Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
View previous topic :: View next topic
Author
Message
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44599
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 18/10/2015 7:55 pm Post subject:
ร.ฟ.ท.เล็ง ทำทางเชื่อมรถไฟฟ้า-ตลาดนัดจตุจักร
ช่อง 7 สี วันที่ 18 ต.ค. 2558 เวลา 04:56 น.
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาพื้นที่ตลาดนัดจตุจักรว่า หลังจากระบบคมนาคมขนส่งในย่านพหลโยธินก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ ทั้งรถไฟฟ้าสายสีแดง และระบบรถไฟฟ้าเชื่อมต่อสายอื่นๆ จะทำให้การเดินทางมายังตลาดนัดจตุจักรสะดวกมากขึ้น และจะมีปริมาณผู้มาจับจ่ายในตลาดเพิ่มขึ้น
ดังนั้น ร.ฟ.ท.จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาทางเดินเชื่อมต่อจากสถานีรถไฟฟ้ามายังพื้นที่ตลาดนัดจตุจักร รวมทั้งจะจัดทำโครงการก่อสร้างอาคารจอดรถ ในพื้นที่ 7 ไร่ของตลาด ซึ่งจะสามารถรองรับรถได้ 1,000 คัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ค้า และจะทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ตลาดนัดจตุจักร เป็นตลาดกลางแจ้งสุดสัปดาห์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันมีประชาชนเข้ามาจับจ่ายในช่วงสุดสัปดาห์ 2 วัน รวม 200,000 250,000 คน เชื่อว่าเมื่อระบบคมนาคมขนส่งรถไฟฟ้าสายต่างๆ เสร็จสมบูรณ์ จะทำให้ตลาดนัดจตุจักร มีผู้เข้ามาจับจ่ายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42724
Location: NECTEC
Posted: 19/10/2015 10:07 am Post subject:
ร.ฟ.ท.เร่งพัฒนาระบบคมนาคมหวังดันตลาดนัดจตุจักรคึกคักมากขึ้น
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
17 ตุลาคม 2558 11:21 น. (แก้ไขล่าสุด 17 ตุลาคม 2558 11:22 น.)
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า แนวทางการพัฒนาพื้นที่ตลาดนัดจตุจักร หลังจาก ร.ฟ.ท.เข้าบริหารพื้นที่เต็มตัว ขณะที่ในอนาคตพื้นที่ใกล้เคียงตลาดนัดจตุจักรจะมีระบบขนส่งมากมาย เช่น รถไฟ้ฟ้าสายสีแดงที่จะมีพื้นที่ทั้งทางเข้าระบบของผู้โดยสาร โรงจอดและซ่อมระบบรถไฟฟ้า ดังนั้น มั่นใจว่า เมื่อระบบคมนาคมเสร็จจะช่วยให้ตลาดนัดจตุจักรคึกคักและมีผู้จับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ซึ่งกำลังหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาแนวทางก่อสร้างทางเดินเชื่อมระบบรถไฟฟ้ามาตลาด เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ค้าและผู้มาจับจ่ายใช้สอย
ส่วนโครงการที่เคยเสนอแต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จ คือ อาคารจอดรถในพื้นที่ตลาดนัดจตุจักร โดยจะเร่งรัดแผนการก่อสร้าง อาคารจอดรถดังกล่าวจะต้องสามารถรองรับได้กว่า 1,000 คัน นอกจากนี้ จะมีการปรับปรุงพื้นที่ทั้งความสะอาด การดูแลระบบระบายความร้อน เนื่องจากสภาพอากาศร้อน แต่การดำเนินการทั้งหมดจะยังคงยึดแนวคิดพัฒนาตลาด ซึ่งจะมีความเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตของคนที่สื่อถึงความเป็นไทย เนื่องจากตลาดนัดจตุจักรมีสินค้ามาก ไม่ว่าจะเป็นตลาดต้นไม้ และอาหารการกิน ที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น
ทางด้านนายชาตรี โสภณบรรณารักษ์ นายกสมาคมผู้ค้าตลาดนัดจตุจักร กล่าวว่า หาก ร.ฟ.ท.เร่งรัดแผนก่อสร้างอาคารที่จอดรถ รวมทั้งส่งเสริมให้มีการพัฒนาทางเดินเชื่อมกับระบบรถไฟฟ้า เชื่อว่าผู้ที่มาจับจ่ายในตลาดนัดจตุจักรจะเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันในช่วงสุดสัปดาห์จะมีผู้มาจับจ่ายใช้สอยประมาณ 200,000-250,000 คน
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้กำลังซื้อลดลง เชื่อว่าหลังจากนี้เข้าสู่เทศกาลท้องเที่ยวปลายปีจะกลับสู่ภาวะปกติ
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44599
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 19/10/2015 1:42 pm Post subject:
ร้องนายกฯตรวจสอบสัญญาเช่าตลาดรถไฟหัวหิน
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ 19 ต.ค. 58
ผู้ค้าตลาดรถไฟหัวหิน ร้อง "นายกฯ" ตรวจสอบสัญญาเช่าขายของ ชี้สัญญากับการรถไฟฯหมดตั้งแต่ปี52 แต่นายทุนยังเก็บเงินตามปกติ
เมื่อเวลา 09.30น. ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ฝั่งสำนักงานก.พ. ถนนพิษณุโลก) มีกลุ่มประชาชนที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าตลาดทางรถไฟ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ใช้ชื่อกลุ่มว่า กลุ่มพิทักษ์มวลชนหัวหิน(บ่อนไก่) นำโดยนางสาวสุนันทา แซ่ซิ้ม ประธานกลุ่มฯ ยื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านศูนย์บริการประชาชน กรณีได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาการเช่าที่ขายของในพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ทำสัญญากับนายทุนมาตั้งแต่ปี 2549
จนกระทั่งนายทุน ซึ่งเป็นนายทหารยศพันโทได้เสียชีวิต จึงทำให้พ่อค้าแม่ค้าทราบว่าสัญญากับการรถไฟหมดตั้งแต่ปี 2552 แต่นายทุนยังคงเก็บค่าเช่าตามปกติ โดยมีภรรยาของนายทุนมาดำเนินการต่อ และล่าสุดการรถไฟ มีการปรับอัตราค่าเช่าพื้นที่จาก 148,834 บาทต่อปี เป็น 476,006 บาทต่อปี และปรับขึ้น 5% ของราคาเดิมทุกปี ซึ่งกลุ่มนายทุนที่พวกตนเช่าพื้นที่ต่อไม่ยอมรับอัตราค่าเช่าใหม่ของการรถไฟและยืนยันจะจ่ายค่าเช่าในอัตราเดิม
อีกทั้งมีเจ้าหน้าที่มาไกล่เกลี่ยขอให้ยุติการจ่ายค่าเช่ากับนายทุนไปก่อน เพราะการรถไฟฯไม่ได้รับรายได้ดังกล่าวจากนายทุนแต่อย่างใด อีกทั้งจะเริ่มมีโครงการรื้อถอนเวนคืนพื้นที่เพื่อก่อสร้างรถไฟรางคู่ในอีก 6 เดือนข้างหน้าด้วย แต่ปรากฏว่ายังมีพ่อค่าแม่ค้าที่ไม่ได้รับค่าเวนคืนและค่ารื้อถอนใดๆ
ดังนั้นจึงต้องการให้นายกรัฐมนตรีช่วยตรวจสอบเอกสารสัญญาเช่าจากนายทุนว่า มีการเช่าพื้นที่กับการรถไฟด้วยความถูกต้องหรือไม่ เพราะพ่อค้าแม่ค้าในกลุ่มฯทุกคนยินดีทำสัญญากับการรถไฟโดยตรงและให้เจ้าหน้าที่การรถไฟมาดูแลจนกว่าโครงการรถไฟรางคู่จะเริ่ม
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42724
Location: NECTEC
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44599
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 21/10/2015 5:11 pm Post subject:
รฟท. เตรียมจัดสรรที่ดินให้ภาคเอกชนนำไปก่อสร้างที่อยู่อาศัย เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย
สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ 21 ต.ค. 2558
การรถไฟแห่งประเทศไทย เตรียมจัดสรรที่ดินให้ภาคเอกชนนำไปก่อสร้างที่อยู่อาศัย เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. เปิดเผยถึงการจัดสรรที่ดินที่อยู่ในความรับผิดชอบของการรถไฟแห่งประเทศไทย ภายใต้มาตรการส่งเสริมการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยของรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยด้วยการให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างที่อยู่อาศัย เพื่อขายผู้มีรายได้น้อยโดยไม่คิดผลกำไรบนที่ดินราชพัสดุ หรือที่ดินของการรถไฟ ในทำเลชุมชน และไม่ซ้ำซ้อนกับโครงการบ้านมั่นคงของการเคหะแห่งชาติ ว่า ปัจจุบันการรถไฟมีที่ดินที่อยู่ในความรับผิดชอบทั่วประเทศกว่า 200,000 ไร่ โดยที่ดินประมาณร้อยละ 80 นำไปใช้ในระบบการเดินรถ ซึ่งวัดจาก 2 ข้างทางของรางรถไฟประมาณ 80 เมตร อย่างไรก็ตามเบื้องต้น รฟท. จะจัดสรรพื้นที่บริเวณเชียงรากน้อย ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า
สำหรับความคืบหน้าแผนฟื้นฟูการรถไฟแห่งประเทศไทย นายวุฒิชาติ กล่าวว่า ขณะนี้การดำเนินงานเป็นไปตามแผนทั้งหมด 7 แผนงาน 55 โครงการ โดย รฟท.ได้รายงานต่อคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ กนร. ทุกวันที่ 5 ของเดือน ขณะที่ภาพรวมภาระหนี้สินของ รฟท.ในปัจจุบันมีประมาณ 113,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นภาระหนี้ของแอร์พอร์ตลิงค์ ประมาณ 33,000 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมรายได้ของ รฟท. รายได้จากการเดินรถประมาณ 3,600 ล้านบาท รายได้จากการขนส่งประมาณ 2,000 ล้านบาท และรายได้จากที่ดินประมาณ 2,500 ล้านบาท
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42724
Location: NECTEC
Posted: 21/10/2015 6:41 pm Post subject:
รถไฟฯ จ่อคุยคลังขอ 1.3 หมื่นล้านย้ายโรงงานมักกะสัน ยันเซ็นสัญญาทางคู่ 3 สาย ธ.ค.นี้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
21 ตุลาคม 2558 17:01 น. (แก้ไขล่าสุด 21 ตุลาคม 2558 17:50 น.)
ออมสินเร่งประมูลรถไฟทางคู่ 6 เส้นทางตามแผน ด้านวุฒิชาติยันเซ็นสัญญาก่อสร้างได้ 3 สายใน ธ.ค.นี้ พร้อมเตรียมเปิดอีก 6 เส้นทางระยะสุดท้ายเชื่อมทั่วประเทศ วงเงินกว่า 1 แสนล้าน เปิดนโยบายให้เอกชนร่วมลงทุนเพื่อลดภาระหนี้ภาครัฐ ขณะที่จ่อคุยคลัง ขอ 1.3 หมื่นล้านค่ารื้อย้ายโรงงานมักกะสันไปแก่งคอย เพื่อส่งพื้นที่ให้คลังเช่า 99 ปี ล้างหนี้กว่า 6 หมื่นล้าน
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายกับผู้บริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ว่า ได้ติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 6 เส้นทาง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ ประกอบด้วย
1. ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ระยะทาง 106 กม. วงเงิน 10,992.47 ล้านบาท ซึ่งกำลังประกวดราคา คาดว่าจะลงนามสัญญาก่อสร้างในต้นเดือนธ.ค.นี้
2. ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กม. วงเงิน 26,005 ล้านบาท อยู่ระหว่างประชาพิจารณ์ TOR คาดว่าจะลงนามสัญญาก่อสร้างได้ในกลางเดือนธ.ค.นี้ ส่วน
3. ช่วง ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม.วงเงิน 17,291 ล้านบาท รายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ได้รับความเห็นชอบแล้ว อยู่ระหว่างเสนอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งจะเร่งลงนามสัญญาในเดือนธ.ค.เช่นกัน
4. ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กม. วงเงิน 29,853 ล้านบาท 5. ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กม. วงเงิน 20,036 ล้านบาท 6. ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กม. วงเงิน 24,840 ล้านบาท อยู่ระหว่างการพิจารณารายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งตามแผนจะประกวดราคาในปี 2559 ซึ่งจะนำเสนอขออนุมัติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อเปิดประกวดราคาคู่ขนานไปด้วย โดยยังไม่มีข้อผูกพันจนกว่าEIA จะเรียบร้อย เพื่อเร่งรัดงาน
นอกจากนี้ยังมีโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่อีก 6 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,349 กม. วงเงินกว่า 1 แสนล้านบาทประกอบด้วย 1. ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 258 กม. 2. ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 174 กม. 3. ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 90 กม. 3. ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 309 กม. 5. ช่วงชุมพร-สุราษฏร์ธานี ระยะทาง 167 กม. 6. ช่วง สุราษฏร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 324 กม. โดยอยู่ระหว่างการศึกษา ทั้งนี้ 6 เส้นทางดังกล่าวร.ฟ.ท.จะเปิดให้เอกชนที่สนใจเข้ามาร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP เพื่อลดภาระหนี้สาธารณะของภาครัฐ
ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต สัญญาที่ 1(งานก่อสร้างสถานีกลางและศูนย์ซ่อมภาพรวมบำรุง) และสัญญาที่ 2 ( งานก่อสร้างทาง) ในภาพรวมมีความคืบหน้าประมาณ 40% ส่วนสัญญา 3 (งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมตู้รถไฟฟ้าบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน) มูลค่า 27,926 ล้านบาท ล่าสุดได้สรุปผลการเจรจาราคากับกลุ่มกิจการร่วมค้า MHSC Consortium (บริษัท MITSUBISHI Heavy Industrial Ltd บริษัท Hitachi และ บริษัท Sumitomo Corporation) ที่ 32,399 ล้านบาท ซึ่งเกินกรอบที่บอร์ดร.ฟ.ท.ได้ปรับกรอบวงเงินใหม่ไว้ที่ 30,500 ล้านบาท ซึ่งจะมีการเสนอครม.เพื่อขอปรับเพิ่มกรอบวงเงินส่วนที่เกินดังกล่าวโดยจะเร่งสรุปและลงนามสัญญาภายในเดือนธ.ค.นี้ และดำเนินการจัดหาระบบและตัวรถเพื่อเปิดเดินรถในปี 2561-2562 พร้อมกันนี้ได้เร่งรัดโครงการรถไฟสายสีแดงอ่อน ช่วงพญาไท-หัวหมาก และสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง วงเงิน 44,157.76 ล้านบาท และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ ช่วงพญาไท-บางซื่อ เพื่อนำเสนอครม.เนื่องจากมีช่วงที่ต้องใช้ทางร่วมกัน จึงต้องออกแบบไปพร้อมกัน
ด้านนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.กล่าวถึงการพัฒนาย่านโรงงานมักกะสัน 497 ไร่ว่า ที่ปรึกษาได้สรุปรายงานฉบับสุดท้ายกรณีการย้ายโรงซ่อมมักกะสัน, โรงพยาบาลบุรฉัตรไชยากร (โรงพยาบาลรถไฟ) และบ้านพักพนักงานไปที่แก่งคอย โดยมีค่าดำเนินการประมาณ 13,000 ล้านบาทซึ่งร.ฟ.ท.จะเจรจากับกระทรวงการคลังเรื่องงบดำเนินการรื้อย้าย เพื่อเร่งมอบพื้นที่ให้คลังตามข้อตกลงเช่าระยะยาว 99 ปี ในการชำระหนี้มูลค่าประมาณ 61,846 ล้านบาท คาดว่าจะรื้อย้ายแล้วเสร็จในปี 2563-2564
ปัจจุบัน ร.ฟ.ท.มีหนี้สินประมาณ 113,000 ล้านบาท โดยเป็นหนี้ของ แอร์พอร์ตลิงก์ ประมาณ 33,000 ล้านบาท ซึ่งหากเจรจาแยกบัญชีได้ร.ฟ.ท.จะเหลือหนี้ประมาณ 80,000 ล้านบาท และหากเดินหน้าพัฒนาที่มักกะสันเพื่อชำระหนี้กับคลังกว่า 60,000 ล้านบาท จะเหลือหนี้ประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะหาทางเพิ่มรายได้เพื่อชำระหนี้ โดยจะมีการปรับโครงสร้างองค์กร เร่งโครงข่ายรถไฟทางคู่เพิ่มศักยภาพการขนส่งด้านโลจิสติกส์ ซึ่งตลาดยังมีความต้องการอีกมาก สำหรับรายได้รวมเฉลี่ยประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปี เป็นรายได้จากการขนส่งสินค้า 2,000 ล้านบาท, ผู้โดยสาร 3,600 ล้านบาท รายได้อื่นๆ เช่นที่ดินประมาณ 2,500 ล้านบาท ซึ่งปี 2559 คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มจากที่ดินอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42724
Location: NECTEC
Posted: 26/10/2015 5:05 pm Post subject:
ร.ฟ.ท.เปิดโมเดลพัฒนาที่ดิน 4 แปลงใหญ่ ผุดแลนด์มาร์ก-ล้างหนี้ 8 หมื่นล. ฟื้นฟูกิจการ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
26 ตุลาคม 2558 06:03 น. (แก้ไขล่าสุด 26 ตุลาคม 2558 09:00 น.)
เปิดแผนพัฒนาที่ดินทำเลทอง 4 แปลงใหญ่ของ ร.ฟ.ท. ซึ่งจะเปิดเอกชนร่วมลงทุน มูลค่ากว่าแสน ล. ตั้งเป้าผุดแลนด์มาร์ก ศูนย์กลางคมนาคมขนส่งและเศรษฐกิจ หวังล้างหนี้ 8 หมื่น ล. ฟื้นฟูกิจการ พลิกโฉมเป็น ร.ฟ.ท.ยุคใหม่
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ร.ฟ.ท.กำลังเร่งรัดแผนพัฒนาที่ดิน 4 แปลงใหญ่ โดย 1.ที่ดินย่านมักกะสัน ได้ข้อสรุปกับกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลังที่จะได้รับสิทธิในการเช่าที่ดินในระยะยาว จำนวน 99 ปี เพื่อชำระหนี้คงค้างมูลค่าประมาณ 61,846 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดการย้ายโรงงานมักกะสัน โรงพยาบาลบุรฉัตรไชยากร (โรงพยาบาลรถไฟ) และบ้านพักพนักงาน 2.ที่ดินบริเวณบางซื่อ อยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสมด้านธุรกิจ และการลงทุนโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ เพื่อเป็นศูนย์กลางการเดินรถไฟ 3.ที่ดินย่านสถานีแม่น้ำ 4.ที่ดินบริเวณ กม.11 ซึ่งจะมีการสำรวจและทบทวนผลการศึกษาเดิมให้เรียบร้อยภายในปีนี้
แหล่งข่าวจาก ร.ฟ.ท.กล่าวว่า ตามข้อตกลงกรมธนารักษ์ต้องการให้ส่งมอบพื้นที่มักกะสัน 497 ไร่ ภายใน 2 ปี ซึ่งในทางปฏิบัติไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ทั้งหมดได้ เนื่องจากตามผลศึกษาในการย้ายโรงงานมักกะสัน จะใช้เวลาประมาณ 4 ปี โดยในช่วง 2 ปีแรก ร.ฟ.ท.จะส่งมอบพื้นที่แปลงA ซึ่งอยู่หน้าสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ จำนวน 140 ไร่ ให้ก่อน เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่ว่าง จากนั้นจะทยอยส่งมอบพื้นที่โรงพยาบาลรถไฟ และบ้านพัก และในสัปดาห์นี้จะมีการหารือกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเพื่อตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อพิจารณาและศึกษาแนวทางในการย้ายโรงงาน โรงพยาบาล และบ้านพักออกจากพื้นที่ให้เร็วขึ้นอีกด้วย
ส่วนพื้นที่บริเวณสถานีบางซื่อ 305 ไร่ มีโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ 218 ไร่ กำหนดพื้นที่ดำเนินการออกเป็น 3 โซน ประกอบด้วย โซน A จำนวน 35 ไร่ โซน B จำนวน 78 ไร่ โซน C จำนวน 105 ไร่ โดยได้นำแนวคิด TOD (Transit Oriented Development) ซึ่งบริษัทที่ปรึกษาจะส่งมอบผลการศึกษาภายในเดือน ธ.ค.นี้ ส่วนโซน D จำนวน 87.5 ไร่ ทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เป็นผู้ศึกษาออกแบบรายละเอียดศูนย์คมนาคมขนส่งพหลโยธิน และต้นแบบการพัฒนาโดยรอบศูนย์กลางคมนาคม ซึ่งหลังตรวจรับผลการศึกษาทั้งหมดแล้วจะพิจารณารูปแบบการพัฒนาที่เหมาะสมเพื่อออกประกาศเชิญชวนเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนตามขั้นตอน การร่วมทุนระหว่างรัฐ และเอกชน หรือ Public Private Partnerships (PPP) โดยประเมินว่าแนวทางที่เหมาะสมคือ รวมประมูลพื้นที่ทั้ง 3 โซน และแบ่งเฟสในการพัฒนา
สำหรับโครงการพัฒนาพื้นที่ย่านสถานีแม่น้ำ จำนวน 260 ไร่ และโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณ กม.11 จำนวน 359 ไร่นั้น จะสรุปข้อมูลและผลศึกษาเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท.ในเดือน พ.ย.นี้ เพื่อขอความเห็นชอบในหลักการดำเนินโครงการแบบ PPP พร้อมกันนี้ ร.ฟ.ท.จะดำเนินการว่าจ้างที่ปรึกษาดำเนินการศึกษารายละเอียดตามข้อกำหนดของการลงทุนแบบ PPP ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56) โดยตั้งวงเงินงบประมาณไว้ โครงการละ 15 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม มูลค่าในการพัฒนาที่ดิน 4 แปลงใหญ่ คิดเป็นเงินกว่าแสนล้านบาท ซึ่งจะทยอยแบ่งเฟสในการลงทุนเพื่อให้โครงการมีความเป็นไปได้ และมีผลตอบแทนในการลงทุนที่จูงใจ เช่น พื้นที่บางซื่อ เบื้องต้น กำหนดให้พัฒนาพื้นที่โซน A ก่อน และในอีก 5 ปีต่อไป หรือในปี 2564-2565 จึงจะพัฒนาพื้นที่โซน B เป็นต้น ซึ่งในส่วนของ ร.ฟ.ท.จะเริ่มมีรายได้จากการพัฒนาพื้นที่ชัดเจนเมื่อเริ่มพัฒนาไปแล้ว 4-5 ปี
ปัจจุบัน ร.ฟ.ท.มีหนี้สินประมาณ 113,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหนี้ของแอร์พอร์ตลิงก์ประมาณ 33,000 ล้านบาท ซึ่งหากเจรจาแยกบัญชีกันได้ ร.ฟ.ท.จะเหลือหนี้ประมาณ 80,000 ล้านบาท และหากพัฒนาที่มักกะสันเพื่อชำระหนี้กับคลังกว่า 60,000 ล้านบาท จะเหลือหนี้ประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่ง ร.ฟ.ท.สามารถนำรายได้จากการพัฒนาย่านบางซื่อ กม.11 และสถานีแม่น้ำมาชำระหนี้ได้อย่างแน่นอน
สำหรับที่ดินของ ร.ฟ.ท.ทั่วประเทศ มีจำนวน 234,976 ไร่ เป็นที่ดินใช้เพื่อการเดินรถ 198,674 ไร่ (84%) ประกอบด้วย พื้นที่เขตทาง 189,586 ไร่ ย่านสถานี 5,333 ไร่ และบ้านพัก 3,755 ไร่ เป็นที่ดินไม่ใช้เพื่อการเดินรถ 36,302 ไร่ (15.4%) ประกอบด้วย ที่ดินจัดประโยชน์ได้ 34,487 ไร่ ย่านพหลโยธิน 1,070 ไร่ และบ้านพัก 745 ไร่
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42724
Location: NECTEC
Posted: 27/10/2015 10:42 am Post subject:
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย และนายเทวินทร์ วงศ์วานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกัน ระหว่างบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยการรถไฟฯ ตกลงต่ออายุสัญญาก่อให้เกิดสิทธิเหนือพื้นดิน และอายุสัญญาเช่าให้กับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ต่อไปอีก 30 ปี และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ตกลงจ่ายเงินเพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจการของการรถไฟฯ ในด้านต่าง ๆ ซึ่งแสดงถึงพันธะสัญญาในการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทั้งสองหน่วยงานและประเทศชาติเป็นหลัก โดยมีนายสราวุธ เบญกุล ประธานกรรมการรถไฟ และนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานกรรมการบริษัท เป็นสักขีพยานในการลงนาม
https://www.facebook.com/pr.railway/posts/1182493028432233
ดีเดย์รฟท.เซ็นบันทึกข้อตกลงกรณีค้างค่าเช่าปตท.สำนักงานใหญ่ 26 ต.ค. นี้
By ฐานเศรษฐกิจ -
26 ตุลาคม 2558
ดีเดย์รฟท.เซ็นบันทึกข้อตกลงกับปตท.กรณีค้างค่าเช่าที่ดินก่อสร้างอาคารปตท.สำนักงานใหญ่ย่านกม.11 พหลโยธินมาตั้งแต่ปี 56 โกยรายได้เพิ่มปี 58-59 อีก 1,350 ล้านบาทครบครันทั้งงบเพื่อการปรับภูมิทัศน์ งบก่อสร้างอาคาร 17 ชั้นเพื่อการพักอาศัย ส่วนที่เหลืออีก 700 ล้านขอผ่อนชำระ ถือฤกษ์เซ็นต์ 26 ตค.นี้
แหล่งข่าวระดับสูงการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เปิดเผย ฐานเศรษฐกิจ ว่าในวันที่ 26 ตุลาคมนี้รฟท.เตรียมลงนามบันทึกความร่วมมือกับบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) เรื่องกรณีการชำระค่าเช่าที่ดินก่อสร้างอาคารปตท.สำนักงานใหญ่ ในพื้นที่กม.11 ย่านพหลโยธิน หลังจากที่ได้ครบกำหนดสัญญาเช่าไปเมื่อเดือนมีนาคม 2556 โดยในครั้งนี้พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงจากการเซ็นต์สัญญาเช่ากับปตท.มาเป็นการเซ็นต์บันทึกข้อตกลงแทนซึ่งการเซ็นบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้จะมีระยะเวลา 30 ปี
โดยผลการหารือร่วมระหว่างผู้แทนร.ฟ.ท.กับผู้แทนของบริษัทปตท.จำกัด(มหาชน) ในกรณีค่าเช่าที่ดินอาคารปตท.สำนักงานใหญ่ บนพื้นที่ 23 ไร่ในย่านกิโลเมตรที่ 11 พหลโยธินราคาตกลงกันได้ที่จำนวน 1,350 ล้านบาทจากการเสนอราคาในช่วงแรกอยู่ที่วงเงิน 1,792 ล้านบาท ซึ่งได้มีการนำเสนอคณะกรรมการ(บอร์ด)รฟท.และของปตท.เห็นชอบมาแล้ว จำแนกออกเป็นงบเพื่อการปรับภูมิทัศน์โดยรอบ วงเงิน 150 ล้านบาท งบเพื่อก่อสร้างอาคารสูง 17 ชั้นเพื่อให้พนักงานรฟท.อยู่อาศัย วงเงิน 450 ล้านบาท งบในส่วนที่เหลืออีกจำนวน 700 ล้านบาทจะจ่ายเป็นเงินสดก้อนแรกก่อน 300 ล้านบาท โดยงบที่เหลืออีก 400 ล้านบาทนั้นขอแบ่งจ่ายเป็นระยะเวลา 4 ปีๆละ 100 ล้านบาท
ไม่ได้เป็นจ่ายเงินสดทั้งหมด เนื่องจากมีทั้งการปลูกสร้างทรัพย์สิน การปรับภูมิทัศน์โดยรอบให้แล้ว และมีจ่ายเป็นเงินสดบางส่วนเท่านั้น โดยราคา 1,350 ล้านบาทได้ผ่านการเห็นชอบของบอร์ดทั้ง 2 ฝ่ายเรียบร้อยแล้ว จึงสามารถเซ็นบันทึกความร่วมมือได้ ส่วนการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยนั้นปตท.มอบให้รฟท.เป็นผู้ออกแบบแล้วนำเสนอพิจารณาเห็นชอบ หากงบประมาณเกินจาก 450 ล้านบาทรฟท.ต้องรับผิดชอบในส่วนที่เกินทั้งหมดเองขณะนี้รฟท.ลงนามแล้วต้องเร่งวางผังและจ้างออกแบบโดยเร็วต่อไป Last edited by Wisarut on 29/10/2015 8:04 pm; edited 1 time in total
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44599
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 27/10/2015 7:13 pm Post subject:
^^^
ร.ฟ.ท.ต่ออายุสัญญาที่ตั้ง ปตท.30 ปี ไร้ค่าเช่า
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 ตุลาคม 2558 18:50 น.
นายปิติพันธ์ เทพปฏิมากรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการเจรจาและหาข้อยุติกรณีพิพาทการใช้ประโยชน์ที่ดิน ณ ที่ตั้งอาคารสำนักงานใหญ่ ปตท. และบริเวณข้างเคียงที่เกี่ยวเนื่องนั้นปรากฏว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้บรรลุข้อตกลง โดย ร.ฟ.ท. ต่ออายุร.ฟ.ท. ต่ออายุสัญญาที่ตั้งอาคารสำนักงานใหญ่ ปตท. อีก 30 ปี โดยไม่มีค่าเช่า ขณะ ปตท. ควัก 1,300 ล้าน ให้ ร.ฟ.ท. ปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่โดยรอบ
นายปิติพันธ์ เทพปฏิมากรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการเจรจาและหาข้อยุติกรณีพิพาทการใช้ประโยชน์ที่ดิน ณ ที่ตั้งอาคารสำนักงานใหญ่ ปตท. และบริเวณข้างเคียงที่เกี่ยวเนื่องนั้น ผลปรากฏว่าร.ฟ.ท. และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้บรรลุข้อตกลง โดย ร.ฟ.ท. ต่ออายุสัญญาก่อให้เกิดสิทธิเหนือพื้นดินให้กับ ปตท. ต่อไปอีก 30 ปี สิ้นสุด 31 มีนาคม 2586 โดยไม่มีค่าเช่าและค่าตอบแทน ตามเงื่อนไขสัญญาเดิม
ขณะที่ ปตท. ตกลงให้เงินแก่ ร.ฟ.ท. เพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจการ และปรับปรุงภูมิทัศน์ในพื้นที่ ร.ฟ.ท. ที่อยู่รอบบริเวณอาคาร ปตท. สำนักงานใหญ่ รวมกว่า 1,300 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงเงินช่วยเหลือสำหรับโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณนิคม กม.11 และบริเวณย่านบางซื่อ หรือพื้นที่ตามที่ ร.ฟ.ท. กำหนด เพื่อทำการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้พนักงานรถไฟ จำนวน 1 หลัง พร้อมอาคารจอดรถ ตามแบบ แผนงาน และงบประมาณที่ ร.ฟ.ท. เสนอ โดย ปตท.จะพิจารณาให้ความช่วยเหลือเพื่อการนี้ เป็นจำนวนเงินประมาณ 450 ล้านบาท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับแบบที่ ร.ฟ.ท. จะเสนอเพื่อพิจารณาต่อไป
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42724
Location: NECTEC
Back to top
You cannot post new topics in this forum You cannot reply to topics in this forum You cannot edit your posts in this forum You cannot delete your posts in this forum You cannot vote in polls in this forum
Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group