Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311276
ทั่วไป:13258190
ทั้งหมด:13569466
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 115, 116, 117 ... 197, 198, 199  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 08/06/2015 8:02 pm    Post subject: Reply with quote

"บีทีเอส"ขอพัฒนาที่ดินรถไฟแสนล. 359ไร่ย่านกม.11/สร้างทางคู่ขอนแก่น-แหลมฉบัง
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
updated: 08 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 00:25:59 น.


บีทีเอสบุกคมนาคมเสนอแผนลงทุนแสนล้านสร้างรถไฟทางคู่ 500 กม.จาก "ขอนแก่น-แหลมฉบัง" ทั้งก่อสร้างและเดินรถขนส่งสินค้ารูปแบบไฟฟ้า พ่วงพัฒนาเมืองใหม่ 359 ไร่ย่าน กม.11 ผุดคอนโดฯ 1 หมื่นยูนิต "บิ๊กจิน" ยังไม่เคาะ นัดสรุปอีกครั้ง 25 มิ.ย.นี้

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายคีรี กาญจนพาสน์ พร้อมด้วยผู้บริหาร บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง ได้เข้ามาหารือเป็นครั้งที่ 2 เนื่องจากบริษัทสนใจลงทุนระบบเดินรถขนส่งสินค้ารถไฟทางคู่ราง 1 เมตร เส้นทางขอนแก่น-แหลมฉบัง ระยะทาง 500 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 67,210 ล้านบาท ที่รัฐบาลจะประมูลภายในปีนี้ ได้แก่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ระยะทาง 106 กิโลเมตร วงเงิน 11,348 ล้านบาท, ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ 172 กิโลเมตร 29,855 ล้านบาท และช่วงจิระ-ขอนแก่น 185 กิโลเมตร 26,007 ล้านบาท

โดยบริษัทเสนอแนวทางการลงทุน 2 ทางเลือก คือ 1.ลงทุนให้ทั้งหมดรวมค่าก่อสร้าง ติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและจัดหาขบวนรถ โดยโอนงบประมาณที่กระทรวงเตรียมใช้ก่อสร้าง 3 เส้นทางดังกล่าว มาให้บริษัทดำเนินการแทน ซึ่งต้องเข้าสู่ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯปี 2556 จะใช้ระยะเวลาพิจารณา 1 ปี ไม่ทันกรอบเวลาที่กำหนดไว้ว่าจะเริ่มก่อสร้างปีนี้ และ 2.เสนอการเดินรถใช้หัวรถจักรไฟฟ้าสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่จะเปลี่ยนจากรถดีเซลเป็นระบบไฟฟ้าพอดี

"ให้บริษัททำรายละเอียดเรื่องการลงทุนและผลตอบแทนมาเสนออีกครั้ง วันที่ 25 มิ.ย.นี้ เพราะยังมีเรื่องผลตอบแทนการเงินและรูปแบบการลงทุนที่ยังมีข้อคิดเห็นต่างกันอยู่"

นอกจากนี้บริษัทยังเสนอแนวคิดเรื่องการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ในรูปแบบที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ปานกลาง ซึ่งกระทรวงได้ให้บริษัทไปออกแบบรายละเอียดการพัฒนาที่ดินบริเวณ กม.11 พื้นที่ 359 ไร่ และย่านสถานีบางซื่อ พื้นที่ประมาณ 100 ไร่ มาเสนอ 25 มิ.ย.นี้ด้วย

โดยให้ความสำคัญการพัฒนาที่อยู่อาศัยเป็นหลัก เพื่อให้พนักงาน ร.ฟ.ท. 8-8.5 พันครอบครัว แยกเป็นที่อยู่บริเวณ กม.11 ประมาณ 5-6 พันครอบครัว และจะย้ายมาจากโรงงานย่านมักกะสันอีก 2 พันครอบครัว

"ที่ดินย่าน กม.11 เดิมรถไฟออกแบบเน้นพัฒนาเชิงพาณิชย์ 100% แต่ตอนนี้มีนโยบายใหม่ ให้เน้นพัฒนารูปแบบเชิงสวัสดิการให้พนักงานรถไฟเป็นหลัก รวมถึงผู้มีรายได้ปานกลาง จะสร้างเป็นอาคารชุดให้เช่าราคาถูก มีพื้นที่สวน สันทนาการ และพื้นที่เชิงพาณิชย์ เช่น ศูนย์การค้า โรงแรม ร้านค้า เป็นต้น ซึ่งบีทีเอสต้องไปออกแบบ"

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง กล่าวว่า ที่ดินย่าน กม.11 พื้นที่ 359 ไร่ เบื้องต้นบริษัทเสนอแนวคิดจะเสนอพัฒนารูปแบบเมืองใหม่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ภายในจะประกอบด้วยโครงการคอนโดฯ 10 อาคาร ประมาณ 1 หมื่นยูนิต สำหรับเป็นสวัสดิการพนักงานรถไฟ และให้คนทั่วไปที่เป็นมนุษย์เงินเดือนได้เช่าราคาถูก โดยการเช่าจะเป็นแบบระยะยาว เช่น 10 ปี 20 ปี 30 ปี เนื่องจากเป็นที่ดินของราชการ ขายขาดไม่ได้ นอกจากนี้อาจมีพื้นที่เชิงพาณิชย์ เช่น ศูนย์การค้า โรงพยาบาล เป็นต้น เบื้องต้นบริษัทจะเสนอการลงทุนคนเดียวก่อน แต่ก็เปิดให้พันธมิตรที่สนใจเข้าร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นแสนสิริหรือผู้ประกอบการรีเทล

ส่วนการลงทุนรถไฟทางคู่ 500 กิโลเมตร บริษัทเสนอการลงทุน 1 แสนล้านบาท ทั้งก่อสร้างและรับสัมปทานการเดินรถรูปแบบใหม่ ซึ่งต้องหารือกันอีกครั้ง 25 มิ.ย.นี้ และยังสนใจร่วมลงทุนรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) 34.50 กิโลเมตร 56,691 ล้านบาท และสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) 29.10 กิโลเมตร 54,644 ล้านบาท ที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะก่อสร้างเป็นระบบโมโนเรล และให้เอกชนลงทุนทั้งก่อสร้างและเดินรถ
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 15/06/2015 8:41 pm    Post subject: Reply with quote

“แม่ค้าจิระ” โคราชร้องเดือดร้อนหนัก การรถไฟฯ สั่งปิดตลาดทำกินมากว่า 10 ปี จนท.กร่างชี้หน้าขู่


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
14 มิถุนายน 2558 18:35 น. (แก้ไขล่าสุด 15 มิถุนายน 2558 09:37 น.)


แม่ค้าพ่อค้าตลาดจิระ ริมทางรถไฟโคราช กว่า 100 คน รวมตัว บุกยื่นนายสถานีรถไฟจิระ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ร้องขอความเป็นธรรม หลังการรถไฟฯ สั่งปิดตลาดที่ค้าขายทำมาหากินมานานกว่า 10 ปี วันนี้ ( 14 มิ.ย.)

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - พ่อค้าแม่ค้าตลาดจิระ ริมทางรถไฟ โคราช เดือดร้อนหนักรวมตัวกว่า 100 คน บุกยื่นนายสถานีรถไฟจิระร้องขอความเป็นธรรม หลังสั่งปิดตลาดที่ค้าขายทำมาหากินมานานกว่า 10 ปี โดยไม่แจ้งล่วงหน้าและไร้พื้นที่ใหม่รองรับ ขณะที่เจ้าหน้าที่รถไฟกร่างชี้หน้าข่มขู่ประชาชนผู้เดือดร้อน ด้านนายสถานีอ้างทำตามคำสั่งเบื้องบน ชี้เทศบาลโคราช ขอใช้พื้นที่เพื่อก่อสร้างระบบระบายน้ำแก้น้ำท่วมเมือง



วันนี้ (14 มิ.ย.) ที่ชุมชนจิระพัฒนา เขตเทศบาลนครนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่จำหน่ายสินค้าในตลาดจิระ ริมทางรถไฟ กว่า 100 คน นำโดยนางสุดาวดี วรกุล ได้รวมตัวกันเดินทางไปสถานีรถไฟชุมทางถนนจิระ อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมและยื่นหนังสือเปิดผนึกผ่านนายสถานีชุมทางถนนจิระไปยังผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อให้การช่วยเหลือ หลังได้รับความเดือดร้อนจากการสั่งปิดตลาดแบบกะทันหันและไม่มีพื้นที่ใหม่รองรับ โดยนายทวี กลมป้อง นายสถานีชุมทางถนนจิระ ออกรับหนังสือดังกล่าวจากแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ผู้ชุมนุมยืนชูป้ายเรียกร้องขอความเป็นธรรมอยู่ด้านหน้าสถานีรถไฟชุมทางถนนจิระ เพื่อรอยื่นหนังสือต่อนายทวีนั้น ได้มีพนักงานการรถไฟรายหนึ่งเป็นชาย ออกมาจากสำนักงานแสดงความไม่พอใจและใช้มือถือบันทึกภาพผู้ชุมนุมโดยเรียกให้ผู้ชุมนุมทุกคนหันหน้ามาหากล้องที่ตัวเองถ่ายพร้อมชี้หน้าตะโกนข่มขู่ว่า “จำไว้ กูจะไม่ให้พวกมึงขึ้นรถไฟฟรี” และได้บันทึกภาพผู้สื่อข่าวทุกคนที่มารอทำข่าวครั้งนี้ด้วย ก่อนเดินเข้าไปในสำนักงานและส่องผ่านกระจกดูหน้ากลุ่มผู้ชุมนุมแต่ละราย

นางสุดาวดี วรกุล แกนนำกลุ่มแม่ค้าพ่อค้าตลาดจิระ เปิดเผยว่า กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่ค้าขายในตลาดจิระกว่า 100 ราย ประกอบอาชีพสุจริตและค้าขายสินค้าของเก่า สินค้ามือ 2 และสินค้าจิปาถะราคาถูกในตลาดดังกล่าวมานานกว่า 10 ปี ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากทางการรถไฟ จะปิดตลาดแบบกะทันหัน โดยเมื่อวาน (13 มิ.ย.) ได้มีพนักงานและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ตำรวจรถไฟใช้โทรโข่งเดินป่าวประกาศไปทั่วตลาดว่าได้ทำการยกเลิกสัญญาการเช่าพื้นที่ของการรถไฟฯ เพื่อวางสินค้าชั่วคราวของนายปฐมรัตน์ ดีหมื่นไวย์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พวกตนวางจำหน่ายสินค้าอยู่ และให้แม่ค้าหยุดการจำหน่ายสินค้าตั้งแต่วันนี้ (14 มิ.ย.) เป็นต้นไป โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าให้เตรียมตัวและไม่แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร

การกระทำดังกล่าวไม่ให้ความเป็นธรรมต่อกลุ่มผู้ค้าขายที่ต้องหยุดประกอบอาชีพไป ทำให้แม่ค้าพ่อค้าปรับตัวไม่ทัน เกิดความทุกข์ร้อนเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งพวกเราได้ใช้สถานที่แห่งนี้ประกอบอาชีพค้าขายเลี้ยงปากท้อง ครองครัวมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปีแล้ว จึงขอเรียกร้องดังต่อไปนี้

1. ให้กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าได้ค้าขายจนกว่าจะมีโครงการพัฒนาและงบประมาณอย่างชัดเจน 2. เมื่อมีโครงการและงบประมาณอย่างชัดเจน ให้ทางการรถไฟฯ จัดหาสถานที่เพื่อให้พ่อค้าแม่ค้าได้มีสถานที่ประกอบอาชีพค้าขาย เพื่อเลี้ยงดูครอบครัวต่อไป ทางกลุ่มจะเดินทางไปยื่นเรื่องต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

ด้านนายทวี กลมป้อง นายสถานีชุมทางถนนจิระ กล่าวภายหลังรับหนังสือเปิดผนึกจากผู้ชุมนุมว่า ทางสถานีได้รับหนังสือแจ้งจากเทศบาลนครราชสีมาว่าจะดำเนินโครงการปรับปรุงระบบระบายน้ำในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ช่วงที่ 1 จากซอยราชนิกูลซอย 10-ถนนเบญจรงค์ ฉะนั้น การรถไฟฯ จึงได้ทำหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าพื้นที่แสดงสินค้าของนายปฐมรัตน์ ดีหมื่นไวย์ ที่เป็นผู้เช่าพื้นที่การรถไฟฯ แสดงสินค้าชั่วคราว คือพื้นที่ตลาดดังกล่าว อยู่ 2 สัญญา คือ แปลงที่ 1 เช่า 5 วัน กว้าง 2 เมตร ยาว 100 เมตร รวมพื้นที่ 200 ตร.ม. สัญญาแปลงที่ 2 เช่า 2 วัน กว้าง 2 เมตร ยาว 200 เมตร รวมพื้นที่ 400 ตร.ม.

ทั้งนี้ เพื่อเปิดพื้นที่ให้ทางเทศบาลนครนครราชสีมาเข้ามาดำเนินการตามโครงการดังกล่าว ตามที่กองจัดการเดินรถเขต 2 สถานีรถไฟนครราชสีมา ได้มีหนังสือสั่งการมาว่าให้มีการปฏิเสธการขอเช่ากับผู้เช่าก่อนจนกว่าทางเทศบาลฯ จะดำเนินการแล้วเสร็จ เพื่อช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำทั่วขังในบริเวณพื้นที่ตัวเมืองนครราชสีมา โดยตนได้ทำหนังสือยกเลิกสัญญาเช่ากับทางนายปฐมรัตน์ ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.นี้เป็นต้นไป เนื่องจากพื้นที่ที่ทำตลาดจะใช้กองวัสดุก่อสร้างของทางเทศบาลนครฯ ในช่วงที่เข้าดำเนินการ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่ทางเทศบาลนครราชสีมาได้นำป้ายประกาศขนาดใหญ่มาติดตั้งไว้ที่บริเวณชุมชนจิระพัฒนาซึ่งเป็นจุดก่อสร้างโครงการ โดยระบุข้อความว่า “โครงการก่อสร้างปรับปรุงระบบระบายน้ำในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา (ช่วงที่ 1)” รายละเอียดก่อสร้างประกอบด้วย ก่อสร้างปรับปรุงรางระบายน้ำขนาดกว้าง 6 เมตร ลึก 1.50 เมตร จากท้ายซอยราชนิกูล ซอย 10-ถนนเบญจรงค์ ยาวประมาณ 383 เมตร

ก่อสร้างท่อเลี่ยม ค.ส.ล.3 ช่อง ลอดถนนไชยณรงค์ขนาด 2.10x1.50 ม. ยาวประมาณ 12 เมตร (ถนนไชยณรงค์ แยกปัญจดารา) ก่อสร้างท่อเลี่ยม ค.ส.ล.3 ช่อง ลอดถนนเบญจรงค์ ขนาด 2.10x1.50 ม. ยาวประมาณ 10 เมตร (ถ.เบญรงค์ ปากทาง ถ.ราชนิกูล) และก่อสร้างผลจราจร ค.ส.ล.หนา 0.15 เมตร พื้นที่ประมาณ 144 ตร.ม. ผู้รับจ้าง คือ หจก.วิเศษ เอศ.พี คอนสตรัคชั่น เลขที่ 33 ม. 1 ต.ห้วยคันแหลน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง เริ่มก่อสร้าง 7 พ.ค. 2558 สิ้นสุด 15 ก.พ. 2559ระยะเวลา 270 วัน งบประมาณในการก่อสร้าง 9,320,000 บาท ซึ่งเท่ากับราคากลางที่ประกาศไว้
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 18/06/2015 10:57 pm    Post subject: Reply with quote

ประจินฝันที่มักกะสันปลดหนี้รถไฟ5หมื่นล้าน
Thaipost
Friday, June 19, 2015 - 00:05
“ประจิน” มั่นใจ นำที่ดินมักกะสัน 497 ไร่ ให้คลังเช่า ช่วยปลดหนี้รถไฟได้เกิน 5 หมื่นล้าน สั่ง 2 หน่วยเร่งหาข้อสรุป หลังมีส่วนเหลื่อมค่าเช่ากับระยะเวลาเช่าอยู่ ก่อนชงซูเปอร์บอร์ดเห็นชอบ

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมการพัฒนาพื้นที่ย่านมักกะสันเพื่อเป็นปอดของ กทม. ได้รับทราบผลการประเมินมูลค่าการเช่าที่ดินย่านมักกะสัน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จากกระทรวงการคลัง 497 ไร่ ระยะ 30 ปี จาก 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ฝ่ายแรกจากที่ปรึกษา

ร.ฟ.ท. ประเมินค่าเช่าไว้ที่ 61,000 ล้านบาท ขณะที่ที่ปรึกษาของกระทรวงการคลังประเมินที่ 56,000 ล้านบาท และสุดท้ายเป็นกรณีการซื้อกรรมสิทธิ์จากการรถไฟ และโอนให้กระทรวงการคลังทันที จะคิดเป็นมูลค่า 52,000 ล้านบาท แต่ถ้าเป็นวิธีการเช่า 30 ปีแรก จะได้ 50,000 ล้านบาท

“แต่ขณะนี้ข้อมูลบางส่วนยังไม่ตรงกัน ดังนั้น ในวันที่ 22 มิ.ย.58 คลังกับ ร.ฟ.ท.จะหารือเพื่อหาข้อสรุปว่าค่าเช่าที่ดินจะมีมูลค่าเท่าไร รวมถึงหาข้อยุติในระยะเวลาโยกย้าย และการก่อสร้างด้วย ซึ่งส่วนตัวมั่นใจการนำที่ดินมักกะสันไปให้กระทรวงการคลังเช่า จะช่วยปลดหนี้ให้การรถไฟได้ไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาทแน่นอน” พล.อ.อ.ประจินกล่าว

พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า หากทั้ง 2 ฝ่ายได้ข้อสรุป จะนำผลไปเสนอคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ด ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อขอมติเห็นชอบ จากนั้นจึงมีการกำหนดตารางเวลาการส่งมอบพื้นที่ รวมถึงการย้ายศูนย์ซ่อมรถไฟ บ้านพักเจ้าหน้าที่ เพื่อเคลียร์พื้นที่ให้พร้อม

นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. กล่าวว่า วันที่ 19 มิ.ย.นี้ จะมีการหารือเรื่องการปรับตัวเลข และฐานข้อมูลสำหรับการเช่าที่ดิน และนำข้อมูลทั้งหมดเสนอเข้าที่ประชุมร่วมกับกระทรวงการคลังในวันที่ 22 มิ.ย.นี้ และจากนั้นจะหารือเรื่องกรอบระยะเวลาในการส่งมอบพื้นที่ รวมถึงการรถไฟฯ จะของบประมาณบางส่วนล่วงหน้าจากกระทรวงการคลัง เพื่อใช้ในการรื้อย้าย และจัดเตรียมพื้นที่สำหรับการส่งมอบให้กระทรวงการคลัง.
++++++++++++

เล็งเคาะที่ดินมักกะสันปลดหนี้รถไฟ
เดลินิวส์
วันพฤหัสที่ 18 มิถุนายน 2558 เวลา 17:15 น.

ประจิน มั่นใจ นำที่ดินมักกะสัน 497 ไร่ ให้คลังเช่า ช่วยปลดหนี้รถไฟได้เกิน 5 หมื่นล้าน สั่ง 2 หน่วยเร่งหาข้อสรุป หลังมีส่วนเหลื่อมค่าเช่า กับระยะเวลาเช่าอยู่

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมการพัฒนาพื้นที่ย่านมักกะสันเพื่อเป็นปลอดของ กทม. ได้รับทราบผลการประเมินมูลค่าการเช่าที่ดินย่านมักกะสันของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จากการะทรวงการคลัง 497 ไร่ ระยะ 30 ปี แล้ว โดยมีข้อมูลจาก 3 ฝ่าย ฝ่ายแรกจากที่ปรึกษา ร.ฟ.ท.ประเมินค่าเช่าไว้ที่ 61,000 ล้านบาท ขณะที่ที่ปรึกษาของกระทรวงการคลังประเมินที่ 56,000 ล้านบาท และสุดท้ายเป็นกรณีการซื้อกรรมสิทธิ์จากการรถไฟและโอนให้กระทรวงการคลังทันทีจะคิดเป็นมูลค่า 52,000 ล้านบาท แต่ถ้าเป็นวิธีการเช่า 30 ปีแรก จะได้ 50,000 ล้านบาท “แต่ขณะนี้ข้อมูลบางส่วนยังไม่ตรงกัน ดังนั้นในวันที่ 22 มิ.ย.58 กระทรวงการคลังกับ ร.ฟ.ท.จะหารือเพื่อหาข้อสรุปว่าค่าเช่าที่ดินจะมูลค่าเท่าไร รวมถึงหาข้อยุติในระยะเวลาโยกย้าย และการก่อสร้างด้วย ซึ่งส่วนตัวมั่นใจการนำที่ดินมักกะสันไปให้กระทรวงการคลังเช่า จะช่วยปลดหนี้ให้การรถไฟได้ไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาทแน่นอน” พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่าให้ที่ปรึกษาของ ร.ฟ.ท.และกระทรวงการคลังต้องเร่งหารือปรับฐานข้อมูลให้ตรงกัน ทั้งในเรื่องวงเงินการประเมิน และระยะเวลาการรื้อถอนการก่อสร้าง ซึ่งการรถไฟคิดระยะเวลาการเช่า 30 ปี และการรื้อถอนอีก 4 ปี แต่กระทรวงการคลัง ต้องการคิดเวลาการเช่า 30 ปี และการรื้อถอนกับก่อสร้าง 7 ปี ซึ่งหากทั้ง 2 ฝ่ายได้ข้อสรุป จะนำผลไปเสนอ คณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซุปเปอร์บอร์ด ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อขอมติเห็นชอบ จากนั้นจึงมีการกำหนดตารางเวลาการส่งมอบพื้นที่ รวมถึงการย้ายศูนย์ซ่อมรถไฟ บ้านพักเจ้าหน้าที่เพื่อเคลียร์พื้นที่ให้พร้อม”“
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 22/06/2015 4:37 pm    Post subject: Reply with quote

เร่งแผนแม่บทสถานีกลางบางซื่อ รับโครงข่ายคมนาคม8ชาติเออีซี
ฐานเศรษฐกิจ BUSINESS, REAL ESATE
วันจันทร์ ที่ 22 มิถุนายน 2558

คมนาคมเดินหน้าปรับแบบผังการพัฒนาพื้นที่สถานีกลางบางซื่อให้เป็น Grand Central Station รับเปิดเออีซี เปิด 4 โซนการพัฒนาเชิงพาณิชย์และบริการสังคม จี้สนข.เร่งโชว์ศักยภาพให้พร้อมเชื่อมโยง 8 ประเทศในภูมิภาคนี้ เร่งขับเคลื่อนรถไฟ–รถไฟฟ้า–ไฮสปีดเทรน ส่วนกทพ.เดินหน้าเคลียร์พื้นที่เชื่อมด่วนขั้นที่ 2 และด่วนศรีรัช


แหล่งข่าวระดับสูงของกระทรวงคมนาคมเปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามความคืบหน้ากรณีที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ว่าจ้างให้กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาคือกลุ่มบริษัททีม คอนซัลติ้ง ศึกษาออกแบบการพัฒนาพื้นที่ย่านพหลโยธิน โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณสถานีกลางบางซื่อที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการสถานีกลางบางซื่อของรถไฟชานเมืองสายสีแดง เพื่อรองรับการให้บริการเส้นทางช่วงบางซื่อ–รังสิตและบางซื่อ–ตลิ่งชันโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เป็นเจ้าของโครงการ

“ที่ดินแปลงดังกล่าวนี้กระทรวงการคลังเตรียมที่จะนำไปพัฒนาเพื่อการปลดภาระหนี้ของการรถไฟฯ นอกเหนือจากแปลงมักกะสัน โดยได้จัดตั้งคณะทำงานคัดเลือกที่ดินของการรถไฟฯในการโอนสิทธิการใช้ประโยชน์ให้แก่กระทรวงการคลังเพื่อชำระหนี้สินคงค้างขึ้น โดยภารกิจหลักของคณะทำงานชุดดังกล่าวคือทำหน้าที่คัดเลือกที่ดินของการรถไฟฯและทำการประเมินมูลค่าสิทธิการเช่าตามเงื่อนไขที่เหมาะสม รวมถึงการนำไปพัฒนาในเชิงพาณิชย์ แล้วต้องทำรายงานผลการพิจารณาต่อรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ และนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ให้ความเห็นชอบภายใน 60 วัน”


ด้านศาตราภิชานรศ.มานพ พงศทัต อาจารย์ประจำภาควิชาเคหการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในคณะทำงานคัดเลือกที่ดินฯ กล่าวว่า ขณะนี้การรถไฟฯกำลังจัดทำผังแม่บท โดยปรับปรุงจากแผนเดิมและแผนจากหลายหน่วยงานจะเห็นชัดเจนขึ้นเร็วๆนี้ องค์ประกอบของการพัฒนาบางซื่อก็จะมี GRAND CENTRAL STATION ขึ้นมาใหม่ โดยจะย้ายหัวลำโพงมาที่นี่ ลดความสำคัญของหัวลำโพงเป็นสถานีในเมือง ที่ดิน 2,000 ไร่ก็จะแบ่งใช้เพื่อการขนส่งทางราง ทั้ง คนและสินค้า รวมทั้งที่จอดรถไฟรวมที่เรียกกันว่า โปงราง ประมาณ 800 ไร่ เป็นสวนสาธารณะ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ สวนรถไฟ และสวนจตุจักร รวม 3 สวน ต่อเนื่องกันประมาณอีก 700-800 ไร่

โดยพื้นที่บางซื่อจะแบ่งออกเป็น 4 โซนหลักคือ 1.โซนที่ติดสถานีกลางบางซื่อ ด้านทิศใต้ที่เรียกกันว่าโซนเอ(A) ประมาณ 38 ไร่ 2. โซนบี(B) อยู่ติดกันด้านตะวันออก ประมาณ 75 ไร่ 3. โซนซี(C) เป็นที่ตั้งของบขส. ประมาณ 100 ไร่ และ 4.โซนดี(D) เป็นพื้นที่กั้นระหว่างโซนบีและตลาดจตุจักร ที่สนข.เข้ามามีบทบาทจะทำเป็นจุดเปลี่ยนถ่ายหรือ
พาร์กแอนด์ไรด์กลางสวน และเชื่อมจาก บีทีเอสไปยังสถานีเตาปูน

“การรถไฟฯกำลังศึกษาศักยภาพทางการตลาดว่าจะรองรับผู้ใช้บริการราว 3 ล้านคนต่อวันในอนาคตได้อย่างไร โดยจะมีการนำคอนเซ็ปต์แบบ TOD (Transit Oriented Development) รูปแบบเดียวกับจีน ญี่ปุ่น และฮ่องกง มาใช้พัฒนาเมือง โดยจะมีการพัฒนาเป็นพื้นที่ TOD 1 และ TOD 2 ให้เชื่อมต่อกับจตุจักร–ย่านสถานีกลางบางซื่อ มีพื้นที่จัดให้เป็นเมืองใหม่คนชั้นกลาง คาดว่าจะรองรับได้กว่า 3,000 หน่วย อีกทั้งการรถไฟฯต้องการให้เชื่อมต่อกับบีทีเอส ซึ่งตามแผนเดิมจะก่อสร้างรูปแบบอุโมงค์ทางลอด แต่เนื่องจากใช้งบประมาณมากจึงเสนอให้ก่อสร้างสกายวอล์กแทนต่อเชื่อมไปจนถึงสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่สถานีเตาปูน อีกทั้งยังจะเชื่อมโยงพื้นที่ภายในด้วยรถไฟฟ้ามินิโมโนเรล ซึ่งมีแนวคิดที่จะนำบริษัทธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด เข้ามาดำเนินการ”


รศ.มานพ กล่าวอีกว่า บางซื่อจะต้องปรับตัวให้เป็นสถานีรถไฟกลางที่ยิ่งใหญ่ของเซาธ์อีสต์เอเชีย (SOUTH-EAST-ASIA) ในไม่ช้านี้ ปี 2559 เออีซีจะเปิดเต็มตัว การเดินทางข้ามชาติ ค้าขายระหว่างชาติจะเข้มข้นยิ่งขึ้น การเดินทางด้วยรถไฟที่ขนทั้งคนและสินค้าจะมีความสำคัญยิ่งขึ้น และเออีซีมีประเทศที่พื้นดินเชื่อมโยงกันได้ถึง 8 ใน 10 ประเทศ อีกทั้งพี่ใหญ่ของโลก คือจีนมาขอร่วมด้วย NETWORK ทางบกกำลังสำคัญยิ่งขึ้น และเออีซีก็จะมีประเทศไทยที่มี Regional Location ที่เด่นสุด อยู่ในศูนย์กลางของทุกประเทศ ซึ่งจะเป็นศูนย์คมนาคมของเออีซี
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44457
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 23/06/2015 9:41 am    Post subject: Reply with quote

กระทรวงการคลัง ประชุมแผนพัฒนาที่ดินสถานีรถไฟมักกะสัน เสนอเช่าระยะยาว 100 ปี
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย 22 มิถุนายน 2558

กระทรวงการคลัง ประชุมแผนพัฒนาที่ดินสถานีรถไฟมักกะสัน เสนอเช่าระยะยาว 100 ปี ถึงจะครอบคลุมหนี้ 1.2 แสนล้าน

นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประชุมร่วมกับกรมธนารักษ์ และการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ถึงการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาที่ดินสถานีรถไฟมักกะสัน พื้นที่ 497 ไร่ และประเมินราคาที่ดิน เพื่อโอนภาระหนี้ให้กระทรวงการคลังรับผิดชอบ วงเงิน 120,000 ล้านบาท ให้สอดคล้องกับการกู้เงินด้วยการออกพันธบัตรของกระทรวงการคลัง 700,000 ล้านบาท โดยให้ครอบคลุมภาระหนี้ทั้งหมด กระทรวงการคลัง จึงเสนอขยายระยะเวลาการเช่าจากเดิม 60 ปี เป็น 100 ปี ทั้งนี้การประชุมในครั้งนี้ ยังมีความคิดเห็นต่างกันเล็กน้อย ซึ่งหากได้ข้อสรุปจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่มี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้

ส่วนกระแสข่าวที่กระทรวงการคลัง เห็นด้วยกับการพัฒนาคอมเพล็กซ์ คาสิโนนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การเปิดให้เช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ไม่ได้จำกัดด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งหากจะเปิดให้บริการคาสิโนนั้น ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต้องผลักดันให้นโยบายออกมาชัดเจนและสำเร็จ โดยสังคมให้การยอมรับเสียก่อน ซึ่งเรื่องดังกล่าวขึ้นอยู่กับหลายฝ่ายที่จะต้องพิจารณาร่วมกัน

----

จ่อปล่อยเช่าที่ดินมักกะสัน 100 ปี หวังโปะล้างหนี้ รฟท.1.2แสนล. "สมหมาย" เล็งแก้กม.เปิดทางเอื้อ
ประชาชาติธุรกิจ 23 มิ.ย. 2558 เวลา 11:22:01 น.

"สมหมาย" สั่งศึกษาข้อตกลงการให้สิทธิเช่าที่ดินมักกะสันเพื่อล้างหนี้ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) วงเงิน 1.2 แสนล้านบาท ศึกษาเพิ่มเติมสัญญาเช่า 60 ปี ขยายเป็น 100 ปี อ้างแผนเดิมตีมูลค่าล้างหนี้ได้แค่ครึ่งเดียว เร่งให้ได้ข้อสรุปภายใน 3 สัปดาห์ เตรียมแก้กฎหมายเช่าที่ดินให้ครอบคลุม

นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีการนำที่ดินมักกะสันเพื่อแลกหนี้ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า ที่ประชุมยังไม่สามารถสรุปได้ และตนได้สั่งให้ไปศึกษาเพิ่มในเรื่องสัญญาเช่าว่า ถ้าเพิ่มจาก 60 ปี (สัญญาเช่า 30 ปี ต่ออีก 30 ปี) ให้เพิ่มเป็น 100 ปี (สัญญา 50 ปี ต่ออีก 50 ปี) มูลค่าของที่ดินมักกะสันจำนวน 497 ไร่ จะเป็นเท่าใด เพราะเท่าที่ รฟท.และกรมธนารักษ์ประเมินล่าสุดที่ให้เช่า 60 ปีนั้น ตีมูลค่าที่ดินได้เพียง 50% ของมูลหนี้รวม 1.2 แสนล้านบาทเท่านั้น ดังนั้นให้ไปดูว่าหากระยะเวลาในการเช่าเพิ่มขึ้น มูลค่าที่ดินจะเพิ่มขึ้นเพียงพอกับหนี้ก้อนดังกล่าวทั้งหมดหรือไม่ ถ้าไม่เพียงพอจะดูที่ดินในแปลงอื่นมาเพิ่มด้วย ซึ่งคาดว่าในอีก 2-3 สัปดาห์ จะสามารถสรุปได้ ทั้งนี้ จะต้องเร่งสรุปเรื่องที่ดินมักกะสันและเรื่องหนี้รถไฟฯ เพราะเรื่องนี้จะไปเกี่ยวพันกับ พ.ร.บ.กู้เงิน 7.2 แสนล้านบาท เพื่อนำมาดูแลหนี้ที่รัฐบาลในอดีตทำไว้ ทั้งในเรื่องจำนำข้าว รถไฟฯ และ ขสมก. จะพยายามเร่งสรุป พ.ร.บ.ให้จบเพื่อเสนอ ครม.ภายใน 2 เดือน

นายสมหมายกล่าวว่า ในเรื่องการตีมูลค่าที่ดินมักกะสันนั้น ทั้ง รฟท.และกรมธนารักษ์ยังไม่สามารถสรุปรายละเอียดบางประเด็น อาทิ กรณีจัดรูปที่ดิน 497 ไร่ ที่กำหนดพื้นที่สวนสาธารณะ 150 ไร่นั้น มีแนวคิดจัดเป็นหย่อมๆ รวมกันแล้วได้ 150 ไร่ หรือจัดให้ติดกัน 150 ไร่ไปเลย รวมถึงกรณีการขนย้ายสิ่งปลูกสร้างออกนอกพื้นที่นั้น เสนอมา 3 ปี อาจจะสั้นกว่านี้ได้หรือไม่ ส่วนการพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์ 317 ไร่ ที่ต้องพัฒนาเป็นเฟส คือโดยเฟสแรกเป็นส่วนที่สามารถดำเนินการพัฒนาในเชิงพาณิชย์ได้ทันที เนื้อที่ 140 ไร่ และเฟสที่ 2 เนื้อที่ 177 ไร่ อาจต้องมาดูใหม่ รวมถึงแนวที่ดินของแอร์พอร์ตลิงก์ที่ต้องกันออกต้องมาดูด้วย ส่วนพิพิธภัณฑ์ 30 ไร่นั้นเห็นตรงกันว่าควรจะมี และจะให้การ โดย รฟท.นำไปบริหารจัดการเอง

"การเช่าที่ยาวถึง 100 ปีนั้น แม้ขณะนี้กฎหมายเกี่ยวกับการเช่าที่ดินไม่เอื้ออำนวย แต่กำลังมีแนวคิดจะแก้ไขกฎหมายดังกล่าวอยู่แล้ว ดังนั้นอาจให้คณะทำงานทั้ง 2 ฝ่ายไปพิจารณาว่าถ้าอายุการเช่าเพิ่มจากที่คิดมา 60 ปี จะทำให้มูลค่าที่ดินที่ทั้ง 2 ฝ่ายประเมินมาว่าจะได้ 5-6 หมื่นล้านบาทนั้น จะเพิ่มเป็นเท่าใด จะสามารถครอบคลุมหนี้การรถไฟได้มากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าไม่ครอบคลุม คลังจะต้องมาดูว่าจะหาเงินมาดูแลตรงนี้เท่าไหร่" นายสมหมายกล่าว

นายสมหมายกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดถึงว่าจะนำพื้นที่ดังกล่าวไปพัฒนาเชิงพาณิชย์ในรูปแบบใด เพราะโจทย์ที่ได้รับมาคือสรุปในเรื่องหนี้และการเช่าพื้นที่ระหว่างกระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคม เมื่อสรุปได้แล้วต้องนำเสนอไปยังคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร. หรือซุปเปอร์บอร์ด) ต่อไป ส่วนจะไปทำอะไรนั้นเป็นเรื่องของอนาคตที่จะพิจารณากันอีกครั้งหนึ่ง
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44457
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 26/06/2015 8:47 am    Post subject: Reply with quote

BTS ทุ่มหมื่นล.เสนอโปรเจ็กต์พัฒนาพื้นที่ย่านกม.11 ของรถไฟ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มิถุนายน 2558 07:53 น.

BTS เดินหน้าแผนพัฒนาพื้นที่ กม. 11 ของรถไฟ คาดลงทุนกว่าหมื่นล. พัฒนาที่อยู่พนักงานฟรีและสร้างโมโนเรลเชื่อมสถานีบางซื่อแลกเปลี่ยน “ประจิน”นัดอีก 10 วัน ทำการบ้านรายเอียดเพิ่มเติม ด้านคมนาคมเตรียมข้อมูลถกรถไฟไทย-จีน ครั้งที่ 5 เผยสำรวจ 2 ตอน เล็งเพิ่มสถานีจอด

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานคณะกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ BTS พร้อมคณะผู้บริหาร BTSเข้าพบ เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ว่า ได้มีการ รายงานความคืบหน้ากรณีที่ BTS เสนอขอลงทุนพัฒนาที่ดินบริเวณ กม.11 ถนนกำแพงเพชร ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จำนวน 359 ไร่ซึ่งมีวงเงินลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท

โดยแบ่งดำเนินงานเป็น 4 แผนงาน ได้แก่
1. สร้างคอนโดมิเนียมจำนวน 5,000 ยูนิต สำหรับครอบครัวพนักงาน ร.ฟ.ท.อยู่อาศัยฟรี โดยแบ่งเป็น 2 ขนาด คือขนาด 42 ตารางเมตร และ 56 ตารางเมตร
2. จัดสรรพื้นที่ค้าขายให้กับผู้ค้าเดิม
3. จัดสรรพื้นที่สวนสาธารณะ
4. จัดสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ปานกลางและเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์
เพื่อให้ BTS หารายได้ชดเชยการลงทุน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60%-70% ของพื้นที่ทั้งหมด พร้อมทั้ง BTS จะลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) เพื่อบริการในพื้นที่กม. 11 เชื่อมกับพื้นที่ใกล้เคียง เช่น สถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อและจตุจักร และบางซื่อ

ส่วนข้อเสนอด้านการรับเดินรถสินค้าในเส้นทางขอนแก่น-มาบตาพุด จ.ระยอง รถไฟทางคู่ขนาดราง 1 เมตร (Meter Gauge) ซึ่ง BTS เสนอแบ่งสัดส่วนการเดินรถกับ ร.ฟ.ท. พร้อมทั้งมีค่าตอบแทนให้ ร.ฟ.ท. รวมทั้งจะมีการจัดหารถจักรแบบดีเซลและแบบไฟฟ้ามาให้ ร.ฟ.ท.เช่าใช้ด้วย โดยทั้ง 2 ข้อเสนอจะเป็นการร่วมทุนรูปแบบ PPP ซึ่งการลงทุนพัฒนาพื้นที่ กม. 11มีแนวโน้มที่จะได้ข้อสรุปเร็วกว่า โดยยังมีเงื่อนไขการลงทุน และการชดเชยที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ เวลา BTS 10 วัน ไปจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติม และมานำเสนออีกครั้ง ส่วนเรื่องการเดินรถสินค้า เพราะมีรายละเอียดเยอะมากที่ต้องใช้เวลาพิจารณาให้รอบคอบ

ด้านนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าฯร.ฟ.ท. กล่าวว่า เรื่องเดินรถสินค้านั้นเป็นแผนที่ ร.ฟ.ท. เตรียมดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งยอมรับว่า BTS มีข้อเสนอจูงใจ เพราะการันตีรายได้ขั้นต่ำให้กับ ร.ฟ.ท. แลกกับสัญญาสัมปทาน 50 ปี ซึ่งกรณีที่ BTS มานำเสนอแผนงานไม่ได้หมายความว่าร.ฟ.ท.จะยกให้ได้เลยเพราะยังมีเรื่องที่อาจจะขัดกับระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างด้วย และอาจจะเป็นเรื่อง ร.ฟ.ท.เอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายเดียว ดังนั้นหลังจากการหารือร่วมกันได้ข้อยุติแล้ว ร.ฟ.ท.ก็ต้องทำการว่าจ้างที่ปรึกษา เพื่อเปิดประกวดราคาต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 01/07/2015 10:59 pm    Post subject: Reply with quote

กนอ.จับมือพันธมิตรจัดโครงการ “เรารักษ์ถนนนิคมมักกะสัน”


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
29 มิถุนายน 2558 12:38 น. (แก้ไขล่าสุด 29 มิถุนายน 2558 13:36 น.)


นางศรีวณิก หัสดิน รองผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า วันนี้ (29 มิ.ย. 58) กนอ.ร่วมกับสำนักงานเขตราชเทวี การรถไฟแห่งประเทศไทย และกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) จัดโครงการ “เรารักษ์ถนนนิคมมักกะสัน” เพื่อร่วมดูแลสิ่งแวดล้อมและกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันในการจัดกิจกรรมปรับปรุงภูมิทัศน์ในพื้นที่ถนนนิคมมักกะสันให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น ได้แก่ การทำความสะอาด เก็บเศษขยะ กิ่งไม้ ล้างผิวจราจรและทางเดินเท้าทั้งสองฝั่งถนนนิคมมักกะสัน
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44457
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 06/07/2015 12:18 pm    Post subject: Reply with quote

กว่ารถไฟจะถึงเมืองพังงา..ป่าเลนก็หมดไปแล้ว
คมการเมือง 05 ก.ค. 2558

Click on the image for full size

ก็อดสงสัยไม่ได้กับแนวป่าชายเลนสองริมถนนสี่เลนใกล้เมืองพังงา ที่อยู่ในความดูแลของการรถไฟแห่งประเทศไทย ว่านับวันจะถูกทำลายไปเรื่อยๆโดยข้ออ้างว่าได้ทำการเช่าและขอใช้ประโยชน์กับการรถไฟแห่งประเทศไทยแล้ว ผมก็จะเข้าใจในส่วนของผู้เข้าทำประโยชน์ว่า การรถไฟแห่งประเทศไทยคงจะอนุญาตในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เพื่อให้มีการเข้าไปทำประโยชน์แล้วจริงๆ ผมพยายามจะเข้าใจแบบนั้น แต่ที่น่าสงสัยก็คือปัจจุบันมีการรณรงค์ให้รักษาป่า รักสิ่งแวดล้อมทั้งในส่วนของป่าบกและป่าน้ำ (ป่าชายเลน) หลายภาคส่วนมีการจัดงบประมาณในการปลูกป่าอย่างขมี-ขมัน แต่ป่าชายเลนสมบูรณ์ที่อยู่ในความดูแล ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่เห็นตอนนี้กลับไม่มีแนวทาง-แนวท่า ที่จะอนุรักษ์หรือส่งเสริมค่าแต่อย่างใด ที่เป็นอยู่ก็นัยว่ามีการให้เช่าจัดหาผลประโยชน์ โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงแนวทางการอนุรักษ์ไว้ ซึ่งตามภาพแล้ว มีการให้ทำประโยชน์ตั้งแต่บ่อเลี้ยงกุ้ง-ร้านค้า เป็นต้น หรือไม่ก็ปรับสภาพจากป่าชายเลนเป็นสวนปาล์มน้ำมันไปเสียฉิบ แล้วก็มีคำถามต่อไปว่า ที่ผ่านมาการรถไฟแห่งประเทศไทยนั้นไม่มีแนวนโยบายในเรื่องอนุรักษ์เลยหรือย่างไร คือจริงๆแล้วตอนนี้ป่าชายเลนที่อยู่ในความดูแลของการรถไฟแห่งประเทศไทยโดยเฉพาะในจังหวัดพังงา หากยังไม่มีการดำเนินการก่อสร้างรางรถไฟ หรือว่ารถไฟยังไม่มา ช่วยอนุรักษ์ไว้ก่อนได้ไหม อย่าเพิ่งอนุญาตให้ใครเข้าไปใช้ประโยชน์ก่อน เพราะป่าชายเลนนั้นมีประโยชน์มหาศาลในหลายๆประเด็น ป่าชายเลนหรือป่าน้ำ (น้ำทะเลขึ้นท่วมถึงตามธรรมชาติ) ก็เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้อากาศบริสุทธิ์ ทำให้เป็นพื้นที่ธรรมชาติอันสวยงาม ตลอดจนถึงการเป็นที่อนุบาลของสัตว์น้ำทะเลนับหลายร้อยชนิด ทางที่ดีควรสงวนเอาไว้ก่อน เพราะไม่ทราบว่าเมื่อไหร่รถไฟจะมีการก่อสร้างกันจริงๆ และที่ดินส่วนนี้ก็บอกไว้ว่ามีการเวนคืนตามพระราชบัญญัติรถไฟไปแล้ว การปล่อยให้มีผู้เข้าทำประโยชน์แล้วหากมีรถไฟมาจริงๆจะต้องจ่ายค่ารื้อถอนอื่นใดอีกหรือไม่

ก็มีเสียงสงสัยหรือเสียงนินทาตามมาว่าการให้ใช้ประโยชน์ข้างต้นนั้น เป็นไปตามเงื่อนไขขันตอนที่ถูกต้องของการรถไฟแห่งประเทศไทยหรือไม่ เงินค่าตอบแทนไปถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยเต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือไม่อย่างไร เพราะเท่าที่ทราบการรถไฟแห่งประเทศไทยมีที่ดินที่ปล่อยให้มีการจัดหาประโยชน์มากมาย แต่ผลสรุปว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยขาดทุนทุกๆปี ชาวบ้าน-ชาวช่องเขาสงสัยกัน สำหรับเรื่องนี้ผมได้รับคำแนะนำจากนายเฉลิมศักดิ์ อบสุวรรณ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติจังหวัดพังงา(สปช.) ว่าให้ผมเดินทางไปพบกับฝ่ายกรรมสิทธิ์ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่กรุงเทพมหานคร เพื่อหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ เพราะที่ผ่านมาก็ยังไม่มีสื่อสารคนไหนสนใจ ที่จะเคยเสาะหาความจริงในเรื่องนี้มานำเสนอ ประจาน หรือตีแผ่ให้สาธารณะได้ทราบ ก็ไม่ว่ากันครับ เรื่องพรรค์แบบนี้มันอยู่ที่ “กึ๋น” ของคนทำสื่อว่าคิดได้แค่ไหนอย่างไร แต่สำหรับ “คมการเมือง” ภายใต้สโลแกน “เพิ่มแนวคิด พลิกมุมข่าว ในมุมมองที่แตกต่าง” หรือ“อยากรู้ทันบ้านเมือง อ่าน..คมการเมือง” ถนัดและสนในในเรื่องสืบสวน-สอบสวนแบบนี้ แล้วผมจะนำความจริงของเรื่องนี้จากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาเรียนท่านต่อไปครับ

:บัญญัติ ชูเลิศ:รายงาน
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 07/07/2015 6:31 pm    Post subject: Reply with quote

คมนาคมเตรียมย้ายหมอชิตไปรังสิตปี 2560
กอง บก.ข่าวเศรษฐกิจ
สำนักข่าวไทย
7 กรกฎาคม 2558 เวลา 14:08:01 น.

กรุงเทพฯ 7 ก.ค. – นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังการประชุมการย้ายสถานีขนส่งหมอชิต ของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ว่า ภายหลังการประชุมวันนี้ได้ข้อสรุปว่าจะให้ บขส.ย่อยที่ให้บริการสำหรับรถสายสั้นอยู่ในพื้นที่เดิมในปัจจุบัน แต่จะปรับขนาดพื้นที่ให้เล็กลงจาก 70 ไร่ เหลือเพียง 16.43 ไร่ ซึ่งปัจจุบันเป็นอู่จอดรถขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โดยพื้นที่ดังกล่าวจะมีรถตู้โดยสารวิ่งให้บริการไม่เกิน 300 กิโลเมตร จำนวน 3,000 คัน สำหรับรถทัวร์และรถโค้ชจำนวน 46 คันคอยให้บริการ ซึ่งทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จะต้องนำเรื่องการขอเช่าพื้นที่สถานีเดิมของ บขส.เข้าที่ประชุมบอร์ดและกลับมาเสนอให้กระทรวงคมนาคม

สำหรับพื้นที่จัดตั้งสถานี บขส.แห่งใหม่ คาดว่าจะต้องใช้พื้นที่ไม่ต่ำกว่า 80 ไร่ บริเวณรังสิต-มหาวิทยาธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประกาศให้ภาคเอกชนเข้ามาเสนอพื้นที่การก่อสร้าง และ บขส.ก็ต้องกลับไปเร่งทำแผนงานการสร้างให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อเสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณาเรื่องงบประมาณ หากเป็นไปตามกำหนดการณ์เดิมทาง บขส.จะต้องออกจากพื้นที่เดิมปี 2560 แต่หากแผนงานโครงการเสร็จเร็วกว่าที่กำหนดก็สามารถเริ่มดำเนินการย้ายได้ทันที ส่วนการสร้างอู่จอดรถประจำทางของ ขสมก.คาดว่าจะใช้พื้นที่ประมาณ 9 ไร่ ติดกับพื้นที่สถานีกลางบางซื่อ เพื่อให้การเดินทางของประชาชนมีความต่อเนื่อง.

//--------------------

โยนบอร์ดเร่งหาที่ตั้งหมอชิตใหม่
5 กรกฎาคม 2558


ปัญหาที่ตั้งบขส.แห่งใหม่ยังค้างเติ่ง "ประจิน" โยนบอร์ดเคาะความชัดเจน ยันไม่ล้วงลูก แต่ขอรับฟังข้อเสนอก่อน

พิจารณาเพื่อเห็นชอบ ชี้ชัดพื้นที่หมอชิตใหม่ย่านสถานีกลางบางซื่อให้ปรับเป็นเพียงจุดรับ-ส่งเท่านั้น ด้านบขส.หวังการ

รถไฟฯให้ใช้พื้นที่ 15-20 ไร่หรือใช้พื้นที่กรมธนารักษ์ใกล้เดโปบีทีเอสใช้งานในปัจจุบัน



พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงความคืบหน้ากรณีการพัฒนา

พื้นที่ตั้งแห่งใหม่ของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ว่าได้มอบหมายให้คณะกรรมการ (บอร์ด) บขส.เป็นผู้พิจารณาความ

เหมาะสมว่าจะตั้งอยู่ที่ไหน อย่างไร ไม่อยากไปก้าวล่วงการปฏิบัติงานแต่อยาก ให้เร่งสรุปนำเสนอเพื่อความชัดเจนโดยเร็ว



"ให้เป็นอำนาจของบอร์ดบขส.เป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมก่อนที่จะนำเสนอข้อมูลมาให้พิจารณาเห็นชอบ แต่ขณะนี้ยัง

บอกชัดเจนไม่ได้เพราะอยู่ระหว่างการพิจารณาของบอร์ดบขส. และบอร์ดก็ยังไม่ได้นำเสนอมาให้พิจารณา

เห็นชอบแต่อย่างใด"



ด้านนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า ในเบื้องต้นคงจะเป็นเพียงจุดจอด

แล้วจรเท่านั้น ส่วนการจะเป็นสถานีจอดรอขนาดใหญ่คงจะย้ายออกไปอยู่ในพื้นที่ที่บขส.อยู่ระหว่างการจัดหาพื้นที่จากที่มี

ให้เลือกประมาณ 3-4 ทำเลคือเมืองทองธานี คลองหลวง-รังสิตและจุดใกล้ๆเดโปบีทีเอส



"ได้แจ้งโดยวาจาให้กับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.)ที่อยู่ระหว่างการศึกษาออกแบบพื้นที่ย่าน

พหลโยธินในเบื้องต้นว่าประ มาณ 15-20 ไร่ แต่ยังไม่สามารถกำหนดจุดชัดเจนได้ในขณะนี้เนื่องจากอยู่ระหว่างการ

ก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อของโครงการรถไฟสายสีแดง โดยจะทำหนังสือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้บขส.และสนข.

ทราบต่อไป ส่วนเรื่องการจัดหาที่ตั้งแห่งใหม่ของบขส.นั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของบขส.เอง"



ด้านแหล่งข่าวระดับสูงของสนข.กล่าวว่า ปัจจุบันพื้นที่ย่านพหลโยธินทั้ง 2.3 พันไร่อยู่ระหว่างการศึกษาออกแบบ

รายละเอียด ในเบื้องต้นจะมีแนวคิดก่อสร้างทางเชื่อมใต้ดินในบางส่วน มีการเชื่อมโยงด้วยระบบขนส่งมวลชนด้วยโม

โนเรล บางส่วน โดยจะมีการประชุมติดตามความคืบหน้าอีกครั้งช่วงกลางเดือนพฤษภาคมนี้



"เบื้องต้นแนวคิดจะสร้างเป็นทางเชื่อมใต้ดิน แต่จากที่คณะกรรมการคัดเลือกที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยใน

การโอนสิทธิการใช้ประโยชน์ให้แก่กระทรวงการคลังเพื่อชำระหนี้คงค้างที่กระทรวงการคลังแต่งตั้งขึ้นมานั้นได้เสนอ

แนวคิดให้มีการสร้างสกายวอล์กเชื่อมโยงพื้นที่จากรถไฟ MRT ไปยังสถานีบางซื่อใกล้เอสซีจี เพราะเห็นว่าประหยัด

งบประมาณนั้นก็มีความเป็นไปได้ แต่ยังมีปัจจัยแวดล้อมอื่นประกอบการพิจารณาอีกด้วย โดยมีการเสนอขอใช้พื้นที่

ประมาณ 15 ไร่แต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติใช้พื้นที่จากการรถไฟฯ"



สำหรับความคืบหน้าการจัดหาพื้นที่ก่อสร้างสถานีบขส.แห่งใหม่ทด แทนหมอชิตใหม่ ซึ่งคาดว่าจะใช้งบไม่น้อยกว่า

3,000 ล้านบาท โดยจะใช้พื้นที่ประมาณ 150-200 ไร่ นั้นประกอบไปด้วยพื้นที่ต่างๆ ประมาณ 3-4 แปลง คือ ย่านคลองหลวง

รังสิต (ช่วงตั้งแต่ห้างฟิวเจอร์พาร์ครังสิต-มหาวิทยาลัยธรรม ศาสตร์ ศูนย์รังสิต) 3-4 แปลง และจุดใกล้ๆ เดโปรถไฟฟ้าบีที

เอสของกรมธนา รักษ์ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1 แสนตร.ม.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 09/07/2015 7:20 am    Post subject: Reply with quote

ชาวบ้านบ่อบัวเดินขบวนร้องผู้ว่าฯช่วย เหตุนายทุนบุกรื้อบ้าน ไร้จนท.เหลียวแล(ชมคลิป)


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
8 กรกฎาคม 2558 17:31 น. (แก้ไขล่าสุด 8 กรกฎาคม 2558 18:01 น.)


ฉะเชิงเทรา - ชาวบ้านบ่อบัวเดินขบวนบุกร้องผู้ว่าฯ พร้อมยื่นหนังสือทวงถามความช่วยเหลือ เหตุนายทุนเตรียมทำรั้วปิดล้อมพื้นที่ หลังได้รับสิทธิสัมปทานที่ดินรถไฟ (รอบสถานีฉะเชิงเทราหลังเดิม กม. 63.8) เผยส่งชายฉกรรจ์บุกรื้อบ้านผิดหลัง ทั้งที่ฝ่ายกระทรวงคมนาคม สั่งชะลอข้อพิพาท ด้านอัยการกลับไม่ฟ้อง สร้างความมึนงงกับชาวบ้าน





วันนี้(8 ก.ค.) ชาวบ้านในตลาดสดชุมชนบ่อบัว เขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา กว่า 200 คนรวมตัวเดินขบวน ถือแผ่นป้ายผ้า และแผ่นป้ายกระดาษงขนาดใหญ่ ข้อความเรียกร้องขอความเป็นธรรม และสิทธิการทำกินมาอย่างยาวนาน บนที่ดินเช่าจากการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อขอความช่วยเหลือจากทางผู้ว่าราชการจังหวัด ตลอดจนรัฐบาล และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

เนื่องจากเหตุการณ์ยืดเยื้อมาอย่างยาวนานหลายปีแล้ว หลังจากทางการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ให้สิทธิ์สัมปทานบนที่ดินแก่ทางบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งาพัฒนาพื้นที่แทนการรถไฟ จนมีการฟ้องร้องขับไล่ชาวบ้านออกจากที่ดิน และฝ่ายนายทุนเป็นผู้ชนะคดี จนมีความพยายามที่จะบังคับคดีจากทั้งทางเจ้าหน้าที่รัฐ และบริษัทเอกชนผู้ได้รับสิทธิ์ในการพัฒนาที่ดิน

ที่ผ่านมาทางฝ่ายบริษัทเอกชนใช้วิธีการส่งกลุ่มชายฉกรรจ์เข้าคุกคามชาวบ้านที่ยังไม่ยอมรื้อถอน หรือย้ายบ้านออกไปจากที่ดินแปลงดังกล่าว อย่างหลากหลายวิธี ทั้งการข่มขู่ การบุกเข้าทำการรื้อถอนบ้านเรือนของชาวบ้าน จนเกิดปัญหาความผิดพลาด รื้อถอนบ้านเรือนผิดหลังที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การบังคับคดี

การชุมชุนครั้งนี้ตัวแทนมีการกล่าวปราศรัย ระบุว่า ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่รัฐได้มีการเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มนายทุน ทั้งที่ทำผิดกฎหมาย เข้ารื้อถอนบ้านเรือนชาวบ้านผิดหลัง แต่ชาวบ้านกลับไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม จากสาเหตุที่อัยการจังหวัดมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคดี และในวันนี้ทางบริษัทยังเตรียมจะเข้ามาทำการล้อมรั้วสังกะสี เพื่อปิดกั้นชาวบ้านไม่ให้เข้าพื้นที่ ทั้งที่ในช่วงที่ผ่านมาทางกระทรวงคมนาคม ได้มีคำสั่งให้ทั้งสองฝ่ายหยุดข้อพิพาท และรอจนกว่าจะมีมติที่ประชุมของกระทรวงคมนาคมออกมา

ต่อมา เวลา 12.00 น. นายอนุกูล ตังคณานุกูลชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา จึงได้เดินทางลงมารับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้าน โดยในหนังสือร้องเรียนระบุข้อความว่า “ข้าพเจ้าตัวแทนพ่อค้า แม่ค้า และประชาชนชุมชนตลาดบ่อบัว ได้รับผลกระทบถูกไล่รื้อแบบไม่เป็นธรรม “ เรื่องข้าพเจ้ามีปัญหากับ บริษัทบ่อบัวพัฒนา จำกัด นำโดย นายดนัย รุ้งนภาภรณ์กุล กับลูกน้องและบริวารคุกคามมาตลอด โดยไม่ฟังเสียงของกระทรวงคมนาคม ซึ่งให้ทั้งสองฝ่ายหยุดข้อพิพาท รอจนกว่าจะมีมติที่ประชุมของกระทรวงคมนาคม ทางแกนนำชุมชนและพ่อค้าแม่ค้าได้หยุดตามคำสั่งของกระทรวง แต่ทางบริษัทไม่ยอมหยุดคุกคาม ยังดำเนินการไล่รื้ออยู่ตลอดเวลา

ข้าพเจ้าและพวกพ่อค้าแม่ค้า และประชาชนตลาดบ่อบัวจึงมาทวง 2 เรื่อง คือ 1.ชาวบ้านถูกบริษัทของนายดนัยรื้อบ้านผิดหลัง ยังไม่มีค่าชดเชยหรือเยียวยาค่าเสียหายให้ 2.คำสั่งจากกระทรวงคมนาคม ให้หยุดข้อพิพาทจนกว่าจะมีมติจากที่ประชุมของคมนาคมตามข้อตกลงกัน จึงเรียนมาเพื่อขอความเมตตาและความเป็นธรรมจากผู้ว่าราชการจังหวัดด้วย

หลังกลุ่มชาวบ้านได้ยื่นหนังสือต่อนายอนุกูลแล้ว จึงสลายตัวกลับไป
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 115, 116, 117 ... 197, 198, 199  Next
Page 116 of 199

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©