Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
View previous topic :: View next topic
Author
Message
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 47052
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 11/11/2024 7:46 am Post subject:
นพดลชี้ฉีกเอ็มโอยู ไทยเสียสิทธิแบ่งพื้นที่
Source - เดลินิวส์
Monday, November 11, 2024 07:36
ถกเข้มบัตรคนจนใหม่ ที่ดินแจงวุ่นเขากระโดง
"หนิม" ประชุมทบทวนหลักเกณฑ์บัตรคนจนรอบใหม่ สกัดดราม่าคนไม่จนจริงได้บัตร เล็งยืนตามมติ ครม.ปรับให้ลงทะเบียนปีละ 2 ครั้ง ตรวจสอบคุณสมบัติเพิ่มไปถึงรายได้ครอบครัว ปรับปรุงฐานข้อมูลให้ผู้มีรายได้น้อยไม่ให้ตกสำรวจ "นพดล" เซ็งกล่าวหา MOU44 ยอมรับเส้นไหล่ทวีปตามเขมร ทำไทยเสียดินแดน ชี้ถ้ายกเลิกจะทำให้ข้อผูกพันเรื่องเจรจาแบ่งเขตแดนทางทะเลตามหลักกฎหมายสากลสิ้นผล แถมทำให้ไทยเขมร ไม่สามารถสำรวจขุดเจาะน้ำมันในพื้นที่ทับซ้อนได้ กรมที่ดินแจงเหตุไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์เขากระโดงคืน รฟท. ชี้ตั้ง กก.สำรวจพบขอบเขตที่ดินไม่เหมือนที่ รฟท.อ้าง สำรวจหลักฐานและผู้มีส่วนได้เสียพบว่า ดำเนินการไปชอบด้วยกฎหมายแล้ว หาก รฟท.เห็นว่ามีสิทธิในที่ดินก็ต้องไปพิสูจน์ในศาลอีก โพลชี้คดีตากใบหมดอายุความ สร้างกระแสลบต่อพรรคเพื่อไทยมากที่สุด แต่คน 3 จังหวัดจำนวนมากยังไม่ได้คิดถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า และยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคไหน "นิกร" เล็งจัดประชามติทางไปรษณีย์เพิ่มคนมาใช้สิทธิโหวตแก้ รธน.ถึงกึ่ง ให้ กกต.ออกแบบหลังไปดูงานที่สวิตเซอร์แลนด์
เตรียมทบทวนบัตรคนจน
เมื่อวันที่ 10 พ.ย.นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 11 พ.ย.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม เพื่อหารือถึงการกำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขการได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ รวมถึงทบทวนสวัสดิการอื่น ๆ ของรัฐจากทุกหน่วยงาน ให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการให้ความช่วยเหลือประชาชนให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด และป้องกันไม่ให้คนจนไม่จริงเข้ามาได้รับสิทธิ การประชุมครั้งนี้ จะยังไม่มีข้อสรุปใด ๆ เป็นเพียงการนำมติ ครม. มาแจ้งให้ทราบถึงนโยบายการทบทวนสิทธิสวัสดิการรัฐก่อน และมอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปเตรียมข้อมูลต่าง ๆ มาหารือร่วมกันอีกครั้ง รวมถึงจะตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อย เพื่อจัดทำข้อมูลให้ครบถ้วนด้วย เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาดราม่า คนจนจริง ไม่ได้รับสิทธิ แต่คนรวยได้สิทธิ เพราะเป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำในสังคมไปเรื่อย ๆ
ตรวจสอบรายได้ครอบครัว
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 17 ต.ค.67 เห็นชอบทบทวนมติ เรื่องโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 แนวทางการดำเนินการแก้ปัญหาผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้รับสิทธิ โดยปรับความถี่ในการเปิดรับลงทะเบียน จากปีละ 1 ครั้ง เป็น 2 ปีครั้ง นับจากวันที่เริ่มใช้สิทธิครั้งแรกในโครงการที่เปิดรับลงทะเบียนครั้งล่าสุด ปรับขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติจากตรวจสอบเฉพาะตัวบุคคลเป็นตรวจสอบรายได้ครอบครัว นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ได้รับสิทธิจำนวนหนึ่งยังไม่ได้ยืนยันตัวตน จึงเห็นควรทบทวนเพื่อให้มีการปรับปรุงระบบฐานข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน ให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงสิทธิได้อย่างถูกต้อง โดยการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ จะเริ่มต้นปีหน้า รัฐบาลจะเอาข้อมูลคนลงทะเบียนทั้งหมดมาร่อนตะแกรงใหม่อีกครั้ง
ชี้เรื่องเสียสิทธิยกเลิกMOU44
นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีต รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่าหลังการปั่นกระแสเสียเกาะกูดซาลงไป ก็ยังมีการเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก MOU44 แล้วทำ MOU ใหม่ ไปกล่าวหาว่า MOU44 ยอมรับเส้นเขตไหล่ทวีปที่กัมพูชาประกาศ และจะทำให้ไทยเสียสิทธิทางทะเล ซึ่งไม่เป็นความจริง ส่วนประเด็นที่กล่าวหาว่าถ้ารัฐบาลนี้เจรจากับกัมพูชาแล้วขุดน้ำมันและแก๊สในพื้นที่พัฒนาร่วมมาใช้ก่อน จะทำให้ไทยเสียสิทธิในเขตทางทะเลแน่ เรื่องนี้ทฤษฎีถูก แต่ข้อสันนิษฐานผิด เนื่องจากรัฐบาลและคณะกรรมการเจรจา (JTC) จะทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะการเจรจา ก.แบ่งเขตทางทะเล และ ข.พื้นที่พัฒนาร่วมหรือ JDA ต้องทำคู่ผูกติดกันไป แยกจากกันไม่ได้ ตามที่ระบุในข้อ 2 ของ เอ็มโอยู 44 นี่คือข้อดีของเอ็มโอยู แล้วจะเรียกร้องให้ยกเลิก MOU44 ทำไม ทั้ง ๆ ที่มันป้องกันความกังวลของคนคัดค้าน
"ถ้ายกเลิก MOU44 จะมีผลตามมาคือ การประกาศเขตไหล่ทวีปของแต่ละฝ่าย พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน 26,000 ตารางกิโลเมตร ยังคงอยู่ ไทยและกัมพูชาไม่สามารถเข้าไปสำรวจขุดเจาะน้ำมันและแก๊สในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนได้ ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายไม่มีความผูกพันที่จะต้องเจรจาเรื่องแบ่งเขตทางทะเลและพัฒนาร่วมควบคู่กันไป ถ้ายกเลิก ข้อผูกพันให้มีการเจรจาเรื่องแบ่งเขตทางทะเลตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ตามที่ระบุใน MOU44 ข้อ 3 จะสิ้นผล ซึ่งเมื่อไทยไม่ยอมรับเส้นของกัมพูชา นี่คือช่องในการเจรจาให้ได้ข้อสรุปที่สอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งไทยจะได้ประโยชน์
ททท.ส่งเสริมการท่องเที่ยว
ว่าที่ ร.ต.กรกฏ โอภาส ผอ.การ ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตราด กล่าวถึงสถานการณ์ ภาพรวมการท่องเที่ยวเกาะกูด จังหวัดตราด หลังจากที่มีการ นำเสนอข่าวเรื่องการแบ่งผลประโยชน์ ร่วมกันทางทะเล ไทย - กัมพูชา MOU 44 จนทำให้มีข่าวผู้ยกเลิกการจองห้องพักเกาะกูด 30% ว่า จากการสำรวจโดยใช้ฐานข้อมูล 20 โรงแรม ตั้งแต่ห้าดาวถึงสองดาว คาดการณ์ นักท่องเที่ยวในช่วงเดือน พ.ย.-ม.ค. พบว่าอัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 1% ตามปกติ ที่มีข่าวนายกสมาคมผู้ประกอบการโรงแรมบอกว่ายอดลด เข้าใจว่า เขาหมายถึงภาพรวมการท่องเที่ยวเกาะช้างมากกว่า และเป็นข้อมูลคาดการณ์ รัฐบาลโดยน.ส.แพทองธาร ชิน วัตร นายกฯ พยายามสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวผ่านการชี้แจงข้อมูลจากภาคส่วนต่าง ๆ มีบุคคลสำคัญในรัฐบาลลงพื้นที่ ทั้งนายอนุทิน ชาญ วี รกูล รองนายก ฯ และ รมว. มหาดไทย ที่จะลงพื้นที่ในวันจันทร์ที่ 11 พ.ย.นี้ และ ททท.ตราดก็จะเน้นการสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว พยายามไม่พูดถึงข่าวดังกล่าว ไปพร้อมกับการออกแคมเปญ ส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่
ขอพท.รับฟังเรื่องประชามติ
นายนิกร จำนง เลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมกันเพื่อพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขเกณฑ์ผ่านประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญ ว่า จากที่ตนเสนอให้ใช้เกณฑ์ผ่านคือ ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ เสียงเห็นชอบใช้เสียงข้างมากของผู้มาออกเสียง และต้องมากกว่าเสียงโนโหวต เชื่อว่าจะมี กมธ.ที่สนับสนุน ทั้งจากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และจากพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากแนวทางเสียงข้างมากชั้นครึ่งนั้น เคยเป็นแนวทางที่พรรคภูมิใจไทยเสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติต่อสภา ซึ่งหากแกนนำพรรคเพื่อไทยอย่างนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่เห็นด้วย เพราะต้องการใช้เสียงข้างมากปกติ และต้องการให้สภาผู้แทนราษฎรยืนยันบทบัญญัติในเรื่องดังกล่าว หลังจากที่ผ่านเวลา 180 วันนั้น พรรคเพื่อไทยควรประเมินให้ดี เพราะหากมีกรณีแตกหักในชั้น กมธ. ซึ่งเป็นการแตกหักกับ สว. อาจทำให้ไม่ได้รับความร่วมมือในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ตามขั้นตอนแล้วต้องได้เสียง สว. รับหลักการวาระแรก 1 ใน 3 หรือ 67 เสียง
ประชามติทางไปรษณีย์ได้
"ส่วนที่กังวลว่าจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิประชามติ ไม่ถึง 50% ของผู้มีสิทธินั้น ตามสาระของร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ ได้เปิดให้ใช้วิธีออกเสียงผ่านทางไปรษณีย์ ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนได้มาก และเชื่อว่าจะทำให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญเกินเกณฑ์กำหนด ได้ศึกษาแนวทางการทำประชามติด้วยระบบไปรษณีย์ เชื่อว่าประเทศไทยสามารถทำได้ แม้ไม่เคยทำมาก่อน อีกทั้งหลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หารือกับ กมธ.ร่วมแล้ว กกต. จะเดินทางไปดูงานการประชามติที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่ กกต.จะกำหนดและออกแบบการทำประชามติผ่านระบบไปรษณีย์ที่เหมาะสม" นายนิกร กล่าว
โวคนอุดรมาถึงหลักแสน
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เตรียมลงพื้นที่ช่วยนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี พรรคเพื่อไทยหาเสียงเลือกตั้งในวันที่ 24 พ.ย. 2567 ว่า ประชาชนไม่เคยลืมในผลงานและนโยบายที่นายทักษิณได้สร้างไว้ จ.อุดรธานี เป็นเมืองหลวงคนเสื้อแดงภาคอีสาน คาดว่าจะมีประชาชน จ.อุดรธานี และพื้นที่ใกล้เคียงมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้อาจทะลุระดับแสนคนขึ้นไป พรรคเพื่อไทย ขอโฟกัสกับนโยบายและสิ่งที่จะพัฒนาร่วมกับชาวอุดรธานี เวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทยทุกพื้นที่ จึงเป็นเวทีที่สร้างสรรค์ ประชาชนที่มาฟังก็จะได้ทราบว่าจะได้รับประโยชน์และโอกาสอย่างไรหากได้นาย ศราวุธเป็นนายก อบจ.อุดรธานี ทั้งนี้ นายทักษิณจะลงพื้นที่ในวันที่ 13-14 พ.ย. 2567 โดยมีบุคลากรจากพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงไปร่วมด้วยจำนวนมาก
โพลชี้ตากใบกระเทือนพท.
ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง "พรรคการเมืองใดเดือดร้อนจากกรณีตากใบ" สำรวจระหว่างวันที่ 5-8 พ.ย. จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ในพื้นที่ จ.นราธิวาส จ.ปัตตานี และ จ.ยะลา 1,067 หน่วยตัวอย่าง เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ได้รับผลกระทบในทางลบจากกรณีคดีตากใบที่หมดอายุความ พบว่า ตัวอย่าง 55.20% ระบุว่า พรรคเพื่อไทย รองลงมา 29.99% ระบุว่า ไม่ส่งผล กระทบต่อพรรคการเมืองใด 4.69% ระบุว่า พรรคประชาชาติ 1.97% ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ 2.16% ระบุว่า อื่น ๆ ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย พรรค รทสช. และ 5.99% ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
เมื่อถามถึงคดีตากใบหมดอายุความส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งครั้งต่อไปของคน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ 39.55% ระบุว่า ไม่ส่งผลเลย 25.21% ระบุว่า ส่งผลมาก 23.62% ระบุว่า ค่อนข้างส่งผล และ 11.62% ระบุว่า ไม่ค่อยส่งผล เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่คน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า 50.14% ระบุว่า ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ 18.85% ระบุว่า พรรคประชาชน (ปชน.) 13.68% ระบุว่า พรรคประชาชาติ 5.44% ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ 4.69% ระบุว่า พรรคเพื่อไทย 2.62% ระบุว่า พรรค รทสช. 1.78% ระบุว่า พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรคภูมิใจไทย ในสัดส่วนที่เท่ากัน
ที่ดินแจงไม่ถอนเขากระโดง
กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ได้เผยแพร่เอกสาร กรณีคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน มีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นสมควรไม่เพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินบริเวณเขากระโดง ว่า คำพิพากษาศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขแดงที่ 582/2566 ลงวันที่ 30 มี.ค.2566 ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาให้อธิบดีกรมที่ดิน มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน และให้การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท.ผู้ฟ้องคดี ร่วมกับคณะกรรมการสอบสวน ตรวจสอบแนวเขตที่ดินบริเวณเขากระโดง ตำแหน่ง ที่ตั้งและขอบเขตของที่ดิน รฟท. กล่าวอ้างว่ามีระยะทาง 8 กิโลเมตร แต่จากการตรวจสอบรายงานผลการถ่ายทอดแนวเขตที่ดิน รฟท. ของคณะกรรมการฯ เปรียบเทียบแปลนภาพถ่ายทางอากาศ ปรากฏว่าทางรถไฟมีระยะทางประมาณ 6.2 กิโลเมตร และได้ลงสำรวจเส้นทางรถไฟในพื้นที่จริงด้วยการรังวัดค่าพิกัดด้วยเครื่องรับสัญญาณดาวเทียมแบบจลน์ (RTK) สามารถยืนยันตำแหน่งทางรถไฟที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศว่า ตรงกับตำแหน่งรางรถไฟบนที่ดินจริง
รฟท.ไม่ใช้แผนที่แนบท้าย
ที่ศาลปกครองกลางให้ รฟท. ร่วมกับคณะกรรมการสอบสวนฯ ตรวจสอบแนวเขตที่ดินบริเวณเขากระโดง เพื่อหาแนวเขตที่ดินที่เป็นของ รฟท.ตามคำพิพากษาศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ ภาค 3 คณะกรรมการสอบสวนฯ ไม่สามารถร่วมกับ รฟท. เนื่องจากเป็นการร่วมทำงานกับคู่กรณี ทำให้สูญเสียความเป็นกลาง จะทำให้มติคณะกรรมการสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน และหลักฐานจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเห็นว่า เป็นการดำเนินการไปตามขั้นตอนและชอบด้วยกฎหมายแล้ว เห็นว่าไม่สมควรที่จะเพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินด้วยมติเป็นเอกฉันท์ จนกว่าจะได้มีพยาน หลักฐาน ที่สามารถใช้พิสูจน์ข้อเท็จจริงให้เป็นที่ยุติได้ อธิบดีกรมที่ดินได้เห็นชอบตามคณะกรรมการ หาก รฟท. เห็นว่าตนมีสิทธิในที่ดิน ก็ต้องไปดำเนินการพิสูจน์สิทธิในกระบวนศาลต่อไป
สำหรับรูปแผนที่ที่ รฟท.อ้างสิทธิ นั้น จากการตรวจสอบพบว่าได้จัดทำขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2531 และปี พ.ศ. 2539 เป็นการจัดทำขึ้นตามมติที่ประชุมคณะกรรมการประสานการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐส่วนจังหวัด (กบร.) ซึ่งได้จัดทำขึ้นภายหลังที่ได้ออกเอกสารสิทธิในที่ดินไปแล้ว รฟท.ได้นำแผนที่นี้ไปใช้ประกอบการต่อสู้ในคดีตามคำพิพากษาศาลฎีกา แต่แผนที่นี้ไม่ใช่แผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อที่ดินแต่อย่างใด
"อิ๊งค์"ร่วมประชุมเอเปคเปรู
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ จะเยือนนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา และร่วมการประชุมผู้นำประเทศเขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ครั้งที่ 31 ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ในระหว่างวันที่ 10-18 พ.ย.โดยนายกฯ จะเดินทางเยือนนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ในวันจันทร์ตามเวลาประเทศไทยและจะพบกับทีมไทยแลนด์เป็นครั้งแรก เพื่อมอบนโยบายแก่เอกอัครราชทูต กงสุลใหญ่ และหัวหน้าสำนักงานทีมประเทศไทยในภูมิภาคอเมริกา เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือกับประเทศในภูมิภาคอเมริกา จากนั้นจึงไปประชุมเอเปคต่อ
ก่อนเดินทาง นายกฯ ประชุมหารือการเตรียมความพร้อมสร้างความเชื่อมั่น และแผนรับนักท่องเที่ยวในช่วง High Season พร้อมตรวจเยี่ยมเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่หน่วยงานที่ให้บริการนักท่องเที่ยว และเยี่ยมชมการใช้งานระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Biometric) ผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ ที่บริเวณพื้นที่รับรองบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เคาน์เตอร์แถว A/B/C ประตูทางเข้าที่ 1 ชั้น 4 อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ.
ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 12 พ.ย. 2567 (กรอบบ่าย)
1. **State Welfare Program Revision**: A meeting was held to refine eligibility criteria for the welfare program to prevent misuse, including revising family income checks and the registration process. The government aims to improve data to ensure only low-income individuals receive benefits.
2. **MOU44 Maritime Dispute**: Former Foreign Minister Noppadol Pattama warned that canceling MOU44 with Cambodia could jeopardize Thailand's territorial claims and joint resource exploration in disputed maritime areas.
3. **Khao Kradong Land Dispute**: The Land Department decided not to revoke land title deeds in Khao Kradong claimed by the State Railway of Thailand (SRT). The court ruled that land boundaries were determined lawfully, but SRT can pursue further legal action if it contests this.
4. **Political Reactions to Tak Bai Incident**: A recent poll indicated negative feedback for the Pheu Thai Party in Thailands southern provinces due to unresolved issues related to the Tak Bai incident, but many in the region remain undecided about the upcoming election.
5. **Tourism Impact**: Tourism on Koh Kood is affected by MOU44-related disputes, but efforts are being made to restore confidence among tourists. Government representatives are visiting to show support.
6. **APEC Summit Participation**: Prime Minister Paethongtarn Shinawatra will attend the APEC summit in Peru and plans to discuss international collaboration and boost Thailands tourism sector.
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43819
Location: NECTEC
Posted: 11/11/2024 10:08 am Post subject:
กรมที่ดินแจง ที่ดินเขากระโดง ทำตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ตาม ม.61 แห่ง ป.ที่ดิน ยัน ไม่ขัดแย้งคำพิพากษาฎีกา
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันอาทิตย์ ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เวลา 09:40 น.
ปรับปรุง: วันอาทิตย์ ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เวลา 09:40 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน กรมที่ดิน เผยแพร่ กรณีคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน มีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นสมควรไม่เพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินบริเวณเขากระโดง กรมที่ดิน ขอเรียนชี้แจงในประเด็นต่าง ดังนี้
ประเด็นการดำเนินการตามคำพิพากษาศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขแดงที่
582/2566 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2566 ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาให้อธิบดีกรมที่ดิน มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับแนวทางหรือวิธีการดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษา โดยให้การรถไฟฯ (ผู้ฟ้องคดี) ร่วมกับคณะกรรมการสอบสวนฯ ทำการตรวจสอบแนวเขตที่ดินบริเวณเขากระโดง เพื่อหาแนวเขตที่ดินที่เป็นของการรถไฟฯ ตามคำพิพากษาศาลฎีกา
และศาลอุทธรณ์ ภาค 3 ซึ่งอธิบดีกรมที่ดิน (นายวสันต์ สุภาภา รองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมาย) ได้มีคำสั่งคำสั่งที่
1195 -1196 /2566 ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2566 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อดำเนินการตามคำพิพากษาศาลปกครองกลางดังกล่าวแล้ว โดยที่ศาลปกครองกลางมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้กรมที่ดินดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์บริเวณเขากระโดงแต่อย่างใด
ประเด็นการตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 60 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน การตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯ เป็นไปตามบทบัญญัติในมาตรา 61 วรรคสอง และวรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ประกอบกับกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการในการสอบสวน และการพิจารณาเพิกถอนหรือแก้ไขการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม
หรือการจดแจ้งเอกสารรายการจดทะเบียนโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย พ.ศ. 2553 หมวด 1 การตั้งคณะกรรมการสอบสวน และการสอบสวน ข้อ 2 ซึ่งประกอบด้วย
(1) เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดหรือเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด สาขาหรือข้าราชการสังกัด
กรมที่ดินที่อธิบดี หรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายซึ่งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีหรือผู้ตรวจราชการกรมที่ดินเห็นสมควร เป็นประธานกรรมการ
(2) นายอำเภอหรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอซึ่งที่ดินตั้งอยู่ เป็นกรรมการ
(3) ตัวแทนคณะผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่ เป็นกรรมการ
(4) ผู้แทนส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้องตามที่เห็นสมควร เป็นกรรมการ
(5) ข้าราชการที่ดำรงตำแหน่งประเภททั่วไปตั้งแต่ระดับชำนาญงานขึ้นไปหรือข้าราชการ
ซึ่งดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการตั้งแต่ระดับชำนาญการขึ้นไปในสำนักงานที่ดินจังหวัดหรือสำนักงานที่ดินจังหวัด สาขา เป็นกรรมการและเลขานุการ
ดังนั้นการตั้งคณะกรรมการสอบสวนจึงเป็นการตั้งตามตำแหน่งหน้าที่ที่กฎหมายได้บัญญัติไว้
ประเด็นการสอบสวนของคณะกรรมกาสอบสวน มีอำนาจหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการในการสอบสวนและการพิจารณาเพิกถอนหรือแก้ไขการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม หรือการจดแจ้งเอกสารรายการจดทะเบียนโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย พ.ศ. 2553 หมวด 1 การตั้งคณะกรรมการสอบสวนและการสอบสวน ข้อ 3 และ ข้อ 4 ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้คณะกรรมการสอบสวนฯ ต้องดำเนินการสอบสวนพยานหลักฐานให้ได้ความว่า ได้มีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไปโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วย
กฎหมายหรือไม่ โดยมีการนัดสอบสวน การนัดพิจารณาหรือการอย่างอื่นพร้อมทั้งต้องแจ้งผู้มีส่วนได้เสียทราบเป็นหนังสือด้วย และมีอำนาจเรียกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์หรือเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องจากผู้ยึดถือมาประการพิจารณาพร้อมทั้งแจ้งผู้มีส่วนได้เสียทราบเพื่อให้โอกาสคัดค้าน
เมื่อดำเนินการสอบสวนเสร็จแล้ว คณะกรรมการสอบสวนมีหน้าที่ รายงานผลการสอบสวนต่ออธิบดีกรมที่ดินหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย โดยจะต้องสรุปข้อเท็จจริงและเหตุที่มีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์โปโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ รวมทั้งมีหน้าที่เสนอความเห็นต่ออธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายว่าสมควรสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไปโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่อย่างไรอีกทั้งมีหน้าที่ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมในกรณีที่อธิบดีกรมที่ดินหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายเห็นสมควรให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมตามนัยกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการสอบสวนและการพิจารณาเพิกถอนหรือแก้ไขการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม หรือการจดแจ้งเอกสารรายการ
จดทะเบียนโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบตัวยกฎหมาย พ.ศ. 2553 ข้อ 7
A
ประเด็นที่กรมที่ดินพิจารณายุติเรื่องกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการสอบสวนและการพิจารณาเพิกถอนหรือแก้ไขการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม หรือการจดแจ้งเอกสารรายการจดทะเบียนโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย พ.ศ. 2553 หมวด 3 การสั่งเพิกถอน หรือแก้ไข ข้อ 12 ได้บัญญัติเงื่อนไขของการที่อธิบดีกรมที่ดินหรือผู้ซึ่งอธิบดีบตีมอบหมายจะพิจารณาสั่งเพิกถอนหรือแก้ไขการออกโฉนตที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์นั้นได้ต่อเมื่อปรากฏชัดแจ้งว่าได้มีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไปโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนฯ ซึ่งได้ดำเนินการสอบสวนแล้ว ปรากฏว่า แผนที่ที่การรถไฟฯกล่าวอ้างซึ่งได้จัดทำขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2539 เป็นการจัดทำขึ้นตามมติที่ประชุม กบร. จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรกรกลุ่มสมัชชชาคนจน เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2539 โดยผู้ฟ้องคดี
นำแผนที่ดังกล่าว ไปใช้ในการต่อสู้คดีตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842 - 876/2560 และ ที่ 8027/2561 จึงไม่ใช่แผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกว่าด้วยการจัดซื้อที่ดินอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นเพื่อสร้างทางรถไฟสายตวันออกเฉียงเหนือ พระพุทธศักราช 2464 ประกอบกับตำแหน่งที่ตั้งและขอบเขตของที่ดินการรถไฟซึ่งมีการกล่าวอ้างว่ามีระยะทาง 8 กิโลเมตร แต่จากการตรวจสอบรายงานผลการถ่ายทอดแนวเขตที่ดินการรถไฟฯ ของคณะทำงานดำเนินการถ่ายทอดแนวเขตที่ดิน ตามคำสั่งกรมที่ดิน ที่ 681/2566 ซึ่งคณะทำงานฯ ได้ตรวจสอบทางรถไฟโดยใช้วิธีการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศ ปี พ.ศ. 2497, พ.ศ. 2511, พ.ศ. 2529 และ พ.ศ. 2557 ปรากฏว่าทางรถไฟมีระยะทางประมาณ 6.2 กิโลเมตร และได้ลงสำรวจเส้นทางรถไฟในพื้นที่จริงด้วยการรังวัดค่าพิกัดด้วยเครื่องรับสัญญาณดาวเทียมแบบจลน์ (RTK) สามารถยืนยันตำแหน่งทางรถไฟที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศว่า ตรงกับตำแหน่งรางรถไฟบนที่ดินจริง
ประกอบกับการตรวจสอบจากแผนที่ภูมิประเทศ ลำดับชุดที่ L708 ซึ่งเป็นแผนที่ภูมิประเทศชุดแรกในประเทศไทยจัดทำโดยกรมแผนที่ทหาร (ในช่วงปี พ.ศ. 2495 - 2500)มีความยาวของทางรถไฟประมาณ 6.2 กิโลเมตร เช่นกัน โดยมีข้อสังเกตที่สำคัญจากการดำเนินการของคณะทำงานดังกล่าวคือ จุดสิ้นสุดรางรถไฟในแต่ละชั้นปีที่ดำเนินการถ่ายทอดมีระยะสิ้นสุดไม่เท่ากันและมีความแตกต่างกันในช่วงปลายตั้งแต่หลักกิโลเมตรที่ 6 ถึงจุดสิ้นสุด มีทิศทางที่แตกต่างกัน โดยหากพิจารณาจากรางรถไฟจริง จุดสิ้นสุดของ
กิโลเมตรที่ 8 จะเบี่ยงไปทางด้านทิศตะวันออก และความกว้างของแนวเขตทางรถไฟ จากการตรวจจสอบข้อมูลของคณะทำงานศึกษา แสวงหาหลักฐานและบูรณาการข้อมูลประวัติที่ดิน ตามคำสั่งกรมที่ดิน ที่ 91/2567
ลงวันที่ 18 มกราคม 2567 ที่ได้ศึกษาค้นคว้าเทียบเคียงจากพระราชกฤษฎีกาที่เกี่ยวข้อง และจากหนังสือกระทรวงโยธาธิการ ฉบับลงวันที่ 27 สิงหาคม รัตนโกสินทรศก 127 สันนิษฐานได้ว่าการกำหนดเขตสร้างทางรถไฟจะมีการกำหนดไว้เพียงระยะข้างละไม่เกิน 40 เมตร หรือ 20 วา สำหรับกรณีที่ศาลปกครองกลาง
ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับแนวทางหรือวิธีการดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษา โดยให้การรถไฟฯ (ผู้ฟ้องคดี) ร่วมกับคณะกรรมการสอบสวนฯ ทำการตรวจสอบแนวเขตที่ดินบริเวณเขากระโดง เพื่อหาแนวเขตที่ดินที่เป็นของการรถไฟฯ ตามคำพิพากษาศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ ภาค 3 คณะกรรมการสอบสวนฯ ไม่สามารถร่วมกับการรถไฟฯ เพื่อตรวจสอบแนวเขตรถไฟตามข้อสังเกตของศาลปกครองกลางได้ เนื่องจากเป็นการร่วมกับคู่กรณีในการพิจารณาทางปกครอง ทำให้สูญเสียความเป็นกลางและมีผลทำให้ความเห็นหรือมติของคณะกรรมการสอบสวนฯไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้ง เมื่อพิจารณาเกี่ยวกับประเด็นการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินแล้วเห็นว่า เป็นการดำเนินการไปตามขั้นตอนและชอบด้วยกฎหมายแล้ว ประกอบกับเมื่อพิจารณาประเด็นคำคัดค้านพยานหลักฐานของผู้มีส่วนได้เสียแล้วเห็นว่า รับฟังได้ คณะกรรมการสอบสวนฯ จึงมีมติ
ยืนยันความเห็นว่าไม่สมควรที่จะเพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินด้วยมติเป็นเอกฉันท์ จนกว่าจะได้มีพยานหลักฐาน ที่สามารถใช้พิสูจน์ข้อเท็จจริงให้เป็นที่ยุติได้ รวมถึงเอกสารหลักฐานทางกฎหมายที่สามารถพิสูจน์กรรมสิทธิ์ที่ดินของการรถไฟฯ ยกเว้นในบริเวณที่มีพยานหลักฐานยืนยันว่า มีการเข้าใช้ประโยชน์โดยมีการสร้างทางรถไฟซึ่งจะต้องไม่เกินข้างละ 20 วา หรือ 40 เมตร โดยการรถไฟฯ จะต้องเป็นผู้นำพิสูจน์การเข้าทำประโยชน์
ดังนั้น เมื่อพิจารณาผลการสอบสวนและความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนฯ ซึ่งเห็นว่ายัง
ไม่มีพยานหลักฐานปรากฏชัดแจ้งเพียงพอให้รับฟังได้ว่า ได้มีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายจะพิจารณาเพิกถอนหรือแก้ไขตามนัยข้อ 12 ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการสอบสวนและการพิจารณาเพิกถอนหรือแก้ไขการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม หรือการจดแจ้งเอกสารรายการจดทะเบียนโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย พ.ศ. 2553 อธิบดีจึงได้เห็นชอบตามที่คณะกรรมการฯ เสนอยุติเรื่องในกรณีนี้ ตามความเห็นของคณะกรรมการฯ ที่ได้เสนอมา พร้อมทั้งแจ้งให้การรถไฟทราบว่า หากการรถไฟฯ เห็นว่าตนมีสิทธิในที่ดินดีกว่าก็เป็นเรื่องที่ผู้มีสิทธิในที่ดินจะต้องไปดำเนินการเพื่อพิสูจน์สิทธิในกระบวนการยุติธรรมทางศาลต่อไป
ประเด็นการพิจารณาของคณะกรรมการสอบสวนและกรมที่ดินขัดหรือแย้งกับคำพิพากษาฎีกาและศาลอุทธรณ์หรือไม่
ประเด็นตามคำพิพากษาศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ เป็นกรณีพิพาทของการรถไฟแห่งประเทศไทยกับเอกชน ซึ่งกรมที่ดินไม่มีโอกาสได้เข้าไปเป็นคู่ความต่อสู้ในคดี และนำเสนอพยานหลักฐานอันเป็นสาระสำคัญซึ่งเป็นประเด็นแห่งคดีไปแสดงต่อศาลได้ สำหรับรูปแผนที่ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย
(ผู้ฟ้องคดี) อ้างสิทธิ นั้น จาการตรวจสอบพบว่าได้จัดทำขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2531 และปีพ.ศ. 2539 เป็นการจัดทำขึ้นตามมติที่ประชุมคณะกรรมการประสานการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐส่วนจังหวัด ซึ่งได้จัดทำขึ้นภายหลังที่ได้ออกเอกสารสิทธิในที่ดินไปแล้ว โดยการรถไฟฯ ได้นำแผนที่นี้ไปใช้ประกอบการต่อสู้ในคดีตามคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งแผนที่นี้ไม่ใช่แผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดชื้อที่ดินฯ แต่อย่างใด
ประกอบกับการดำเนินการคณะกรรมการสอบสวนฯ และกรมที่ดิน เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง และตามที่ประมวลกฎหมายที่ดิน และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการสอบสวนและการพิจารณาเพิกถอนหรือแก้ไขการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม หรือการจดแจ้งเอกสารรายการจดทะเบียนโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วย
กฎหมาย พ.ศ. 2553 บัญญัติไว้ จึงเห็นว่ามิได้ขัดหรือแย้งกับคำพิพากษาของศาลแต่ประการใด
https://mgronline.com/politics/detail/9670000108089?tbref=hp
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43819
Location: NECTEC
Posted: 12/11/2024 10:31 am Post subject:
สหภาพฯรฟท.จี้ผู้ว่าฯเร่งทวงคืนที่ดินเขากระโดง-สอบจ้างขนรถไฟญี่ปุ่น รุ่น kiha ผิดเงื่อนไขTOR
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันจันทร์ ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เวลา 21:01 น.
ปรับปรุง: วันจันทร์ ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เวลา 21:01 น.
สหภาพฯ รฟท. จี้ผู้ว่าฯ รฟท. เร่งอุทธรณ์ ทวงคืนที่ดินเขากระโดง หลังกรมที่ดินไม่เพิกถอน
สหภาพฯ รฟท. เรียกร้องตรวจสอบ การจ้างขนรถไฟมือสองจากญี่ปุ่น รุ่น kiha 40 และ kiha 48 โดยให้สรุปมาเป็นข้อๆ สั้นๆ ว่าผิด TOR (Technical Operational Requirements) หรือไม่
สหภาพฯรฟท.จี้ผู้ว่าฯรฟท. เร่งอุทธรณ์ ทวงคืนที่ดินเขากระโดง หลังกรมที่ดินไม่เพิกถอน และให้ตรวจสอบ จ้างขนรถไฟมือสองจากญี่ปุ่น รุ่น kiha 40 และ kiha 48 ทำผิดTOR
วันนี้ (11พ.ย.67) สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.)นำโดยนายสราวุธ สราญวงศ์ ประธานสหภาพฯรฟท. ได้ยื่นหนังสือต่อผู้ว่าการรถไฟฯ โดยมีนางสาวชุติมา วงศ์ศิวะวิลาส ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการพัฒนาที่ดิน เป็นผู้แทนรับหนังสือรถไฟ ฯ โดยขอให้ดำเนินการใน2 ประเด็นคือ
1.ให้รฟท.ดำเนินการอุทธรณ์ต่อศาลปกครองโดยเร่งด่วน กรณีมติของคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน มีคำวินิจฉัยไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินซึ่งออกทับที่ดินของการรถไฟฯ เนื่องจากมีผลกระทบต่อสถานภาพสิทธิของการรถไฟฯ
2.เรื่อง ขอให้ตรวจสอบการดำเนินการตามสัญญาจ้างขนรถดีเซลรางปรับอากาศรุ่น kiha 40 และ kiha 48 จำนวน 20 คัน จากประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากมีประเด็นการไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขตาม TOR ในสัญญาจ้าง
โดยสหภาพฯรฟท. ได้ยื่นหนังสือด่วนมาก ลงวันที่ 11 พ.ย.2567 เรื่อง เสนอให้การรถไฟฯอุทธรณ์ต่อศาลปกครองโดยเร่งด่วน กรณีมติของคณะกรรมการสอบสวนตามาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน มีคำวินิจฉัยไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินซึ่งออกทับที่ดินของการถไฟฯ โดย อ้างถึง 1.คำพิพากษาศาลปกครองคดีหมายเลขดำที่ 2494 /2564 คดีหมายเลขแดงที่ 582/2566 เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 และ2.หนังสือที่ มท.0516.2(2)/22162 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567
ตามที่ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 2494 /2564 คดีหมายเลขแดงที่ 582/2566 เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 พิพากษาให้อธิบดีกรมที่ดินดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 วรรค 2 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน (ตามอ้างถึง 1) ซึ่งกรมที่ดินมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 วรรรคสอง ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2566 เพื่อจัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องเอกสารสิทธิที่ดินซึ่งออกทับที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รูฟท.) บริเวณแยกเขากระโดง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ และเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 อธิบดีกรมที่ดินมีหนังสือที่ มท.0516.2(2)/22162 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567 ได้ส่งหนังสือแจ้งว่าคณะกรรมการสอบสวนฯ มีมติเอกฉันท์ไม่เพิกถอนหรือแก้ไขเอกสารสิทธิที่ออกทับที่ดินของการรถไฟฯ (ตามอ้างถึง 2) นั้น โดยมีผลกระทบต่อสถานภาพสิทธิของการรถไฟฯ ซึ่งถือว่าเป็นคำสั่งทางปกครอง
สร.รฟท. ซึ่งมีหน้าที่ตามข้อบังคับของสหภาพฯและวัตถุประสงค์ตามพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 มาตรา 40 (4) ให้ความร่วมมือในการสร้างประสิทธิภาพและรักษาผลประโยชน์ของรัฐวิสาหกิจ โดยที่ประชุมคณะกรรมการ สร.รฟท.ได้มีมติให้ดำเนินการติดตามกระบวนการเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินซึ่งออกทับที่ดินของการถไฟฯเห็นว่าในกรณีดังกล่าวมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842- 876/2560 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8027/2561 และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค3 คดีหมายเลขดำที่ 111/2563 คดีหมายเลขแดงที่ 1112/ 2563 ได้วินิจฉัยไว้อย่างขัดแจ้งว่า ที่ดินตามแผนที่แสดงเขตที่ดินของกรมรถไฟแผ่นดินสายนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี ตอนแยกที่ย่อยศิลา ตำบลเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ กิโลเมตรที่ 375+ 650 เป็นส่วนหนึ่งของพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟต่อจากนครราชสีมา ถึงอุบลราชธานี ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน พระพุทธศักราช 2462
เมื่อกรมรถไฟแผ่นดินได้ไข้ประโยชน์ในที่ดินโดยการก่อสร้างทางรถไฟเข้าไปลำเลียงหินที่บริเวณเขากระโดง จึงถือได้ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิของการรถไฟฯ เป็นที่ดินกรรมสิทธิ์ที่ได้มาตามพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟแลทางหลวง พระพุทธศักราช 2464 และถือเป็นที่ดินของรัฐประเภทหนึ่ง จึงเป็นหน้าที่ของกรมที่ดินซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการคุ้มครองและป้องกันที่ดินของรัฐตามที่กำหนดในกฎกระทรวงฯประกอบข้อเท็จจริงที่มีผลเกี่ยวเนื่องจากคำพิพากษาศาลฎีกา อธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งการแก้ไขรูปแผนที่และเนื้อที่ในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ข.) สำนักงานที่ดินบุรีรัมย์ได้ดำเนินการยกเลิกใบไปไต่สวน พร้อมจำหน่าย ส.ค.1 ออกจากทะเบียนครอบครองที่ดิน และยกเลิกการขอออกโฉนดที่ดินจำนวน 40 ฉบับ รวมถึงจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ซึ่งที่ดินในกระบวนการดังกล่าวทั้งหมดเกิดขึ้นจากการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินทับซ้อนที่ดินของการรถไฟฯ จึงเป็นข้อเท็จจริงที่ คณะกรรมการสอบสวนฯควรต้องน้ำไปพิจารณา จากมติคำวินิจฉัยของคณะกรรมการสอบสวนฯ ถือเป็นคำลังทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีผลกระทบต่อสถานภาพสิทธิของการรถไฟฯ ในเรื่องของกรรมสิทธิใน ที่ดินทับซ้อนที่ดินของการรถไฟฯบริเวณทางแยกเขากระโดง
ดังนั้น สร.รฟท.จึงขอให้การรถไฟฯดำเนินการใช้สิทธิอุทธรณ์ต่อศาลปกครองโดยเร่งด่วนที่สุดกรณีมติของคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน มีคำวินิจฉัยไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินบริเวณเขากระโดงซึ่งออกทับที่ดินของการรถไฟฯ ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการปกป้องรักษาทรัพย์สินที่ดินของการรถไฟฯไว้ และสืบทอดพระราชปณิธานของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เพื่อประโยชน์แห่งรัฐและประชาชนต่อไป
นายสราวุธ สราญวงศ์ ประธานสหภาพฯรฟท. กล่าวว่า การที่อธิบดีกรมที่ดิน ได้ชี้แจงมติของคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา61 ว่าไม่สามารถเพิกถอนที่ดินบริเวณเขากระโดงของรฟท.ได้ ซึ่งสหภาพฯรฟท.จึงมายื่นหยังสือต่อผู้ว่าฯรฟท.เนื่องจากเห็นว่ามติดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายและคำพิพากษาของศาล และให้รฟท.อุทธรณ์มติของกรมที่ดิน และเร่งดำเนินการนำที่ดินเขากระโดงกลับมาเป็นของรฟท. เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการประชาชนต่อไป โดยที่ดินเขากระโดงมีจำนวน 5,083 ไร่เป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟตามพระบรมราชโองการดังนั้นกรมที่ดินต้องทำหน้าที่ตามกฏหมายและให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลฎีกา
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43819
Location: NECTEC
Posted: 12/11/2024 10:35 am Post subject:
เคลียร์ปมเขากระโดง! กรมที่ดินเปิดผลรังวัดยันยึดกม. สอดคล้องคำพิพากษาศาลปกครอง
หน้าการเมือง
วันอังคาร ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เวลา 09.51 น.
กรมที่ดินยันชัดผลการรังวัดที่ดินเขากระโดงยึดกฎหมาย ตั้งคณะกรรมการดำเนินการสอดคล้องคำพิพากษาศาลปกครอง
12 พฤศจิกายน 2567 กรมที่ดิน ชี้แจงผลการรังวัดที่ดินเขากระโดง ยืนยันดำเนินการครบถ้วนถูกต้อง ตามคำพิพากษาศาลปกครอง และร่วมตรวจสอบแนวเขตที่ดินกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตามกฎหมายทุกขั้นตอน ตามที่ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาให้อธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับแนวทางหรือวิธีการดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษา โดยให้การรถไฟฯ (ผู้ฟ้องคดี) ร่วมกับคณะกรรมการสอบสวนฯ ทำการตรวจสอบแนวเขตที่ดินบริเวณเขากระโดง เพื่อหาแนวเขตที่ดินที่เป็นของการรถไฟฯ
กรมที่ดิน ได้มีคำสั่งที่ 1195 - 1196/2566 ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2566 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เป็นการดำเนินการตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง โดยคณะกรรมการสอบสวนฯ ตาม ม.61 ได้กำหนดกรอบแนวทางในการรังวัดเพื่อตรวจสอบหาแนวทางเขตที่ดินของทางรถไฟแห่งประเทศไทยบริเวณเขากระโดง ในการประชุมครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2567
โดยที่ประชุมได้ข้อยุติว่าการดำเนินการรังวัดทำแผนที่ดังกล่าว กรมที่ดินต้องถือปฏิบัติตามระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยการรับคำขอรังวัด การรังวัดและการเรียกค่าใช้จ่ายในการรังวัดเฉพาะราย พ.ศ.2567 ซึ่งในการนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ดำเนินการยื่นคำขอรังวัดทำแผนที่บริเวณเขากระโดง จังหวังหวัดบุรีรัมย์ กับสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ และจะส่งข้อมูลค่าพิกัดกรอบพื้นที่บริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ให้คณะกรรมการสอบสวนภายในกรอบระยะเวลาต่อไป ซึ่งต่อมาสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ โดยช่างผู้ทำการรังวัดร่วมกับตัวแทนของการรถไฟฯ ได้รายงานสรุปผลการรังวัดนำชี้แนวเขตร่วมระหว่างกรมที่ดิน และการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยเป็นการรังวัดเพื่อตรวจสอบตำแหน่งขอบเขตโดยรอบและจัดทำแผนที่ทางกายภาพเพื่อประกอบ การพิจารณาผลการดำเนินการ ปรากฎดังนี้
1.การรังวัดเป็นการดำเนินการร่วมโดยตัวแทนของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้รับมอบจากการรถไฟฯ แยกเป็น 2 ชุด ชุดละ 5 คน รวม 10 คน และเจ้าหน้าที่จากกรมที่ดิน โดยสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ชุดละ 4 คน รวม 8 คน โดยทั้ง 2 ฝ่าย ได้ร่วมกันทำการรังวัดชี้ตำแหน่งโดยรอบของแปลงที่ดิน ปฏิบัติการระหว่างวันที่ 2 - 26 กรกฎาคม พ.ศ.2567
2.ผลการรังวัดแนวเขตโดยรอบตามที่การรถไฟฯ นำชี้มีระยะทางรอบแปลง 11.17 กิโลเมตร คิดเป็นเนื้อที่ 4,414 ไร่ 3 งาน 19.3 ตารางวา ในพื้นที่ตามขอบเขตซึ่งการรถไฟฯ นำชี้บริเวณรอบนอกของแปลงที่ดินครอบคลุมตัดผ่านที่ดินของประชาชน รวมจำนวน 133 แปลง แยกเป็นโฉนดที่ดิน จำนวน 42 แปลง, น.ส. 3 ก. จำนวน 62 แปลง, น.ส. 3 จำนวน 18 แปลง, น.ส.ล. จำนวน 5 แปลง และที่ดินไม่มีหลักฐาน จำนวน 6 แปลง ในการรังวัดมีประชาชน (บริเวณรอบนอกของแปลงที่รังวัด) คัดค้านแนวเขตจำนวน 89 ราย
3.แผนที่ซึ่งได้จากการรังวัดของคณะทำงานร่วม ระหว่างการรถไฟฯ และสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ปรากฏว่าข้อเท็จจริงว่าเป็นการรังวัดตามการนำชี้ของผู้แทนการรถไฟฯ โดยไม่มีเอกสารหลักฐานทางกฎหมายอ้างอิงใด ๆ เพื่อประกอบการนำชี้โดยมีราษฎรในพื้นที่และส่วนราชการคัดค้าน ไม่ยอมรับการนำชี้ของผู้แทนการรถไฟฯ เนื่องจากไม่มีเอกสารหลักฐานที่น่าเชื่อถือทางกฎหมายอ้างอิงในการที่จะพิสูจน์ได้ว่าแนวเขตที่ได้นำชี้จัดทำแผนที่ในครั้งนี้ตามเอกสารหลักฐานที่รถไฟฯ อ้างสิทธิ ซึ่งเมื่อคณะทำงานร่วมฯ ดำเนินการจัดทำแผนที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้มีการส่งข้อมูลการรังวัดพร้อมหลักฐานการคัดค้านของราษฎรและส่วนราชการต่างๆ ที่คัดค้านให้คณะกรรมการสอบสวนฯ ตาม ม.61 ใช้ประกอบในการพิจารณา และได้รายงานกรมที่ดินทราบ
กรมที่ดิน ขอยืนยันว่า ในการดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 ได้ดำเนินการครบถ้วนถูกต้องตามคำพิพากษาศาลปกครอง และทำการตรวจสอบแนวเขตที่ดินบริเวณเขากระโดง เพื่อหาแนวเขตที่ดินที่เป็นของการรถไฟฯ ตามกฎหมายทุกขั้นตอนแล้ว
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43819
Location: NECTEC
Posted: 12/11/2024 2:03 pm Post subject:
อนุทิน ลั่น ไร้ฟอกขาว-แทรกแซง คดีที่ดินเขากระโดง ย้ำ ว่าไปตามกฎหมาย
ข่าวการเมือง
ไทยรัฐออนไลน์
วันจันทร์ฺ ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เวลา 18:07 น.
อนุทิน ยัน ไร้ฟอกขาว-แทรกแซงช่วยเพื่อน ปมคดีที่ดินเขากระโดง แจงคำพิพากษาลงก่อนรับตำแหน่ง มท.1 ด้านอธิบดีกรมที่ดิน ยันคำแถลง คกก.สอบไม่มีฟอกขาว หลังถูกโยง รมต.เป็นคนภูมิใจไทย ย้ำยึดข้อกฎหมาย
วันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ที่เกาะกูด จ.ตราด ถึงกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ผลสรุปกรมที่ดิน ในกรณีที่ที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ตนเข้ามาที่กระทรวงมหาดไทย รู้จักทุกฝ่าย แต่สิ่งที่บอกกับผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยมาโดยตลอดคือให้ว่ากันตามเนื้อผ้า ว่ากันตามกฎหมายและกฎระเบียบ ตนไม่มีแทรกแซง ไม่มีความกดดันใดๆ นี่คือสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ หากจะเอาให้ชัดเจนต้องไปถามคนที่ทำเรื่องนี้ว่ามีแรงกดดันอะไรลงไปหรือเปล่า
นายอนุทิน ยังได้ชี้แจงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการลาออกของอธิบดีกรมที่ดินมาเชื่อมโยงกับคดีดังกล่าว ว่าเขาต้องการไปดูแลสุขภาพของภรรยา และตอนที่ตนเข้ามากระทรวงใหม่ๆ ตนเป็นคนขอให้ยับยั้งการลาออกของท่าน 2-3 รอบ แต่ท่านก็อธิบายถึงความจำเป็น และท่านก็มาให้จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2567
ส่วนที่สำนักข่าวมาตีข่าวว่าอธิบดีทนไม่ไหวจนต้องลาออกนั้น ยืนยันว่ามันไม่ใช่ การเสนอข่าวที่บิดเบือนข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง และคณะกรรมการที่ศึกษาเรื่องที่ดินเขากระโดง แต่งตั้งขึ้นก่อนที่ตนจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตนมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 แต่คำพิพากษามีมาตั้งแต่ปี 2560-2561 ก่อนตนเข้ารับตำแหน่ง 6 ปี คงไม่มีใครคิดว่าตนจะมารับตำแหน่งหรอก พร้อมย้ำว่าด้วยนิสัยของตนและวิธีการทำงานแต่ไหนแต่ไรมาเพื่อนถึงน้อยจนถึงทุกวันนี้ เพราะไม่มีคำว่าช่วยเพื่อน มาอยู่ตรงนี้ช่วยไม่ได้
สำหรับคำแถลงการณ์ของกรมที่ดิน ที่ระบุว่าหลักฐานไปไม่ถึง ไม่ใช่เป็นการฟอกขาวใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวยืนยันว่า กรมที่ดินตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 61 ซึ่งมีคำสั่งของศาลปกครองให้ร่วมกันตั้งกับทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แต่คณะกรรมการชุดนี้ตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 ขณะนั้นตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คงมาสั่งการอะไรในกระทรวงมหาดไทยไม่ได้ และไม่ว่าผลการตัดสินนั้นจะเป็นอย่างไร ก็เป็นเรื่องของคณะกรรมการ ไม่มีช่องไหนที่จะมาบอกว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสามารถเพิกถอนหรือไม่เพิกถอน เพราะไม่ใช่อำนาจของรัฐมนตรี
นายอนุทินยังระบุด้วยว่า เรื่องมันจบที่กรม จบที่คำสั่งศาล หากใครมีประเด็นก็ไปฟ้องศาล พื้นที่เขากระโดงมีพื้นที่ 5,000 กว่าไร่ เท่าที่ตนทราบตระกูลชิดชอบมีอยู่ 300 ไร่ แล้วอีก 4,700 ไร่ จะผิดแค่ 300 ไร่ได้อย่างไร หากเป็นอย่างนั้นก็ไปพิสูจน์เอา ไม่เกี่ยวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไม่ใช่อำนาจในการเพิกถอนหรืออนุญาต อยากจะยุ่งก็ยุ่งไม่ได้ เพราะไม่มีอำนาจ
ทางด้านนายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ชี้แจงว่า ในส่วนของกรมที่ดินทำ ทำอยู่ 3 ส่วน โดยส่วนแรกทำตามคำสั่งศาลปกครอง ส่วนที่สองทำตามข้อกฎหมาย ไม่มีส่วนใดใช้เรื่องดุลยพินิจ และส่วนที่สามทำไปตามข้อเท็จจริงที่มีพยานหลักฐานและกฎหมายที่ชัดเจน เพราะฉะนั้น ทุกอย่างสามารถตรวจสอบในเรื่องการดำเนินการได้
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า ผู้บริหารของกระทรวงมหาดไทยอยู่ในพรรคภูมิใจไทย จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการฟอกขาว โดยอธิบดีกรมที่ดินกล่าวยืนยันว่า กระบวนการที่ดำเนินมาทำตั้งแต่ก่อนที่นายอนุทินจะเข้ามา การตั้งคณะกรรมการมีมาก่อน และการหาเอกสารพยานหลักฐานในการดำเนินการก็ทำมาอย่างต่อเนื่องโดยตลอด จึงยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามคำสั่งศาลปกครอง ข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามย้ำว่าเมื่อดูจากพยานหลักฐานไปไม่ถึงจริงๆ ใช่หรือไม่ อธิบดีกรมที่ดินตอบว่า เรื่องหลักฐานเรื่องการอ้างสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นส่วนราชการหรือประชาชนต้องมีหลักฐานทางกฎหมายที่ยืนยันถึงการมีสิทธิ์ที่ดินนั้นๆ
สุริยะ สั่ง รฟท. สู้ ทวงที่เขากระโดง จ่อฟ้องบุกรุก 900 แปลง อนุทิน ปัดช่วยตระกูลดัง
ข่าวการเมือง
ไทยรัฐออนไลน์
วันอังคาร ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เวลา 07:25 น
อิ๊งค์ ถึงสหรัฐฯเรียกถกทีมไทยแลนด์มอบนโยบายรัฐบาลก่อนบินไปร่วมเวทีผู้นำเอเปกที่เปรู ภูมิธรรม ลั่นไม่ยอมเสียดินแดนเกาะกูดแม้ตารางนิ้วเดียว จวกแก๊งปั่นจินตนาการพูดให้เป็นปัญหา อารมณ์เสีย จบเรื่องนี้ได้แล้ว เสี่ยหนู เอามั่งยันเกาะกูดเป็นของไทย สำบัดสำนวนไม่ได้ซดมาม่าที่บ้านจันทร์ส่องหล้า อ้วน แจง นายใหญ่ ช่วยหาเสียงได้ พท.ชี้เป้า ธนาธร-พิธา ก็ทำเหมือนกัน อสส.ตอบศาล รธน.แล้วคดีร้อง ทักษิณ-เพื่อไทย ล้มล้างฯ จับตาที่ดินเขากระโดง ร้อน อนุทิน ยันไม่มีเอี่ยวช่วยเพื่อน สุริยะ กร้าว รฟท.ไม่ยอมเสียที่ให้ใคร สั่งสู้กรมที่ดินสุดซอย ชูศักดิ์ ไม่สนหากต้องชะลอ ก.ม.ประชามติ 180 วัน ยืนกรานจุดยืนเสียงข้างมากชั้นเดียว
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำคณะเดินทางถึงนครลอสแองเจลิส สหรัฐฯ เตรียมเป็นประธานประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ ประจำภูมิภาคอเมริกา (ทีมไทยแลนด์) มอบนโยบายสำคัญของรัฐบาล รวมถึงใช้โอกาสนี้พบปะชุมชนชาวไทย ก่อนบินไปร่วมประชุมผู้นำเอเปก ที่กรุงลิมา ประเทศเปรู
อิ๊งค์ ถึงสหรัฐฯ ถกทีมไทยแลนด์
เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 10 พ.ย. (ตามเวลาท้องถิ่นของนครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ช้ากว่าประเทศไทย 15 ชั่วโมง) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ด้วยเที่ยวบินพิเศษของกองทัพอากาศ มีนายสุริยา จินดาวงษ์ เอกอัครราชทูต ไทย ประจำกรุงวอชิงตัน นายต่อ ศรลัมพ์ กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรอให้การต้อนรับ มีการกำหนดการปฏิบัติงานในวันที่ 11 พ.ย. (ตามเวลาของนครลอสแอนเจลิส ช้ากว่าไทย 15 ชั่วโมง) น.ส.แพทองธารจะเป็นประธานการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ ประจำภูมิภาคอเมริกา เพื่อมอบนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล พร้อมรับฟังปัญหาเรื่องของความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับประเทศในภูมิภาค รวมถึงใช้โอกาสนี้พบปะชุมชนชาวไทยที่วัดไทยลอสแองเจลิส และร่วมรับประทานอาหารค่ำ โดยมีเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงวอชิงตัน เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ
อ้วน ลั่นไทยไม่ยอมเสียดินแดน
ต่อมาเวลา 10.00 น.วันที่ 11 พ.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่เกาะกูด อ.เกาะกูด จ.ตราด ว่า ไปด้วย 2 วัตถุประสงค์ คือ ตรวจเยี่ยมกำลังพลของกองทัพเรือ สอบถามเรื่องราวจากคนที่ดูแลทางทะเลและทางบก กองปฏิบัติการชายแดนมีความแข็งแรงยืนยันจะปกป้องดินแดนบริเวณเกาะกูด ไม่ยอมเสียผืนแผ่นดินแม้แต่ตารางนิ้วเดียว กองทัพเรือสามารถปกป้องอธิปไตยบริเวณเกาะกูดได้ไม่มีปัญหา จากการสอบถามความสัมพันธ์ของนายทหารที่ดูแลของทั้ง 2 ประเทศ มีความสัมพันธ์ที่ดี และฝ่ายนั้นยอมรับแล้วว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ประเทศไทย ส่วนเรื่องเอ็มโอยู 44 (MOU 44) ที่จะมีการคุยกัน ไม่มีเรื่องเกี่ยวกับดินแดน ส่วนด้านการท่องเที่ยวเกาะกูด ตอนที่เกิดเรื่องใหม่ๆ โรงแรมหรือสถานที่ท่องเที่ยวยอดจองหายไป 30% แต่หลังจากทำความเข้าใจก็ดีขึ้น
อย่าจินตนาการพูดให้เป็นปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไรเพื่อให้เกิดความมั่นใจกับนักท่องเที่ยว นายภูมิธรรมตอบว่า จบตามกระบวนการ ฝ่ายที่ออกมากระทุ้งก็กระทุ้งไป เพราะเขายังไม่เข้าใจสิ่งที่เป็นจริง เราพยายามชี้แจง และจำเป็นต้องมีคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิคไทย-กัมพูชา (เจทีซี-JTC) ตามกรอบที่กำหนด เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับอธิปไตย ต้องรอดูผลการเจรจาก่อน อย่าใช้จินตนาการมาพูดจนกลายเป็นปัญหาไป ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ เมื่อถามว่าการตั้งคณะกรรมการฝ่ายไทยจะชัดเจนเมื่อไหร่ นายภูมิธรรมตอบว่า นายกฯเคยพูดว่าจะชัดเจนหลังท่านกลับมาจากเอเปก เชื่อว่าทุกอย่างไม่น่ามีปัญหา กระทรวงการต่างประเทศเตรียมการเรื่องนี้อยู่ เท่าที่ดูเราพยายามเปิดให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาเป็นคณะกรรมการให้มากที่สุด เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะทำให้คณะกรรมการเจทีซีลำบากขึ้นหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่ยืดเยื้อและไม่สะดุดแน่นอน
อารมณ์เสียบอกจบเรื่องนี้ได้แล้ว
เมื่อถามว่ามองว่าประชาชนบางส่วนยังไม่ไว้วางใจรัฐบาลเท่าที่ควร นายภูมิธรรมย้อนถามว่า ประชาชนส่วนไหน เพราะมีไม่กี่ส่วนนี่แหละ ประชาชนส่วนใหญ่ที่เกาะกูดเขายังรู้สึกไม่ดีเลยว่าทำไมมาพูดในสิ่งที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะเขารู้สึกว่ามันกระทบกระเทือนต่อชีวิตความเป็นอยู่ของเขา รอให้มีผลการเจรจาออกมาก่อน และคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร จากนั้นค่อยมาถกเถียงกันดีกว่า พร้อมกับกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า เรื่องนี้จบได้แล้วครับ ไปเรื่องอื่นๆ เมื่อถามย้ำว่าล่าสุดมีข่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีการดีลลับกับสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกฯกัมพูชา นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่มีดีลลับอะไรทั้งนั้น คนไม่มีบทบาทไม่มีหน้าที่จะเข้า ไปดีลลับได้อย่างไร คณะกรรมการยังไม่ตั้ง ต้องรอคณะกรรมการทั้งสองฝ่ายคุยกัน ซึ่งก็มาจากหลายส่วน
ที่เกาะกูด จ.ตราด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย พร้อม น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย นำผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย เดินทางลงพื้นที่เกาะกูด สร้างความมั่นใจให้กับคนไทยและนักท่องเที่ยว หลังมีการปั่นกระแสข่าวข้อพิพาทเรื่องเกาะกูด จนอาจกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนในพื้นที่ ความเชื่อมั่นต่อผู้ประกอบการและภาคการท่องเที่ยว มีนายณัฐพงษ์ สงวนจิตร ผวจ.ตราด นายไพรัช สร้อยแสง นายอำเภอเกาะกูด ต้อนรับ นายอนุทินกล่าวมอบนโยบายแก่เจ้าหน้าที่ พร้อมรับฟ้งปัญหาจากประชาชนในมิติต่างๆ เพื่อนำไปสู่การแก้ไข พร้อมยืนยันเกาะกูดเป็นส่วนหนึ่งของไทยไม่มีใครเอาเกาะกูดไปเป็นของประเทศอื่นได้ เกาะกูดเที่ยวได้ตามปกติ วันนี้มาสร้างความมั่นใจว่าที่นี่คือแผ่นดินไทย
พลิ้วไม่ได้กินมาม่าที่บ้านจันทร์ฯ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุว่าการเรียกแกนนำ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า แค่ไปกินมาม่า ไม่มีการครอบงำแทรกแซงอะไร นายอนุทินตอบว่า กินไวไวทุกวัน ชอบรสหมูต้มยำมะนาว เวลาไปเยี่ยมนายทักษิณบางทีท่านก็เอามาม่ามาเลี้ยง เพราะบางครั้งไปตอนบ่าย พอหิวก็เอามาม่ามาเลี้ยง แต่วันที่ 14 ส.ค. ตรงกับวันที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกฯ ไม่ได้กินออกมาก่อนเพราะมีนัด วันดังกล่าวไปคุยกับหัวหน้าพรรคทั้งหลายเพื่อติดตามสถานการณ์ว่าเป็นอย่างไร
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เตรียมลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานีว่า ยังไม่ได้พูดคุยกับนายทักษิณ ต้องไปถามท่าน แต่เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ทุกฝ่ายและทุกพรรคปฏิบัติตามข้อกฎหมายที่อนุญาตให้ทำได้ คนที่เป็นสมาชิกหรือผู้ช่วยหาเสียงสามารถทำได้ ทุกพรรคทำได้เหมือนกัน แม้แต่พรรคประชาชน (ปชน.) ก็สามารถทำได้ ตราบใดที่กฎหมายอนุญาตให้ทำ เมื่อถามว่าในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ประเมินหรือไม่ว่าการเลือกตั้งนายก อบจ.ครั้งนี้ดุเดือดมากขึ้น เพราะพรรค ปชน.ส่งแกนนำคนสำคัญลงพื้นที่ นายภูมิธรรมตอบสั้นๆว่า ไม่ประเมิน เป็นกระบวนการเลือกตั้งตามปกติ
ชี้เป้า ธนาธรพิธา ก็ทำเหมือนกัน
ขณะที่ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สถานะนายทักษิณคือผู้ช่วยหาเสียงที่ถูกต้องตามกฎหมาย ปัจจุบันไม่ได้รับโทษใดๆตามกระบวนการยุติธรรม ย่อมมีสิทธิพลเมืองขั้นพื้นฐานมีสิทธิทางการเมืองในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ขณะเดียวกันนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ล้วนถูกตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง กลับยังเคลื่อนไหวสนับสนุนกลุ่มการเมืองของตนเองอยู่ เพียงแต่กระแสจากบางฝ่ายมุ่งอคติปิดตาข้างเดียว เลือกข้างโจมตี โดยไม่ตั้งคำถามถึงการครอบงำของอดีตผู้นำพรรคทั้ง 2 คนต่อพรรคการเมืองในปัจจุบัน ขบวนการส่งต่อข้อมูลข่าวสารเช่นนี้ยิ่งทำให้สังคมแตกแยก ฝากถึงพวกนักปั่นที่ชอบบิดเบือนข่าวสาร มุ่งหวังแต่ผลทางการเมือง ยุยงคนในชาติแตกแยก ทั้งกรณีพื้นที่ทับซ้อนเอ็มโอยู 44 หรือเชื่อมโยงอดีตนายกฯทักษิณ ครอบงำพรรคเพื่อไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 19 พ.ย. พรรคเพื่อไทยเตรียมจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 เพื่อรับรองผลการดำเนินงานของพรรค ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนด แต่ยังไม่มีการปรับโครงสร้างพรรค การประชุมครั้งนี้จะจัดประชุมที่อาคารวอยซ์ทีวีเดิม ที่มีการปรับปรุงให้เป็นที่ทำการพรรคแห่งใหม่เป็นครั้งแรก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะเข้าร่วมประชุมพรรคด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานอัยการสูงสุด ถึงความคืบหน้ากรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 กล่าวอ้างว่านายทักษิณ ชินวัตร (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคเพื่อไทย (ผู้ถูกร้องที่ 2) ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีหนังสือแจ้งอัยการสูงสุด ขอทราบว่าได้ดำเนินการตามคำร้องของผู้ร้องไปแล้วอย่างไร ทั้งนี้มีรายงานว่าเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุด ได้ลงนามตอบถ้อยคำต่อศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว มีรายละเอียดในการสอบถ้อยคำทั้งทางฝั่งผู้ร้องและผู้ถูกร้อง ในส่วนผู้ถูกร้องทราบว่าไม่มีการสอบถ้อยคำนายทักษิณแต่อย่างใด
ที่รัฐสภา นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ ประธานอนุกรรมาธิการพิจารณาผลกระทบคดีสลายการชุมนุมเหตุการณ์ตากใบ จ.นราธิวาส เพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ กล่าวว่า วันที่ 14 พ.ย. อนุ กมธ.จะพิจารณากรอบแนวทางดำเนินงาน มีหลายประเด็นที่ต้องพิจารณา เช่น การทำคดีล่าช้าจนขาดอายุความ การตามตัวผู้ต้องหา จำเลย เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม การปรากฏตัวของผู้ต้องหาหลังจากคดีขาดอายุความ ได้บทสรุปอย่างไร แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ามีหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่คนใดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ส่วนการตั้งข้อสังเกตรัฐบาลไม่ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ คงต้องรับฟังจากหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ยังสรุปไม่ได้ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ อย่างไรก็ตามคงไม่สามารถหาแนวทางฟื้นคดีกลับมาได้อีก เพราะเรื่องจบแล้ว เมื่อถามถึงกระแสหรือความเคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.ตากใบ หลังคดีขาดอายุความ นายกมลศักดิ์ตอบว่า ปกติดีไม่มีอะไร กระแสไม่เหมือนช่วงใกล้ขาดอายุความ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีผลสำรวจนิด้าโพลที่ระบุว่า พรรค พท.ได้รับผลกระทบเรื่องคดีตากใบมากที่สุดว่า เอาอีกแล้ว เรื่องนี้ไม่ต้องคุยแล้ว เรื่องนี้ไม่มีอะไรแล้ว
อนุทิน ยันไม่เอี่ยวคดีเขากระโดง
วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ผลสรุปกรมที่ดินกรณีที่ดินเขากระโดงว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ไม่มีแทรกแซง ไม่มีความกดดันนี่คือสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ หากจะเอาให้ชัดเจนต้องไปถามคนที่ทำเรื่องนี้ว่ามีแรงกดดันอะไรลงไปหรือไม่ เมื่อถามถึงข้อวิพากษ์ วิจารณ์เกี่ยวกับการลาออกของอธิบดีกรมที่ดินมาเชื่อมโยงกับคดีดังกล่าว นายอนุทินตอบว่า เขาต้องการไปดูแลสุขภาพของภรรยา เป็นคนยับยั้งการลาออกของท่าน 2-3 รอบ แต่ท่านอธิบายถึงความจำเป็น ส่วนคณะกรรมการที่ศึกษาที่ดินเขากระโดง แต่งตั้งขึ้นสมัยตนเป็น รมว.สาธารณสุข ก่อนเข้ามาเป็น รมว.มหาดไทย ห่างกัน 6 ปี ไม่ว่าผลตัดสินเป็นอย่างไรเป็นเรื่องของคณะกรรมการฯ อยากจะยุ่งก็ยุ่งไม่ได้เพราะไม่ใช่อำนาจรัฐมนตรี เรื่องมันจบที่กรมที่ดินจบที่คำสั่งศาล หากใครมีประเด็นก็ไปฟ้องศาล ไม่มีคำว่าช่วยเพื่อน
สุริยะ ลั่น รฟท.ไม่ยอมเสียที่ให้ใคร
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องนี้มีความสำคัญ หากเป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แม้ตารางวาเดียวก็เสียไปไม่ได้ สั่งการให้รฟท.ไปเช็กดู ได้รับรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 พ.ย. รฟท.ได้ยื่นขอต่อศาลปกครองกลาง แจ้งว่าอธิบดีกรมที่ดินปฏิบัติตามคำพิพากษาไม่ครบถ้วน ขอให้ศาลปกครองพิจารณาหรือไต่สวนกำหนดวิธีการดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ในการร่วมกันชี้แนวเขตที่ดินของรฟท. และให้พิจารณามีคำสั่งในประเด็นต่างๆต่อไป ซึ่งผู้ว่าการ รฟท.ได้ทำหนังสือถึงกรมที่ดิน ยื่นคัดค้านหนังสือของอธิบดีกรมที่ดิน ตาม พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางการปกครองมาตรา 44 ที่ระบุว่า ต้องยื่นภายใน 15 วัน จะครบกำหนดในวันที่ 12 พ.ย. เราส่งไปเรียบร้อยแล้ววันนี้ (11 พ.ย.) รฟท.รู้กฎหมายอยู่ จะไปหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเพื่อฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกที่ดิน 900 กว่าแปลง ยืนยันว่าจะดูให้รอบคอบ
เรื่องนี้ไม่ช้าขอให้จบในชั้น จนท.
เมื่อถามว่าต้องพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯหรือไม่ นายสุริยะตอบว่า คิดว่าเป็นระดับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติ เมื่อกรมที่ดินบอกว่าเป็นที่ของเขาไม่ได้เป็นที่ของ รฟท. แต่ รฟท.เชื่อว่ามีหลักฐานเพียงพอ ก็ดำเนินการไป เมื่อถามว่ามีการมองว่าที่ดินหลายแปลงในเขากระโดงเป็นของตระกูลชิดชอบ นายสุริยะตอบว่า ไม่อยากให้เรื่องขยายเป็นประเด็นการเมือง อยากให้ว่าไปตามกระบวนการ หรือทาง รฟท.เห็นว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร เราต้องพยามรักษาสิทธิของ รฟท.ไว้ เมื่อถามย้ำว่าเรื่องนี้จะจบในระดับเจ้าหน้าที่ ไม่ขยายเป็นประเด็นการเมืองใหญ่โตใช่หรือไม่ นายสุริยะตอบว่า ครับ คิดว่าเป็นเรื่องที่ปฏิบัติตามกฎหมาย อย่าไปเอาว่าใครอยู่พรรคไหน
วันเดียวกัน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติว่า พรรคเพื่อไทยมีมติเป็นเอกฉันท์ไปแล้วว่าจะใช้เสียงข้างมากชั้นเดียว คงยืนตามนั้น เมื่อถามว่าหากกรรมาธิการร่วมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติมีแนวทางไม่ตรงกับมติของ สส.พรรค พท. จะคัดค้านและอาจทําให้กฎหมายต้องชะลอไปอีก 180 วันหรือไม่ นายชูศักดิ์ตอบว่า แน่นอน หาก สส.ไม่เห็นด้วยก็ต้องรอ หลังจากผ่านไป 180 วันค่อยว่ากัน เพราะระบบของเราคือเอาความเห็น สส.เป็นหลัก เมื่อถามว่าหากเป็นเช่นนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญในรัฐบาลชุดนี้ จะเป็นไปได้ยากใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ตอบว่า รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนอยู่แล้ว โดยเฉพาะการเร่งรัดให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยเร็วที่สุด ดังนั้นต้องเร่งรัดโดยเร็ว กำลังคิดอยู่ว่าจะหาวิธีการใดทำให้กระบวนการรวดเร็วขึ้น และทำให้รัฐธรรมนูญเสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้ อย่างน้อยก็มี ส.ส.ร.เป็นตัวแทนประชาชนมาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ถือว่าได้ทำหน้าที่แล้ว
ยกเหตุผลรื้อซาก รธน.เผด็จการ
นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีรัฐบาลพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 ว่า จุดเริ่มต้นที่ให้ประชาชนลงประชามติ รัฐบาลขณะนั้นใช้ทุกองคาพยพของรัฐ ทั้งฝ่ายความมั่นคง ข้าราชการทุกภาคส่วน ไปรณรงค์ให้ประชาชนรับรัฐธรรมนูญ 2560 ได้ฝ่ายเดียว ส่วนฝ่ายรณรงค์ไม่รับจะถูกเจ้าหน้าที่จับกุมยัดข้อหาจับขังเรือนจำเป็นจำนวนมาก ถามว่าที่ยกเป็นรัฐธรรมนูญปราบโกง ปราบได้จริงหรือแค่วาทกรรม เพราะการทุจริตยังคงมีอยู่ การทุจริตยังไม่ลดลงปราบโกงตรงไหน ต้องยอมรับว่าการทำงานของรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะอำนาจอยู่ในมือข้าราชการ ทุกวันนี้องค์กรอิสระสถาปนาเป็นอำนาจที่ 4 มีอำนาจเหนือฝ่ายการเมือง ประเทศชาติขับเคลื่อนด้วยองค์กรอิสระ สามารถชี้เป็นชี้ตายรัฐบาลได้ จึงต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าอย่างเป็นประชาธิปไตย รัฐบาลควรเปิดเวทีสาธารณะทั่วประเทศชี้แจงให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ช่วยกันระดมความคิด เพราะรัฐธรรมนูญเป็นของคนไทยทุกคน
นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. กมธ.ร่วมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ กล่าวถึงข้อเสนอการปรับเกณฑ์ประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ใช้เสียงข้างมากชั้นครึ่ง เพื่อประนีประนอมความเห็นต่างระหว่าง สส.กับ สว. เรื่องหลักเกณฑ์ประชามติว่า การใช้เกณฑ์เสียงข้างมากชั้นครึ่งคือมีผู้มาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิ และได้เสียงเห็นชอบเป็นเสียงข้างมากของผู้ออกมาใช้สิทธิ เป็นประเด็นพอรับได้ แต่ยังไม่ได้คุยกับ สว.ที่ร่วมเป็น กมธ.อีก 13 คน แต่ยังมีประเด็นที่ต้องรับฟังข้อมูลประกอบคือ การชี้แจงของบริษัท ไปรษณีย์ไทย ถึงความพร้อมการออกเสียงประชามติ และระบบยืนยันตัวตนผ่านทางไปรษณีย์ มีข้อกังวลว่าคนที่มีสิทธิได้ลงคะแนนจริงหรือไม่ หากไปรษณีย์ยืนยันทำได้ไม่มีปัญหา ก็พร้อมสนับสนุนเสียงข้างมากชั้นครึ่ง ในการประชุม กมธ. วันที่ 20 พ.ย.ตัวแทนบริษัท ไปรษณีย์ไทย ตอบรับเข้าร่วมประชุมแล้ว จะซักถามในรายละเอียด หากตกลงกันได้จะปรับเป็นเสียงข้างมากชั้นครึ่ง และระบบไปรษณีย์พร้อมก็สามารถทำประชามติได้ทันที เมื่อไรก็ได้
ท้าตรวจสอบ อนุทิน ลั่น อย่าเอาการเมืองโยงข้อพิพาทเขากระโดง ทุกคนทำตามหน้าที่
ข่าวการเมือง
ไทยรัฐออนไลน์
วันอังคาร ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เวลา 11:45 น.
อนุทิน ปมเขากระโดง การเมืองไม่เกี่ยว ยัน ทั้งกรมที่ดิน-รฟท. ต่างทำหน้าที่ตัวเอง ชี้ เรื่องเกิดสมัย บิ๊กป๊อก นั่ง มท.1 บอก ใครจะมีอิทธิพลเหนือได้ ท้าตรวจสอบได้ พร้อมกำชับผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ ประสานตำรวจดูแลความปลอดภัยประชาชนช่วงงานลอยกระทง 2567
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงกรณีข้อพิพาทพื้นที่เขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ จะทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ว่า ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเอง เรื่องเขากระโดงขอย้ำอีกครั้งว่าเป็นเรื่องข้อกฎหมายที่เป็นคดีความระหว่างกรมที่ดินกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) รวมถึงผู้ครอบครองที่ดิน ไม่ใช่ประเด็นการเมือง ถ้าเอาการเมืองมายุ่งแบบนี้จะยุ่งแล้ว จึงเห็นว่าฝ่ายการเมืองต้องไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว และไม่มีข้อสั่งการ ไม่มีความจำเป็นที่ฝ่ายราชการต้องมารายงานรัฐมนตรีเป็นประจำ เพราะทุกอย่างมีขั้นตอน มีคำพิพากษา มีวิธีการ
เมื่อถามว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งให้ รฟท. โต้แย้งคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน นายอนุทิน กล่าวว่า ที่ทำมาทุกวันนี้ก็ทำตามคำสั่งศาลปกครอง และทำมาก่อนรัฐบาลชุดนี้จะเข้ามาด้วย ซึ่งที่ตนตอบเรื่องนี้ไม่ได้เต็มที่เพราะไม่ได้เข้าไปสอบถามรายละเอียด ถ้าเข้าไปถามก็เดี๋ยวจะกลายเป็นว่ารัฐมนตรีเข้าไปกดดัน ตนจึงพยายามรับรู้เมื่อเกิดการกระทำขึ้นแล้ว และเมื่อคณะกรรมการกรมที่ดินบอกให้ยุติเรื่องการเพิกถอน รฟท. ก็สามารถเพิกถอนคำสั่งได้ ตามช่องทางกฎหมายว่าจะไปศาลไหน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยก็ทำได้แค่นี้
ผู้สื่อข่าวถามต่อ สาเหตุมาจากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่หรือไม่ที่ทำให้การเพิกถอนนั้นยาก นายอนุทิน ตอบว่า ไม่มีหรอก เรื่องนี้เกิดขึ้นมาเป็นสิบปีแล้ว ส่วนที่มีการบอกว่ายุคนี้จะมีการช่วยเหลือกัน คำพิพากษาศาลฎีกาก็ออกมาตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งตอนนั้นเป็นรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังไม่มีการเลือกตั้ง และจากนั้นมีคณะกรรมการกรมที่ดิน ตามมาตรา 61 ที่ตั้งเดือนพฤษภาคม 2566 ดำเนินการเรื่องนี้ก็ตั้งโดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยขณะนั้น ส่วนตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะไปมีอิทธิพลอะไรเหนือ พล.อ.อนุพงษ์ ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้น หากเอาการเมืองเข้ามายุ่งก็จะวุ่นวายแบบนี้
บอกว่าผมพูดไม่ตรงกับ นายสุริยะ ซึ่งนายสุริยะพูดถูกต้องทุกอย่าง เหมือนไปเกาะกูดเมื่อวานก็บอกว่าตารางนิ้วเดียวก็เสียไม่ได้ ท่านสุริยะก็บอกตารางวาเดียวก็เสียไม่ได้ เพราะท่านอยู่ฝั่งการรถไฟฯ ท่านสั่งอย่างอื่นไม่ได้ ในส่วนของผมอำนาจทุกอย่างจบที่กรมที่ดิน เพราะดูแลเรื่องนี้อยู่ ถามว่าจะไปสั่งอธิบดีกรมที่ดินให้ทำสิ่งที่ผิด ใครจะไปทำ เพราะท่านเหลืออายุราชการ 1-2 ปี ท่านไม่ทำหรอก คำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำสั่งไม่สมเหตุสมผล ผมเคยพูดแก่ข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยตลอดว่าไม่ต้องทำตาม
ส่วนคำถาม ยืนยันหรือไม่ว่าไม่ใช่การเอาคืนทางการเมือง หลังก่อนหน้านี้พรรคภูมิใจไทยท้วงติงในหลายโครงการของพรรคเพื่อไทย นายอนุทิน ตอบว่า วุฒิภาวะระดับนี้เอาคืนแบบนี้ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำตรงนี้ ขอยืนยันว่าเรื่องไม่เกี่ยวกับการเมือง ทุกคนทำตามหน้าที่ เพราะถ้าเกี่ยวข้องการเมืองผมต้องรู้เรื่อง ต้องลงไปสั่ง ต้องขอให้เขาทำนู่นทำนี่ แต่ไปเช็กดูได้ว่าไม่มี
ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังได้กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมดูแลความปลอดภัยในเทศกาลลอยกระทง ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ว่า ตนมอบนโยบายให้ทุกจังหวัดมีการเตรียมพร้อม ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกคนก็รับทราบ อาทิ ควบคุมเรื่องของมึนเมา อาวุธ ต้องพร้อมประสานงานการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อรักษาความสงบ ให้ประชาชนมาร่วมสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอย่างปลอดภัย.
ภูมิธรรม-ทวี ชี้ ปมเขากระโดง ยึดข้อกฎหมาย อธิบดีกรมที่ดิน ยัน ทำตามคำสั่งศาล
ข่าวการเมือง
ไทยรัฐออนไลน์
วันอังคาร ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เวลา 12:09 น.
ภูมิธรรม ยัน กรณีที่ดินเขากระโดง ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย พ.ต.อ.ทวี หวั่นนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมือง ด้านอธิบดีกรมที่ดิน ย้ำ ทำทุกอย่างตามคำสั่งศาล
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงกรณี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทำหนังสือคัดค้านกรมที่ดิน ที่ไม่เพิกถอนสิทธิ์พื้นที่เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ จะเป็นชนวนความระหองระแหงระหว่างพรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทยหรือไม่ ว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ทุกเรื่องเป็นไปตามกฎหมาย ต้องดูรายละเอียด เนื่องจากยังไม่รู้รายละเอียดทั้งหมด ไม่ว่าความเป็นจริงหรือทางกฎหมายจะเป็นอย่างไร ก็ต้องว่าไปตามนั้น เราไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงอะไรนอกเหนือจากนั้นได้
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
...
ทางด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงปัญหาที่ดินเขากระโดง ว่า เรื่องนี้ตนเคยอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ขณะนี้อยากรักษาบรรยากาศของพรรคร่วมรัฐบาล ทราบว่าเรื่องอยู่ในกระบวนการ ยังไม่เสร็จสิ้น อีกทั้งที่ดินดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของ นายสุริยะ จึงอยากให้สอบถาม นายสุริยะ เพราะห่วงว่าหากพูดไปเกรงว่าจะหยิบบางประเด็นที่นำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมือง แต่ก็ทราบว่าประชาชนห่วงใยเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ ประเด็นข้อกฎหมาย กระบวนการ ยังไม่จบ เชื่อว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามต่อกรณีคำสั่งของศาลปกครองยังไม่สิ้นสุด ยังมีกระบวนการอื่นอีกหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี ตอบว่า แม้แต่กระบวนการตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ยังไม่จบ เมื่อมีคณะกรรมการซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับซี 9 ไม่ใช่ระดับอธิบดี ก็ต้องไปที่กระทรวงคมนาคม ซึ่งก็มีสิทธิโต้แย้ง ขณะนี้ถือว่าอยู่ในกระบวนการ และเรื่องทั้งหมดใครจะไปเอาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมไม่ได้ เพราะมีคำวินิจฉัยจากศาลไปแล้ว อีกทั้งไม่ใช่ที่ดินเล็กๆ โดยสองข้างทางรถไฟมีพื้นที่กว้างฝั่งละ 1 กิโลเมตร ยาว 8 กิโลเมตร ซึ่งศาลมีคำวินิจฉัยไว้แล้ว ตนก็ไม่ได้ว่าใคร ถือเป็นเรื่องของกระทรวงคมนาคม ซึ่งนายสุริยะ ก็เพิ่งมาใหม่ คงต้องเข้าไปดู
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ทางด้าน นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน ให้สัมภาษณ์กรณี นายสุริยะ ให้ รฟท. ยื่นคัดค้านกรณีที่กรมที่ดินไม่เพิกถอนสิทธิ์ที่ดินเขากระโดง ว่า ทุกอย่างดำเนินการไปตามที่ศาลปกครองสั่ง เรื่องการเพิกถอนต้องมีคณะกรรมการดำเนินการเพิกถอน ที่ผ่านมามีการตั้งคณะกรรมการเรียบร้อยแล้ว ส่วนการรังวัดจากที่ได้รับรายงานจากคณะกรรมการ ทำตามกระบวนการขั้นตอนเรียบร้อยหมดทุกอย่าง
เมื่อถามต่อไปถึงกรณีที่กระทรวงคมนาคมจะยื่นคัดค้านกรมที่ดินยกเลิกการเพิกถอนที่ดินเขากระโดงหรือไม่ นายพรพจน์ ตอบว่า การแถลงข่าวตอนแรกอาจจะไม่ได้พูดถึงเรื่องรังวัด แต่อยู่ในรายงานของคณะกรรมการ ระหว่างวันที่ 2-26 กรกฎาคม 2567 เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกรมที่ดินในพื้นที่และการรถไฟ และวันนี้ทางกรมที่ดินก็ได้ออกข่าวชี้แจงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงการดำเนินการ สามารถยืนยันได้ใช่หรือไม่ว่าทำการตามกฎหมาย นายพรพจน์ ระบุว่า ทำตามหลักกฎหมาย ไม่มีอะไรที่ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมาย ยืนยันเป็นไปตามคำสั่งของศาลทุกประการ บนข้อเท็จจริงที่เกิดตามหน้างานจริง
อย่างไรก็ตาม ในประเด็นคำถามที่กระทรวงคมนาคมมีท่าทีคัดค้านออกมา กรมที่ดินต้องชี้แจงหรือไม่ นายพรพจน์ เผยว่า คงไม่ เพราะทุกอย่างที่ทำมาก็รายงานต่อศาลปกครองตามคำสั่งของศาล โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล เพราะเรื่องข้อเท็จจริงคงไม่ต้องมาต่อสู้อะไรกัน.
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43819
Location: NECTEC
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 47052
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 12/11/2024 4:31 pm Post subject:
รฟท.ลงนามบันทึกข้อตกลงการส่งมอบและรับมอบถนนเลียบทางรถไฟ ช่วงคลองรังสิตฯ -สะพานปทุมธานี -รังสิต
Source - ผู้จัดการออนไลน์
Tuesday, November 12, 2024 16:22
วันนี้ (12 พ.ย.) นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ร่วมลงนามบันทึกการส่งมอบและรับมอบถนนเลียบทางรถไฟ (Local Road) ถนนกำแพงเพชร 6 ช่วงคลองรังสิตประยูรศักดิ์ สะพานปทุมธานี รังสิต ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เป็นผู้ดูแลและบำรุงรักษา โดยมี นายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เป็นประธานในพิธี
ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ใช้เส้นทางดังกล่าวในการสัญจรไปมา ได้รับความสะดวกและปลอดภัยในการใช้เส้นทางอย่างยั่งยืน
นายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า นับตั้งแต่วันที่ตนเข้ามารับตำแหน่งก็ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนเป็นจำนวนมากว่า ถนนเส้นดังกล่าวชำรุดเสียหาย ถึงแม้จะมีการปรับปรุงแก้ไขแล้วแต่ก็ยังคงชำรุดเสียหายซ้ำอีก ดังนั้น วันนี้จึงถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้ทำ MOU ร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย ในการส่งมอบและรับมอบถนนเส้นดังกล่าว เพราะจากนี้ไป หากถนนเกิดชำรุดเสียหาย หรือไฟฟ้าไม่สว่าง องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีจะได้สามารถเข้าไปดำเนินการแก้ไขได้ทันที ทั้งนี้ ต้องขอชื่นชมทั้ง 2 หน่วยงานในการบูรณาการความร่วมมือกันในครั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนด้วย
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากการหารือและลงพื้นที่ร่วมกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา การรถไฟฯ จึงเร่งดำเนินการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว ในการส่งมอบระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่ช่วงถนนเลียบทางรถไฟ (Local Road) ถนนกำแพงเพชร 6 ช่วงกม.25+450 ถึง กม.29+900 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ - รังสิต ให้ อบจ.ปทุมธานี เป็นผู้ดูแล เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลและบำรุงรักษามาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การดำเนินการซ่อมแซมผิวจราจรและทางเท้า ระบบระบายน้ำ อุปกรณ์ไฟฟ้า แสงสว่างของถนน และทรัพย์สินต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในเขตทางรถไฟ รวมถึงสะพานเอกทักษิณ เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่สัญจรไปมาในเส้นทางดังกล่าว ได้รับความสะดวกและปลอดภัยจากการใช้รถใช้ถนนอย่างยั่งยืน
"การรถไฟฯ มุ่งมั่นที่จะดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ การส่งมอบถนนเส้นทางดังกล่าวให้กับหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลและบำรุงรักษา ภายใต้ความร่วมมือของทั้งสองหน่วยงานในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการร่วมมือกันดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน รวมถึงการดูแลรักษาพื้นที่ ตลอดจนการแก้ปัญหาจราจรอย่างยั่งยืน เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่ใช้เส้นทางดังกล่าวในการสัญจรไปมา เกิดความมั่นใจ ตลอดจนได้รับความสะดวกและความปลอดภัยในขีวิตและทรัพย์สิน และในอนาคต หากการรถไฟแห่งประเทศไทยสามารถช่วยเหลืออะไรได้ เราก็ยินดีที่จะร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีต่อไป นายวีริศ กล่าว
ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีจะเริ่มเข้าพื้นที่ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เลย จากนั้นจะดำเนินการทำให้เป็นถนนคอนกรีตหนา 20 เซนติเมตร กว้าง 4 เมตร รวมถึงมีระบบท่อระบายน้ำต่างๆ ด้วย ยืนยันว่าจะดำเนินการให้เห็นผลเป็นรูปธรรมให้เร็วที่สุด ไม่ใช่ว่ามีการเซ็น MOU ไปแล้ว แต่ไม่ได้ทำอะไรเลยอย่างแน่นอน
State Railway of Thailand Hands Over Road Maintenance to Pathum Thani Provincial Administration
PATHUM THANI, November 12, 2024 The State Railway of Thailand (SRT) today transferred the maintenance responsibilities of a section of Kamphaeng Phet 6 Road, a local road running alongside the railway line, to the Pathum Thani Provincial Administration Organization (PAO).
The handover ceremony, presided over by Pathum Thani Governor Mr. Phasakorn Boonyalak, saw SRT Governor Mr. Wirith Amrapal and PAO President Pol. Lt. Gen. Kamronwit Thoopkrachang signing a memorandum of understanding (MOU). The road section in question stretches from Khlong Rangsit Prayurasak to Saphan Pathum Thani and Rangsit.
This move aims to ensure the road's long-term maintenance and safety for the public, addressing persistent issues with road conditions and facilitating smoother commutes.
Governor Phasakorn highlighted the frequent complaints about the road's poor condition, despite repeated repairs. He expressed optimism about the collaboration, stating that the PAO can now promptly address any road damage or lighting issues.
SRT Governor Wirith explained that the MOU followed a joint inspection with the PAO President on October 28th. The transfer encompasses the road section between km 25+450 and km 29+900, which is part of the Red Line commuter train project from Bang Sue to Rangsit.
He emphasized the SRT's commitment to public safety and expressed confidence in the PAO's expertise in road maintenance, including road surfaces, drainage, lighting, and the upkeep of Ekkataksil Bridge.
PAO President Pol. Lt. Gen. Kamronwit assured that the PAO will commence work immediately, starting with the construction of a 20 cm thick concrete road with a width of 4 meters, along with a proper drainage system. He pledged swift and tangible results, emphasizing the PAO's commitment to effective action beyond the MOU signing.
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43819
Location: NECTEC
Posted: 13/11/2024 9:07 am Post subject:
เขากระโดง ชนวนร้าวใหม่ พท.-ภท. !?
เมืองไทย 360 องศา
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันอังคาร ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เวลา 23:41 น.
ปรับปรุง: วันอังคาร ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เวลา 23:41 น.
หากนึกได้แบบเร็วๆทำให้เริ่มมองเห็นว่า ความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย ที่ถือว่าเป็นพรรคแกนหลักของรัฐบาล ได้เพิ่มดีกรีขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดก็เห็นจะเป็นเรื่อง ที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยเป็นกรณีพิพาทกับการรถไฟแห่งประเทศไทย หลังจากก่อนหน้านี้มีเรื่องราวกินใจกันมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่นโยบายกัญชา มาจนถึงกฎหมายทำประชามติที่เชื่อมโยงไปถึง ส.ว.สีน้ำเงินที่มีมติสวนทางจากเสียงข้างมากชั้นเดียวเป็นเสียงข้างมากสองชั้น รวมไปถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรคภูมิใจไทยมีท่าทีไม่ค่อยเห็นด้วย เนื่องจากอ้างว่าต้องแก้ปัญหาเรื่องปากท้องก่อน
ad
แน่นอนว่า แต่ละเรื่องข้างต้นอาจเป็นคำพูดการแสดงออกทางการเมือง แต่สำหรับบางเรื่องมันเชื่อมโยงกับผลประโยชน์ของระดับ ขาใหญ่ ที่อยู่เบื้องหลังของแต่ละฝ่าย ทั้งเรื่องที่ดินเขากระโดง ที่สังคมรับรู้กันอยู่ว่าเกี่ยวพันกับครอบครัว ชิดชอบ ในบุรีรัมย์ ขณะเดียวกันก็มีกรณีที่น่าสนใจก็คือ ที่ดินอัลไพน์ ที่มีรายงานข่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสั่งให้เพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว อ้างว่าเป็น ธรณีสงฆ์ ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ทำให้ต้องมีการฟ้องร้องคัดค้านภายใน 90 วัน
ดังนั้นจะเห็นว่า ทั้งสองกรณีคือ ที่ดินเขากระโดง กับ กรณีของ ที่ดินอัลไพน์ น่าจะเป็นเรื่องร้อนล่าสุดที่อาจเป็นชนวนขัดแย้งกันระหว่างสองพรรคหลักในรัฐบาลคือ เพื่อไทยกับ ภูมิใจไทย จนอาจถึงขั้นแตกหักได้เร็วขึ้นก็เป็นไปได้สูงทีเดียว
แม้ว่าสำหรับที่ดินเขากระโดง ระดับแกนนำทั้งสองฝ่าย จะพูดจาพยายามลดโทนไม่ให้มีปัญหา แต่หากจับท่าทีแล้วถือว่าต่างก็เดินหน้ากันเต็มกำลัง
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จากพรรคเพื่อไทยว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ทุกเรื่องเป็นไปตามกฎหมาย ต้องดูรายละเอียด เนื่องจากยังไม่รู้รายละเอียดทั้งหมด ไม่ว่าความเป็นจริงหรือทางกฎหมายจะเป็นอย่างไร ก็ต้องว่าไปตามนั้น เราไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลง อะไรนอกเหนือจากนั้นได้
ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า กรณีข้อพิพาทเขากระโดงกับการรถไฟ(รฟท.) ที่ล่าสุดกรมที่ดินไม่ได้เพิกถอนโฉนดเขากระโดง โดยอ้างว่าไม่ใช่ที่ของรฟท. แต่ตอนนี้เริ่มมีนักวิชาการออกมาพูดว่าคำสั่งทางปกครองของของกรมที่ดิน ใหญ่กว่าคำพิพากษาศาลฎีกา และขัดกันชัดเจนซึ่ง คำสั่งศาลฎีกา ในประเทศไทยถือว่าเป็นศาลสูงสุด ถ้าจะเปลี่ยนคำวินิจฉัยของศาลฎีกา ต้องให้ศาลฎีกาเปลี่ยนคำวินิจฉัย จะไม่มีใครใหญ่กว่าคำพิพากษาศาลฎีกาได้
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เรื่องของคณะกรรมการฯก็ต้องไปตรวจสอบดู แม้แต่ศาลปกครองก่อนที่จะไปถึงตามมาตรา 66 ชี้ว่าที่ดินแห่งนี้เป็นที่ดินของรัฐอยู่แล้ว เราต้องอยู่ในหลักนิติธรรม หลักนิติธรรมต้องมีข้อยุติ เมื่อคำพิพากษาถึงที่สุดคือศาลฎีกา ก็ต้องยุติตามนั้น
เรื่องนี้ไม่ใช่ศาลฎีกาอย่างเดียว กฤษฎีกาก็วินิจฉัยแล้ว คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ก็วินิจฉัยแล้ว ก็ถือว่าสิ้นสุด ที่สำคัญมีการบังคับคดีและยึดที่คืน โดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ดิน 5,083 ไร่ เป็นที่ดินของการรถไฟ ก็เป็นเรื่องของการรถไฟที่ต้องดำเนินการต่อไป
รวมไปถึง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ดูแลการรถไฟฯก็ยืนยันเช่นกันว่า จะไม่ยอมเสียที่ดินของการรถไฟแม้แต่ตารางวาเดียว โดยเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้ว่าการการรถไฟฯ ได้ทำหนังสือยื่นไปยังกรมที่ดิน เพื่อคัดค้านหนังสือของอธิบดีกรมที่ดินตามมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางการปกครอง ซึ่งในข้อกฎหมายระบุว่า ต้องยื่นภายใน 15 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันพรุ่งนี้ (12 พ.ย.) จึงดำเนินการส่งไปเรียบร้อยแล้ว
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ ผลสรุปกรมที่ดิน ในกรณีที่ที่ดินเขากระโดง ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฏหมาย ตนเข้ามาที่กระทรวงมหาดไทย รู้จักทุกฝ่าย แต่สิ่งที่ตนได้บอกกับผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยมาโดยตลอด ว่าให้ว่ากันตามเนื้อผ้า ว่ากันตามกฎหมาย และกฎระเบียบ ตนไม่มีแทรกแซง ไม่มีความกดดันใดใด นี่คือสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ หากจะเอาให้ ชัดเจน ต้องไปถามคนที่ทำเรื่องนี้ ว่ามีแรงกดดันอะไรลงไปหรือเปล่า
เมื่อถามว่า คำแถลงของกรมที่ดิน ที่ระบุว่าหลักฐานไปไม่ถึง ไม่ใช่เป็นการฟอกขาวใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ยืนยันว่า กรมที่ดิน ตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 61 ซึ่งมีคำสั่งของศาลปกครอง ให้ร่วมกันตั้ง กับทางการรถไฟแต่คณะกรรมการชุดนี้ตั้งเมื่อเดือนพ.ค.66 ขณะนั้นตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อยู่ ตนคงมาสั่งการอะไรในกระทรวงมหาดไทยไม่ได้ และไม่ว่าผลการตัดสินนั้นจะเป็นอย่างไร ก็เป็นเรื่องของคณะกรรมการ ไม่มีช่องไหนที่จะมาบอกว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สามารถเพิกถอน หรือไม่เพิกถอน เพราะไม่ใช่อำนาจของรัฐมนตรีเรื่องมันจบที่กรม จบที่คำสั่งศาล หากใครมีประเด็นก็ไปฟ้องศาล พื้นที่เขากระโดงมีพื้นที่ 5 พัน กว่าไร่ เท่าที่ตนทราบตระกูลชิดชอบ มีอยู่ 300 ไร่ แล้วอีก 4700 ไร่ จะผิดแค่ 300 ไร่ได้อย่างไร หากเป็นอย่างนั้นก็ไปพิสูจน์เอา ไม่เกี่ยวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไม่ใช่อำนาจในการเพิกถอนหรืออนุญาต อยากจะยุ่งก็ยุ่งไม่ได้ เพราะไม่มีอำนาจ
ขณะเดียวกัน มีการยืนยันมาจาก นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทย ซึ่งกำกับดูแลกรมที่ดิน ย้ำว่า ไม่มีการเพิกถอนที่ดินดังกล่าวอย่างแน่นอน และเห็นว่า เรื่องนี้จบไปแล้ว
ดังนั้นเมื่อพิจารณาแล้วทั้งสองเรื่องที่ว่านี้ก็ถือว่าเป็น เรื่องหลัก ของแต่ละฝ่าย ที่ถอยไม่ได้ เพราะมีระดับ ขาใหญ่ มีอิทธิพลสูงค้ำอยู่ข้างหลัง ถึงได้บอกว่า งานนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวพันกันแบบไม่ธรรมดา แม้ว่านาทีนี้อาจยังไม่ถึงขั้นเลวร้ายต้องแตกหักกันอย่างฉับพลัน แต่ก็เหมือนกับว่ามี ความเครียดสะสม เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนอาจถึงวันที่ทนกันไม่ได้นั่นแหละ !!
กฤษฎีกาแนะรฟท.-กรมที่ดินคุยแก้ปมเขากระโดง คาดขัดแย้งจากการสื่อสาร ชี้ต้องยึดคำพิพากษา
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันอังคาร ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เวลา 15:24 น.
ปรับปรุง: วันอังคาร ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เวลา 15:24 น.
เลขาฯคณะกรรมการกฤษฎีกา แนะนำ รฟท.และกรมที่ดิน พูดคุยเพื่อแก้ปัญหาที่ดินเขากระโดงร่วมกัน คาด เหตุขัดแย้งมาจากการเรื่องสื่อสาร ระบุ ตามหลักการต้องยึดตามคำพิพากษาของศาล
วันนี้ (12พ.ย.) นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงกรณีคำพิพากษาศาลปกครองให้เพิกถอนที่ดินเขากระโดง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ แต่อธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งไม่เพิกถอนว่า โดยหลักแล้วเมื่อศาลมีคำพิพากษาก็ต้องปฏิบัติไปตามนั้น ส่วนเรื่องความขัดแย้งระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กับกรมที่ดินมองว่าเป็นปัญหาเรื่องการสื่อสาร หากลำดับเรื่องดีๆ หน่วยงานมาร่วมกันชี้แจง คิดว่าจะเข้าใจตรงกันได้ ซึ่งไม่ควรพูดกันคนละครั้ง น่าจะแถลงข่าวร่วมกันจะได้เข้าใจว่าเดิมที่มาที่ไปนั้นเป็นอย่างไร ย้ำว่าหากมีการพูดคุยกัน คงไม่จบลงที่การฟ้องร้อง เพราะพื้นที่หลวงก็คือพื้นที่หลวง พื้นที่ที่เอกชนก็คือพื้นที่เอกชน ซึ่งหากสมมุติว่าเป็นพื้นที่หลวงแล้วให้เอกชนไปอยู่ ก็ต้องหาวิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสม เช่น ให้เช่าในราคาถูก และในกรณีที่ราชพัสดุ อย่างกรณีที่อยู่มานานจนคิดว่าเป็นที่ของตัวเอง เมื่อพิสูจน์สิทธิ์กันได้ว่าเป็นของใครก็ควรทำตามกติกา
ทั้งนี้ตนเองยังไม่ได้อ่านคำพิพากษาฉบับเต็ม แต่คาดน่าจะชัดเจนอยู่แล้ว ขณะที่ประเด็นทางการเมือง ไม่ขอแสดงความคิดเห็น เนื่องจากไม่ทราบรายละเอียด
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43819
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43819
Location: NECTEC
Posted: 14/11/2024 12:09 pm Post subject:
อำนาจภายใต้การเมืองสีน้ำเงิน
โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ
เผยแพร่: วันพฤหัสบดี ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เวลา 07:36 น.
ปรับปรุง: วันพฤหัสบดี ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เวลา 07:36 น.
การที่อธิบดีกรมที่ดินที่อยู่ภายใต้พรรคภูมิใจไทย ทำหนังสือถึงการรถไฟแห่งประเทศไทย ว่า คณะกรรมการสอบสวนฯ มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นสมควรไม่เพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินการรถไฟฯ บริเวณแยกเขากระโดงเนื่องจาก รฟท. ไม่มีหลักฐานเป็นที่ข้อยุติว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินของ รฟท.จึงเห็นควรยุติเรื่องในกรณีนี้
กำลังท้าทายกับกระแสสังคมและกระบวนการยุติธรรมที่เป็นบรรทัดฐานของประเทศ เข้าใจครับว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวแต่งตั้งขึ้นตามคำสั่งของศาลปกครองในคดีที่การรถไฟฯ ฟ้องกรมที่ดิน แต่นัยของคำสั่งนั้นหากอ่านคำพิพากษาของศาลปกครองแล้ว จะพบว่า ศาลต้องการให้ตั้งกรรมการขึ้นมาเพื่อเพิกถอนสิทธิการถือครองที่ดินตามคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ผู้ถือครองที่ดินเขากระโดงจำนวน 37 แปลงฟ้องการรถไฟฯ (คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 8027/2561 และ 842-876/260 ) แต่คำพิพากษาศาลฎีกาชี้ชัดว่า ที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นของการรถไฟฯ ซึ่งศาลปกครองหมายรวมถึงแปลงอื่นที่อยู่นอกเหนือแปลงที่นำขึ้นสู่ศาลฎีกาด้วย
แต่กรมที่ดินซึ่งตั้งกรรมการขึ้นตามคำสั่งศาลปกครองกลับมีมติว่า การรถไฟฯ ไม่มีหลักฐานแสดงสิทธิในที่ดินเขากระโดงทั้งที่ศาลฎีกาชี้แล้วว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นของการรถไฟฯแม้ว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย บอกว่า ไม่ได้สั่งการอะไรกรมที่ดิน แต่คำถามว่า มีใครบ้างที่จะเชื่อ
อนุทินอ้างว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวที่ตั้งขึ้นตามคำสั่งของศาลปกครองตั้งขึ้นมาก่อนที่พรรคภูมิใจไทยและตัวเองจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย แต่จุดหมายสำคัญก็คือ กรรมการชุดนี้สามารถมีมติได้ในวันที่พรรคภูมิใจไทยมีอำนาจในกระทรวงมหาดไทย และอนุทินมีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีและเมื่อไม่นานมานี้อธิบดีกรมที่ดินคนหนึ่งก็ได้ชิงลาออกไป ซึ่งกล่าวขานกันว่า เพราะปมที่ดินเขากระโดงนั่นเอง
เป็นที่รู้กันว่า ในจำนวนที่ดิน 800 กว่าแปลงในพื้นที่เขากระโดงนั้น ผู้ถือครองรายใหญ่ก็คือ ตระกูลชิดชอบ ไปถามพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ก็รู้เรื่องนี้ดีเพราะเคยอภิปรายนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ในสภาฯ เพียงแต่วันนี้ พ.ต.อ.ทวีอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกับพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น แน่นอนถึงตอนนี้พ.ต.อ.ทวีก็ต้องการรักษาสายสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล ต่างกับที่เคยหวงแหนสมบัติของชาติในขณะที่เป็นฝ่ายค้าน
และเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าคนที่อยู่เบื้องหลังพรรคภูมิใจไทยก็คือนายเนวิน ชิดชอบ ที่เป็นเจ้าของพรรคตัวจริงในทางพฤตินัย จะเห็นได้ว่าในงานวันเกิดของนายเนวินนั้นข้าราชการระดับสูงที่อยู่ภายใต้กระทรวงที่พรรคภูมิใจไทยกำกับนั้นจะต้องเข้าไปร่วมงานถึงบุรีรัมย์เพื่อแสดงตัวให้เห็น เพราะเขารู้ว่าใครคือ คนที่ให้คุณให้โทษได้ และในหมู่ข้าราชการก็รู้กันว่า การโยกย้ายตำแหน่งต่างๆ ในกระทรวงของพรรคภูมิใจไทยนั้นคนที่มีบทบาทสำคัญคือใคร
ก็ต้องรอดูต่อไปว่า ระหว่างอำนาจทางการเมืองกับความยุติธรรมทางกฎหมายที่เป็นขื่อแปของบ้านเมืองอย่างไหนจะศักดิ์สิทธิ์กว่ากัน คำสั่งของกรมที่ดินจะใหญ่กว่าคำพิพากษาของศาลฎีกาไหม
แต่ต้องยอมรับนะครับว่า การเล่นการเมืองอยู่หลังม่านของคนคนหนึ่งวันนี้นั้นทำให้กระบวนการตรวจสอบคนที่อยู่ในอำนาจทางการเมืองไม่สามารถทำได้ เพราะไม่ได้มีตำแหน่งใดในรัฐบาล หรือแม้แต่เป็นผู้บริหารพรรค เพียงแต่เป็นสมาชิกของพรรคที่สามารถเตะตูดหัวหน้าพรรคได้เท่านั้น ทำให้กลายเป็นช่องโหว่ที่ทำให้ผู้มีอิทธิพลทางการเมืองใช้เป็นเครื่องมือในการเล่นการเมืองอยู่หลังฉาก แต่มีอำนาจสั่งการทุกกระทรวงที่อยู่ภายใต้อำนาจของพรรคที่ข้าราชการทุกคนต้องเกรงใจและหวั่นกลัว
มาที่เรื่อง สว.นอกจากในวันนี้พรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคอันดับสองในสภาผู้แทนราษฎร แต่เป็นที่รู้กันว่า สว.กว่า 150 คนนั้นอยู่ภายใต้การกำกับของใครที่เรียกว่ากันว่า สว.สีน้ำเงินนั่นเอง แล้วอำนาจที่สำคัญของ สว.ก็คือ การแต่งตั้งองค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ฯลฯ ซึ่งทำให้หากใครจะขึ้นสู่ตำแหน่งดังกล่าวก็จะต้องวิ่งเข้าหาเจ้าของ สว.เพื่อให้ สว.ยกมือให้ หากผ่านการคัดเลือกของคณะกรรมการสรรหาเข้าสู่วุฒิสภามา
ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่าตระหนกและเป็นอันตรายมากหากอำนาจการแต่งตั้งองค์กรอิสระอยู่ในอำนาจของใครบางคนหรือคนเพียงคนเดียวในทางพฤตินัย
และหากมีการประชุมรัฐสภาคือประชุมร่วมระหว่าง สส. และ สว.เสียงของพรรคภูมิใจไทยและ สว.จะรวมกันเป็นเสียงข้างมากในรัฐสภา และการดำเนินการใดที่จะต้องผ่านรัฐสภาเช่น การแก้รัฐธรรมนูญก็จะตกอยู่ภายใต้การกำกับของเจ้าของสว.ที่จะต้องการให้เป็นไปในทิศทางไหนก็ได้
วันนี้พรรคภูมิใจไทยแม้ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอันดับสอง แต่ก็มีอิทธิพลเหนือพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำรัฐบาลไปแล้ว แม้ว่า เราจะเห็นอนุทินนอบน้อมต่ออุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และพร้อมจะยืนเป็นวอลเปเปอร์หรือพี่เลี้ยงของอุ๊งอิ๊งค์ตลอดเวลาก็ตาม พรรคภูมิใจไทยจึงขบเหลี่ยมอยู่กับพรรคเพื่อไทยหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกัญชา เรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ รวมถึงการทำประชามติเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ เพราะรู้ว่าอย่างไรเสียพรรคเพื่อไทยก็ไม่สามารถสลัดพรรคภูมิใจไทยออกจากพรรคร่วมรัฐบาลได้
แล้วคอยดูว่า กรณีที่ดินเขากระโดง แม้ว่านายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม จากพรรคเพื่อไทยซึ่งกำกับดูแลการรถไฟแห่งประเทศไทยจะแสดงให้เห็นว่า ไม่อาจยอมรับคำสั่งของคณะกรรมการของกรมที่ดินในกรณีที่ดินเขากระโดงได้ แต่ก็ต้องดูว่า สุดท้ายแล้วเป็นเพียงการแสดงออกไปตามบทบาทที่ตัวเองเล่นอยู่ แต่จะรุกไล่เอาจริงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศจนสุดทางไหม หรือเป็นเพียงการแสดงอำนาจออกมาให้เห็นเพียงเพื่อคะคานแลกเปลี่ยนต่อรองผลประโยชน์กันทางการเมืองเท่านั้นเอง
อิทธิพลของคนโตแห่งบุรีรัมย์ยังสะท้อนอยู่ในองค์กรอิสระอย่าง กกต. เห็นไหมว่า เมื่อไม่นานอยู่ดีๆ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ก็ออกมาบอกว่า กรณีของพรรคภูมิใจไทยที่ถูกร้องเรียนในลักษณะความผิดที่คล้ายคลึงกับพรรคก้าวไกลที่ถูกศาลวินิจฉัยยุบพรรคนั้น ไม่ได้เป็นความผิดแห่งการยุบพรรคการเมืองเลยไม่เป็นเหตุแห่งการยุบพรรคการเมือง ทั้งที่บอกว่ายังอยู่ในระหว่างการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนที่ตั้งขึ้นยังไม่มีบทสรุปออกมา จึงไม่ใช่เรื่องที่เลขาธิการ กกต.จะออกมาแถลงชี้นำหรือออกมาแถลงแม้หลายคนจะตั้งคำถามว่า การสอบสวนกรณีดังกล่าวของพรรคภูมิใจไทยคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นจะใช้เวลานานมากก็ตาม
วันนี้เราคงเห็นแล้วว่า สำหรับนักการเมืองแล้วระหว่างผลประโยชน์ของประเทศชาติกับผลประโยชน์ของตัวเองนั้นอย่างไหนสำคัญกว่าในบทบาทของคนที่เข้ามาเล่นการเมือง จะมีคนกี่คนที่เข้ามาเล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของชาติอย่างแท้จริง และมีกฎเกณฑ์กติกาไหนที่จะตรวจสอบนักการเมืองที่มุ่งแต่จะแสวงหาผลประโยชน์เพื่อส่วนตัวและพวกพ้องได้อย่างแท้จริง
วันนี้เราคงเข้าใจแล้วว่า ทำไมพรรคภูมิใจไทยพรรคสีน้ำเงินจึงเล่นการเมืองเพื่อเป็นรัฐบาลเท่านั้น
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan
Back to top
You cannot post new topics in this forum You cannot reply to topics in this forum You cannot edit your posts in this forum You cannot delete your posts in this forum You cannot vote in polls in this forum
Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group