฟและ ได้ยื่นหนังสือต่อ พ.ท.ปรีชา ชุ่มศิริ นายทหารสารวัตร มทบ.42 ผ่านยังประธาน คสช.

นายบวร กล่าวว่า กลุ่มผู้ร้องฯได้ขอความช่วยเหลือจากสำนักงานคุ้มครองสิทธิ์(สคช.) สำนักอัยการภาค 9 สงขลา สคช.ได้นัดประชุมเพื่อไกล่เกลี่ยกับตัวแทน รฟท.และกลุ่มผู้เช่าฯแต่ไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจากฝ่ายกฎหมาย รฟท.ให้ไปติดต่อกับนายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ ผู้เช่าที่ดินตลาดรถไฟเดิม ขอชำระค่าเสียหายแทนนายประเสริฐฯเพื่อให้นายประเสริฐฯเป็นผู้ได้รับการต่อสัญญาเช่าจาก รฟท. กลุ่มผู้ร้องจะได้เป็นผู้เช่าเหมือนเดิมต่อไป ทางกลุ่มผู้ร้องฯรับข้อเสนอไม่ได้เห็นว่าไม่เป็นธรรม

รายงานข่าวว่า พ.ท.ปรีชาฯได้รับหนังสือและรับปากกับกลุ่มผู้ร้องฯว่าจะดำเนินการให้ตามวัตถุประสงค์ของผู้ร้อง คือจะส่งหนังสือไปยัง คสช.และรอ คสช.สั่งการอย่างไรจะดำเนินการแก้ปัญหาด่วนที่สุด

[Mongwin]

ปัญหาที่ดินการรถไฟอรัญประเทศ-คลองลึก
โดย ทีม พีอาร์ การรถไฟแห่งประเทศไทย https://www.facebook.com/pr.railway/photos/np.148056450.100000109521069/902968326384706

นายประเสริฐ อัตตะนันทน์ รักษาการ ผู้ว่าการรถไฟฯ เผยถึงกรณีที่มีกลุ่มบุคคล ในอ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ติดป้ายคัดค้านการเรียกเก็บเงินค่าเช่าที่ดิน และการรังวัดที่ดินเพื่อออกโฉนดในที่ดินของการรถไฟฯ บริเวณสองข้างทางถนนสุวรรณศร ระหว่างสถานีอรัญประเทศ - คลองลึก และทำหนังสือร้องเรียนไปยังผู้บังคับการทหารบก จังหวัดสระแก้ว ว่าการรถไฟฯ อ้างสิทธิบนที่ดินสาธารณะประโยชน์ บ้านวังปลาตอง ดำเนินการจัดเก็บค่าเช่าและฟ้องให้ราษฎรออกจากพื้นที่ดังกล่าวนั้น

การรถไฟฯ ได้มอบหมายให้ นายประยูร สุขดำเนิน ผู้อำนวยการศูนย์ประจำการรถไฟ พร้อมผู้แทนฝ่ายบริหารทรัพย์สิน เข้าชี้แจงกับ พลตรีมงคล รอดสวาสดิ์ รองผู้บังคับการทหารบก จังหวัดสระแก้ว และกลุ่มบุคคลที่ร้องคัดค้านว่า

ที่ดินดังกล่าวการรถไฟฯ ได้กรรมสิทธิ์และครอบครองโดยยึดถือตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์ในเส้นทางสายตะวันออก พ.ศ. 2464 และพระราชกฤษฎีกา เรื่อง การกำหนดเขตหวงห้ามที่ดินในท้องที่ตำบลอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.ปราจีนบุรี พ.ศ. 2495

ทั้งนี้ การรถไฟฯ มีนโยบายที่จะออกโฉนดในที่ดินที่ถือครองให้ครบทั้งหมดทั่วประเทศ โดยเริ่มจากจังหวัดสระแก้ว ส่วนประเด็นที่มีการติดป้ายคัดค้านนั้น เป็นกรณีและข้อโต้แย้งเดียวกับที่การรถไฟฯ ฟ้องร้องในแนวเขตที่มีการติดป้ายคัดค้านที่ผู้เช่ารายหนึ่งในที่ดินของการรถไฟฯ ไม่ยอมจ่ายค่าเช่าโดยโต้แย้งว่าที่ดินดังกล่าวไม่ได้เป็นที่ดินของการรถไฟฯ แต่เป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์ ซึ่งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ได้พิจารณาให้การรถไฟฯ เป็นผู้ชนะคดี ขณะนี้อยู่ในการพิจารณาของศาลฎีกา

ทั้งนี้ ในวันที่ 5 สิงหาคม 2557 การรถไฟฯ ได้นัดหมายเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน จังหวัดสระแก้ว ทำการรังวัดแนวเขตที่ดินของการรถไฟฯ เพื่อดำเนินการออกโฉนดที่ดินของการรถไฟฯ ซึ่งรองผู้บังคับการทหารบก จังหวัด สระแก้ว ให้การรถไฟฯ ดำเนินการรังวัดที่ดินเพื่อจัดทำโฉนดต่อไป และจะส่งเจ้าหน้าที่ทหารเข้าร่วมตรวจสอบด้วย ส่วนเรื่องการโต้แย้งกรรมสิทธิ์ในที่ดินบริเวณที่มีการคัดค้าน หากผลการพิจารณาคดีของศาลฎีกา พิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่ที่ดินของการรถไฟฯ ก็ต้องแก้ไขหรือยกเลิกการออกโฉนดต่อไป

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่
พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นเพื่อสร้างทางรถไฟสายตะวันออก ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้กรมรถไฟแผ่นดินจัดสร้าง (๒๕ ตุลาคม ๒๔๖๔)
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2464/A/337.PDF

พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินในท้องที่ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. ๒๔๙๕ (๕ สิงหาคม ๒๔๙๕)
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2495/A/048/891.PDF

[Wisarut]

[Mongwin]

ชุมชนตลาดรถไฟสงขลา ขอความเป็นธรรมจากคสช.
Spring News 2014-08-10 18:37:56

ชาวบ้านที่อยู่อาศัยบริเวณสถานีรถไฟสงขลามานานหลายปี เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมและขอให้คสช.เข้าช่วยเหลือเนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการเช่าที่ดินของการรถไฟ ติดตามรายละเอียดได้จากรายงาน

[srinopkun]

[Mongwin]

แปลกจริง ๆ ด้วยครับ

[Wisarut]

รฟท.ตั้งกองทุนอสังหาฯ บริหารที่ดิน3แปลงทอง-8.4หมื่นล้าน
ข่าวสดออนไลน์
วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22:23 น.
รถไฟขอ 3 เดือน สรุปตั้งกองทุนอสังหา รฟม.ระดมเงินก่อสร้างอีก 10 สาย
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
วันที่ 12 สิงหาคม2557 เวลา 12:45:19 น.

การรถไฟฯ จัดเอง ที่ดิน 3 แปลงทองในเมืองกรุง ทั้งมักกะสัน-สถานีแม่น้ำ และพหลโยธิน มูลค่ารวม 8.4 หมื่นล้านบาท ผุดไอเดียตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ดึงเอกชนมาร่วมขอเวลาเตรียมการ 3 เดือน ด้าน รฟท.จ่อระดมเงินผ่านกองทุนสร้างรถไฟฟ้าสีส้ม 1.78 แสนล้าน


นายประเสริฐ อัตตะนันทน์ รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า บอร์ดรฟท.มีแนวคิดให้มีการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) ขึ้นมาเพื่อลดการพึ่งพิงงบประมาณจากรัฐบาล โดยเปิดให้เอกชนได้เข้ามาร่วมลงทุนบนที่ดินของ รฟท. โดยกรรมสิทธิ์ที่ดินยังเป็นของ รฟท.อยู่ เพื่อสร้างรายได้เชิงพาณิชย์ให้กับ รฟท.ด้วย

นายประเสริฐกล่าวอีกว่า เบื้องต้นได้มอบหมายให้รองผู้ว่าฯ รฟท. กลุ่มยุทธศาสตร์และอำนวยการ กลับไปหารือร่วมกับที่ปรึกษาทางการเงินถึงความเป็นไปได้และแนวทางการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน เพื่อนำเสนอให้บอร์ดพิจารณา ทั้งนี้หากบอร์ดเห็นชอบจะเร่งรัดดำเนินการทันที

สำหรับที่ดินของ รฟท. ที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์สูงและมีแนวโน้มเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนเบื้องต้นมีจำนวน 3 แปลง มูลค่าที่ดินรวมประมาณ 84,599 ล้านบาท ตามที่ รักษาการผู้ว่าฯ รฟท.กล่าวอันได้แก่

1.ที่ดินย่านมักกะสัน พื้นที่ 512 ไร่ มูลค่าที่ดิน 55,816 ล้านบาท
2.ที่ดินย่านพหลโยธิน บริเวณกม.11 พื้นที่ 359 ไร่ มูลค่าที่ดิน 18,370 ล้านบาท และ
3.ที่ดินย่านสถานีแม่น้ำ พื้นที่ 277 ไร่ มูลค่าที่ดิน 10,413 ล้านบาทŽ

ด้านนายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มอบหมายให้ รฟท. ศึกษาความเป็นไปได้ในการระดมเงินทุนผ่านกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราสตรักเจอร์ฟันด์) เพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า 10 สายของ รฟม. เพื่อบรรเทาภาระในงบประมาณรายจ่ายแผ่นดิน

นายยงสิทธิ์กล่าวอีกว่า รฟม.จะเร่งกลับไปศึกษารายละเอียดโดยเบื้องต้นมองว่าอาจจะนำโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี 35 ก.ม. มูลค่า 1.78 แสนล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างเสนอขออนุมัติ มาเป็นโครงการระดมทุนนำร่อง เพราะเป็นโครงการที่มีแนวโน้มการเติบโตด้านรายได้จากค่าโดยสารและรายได้เชิงพาณิชย์ที่ค่อนข้างดีกว่ารถไฟฟ้าสายอื่นๆ

[Wisarut]

ชาวขอนแก่นร้องรื้อถอนรั้วกั้นทางรถไฟ
Thai PBS
จันทร์ที่ 11 สิงหาคม 2557

ชาวบ้านริมทางรถไฟในเขตเทศบาลนครขอนแก่น เรียกร้อง คสช.ให้รื้อแนวรั้วที่ปิดกั้นเส้นทางรถไฟกับชุมชนออก เนื่องจากไม่สามารถสัญจรไปยังชุมชนอื่นได้


ผู้เช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทยในเขตเทศบาลนครขอนแก่น เรียกร้องไปยัง คสช.ให้มีคำสั่งรื้อถอนแนวรั้วที่กั้นระหว่างทางรถไฟ และชุมชนออก โดยอ้างว่าแนวรั้วที่สร้างขึ้นปิดกั้นทางสัญจรระหว่างชุมชนรอบเมืองกับชุมชนเหล่านาดี 12 ทำให้ชาวบ้านกว่า 200 ครอบครัว ต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นที่มีระยะทางไกลกว่า

ชาวบ้าน กล่าวว่า รัฐบาลชุดที่แล้ว มีโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ จากชุมทางจิระ จ.นครราชสีมา ถึง จ.ขอนแก่น ทำให้การรถไฟฯได้สร้างแนวรั้วเพื่อป้องกันการรุกล้ำมานานกว่า 10 เดือน จึงต้องการให้รื้อแนวรั้วจนกว่าโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่จะมีความชัดเจน

http://www.youtube.com/watch?v=4uPDfT4U1GI

[Mongwin]

รถไฟไทย : ยักษ์หลับ หรือยักษ์ป่วย?
แนวหน้า 13 ส.ค. 57 คอลัมน์ กวนน้ำให้ใส

ผู้บริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า บอร์ด ร.ฟ.ท.มีแนวคิดจะให้มีการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (PropertyFund) เพื่อลดการพึ่งพิงงบประมาณจากรัฐบาล โดยเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนบนที่ดินของ ร.ฟ.ท. โดยกรรมสิทธิ์ที่ดินยังเป็นของ ร.ฟ.ท.อยู่ แต่จะสร้างรายได้เชิงพาณิชย์ให้กับ ร.ฟ.ท.

จุดเปลี่ยนครั้งนี้ หลายคนหูผึ่ง เพราะใครๆ ก็รู้ว่า ร.ฟ.ท.รวยที่ดินขนาดไหน

1) ร.ฟ.ท.ดำเนินการมา 117 ปี มีผลขาดทุนสะสมแสนกว่าล้านบาท

ผลดำเนินงานขาดทุนสม่ำเสมอ ปีละกว่าหมื่นล้านบาท

รายงานผลการดำเนินงานในปี 2556 พบว่า ร.ฟ.ท.มีรายได้แค่หมื่นล้านบาทต่อปี

เป็นรายได้จากการให้บริการขนส่งคนและขนส่งสินค้า ประมาณ 6,000 ล้านบาท

แต่ ร.ฟ.ท.นั้น เหมือน “ผู้ดีตกยาก”

มีรายได้น้อยก็จริง แต่มีทรัพย์สิน ที่ดิน อยู่ในครอบครองมหาศาล แต่ที่ผ่านมาไม่สามารถบริหารจัดการด้วยตนเองให้เกิดผลประโยชน์งอกเงยอย่างเต็มที่ เพราะติดขัดหลายๆ อย่าง

แต่ละปี มีรายได้จากค่าเช่าที่ดินทั้งหมดที่มีอยู่ แค่ไม่กี่พันล้านบาทเท่านั้น

2) ขุมทรัพย์การรถไฟฯ

เอาเฉพาะที่ดินของการรถไฟฯ ก็นับไม่หวาดไม่ไหว

พื้นที่ทั้งหมด หากนับรวมกัน น่าจะกว้างใหญ่ไพศาลกว่าพื้นที่ของบางจังหวัดเสียอีก

ที่สำคัญกว่านั้น เป็นที่ดินแปลงทองคำหลายแปลง ยกตัวอย่าง

ที่ดินย่านมักกะสัน เนื้อที่ 512 ไร่ มูลค่าที่ดินเบื้องต้น 55,816 ล้านบาท

ที่ดินย่านพหลโยธิน กม.11 เนื้อที่ 359 ไร่ มูลค่าที่ดินเบื้องต้น 18,370 ล้านบาท

ที่ดินย่านสถานีแม่น้ำ เนื้อที่ 277 ไร่ มูลค่าที่ดิน 10,413 ล้านบาท

ทั้งสามแปลงนี้ เป็นเป้าหมายที่ผู้บริหาร ร.ฟ.ท.เตรียมจะให้เอกชนเข้ามาร่วมพัฒนาเร็วๆ นี้

นอกจากนี้ ร.ฟ.ท.ยังถือกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมอีกประมาณ 230,000 ไร่!

มีทั้งที่เป็นเขตทาง เขตของสถานี เขตบ้านพัก ที่ทำการ และเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์อีกจำนวนมาก

เฉพาะพื้นที่เชิงพาณิชย์ของการรถไฟฯ มีเนื้อที่อยู่ 36,000 ไร่ (ไม่นับพวกสถานี เขตทาง ฯลฯ) อยู่สายอีสาน 9,000 ไร่, สายตะวันออกเกือบ 5,000 ไร่, สายเหนือ 4,000 ไร่, สายใต้ 15,000 ไร่ และในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลเกือบ 3,000 ไร่ (เอาตัวเลขกลมๆ)

ที่ดังๆ รู้จักกันดี เช่น ที่ดินบริเวณเซ็นทรัลลาดพร้าว 40 ไร่, ที่ดินบริเวณตลาด อ.ต.ก. ประมาณ 40 ไร่, ที่ตลาดนัดจตุจักร ประมาณ 70 ไร่, ที่ดินบริเวณถนนรัชดาภิเษก ประมาณ 200 ไร่ ฯลฯ

บอกแล้วว่าไล่เลียงไม่หวาดไม่ไหว

ถ้าไม่เรียกว่า “เศรษฐีที่ดิน” แล้วจะเรียกว่าอะไร

3) นอกจากที่ดินแล้ว ร.ฟ.ท.ยังมีทรัพย์สินที่มีค่าอยู่ในครอบครอง นั่นคือ สิทธิในการบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่เกิดขึ้นและกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต จากการลงทุนพัฒนาเส้นทางรถไฟสายต่างๆ ทั่วประเทศ

อย่าลืมว่า ทางรถไฟไปไหนที่ดินก็พุ่งทะยาน สถานีอยู่ไหนมูลค่าที่พุ่งกระฉูด

ยิ่งถ้าการรถไฟฯบริหารจัดการดี มูลค่าแบรนด์ของการรถไฟฯก็จะเพิ่มมากขึ้น จะกลายเป็นทรัพย์สินสำคัญในอนาคตต่อไปด้วย

4) การลงทุนระบบรถไฟสายต่างๆ ในอนาคตอันใกล้นี้ ล้วนแต่จะต้องใช้เงินทุนมหาศาลทั้งสิ้น

ถ้าการรถไฟฯไม่หารายได้มาลงทุนเอง ก็ต้องขอเงินจากรัฐบาลทั้งหมด

คิดเป็นมูลค่านับล้านล้านบาท

ถ้าให้การรถไฟฯหารายได้มาลงทุน เพื่อแบ่งเบาภาระของรัฐบาล รัฐบาลก็จะได้เงินเหลือไปใช้จ่ายลงทุนด้านอื่นๆ สำหรับคนไทย ซึ่งสำคัญไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น การศึกษา สาธารณสุข การเกษตร ฯลฯ

หนทางหารายได้เพิ่มเติมของการรถไฟฯ ที่เห็นชัดเจนเป็นรูปธรรมที่สุด คือ นำทรัพย์สินที่มีอยู่ โดยเฉพาะที่ดิน ออกมาแสวงหาผลประโยชน์ให้คุ้มค่าที่สุด

5) “กับดัก” ที่การรถไฟฯจะต้องเผชิญในก้าวต่อไป คือ

(1) คุ้มค่าที่สุด คือ ต้องได้เงินมากที่สุดเท่านั้นหรือไม่?

ความคุ้มค่าที่ไม่ใช่ตัวเงิน ควรได้รับการพิจารณาอย่างมีน้ำหนักหรือไม่ เช่น ที่ดินมักกะสัน มีประชาชนร้องขอให้ทำสวนสาธารณะ ซึ่งแม้จะไม่ได้เม็ดเงินกลับมามากที่สุด แต่ก็เกิดความคุ้มค่า เกิดความสุขมวลรวม คืนความสุขให้คนกรุงเทพฯ เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะความคุ้มค่าต่อสังคมในระยะยาว เนื่องจากเนื้อที่ขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ ที่มีศักยภาพจะทำสวนขนาดใหญ่ได้นั้นแทบไม่เหลือแล้ว เป็นต้น

(2) ประสิทธิภาพและความโปร่งใสในการบริหารจัดการทรัพย์สิน

ที่ผ่านมา สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบการดำเนินงานการบริหารจัดการประโยชน์ในทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทย พบว่า มีปัญหายุบยับ เช่น การเริ่มจัดทำสัญญาเช่าล่าช้า, สัญญาเช่าที่ครบกำหนดแต่ยังไม่ได้ต่ออายุสัญญามีจำนวนมาก, สัญญาเช่าจำนวนมากมีหนี้ค้างชำระ, ผู้เช่าบางส่วนปฏิบัติไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของสัญญา, แม้แต่ระบบฐานข้อมูลทรัพย์สินและสัญญาเช่าก็ยังเป็นปัญหาในตัวเอง ฯลฯ

ทั้งหมด ทำให้เกิดดอกผล เกิดรายได้ น้อยกว่าที่ควรจะเป็นมหาศาล

การบริหารจัดการสัญญาเช่าทรัพย์สินของ ร.ฟ.ท. ที่ไม่มีประสิทธิภาพ ส่วนหนึ่งก็น่าจะเป็นเพราะความอะลุ้มอล่วย ผลจากการเมืองบ้าง และความไม่โปร่งใสในการบริหารจัดการ จะแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร

สิ่งเหล่านี้ เสมือนอาการป่วย

เมื่อถึงคราวที่ยักษ์หลับอย่าง ร.ฟ.ท.จะตื่น ก็จะต้องรักษาอาการป่วยเสียด้วย

สุดท้าย... ร.ฟ.ท. จะต้องตัดสินใจเลือกแนวทางบริหารจัดการทรัพย์สิน เพราะการปล่อยไว้อย่างเดิมต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่ตัดสินใจเลือก นั่นก็คือทางเลือกอย่างหนึ่ง แต่เป็นแนวทางที่เลวร้ายที่สุด

ขอเอาใจช่วยการฟื้นฟูกิจการและปฏิรูปรถไฟไทย

นี่คือโอกาสเดียวของประเทศไทยอย่างแท้จริง!

สารส้ม

[Mongwin]

กทม.ลุ้นคสช.ให้กลับบริหาร′จตุจักร′ผลักดันเป็น′ตลาดนัดในสวน′รองรับนักท่องเที่ยว
มติชนออนไลน์ วันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 17:50:26 น.

วันที่ 14 สิงหาคม นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีที่ กทม. ได้ยื่นหนังสือไปยังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอพิจารณาให้กทม.กลับมาเช่าพื้นที่ตลาดนัดจตุจักรและบริหารจัดการตลาดแทนการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.)ว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการติดตามผล โดยมีผู้อำนวยการตลาดนัดกรุงเทพมหานครเป็นผู้ดำเนินการ

ส่วนแผนเตรียมความพร้อมนั้น กทม.ยืนยันว่ามีความพร้อมเต็มที่ หาก ร.ฟ.ท.มอบพื้นที่ตลาดจตุจักรคืนให้ กทม.กลับมาบริหารงาน เนื่องจากตลาดนัดจตุจักรเป็นเอกลักษณ์ของ กทม. ที่มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติรู้จักเป็นอย่างดี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ติดอันดับโลก

"กทม.มีนโยบายที่จะพัฒนาตลาดนัดจตุจักรให้เป็น ตลาดนัดในสวน รองรับนักท่องเที่ยว โดยเตรียมแผนปรับปรุงสาธารณูปโภค จัดการปัญหาจราจรโดยรอบ รวมถึงจัดหาที่จอดรถใหม่ เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยว หากเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ สิงคโปร์ มาเลเซีย และลาว ก็มีตลาดการท่องเที่ยวเชิงภูมิภาคที่กำลังเติบโตรองรับประชาคมอาเซียน ดังนั้น กทม.จึงต้องการกลับมาบริหารตลาดนัดจตุจักรอีกครั้ง เพื่อพัฒนาให้เป็นพื้นที่การค้าที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดของภูมิภาค เพราะถือเป็นตลาดที่เป็นศูนย์รวมฝีมือระดับภาคประชาชน ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และธุรกิจท้องถิ่น อีกทั้งเป็นสถานที่ที่มีการแสดงออกถึงศิลปวัฒนธรรมของไทยได้เป็นอย่างดี"