Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311283
ทั่วไป:13264046
ทั้งหมด:13575329
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 108, 109, 110 ... 197, 198, 199  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 11/01/2015 11:53 pm    Post subject: Reply with quote

ปตท.รายได้2ล้านล.ยื้อจ่ายค่าเช่าที่รฟท.ใหม่พันล.!ของเก่าควักแค่54 ล./30ปี

เขียนโดยisranews
หมวดหมู่เรื่องเด่น -
สำนักข่าวอิศรา
วันอาทิตย์ ที่ 09 พฤศจิกายน 2557 เวลา 09:00 น.

ปตท.ยื้อจ่ายค่าเช่าที่ "รฟท." สนง.ใหญ่ วิภาวดี ฉบับใหม่ หลักพ้นล้าน หลังหมดสัญญาได้รับสิทธิเข้าใช้ประโยชน์ยาวนาน 30 ปี ตั้งแต่ 1 เม.ย.26-มี.ค.56 ควักแค่ 54 ล้าน -ล่าสุดแจ้งรายได้ปี 56 วงเงิน 2.5 ล้านล้าน ฟันกำไร 6.3 หมื่นล้าน

pttt9-11-12

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ขณะนี้บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กำลังอยู่ระหว่างเจรจาต่อรองอัตราค่าเช่าที่ดิน บริเวณสำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดีรังสิต กับทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ฉบับใหม่ หลังจากที่สัญญาเดิมซึ่งปตท.ได้รับสิทธิให้เข้าใช้ประโยชน์ ซึ่งกำหนดอายุสัญญาระยะเวลา 30 ปี หมดลงไปแล้ว ตั้งแต่ในช่วงสิ้นเดือนมีนาคม 2556 ที่ผ่านมา

แหล่งข่าวกล่าวว่า ในสัญญาเช่าเดิม กำหนดอายุสัญญาไว้ 30 ปี คือ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2526-31 มี.ค.2556 วงเงินรวมที่ปตท.ต้องจ่ายให้กับรฟท. 54 ล้านบาท แต่ในการเจรจาสัญญาเช่าที่ดินฉบับใหม่ ทางรฟท.ได้ขอปรับอัตราราคาค่าเช่าใหม่เป็นหลักพันล้านบาท เนื่องจากเห็นว่า ปตท.มีผลกำไรจากการประกอบธุรกิจจำนวนมาก ขณะที่สถานะของปตท.ก็เปลี่ยนไปจากอดีตไม่ใช่หน่วยงานราชการเหมือนเดิม ข้อตกลงในสัญญาเก่าควรจะยกเลิกไป

แต่ผู้บริหารของปตท.ไม่ยอมตกลง เนื่องจากเห็นว่าในสัญญาเช่าเดิมมีการระบุเงื่อนไขว่า เมื่อครบกำหนดการเช่าแล้ว รฟท.ยอมให้ปตท.ต่อสัญญาออกไปเป็นระยะๆ โดยการต่ออายุแต่ละครั้งมีกำหนดระยะเวลา 30 ปี โดยไม่มีค่าเช่าและค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อจะมีการต่อสัญญาใหม่ ควรยึดหลักข้อตกลงเดิม และอัตราค่าเช่าเท่าเดิม

แหล่งข่าวกล่าวว่า นับตั้งแต่อายุสัญญาการเช่าที่ดินของปตท.หมดลง เมื่อวันที่ 31 มี.ค.56 ทางรฟท.ได้ทำสัญญาแจ้งถึง ปตท. หลายครั้ง เพื่อเร่งรัดให้มีการต่อสัญญาฉบับใหม่โดยเร็ว

โดยข้อเสนอของ รฟท. ในการต่อสัญญาฉบับใหม่ มี 2 ทางเลือก คือ

1. กรณีต่ออายุสัญญา 20 ปี กำหนดอัตราชำระเงินครั้งเดียวในวันลงนามในสัญญาเป็นเงิน 1,338,100,000 บาท

2. กรณีต่ออายุสัญญา 30 ปี กำหนดอัตราชำระเงินครั้งเดียวในวันลงนามในสัญญาเป็นเงิน 1,792,300,000 บาท

(ดูเอกสารประกอบ)

ptt9-11-12

แหล่งข่าวกล่าวว่า ภายหลังผู้บริหาร ปตท.และรฟท. ได้ทำการเจรจาต่อรองหลายครั้ง ทางปตท.ยืนยันว่า จะเช่าที่ดินต่อไปในระยะเวลา 30 ปี แต่ขอให้ลดอัตราชำระเงินลงจากอัตรา 1,792,300,000 บาท ที่ รฟท.เสนอมา

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 28,572,457,250 บาท

ล่าสุดนำส่งงบดุลแสดงผลประกอบกิจการ ณ วันที่ 31 ธ.ค.56 แจ้งมีรายได้รวม 2,560,450,887,917 บาท

มีกำไรสุทธิ 63,988,240,609 บาท
///--------------

แผน"รฟท."ไล่ที่-ท่วงหนี้ ปตท.132 ล. สะดุด! สนง.อัยการสูงสุด ชี้ขาดไม่มีสิทธิ
วันอังคาร ที่ 06 มกราคม 2558 เวลา 16:53 น.
เขียนโดยisranews
หมวดหมู่เรื่องเด่น -
สำนักข่าวอิศรา

แผน"รฟท."ขับไล่ทีสำนักงานใหญ่- ปั้มน้ำมัน ปตท. ริมถนนวิภาวดีรังสิต แถมหนี้ค้าง 132 ล้าน สะดุด! สนง.อัยการสูงสุด ชี้ขาดไม่มีอำนาจ ติดขัดข้อผูกผันในสัญญาเก่า ต้องยินยอมให้ต่อใหม่ โดยไม่สามารถเรียกค่าเช่า-ตอบแทน ยาวนาน 30 ปีเต็ม ระบุชัดเหตุผลโต้แย้งฟังไม่ขึ้น

จากกรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กำลังอยู่ระหว่างเจรจาต่อรองอัตราค่าเช่าที่ดิน บริเวณสำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดีรังสิต กับทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ฉบับใหม่ หลังจากที่สัญญาเดิมซึ่งปตท.ได้รับสิทธิให้เข้าใช้ประโยชน์ ซึ่งกำหนดอายุสัญญาระยะเวลา 30 ปี หมดลงไปแล้ว ตั้งแต่ในช่วงสิ้นเดือนมีนาคม 2556 ที่ผ่านมา

(อ่านประกอบ :ปตท.ฟันรายได้ล้านล.ยื้อจ่ายค่าเช่าที่รฟท.ฉบับใหม่พันล.!ของเก่าควักแค่54 ล., เผยโฉมสัญญาประวัติศาสตร์ "ปตท.-รฟท."เช่าที่ยาว 30 ปีควักจ่ายแค่54 ล.!)

ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.57 ที่ผ่านมา นายวิโรจน์ เตรียมพงศ์พันธ์ รองผู้ว่าการกลุ่มยุทธศาสตร์และอำนวยการรักษาการแทนผู้ว่าการรถไฟแห่่งประเทศไทย (รฟท.)ได้ทำหนังสือถึงกรรมการผู้จัดการบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เพื่อขอให้รื้อถอนอาคารพร้อมทั้งชำระค่าใช้ประโยชน์ที่ดินที่ค้างชำระ

โดยระบุว่า ตามที่ รฟท. ทำหนังสือสัญญาก่อให้เกิดสิทธิเหนือพื้นดิน ระหว่าง รฟท. กับ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ชื่อเดิมของบริษัท ปตท.) ลงวันที่ 1 เม.ย. 26 เพื่อก่อสร้างสำนักงานใหญ่ของ ปตท. และดำเนินการอื่นๆ ตามวัตถุประสงค์ของการปิโตรเลียม และทำหนังสือสัญญาเช่าที่ดิน ระหว่างกัน ลงวันที่ 14 ม.ค.34 เพื่อใช้เป็นทางขึ้น-ลง และลานจอดรถยนต์ใต้อาคารของผู้เช่า

ปรากฎว่าในระหว่างสัญญา ปตท. ได้ให้บุคคลภายนอกเช่าที่ทำการสำนักงานใหญ่ และดำเนินการนำที่ดินเช่าก่อสร้างเป็นสถานีบริการน้ำมัน ปตท. โดยมิได้แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร ให้ทราบ จึงถือว่าปตท.ประพฤติปฏิบัติผิดสัญญาทั้ง 2 ฉบับ กรณีต้องไม่กระทำการใดๆ ให้เช่าผิดไปจากลักษณะที่ทำประโยชน์ไว้ ซึ่งการดำเนินการต้องได้รับอนุญาตก่อน

และสัญญาทั้งสองฉบับได้สิ้นสุดแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 เม.ย.56 ปรากฎว่า ปตท.ไม่ได้ปฏิบัติตามสัญญารื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ขนย้ายทรัพย์สิน สิ่งของ รวมทั้งบริวารออกจากไปพื้นที่ดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งปตท.ทราบดีอยู่แล้วทำให้การรถไฟฯ ได้รับความเสียหายอย่างมาก

"ฉะนั้น โดยหนังสือฉบับนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย ขอแจ้งให้ท่านดำเนินการรื้อถอนอาคาร สำนักงานใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และส่วนควบอื่นๆ บริเวณพื้นที่เช่าริมถนนวิภาวดีรังสิต (นิคมรถไฟ กม.11) เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งขนย้ายทรัพย์สิน สิ่งของ รวมทั้งบริวารออกจากพื้นที่ดังกล่าว และขอให้ท่านชำระค่าใช้ประโยชน์ในที่ดินของการรถไฟฯ บริเวณดังกล่าว นับตั้งแต่วันที่สัญญาดังกล่าวสิ้นสุดลง คือ วันที่ 1 เม.ย.56 เป็นเงินเดือนละ 6,328,492 บาท จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2557 เป็นเงินจำนวน 132,898,332 บาท ให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทยภายในกำหนด 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ท่านได้รับหนังสือฉบับนี้ หากพ้นกำหนดแล้วท่านมิได้ดำเนินการใดๆ การรถไฟฯ มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินคดีกับท่านต่อไปตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด"


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตาม ข้อพิพากระหว่าง รฟท.กับ ปตท. ดังกล่าว ได้มีการนำส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาในช่วงปลายเดือนธันวาคม 57 ที่ผ่านมา และมีการแจ้งหนังสือตอบกลับมาให้ รฟท.รับทราบอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.57 ที่ผ่านมา

โดยสำนักงานอัยการสูงสุด พิจารณาแล้วเห็นว่า แม้ว่าการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย จะเปลี่ยนมาเป็น ปตท. แต่สิทธิตามสัญญาก่อให้เกิดสิทธิเหนือพื้นดินและสิทธิตามสัญญาเช่าที่ดินที่ได้ตกลงทำนิติกรรมสัญญาไว้กับ รฟท ย่อมโอนมาเป็นของ ปตท.

ส่วนกรณีสิทธิเหนือพื้นดิน เมื่อตามสัญญาก่อให้เกิดสิทธิเหนือพื้นดิน ในข้อ 2 วรรคสาม กำหนดไว้ว่า เมื่อครบกำหนดเวลา 30 ปี ในวันที่ 31 มี.ค.56 ตามวรรคแรกแล้ว รฟท.ยอมต่ออายุสัญญาให้ ปตท.ต่อไปอีกเป็นระยะๆ โดยการต่ออายุสัญญาแต่ละครั้งมีกำหนดเวลา 30 ปี โดยไม่มีค่าเช่าและค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น

ข้อกำหนดดังกล่าว รฟท.ได้แสดงเจตนาโดยชัดเจนสมบูรณ์ยอมผูกมัดตนที่จะต่ออายุสัญญาให้แก่ ปตท.จึงเป็นคำมั่นที่มีผลผูกพัน รฟท.

เมื่อปตท.ได้มีหนังสือแจ้ง รฟท.ขอต่ออายุสัญญาก่อให้เกิดสิทธิเหนือพื้นดินต่อไปอีก 30 ปี ก่อนระยะเวลาตามสัญญาเดิมสิ้นสุดลง รฟท. จึงไม่อาจปฏิเสธหรือโต้แย้งได้ และต้องยินยอมทำสัญญาต่ออายุสัญญาก่อให้เกิดสิทธิเหนือพื้นดินให้แก่ ปตท.โดยไม่มีค่าเช่าหรือค่าตอบแทนใดๆ ตามคำมั่นที่ได้ให้ไว้ต่อ ปตท.

ส่วนกรณที่ รฟท. กล่าวอ้างว่า ปตท.กระทำผิดสัญญาก่อให้เกิดสิทธิเหนือพื้นดิน โดยยินยอมให้บุคคลภายนอกเข้าใช้ประโยชน์ภายในอาคารสำนักงานโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก รฟท.และกระทำผิดสัญญาเช่าที่ดิน โดยใช้ที่ดินที่เช่าก่อสร้างเป็นสถานีน้ำมัน ปตท. อันเป็นการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก รฟท.ก่อนนั้น

เห็นว่า รฟท.ได้ทราบเหตุที่อ้างว่าผิดสัญญาดังกล่าวมาโดยตลอด เป็นระยะเวลาอันยาวนานก่อนวันครบกำหนดสัญญาทั้งสองฉบับ แต่ไม่เคยบอกกล่าวให้แก้ไขหรือทักท้วงหรือใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา โดยยังคงให้ปตท.ใช้ประโยชน์ที่ดินดำเนินการดังกล่าวต่อไป จึงถือได้ว่า รฟท.ไม่ถือเอาข้อกำหนดของสัญญาดังกล่าวเป็นข้อสาระสำคัญอีกต่อไป

รฟท.จึงไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อกล่าวอ้างที่จะไม่ต่ออายุสัญญาก่อให้เกิดสิทธิเหนือพื้นดิน ให้แก่ ปตท.ได้

สำนักงานอัยการสูงสุด ยังพิจารณาแล้วเห็นว่า รฟท.ไม่อาจเรียกร้องให้ ปตท. ชำระค่าเช่าหลังจากครบกำหนดการเช่า 3 ปี ในอัตราค่าเช่าที่สูงกว่าที่กำหนดในสัญญาเช่าเดิมได้

"จึงวินิจฉัยว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยังคงมีความผูกพันตามคำมั่นในสัญญาก่อให้เกิดสิทธิเหนือพื้นดิน ข้อ 2 วรรคสาม ที่จะต้องทำสัญญาต่ออายุสัญญาก่อให้เกิดสิทธิเหนือพื้นดินให้กับ ปตท.มีกำหนด 30 ปี นับแต่วันที่ 1 เมษายน 2556 เป็นต้นไป โดยไม่มีค่าเช่าและค่าตอบแทนใดๆ และการเช่าที่ดินตามสัญญาเช่าในข้อพิพากนี้ เป็นการเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลา โดยรฟท.กับ ปตท.ยังคงผูกพันตามข้อสัญญาเช่าที่ดินที่ได้ทำไว้ต่อกันจนกว่า รฟท.จะแจ้งบอกเลิกสัญญาเช่าตามมาตรา 566 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

โดยที่เป็นกรณีหน่วยงานของรัฐพิพาทกันเอง สมควรที่การรถไฟแห่งประเทศไทย และบริษัท ปตท.(จำกัด) มหาชน จะได้เจรจากันโดยตรงอีกครั้งหนึ่ง จึงเรียนมาเพื่อทราบและพิจารณาดำเนินการดังกล่าวข้างต้น หากไม่สามารถตกลงกันได้หรือมีข้อโต้แย้งประการใด ขอให้แจ้ง สำนักงานอัยการสูงสุดทราบภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือนี้ เมื่อพ้นกำหนดแล้วสำนักงานอัยการสูงสุดจะได้เสนอเรื่องให้คณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินการคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมติ ครม. วันที่ 12 ธ.ค.2549 พิจารณาตัดสินชี้ขาดต่อไป" หนังสือสำนักงานอัยการระบุ
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 13/01/2015 6:34 pm    Post subject: Reply with quote

การรถไฟฯสงวนสิทธิ์ฟ้องแพ่งปตท.132ล้าน
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ อสังหา REAL ESTATE -
คอลัมน์ : อสังหาฯ REAL ESTATE
ออนไลน์เมื่อ วันศุกร์ที่ 09 มกราคม 2015 เวลา 06:43 น.
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,017 วันที่ 11 - 14 มกราคม พ.ศ. 2558

ร.ฟ.ท.ร้องศาลยุติธรรม ฟ้องคดีทางแพ่งให้ปตท.ชำระค่าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ 132 ล้านหลังสิ้นสุดสัญญาพร้อมให้รื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างหลังผลการเจรจาค่าเช่ากว่า 1.2 พันล้านไม่เป็นผลแถมส่อแววยืดเยื้อโดยอสส.ชี้สถานะให้มีผลบวกกับปตท.ตามสัญญาเดิม ฮึดทวงความยุติธรรมขอใช้สิทธิ์เหนือผืนดิน
พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง กรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) และในฐานะประธานคณะกรรมการฝ่ายทรัพย์สินร.ฟ.ท. เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าล่าสุดฝ่ายอาณาบาลหรือฝ่ายกฎหมายของร.ฟ.ท.ทำหนังสือแจ้งไปยังบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) แล้วถึงกรณีที่ขอสงวนสิทธิ์เรียกค่าเช่ากรรมสิทธิ์เหนือผืนดิน พร้อมขอเรียกเก็บค่าใช้ประโยชน์ในพื้นที่หลังสิ้นสุดสัญญาเช่าพื้นที่ก่อสร้างอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน)ในพื้นที่กม.11 ย่านพหลโยธินนับตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2556
"พร้อมกันนี้ร.ฟ.ท.ยังฟ้องร้องทางคดีแพ่งต่อศาลยุติธรรมตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2557 ที่ผ่านเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมและเรียกร้องสิทธิ์ค่าใช้ประโยชน์ในพื้นที่เป็นเงิน 132 ล้านบาทนับตั้งแต่ 31 มีนาคม 2556 - 31 ธันวาคม 2557 พร้อมกับให้ปตท.รื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างออกไปจากพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อหารายได้มาปรับลดภาระหนี้ของร.ฟ.ท.ซึ่งค่าเช่าอัตราที่เสนอไปยังเห็นว่าปตท.จะยอมรับได้"
ประเสริฐ อัตตะนันทน์ประเสริฐ อัตตะนันทน์ขณะที่ นายประเสริฐ อัตตะนันทน์ รักษาการผู้ว่าการร.ฟ.ท.กล่าวว่าปมกรณีค่าเช่าที่ผ่านมาปตท.รอให้สำนักงานกฤษฎีกาชี้ชัดสถานะที่ชัดเจนก่อนแล้วจึงจะนำเสนอเรื่องอัตราค่าเช่าที่คณะกรรมการของร.ฟ.ท.และปตท.เจรจาตกลงกันได้แล้วคือ 1,200-1,300 ล้านบาทต่อ 30 ปีให้คณะกรรมการ(บอร์ด)ปตท.พิจารณาเห็นชอบ
"ส่วนกรณีหลังจากนี้เมื่อกฤษฎีกาชี้ชัดออกมาแล้วว่าเป็นผลบวกตามสัญญาเดิมของปตท. ทำให้ร.ฟ.ท.จะดำเนินการตามแนวทางที่ถูกต้องต่อไปเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ในฐานะเจ้าของพื้นที่ ซึ่งจะนำเรื่องนี้เข้ารายงานต่อคณะกรรมการร.ฟ.ท.ในวันที่ 13 มกราคมนี้เพื่อรอสั่งการให้ดำเนินการอย่างใดต่อไป"
ด้านพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เรื่องนี้จะสอบถามความชัดเจนกับรักษาการผู้ว่าการร.ฟ.ท.ต่อไปในเบื้องต้นทราบเพียงว่านิติกรรมเดิมทำในนามร.ฟ.ท.กับการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย แต่ปัจจุบันสถานะของปตท.เปลี่ยนเป็นบริษัทมหาชนแล้วจึงควรจะชำระค่าเช่าตามอัตราที่เหมาะสม
"ต้องเข้าใจก่อนว่าที่ดินของร.ฟ.ท.ต้องสามารถให้เช่าเพื่อสร้างรายได้กลับคืน ฉะนั้นเมื่อปตท.มีสัญญาเช่าแล้วต้องดูเงื่อนไข หากสิ้นสุดแล้วก็ต้องเจรจาว่าจะประสงค์เช่าต่อไปหรือไม่อย่างไร จึงต้องขอไปดูรายละเอียดการพิจารณาของอัยการสูงสุด(อสส.)อีกครั้งว่าออกมาเป็นอย่างไร หลังจากนั้นจึงจะให้มีการเจรจาหาข้อสรุปทั้ง 2 หน่วยงานโดยเร็ว"
ทั้งนี้ข้อเสนอที่ร.ฟ.ท.ยื่นต่อปตท.จากผลการหารือมี 2 แนวทางให้พิจารณาคือ 1.จัดเก็บในอัตราค่าเช่าจำนวน 1,200 ล้านบาท/30 ปี โดยไม่รวมกับค่าเช่าอาคารสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) และ 2. จัดเก็บในอัตรา 1,300 ล้านบาท/30 ปี (รวมค่าเช่าบีโอไอ)แล้ว โดยการเจรจาครั้งล่าสุดนี้ ปตท.จะจ่ายให้เป็นเงินก้อนเดียว โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ส่วนกรณีที่มีบีโอไอเข้ามาเกี่ยวข้องเพราะมีการก่อสร้างทางเดินเชื่อมโยงถึงกัน
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 15/01/2015 2:35 pm    Post subject: Reply with quote

ร.ฟ.ท.มึนตึ้บ อัยการตีความ ปตท.ต่อสัญญาใช้ที่ดินอีก 30 ปีโดยไม่ต้องจ่ายสักบาท


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
14 มกราคม 2558 18:58 น.




“ออมสิน” เผยอัยการตีความ ปตท.ต่อสัญญาใช้ที่อีก 30 ปีแบบไม่มีค่าใช้จ่าย ดิ้นหาคนกลางเจรจา ชี้เสียเปรียบ เสียประโยชน์ เชื่อ ปตท.มีเงินจ่ายค่าเช่า 1,300 ล้าน

นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ปัญหาการเช่าที่ดินรถไฟ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) จำนวน 24 ไร่ ริมถนนวิภาวดีรังสิตนั้น ล่าสุดอัยการสูงสุดได้ตีความว่า เมื่อสิ้นสุดสัญญา ร.ฟ.ท.พึงต่อสัญญาให้ ปตท.อีกครั้งเป็นระยะเวลา 30 ปีได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ หรือ ปตท.จ่ายค่าเช่าแต่อย่างใด ซึ่งเป็นเรื่องที่ ร.ฟ.ท.เสียประโยชน์อย่างมาก และสัญญาที่เขียนไว้เมื่อ 30 ปีก่อนเป็นสัญญาที่ ร.ฟ.ท.เสียเปรียบอย่างมาก โดยอัยการให้ทั้งสองฝ่ายเจรจากันภายใน 30 วัน ถ้าเจรจากันไม่ได้ ให้นำเข้าคณะกรรมการเพื่อพิจารณาความเป็นธรรม ซึ่งมี รมว.กระทรวงยุติธรรมเป็นประธานและนำข้อสรุปเสนอ ครม.

ดังนั้นจะต้องรายงานต่อ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เพื่อเป็นคนกลางในการเจรจากับนายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.กระทรวงพลังงาน โดยมีผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท. และผู้บริหาร ปตท.ร่วมเจรจาให้ได้ข้อยุติใน 30 วัน เชื่อว่าน่าจะเจรจากันได้ด้วยดี เพราะ ปตท.ไม่น่าจะมีปัญหาในการจ่ายค่าเช่าที่ 1,300 ล้านบาทตลอดอายุสัญญา 30 ปี

ด้าน พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยทางประธานบอร์ด ร.ฟ.ท.แจ้งว่าจะนัดหารือกับนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.อีกครั้งเร็วๆ นี้เพื่อหาข้อยุติ ซึ่งเบื้องต้นมีวงเงินค่าเช่าที่เหมาะสมอยู่แล้ว แต่มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการเจรจาขอปรับลดลงอีก ซึ่งต้องให้ระดับผู้บริหารคุยกัน แต่หากไม่สามารถหาข้อยุติร่วมกันได้ ระดับรัฐมนตรีของ 2 กระทรวงถึงจะนัดหารือกัน
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 20/01/2015 8:27 pm    Post subject: Reply with quote

ศูนย์เชื่อมต่อพหลโยธินสะดุด!
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ อสังหา REAL ESTATE -
คอลัมน์ : อสังหาฯ REAL ESTATE
ออลไลน์เมื่อ วันเสาร์ที่ 17 มกราคม 2558 เวลา 22:42 น.
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,019 วันที่ 18 - 21 มกราคม พ.ศ. 2558

คมนาคมสั่งสนข.ทบทวนผลการศึกษาระบบเชื่อมต่อการเดินทางบริเวณศูนย์คมนาคมพหลโยธิน หลังกลุ่มโชติจินดามูเซลศึกษาเบื้องต้นแล้วเสร็จเมื่อปี 56 ล่าสุด "กลุ่มทีม" คว้างานทบทวนศึกษาออกแบบใช้งบ 55 ล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จใน 6 เดือน ด้านสหภาพรถไฟฯบี้หนักแขวนป้ายประท้วงปตท.ทั่วประเทศชี้เอาเปรียบร.ฟ.ท.กรณีไม่จ่ายค่าเช่า
สร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์สร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์แหล่งข่าวระดับสูงของกระทรวงคมนาคม เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ขณะนี้นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ได้สั่งให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาทำการศึกษาทบทวนพร้อมออกแบบรายละเอียดโครงการศึกษาระบบเชื่อมต่อการเดินทางบริเวณศูนย์คมนาคมพหลโยธินที่เป็นพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) หลังจากที่โครงการดังกล่าวนี้ มีการศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้นนั้น กลุ่มบริษัทโชติจินดา มูลเซล คอนซัลแตนท์ จำกัด และกลุ่มบริษัทดีไซน์คอนเซปต์ จำกัด เป็นผู้ดำเนินการแล้วเสร็จมาตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ดังนั้นหากจะนำมาพัฒนาใหม่จึงต้องทำการศึกษาออกแบบเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน
ทั้งนี้กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาจะต้องนำผลการศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้นที่แล้วเสร็จมาตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งไม่สอดคล้องกับปัจจุบันกลับไปศึกษาทบทวนใหม่อีกครั้ง นอกจากนั้นยังต้องออกแบบรายละเอียดให้เป็นปัจจุบัน โดยเฉพาะพื้นที่เพื่อการพัฒนาเชิงพาณิชย์และทางเดินเท้าเชื่อมต่อการเดินทาง พร้อมให้มีแผนก่อสร้างเส้นทางรถโดยสารบีอาร์ทีให้บริการในเส้นทางอีกด้วย
"ขณะนี้อยู่ระหว่างการเซ็นสัญญากับกลุ่มบริษัททีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์เมเนจเมนท์ จำกัด เพื่อทบทวนผลการศึกษาและทำการศึกษาออกแบบรายละเอียดโครงการดังกล่าวนี้อีกครั้ง วงเงินประมาณ 55 ล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งหลังจากนั้นคาดว่างานก่อสร้างในพื้นที่คงเริ่มเห็นแนวทางชัดเจนมากขึ้น เริ่มนิ่งและไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว"
ทั้งนี้พื้นที่ย่านพหลโยธิน แบ่งออกเป็นพื้นที่เพื่อการใช้ประโยชน์ดังนี้คือ พื้นที่สถานีกลางบางซื่อมีประมาณ 795 ไร่ พื้นที่สวนสาธารณะ 765 ไร่ คิดเป็นสัดส่วน 34% พื้นที่พัฒนาโครงการกม.11 จำนวน 365 ไร่ คิดเป็น 33% พื้นที่ธุรกิจหน่วยงาน 158 ไร่ คิดเป็น 16% พื้นที่ย่านตึกแดง 119 ไร่ คิดเป็น 7% และพื้นที่ระบบเชื่อมต่อทางเดินใต้ดินและพาณิชยกรรม 127 ไร่ คิดเป็น 5%
ด้านนายอำพน ทองรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ร.ฟ.ท. กล่าวว่า ทางสหภาพฯได้ติดป้ายประกาศเพื่อประท้วงผู้บริหารบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่ไม่ยอมจ่ายค่าเช่าที่ดินอาคารสำนักงานใหญ่ให้ร.ฟ.ท. ทั้งๆ ที่ครบวาระไปตั้งแต่เดือนมีนาคม 2556 ที่ผ่านมา
"มาตรการแรกได้ทำหนังสือติดตามทวงถามไปทางคณะผู้บริหารปตท.แล้ว แต่ได้รับแจ้งว่าบอร์ดปตท.ไม่ยอมจ่าย ดังนั้นมาตรการที่ 2 จึงติดป้ายประท้วงในพื้นที่ย่านกม.11 และจะทยอยติดป้ายประท้วงไปทั่วทุกหน่วยของการรถไฟฯทั่วประเทศ มาตรการที่ 3 จะติดตั้งเครื่องเสียงประกาศโดยรอบพื้นที่กม.11 2 รอบ ช่วงเช้า-เย็นเพื่อประท้วงจนกว่าจะได้รับค่าเช่า ทั้งนี้เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้กับการรถไฟ ฯ ส่วนการดำเนินการในขณะนี้ทราบว่าร.ฟ.ท.ฟ้องร้องไปยังศาลยุติธรรมแล้ว ส่วนผลการเจรจาของผู้บริหารระดับสูงจะเป็นอย่างไรนั้นคงต้องรอความชัดเจนอีกสักระยะ"
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 21/01/2015 7:20 pm    Post subject: Reply with quote

รฟท.กุมขมับหลังถูกผู้เช่าอินสแควร์ร้อง
หน้าธุรกิจ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 21 มกราคม 2558 17:30

รถไฟกุมขมับ หลังถูกผู้เช่า"อิน สแควร์"ร้องปั้นโครงการกว่า 3 พันล้านบาท เลี่ยงพ.ร.บ.ร่วมทุนปี35

นายดุสิตพัฒน์ เสงี่ยมศักดิกร ผู้รับมอบอำนาจจากชาวบ้านที่เสียหายจากการเช่าซื้อพื้นที่ศูนย์การค้าอิน สแควร์ ย่านจตุจักร เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้นำชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายจากการเช่าซื้อพื้นที่ในศูนย์การค้าดังกล่าว จำนวน 96 ราย ซึ่งมีความเสียหาย 1,500 ล้านบาท เพื่อเข้าร้องเรียนต่อผู้บริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ถึงกรณีที่ได้ทำสัญญาเช่าพื้นที่ในศูนย์การค้าฯ ที่มีนางจุไรรัตน์ อีโบโนเธริ์น กับพวกเป็นผู้บริหารโครงการ

เนื่องจากล่าสุดผู้เช่าพื้นที่อิน สแควร์ ได้ถูกนางโสภา ศิรมณีรัตน์ กรรมการผู้มีอำนาจ บริษัท ดีดี มอลล์ จำกัด อ้างว่าเป็นผู้บริหารชุดใหม่ของโครงการฯไล่ออกจากพื้นที่ พร้อมระบุว่าได้ซื้อโครงการจากผู้บริหารชุดเดิมแล้ว และจะไม่รับผิดชอบค่าเสียหายใดๆ ทั้งกับผู้เช่ากับผู้บริหารชุดเดิมอีกต่อไป จึงได้ร้องเรียนให้ รฟท.ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอย่างเร่งด่วน

นายดุสิตพัฒน์ กล่าวต่อวา สำหรับแผนลงทุนและพัฒนาศูนย์การค้าอิน แสควร์ เดิมนั้น บริษัท อินสแควร์ฯ เป็นผู้ทำสัญญาเช่าพื้นที่กับรฟท.จำนวน 7.93 ไร่ เพื่อสร้างโครงการมูลค่า 546 ล้านบาท มีสัญญาเช่า 30 ปี โดยจ่ายผลตอบแทนเป็นค่าเช่าที่ดินเพื่อสิ่งปลูกสร้างอาคารและค่าเช่าที่ดินเพื่อจัดหาผลประโยชน์ให้กับรฟท.ประมาณ 300 ล้านบาท และเมื่อโครงการสิ้นสุดสัญญาจะตกเป็นทรัพย์สินของรัฐต่อไป

"แต่จากการตรวจสอบพบว่า ผู้บริหารอิน สแควร์ได้มีการก่อสร้างโครงการผิดแบบ โดยได้ยื่นขออนุมัติแบบ จากรฟท. จะก่อสร้างเป็นอาคารพล่าซ่า 2 ชั้น อาคารที่พักอาศัย (คอนโดฯ) สูง 16 ชั้น ขนาดพื้นที่ 17,000 ตร.ม. มูลค่า 546 ล้านบาท แต่ผู้ดำเนินโครงการกลับมีการแก้ไขแบบพล่าซ่าหรือศูนย์การค้าเป็น 8 ชั้น และคอนโดฯสูง 16 ชั้น รวมขนาดพื้นที่กว่า 80,000 ตร.ม. ทำให้มูลค่าโครงการฯเพิ่มสูงขึ้นกว่า 3,000 ล้านบาท ก่อนที่จะทำเรื่องขออนุมัติการแก้ไขแบบย้อนหลังมาที่รฟท.ในภายหลัง ซึ่งรฟท.ไม่สามารถอนุมัติแบบให้ได้ เพราะมีการเปลี่ยนโครงการจากพลาซ่าขนาดเล็กเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่เท่าศูนย์การค้าเซ็นทรัลฯ จะต้องดำเนินการพ.ร.บ.ร่วมทุนปี 35 ซึ่งไม่ได้อยู่ในอำนาจของรฟท.ทำให้โครงการคาราคาซังอยู่ในขณะนี้"

นอกจากนี้ ในช่วงที่มีการอนุมัติแบบจาก รฟท.นั้น ได้เกิดความขัดแย้งในกลุ่มผู้บริหารอิน สแควร์ โดยมีการเปลี่ยนผู้ร่วมทุนและผู้บริหารชุดใหม่หลายชุด จนกระทั่งล่าสุดได้นำกลุ่มบริษัท ดีดี มอลล์ จำกัด เข้ามาและอ้างว่า ได้เข้าซื้อโครงการนี้จากกลุ่มเดิมแล้ว ยิ่งทำให้ผิดเงื่อนไขการเช่าที่ของรฟท.ที่ห้ามการเช่าซื้อหรือเซ้งต่อ ในส่วนของการเยียวยาผู้เช่าโครงการอิน สแควร์นั้น รฟท.ไม่สามารถให้ความกระจ่างได้ว่า จะดำเนินการอย่างไร เพราะจนถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถระบุสถานะที่แท้จริงได้ว่า โครงการนี้ใครเป็นเจ้าของที่แท้จริงและไม่สามารถบอกได้ว่า จะเปิดโครงการได้หรือไม่ เนื่องจากมีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44524
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 22/01/2015 4:42 am    Post subject: Reply with quote

รองผู้ว่าฯ สงขลา เป็นตัวกลางเจรจาระหว่างชาวบ้าน-บ.เอกชน เหตุขึ้นราคาเช่าที่รถไฟ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 มกราคม 2558 17:48 น.

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - รองผู้ว่าฯ จังหวัดสงขลา เป็นตัวกลางในการเจรจาแก้ปัญหาความขัดแย้งการเช่าที่ของการรถไฟฯ โดยล่าสุด ยังติดปัญหาในเรื่องอัตราค่าเช่า และค่าเซ้ง ตัวแทนชุมชนระบุหากไม่สามารถเจรจากันได้จะต้องเข้าสู่กระบวนการทางศาลต่อไป

วันนี้ (21 ม.ค.) กรณีตัวแทนชาวบ้านในชุมชนตลาดรถไฟสงขลา ยื่นข้อเรียกร้องขอความเป็นธรรมในการเช่าที่ และแผงตลาดรถไฟสงขลา ที่แพงกว่าความเป็นจริงต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสงขลา เมื่อปลายปีที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากชุมชนตลาดรถไฟสงขลา ได้รับความเดือดร้อนจากบริษัทมิตรทองสงขลา จำกัด หลังได้ต่อสัญญาเช่าโครงการตลาดรถไฟสงขลา จากการรถไฟแห่งประเทศไทยแล้วเมื่อปี 2555 และได้ดำเนินการขึ้นค่าเช่าอาคาร และแผงตลาดสูงขึ้นหลายเท่าตัว

ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัด อ.เมือง จ.สงขลา นายอนุชิต ตระกูลมุทุตา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานในการประชุมเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งอัยการจังหวัด ตัวแทนการรถไฟแห่งประเทศไทย ตัวแทนบริษัทมิตรทองสงขลา จำกัด และนายบวร วัฒนาวีรวงศ์ ประธานชุมชนตลาดรถไฟสงขลา ใช้เวลาในการประชุมร่วมกันกว่า 2 ชั่วโมง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป

โดยเฉพาะในเรื่องของอัตราค่าเช่า และค่าเซ้ง เนื่องจากทางตัวแทนของบริษัทมิตรทองสงขลา จำกัด ยืนยันมีภาระต้องจ่ายค่าเช่าให้แก่การรถไฟฯ เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งหมายถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ต้องมีการปรับขึ้นค่าเช่า ในขณะที่ทางตัวแทนชุมชนตลาดรถไฟเองยืนยันว่าเป็นภาระที่สูงเกินไป ซึ่งหากไม่สามารถเจรจากันได้ หลังจากนี้จะต้องเข้าสู่กระบวนการทางศาลต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 23/01/2015 12:44 pm    Post subject: Reply with quote

รฟท.เล็งยกที่ให้คลังล้างหนี้ก้อนโต แปลงมักกะสันแลก 6 หมื่นล้าน-ชงซูเปอร์บอร์ดชี้
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
23 มกราคม 2558 เวลา 11:20:49 น.
รฟท.ชงที่ดินมักกะสันให้คลัง หวังล้างหนี้ 110,000 ล้านบาท
โดย ทีมข่าวเศรษฐกิจ
ไทยรัฐ
23 ม.ค. 2558 08:30

รฟท.เล็งยกที่ดินมักกะสัน 497 ไร่ ให้คลังแลกหนี้ 60,000 ล้านบาท บอร์ด รฟท.ไฟเขียวแล้ว เสนอเข้าซูเปอร์บอร์ดพิจารณา แบะท่ารับทุกข้อเสนอให้คลังจิ้มเลือกที่ดินแปลงอื่นก็ได้ เผยเป็นแนวคิดล้างหนี้แบบเดียวกับสมัย "ชัชชาติ-ประภัสร์"

นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า ตามแผนฟื้นฟูกิจการ รฟท. ฉบับปรับปรุงล่าสุด บรรจุเรื่องแนวทางการพัฒนาพื้นที่ดินย่านมักกะสัน 497 ไร่ โดยมีข้อเสนอให้กระทรวงการคลัง เข้ามาบริหารจัดการเพื่อชดเชยภาระ หนี้สินสะสมเดิมโดยหารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) แล้ว

ขั้นตอนหลังจากนี้ คาดว่าจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือ ซูเปอร์บอร์ด ภายในสัปดาห์หน้า

"เป็นแนวทางที่ รฟท. เห็นว่าจะให้กระทรวงการกคลัง เข้ามาพัฒนาและบริหารที่ดินย่านมักกะสัน เพื่อแลกกับหนี้สินบางส่วนของรฟท. ในเบื้องต้นประเมินไว้ว่าจะล้างหนี้ได้ประมาณ 60,000 ล้านบาท จากหนี้สินทั้งหมดราวๆ 110,000 ล้านบาท ซึ่งรายละเอียดจะต้องมีการเจรจาหารือกับกระทรวงการคลัง หากระทรวงการคลังยินดีจะเจรจาด้วย"

ส่วนในเรื่องจำนวนปีที่จะให้กระทรวงการคลังได้สิทธิเข้ามาบริหารนั้น คงต้องมีการหารือในรายละเอียด ที่สำคัญต้องมีแผนการศึกษาด้านการเงิน ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางรฟท.ว่าจ้างให้ศึกษาไว้แล้ว เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาความเป็นไปได้ต่างๆ ขั้นตอนทุกอย่างจะเริ่มเดินหน้าได้หลังจากซูเปอร์บอร์ดอนุมัติแผนฟื้นฟูดังกล่าวแล้ว

ด้านนายประเสริฐ อัตตะนันทน์ ผู้ว่าฯ รฟท. กล่าวว่า การพัฒนาที่ดินย่านมักกะสันนั้น แนวทางอันดับแรกคือการให้กระทรวงการคลังเข้ามาเป็นผู้บริหารจัดการ รวมทั้งไม่ขัดข้องหากกระทรวงการคลังสนใจที่ดินแปลงอื่นของ รฟท. เช่น บริเวณสถานีแม่น้ำ เนื้อที่ 277 ไร่ ถือว่าเป็นพื้นที่มีศักยภาพด้านเศรษฐกิจมากเช่นกัน

"ส่วนที่ดินบริเวณสถานีรถไฟบางซื่อ และที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิตนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ในส่วนนี้รฟท.มีความชัดเจนที่จะเข้ามาบริหารเพื่อสร้างรายได้เอง"

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าสำหรับแนวคิดยกที่ดินรฟท.บริเวณมักกะสัน ให้กระทรวงการคลังเพื่อล้างหนี้ก้อนใหญ่นั้น เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลที่แล้วโดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม และนายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าฯ รฟท. โดยพิจารณาให้เช่าระยะยาว 30-50 ปี แต่ก็ถูกคัดค้านก่อนพับไปหลังยุบสภา
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 23/01/2015 7:46 pm    Post subject: Reply with quote

“ชัช เตาปูน” ควัก 100 ลบ. เนรมิต “ชุมทาง สยามยิปซี” แหล่งชอปยามค่ำคืน คนรักของเก่า
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
7 มกราคม 2558 09:53 น.

“ชัช เตาปูน” ควัก 100 ลบ. เนรมิต “ชุมทาง สยามยิปซี” แหล่งชอปยามค่ำคืน คนรักของเก่า
ตลาดนัด ชุมทาง สยามยิปซี ยึดทำเลเส้นทางรถไฟฟ้าบางซ่อน

แหล่งชอปปิ้งยามค่ำคืนที่ถูกเนรมิตพื้นที่ออกมาในสไตล์ย้อนยุค กำลังกลายเป็นแฟชั่นของเด็กแนววัยโจ๋ และคนเมืองหลวงในคืนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ไปเสียแล้ว เพราะเสน่ห์ของอาคารที่ถูกออกแบบมาให้สอดคล้องกับของสะสมที่ถูกนำมาจัดวางโชว์ อวดสายตาคนที่มาเดินเที่ยวและเดินชอปปิ้งได้รู้สึกถึงแรงดึงดูดให้ใครหลายคนอดไม่ได้ที่ต้องกลับมาเป็นครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 และอีกหลายๆ ครั้ง

วันนี้เรากำลังพูดถึง ตลาดนัด “ชุมทาง สยามยิปซี” แหล่งชอปปิ้งยามค่ำคืนของคนรักของสะสมโบราณของเจ้าพ่อย่านเตาปูน อย่าง “นายชัชวาลย์ คงอุดม” ได้ยอมทุ่มทุนหลักหลายสิบล้านบาท เนรมิตทำเลทองใต้สถานีรถไฟฟ้า BTS บางซ่อน กรุงเทพฯ เป็นแหล่งรวมของหนุ่มสาว เด็กแนววัยโจ๋ และคนรักของสะสม ได้มาดื่มด่ำกับบรรยากาศ อาหาร และของเก่าโบราณกันอย่างเต็มที่ ในคืนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์

“ชัช เตาปูน” ควัก 100 ลบ. เนรมิต “ชุมทาง สยามยิปซี” แหล่งชอปยามค่ำคืน คนรักของเก่า
ร้านถูกตกแต่งด้วยไม้เก่าสไตล์วินเทจ

ยึดคอนเซ็ปต์แบบไม่มีหลุด
เอาใจคนรักของเก่า โบราณ

นายเสกศักดิ์ แสงสุวรรณ หัวเรือใหญ่ที่รับหน้าที่ดูแลพื้นที่ตลาด “ชุมทาง สยามยิปซี” เล่าว่า เราได้เนรมิตพื้นที่ 1,600 เมตร (จาก BTS บางซ่อน สิ้นสุดที่ซอยสีน้ำเงิน แขวงบางซื่อ) ให้กลายเป็นแหล่งรวมพลคนรักของโบราณ ซึ่งได้จัดพื้นที่ทุกตารางนิ้วให้ออกมาในแนววินเทจย้อนยุค แบบไม่ให้หลุดคอนเซ็ปต์ เพื่อออกมาเอาใจคนชื่นชอบของเก่าโบราณเหมือนกับตัวเอง ดังนั้น สินค้าที่ถูกนำมาวางจำหน่ายจะต้องเป็นของเก่าโบราณ ไม่เว้นแม้แต่ร้านขนมเล็กๆ ร้านกาแฟ หรือร้านเครื่องดื่มแอลกฮอล์ จะต้องจัดร้านให้ออกมาในแนวเดียวกับที่เราวางไว้

“ชัช เตาปูน” ควัก 100 ลบ. เนรมิต “ชุมทาง สยามยิปซี” แหล่งชอปยามค่ำคืน คนรักของเก่า
นายชัชวาลย์ คงอุดม เจ้าของโครงการ

โดยไฮไลต์ของตลาด “ชุมทาง สยามยิปซี” อยู่ที่คืนวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ จะมีกองทัพรถเก่า รถโบราณหายากทั้งรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ทั้งจากอเมริกันสไตล์และเยอรมันสไตล์แวะเวียนมาจอดโชว์ความเก๋า พร้อมเจ้าของที่แต่งกายมาตามยุคสมัยของรถชนิดสร้างสีสันให้ได้บรรยากาศเก่าๆ ที่น่าหลงใหลเหมือนหลุดไปอีกมิติเลย

คุณเสกเล่าว่า ที่มาของตลาดแห่งนี้เกิดขึ้นมาจาก โดยส่วนตัวชื่นชอบของเก่า เคยมีประสบการณ์ทำตลาด อาทิ รัชดา ไนท์บาซาร์ตลาดสยามยิปซี (จตุจักร) มีแก๊งเพื่อนรักของเก่า เลยอาสา “คุณชัชวาลย์” เจ้าของพื้นที่เข้ามาปรับปรุง โดยบอกรูปแบบว่าจะทำเป็นตลาดนัดคลาสสิก รวมพลคนรักของเก่า ความคิดนี้โดนใจคุณชัช ท่านเลยให้โอกาสเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน

“เสี่ยชัชเตาปูน” ยอมทุ่ม 100 ลบ.
งานนี้ไม่มีคำว่าถอย

รายละเอียด คุณชัชวาลย์บอกว่า พื้นที่ 1,600 เมตร จาก BTS บางซ่อนสิ้นสุดที่ซอยสีน้ำเงิน แขวงบางซื่อ ย่านวัดสร้อยทอง ใช้วิธีเช่าที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นเวลา 30 ปี (2557-2587) ปีแรกของสัญญาเช่า เช่าเดือนละ 9 แสนบาท ฝั่งด้านหน้าที่ติดกับถนนกรุงเทพ-นนท์ ยังคงเป็นตลาดสดเฉกเช่นในอดีตที่ผ่านมา เปิดโอกาสให้ชาวบ้านย่านเตาปูน บางซื่อ เข้ามาค้าขาย ถัดจากตลาดสดเป็นตลาด “ชุมทาง สยามยิปซี” ยาวไปจนเกือบถึงวัดสร้อยทอง ซึ่งโปรเจกต์นี้ลงทุนร่วม 100 ล้านบาท


คุณชัชวาลย์บอกต่อว่า พื้นที่ดังกล่าวที่เป็นของการรถไฟฯ เดิมเป็นบ่อน้ำ เป็นคลอง เป็นทางลูกรัง ผมต้องเข้าถม เข้ามาเทคอนกรีต เข้ามาเจรจาขอปรับภูมิทัศน์ กว่าพื้นที่ดังกล่าวจะสามารถใช้งานได้ใช้เวลาร่วมปี ด้านการคืนทุนไม่รีบ เพราะเก็บค่าเช่าไม่แพง ห้องละ 3,000-5,000 บาท เพราะใจจริงผมอยากให้ที่ตรงนี้เป็นแหล่งค้าขายของคนที่อยากมีอาชีพสุจริต มีความตั้งใจจริงอยากหารายได้


สำหรับสไตล์ร้านค้า คุณชัชวาลย์กล่าวว่า เป็นบ้านเก่า สร้างเหมือนห้องแถวโบราณ วัสดุเป็นไม้ แต่ละห้องหน้ากว้าง 2 เมตร ลึก 3 เมตร มีน้ำประปา-ไฟฟ้าพร้อม ผู้เช่าสามารถตกแต่งได้เองตามใจชอบเพิ่มได้ ข้อดีทำให้ร้านค้ามีความวาไรตี คนที่มาเดินได้สัมผัสความหลากหลายทางอามณ์ของศิลปิน กรณีเกิดปัญหาทะเลาะเบาะแว้งเบื้องต้นจะให้ผู้ค้าดูแลกันเอง ปกครองกันเอง ให้สิทธิ์ผู้ค้าเต็มที่ ผมจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวหรือตัดสินแทน

“คอนเซ็ปต์ตลาดชุมทาง สยามยิปซี ผมอยากให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมที่มีความหลากหลาย ขายอดีตที่มีตำนาน มีเรื่องราวดีๆ ผ่านวัตถุ ผ่านจิตวิญญาณของศิลปิน โดยผู้ที่มาเดินตลาดแห่งนี้ผมต้อนรับทุกเพศ ทุกวัย ทุกคน” คนดังย่านเตาปูนกล่าว

ประเภทของร้านค้าในตลาดนัดแห่งนี้ เจ้าของตลาดระบุว่า มีหลากหลาย เช่น ของเล่นเก่า ของสะสม หนังสือเก่า เครื่องเล่นแผ่นเสียง นาฬิกา เสื้อผ้า รองเท้ามือสอง เฟอร์นิเจอร์ ตู้โชว์เก่า เครื่องประดับ ของตกแต่งบ้าน ฯลฯ งานโอทอปก็เปิดรับ แต่ต้องเป็นแฮนด์เมดเท่านั้น ผลงานนักศึกษาเก๋ๆ ไอเดียดีๆ ยินดีเปิดรับ แต่ประเภทของโหลรับมาขายต่อแบบนี้ไม่เอา ที่สำคัญห้ามผิดกฎหมาย หรือละเมิดลิขสิทธิ์ ห้ามเด็ดขาด



ด้านทำเลที่ตั้ง ตลาดแห่งนี้มีหลายปัจจัยที่ทำให้มีชื่อเสียงและเกิดการยอมรับ อาทิ สถานที่ตั้งอยู่ใต้สถานีรถไฟฟ้าสัญจรผ่านไปมาสะดวก มีทั้งรถประจำทาง รถตู้โดยสาร และรถไฟฟ้า มีชุมชนอาศัยอยู่โดยรอบ ทั้งคอนโดฯ ตึกแถว สถานศึกษา และร้านค้าเองก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พื้นที่แห่งนี้รองรับร้านค้าได้ทั้งสิ้น 1,400 ร้านค้า ปัจจุบัน (ม.ค. 2558) สร้างเสร็จไปแล้ว 30% กลุ่มคนที่เข้ามาเดิน ผู้ดูแลกล่าวว่ามีทุกกลุ่ม ทั้งดารา นักร้อง พิธีกร วัยรุ่น พนักงานบริษัท เด็กๆ ก็มี ตลาดเปิดวันอังคาร-อาทิตย์ วันอังคารเป็นตลาดต้นไม้ สัตว์เลี้ยง วันพุธ พฤหัสบดี เป็นสินค้าฟรีสไตล์ ไฮไลต์อยู่ที่วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ศิลปินจะยกขบวนกันมาโชว์ของดีวินเทจล้วนๆ


แหล่งรวมพลคนรักของเก่าที่นี่ ขณะนี้ยังไม่เคยมีผู้ขายคนไหนที่ไม่ชอบของเก่าเล็ดลอดเข้ามา ซึ่งจะจริงเท็จแค่ไหน ไม่รู้เท่ากับการได้มาเยือนตลาดแห่งนี้ด้วยตนเอง หากสุดสัปดาห์นี้ยังไม่รู้จะไปไหน หรือใครที่คิดจะเปิดร้านขายของเก่า เข้ามาลองมาสำรวจดูสิ

สนใจ โทร. 08-0457-2979
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 28/01/2015 10:47 pm    Post subject: Reply with quote

บอร์ดรถไฟ ไฟเขียวให้ปตท.จ่ายค่าเช่าที่ 30 ปี 1.35 พันล้าน
โดย ทีมข่าวเศรษฐกิจ
ไทยรัฐ
28 มกราคม 2558 8 03:20


บอร์ดรถไฟฯ มีมติเห็นชอบ ปตท.จ่ายค่าเช่าที่ตั้งสำนักงานใหญ่ รวมสร้างคอนโดมิเนียมพักอาศัยสูง 17 ชั้น และพัฒนาพื้นที่รอบๆ วงเงินรวม 1,354 ล้านบาท...

เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 58 นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด ร.ฟ.ท.ได้เห็นชอบสัญญาเช่าที่ดิน ของการรถไฟฯ กับบมจ.ปตท. โดยทางปตท. จะจ่ายเงินค่าเช่าที่ดิน ตลอดระยะเวลา 30 ปี ให้รถไฟประมาณ 800 ล้านบาท รวมกับสร้างคอนโดมิเนียม ที่พักอาศัยบริเวณที่ว่างใกล้ สำนักงานใหญ่ ปตท. สูง 17 ชั้น วงเงินประมาณ 400-500 ล้านบาท และยังมีเงินพัฒนาพื้นที่ บริเวณรอบๆ ซึ่งปตท.ได้ดำเนินการไปแล้ว ประมาณ 154 ล้านบาท รวมเป็นเงินที่ปตท. จ่ายทั้งสิ้นประมาณ 1,354 ล้านบาท

ในส่วนของแผนฟื้นฟู การรถไฟฯ ที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือ ซุปเปอร์บอร์ด ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิจารณาเห็นชอบ ในหลักการและได้ให้มีการปรับเพิ่มรายละเอียด ยังไม่ได้เข้าสู่วาระ การพิจารณาของบอร์ด ร.ฟ.ท. แต่ได้หารือกัน ซึ่งรายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ ฝ่ายบริหาร ร.ฟ.ท. ไปจัดทำก่อนนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมบอร์ด ร.ฟ.ท. ในวันที่ 11 ก.พ.นี้ เพื่อนำเสนอกระทรวงคมนาคมและครม.ต่อไป.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 30/01/2015 5:31 pm    Post subject: Reply with quote

จีนรุกผุดศูนย์ซ่อมรถไฟ ซานโฟโกฯผนึก CSR Group/ปักธงแก่งคอย 400 ไร่
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ อสังหา REAL ESTATE -
คอลัมน์ : อสังหาฯ REAL ESTATE
ออนไลน์เมื่อวันอังคารที่ 27 มกราคม 2558 เวลา 12:13 น.
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,022 วันที่ 29 - 31 มกราคม พ.ศ. 2558

จีนห้าวไม่หยุด เร่งต่อยอดเอ็มโอยูพัฒนาเส้นทางรถไฟไทย-จีน "ป่าไม้สันติ" ในชื่อใหม่ "ซานโฟโก อินเตอร์เนชั่นแนล" ผนึก CSR Group เมืองปักกิ่งรุกสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟย่านแก่งคอย 400 ไร่ปั้นให้ไทยเป็นศูนย์กลางซ่อมบำรุงของเอเชียตะวันออก คาดลงทุนกว่าพันล้านบาท เตรียมหารือร.ฟ.ท.หลัง "ประจิน-ออมสิน" ปิ๊งไอเดียพร้อมไฟเขียวให้เร่งดำเนินการ
alt นายพีระศักดิ์ วยากรณ์วิจิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซานโฟโก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือชื่อเดิมในนามบริษัท ป่าไม้สันติ จำกัด เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าจากการที่ได้มีการหารือในเบื้องต้นกับพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการ(บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.)ถึงกรณีให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการซ่อมบำรุงรถไฟและรถไฟฟ้านั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและประธานบอร์ดร.ฟ.ท.ยังได้สนับสนุนแนวคิดดังกล่าว โดยให้มีการหารือร่วมกับการรถไฟฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งผลักดันต่อไป
สำหรับการดำเนินงานโครงการดังกล่าวนี้บริษัท ซานโฟโกฯได้หารือกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท CSR Group เมืองปักกิ่งแล้ว ซึ่งเป็นผู้ผลิตหัวรถจักรและรถไฟชั้นนำของจีนได้แสดงความสนใจดังนั้นจึงเตรียมหารือร่วมกับร.ฟ.ท.ในการนำพื้นที่ย่านแก่งคอยซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 400 ไร่มาพัฒนาให้เป็นศูนย์ซ่อมบำรุงดังกล่าวเพื่อรองรับที่ไทยอยู่ระหว่างการจัดซื้อรถไฟ-หัวรถจักรอีกหลายขบวน
"จากการจัดหา 20 หัวรถจักรประสบความสำเร็จอีกทั้งไทย-จีนยังมีการบันทึกความร่วมมือด้านการพัฒนารถไฟไทย-จีนอย่างเป็นรูปธรรม ประการสำคัญผู้บริหาร CSR Group ยังมั่นใจซานโฟโกจึงพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ อีกทั้งหลายประเทศใกล้เคียงของไทย เช่น สปป.ลาว กัมพูชา เมียนมาร์และเวียดนามยังมีแนวโน้มการขยายพื้นที่ให้บริการรถไฟ-รถไฟฟ้าจึงต้องเร่งเตรียมความพร้อมด้านการให้บริการซ่อมบำรุงไว้ตั้งแต่วันนี้ โดยไทยเหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงในภูมิภาคนี้ อีกทั้งซานโฟโกและร.ฟ.ท.ยังมีแผนสร้างโรงซ่อมบำรุงที่แก่งคอยเพื่อให้บริการ 20 หัวรถจักรที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการส่งมอบให้ร.ฟ.ท.จึงสามารถขยายพื้นที่ให้บริการอย่างครอบคลุมได้มากขึ้นหากร.ฟ.ท.ต้องการและเห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าวนี้"
นายพีระศักดิ์กล่าวอีกว่าตั้งใจที่จะเปิดให้เป็นศูนย์ซ่อมบำรุงขนาดใหญ่ในประเทศไทย ในเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท โดยร.ฟ.ท.อาจร่วมลงทุนด้วยการสนับสนุนพื้นที่ ส่วนจีนจะให้การสนับสนุนเครื่องมือ เครื่องจักร บุคลากรตลอดจนองค์ความรู้ต่างๆ ซึ่ง CSR Group นั้นมีศูนย์ซ่อมบำรุงขนาดใหญ่ในจีนโดยรถจักรในจีนปัจจุบันประมาณ 65-70% ซ่อมบำรุงที่ CSR กรุ๊ป
"บริษัท CSR อยากให้ไทยมีความพร้อมด้านการซ่อมบำรุงรถไฟและรถไฟฟ้าอย่างแท้จริง ซึ่ง CSR ของจีนยังเป็นผู้ผลิต 20 หัวรถจักรให้กับร.ฟ.ท. ซึ่งถือว่า CSR นั้นเป็นรัฐวิสาหกิจของจีน โดยรูปแบบการดำเนินงาน CSR จะร่วมทุนกับซานโฟโกและร.ฟ.ท.เพื่อนำเทคโนโลยีต่างๆมาเผยแพร่ในประเทศไทย ตลอดจนวิศวกรที่พร้อมให้ความรู้ความชำนาญแก่เจ้าหน้าที่การรถไฟของไทยและประเทศต่างๆในภูมิภาคนี้ ยิ่งหากซานโฟโกชนะการประมูลจัดหา 50 และ 30 หัวรถจักรโครงการดังกล่าวนี้จะเกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น เพราะคุ้มค่ากับการลงทุน"
ด้านแหล่งข่าวระดับสูงร.ฟ.ท.กล่าวว่าได้มีการศึกษาการย้ายพื้นที่โรงซ่อมมักกะสันไปอยู่ที่แก่งคอยเรียบร้อยแล้ว ในเบื้องต้นเป็นการสร้างศูนย์ซ่อมเพื่อให้บริการ 20 หัวรถจักรที่อยู่ระหว่างการทยอยส่งมอบในปัจจุบัน ส่วนที่เหลือเป็นพื้นที่ศูนย์ซ่อมขนาดใหญ่ที่จะย้ายไปจากหัวลำโพงและมักกะสันตลอดจนย่านพหลโยธิน โดยเตรียมพื้นที่ไว้ประมาณ 400 ไร่ มีทั้งพื้นที่โรงงาน พื้นที่บ้านพักพนักงาน ฯลฯ
อนึ่ง เส้นทางรถไฟกรุงเทพฯ-นครราชสีมาในจุดแก่งคอยเหมาะทำให้เป็นสถานีเชื่อมโยงกับสถานีบ้านภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ คาดว่าจะใช้งบสำหรับปรับปรุงโครงการโรงงานซ่อมรถจักรแก่งคอย งบประมาณ 8,000 ล้านบาท โดยจะมีการย้ายศูนย์ซ่อมรถจักร ศูนย์ซ่อมรถดีเซลรางและปรับอากาศ ศูนย์ซ่อมรถโดยสาร ศูนย์แผนงานและการผลิต คลังพัสดุ ฝ่ายการพัสดุ รวมถึงบ้านพักอาศัย โรงพยาบาลบูรฉัตรไชยากร เพื่อรองรับพนักงานและข้าราชการฝ่ายซ่อมบำรุงการรถไฟไปอยู่แก่งคอยประมาณ 1,500 คนบนพื้นที่ประมาณ 100 ไร่จากที่มีทั่วประเทศกว่า 4 พันคน โดยปัจจุบันฝ่ายการช่างกลอยู่ในพื้นที่มักกะสัน-หัวลำโพง-พหลโยธินประมาณ 2,500 ราย โดยส่วนหนึ่งจะจัดอยู่ในพื้นที่กทม. เนื่องจากแก่งคอยนั้นเป็นพื้นที่ศูนย์กลางการเดินทางของผู้โดยสารและการขนส่งสินค้าจากภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไปสู่พื้นที่ภาคตะวันออกและภาคใต้ ซึ่งอนาคตมีความต้องการให้แก่งคอยเป็นฮับระบบรางทั้งระบบ มีทั้งการซ่อมบำรุงรถเก่า รองรับการซ่อมบำรุงรถจักรใหม่และจัดพื้นที่รองรับรถไฟความเร็วสูงในอนาคต เนื่องจากมีความเหมาะสมทั้งชัยภูมิที่ตั้ง อีกทั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 108, 109, 110 ... 197, 198, 199  Next
Page 109 of 199

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©