RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311280
ทั่วไป:13262385
ทั้งหมด:13573665
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 106, 107, 108 ... 197, 198, 199  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 25/10/2014 2:14 pm    Post subject: Reply with quote

รื้อ 2 หมื่นรายทั่วประเทศ ปักหมุด "รถไฟฟ้า-ทางคู่"
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
25 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 08:20:56 น.


ภารกิจเฉพาะหน้าของ "ร.ฟ.ท.-การรถไฟแห่งประเทศไทย" ที่จะต้องทำคู่ขนานไปกับการเร่งรัดก่อสร้างโครงการรถไฟสายสีแดง ต่อขยายแอร์พอร์ตลิงก์และรถไฟทางคู่ที่จะปูพรมทั่วประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาลประยุทธ์จะต้องหยุดการบุกรุกริมเขตทางรถไฟทั่วประเทศไม่ให้บานปลาย ภายหลังโครงการผ่านการอนุมัติและประมูลก่อสร้างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากที่ดินของ "ร.ฟ.ท." มีอยู่กว่า 230,000 ไร่ทั่วประเทศ โฟกัสเฉพาะแนวเขตทางรถไฟ พบว่าปัจจุบันมีการบุกรุกมาอย่างยาวนานและขาดการจัดระเบียบอย่างเป็นระบบทำให้ปีที่ผ่านมายุค "ประภัสร์ จงสงวน" เป็นผู้ว่าการการรถไฟฯ ได้สั่งหยุดการต่อสัญญาเช่าที่ดินมีกว่า 1 หมื่นสัญญาทั่วประเทศไม่ให้มีการพัฒนาเพิ่ม เพื่อเคลียร์พื้นที่รอตอม่อรถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูง



ขณะที่ยอดผู้บุกรุก สถิติปัจจุบันยังไม่รู้ชัดอยู่ที่เท่าไหร่ แต่จากผลสำรวจเมื่อเดือนกรกฎาคม 2555 พบว่าทั่วประเทศมียอดผู้บุกรุกกว่า 23,379 ราย คิดเป็นที่ดินประมาณ 2,400 ไร่ พื้นที่ 3,800,000 ตารางเมตร จากทั้งหมดทั่วประเทศกว่า 230,000 ไร่ คิดเป็นพื้นที่ 371 ล้านตารางเมตร

แยกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มผู้บุกรุกทั่วไปกว่า 18,000 ราย และกลุ่มสลัม 4 ภาคอีกกว่า 4,000 ราย เมื่อลงลึกเป็นรายภาค แยกเป็นพื้นที่ 1.ภาคกลาง 870,000 ตารางเมตร ผู้บุกรุกกว่า 6,366 ราย

2.ภาคเหนือ 170,000 ตารางเมตร ผู้บุกรุกประมาณ 1,547 ราย 3.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 850,000 ตารางเมตร ผู้บุกรุกกว่า 3,700 ราย 4.ภาคใต้ 1.8 ล้านตารางเมตร ผู้บุกรุกกว่า 10,487 ราย และสถานีกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) และบางซื่อ 25,000 ตารางเมตร ผู้บุกรุกกว่า 1,000 ราย

โดยการดำเนินการ ทาง "ร.ฟ.ท." นอกจากจะแจ้งให้รื้อออกพร้อมจ่ายค่ารื้อย้ายให้บางส่วน ยังเตรียมประสานงานกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อจัดหาที่อยู่อาศัยในโครงการบ้านมั่นคงสำหรับให้ผู้บุกรุกเช่า

เช่นเดียวกับการบุกรุกของกลุ่มสลัม 4 ภาค ที่การแก้ปัญหา จะจัดทำเป็นข้อตกลงพิเศษ จำนวน 61 ชุมชนทั่วประเทศ หาก "ร.ฟ.ท." มีโครงการก่อสร้างใหม่ในพื้นที่ทางชุมชนจะต้องย้ายออกไปทันที โดยจะหาพื้นที่ว่างในเขตทางให้ห่างออกไปจากที่เดิมในรัศมีประมาณ 5 กิโลเมตร ทำสัญญาเช่า 3-30 ปี

สำหรับการแก้ปัญหาระยะยาว จะสร้างรั้วป้องกันการบุกรุกในเขตพื้นที่ ยกเว้นพื้นที่จะมีการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่และรถไฟฟ้า เพราะในแบบจะมีออกแบบไว้รองรับอยู่แล้ว
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44506
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 28/10/2014 11:44 am    Post subject: Reply with quote

ที่ดินทำเลทอง ร.ฟ.ท.อุดรฯ "เออีซี สแควร์" คว้าสิทธิ์เช่า 30 ปี
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 28 ต.ค. 2557 เวลา 09:53:54 น.

ที่ดินทำเลทองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ฝั่งทิศตะวันออกใกล้สถานีรถไฟอุดรธานี กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังจากมีการผลักดันให้คลังน้ำมัน ปตท.อุดรธานี ซึ่งอยู่คู่เมืองอุดรมานานถึง 53 ปี ย้ายออกไป เนื่องจากพื้นที่หรือชุมชนในย่านนี้มีความเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจเป็นอย่าง มากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

นับตั้งแต่การเกิดขึ้นของศูนย์การค้ายูดีทาวน์ คอนโดมิเนียมลุมพินีเพลสโพศรี จำนวน 6 แท่ง ตลาดสดหนองบัว รวมถึงศาลเจ้าปู่-ย่า อุดรธานี และมูลนิธิศาลเจ้าปู่-ย่า อุดรธานี ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ และมีมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล อีกทั้งที่ดินจำนวน 23 ไร่ในย่านเดียวกันนั้น ยังมีเอกชนประมูลได้และเตรียมขึ้นโครงการอาคารพาณิชย์อีกด้วย

"ดำรง นคร" ผู้จัดการส่วนคลังน้ำมันอุดรธานีบอกว่า คลังน้ำมันอุดรธานีอยู่คู่จังหวัดอุดรธานีมาถึง 53 ปี มีพื้นที่ทั้งหมด 3.5 ไร่ โดยจะย้ายคลังน้ำมันไปอยู่ที่คลังพรีเมี่ยมแท็งค์ คอร์ปอเรชั่น ริมถนนมิตรภาพ ปากทางเข้าเขื่อนอุบลรัตน์ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นคลังน้ำมันที่เอกชนสร้างให้ ปตท.เช่า โดยได้หยุดจ่ายน้ำมันมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 และอยู่ระหว่างการรื้อถอน คาดว่าจะแล้วเสร็จในวันที่ 31 มีนาคม 2558

คลังน้ำมันอุดรธานีประกอบด้วย 2 ส่วน คือ คลังเก็บและจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันที่ใช้เติมเครื่องยนต์ รถยนต์ และน้ำมันหล่อลื่น จะย้ายออกไปทั้งหมด ส่วนสถานีเติมน้ำมันอากาศยาน ซึ่งตั้งอยู่ที่สนามบินนานาชาติอุดรธานี เพื่อบริการเติมน้ำมันให้เครื่องบินพาณิชย์ หรือเครื่องบินใช้ในราชการทหาร จะยังคงอยู่ที่เดิมต่อไป

สำหรับลูกค้ามี 2 กลุ่ม คือ ลูกค้าที่ไม่มีรถไปรับน้ำมันมาจำหน่าย ซึ่ง ปตท.จะจัดส่งให้ ส่วนลูกค้าที่มีรถก็จะวิ่งไปรับที่คลังใหม่ที่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ซึ่งคลังน้ำมันดังกล่าวจะจ่ายน้ำมันได้วันละ 1 ล้านลิตร ให้บริการครอบคลุมพื้นที่จังหวัดอุดรธานี สกลนคร นครพนม หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู และจังหวัดเลยบางส่วน

สำหรับจังหวัดขอนแก่นก็มีคลังน้ำมันเช่นกัน และเตรียมจะปิดตัวภายในสิ้นปีนี้ และไปรวมกันอยู่ที่ อ.น้ำพองจุดเดียว ดูแลพื้นที่ภาคอีสานตอนบน ซึ่งคลังน้ำมันขอนแก่นตั้งอยู่ติดสนามกอล์ฟรถไฟ อยู่ใจกลางเมืองแต่เป็นชุมชนแออัด โดยคลังน้ำมันใหม่ที่ อ.น้ำพอง สามารถจ่ายน้ำมันได้วันละ 2 ล้านลิตร ในเวลาทำการ 08.00-17.00 น. และในอนาคตอาจเปิดจ่ายเป็นกะ แต่ขณะนี้ยังเปิดจ่ายตามเวลา

ขณะที่ "ศักดิ์ชัย ภูเงิน" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพรม์ โรด พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้บริหารโครงการ "เออีซี สแควร์ อุดรธานี" (AEC SQUARE UDONTHANI) เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทได้เช่าสิทธิ์พื้นที่คลังน้ำมันต่อจาก ปตท. จำนวน 3.5 ไร่ โดยมอบให้ศาลเจ้าปู่-ย่า อุดรธานีใช้เป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ทั้งหมด โดยกรรมสิทธิ์จะเป็นของบริษัท หลัง ปตท.หมดสัญญาในวันที่ 30 ธันวาคม 2557 นี้ รวมทั้งบริษัทยินดีจ่ายค่าเช่าให้การรถไฟแห่งประเทศไทยในระยะเวลา 30 ปี

"ศักดิ์ชัย" ยังบอกอีกว่า สัญญานี้เป็นคนละสัญญากับโครงการเออีซี สแควร์ อุดรธานี ที่เริ่มสัญญาตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2556 ระยะเวลาเช่า ร.ฟ.ท. 30 ปี พื้นที่ทั้งหมด 23 ไร่ เริ่มตั้งแต่ฝั่งตรงข้ามตลาดสดหนองบัวติดถนนใหญ่ยาวขนานไปกับโครงการยูดี ทาวน์ ซึ่งมีทางรถไฟคั่นกลางไปจนถึงบ้านหนองเหล็ก ขณะนี้กำลังเคลียร์พื้นที่ โดยมีแผนที่จะเปิดขายพื้นที่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2558

สำหรับที่ดินทำเลทองแห่งนี้ เดิมเป็นเพียงทุ่งกว้างที่มีร้านตัดผมชายที่สร้างเป็นเพิงพักอยู่ริมถนน แต่หลังจากที่ตลาดนัดกลางคืน ได้แก่ ตลาดปรีชา ตลาดไนท์พลาซ่า ตลาดเซ็นเตอร์พอยท์ รวมถึงการแจ้งเกิดศูนย์การค้ายูดี ทาวน์ ทำให้กลายเป็นแม็กเนตสำคัญของเมืองอุดร หลังจากนั้นก็มีกลุ่มทุนเมืองอุบลราชธานีข้ามถิ่นมาปักธงศูนย์การค้าเนวาด้า อุดรธานี

ล่าสุด กลุ่มแอลพีเอ็น บิ๊กอสังหาริมทรัพย์จากส่วนกลางก็เข้ามาปักธงคอนโดมิเนียมลุมพินี เพลส โพศรี จำนวน 6 แท่ง และคอมมิวนิติ้มอลล์ Mill Place Posri

ทำเลทองแห่งนี้จะสร้างสีสัน และมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับเมืองอุดร พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงอีกด้วย
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 10/11/2014 11:13 am    Post subject: Reply with quote

การรถไฟขู่ปตท.เรียกค่าเช่าอิงเซ็นทรัล
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ ข่าวหน้า1 -
คอลัมน์ : ข่าวหน้า1
ออนไลน์เมื่อวันพุธที่ 05 พฤศจิกายน 2557เวลา 12:43 น.
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,998 วันที่ 6 - 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ร.ฟ.ท.เร่งความชัดเจนค่าเช่าที่ดินอาคารปตท.สำนักงานใหญ่หลังหมดสัญญาเช่าเดือนมี.ค.56 "ออมสิน " กร้าวราคาใหม่ต้องสมน้ำสมเนื้อ อิงค่าเช่าเซ็นทรัลลาดพร้าวที่ 2 หมื่นล้านต่อ30 ปี หลังพับแผนไปเหตุเปลี่ยนรัฐบาล ชี้บอร์ดเดิมเคาะ 1,792 ล้านไม่คุ้มแค่ 4.97 ล้าน/เดือน ล่าสุดร.ฟ.ท.ส่งบอร์ดไปเจรจา วงในรับหวั่นอสส.ชี้สถานะปตท. กระทบค่าเช่าใหม่ เหตุอัยการนั่งเป็นบอร์ดปตท. ขณะที่ผู้บริหารปตท.ตอกกลับยันจ่ายเงินก้อนใหญ่ล่วงหน้าแล้วไม่ต่างกับซื้อขาด บอร์ดจ่อถกประชุมครั้งหน้า
altนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ขณะนี้ได้แต่งตั้งพล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง, นายสราวุธ เบญจกุล และนายยุทธพงษ์ อภิรัตนรังษี ซึ่งเป็นคณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท.เข้าหารือร่วมกับบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) เพื่อเคาะความชัดเจนเรื่องค่าเช่าที่ดินบริเวณอาคารสำนักงาน (สนง.)ใหญ่ปตท.ย่านกม.11 พหลโยธิน ซึ่งสิ้นสุดสัญญาเช่าไปแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคม 2556 ที่ผ่านมา แต่จนถึงบัดนี้ยังไม่สามารถเจรจาอัตราค่าเช่ารอบใหม่เป็นผลสำเร็จ

*ลั่นราคาอิงค่าเช่า "เซ็นทรัล"
"เนื่องจากค่าเช่าเดิมที่ทำไว้จัดเก็บในอัตราที่ถูกมาก เพราะขณะนั้นปตท.เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย แต่ปัจจุบันสถานะเปลี่ยนแปลงเป็นบริษัทมหาชนจึงต้องจัดเก็บในอัตราที่เหมาะสมโดยอ้างอิงกับการจัดเก็บค่าเช่าของเซ็นทรัลพลาซาลาดพร้าวที่ปัจจุบันคิดอัตราค่าเช่า 2 หมื่นล้านบาทต่ออายุสัญญา 30 ปี แต่ราคาเดิมที่ร.ฟ.ท.นำเสนอช่วงการเจรจาที่ผ่านมานั้น กำหนดไว้ที่อัตรา 1,792 ล้านบาทแต่ปตท.เจรจาขอลดเหลือ 800 ล้านบาท"
*ร.ฟ.ท.หวังได้ข้อสรุปปีนี้
กรณีดังกล่าวตนได้กำชับให้คณะกรรมการเจรจาให้อ้างอิงเหตุผลความจำเป็นในเรื่องการเช่าปัจจุบัน โดยต้องเทียบเคียงกับมูลค่าเช่าของศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาลาดพร้าว ซึ่งปัจจุบันมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นมาก จึงให้เร่งเจรจาเพื่อนำรายได้มาป้อนให้กับ ร.ฟ.ท.ที่ปัจจุบันมีภาระหนี้เพิ่มสูงขึ้นทุกปี
อย่างไรก็ตาม สำหรับอัตราค่าเช่าเดิมที่กำหนดไว้ 1,792 ล้านบาท จะใช้เป็นข้อมูลมาประกอบการพิจารณา แต่จะไม่นำมาเป็นประเด็นหลักในการต่อรอง โดยให้ยึดหลักเหตุผลอ้างอิงจากข้อมูลปัจจุบัน ดังนั้นยังหวังว่าผลการเจรจารอบใหม่น่าจะได้ข้อยุติภายในปีนี้ ทั้งนี้หากผลการเจรจาสำเร็จปตท.จะต้องจ่ายค่าเช่าใหม่ย้อนหลังนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2556 ที่หมดสัญญาไป
ด้านพล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง กรรมการบอร์ดร.ฟ.ท. ในฐานะคณะกรรมการเจรจากับปตท.กล่าวว่าพื้นที่ดังกล่าวปัจจุบันมีมูลค่าที่ดินสูงอย่างมาก การจะให้จัดเก็บในอัตราค่าเช่าเดิมคงเป็นไปไม่ได้แล้ว โดยจะเทียบกับศูนย์การค้าเซ็นทรัลในบริเวณใกล้เคียงเป็นหลัก ส่วนจะได้ราคาที่แท้จริงเท่าไหร่นั้นคงต้องรอผลการเจรจาอีกครั้ง แต่ยังไม่สามารถกำหนดระยะเวลาได้แน่นอน แม้ปตท.จะอ้างว่าเป็นอาคารสำนักงานก็ตามแต่ทำธุรกิจที่มีมูลค่าและกำไรปีละหลายหมื่นล้านบาท
*รออสส.ฟันธงสถานะปตท.
"เท่าที่ได้รับรายงาน จากฝ่ายกฎหมายของร.ฟ.ท.ทราบว่าอยู่ระหว่างรอให้สำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.)ชี้สถานะของปตท.ว่าเป็นรัฐวิสาหกิจ "การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย "อยู่หรือไม่ หรือเป็นบริษัทจำกัดมหาชน คาดว่าจะได้ความชัดเจนในต้นเดือนธันวาคมนี้ โดยในเบื้องต้นได้ความชัดเจนในระดับหนึ่งแล้วสำหรับการเจรจาของคณะกรรมการชุดที่แล้ว ที่ได้กำหนดอัตราค่าเช่า 1,792 ล้านบาทของตลอดอายุสัญญา 30 ปี แต่ต้องยุติไปในช่วงเปลี่ยนรัฐบาล ขณะนี้ทางฝ่ายอาณาบาล ( ฝ่ายกฎหมาย) และฝ่ายบริหารทรัพย์สินร.ฟ.ท.อยู่ระหว่างรอความชัดเจน ซึ่งคงต้องกำหนดกรอบหารือให้ชัดเจนอีกครั้งกับทางฝ่ายปตท.เพื่อให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว"
ด้านแหล่งข่าวระดับสูงร.ฟ.ท.รายหนึ่งกล่าวว่ายังคงลุ้นผลการเจรจารอบใหม่อีกครั้ง หลังจากคณะกรรมการชุดที่ผ่านมา ซึ่งมีดร.บุญสม เลิศหิรัญวงศ์ เป็นประธานบอร์ดร.ฟ.ท.นั้นและดร.บุญสม ยังนั่งควบตำแหน่งกรรมการของปตท.อีกด้วย ผลการเจรจาจึงไม่สามารถหาข้อยุติได้ โดยนายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการร.ฟ.ท.ขณะนั้นได้ให้นโยบายว่าสัญญาเช่าสำนักงานใหญ่ของ ปตท.ริมถนนวิภาวดีฯ ยังยืนยันราคาที่บริษัทที่ปรึกษาประเมินให้ 30 ปีอยู่ที่ 1,792 ล้านบาท หากจะต่อสัญญาเช่าใหม่จากที่ปตท.เสนอมา 800 ล้านบาท โดยสัญญาเดิมทำขึ้นเมื่อปี 2526 ได้ครบกำหนดเมื่อเดือนมีนาคม 2556 ที่ผ่านมา
*เปิดเบื้องหลังสัญญาปี2526
"ช่วงก่อนหน้านี้ ปตท.เคยปฏิเสธจ่ายค่าเช่าที่ดินในการต่อสัญญาอีก 30 ปีบริเวณที่ตั้งสนง.ใหญ่ ปตท. ที่1,792 ล้านบาท โดยปตท.ระบุว่าการทำสัญญาขอใช้ที่ดินดังกล่าวครั้งแรกในนามการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) เมื่อปี 2526 โดยสร้างอาคารสำนักงานการแพทย์ 1 หลัง อาคารที่พักอาศัย 6 หลัง และปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคมอบให้แก่ร.ฟ.ท. เสมือนการซื้อขายที่ดินดังกล่าว
แต่เนื่องจากที่ดินของ ร.ฟ.ท.ไม่สามารถซื้อขายได้ จึงทำสัญญาเช่า 30 ปี และ ปตท.ได้สิทธิ์ในการต่อสัญญาอีก 30 ปีโดยไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทน แต่ ร.ฟ.ท.เห็นว่าเมื่อการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยแปรสภาพเป็นบริษัทจำกัดมหาชน ถือว่าผลผูกพันทางนิติกรรมได้สิ้นสุดลงแล้ว ทำให้ ร.ฟ.ท.มีสิทธิ์เรียกเก็บค่าใช้ที่ดินได้"
นอกจากนี้ช่วงที่ผ่านมาผู้บริหารของร.ฟ.ท.ยังได้แจ้งให้ ปตท.รับทราบถึง ผลการศึกษาที่ทางร.ฟ.ท.ว่าจ้างให้ศึกษาเรื่องผลตอบแทนการใช้พื้นที่ 23 ไร่ ที่ตั้งสนง.ใหญ่ ปตท. ซึ่งคำนวณค่าผลตอบแทนออกมาเป็นเงิน 1,792 ล้านบาท และให้ ปตท.ชำระครั้งเดียว เพื่อแลกกับการต่อสัญญาเป็นระยะเวลา 30 ปี หรือเฉลี่ยปีละ 59.73 ล้านบาท หรือเดือนละ 4.97 ล้านบาท โดย ปตท.ต่อรองขอจ่ายเป็นค่าเช่าที่ดิน 200 ล้านบาท และค่าเช่าใช้อาคารสิ่งปลูกสร้าง 600 ล้านบาท รวมเป็น 800 ล้านบาท
*อ้างปตท.ไม่ทำตามสัญญา
"สัญญาระหว่างร.ฟ.ท.และปตท. ไม่ได้เป็นสัญญาเช่าที่ดิน แต่เป็นสัญญาให้สิทธิ์ปตท. หรือการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยเมื่อ 30 ปีก่อนในการปลูกสร้างอาคารสำนักงานในพื้นที่ร.ฟ.ท. โดยปตท.ตกลงสร้างอาคารทดแทนให้พนักงานที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว จำนวน 6 หลัง และอาคารแพทย์ 1 หลัง มูลค่า 38 ล้านบาท โดยปตท.ไม่ได้จ่ายให้ร.ฟ.ท.เป็นเงินแต่จ่ายเป็นทรัพย์สิน
ทั้งนี้สัญญาให้สิทธิ์ดังกล่าวระบุว่าปตท.ต้องใช้พื้นที่ 23 ไร่ เป็นอาคารสำนักงาน หากจะนำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นจะต้องขอความเห็นชอบจากร.ฟ.ท.ก่อน ต่อมาปตท.ก่อสร้างสถานีบริการน้ำมันในพื้นที่ดังกล่าว โดยระบุว่าเพื่อเป็นสวัสดิการให้พนักงาน แต่ปตท.เปิดขายน้ำมันให้ประชาชนทั่วไปด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นปตท.ได้เปิดให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ใช้พื้นที่ส่วนหนึ่ง โดยเรียกเงินจากบีโอไอ 70 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าก่อสร้าง และทั้ง 2 เรื่องนี้ปตท.ไม่ได้เสนอขอความเห็นชอบจากร.ฟ.ท.แต่อย่างใด"
*หวั่นเจรจาล้มเหลวตามเคย
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่าสำหรับวงเงินค่าเช่าที่เสนอไปยังปตท.ในครั้งนี้คือ 1,792 ล้านบาทต่อระยะเวลา 30 ปีนั้น เป็นตัวเลขจากบริษัทที่ปรึกษาซึ่งคิดเป็นเงินเฉลี่ยเดือนละ 4.97 ล้านบาท แต่เมื่อเทียบกับบริษัทจำกัดมหาชนที่มีกำไรปีละแสนล้านบาท สามารถจ่ายโบนัสให้พนักงานได้ปีละ 10 เดือนจึงน่าจะมีความสามารถจ่ายค่าเช่าในวงเงินดังกล่าวได้ ในขณะที่ร.ฟ.ท.มีภาระหนี้สินสะสม สถานีรถไฟทั่วประเทศและบ้านพักพนักงานขาดการบำรุงรักษาเพราะขาดงบประมาณ แต่ที่ผ่านมาปตท.ขอต่อรองเหลือ 800 ล้านบาท หรือเดือนละประมาณ 2 ล้านบาทเท่านั้น
"ดังนั้นจึงมีแนวโน้มเป็นไปได้ว่าการเจรจาในครั้งนี้ยังน่าเป็นห่วงอีกเช่นกันโดยเฉพาะการชี้สถานะของปตท.ของทางสำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.)เนื่องจากมีผู้แทนอัยการนั่งในตำแหน่งบอร์ดปตท.อยู่ด้วยในปัจจุบัน(งบรายงานประจำปีปตท.ปี 2556 ระบุนายอรรถพล ใหญ่สว่าง อัยการสูงสุด ได้รับแต่งตั้งเป็นก.ก.ปตท.เมื่อ 25 พ.ย 2556 ) จึงต้องลุ้นว่าร.ฟ.ท.จะหาเงินก้อนโตจากปตท.เพื่อนำมาปรับภาระหนี้ของร.ฟ.ท.ได้สำเร็จหรือไม่ วัดใจฝีมือของบอร์ดทั้ง 3 คนที่ได้รับแต่งตั้งให้เข้าไปเจรจาในครั้งนี้"
*ปตท.ยันจ่ายล่วงหน้าแล้ว
นายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะกรรมการบริหารความเสี่ยงองค์กร บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ปัญหาที่ดินอาคารสำนักงานใหญ่ ที่ทำสัญญาเช่ากับการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท.เป็นระยะเวลา 30ปี ซึ่งหมดอายุไปตั้งแต่วันที่ 31มีนาคม2556 แต่ทาง ร.ฟ.ท.ขอขึ้นค่าเช่า ทำให้ยังตกลงกันไม่ได้ ดังนั้นเรื่องจึงอยู่ระหว่างการพิจารณาของอสส. ส่วนกรณีที่ทาง ร.ฟ.ท.แจ้งว่าจะตั้งทีมเพื่อหารือข้อตกลงกับทาง ปตท.นั้น คาดว่าจะมีการหารือในที่ประชุมบอร์ดคราวหน้า
แหล่งข่าวดังกล่าว ยังยืนยันว่าสัญญาที่ปตท.ทำไว้กับร.ฟ.ท. มีการดำเนินการอย่างถูกต้องกับกรมที่ดิน และถือเป็นสัญญาเช่าเสมือนเป็นการซื้อขาด เนื่องจากได้จ่ายเงินล่วงหน้าก้อนใหญ่ไปให้กับทางร.ฟ.ท.แล้ว และไม่น่าจะต้องมีการคิดค่าเช่าใดๆอีก แต่เมื่อร.ฟ.ท.ขอเพิ่มค่าเช่ามา ปตท.ก็พร้อมที่จะจ่ายเงินส่วนนี้ให้ เพียงแต่ยังไม่สามารถตกลงอัตราที่เหมาะสมได้ จึงต้องให้อัยการสูงสุด เป็นผู้ชี้ขาดในเรื่องนี้
สอดคล้องกับนายปิติพันธ์ เทพปฏิมากรณ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทรัพยากรบุคคลและศักยภาพองค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้สัญญาเช่าที่ดินของ ร.ฟ.ท. อยู่ระหว่างการตีความของอัยการสูงสุด ซึ่งเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา ปตท. จ่ายเงินให้กับ ร.ฟ.ท. เพื่อเช่าที่ดินไปแล้ว 54 ล้านบาท และในสัญญายังระบุอีกว่า ปตท. สามารถต่อสัญญาได้อีก 30 ปี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย หลังจากหมดสัญญารอบแรกปี 2556 แต่ทางผู้บริหารของ ร.ฟ.ท.ไม่ยอมรับในสัญญานี้ จึงเป็นที่มาของการเรียกร้องค่าเช่าในส่วนการต่อสัญญาอีก 30 ปี เป็นจำนวนเงินกว่า 1,792 ล้านบาท ซึ่งทาง ปตท. จึงเสนอเรื่องดังกล่าวไปยังอัยการสูงสุดเป็นผู้ตัดสินต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44506
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 10/11/2014 11:32 am    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
ชาวชุมชนรถไฟบ่อบัว วอน “พล.อ.ประยุทธ์” ช่วยคืนความสุข หลังถูกนายทุนข่มขู่ไล่ที่รายวัน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 ตุลาคม 2557 19:26 น.

8-11-57 Nation X Files ตอน “ห้าง”ฮุบชุมชนรถไฟบ่อบัว

ชาวบ้านชุมชนตลาดบ่อบัว จ.ฉะเชิงเทรากว่า 400 เรือน กำลังถูไล่รื้อถอนบ้านที่อาศัยอยู่มาเกือบ­ร้อยปี กลุ่มทุนอ้างสิทธิ์เช่าที่ดินการรถไฟหวังแ­ปรสภาพพื้นที่เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ทางรอดชุมชนจะเป็นอย่างไร

Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 14/11/2014 12:47 am    Post subject: Reply with quote

การรถไฟฯ ชะลอแผนพัฒนา 3 ทำเลทอง
ข่าวค่ำ ตรงประเด็น
Now TV 26
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2557

การรถไฟฯสรุป แผนพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์ เหลือนำร่อง 1 ที่สถานีกลางบางซื่อ หลังเจอปัญหาเวนคืนที่ดิน

นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการ การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือรฟท.เปิดเผยว่าการประชุมคณะกรรมการเมื่อวานนี้ ได้พิจารณาแผนการฟื้นฟูกิจการของการรถไฟ ในส่วนของการนำที่ดินมาพัฒนาเพื่อให้เกิดประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ โดยขณะนี้สรุปแผนว่าจะนำเพียงพื้นที่แห่งเดียวมาพัฒนาคือพื้นที่บริเวณสถานีกลางบางซื่อ ส่วนอีก 3 แห่งที่เคยอยู่ในแผนให้ชะลอออกไปก่อน คือบริเวณช่องนนทรี สถานีแม่น้ำ/ จตุจักร/ และมักกะสัน เพราะยังติดปัญหาเรื่องการเวนคืนที่ดิน เช่นที่จตุจักรเป็นที่พักของพนักงานรถไฟ ที่มักกะสันยังเอกชนเช่าใช้อยู่

การรถไฟฯเล็งจ้างที่ปรึกษาพัฒนา”บางซื่อ”

ส่วนข้อสรุปเบื้องต้นในการพัฒนาที่ดินสถานีกลางบางซื่อ คือให้การรถไฟจ้างบริษัทที่ปรึกษามาศึกษาความคุ้มค่าการลงทุน รวมถึงแนวทางการให้เอกชนเข้ามาพัฒนา แต่ก่อนดำเนินการจ้างนั้นให้การรถไฟสรุปแผนการเชื่อมโยงสถานีกลางบางซื่อกับระบบขนส่งอื่น ๆในบริเวณใกล้เคียงให้ชัดเจน เช่นการเชื่อมโยงกับระบบทางด่วน การเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้า เป็นต้น

สถานีกลางบางซื่อมีพื้นที่อยู่กว่า 1 พันไร่ ที่จะเป็นศูนย์กลางระบบขนส่ง ทั้งรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ระบบขนส่งทางถนนเส้นพหลโยธิน วิภาวดี และรถไฟฟ้าใต้ดิน และบีทีเอส ซึ่งพื้นที่บริเวณดังกล่าวจะสามารถพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ได้ โดยการรถไฟมีเงื่อนไขว่า เอกชนที่จะเข้ามาต้องสร้างสำนักงานให้การรถไฟด้วย เพราะปัจจุบันสำนักงานการรถไฟที่ใช้อยู่ในบริเวณหัวลำโพงเก่ามาแล้ว
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 16/11/2014 11:16 pm    Post subject: Reply with quote

ทุ่ม5.5หมื่นล.ทำคอมเพล็กซ์ใต้ดินย่านบางซื่อ
เดลินิวส์
วันเสาร์ 15 พฤศจิกายน 2557 เวลา 21:55 น.

สนข.ผุดโครงการเชื่อมต่อการเดินทางศูนย์พหลโยธินทุ่ม5.5หมื่นล.ทำคอมเพล็กซ์ใต้ดินพร้อมทางเดินเชื่อม-จัดบีอาร์ทีบริการประชาชนคาดปี 58 เปิดประมูลหาผู้ก่อสร้างเร่งรัดให้เสร็จภายในปี 62

นายวิจิตรนิมิตรวานิชย์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบและการขนส่งจราจร(สพร.)สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.)เปิดเผยว่าขณะนี้สนข.ได้ทำการศึกษาโครงการพัฒนาระบบการเชื่อมต่อการเดินทางบริเวณศูนย์พหลโยธินเสร็จเรียบร้อยแล้วโดยเบื้องต้นจะแบ่งการเชื่อมต่อออกเป็น2ส่วนที่จะต้องดำเนินการคือ ในส่วนที่1จะทำเป็นทางเดินเชื่อมใต้ดินเพื่อเชื่อมสถานีกลางบางซื่อไปยังรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายบางซื่อ-ท่าพระและเชื่อมไปยังรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีหมอชิตระยะทาง1.5กิโลเมตรเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินทางให้แก่ประชาชนเพราะในอนาคตสถานีกลางบางซื่อจะเป็นจุดเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนทั้งนี้นอกจากจะเป็นทางเดินแล้วด้านล่างจะเป็นคอมเพล็กซ์สำหรับขายของได้ด้วย สนข.ได้ศึกษาและกำหนดให้ก่อสร้างโครงการในพื้นที่2,000ไร่ซึ่งเป็นพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)ใช้งบประมาณลงประมาณ 55,000ล้านบาทซึ่งโครงการดังกล่าวสามารถทำได้ง่ายเพราะไม่ต้องมีการเวนคืนเนื่องจากเป็นที่ของรฟท.ทั้งหมดโดยการลงทุนก่อสร้างเบื้องต้นจะใช้รูปแบบให้เอกชนเข้ามาลงทุนด้านโครงสร้างและให้สัญญาสัมปทานประมาณ30 ปี

นายวิจิตรกล่าวต่อว่า สำหรับในส่วนที่2ที่จะต้องดำเนินการจะเป็นการขนส่งแบบเชื่อมโยงโดยจะนำรถบีอาร์ทีเข้ามาวิ่งรับ-ส่งเพื่อให้บริการประชาชนโดยระยะแรกจะวิ่งรับ-ส่ง6 จุดเริ่มต้นจากสถานีกลางบางซื่อไปตามถนนกำแพงเพชร2สิ้นสุดที่ถนนวิภาวดีรังสิตเพื่อรับผู้โดยสารในพื้นที่สำคัญเช่นสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน บริษัทปตท.อาคารเอนเนอร์ยีคอมเพล็คเซ็นทรัลลาดพร้าว สำหรับระยะที่2จะวิ่งจากถนนวิภาวดีรังสิตผ่านกม.11 เข้าสู่บริเวณสถานีกลางบางซื่อแต่สำหรับระยะที่ 2นั้นจะต้องรอให้เกิดโครงการพัฒนาพื้นที่กม.11 ก่อนจึงจะสามารถดำเนินการต่อเนื่องกันได้เพราะจะต้องมีการศึกษาความต้องการของประชาชนเป็นหลัก อย่างไรก็ตามขณะนี้โครงการอยู่ระหว่างการว่าจ้างที่ปรึกษาออกแบบรายละเอียดเพื่อนำเสนอต่อกระทรวงคมนาคมและคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่ออนุมัติคาดว่าจะเร่งดำเนินการให้มีการเปิดประกวดราคาให้ได้ภายใน2558นี้เพราะโครงการจะต้องแล้วเสร็จให้ทันการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงบางซื่อ-รังสิตและการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ.
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44506
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 23/11/2014 2:27 pm    Post subject: Reply with quote

คมนาคม ทุบโต๊ะยกที่มักกะสัน 500ไร่ ให้คลัง ปล่อยเช่า99ปี ปลดหนี้7หมื่นล้าน - ยกเครื่องรถไฟ-ซื้อหัวรถจักร
ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
Arrow http://pantip.com/topic/32891751
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 25/11/2014 10:50 am    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
คมนาคม ทุบโต๊ะยกที่มักกะสัน 500ไร่ ให้คลัง ปล่อยเช่า99ปี ปลดหนี้7หมื่นล้าน - ยกเครื่องรถไฟ-ซื้อหัวรถจักร
ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
Arrow http://pantip.com/topic/32891751


คมนาคมทุบโต๊ะยกที่มักกะสัน500ไร่ให้คลัง ปล่อยเช่า99ปีปลดหนี้7หมื่นล้าน
ประชาชาติธุรกิจ
ฉบับวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 15:16:10 น.


"บิ๊กจิน" เร่งแก้หนี้แสนล้านการรถไฟ แต่งตัวรอรับรถไฟทางคู่ และมินิไฮสปีดเทรน โละที่ดิน "มักกะสัน" 497 ไร่ ให้คลังพัฒนาระยะยาว 99 ปี แลกหนี้ 7 หมื่นล้าน ดึงเอกชนลงทุนคอมเพล็กซ์ยักษ์สถานีกลางบางซื่อแสนล้าน ปลดแอกภาระบำนาญ คาดกลาง ธ.ค.นี้ส่งแผนฟื้นฟูซูเปอร์บอร์ดอนุมัติ คาดปีེ พลิกกำไรเป็นบวก จี้ประมูลโครงการใหม่ตกค้างอื้อซ่า สางปัญหาทางคู่ "ฉะเชิงเทรา-คลอง 19-แก่งคอย" ซื้อแน่รถใหม่แอร์พอร์ตลิงก์ 7 ขบวน มูลค่า 4.8 หมื่นล้าน เปิดประมูล ม.ค.ปีหน้า

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้เร่งรัดให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการแก้ไขภาระหนี้มีอยู่ประมาณ 1.1 แสนล้านบาทให้คลี่คลาย เตรียมรองรับการลงทุนครั้งใหญ่ ไม่ว่ารถไฟทางคู่ราง 1 เมตร เร่งด่วน 5 สายทาง จะเริ่มก่อสร้างปีหน้า และรถไฟทางคู่รางมาตรฐาน 1.435 เมตร มีแผนจะก่อสร้างปี 2559 รวมถึงจะต้องเตรียมพร้อมเรื่องคนที่จะรับเพิ่ม และดึงมืออาชีพมาเสริม ขณะนี้แผนฟื้นฟูโดยรวมชัดเจนแล้ว จะนำเสนอต่อที่ประชุมซูเปอร์บอร์ดอนุมัติกลางเดือนธันวาคมนี้

เซ้งหนี้ 7 หมื่นล้านให้รัฐ

แผน ฟื้นฟู ประกอบด้วย 1.ปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ 2.เพิ่มการให้บริการ เช่น ขนส่งสินค้า กำหนดรายได้การเดินรถแต่ละขบวนเป็นเคพีไอ (ตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน) ให้ใช้เวลาเดินรถไม่เกิน 11 ชั่วโมง ถ้าเกินจะมีค่าปรับ จะเริ่มตั้งแต่ปีหน้า รวมถึงจะเพิ่มการขนส่งแบบ Door To Door โดยให้เอกชนเข้ามาร่วมดำเนินการด้วย เช่น ขนส่งพัสดุภัณฑ์ต่าง ๆ จะทำให้การขนส่งสินค้าครบวงจรมากขึ้น และเพิ่มการรักษาความสะอาดรถโดยสารชั้น 3 ให้มีระบบความปลอดภัย และมีการทำประกันภัยบุคคลที่ 3

3.จัดทำบัญชีทรัพย์สินและมูลค่า ทรัพย์สินเพื่อบริหารจัดการได้มูลค่าเพิ่มขึ้นและถูกต้อง เช่น ที่ดินย่านไหนจะพัฒนาเชิงธุรกิจ พื้นที่สวนสาธารณะ อาจมีที่ดินบางแปลงต้องยกให้กระทรวงการคลังนำไปพัฒนา เพื่อแลกหนี้ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท รวมถึงภาระหนี้บำเหน็จบำนาญด้วย ที่เป็นภาระต่อเนื่องระยะยาว เฉลี่ยปีละกว่า 3,000 ล้านบาท

"จะให้รัฐโดยกระทรวงการคลังรับภาระ หนี้ 7 หมื่นล้านบาท แนวทางคือรถไฟจะโอนที่ดินแลกหนี้ 5 หมื่นล้านบาท จะให้คลังพัฒนาระยะยาวหรือร่วมกันพัฒนาก็ได้ในรูปแบบการเช่าใช้ระยะยาว หนี้ที่เหลือจะให้คลังช่วยด้วยการหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้" พล.อ.อ.ประจินกล่าวและว่า

แยกแอร์พอร์ตลิงก์บริหารอิสระ

สำหรับ แผนฟื้นฟูจะมีกรอบเวลาดำเนินการ 10 ปี (2558-2567) คาดว่าหลังปี 2562 จะทำให้การรถไฟฯมีกำไรก่อนหักค่าเสื่อม (อีบิตด้า) เป็นบวก จากนั้นคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกเรื่อย ๆ เนื่องจากโครงการใหม่ที่สร้างเสร็จ เช่น รถไฟฟ้าสายสีแดง รถไฟทางคู่จะเปิดบริการ ทำให้รายได้ค่าโดยสารและขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น รวมถึงรายได้จากการบริหารทรัพย์สินบริเวณโดยรอบสถานีด้วย

"ส่วน แอร์พอร์ตลิงก์ให้รถไฟและบริษัทลูกไปหารือร่วมกันถึงการแบ่งแยกทรัพย์สินและ การบริหารงานเป็นอิสระออกจากกัน แต่การรถไฟยังถือหุ้นอยู่ 100%"

นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฯ กล่าวว่า แนวทางแก้หนี้ของการรถไฟฯให้เป็นศูนย์ คือต้องนำที่ดินไปแลกกับภาระหนี้ที่จะให้กระทรวงการคลังรับภาระแทน เพื่อตัดหนี้บางส่วน ซึ่งเคยกำหนดไว้ มีหลายแปลง แต่ยังไม่สรุป เช่น มักกะสัน สถานีแม่น้ำ บริเวณ กม.11 เป็นต้น เนื่องจากภาระหนี้รถไฟมีมากกว่า 1 แสนล้านบาท โดยรวมหนี้สินรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์อีก 33,229 ล้านบาท ที่เหลือ 76,088 ล้านบาท เป็นหนี้ที่เกิดจากการดำเนินงาน 50,280 ล้านบาท เงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่อง เช่น เกษียณอายุ ค่าน้ำมัน ค่าก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน 13,950 ล้านบาท หนี้จากรถจักรและล้อเลื่อน 11,856 ล้านบาท

"จะเซตซีโร่หนี้รถไฟ รัฐต้องรับภาระให้หมด ทำให้อีบิตด้าเป็นบวกปีེ จำนวน 663 ล้านบาท มีกำไรปี 2563 จำนวน 2,668 ล้านบาท อยู่ที่คลังจะรับข้อเสนอหรือไม่"

ยกที่ "มักกะสัน" ให้คลังแลกหนี้

แหล่ง ข่าวจากการรถไฟฯกล่าวว่า ได้ข้อสรุปจะนำที่ดินมักกะสัน พื้นที่ 497 ไร่ ให้กระทรวงการคลังพัฒนาระยะยาว 99 ปี เพื่อแลกหนี้ของการรถไฟฯ ประมาณ 55,815 ล้านบาท เท่ากับมูลค่าที่ดินที่ประเมินไว้ แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องมีพื้นที่สำหรับทำเป็นสวนสาธารณะ (พื้นที่สีเขียว) ให้กับคนกรุงเทพฯ ส่วนภาระหนี้บำเหน็จบำนาญ จะนำรายได้จากการพัฒนาที่ดินสถานีกลางบางซื่อ จำนวน 218 ไร่ ที่บอร์ดสั่งให้การรถไฟฯศึกษาโครงการ จะให้เอกชนมาร่วมลงทุนพัฒนาคอมเพล็กซ์ยักษ์ มูลค่าโครงการ 1 แสนล้านบาท รองรับกับการเปิดใช้รถไฟสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต ปี 2560-2561

พล.อ.อ. ประจินกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ยังได้ติดตามโครงการประมูลของการรถไฟฯยังค้างคาให้เสร็จโดยเร็ว เช่น ทางคู่สายฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย 106 กม. วงเงิน 11,272 ล้านบาท ที่เปิดประมูลไปแล้ว ล่าสุดกำลังหารือไปยังกรมบัญชีกลาง หลังสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีข้อคิดเห็นถึงการนำวงเงินซื้อเครื่องจักรมารวมกับสัญญางาน คาดว่าเดือนธันวาคมนี้จะเปิดประมูลได้

เร่งจัดซื้อหัวรถจักร-แคร่สินค้า

อีก ทั้งเร่งแก้ปัญหาของรถไฟชานเมืองสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) ทั้ง 3 สัญญา โดยเฉพาะสัญญาที่ 3 งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลรวมรถไฟฟ้า ยังต่อรองราคากับกลุ่มกิจการร่วมค้ามิตซูบิชิ-ฮิตาชิ-ซูมิโตโมไม่เสร็จ เนื่องเสนอราคาเกินจากราคากลางกำหนดไว้ 28,899 ล้านบาท รวมถึงเร่ง จัดซื้อหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้าพร้อมอะไหล่ 50 คัน วงเงิน 5,750 ล้านบาท จัดซื้อแคร่สินค้า 308 คัน วงเงิน 770 ล้านบาท วางระบบโทรคมนาคมให้เชื่อมต่อระหว่างสถานีต่อสถานี และรถไฟทางคู่ที่พร้อมประมูลก่อสร้าง เช่น สายจิระ-ขอนแก่น และประจวบฯ-ชุมพร จะเร่งเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการปีนี้

ส่วน ที่เหลือให้ไปดูปัญหาว่าติดขัดอยู่ขั้นตอนไหน เช่น รายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) คาดว่าต้นปีหน้าจะเปิดประมูลก่อสร้าง ส่วนสายใหม่อีก 8 เส้นทางจะออกแบบรายละเอียดเสร็จปีหน้า แล้วเริ่มก่อสร้างปี 2559 และเร่งให้ซื้อรถแอร์พอร์ตลิงก์ 7 ขบวน วงเงิน 4,800 ล้านบาท จะเปิดประมูลเดือนมกราคมปีหน้า
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 25/11/2014 5:30 pm    Post subject: Reply with quote

เคาะ1.3พันล้านค่าเช่าปตท.30 ปี
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ อสังหา REAL ESTATE -
คอลัมน์ : อสังหาฯ-คมนาคม
ออนไลน์เมื่อ วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2014 เวลา 12:57 น.
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 3,003 วันที่ 23 - 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สรุปค่าเช่าปตท.สำนักงานใหญ่ หลังผลเจรจายืดเยื้อมานานกว่า 1 ปีเตรียมชง 2 แนวทาง คือ จัดเก็บ 1,200 ล้านบาท(ไม่รวมอาคารบีโอไอ) และเก็บ 1,300 ล้านบาท(รวมบีโอไอ)ตลอดระยะเวลาเช่า 30 ปี เสนอบอร์ดร.ฟ.ท.พิจารณา ด้านคณะอนุกรรมการทรัพย์สินร.ฟ.ท.เร่งเคลียร์ที่ดินแปลงยักษ์สร้างรายได้เพิ่ม
alt แหล่งข่าวระดับสูงการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าล่าสุดผลการหารือร่วมระหว่างผู้แทนคณะกรรมการ(บอร์ด)ร.ฟ.ท.กับผู้แทนของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในกรณีค่าเช่าที่ดินอาคารปตท.สำนักงานใหญ่ บนพื้นที่ 23 ไร่ในย่านกิโลเมตรที่ 11 พหลโยธินโดยครบกำหนดไปเมื่อเดือนมีนาคม 2556 ที่ผ่านมาได้ข้อยุติแล้วเมื่อคณะอนุกรรมการทรัพย์สินเตรียมรายงานให้บอร์ดทราบในการประชุมบอร์ดครั้งต่อไป
ทั้งนี้ผลการหารือมี 2 แนวทางที่จะนำเสนอให้บอร์ดร.ฟ.ท.พิจารณาคือ 1.จัดเก็บในอัตราค่าเช่าจำนวน 1,200 ล้านบาท/30 ปี โดยไม่รวมกับค่าเช่าอาคารสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) และ 2. จัดเก็บในอัตรา 1,300 ล้านบาท/30 ปี (รวมค่าเช่าบีโอไอ)แล้ว โดยการเจรจาครั้งล่าสุดนี้ปตท.จะจ่ายให้เป็นเงินก้อนเดียว โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ส่วนกรณีที่มีบีโอไอเข้ามาเกี่ยวข้องเพราะมีการก่อสร้างทางเดินเชื่อมโยงถึงกันอยู่จึงนำเข้ามาสู่ประเด็นของการเจรจาในครั้งนี้ด้วย
"ปตท.เสนอราคามาแล้ว 1,200 ล้านบาท กับ 1,300 ล้านบาท(รวมเอาพื้นที่ของบีโอไอเข้าไว้ด้วยแล้ว) ซึ่งราคาเช่าดังกล่าวคณะอนุกรรมการทรัพย์สินร.ฟ.ท.เห็นว่ามีความเหมาะสมแล้ว ทั้งนี้ราคาเดิมที่ได้มีการนำเสนอช่วงที่ผ่านมาร.ฟ.ท.กำหนดไว้ที่อัตรา 1,792 ล้านบาท โดยคณะกรรมการฝ่ายปตท.อยู่ระหว่างการนำเสนอให้บอร์ดปตท.อนุมัติด้วยเช่นกัน ผลการเจรจาร่วมกันไม่มีเงื่อนไขพิเศษใด ๆ โดยเฉพาะค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ร.ฟ.ท.คงต้องจ่ายตามปกติต่อไป ขึ้นอยู่กับว่าปตท.จะจ่ายเงินให้กับบีโอไอด้วยหรือไม่ หรือบีโอไอจะของบประมาณจากรัฐบาลเนื่องจากจัดเป็นสำนักงานของส่วนราชการ"
ด้านพล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง กรรมการบอร์ดร.ฟ.ท.ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการทรัพย์สิน ร.ฟ.ท. กล่าวภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการทรัพย์สินร.ฟ.ท.ครั้งล่าสุดถึงความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่ย่านพหลโยธินนั้นจัดอยู่ในผลการศึกษาของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.)ศึกษาอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจัดเป็นศูนย์รวมโครงการรถไฟ รถไฟฟ้า คอมเพล็กซ์ แหล่งช็อปปิ้งมอลล์ อุโมงค์ลอดใต้ดินเพื่อการเชื่อมโยง ดังนั้นหากแผนการพัฒนาพื้นที่ย่านพหลโยธินลงตัวทั้งหมดแล้ว ร.ฟ.ท.จึงจะเดินหน้าพัฒนาพื้นที่ในส่วนที่เหลือให้เกิดประโยชน์ต่อเนื่องกันไป
นอกจากนั้นที่ประชุมยังพิจารณาถึงความคืบหน้าการพัฒนาที่ดินแปลงสถานีแม่น้ำ แปลงมักกะสัน ที่ล่าสุดผู้บริหารกระทรวงคมนาคมได้ให้มีการกันพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้สร้างสวนสาธารณะเพื่อประชาชนทั่วไปใช้ประโยชน์โดยมอบหมายให้ร.ฟ.ท.เป็นผู้บริหารจัดการพื้นที่
"ส่วนพื้นที่ที่จะนำมาพัฒนาเชิงพาณิชย์จากทั้งหมดประมาณ 400 ไร่นั้นจะออกมาเป็นเฟสหรือแปลงที่มีความพร้อมก่อนเพื่อหารายได้จากการพัฒนาพื้นที่คืนให้กับร.ฟ.ท.ต่อไป โดยขณะนี้แปลงมักกะสันยังรอผลศึกษาด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) เนื่องจากมีการก่อสร้างสวนน้ำเอาไว้ในพื้นที่อีกส่วนหนึ่งด้วยเพื่อต้องการพัฒนาให้เป็นเลคเพื่อการพักผ่อนขนาดใหญ่ ดังนั้นพื้นที่ที่เหลือจาก 2 ใน 3 อาจจะเหลือเพียง 1 ใน 3 ของพื้นที่ โดยปีหน้ายังจะขับเคลื่อนการพัฒนาทั้ง 3 แปลงคู่ขนานกันไป"
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 12/12/2014 12:58 pm    Post subject: Reply with quote

ร.ฟ.ท.ชงแผนพัฒนาที่ดินทำเลทอง
โดย ทีมข่าวเศรษฐกิจ
ไทยรัฐ
12 ธันวาคม 2557 05:45

นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ร.ฟ.ท.ได้ส่งแผนฟื้นฟูกิจการให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้ว มีทั้งเรื่องการลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ รวมถึงการพัฒนาที่ดินที่มีศักยภาพของ ร.ฟ.ท.ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 4 แห่ง คือ
1. พื้นที่ย่านมักกะสัน
2. บริเวณสถานีแม่น้ำ
3. ย่านบางซื่อ และ
4. กม. 11 บริเวณ หลังสำนักงานใหญ่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

คาดว่าจะสร้างรายได้ให้ ร.ฟ.ท.ในอนาคต ส่วนรูปแบบการลงทุนพัฒนาพื้นที่กำหนดไว้ 2 รูปแบบ คือ

1. การร่วมลงทุน และให้สิทธิ์ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนและแบ่งผลประโยชน์นั้น โดย ร.ฟ.ท.จะมีรายได้จาก 2 ส่วน ที่ จะสร้างรายได้ให้ ร.ฟ.ท.เพิ่ม เติมประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม ต้องศึกษาความชัดเจนอีกครั้ง คือ
1.1 รายได้จากค่าเช่าพื้นที่ และ
1.2 ส่วนแบ่งรายได้

“การพัฒนาแต่ละพื้นที่ต้องกำหนดให้มีพื้นที่สีเขียวด้วย เช่น พื้นที่ย่านมักกะสัน 500 ไร่ ก็จะเป็นพื้นที่สีเขียว ซึ่งไม่ก่อให้เกิดรายได้ประมาณ 200 ไร่ ส่วนที่เหลือก็จะพัฒนาเป็นคอมเพล็กซ์ เป็นต้น ส่วนพื้นที่สถานีแม่น้ำ จะพัฒนาพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาประมาณ 1.4 กิโลเมตร เป็นสวนหย่อมให้มีความสวยงามด้วย

นายออมสินกล่าวว่า ส่วนเงินลงทุนนั้น ได้ประเมินเบื้องต้นแต่ละพื้นที่ไว้ โดยพื้นที่มักกะสัน ใช้เงินลงทุน 200,000 ล้านบาท พื้นที่สถานีแม่น้ำ 100,000 ล้านบาท และย่านบางซื่อ 100,000 ล้านบาท รวม 400,000 ล้านบาท หากพัฒนาตามแผนงานจะช่วยลดภาระหนี้สิน ร.ฟ.ท.ได้ 100,000 ล้านบาท ถ้าหากพิจารณาผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 56-57 พบว่าขาดทุนเพียง 2,500 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นการขาดทุนจากบำเหน็จบำนาญ 4,000 ล้านบาท ชำระดอกเบี้ยเงินกู้ 3,400 ล้านบาท ค่าเสื่อมราคา 4,000 ล้านบาท รวมขาดทุน 10,000 ล้านบาทต่อปี

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ อนุกรรมการคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ จะหารือถึงแผนฟื้นฟูหน่วยงานรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงคมนาคม จากนั้นจึงจะนำเสนอ คนร.พิจารณาต่อไป ดังนั้นในระหว่างนี้จึงไม่สามารถให้รายละเอียดได้ต้องรอเสนอ คนร.ก่อน.
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 106, 107, 108 ... 197, 198, 199  Next
Page 107 of 199

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©