Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311232
ทั่วไป:13179792
ทั้งหมด:13491024
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 169, 170, 171 ... 197, 198, 199  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44319
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 21/02/2021 11:57 am    Post subject: Reply with quote

'ประยุทธ์' ย้ำไม่ปรับครม. 10 รัฐมนตรีฉลุย สอบผ่านญัตติไม่ไว้วางใจ
แนวหน้า ฉบับวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

เสียงแตกได้ไม่เท่ากันทุกคน 4 งูเห่า 'ก้าวไกล' โหวตหนุน บิ๊กป้อมสั่งเช็คบิลสส.นอกแถว ฝ่ายค้านยังคาใจขอแก้มือใหม่

มติโหวตซักฟอก 10 รัฐมนตรีผ่านฉลุย "บิ๊กตู่" ได้ไปต่อ "เสี่ยหนู" เสียงมากสุด ขณะที่ครูตั้น รั้งบ๊วย เผย 4 งูเห่าพรรค ก้าวไกล แผลงฤทธิ์โหวตช่วยรัฐบาล ด้านนายกฯบิ๊กตู่ ย้ำชัดรัฐบาลมีความสามัคคีไม่ต้องปรับครม. ด้าน "บิ๊กป้อม" เคือง 7 สส.งดออกเสียง ตีรวนเพื่อนรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล ฝ่ายค้านประกาศเดินหน้าสอบต่อ

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาลงมติญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็น รายบุคคล โดยก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม นายชวน หลีกภัย ประธานสภา ผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธาน ได้แจ้งถึง การลงมติออกเสียงด้วยการกดบัตรจะเรียงตามลำดับจาก 1 ถึง 10 รมต.พร้อมชี้แจงถึงวิธีการลงคะแนน ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 151 วรรค 4 ที่ระบุว่ามติไม่ไว้วางใจต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรปัจจุบัน สส.ทั้งหมดมี 487 คน คะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งเท่ากับ 244 คน

'บิ๊กป้อม'ได้คะแนนแซง นายกฯ

จากนั้นได้เริ่มลงมติปรากฏว่าผลการลงมีมติไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามลำดับ ดังนี้

1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เห็นด้วย (ไม่ไว้วางใจ) 206 เสียง ไม่เห็นด้วย (ไว้วางใจ) 272 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง จากจำนวนผู้เข้าประชุม 481 เสียง 2.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เห็นด้วย (ไม่ไว้วางใจ) 204 เสียง ไม่เห็นด้วย (ไว้วางใจ) 274 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง จำนวนผู้เข้าประชุม 482 เสียง

'อนุทิน'มากสุด275/จุรินทร์หวิว268

3.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายก รัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เห็นด้วย (ไม่ไว้วางใจ) 201 เสียง ไม่เห็นด้วย (ไว้วางใจ) 275 เสียง งดออกเสียง 6 เสียง จำนวนผู้เข้าประชุม 482 เสียง 4.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เห็นด้วย (ไม่ไว้วางใจ) 207 เสียง ไม่เห็นด้วย (ไว้วางใจ) 268 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง จำนวนผู้เข้าประชุม 482 เสียง 5.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เห็นด้วย (ไม่ไว้วางใจ) 205 เสียง ไม่เห็นด้วย (ไว้วางใจ) 272 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง จำนวนผู้เข้าประชุม 480 เสียง

'ครูตั้น'บ๊วย/''ศักดิ์สยาม'งดมากสุด12

6.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เห็นด้วย (ไม่ไว้วางใจ) 215 เสียง ไม่เห็นด้วย (ไว้วางใจ) 258 เสียง งดออกเสียง 8 เสียง จำนวนผู้เข้าประชุม 480 เสียง 7.นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เห็นด้วย (ไม่ไว้วางใจ) 212 เสียง ไม่เห็นด้วย (ไว้วางใจ) 263 เสียง งดออกเสียง 5 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง จำนวนผู้เข้าประชุม 481เสียง 8.นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เห็นด้วย (ไม่ไว้วางใจ) 201 เสียง ไม่เห็นด้วย (ไว้วางใจ) 268 เสียง งดออกเสียง 12 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง จำนวนผู้เข้าประชุม 482 เสียง

'ธรรมนัส'ไม่ไว้วางใจน้อยสุด

9.นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เห็นด้วย (ไม่ไว้วางใจ) 206 เสียง ไม่เห็นด้วย (ไว้วางใจ) 272 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง จำนวนผู้เข้าประชุม 482 เสียง 10.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นด้วย (ไม่ไว้วางใจ) 199 เสียง ไม่เห็นด้วย (ไว้วางใจ) 274 เสียง งดออกเสียง 5 เสียง ไม่ลง คะแนน 1 เสียง จำนวนผู้เข้าประชุม 479 เสียง

หลังลงมติเสร็จสิ้น แต่ละรัฐมนตรี ซึ่งเสียงไม่ไว้วางใจไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ถือว่าทั้ง 10 รัฐมนตรี ได้รับไว้วางใจให้เป็นรัฐมนตรีต่อไป จากนั้นประธานสภาฯได้สั่งปิดประชุมเมื่อเวลา 11.15 น.

'บิ๊กตู่' ยันไม่ปรับครม.

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก รัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยขอบคุณทุกฝ่าย ที่ทำให้การอภิปรายผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ทั้งประธานสภาฯ และสมาชิกทุกคน ซึ่งสิ่งไหนที่ดีรัฐบาลจะนำไปดำเนินการต่อ พร้อมระบุทุกคนไม่ใช่ศัตรูกัน วิถีทาง การเมืองก็ว่ากันไป ขอความรักความสามัคคี กลับคืนมาให้ประเทศของเรา

พลเอกประยุทธ์ ยังยืนหลังการอภิปรายไม่คิดปรับคณะรัฐมนตรี ส่วนรัฐมนตรีที่ได้รับคะแนนน้อยที่สุดจะถูกปรับออกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี เลี่ยงที่จะตอบ แต่บอกว่าจะประเมินด้วยผลงาน เมื่อถึงเวลาก็จะดำเนินการอยู่แล้ว พร้อมยอมรับจะนำข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจไปใช้ประโยชน์ โดยจดไว้หมดแล้ว ส่วนปัญหา คะแนนพรรคร่วมรัฐบาลดีหมด ยกเว้นรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ เหมือนเป็นปัญหาขย่มกันเองในพรรคนั้น ตนไม่ทราบ เพราะเป็นมติและความเห็นส่วนตัวของแต่ละคน ใครจะคิดอะไรก็ว่าไป

ทั้งนี้เมื่อถามว่าหลังอภิปรายรัฐบาลจะเดินหน้าทำงานปราศจากสิ่งที่ฝ่ายค้านกล่าวหา เพราะมีการชี้แจงไปแล้ว นายกรัฐมนตรีตอบว่า ไม่เคยหยุดงาน ทำงานทุกวัน ไม่ว่าจะมีการอภิปรายหรือไม่'นายกฯ-บิ๊กป้อม'ยิ้มแย้มขอบคุณ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าหลังการลงมติไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี 9 คน ซึ่งผลปรากฏว่า ทั้งหมดได้รับความ ไว้วางใจ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ได้รับคะแนน 272 คะแนน ได้ยกมือขอบคุณและ ทักทายสมาชิกที่อภิปรายสนับสนุนให้ทำหน้าที่นายกฯต่อไป โดยมีสีหน้าที่แจ่มใส ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่ได้รับคะแนนไว้วางใจ 274 คะแนน ก็มีสีหน้า ที่ยิ้มแย้มแจ่มใสเช่นกัน ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุขที่ได้รับคะแนน ไว้วางใจสูงสุด 275 หลังอภิปรายฯแล้วเสร็จได้โพสต์ขอบคุณทุกคะแนนที่ไว้วางใจในครั้งนี้

'ธรรมนัส'ยกมือไหว้ขอบคุณทั่วสภา

ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ได้รับคะแนนไว้วางใจสูง เป็นลำดับที่ 2 เท่ากับคะแนนของพล.อ.ประวิตร ได้ยกมือ และเดินขอบคุณสมาชิกทั่วทั้งสภาฯ ภายหลังลงมติเสร็จ โดยมี สีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ก่อนหน้าจะลงมติ ร.อ.ธรรมนัส เดิน ยกมือไหว้และทักทาย สส.ฝ่ายค้านไปแล้ว ท่ามกลางกระแสข่าวฝ่ายค้านเทคะแนนสนับสนุน อีกทั้งช่วงอภิปราย 4 วัน ที่ผ่านมา เป็น ที่น่าสังเกตว่า ฝ่ายค้าน ลุกขึ้นอภิปราย ร.อ.ธรรมนัส น้อยมาก มีเพียงพรรคเล็กในพรรคร่วมฝ่ายค้าน เท่านั้นที่ลุกขึ้นอภิปราย

ขณะที่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ที่ได้รับคะแนนไว้วางใจเพียง 258 คะแนน น้อยที่สุดในบรรดารัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย ดูมี สีหน้าที่เคร่งเครียด

ฉีกใบสั่ง'บิ๊กป้อม'เสียงแตกไม่เท่ากัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้เรียกประชุม สส.ด่วนเมื่อวันที่ 19 ก.พ.เพื่อกำชับแนวทาง การลงมติ โดยล็อกผลโหวตสั่งให้ต้องมี คะแนนออกมาเท่ากัน หรือแม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯกำชับในที่ประชุมครม.เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ให้คะแนนออกมาเท่ากัน หรือ ใกล้เคียงกันที่สุด แต่ผลคะแนน ที่ออกมาปรากฏว่าโหวตแตกละเอียด ผลคะแนน ออกมาไม่เท่ากัน ดูจากตัวเลขต่ำไปหาสูง คือ 258, 263, 268, 272, 274, 275,

สส.รบ.เทให้'บิ๊กตู่'แต่2สส.ปชป.แหก

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่าหลังการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ 10 รัฐมนตรีเสร็จสิ้นโดยได้รับการไว้วางใจให้ทำหน้าที่ ต่อไปทั้งหมดนั้น โดยผลคะแนนการลงมติ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ได้คะแนน ไว้วางใจ 272 ต่อ 206 งดออกเสียง 3 เสียงนั้น พบว่าสส.ฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ต่างลงคะแนนตามมติพรรคอย่างครบถ้วน ยกเว้น นายอนุมัติ ซูสารอ สส.ปัตตานี พรรคประชาชาติ พรรคฝ่ายค้านเพียงคนเดียวที่ลงมติไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนคะแนนงดออกเสียง 3 เสียง ของพล.อ.ประยุทธ์ ได้แก่ สส.พรรคประชาธิปัตย์ 3 คน ได้แก่ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ สส.บัญชีรายชื่อ และนายอันวาร์ สาและ สส.ปัตตานี

'บิ๊กป้อม'โหวตไม่แตกแถวแซง นายกฯ

ในส่วนการคะแนนลงมติของพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้คะแนนไว้วางใจ 274 ต่อ 204 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง นั้น พบว่าการออกเสียง ลงคะแนนของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านไม่มีแตกแถวยกเว้น นายอนุมัติ ซูสารอ สส.ปัตตานี พรรคประชาชาติ ที่ลงมติไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร ส่วนคะแนนงดออกเสียง 4 เสียง ประกอบด้วย นายชวน หลีกภัย ประธาน สภาผู้แทนราษฎร นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ นายอันวาร์ สาและ สส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ และนายอารี ไกรนรา สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ

4สส.'ฝ่ายค้าน'โหวตให้'อนุทิน'

ขณะที่ผลการลงคะแนนของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ที่ได้คะแนนไว้วางใจ 275 ต่อ 201 งดออกเสียง 6นั้น พบว่า มี สส.พรรคก้าวไกล 4 คน แหกมติพรรคลงมติไว้วางใจนายอนุทิน คือ นายขวัญเลิศ พานิชมาท สส.ชลบุรี นายคารม พลพรกลาง สส.บัญชีรายชื่อ นายพีรเดช คำสมุทร สส.เชียงราย นายเอกภพ เพียรพิเศษ สส.เชียงราย รวมถึง นายอนุมัติ ซูสารอ สส.ปัตตานี พรรคประชาชาติ ร่วมโหวตไว้วางใจด้วย ส่วนคะแนนงดออกเสียง 6 เสียง เป็นของพรรคประชาธิปัตย์ 3 เสียง ได้แก่ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ สส.บัญชีรายชื่อ นายอันวาร์ สาและ สส.ปัตตานี รวมถึงพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย นายอารี ไกรนรา สส.บัญชีรายชื่อ พรรค เพื่อชาติ รวมถึงตัวนายอนุทินเองที่ลงมติ งดออกเสียงด้วย

3สส.ปชป.ไม่โหวตให้'จุรินทร์'

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รมว.พาณิชย์ ที่ได้คะแนนไว้วางใจ 268 ต่อ 207 เสียง งดออกเสียง 7 จากการตรวจสอบ พบว่าในส่วนงดออกเสียงทั้งหมดนั้น นอกจาก นายชวน ที่ลงมติงดออกเสียง ในฐานะ ประธานสภาผู้แทนฯแล้ว ยังมี สส. ประชาธิปัตย์อีก 3 คน ที่ร่วมลงมติงด ออกเสียงคือนายพนิต วิกิตเศรษฐ์ สส.บัญชีรายชื่อ นายอภิชัย เตชะอุบล สส.บัญชี รายชื่อ นายอันวาร์ สาและ สส.ปัตตานี ส่วนผู้งดออกเสียงคนอื่นๆ มี นายอนุมัติ ซูสารอ สส.ปัตตานี พรรคประชาชาติ นายสมพงษ์ โสภณ สส.ระยอง พรรคพลังประชารัฐ รวมถึง นายจุรินทร์ ลงมติงดออกเสียง

'บิ๊กป๊อก'เสียงแน่นไม่แตกแถว

ส่วนพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว. มหาดไทย ที่ได้คะแนนไว้วางใจ 272 ต่อ 205 งดออกเสียง 3 นั้น ปรากฏว่าสส.รัฐบาล และฝ่ายค้านต่างลงคะแนนตามมติพรรค ไม่มีใครแตกแถว มีคะแนนงดออกเสียง 3 คน เป็นสส.พรรคประชาธิปัตย์หมด คือ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ สส.บัญชีรายชื่อ นายอันวาร์ สาและ สส.ปัตตานี แต่มีสส.ฝ่ายค้าน เพียงคนเดียว คือ นายอนุมัติ ซูสารอ สส.ปัตตานี พรรคประชาชาติ ที่ลงมติไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์

พรรคเล็กไม่วางใจ'ครูตั้น'/อีก8งด

สำหรับคะแนนเสียง นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ที่ได้เสียง เห็นชอบ 258 ต่อ 215 งดออกเสียง 8 เสียง เป็นรัฐมนตรีที่ได้คะแนนไว้วางใจน้อยที่สุดนั้น พบว่า มี สส.พรรคร่วมรัฐบาลที่ลงมติ ไม่ไว้วางใจนายณัฏฐพล ประกอบด้วย นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่า ประเทศไทย พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ หัวหน้าพรรคพลังชาติไทย

โดย มี สส.ที่งดออกเสียง 8 เสียง คือ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ นายอันวาร์ สาและสส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังไทยรักไทย น.ส.ศิลัมพา เลิศนุวัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลเมืองไทย นพ.ระวี มาศฉมาดล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ นายยรรยงก์ ถนอมพิชัยธำรง สส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย และนายณัฎฐพลที่ลงคะแนนงดออกเสียงตัวเอง

7สส.พรรคเล็ก ไม่โหวตให้'สุชาติ'

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่ได้คะแนนไว้วางใจ 263 ต่อ 212 งดออกเสียง 5 ไม่ลงคะแนน 1 นั้น มี สส.รัฐบาล ที่ลงมติ ไม่ไว้วางใจนายสุชาติ 7 คนได้แก่ พรรคเศรษฐกิจใหม่ 4 คน ได้แก่ นายนิยม วิวรรธนดิษกุล นายภาสกร เงินเจริญกุล นางมารศรี ขจรเรืองโรจน์ นายสุภดิช อากาศฤกษ์ อีก 3 คน เป็นพรรคเล็ก ได้แก่ นายปรีดา บุญเพลิง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคครูไทย เพื่อประชาชน นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทรักธรรม นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พลังไทยรักไทย ส่วนผู้งดออกเสียง 5 เสียงได้แก่ นายขวัญเลิศ พานิชมาท สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนฯ นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ สส.บัญชีรายชื่อ นายอันวาร์ สาและ สส. ปัตตานี รวมถึงตัวนายสุชาติเองส่วน ผู้ไม่ลงคะแนน น.ส.วชิราภรณ์ กาญจนะ สส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์

4งูเห่าก้าวไกลโหวตให้'ศักดิ์สยาม'

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ที่ได้รับคะแนนไว้วางใจ 268 ต่อ 201 งดออกเสียง 12ไม่ลงคะแนน 1 นั้น มี สส. ฝ่ายค้าน คือ พรรคก้าวไกล 4 คน มาลงคะแนน ไว้วางใจให้นายศักดิ์สยาม คือ นายขวัญเลิศ พานิชมาท สส.ชลบุรี นายคารม พลพรกลาง สส.บัญชีรายชื่อ นายพีรเดช คำสมุทร สส. เชียงราย นายเอกภพ เพียรวิเศษ สส.เชียงราย

6สส.ดาวฤกษ์พปชร.งดออกเสียง

ส่วนงดออกเสียง 12 เสียงได้แก่ สส.กลุ่มดาวฤกษ์ พรรคพลังประชารัฐ 6 คน ประกอบด้วยนางกรณิศ งามสุคนรัตนา สส.กทม. น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ สส.กทม. น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ สส.กทม. น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ สส.กทม. น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี สส.บัญชีรายชื่อ นายศิริพงษ์ รัสมี สส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ 3 คน ได้แก่ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ สส.บัญชีรายชื่อ นายอันวาร์ สาและ สส. ปัตตานี พรรคเพื่อชาติ 1 คน คือ นายอารี ไกรนรา สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังไทยรักไทย ได้แก่ นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล สส.บัญชีรายชื่อ รวมถึงตัว นายศักดิ์สยามเอง ส่วนคนที่ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง ได้แก่ นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โดยมี สส.ฝ่ายค้านที่ลงมติ ไว้วางใจ นายศักดิ์สยามคือ นายอนุมัติ ซูสารอ สส.ปัตตานี พรรคประชาชาติ

'อันวาร์'โหวตให้'นิพนธ์'งดให้9รมต.

นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทยได้คะแนนไว้วางใจ 272 ต่อ 206 งดออกเสียง 4 นั้น ตรวจสอบพบว่านายคารม พลพรกลาง สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก้าวไกล ลงมติไว้วางใจ และมีสส.ประชาธิปัตย์ 2 คน งดออกเสียง ได้แก่ นายชวน หลีกภัย และนายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ขณะที่ นายอันวาร์ สาเละ สส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ ที่ลงมติ งดออกเสียงให้รัฐมนตรี 9 คน แต่กลับลงมติ ไว้วางใจ นายนิพนธ์ เพียงคนเดียว

3งูเห่าพท.-1ปชช.โหวต ธรรมนัส

ร.อ.ธรรมนัส พรมหเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ได้คะแนนไว้วางใจ 274 ต่อ 199 งดออกเสียง 5 ไม่ลงคะแนน 1 ถือเป็น รัฐมนตรีที่ได้เสียงไม่วางใจน้อยสุดใน 10 รัฐมนตรีพบว่าเสียงไม่ไว้วางใจส่วนใหญ่ เป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน อาทิ พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และพบว่ามีสส.ฝ่ายค้าน บางส่วนที่ลงมติไว้วางใจให้ 3 เสียง ได้แก่ น.ส.พรพิมล ธรรมสาร สส.ปทุมธานี นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ สส.กทม.พรรคเพื่อไทย และนายอนุมัติ ซูสารอ สส.ปัตตานี พรรคประชาชาติ สำหรับผู้งดออกเสียง ได้แก่ นายชวน หลีกภัย ประธานสภา นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ สส.บัญชีรายชื่อ น.ส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช สส.บัญชีรายชื่อ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ และร.อ.ธรรมนัส ที่งดออกเสียงให้กับตนเองด้วย

ทั้งนี้ ในการลงมติวันนี้ ยังพบว่ามี สส.พรรคเพื่อไทย ที่ไม่ปรากฏในการประชุมได้แก่ นายทายาท เกียรติชูศักดิ์ นายวันนิวัติ สมบูรณ์ นายศักดา คงเพชร พรรคเพื่อไทย นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ นายเสมอกัน เที่ยงธรรม สส. สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา นายเพชร เอกกำลังกุล สส.บัญชีรายชื่อ, พล.ต.ท.วิศณุ ม่วงแพรสี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ที่ไม่ได้อยู่ลงมติทั้ง 10 รัฐมนตรีครั้งนี้

นายกฯพูดเหน็บ'ธรรมนัส'แรง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากการลงมติเสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับรัฐมนตรีหลายคน ถึงผลคะแนนออกมา ร.อ.ธรรมนัสได้มากกว่านั้นโดยกล่าวทีเล่น ทีจริงว่า "ถ้าร.อ.ธรรมนัสได้คะแนนมากขนาดนี้ มาเป็นนายกฯดีกว่าไหม" ซึ่งได้ พูดย้ำอยู่หลายครั้ง เป็นจังหวะเดียวกับที่ ร.อ.ธรรมนัสเดินเข้ามาพอดี นายกฯ จึงได้พูด กับเจ้าตัวว่า "ถ้าคะแนนเยอะขนาดนี้มาเป็นนายกฯดีกว่า" พร้อมบอกรัฐมนตรีคนอื่นๆด้วยว่า "คะแนนใครจะมากจะน้อย อย่าไปอะไรมาก เดินหน้าทำงานต่อไป"

พปชร.เซ็งเอาตัวรอด/หักหน้านายกฯ

รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ แจ้งว่า สส.หลายคนในพรรคไม่สบายใจ มองว่า ร.อ.ธรรมนัส ทำไม่ถูกต้อง เนื่องจากพล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้บังคับบัญชา การที่ร.อ.ธรรมนัสเป็นผู้ได้รับมอบหมายให้ดูเรื่องคะแนนเสียงในสภาครั้งนี้กลับไปดำเนินการ ให้ตัวเองมีคะแนนมากกว่าคนอื่น เพื่อเอาตัวรอด โดยเฉพาะนายกฯ ไม่ต่างอะไรกับการทำให้นายกฯ เสียหน้า เป็นเรื่องที่ไม่สมควร อาจทำให้ผู้ใหญ่ในรัฐบาลรู้สึกไม่ดีกับ ร.อ.ธรรมนัส หลังจากนี้

ลุงป้อมเตรียมจัดการสส.แหกคอก

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยภายหลังการ ลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า ขอขอบคุณ ประธานสภาผู้แทนราษฎรและสส.ที่ทำให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย ถือเป็นการตรวจสอบ ของฝ่ายค้านตามระบอบประชาธิปไตยที่รัฐบาล ไม่ขวางกันในการตรวจสอบ ต้องขอบคุณพรรคร่วมรัฐบาล ที่สะท้อนให้เห็นถึงความมีเสถียรภาพของรัฐบาลว่าแน่นแฟ้น ทั้งนี้ ในฐานะหัวหน้าพรรค จะนำข้อมูลการอภิปรายครั้งนี้ ไปประเมินในพรรคซึ่งจะมีการนัดประชุมพรรคกรรมการบริหารพรรคในสัปดาห์หน้า และจะมีการพิจารณามาตรการที่จะดำเนินการกับ สส.ที่ไม่ปฏิบัติตามมติของพรรคด้วย

รบ.ร้าวลึก/สส.ดาวฤกษ์งดโหวต

ด้านน.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี หรือ มาดามเดียร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พลังประชารัฐโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค ส่วนตัวถึงเบื้องหลังการลงมติในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจว่าการที่ สส.กลุ่มดาวฤกษ์ ใช้สิทธิงดออกเสียงในการลงคะแนนญัตติ ไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคล กับรัฐมนตรีท่านหนึ่งด้วยเหตุผลว่าตลอดการอภิปราย และการชี้แจง 4 วันที่ผ่านมา ไม่พบคำชี้แจงที่ชัดเจนเพียงพอในการอภิปรายของ พรรค ฝ่ายค้าน และทำให้สังคมตั้งข้อกังขา ยังไม่ได้รับ คำตอบที่ชัดเจน คือเรื่องการเปลี่ยน เงื่อนไข (TOR) และการล้มการประมูล โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มและข้ออภิปราย ไม่ปกป้อง หรือเรียกคืนที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยในพื้นที่เขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ สส.กลุ่มดาวฤกษ์ได้พยายามอย่างที่สุดในการปฏิบัติตามมติพรรค ด้วยการไม่ลงคะแนนไม่ไว้วางใจ จำเป็นต้องปฏิบัติตามจิตวิญญาณ ความเป็นสส.ด้วยการงดอออกเสียง ส่วนผล ที่จะเกิดขึ้นตามมา ไม่หลังจากการลงมติครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นด้านใด สส.ในกลุ่มทั้งหมด พร้อม น้อมรับ สิ่งที่จะเกิดขึ้น โดยถือว่าได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้แทนปวงชน อย่างดีที่สุดแล้ว


พปชร.เล็งลงดาบ7สส.แหกมติพรรค

แหล่งข่าวจากกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่าจากผลคะแนน ลงมติของสส.ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 10 รัฐมนตรีในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ทาง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรค ในวันจันทร์ที่ 22 ก.พ.นี้ เพื่อประเมินผลการอภิปรายไม่ไว้วางใจและนำมาพิจารณาในภาพรวม ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญเรื่องการลงมติครั้งนี้พบว่ามี สส. 7 คน ที่ไม่ปฏิบัติตามแนวทางพรรคที่วางไว้ โดยงดออกเสียง ในส่วนนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค จะพิจารณามาตรการลงโทษด้วยเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความขัดแย้งภายในพรรค

อนุทินยิ้มร่าขอบคุณเสียงมากสุด

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังได้ลงคะแนนโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจมีคะแนน ไว้วางใจมากที่สุดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสว่า ขอให้ดูที่ผลว่า ใครกดอะไร ไม่กดอะไร สามารถ ตรวจสอบได้ แต่ก็ขอบคุณเจ้าของคะแนน อาจเป็น เพราะชี้แจงได้ชัดเจน และลบล้างข้อกล่าวหา ของผู้อภิปรายได้ ส่วนที่คะแนนเสียงไว้วางใจ มากกว่านายกฯจะมีผลอะไรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะตนทำงานหนักมาก อาจมีคนที่ตั้งใจฟังตนอยู่ และสงสารตนว่า โดนคนเอาเรื่องไม่จริงมาโยนใส่ นี่คือผลของ การที่จะอภิปรายใครต้องมีจรรยาบรรณ พร้อมปฏิเสธที่จะตอบเรื่องขอเก้าอี้ รมต.เพิ่ม

'ก้าวไกล'กระอัก4สส.งูเห่าแหกมติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังทราบผลการ ลงคะแนนไว้วางใจรัฐมนตรีนายกฯ และ 9 รัฐมนตรี ออกมา ที่ฮือฮามากที่สุด คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ได้รับคะแนนไว้วางใจสูงสุด 275 ต่อ 201 งดออกเสียง 6 เสียงนั้น ปรากฏว่ามี 4 สส. พรรคก้าวไกล นายคารม พลพรกลาง สส. บัญชีรายชื่อ นายพีรเดช คำสมุทร นายเอกภพ เพียรพิเศษ สส.เชียงราย และนายขวัญเลิศ พานิชมาท สส.ชลบุรี ลงมติไว้วางใจให้กับ นายอนุทิน เป็นการสวนมติวิปพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งก่อนหน้านี้ สส.บางคนเคยแสดงจุดยืน ไม่เห็นด้วยกับบางจุดยืนของพรรคมาแล้ว โดยเฉพาะไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112

ก้าวไกลจ่อลงโทษ แบน สส.งูเห่า

ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงที่มี สส.พรรคโหวต ไว้วางใจ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รมว.สาธารณสุข ว่า กำลังตรวจสอบรายชื่ออยู่ แต่เชื่อว่า ไม่ได้มีแค่ สส.ก้าวไกลเท่านั้น น่าจะมีหลายพรรค และขอยืนยันกับประชาชนว่า เราไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่มี สส.โหวตไว้วางใจรัฐมนตรีในครั้งนี้ ขั้นตอน การดำเนินการของพรรคเรา มีกรรมการวินัยในเรื่องเหล่านี้อยู่ ส่วนบทลงโทษนั้น จะมีการลงโทษทางวินัย โดยการ internal ban เพราะไม่อยากเตะหมูเข้าปากหมา การไล่ สส. ออกจากพรรค จะเป็นการเข้าทางฝ่ายนั้น เราจะลงโทษด้วยการไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมของพรรค และงานของพรรคในสภาด้วย

ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้า พรรคก้าวไกล ยอมรับว่า ผิดหวัง แต่ไม่ผิดคาด ส่วนจะเป็นสส.เก่า ที่เคยไปอยู่พรรคภูมิใจไทย มาดึงไปหรือไม่นั้น คงต้องรอการตรวจสอบ แต่เชื่อมั่นในกระบวนการของพรรคที่มีคณะกรรมการวินัยดำเนินการเรื่องนี้อยู่แล้ว

จุรินทร์ให้เลขาฯจัดการสส.แหกมติ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวภายหลังลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจถึงที่มีสส.ในพรรคงดออกเสียงให้จะดำเนินการอย่างไรว่า ทราบแล้ว ทาง นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการ พรรคฯรับไปดำเนินการ เท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้น เสียงที่หายไป 3 เสียง เป็นอย่างนั้น ส่วนเสียง ที่ไม่ลงคะแนน ยังตอบไม่ได้ว่าจะกระทบอะไรมากน้อยแค่ไหน แต่เรื่องนี้พรรคจะต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็คุยกันแล้ว เลขาฯก็จะรับไปทำ ว่าจะทำอะไรอย่างไร แต่ขอเป็นเรื่องภายใน ส่วนบทลงโทษของพรรคไม่ขอแจกแจงว่ามีอะไรบ้าง

ด้าน นายเฉลิมชัย กล่าวว่าตนจะให้ วิปพรรค ขอรายงานการประชุมและการ ลงคะแนนเป็นเอกสาร เมื่อได้แล้ว จะมาพิจารณา ขอเรียนว่า อาจจะมีกระแสก่อนหน้านี้ ในส่วน ของความคิดเห็นต่างกันบ้าง แต่ที่ผ่านมาทั้งหมด เรายังไม่เคยมีการขัดมติพรรค หรือ การดำเนินการในสภาที่ขัดมติเลย นี่อาจจะเป็นครั้งแรก เรื่องนี้ขอใช้เวลาสักนิดในการ ดำเนินการและเป็นเรื่องภายในของพรรคที่จะต้อง มีมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่ง ต้องไปดูในส่วน ของข้อบังคับพรรค ที่จะดำเนินการได้ เมื่อถามว่า ไม่ถึงขั้นต้องขับออกจากพรรคใช่หรือไม่ นายเฉลิมชัยกล่าวว่า ยังไม่คิดไปถึงขนาดนั้น

ผู้นำฝ่ายค้านเย้ยนายกฯคะแนนน้อย

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยพร้อม แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน ร่วมแถลงข่าวภายหลังลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยนายสมพงษ์กล่าวว่าผลการอภิปรายทำให้เห็นชัดว่ารัฐมนตรี คนใด ควรหรือไม่ควรอย่างไร แต่คะแนนเสียง เขาก็ท้วมท้น ที่น่าสังเกตคะแนนเสียงของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม น้อยไปหน่อยก็อยากให้ประชาชนตัดสินใจและการอภิปรายครั้งนี้พรรคร่วม ฝ่ายค้านได้หาข้อมูลต่างๆ มาอภิปราย ประชาชน ต้องตัดสินใจว่า สิ่งที่ผ่านมา 4 วัน เป็นอย่างไรและตัวเลขที่ออกมา ไม่เท่ากันก็หวังว่าสิ่งที่เราทำมาจะเป็นผลงานของพรรคร่วมฝ่ายค้าน และจะเดินหน้าตรวจสอบต่อไป

บรรยายใต้ภาพ
สบายใจ : พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม คุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และเพื่อนรัฐมนตรีอย่างอารมณ์ดี หลัง 10 รัฐมนตรีสอบผ่านญัตติอภิปราย ไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ที่อาคารรัฐสภา เมื่อวันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42623
Location: NECTEC

PostPosted: 21/02/2021 11:04 pm    Post subject: Reply with quote

ทำเลทองฝังเพชร ‘ที่ดินรถไฟ’ ทุนยักษ์ จ้องชิงดำ
หน้าอสังหาริมทรัพย์
ออนไลน์เมื่อ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 02:00 น.
ที่มา : หน้า 19-20
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,655
วันที่ 21 - 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

ทำเลทองฝังเพชร ‘ที่ดินรถไฟ’ ทุนยักษ์ จ้องชิงดำ
การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จ้างที่ปรึกษาบริษัท ฟิกท์ แอสโซซิเอท จำกัด จัดทำฐานข้อมูลที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในระบบสารสนเทศให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดบริหารทรัพย์สินตามแนวเส้นทางเดินรถ 234,976 ไร่ขณะที่ดินพัฒนาเชิงพาณิชยกรรมกว่า 38,000 ไร่มีผู้เช่าเป็นไปตามระเบียบการเช่าของรฟท.กว่า 5,000 สัญญามองว่าเป็นวิธีการเร่งรัดหารายได้ให้กับองค์กรได้เร็ว ช่วยลดภาระหนี้ โดยมีเป้าหมายจัดเก็บรายได้ 3,000 ล้านบาทในปี 2564

สำหรับที่ดินที่กลุ่มทุนให้ความสนใจยังคงเป็นที่ดินแปลงใหญ่ย่านใจกลางเมืองแปลงสามเหลี่ยมย่านพหลโยธินเนื้อที่ 47 ไร่ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าวและโรงแรมจะหมดสัญญาอีก 7 ปีข้างหน้าที่ดินแปลงงาม รองเมือง ย่านปทุมวัน ที่ดินโซฟิเทล เซ็นทรัล หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ต้องประมูลใหม่

ขณะเดียวกันรฟท.ยังคงคัดเลือกที่ดินแปลงใหม่ทำเลกลางเมืองอย่างแปลงติดองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.) รถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสะพานควายเนื้อที่ 3 ไร่ ปัจจุบันเป็นตึกร้าง เดิมรฟท.มีแผนพัฒนาเป็นอาคารพักอาศัยเพื่อเช่า ส่องทำเลทองคำรฟท.
ส่องทำเลทองคำรฟท.

สำหรับที่ดินแปลงรัชดาฯ เขตห้วยขวาง ที่ดินแปลง อาบอบนวดโพไซดอน เขตดินแดง สร้างเสียงฮือฮา จากความเคลื่อนไหว เจ้าของอดีตนักการเมืองคนดัง ขอเปลี่ยนแปลงประเภทอาคารจาก ธุรกิจอาบอบนวด เป็นโรงแรม แม้ว่าสัญญาเช่าที่ดินจะสิ้นสุดลงอีก 3 ปีข้างหน้าหรือ ปี 2567 สะท้อนว่า ที่ดินแปลงนี้ ลูกค้ารายเดิมต้องการเช่าระยะยาวต่อเนื่อง เช่นเดียวกับ แปลงรัชดาฯเขตห้วยขวาง เชื่อมถนนพระราม 9 รอยัล ซิตี้ อเวนิวหรือ RCA เป้าหมาย รวมแปลง 62 ไร่เปิดประมูลใหม่ มี บริษัทนารายณ์ร่วมพิพัฒน์ จำกัด ของกลุ่มแบงก์กรุงเทพ เช่าระยะยาว 30 ปี และกำลังจะหมดสัญญาในปี 2565 เรียกว่านักลงทุนต่างจ้องตาเป็นมัน หากผู้เช่ารายเดิม ไม่ต่อสัญญา อย่างไรก็ตาม ยังมีที่ดินอีกหลายแปลงรฟท.เตรียม นำออกมาประมูล แต่ติดปัญหาบุกรุก รายงานข่าวจากรฟท.ที่จะบุว่าจากสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้รายได้รฟท.ต้องกำหนดคงที่ ส่วนใหญ่มาจากการต่ออายุสัญญาเช่าที่ดินฯ และได้ค่าธรรมเนียมเช่าสัญญาที่ดินฯ จากโครงการขนาดใหญ่ สำหรับเอกชนที่ให้ความสนใจต่อสัญญาเช่าที่ดินอสังหาริมทรัพย์ของรฟท. เช่น บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด มหาชน ที่ต่อสัญญาใหม่บริเวณที่ดินแปลงสามเหลี่ยมของศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว จาก 3,000 ล้านบาทต่อปีเป็นกว่า 20,000 ล้านบาทต่อปี บริษัทโกลเด้น แอสเซ็ทจำกัด ที่จะต่อสัญญาที่ดินของโรงแรมเดอะทวินทาวเวอร์ เนื้อที่ 6.53 ไร่ ย่านรองเมือง เขตปทุมวัน ซึ่งจะหมดสัญญา 20 ปี ภายในปี 2565-2566


โดยเชื่อว่า 99% เอกชนให้ความสนใจในการต่ออายุสัญญาเช่าที่ดินอสังหาริมทรัพย์เพราะมองว่าเป็นพื้นที่ที่คุ้นเคย รวมทั้งที่ดินดังกล่าวประชาชนทั่วไปรู้จัก มีเพียงเอกชนไม่กี่รายเท่านั้นที่ไม่ต่อสัญญาเช่า เกิดจากเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ราคาเช่าที่ดินสูงทำให้ไม่สามารถรับเงื่อนไขสัญญาได้ แต่เบื้องต้นการต่อสัญญาเช่าที่ดิน ในแต่ละครั้ง รฟท.จะให้สิทธิเอกชนรายเดิมในการประมูลก่อน หลังจากนั้นจะจ้างที่ปรึกษาเพื่อประเมินสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจในพื้นที่บริเวณนั้น รวมถึงอัตราค่าเช่าที่ต้องจ่าย โดยการชำระค่าเช่าครั้งแรกเป็นการชำระเฉพาะที่ดิน เนื่องจากที่ผ่านมาเริ่มมีการก่อสร้างอาคารภายหลังจากการชำระค่าเช่าแล้ว แต่เมื่อผ่านไปหลายปี หากมีการต่ออายุสัญญารอบที่ สองรฟท.จะให้เอกชนเช่าที่ดินอาคารพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งจะเปิดประมูลแก่เอกชนที่สนใจที่ดินเหล่านั้นขณะเดียวกัน รฟท.เล็งเห็นถึงศักยภาพที่ดินพร้อมอาคารสิ่งปลูกสร้างอสังหาริมทรัพย์ย่านสะพานควาย บริเวณตลาดอตก. เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวถูกปล่อยให้เป็นตึกร้าง หากรฟท.สามารถนำพื้นที่ดังกล่าวมาพัฒนาเพื่อดำเนินการธุรกิจจะช่วยเพิ่มมูลค่าในพื้นที่นั้นได้ เนื่องจากที่ดินในกรุงเทพฯ ถือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพและมีมูลค่าอยู่แล้ว
ส่วนแนวทางการรวบสัญญาที่ดินระหว่างเอกชนรายย่อยและรายใหญ่นั้น คงเป็นไปได้ยากที่จะรวมสัญญาไว้ด้วยกัน เนื่องจากหากเอกชนรายหนึ่งต้องการที่ดินบางแปลงที่ไม่ใช่ของตน โดยรวมสัญญาเพื่อเพิ่มมูลค่าให้ที่ดินแปลงนั้น ซึ่งสัญญาเช่าที่ดินดังกล่าวจะหมดอายุในอีก 5 ปีข้างหน้า มองว่าจะตอบคำถามสังคมได้ลำบาก ภายหลังเอกชนรายนั้นเกิดปัญหาจากการฟ้องร้องกรณีที่รวมสัญญา แต่ถ้าในกรณีที่เอกชนต้องการรวบรวมสัญญาที่ดินเพื่อสร้างถนนหรือสร้างทางรถไฟ ที่เป็นประโยชน์ต่อภาครัฐและส่วนรวมก็สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้ในส่วนของการประมูลโรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล หัวหิน เนื้อที่ 71.65 ไร่ ของบจ.เซ็นทรัลหัวหินบีช รีสอร์ท จะสิ้นสุดวันที่ 15 พ.ค. 2565 ขณะนี้รฟท.อยู่ระหว่างการจัดจ้างที่ปรึกษา เพื่อประเมินที่ดินอสังหาริมทรัพย์และผลตอบแทนให้เหมาะสมก่อนเปิดประมูล ซึ่งจะได้ผู้จัดจ้างที่ปรึกษาภายในเดือนมีนาคมนี้หลังจากนั้นจะใช้ระยะเวลาสำรวจและศึกษาความเหมาะสมพื้นที่ดังกล่าวราว 3-4 เดือนคาดว่าจะเปิดประมูลกลางปี 2564 และได้ตัวเอกชนภายในต้นปี 2565 เรียกว่า กลุ่มทุนรายเก่า ยังกอดที่ดินอย่างเหนียวแน่น ขณะรายใหม่ จ้องตาเป็นมัน สำหรับที่ดินทำเลทองฝังเพชรของการรถไฟฯ ที่กำลังจะเปิดประมูลเร็วๆ นี้
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42623
Location: NECTEC

PostPosted: 22/02/2021 10:39 am    Post subject: Reply with quote

ภท.แจงที่ดินเขากระโดงศาลตัดสินเฉพาะแปลง ยันตระกูลชิดชอบครอบครองถูกต้อง
โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เผยแพร่: วันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 19:49 น.
ปรับปรุง: วันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 19:49 น.

ภท.-รฟท.ยันคำพิพากษาที่ดินเขากระโดง เฉพาะ 35 ราย เป็นของ รฟท. คำตัดสินผูกพันเฉพาะแปลงพิพาท ไม่ครอบคลุมที่โดยรอบ ย้ำตระกูลชิดชอบครอบครองสิทธิถูกต้อง

วันที่ 19 ก.พ. ที่รัฐสภา นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม, นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม และนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้แถลงข่าวชี้เเจงที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ หลัง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ พาดพิงถึงเรื่องที่ดินที่เขากระโดงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

โดยนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าฯ รฟท.กล่าวถึงกรณีที่มีการอภิปรายว่า รฟท.ฟ้องประชาชนแต่ไม่ฟ้องบุคคลอื่น โดยโยงไปถึงที่ดินบางแปลง โดยอ้างคำพิพากษาศาลฎีกาที่มีการตัดสินไปแล้วนั้น ข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ประชาชนฟ้องการ รฟท. โดยประชาชน 35 รายไปขอออกโฉนด ซึ่งคำพิพากษาศาลฎีกาผูกพันเฉพาะที่ดินแปลงที่มีข้อพิพาท และศาลตัดสินว่าพื้นที่ของ 35 คนเป็นของ รฟท. แต่จะไปทึกทักว่าที่ดินรอบๆ แปลงอื่นรอบๆ เป็นของ รฟท. ซึ่งตามหลักธรรมาภิบาลหลักกฎหมายแล้วทำไม่ได้ เพราะต้องงดูเอกสารสิทธิเป็นรายๆ ไป ถือเป็นแนวทางการทำงานของ รฟท.

“รฟท.เป็นหน่วยงานของรัฐ ไม่สามารถมีข้อพิพาทกับประชาชนโดยพลการ ย้ำว่า รฟท.ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย เราไม่ได้เลือกปฏิบัติว่าประชาชนที่อยู่ในเขตของ รฟท.เป็นใคร”

นายศุภชัยกล่าวว่า ในฐานะที่เคยเป็นทนายความเคยดูเเลเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2550 ยืนยันว่าที่ดินของประชาชนตรงนั้นหลายร้อยครอบครัว มีการออกเอกสารสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย และมีหลักฐาน รฟท.รับรองแนวเขต ดังนั้น อย่าพยายามทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าที่ดินทุกแปลงที่นั่นเป็นที่ดินของ รฟท.และครอบครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะที่ดินแปลงอื่นๆ นอกเหนือจาก 35 รายเป็นที่ดินที่ถูกต้อง และยุติโดยข้อเท็จจริงไปครบถ้วนถูกต้องแล้ว เพราะฉะนั้น ต่อให้ตระกูลชิดชอบ ที่มีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นคนในครอบครัว ซึ่งที่ดินที่อยู่ที่นั้นเป็นที่ดินที่ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย และมีเอกสารสิทธิถูกต้อง ดังนั้นจึงอย่าเอาคำพิพากษาดังกล่าวตีความว่าครอบคลุมทุกแปลงซึ่งไม่ใช่ความจริง
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42623
Location: NECTEC

PostPosted: 23/02/2021 11:20 am    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
ภท.แจงที่ดินเขากระโดงศาลตัดสินเฉพาะแปลง ยันตระกูลชิดชอบครอบครองถูกต้อง
โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เผยแพร่: วันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 19:49 น.
ปรับปรุง: วันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 19:49 น.


“ชิดชอบ”กับที่ดินเขากระโดง ครอบครองถูกต้อง-บุกรุก?!?
โดย... บากบั่น บุญเลิศ
คอลัมน์ทางออกนอกตำรา
ออนไลน์เมื่อ: วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 19:14 น.
ตีพืมพ์ใน ฐานเศรษฐกิจ
ฉบับ 3656 หน้า 6
ระหว่างวันที่ 25-27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

ร้อยร้าวจากปรากฏการณ์ “งดออกเสียง” ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ที่ได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 268 เสียง “งดออกเสียง” จากส.ส.เป็นจำนวนมากถึง 12 เสียง โดยใน 12 เสียงนั้น มีจำนวนส.ส. 6 เสียง เป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มดาวฤกษ์ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นับเป็นความล่อแหลมทางการเมืองต่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นอย่างยิ่ง


ในความจริงเป็นหากใครที่ได้ฟังการอภิปรายของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ที่อภิปรายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ว่าได้กระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมายร่วมกันถือครองบุกรุก และพักอาศัยในพื้นที่สมบัติของแผ่นดิน หรือที่สงวนหวงห้ามที่มีไว้เพื่อประโยชน์ประชาชนโดยรวม ที่รถไฟเขากระโดง จ.บุรีรัมย์พ.ต.อ.ทวี ได้ยกคำพิพากษาศาลฎีกาที่วินิจฉัยที่ดินทั้งแปลงที่เขากระโดง โดยระบุว่า หลังปี 2560 สถานะของที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์ที่สงวนหวงห้ามไว้เป็นที่รถไฟ ใครที่เข้าไปอยู่ในพื้นที่นี้จะต้องมีการขับไล่ และเพิกถอนสิทธิ์ ไม่สามารถมีใครมีเอกสารสิทธิ์ที่ดินส่วนนี้ได้ แต่บ้านพักของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อยู่ในพื้นที่แห่งนี้ จึงเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง และเป็นเรื่องสำคัญ แต่หลังจากศาลฎีกาตัดสินแล้ว การรถไฟฯ ได้ไปฟ้องให้เพิกถอนโฉนดชาวบ้าน ซึ่งศาลก็สั่งให้เพิกถอนดังนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานของรัฐต้องดูแลให้มีการปฏิบัติ และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ควรฟ้องทุกคน ไม่ใช่ฟ้องเฉพาะคนใดคนหนึ่ง และเมื่อได้ข้อยุติแล้วจะต้องทำให้ถูกต้องตามคำพิพากษา และทำอย่างไรที่จะเอาที่ดินสงวนหวงห้ามที่เป็นที่ดินสาธารณสมบัติกลับมา จึงเป็นหน้าที่ของการรถไฟฯ และ “รัฐมนตรี” ที่มีหน้าที่ต้องเอาที่ดินคืนให้การรถไฟฯ แต่กลับไม่ดำเนินการใดๆ ผิดหลักนิติรัฐ นิติธรรม และจริยธรรมนักการเมืองหรือไม่?พ.ต.อ.ทวี ยังอภิปรายไม่ไว้วางใจไปยัง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า เมื่อศาลฎีกามีคำตัดสินสิ้นสุดแล้ว ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดำเนินการสอบสวนเรื่องดังกล่าวภายใน 60-90 วัน แต่กลับปล่อยเรื่องนี้มาตลอด หรือท่านนำเรื่องนี้เป็นข้อสมประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่ จึงต้องทำความจริงให้ปรากฏขณะที่ นายศักดิ์สยาม ชี้แจงว่า ภาพรวมที่ดินการรถไฟแห่งประเทศทั่วประเทศกว่า 2.4 แสนไร่ มีการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ของที่ดิน 2 ช่องทาง คือ จากการเวนคืน และได้มาโดยเหตุอื่นๆ ตนไม่ได้นิ่งนอนใจเรื่องการบริหารที่ดินของการรถไฟฯ ซึ่งกรณีที่ดินเขากระโดง การรถไฟฯ ได้สำรวจผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ในพื้นที่เมื่อปี 2550 พบว่า มีผู้ถือครองเอกสารสิทธ์ ใบแจ้งการครอบครองที่ดิน (สค.1) มากกว่า 35 ราย เอกสาร นส.3 ประมาณ 500 ราย เอกสารครอบครองที่ดินเป็นโฉนด และหน่วยงานราชการจำนวนหนึ่ง ปัจจุบันที่ดินแยกเขากระโดงมีข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์หลายราย ซึ่งการรถไฟฯดำเนินการอยู่นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ที่ดินดังกล่าวที่อ้างถึงเป็นที่ดินที่มีโฉนดเลขที่ 3466 มีการซื้อขายกันมาจนออกเป็นโฉนด มีการชี้แนวเขตโดยวิศวกรการรถไฟ และมีประชาชนอยู่ในที่ดินบริเวณดังกล่าวมานาน ขนาดที่ว่า เราเกิดกันไม่ทัน ตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ดำเนินการและสั่งการให้ยึดหลักธรรมภิบาล คุณธรรม โปร่งใสตรวจสอบได้ ไม่เคยแทรกแซง สั่งการใดๆ ในที่ดินดังกล่าว ไม่มีการเลือกปฏิบัติ ไม่ว่า คนใกล้ชิด หรือไม่ใกล้ชิด ต้องยึดหลักภายใต้หลักกฎหมายแต่ในทางปฏิบัติต้องยอมรับว่า จนบัดป่านนี้ การรภไฟ ไม่มีการดำเนินการใดๆ ต่อที่ดิน 2 แปลง ที่เป็นข้อพิพาทในการรุกที่ดินรถไฟฯ หลายคนอาจมองภาพไม่เห็นว่า ข้อพิพาทในการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินรถไฟเป็นเช่นไร...
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42623
Location: NECTEC

PostPosted: 23/02/2021 6:02 pm    Post subject: Reply with quote

บอร์ด รฟท.ไฟเขียวต่อสัญญา “ทวินทาวเวอร์” เช่าที่ดิน 30 ปี รับค่าตอบแทน 1.62 พันล้าน
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 13:29 น.
ปรับปรุง: วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 13:29 น.

บอร์ด รฟท.เคาะต่อสัญญา “ทวิน ทาวเวอร์” อีก 30 ปี รับผลตอบแทนเพิ่มเป็น 1.62 พันล้านบาท โดยเอกชนลงทุน 370 ล้านบาท รีโนเวตโรงแรม “นิรุฒ” คาดตั้งบริษัทลูกทรัพย์สินได้ใน 2 เดือนนี้ ทยอยส่งมอบสัญญาที่ไม่มีปัญหาก่อน

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.ที่มี นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เป็นประธาน วันที่ 22 ก.พ.ได้มีมติอนุมัติต่อสัญญาเช่าที่ดินและทรัพย์สินของ รฟท. โรงแรมเดอะ ทวิน ทาวเวอร์ บริเวณถนนรองเมือง กรุงเทพฯ กับบริษัท โกลเด้นแอสเซ็ท จำกัด ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 17 ส.ค. 2564 ออกไปอีก 30 ปี โดยมีอมูลค่าผลตอบแทนรวม (FV) 1,620.7 ล้านบาท และบริษัทจะต้องปรับปรุงซ่อมแซมโรงแรมอีกประมาณ 370 ล้านบาท

ทั้งนี้ ประเมินมูลค่าสิทธิการเช่า (มูลค่าปัจจุบัน PV.) ไว้ที่ 764 ล้านบาท ร้อยละ 6.33 (เมื่อคำนวณโดยใช้อัตราคิดลดร้อยละ 6 จะได้มูลค่าปัจจุบัน 788.5 ล้านบาท) โดยจ่ายค่าธรรมเนียม 3 งวดๆ ละ 1 ปี งวดแรก 64 ล้านบาท งวดที่สอง 64 ล้านบาท งวดที่สาม 63.1 ล้านบาท สำหรับค่าเช่าปีรายปี (ปีแรก) 29.9 ล้านบาท ปรับเพิ่ม 10% ทุกๆ 3 ปี

โดยก่อนหน้านี้ รฟท.ได้มีการพิจารณาเปรียบเทียบรูปแบบการเปิดประมูลใหม่ เพื่อเปรียบเทียบผลประโยชน์ที่ รฟท.จะได้รับสูงสุดจากพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากเดิมมีเพียงแนวทางการเจรจาต่อสัญญากับผู้เช่ารายเดิม

ส่วนความคืบหน้าในการจัดตั้งบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ซึ่งเป็น บริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สินของการรถไฟฯ นั้น อยู่ในขั้นตอนการจัดทำข้อบังคับของบริษัทฯ ให้เหมาะสมกับความเป็นรัฐวิสาหกิจและไม่ขัดต่อข้อกฎหมาย และสรรหากรรมการบริษัท คาดว่าจะจัดตั้งได้ภายใน 2 เดือนนี้ ขณะเดียวกัน รฟท.ได้มีการจัดเตรียมแผนการส่งมอบงานให้บริษัทแบ่งเฟสและกลุ่มที่ดิน สัญญาเช่าอย่างไร เพราะมีที่ดินที่ไม่มีปัญหา และที่ดินที่ยังมีปัญหา ที่ดินที่มีผู้บุกรุก เป็นต้น
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42623
Location: NECTEC

PostPosted: 23/02/2021 8:14 pm    Post subject: Reply with quote

สื่อนอกตีข่าว "จตุจักร" อาจเป็นต้นกำเนิดเชื้อโควิด-19 ก่อนอู่ฮั่น
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

สื่อนอกตีข่าว "ตลาดนัดจตุจักร" ของไทย อาจเป็นต้นกำเนิดเชื้อโควิด-19 ก่อนระบาดที่เมืองอู่ฮั่น ของจีน


วันที่ 22 ก.พ.64 สำนักข่าว โพลิทิเคน ของเดนมาร์ก เสนอรายงานข่าวระบุว่า ตลาดค้าสัตว์ในสวนจตุจักร กรุงเทพฯ อาจเป็นสถานที่ ต้นกำเนิดเชื้อไวรัสโควิด-19 ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดที่เมืองอู่ฮั่น ของจีน และทำให้เกิดการแพร่ระบาดไปทั่วโลก ต่อเนื่องมาจนถึงขณะนี้


รายงานของโพลิทิเคน ได้อ้างข้อมูลจาก เธีย เคิลเซน ฟีสเชอร์ แพทย์ชาวเดนมาร์ก ซึ่งทำงานกับองค์การอนามัยโลก ซึ่งออกมาตั้งข้อสงสัยว่า ตลาดนัดจตุจักรอาจเป็นแหล่งต้นตอของเชื้อไวรัสโควิด-19

สื่อเดนมาร์ก ระบุด้วยว่า นอกจากสัตว์ในตลาดนัดสวนจตุจักรของไทยที่อาจเป็นต้นตอของเชื้อโควิด-19 แล้ว ยังมีรายงานการพบเชื้อไวรัสชนิดนี้ในค้างคาวบางสายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยเช่นกัน


ก่อนหน้านี้ตลาดนัดจตุจักรของไทย เคยถูกขนานนามว่าเป็น “ตลาดค้าสัตว์ป่าอู่ฮั่นแห่งที่สอง” เนื่องจาก ตลาดจตุจักร เป็นตลาดที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการค้าสัตว์หายาก คล้ายคลึงกับตลาดในเมืองอู่ฮั่น อีกทั้งยังมีข่าวว่าเป็นแหล่งลักลอบค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายอยู่บ่อยครั้ง และมีการเรียกร้องมากมายหลายครั้งจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ถึงสวัสดิภาพสัตว์ที่อาศัยในกรงขังอย่างแออัด


ทั้งนี้ สำนักข่าวสปุตนิก (Sputnik) ของรัสเซีย คยอ้างผลการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสารเนเจอร์ คอมมิวนิเคชันส์ (Nature Communications) เมื่อวันอังคาร (9 ก.พ.) ว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ถูกพบในเลือดของค้างคาวเกือกม้า 5 ตัว ที่อาศัยอยู่ในถ้ำจำลองของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งหนึ่ง ทางตะวันออกของไทย ซึ่งคณะนักวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพบว่าเลือดของค้างคาวฝูงนี้มีรหัสพันธุกรรมเหมือนกับของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สูงถึงร้อยละ 91.5
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42623
Location: NECTEC

PostPosted: 25/02/2021 12:31 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
สื่อนอกตีข่าว "จตุจักร" อาจเป็นต้นกำเนิดเชื้อโควิด-19 ก่อนอู่ฮั่น
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564



กทม. โต้สื่อต่างประเทศ “ตลาดนัดจตุจักร” ไม่ใช่แหล่งแพร่โควิด-19
อสังหาริมทรัพย์
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 - 11:01 น.

กทม.ย้ำ “ตลาดนัดจตุจักร” ไม่ใช่แหล่งแพร่โควิด-19 ไม่ได้ขายสัตว์เลี้ยง เน้นเฉพาะเสื้อผ้า ของใช้เบ็ดเตล็ด ต้นไม้ โบ้ยตลาดศรีสมรัตน์ที่ค้าสัตว์

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 นายพินิต อารยะศิลปธร ผู้อำนวยการสำนักงานตลาดกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวถึงกรณีสื่อต่างประเทศ เสนอข่าวตลาดค้าสัตว์ในสวนจตุจักร กรุงเทพฯ อาจเป็นสถานที่ต้นกำเนิดเชื้อไวรัสโควิด-19 ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดที่เมืองอู่ฮั่นของจีนและทำให้เกิดการแพร่ระบาดไปทั่วโลกว่า ตลาดนัดจตุจักร ซึ่งอยู่ในความดูแลของสำนักงานตลาด กทม.ไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาจำหน่ายแต่อย่างใด

โดยอนุญาตให้จำหน่ายเฉพาะสินค้าประเภทเสื้อผ้า ของใช้เบ็ดเตล็ด และต้นไม้เท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมา กทม.ได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในตลาดนัดจตุจักรอย่างต่อเนื่อง

เพื่อดูแลความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ค้าและประชาชนที่เข้ามาใช้บริการ โดยเพิ่มความถี่ล้างทำความสะอาดและฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อภายในตลาด จึงขอให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเชื่อมั่นในความปลอดภัยในการเข้าใช้บริการภายในตลาดนัดจตุจักร

นายอาฤทธิ์ ศรีทอง ผู้อำนวยการเขตจตุจักร กทม. กล่าวว่า สำหรับตลาดค้าสัตว์ตามที่สื่อต่างประเทศ ระบุคาดว่า เป็นตลาดศรีสมรัตน์ ซึ่งเป็นตลาดเอกชนที่อยู่ในบริเวณข้างเคียงกับตลาดนัดจตุจักร ตั้งอยู่ในพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) บริเวณถนนกำแพงเพชร 4 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร เป็นตลาดจำหน่ายสัตว์เลี้ยง สัตว์ปีก ปลาสวยงาม


ซึ่ง กทม.โดยสำนักงานเขตจตุจักร ได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ร.ฟ.ท. กองกำกับการตำรวจรถไฟ กอ.รมน.กทม. พร้อมลงพื้นที่ตลาดศรีสมรัตน์ พบว่ามาตรการป้องกันโควิด-19 ยังไม่เป็นไปตามที่กำหนด



จึงได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการตลาดดังกล่าวจัดระเบียบแผงค้าและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ซึ่งสำนักงานเขตจตุจักรได้ดำเนินการตรวจแนะนำให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ในตลาดอย่างต่อเนื่อง

โดยให้ล้างทำความสะอาดและฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อบริเวณตลาด จำกัดทางเข้า-ออก มีการตั้งจุดคัดกรอง ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ผู้มาใช้บริการและจุดลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” จัดให้มีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือตามจุดต่าง ๆ และภายในร้าน ติดป้ายจำกัดจำนวนผู้เข้าใช้บริการ กำหนดจุดเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล เพื่อไม่ให้เกิดความแออัด และกำหนดให้ผู้ค้าและผู้ที่มาใช้บริการต้องสวมหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัยทุกคน เป็นต้น

เพื่อความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ค้าและประชาชนที่เข้ามาใช้บริการ นอกจากนี้ ได้ประสานหารือกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งกรมอุทยานฯ ระบุข้อมูลที่กล่าวว่า ไทยอาจเป็นแหล่งแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42623
Location: NECTEC

PostPosted: 28/02/2021 11:30 pm    Post subject: Reply with quote

ใครหน้าไหนก็ยึดที่รถไฟไม่ได้! กฎหมายห้ามไว้ตั้งแต่ “ร.6”
โดย...บากบั่น บุญเลิศ
หน้า ทางออกนอกตำรา
ออนไลน์เมือ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 12:05 น.
คอลัมน์ทางออกนอกตำรา
ตีพิมพ์ใน ฐานเศรษฐกิจ
ฉบับ 3657 หน้า 6
ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 -3 มีนาคม พ.ศ. 2564

การอภิปรายว่าเรื่อง “การบุกรุกและข้อพิพาทการถือครองเอกสารสิทธิ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณที่ดินเขากระโดง จ.บุรีมย์” ของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ กำลังลากพาเอา “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โทษฐานไม่ปฏิบัติบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด กรณีตนเองและญาติมีบ้านพักบนที่ดินของการรถไฟรวมถึง “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่มีอำนาจในการกำกับดูแลกรมที่ดิน จนนั่งไม่ติด
ADVERTISEMENT

เนื่องจากเป็นการอภิปรายในประเด็นสาธารณะ ที่เกี่ยวพันไปถึงการใช้อำนาจของรัฐมนตรี การปฏิบัติหน้าที่อย่างเท่าเทียมกันของคนในสังคม และพาลเลยเถิดไปถึง “จริยธรรม จิตสำนึก ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” ที่สังคมไทยพึงประสงค์ข้อกล่าวหาของ พ.ต.ท.ทวี ระบุว่า…ท่านรัฐมนตรี เป็นตัวการผู้สนับสนุนให้ญาติพี่น้อง และพวกพ้องกระทำไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะที่ดินเขากระโดงนั้น หลังจากปี 2560 ได้มีคำพิพากษาศาลฎีกาวินิจฉัยที่ดินทั้งแปลง เป็นที่สาธารณะประโยชน์ สงวนหวงห้ามไว้ และในคำพิพากษาก็บอกว่าใครที่เข้าไปอยู่จะต้องขับไล่และเพิกถอน…. …ท่านรัฐมนตรีก็อยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ถ้าไปดูการแจ้งที่อยู่กับสภาฯแห่งนี้ บ้านท่านอยู่ตรงกลางๆที่การรถไฟฯ วันนี้ท่านรัฐมนตรีก็เหมือนอยู่ในที่สาธารณะ ในที่สงวนหวงห้าม เพราะหลังจากปี 2560 สถานะของที่ดินแห่งนี้ เป็นที่สงวนหวงห้าม และไม่สามารถให้ใครเข้าไปอยู่ได้”พ.ต.อ.ทวี สอยหมัดเข้าปลายคางรัฐมนตรีคมนาคมว่า “สำหรับประชาชนทั่วไป การรถไฟฯ หน่วยงานในกำกับดูแลของรมว.คมนาคม เดินหน้าเพิกถอนโฉนดที่ดิน น.ส.3 และน.ส. 3 ก ของประชาชนในพื้นที่เขากระโดง ซึ่งเป็นที่ดินในกรรมสิทธิ์ของการรถไฟฯ แต่แทนที่การรถไฟฯจะดำเนินการกับทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ ไม่ใช่ฟ้องแค่ใครคนใดคนหนึ่ง....“คนไทยทุกคนต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งเหมือนไม่ได้ถูกบังคับใช้กฎหมาย” พ.ต.อ.ทวีกล่าว ประเด็นการครอบครองเอกสารสิทธิ์ที่ทับซ้อนกับที่ดินรถไฟฯ หรือไม่ ของคนในครอบครัวตระกูลชิดชอบ จึงเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน และสะท้อนถึงปัญหาในการจัดการ การใช้อำนาจตามกฎหมายของภาครัฐ ถ้าหลักคิดแนวทางของนักปรัชญาชาวฝรั่งเศสชื่อดัง "มงแต็สกีเยอ" ที่ว่า "ไม่มีความเลวร้ายใด ที่จะยิ่งไปกว่าความเลวร้ายที่ได้กระทำ โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย หรือในนามของกระบวนการยุติธรรม" เป็นหลักในการต่อสู้คัดง้างกับผู้ใช้อำนาจในการปกครอง ปัญหาเรื่องที่ดินรถไฟฯ ที่เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ก็แทบไม่ต่างจากรณีนี้ผมประมวลให้เห็นปัญหาที่ดินของการรถไฟฯ บริเวณพื้นที่เขากระโดง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งส่วนหนึ่งนำมาจากเอกสารการอภิปรายของ พ.ต.อ.ทวี อีกส่วนหนึ่งนำมาจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เคยวินิจฉัยในเรื่องนี้ ดังนี้ 1.เมื่อปี 2462-2464 มีการสร้างทางรถไฟจากนครราชสีมาผ่านไปยังบุรีรัมย์-สุรินทร์ –ศรีษะเกษ-อุบลราชธานี แต่เนื่องจากต้องหาแหล่งหิน ระเบิดหินและย่อยหิน เพื่อสร้างทาง เจ้าหน้าที่ ‘กรมรถไฟแผ่นดิน’ ในสมัยนั้น จึงสำรวจที่ดินบริเวณเขากระโดง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เพื่อทำการจัดซื้อที่ดิน ตามพ.ร.ฎ. พ.ศ.2464 มีการแผนที่จากสถานีบุรีรัมย์ พบว่าบริเวณ เขากระโดงไม่มีบ้านเรือนอยู่ หรือถ้ามีก็จ่ายค่าทำขวัญแล้ว และกำหนดแนวเขตขนาด 4 กิโลเมตร คูณ 2 กิโลเมตร บริเวณที่ดินเขากระโดง2.ต่อมามีการตราพ.ร.บ.จัดวางการรถไฟ แลทางหลวง พ.ศ.2464 โดยกำหนดนิยามที่ดินรถไฟให้หมายความว่า ที่ดินทั้งหลายที่ได้จัดหาหรือเช่าถือไว้ใช้ในการรถไฟโดยชอบด้วยพระราชกำหนดกฎหมาย และมาตรา 6 (2) ระบุว่า ห้ามมิให้เอกชน หรือบริษัทใด หวงห้ามหรือถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินรถไฟหรืออสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น
ขณะที่กรมรถไฟฯ มีการปักหลักเขต รวมแปลงที่ดินไว้ และมีการจัดให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ดูแล และสงวนสิทธิ์ในการใช้ที่ดินโดยสม่ำเสมอ โดยในปี 2466 การรถไฟฯ ได้ทำทางแยกจากสถานีบุรีรัมย์เข้าไปลำเลียงหินในเขากระโดง ผู้รับเหมาย่อยศิลาได้มีการก่อสร้างที่พักคนงานหลายแห่ง จนสารวัตรบำรุงทางลำปลายมาส เคยทำการขับไล่ แต่ได้รับการร้องขอจากผู้รับเหมาขออยู่เป็นการชั่วคราว และมีการทำบันทึกไว้เป็นหลักฐาน


3.ต่อมาจะยกเลิก พ.ร.บ.จัดวางการรถไฟแลทางหลวง พ.ศ.2464 และตรา พ.ร.บ.การรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ.2494 ออกมาใช้ แต่ที่ดินบริเวณเขากระโดง เนื้อที่ราว 5,083 ไร่ ยังคงเป็นของการรถไฟฯเหมือนเดิม ตามบทบัญญัติว่า ให้โอนทรัพย์สินและหนี้สินทั้งหมดของ “กรมรถไฟ” ให้แก่ “การรถไฟแห่งประเทศไทย” ที่ดินของการรถไฟที่เป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินตามป.พ.พ.มาตรา 1304 ไม่มีเอกชนรายใดอ้างสิทธิ์รครอบครองได้ 4.ตั้งแต่ปี 2502 เป็นต้นมา การรถไฟฯจะพยายามขอให้กรมที่ดินออกหนังสือสำคัญสำหรับ ‘ที่หลวง’ ให้กับการรถไฟฯ แต่ประชาชนที่บุกรุกคัดค้าน ทำให้มีปัญหาอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อวันที่ 9 พ.ย.2513 การรถไฟฯ ได้ประชุมร่วมระหว่างผู้บุกรุกที่ดิน แต่ไม่สำเร็จ กระทั่งต่อมามีผู้บุกรุกพื้นที่ฯบางรายได้นำที่ดินในพื้นที่เขากระโดงไปออกโฉนด เมื่อวันที่ 26 ต.ค.2515 และได้ขายต่อให้ บริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัด และบริษัทฯ นำที่ดินไปจำนองกับธนาคารแห่งหนึ่ง ขณะที่ผู้บุกรุกรายอื่นๆ ได้ขอออกโฉนดที่ดินในพื้นที่นี้หลายแปลงและซื้อขายเปลี่ยนมือกันหลายทอดจนปัจจุบันนี้ 5.ในอีก 25 ปีต่อมา หรือเมื่อวันที่ 18 ก.ค.2540 จังหวัดบุรีรัมย์ได้ส่งเรื่องข้อพิพาทปัญหาที่ดินระหว่างการรถไฟฯกับประชาชนไปให้คณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัย และคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 7 วินิจฉัยว่า ที่ดินเขากระโดงเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟ (หนังสือที่ นร.0601/211) ลงวันที่ 17 มี.ค.2541 กระทั่งปี 2552 การรถไฟฯ ส่งเรื่องไปยังกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย เพื่อขอให้เพิกถอนที่ดินของผู้บุกรุกที่ได้มีการออกโฉนดโดยมิชอบ โดยเฉพาะที่ดิน 2 แปลงของนักการเมืองชื่อดัง ซึ่งกรมที่ดินพิจารแล้วมีความเห็นแย้งกับความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา และไม่ยอมดำเนินการเพิกถอนโฉนดในที่ดินที่บุกรุก6.ทางกรมที่ดินผู้มีหน้าที่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์อ้างว่าการรถไฟฯไม่ส่งหลักฐานรูปแผนที่กำหนดแนวเขตทางรถไฟเพื่อสำรวจและทำการสงวนหวงห้ามตามพ.ร.ฎ.กำหนดเขตสร้างทางรถไฟหลวง ฉบับลงวันที่ 8 พ.ย.2462 มาประกอบการพิจารณา หลักฐานอื่นที่ส่งไป ไม่อาจรับฟังได้ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟฯ...เห็นปัญหาหรือยังขอรับ 7.ผลจากดำเนินการดังกล่าวนี่เองที่เป็นเชื้อไฟการบุกรุกที่รถไฟฯ โดยนับตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา ประชาชนหลายรายที่อาศัยในพื้นที่บริเวณเขากระโดง ได้นำเอกสารสิทธิ์ที่ดินที่มีอยู่ เช่น น.ส.3 ไปออกเป็นโฉนดที่ดินกับกรมที่ดิน แต่กรมที่ดินไม่ออกโฉนดให้ เนื่องจากมีการคดค้านจากการรถไฟฯ จนประชาชนจำนวน 35 ราย ยื่นฟ้องการรถไฟฯและกรมที่ดินต่อศาลแพ่งต่อสู้กันจนถึงศาลฎีกา8.เมื่อวันที่ 16 ก.พ.2560 ศาลฎีกามีคำพิพากษาที่ 842-867/2560 ให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดินและ น.ส.3 ดังกล่าว ของประชาชนผู้ฟ้อง 35 ราย โดยระบุว่าที่ดินบริเวณเขากระโดงเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟฯ ศาลได้พิพากษาให้เพิกถอนโฉนดที่ดินและน.ส.3 อีกหลายแปลง เช่น คดีหมายเลขแดงที่ พ1317/2562 และคดีเลขที่แดงที่ 1112/2563 เข้าไปด้วยพ.ต.ท.ทวีระบุว่า “ท่านรัฐมนตรีต้องดำเนินการนำที่ดินการรถไฟฯ แปลงนี้ ที่มีการนำไปออกโฉนด น.ส.3 ออกมา ท่านไม่ต้องทำอะไรมาก ให้ยื่นฟ้องศาลเท่านั้น ศาลฯเขามีมาตรฐานอยู่แล้ว เมื่อท่านนั่งอยู่ที่กระทรวงคมนาคม ท่านจะไม่ดำเนินการใดๆ เลยหรือ” พ.ต.อ.ทวี อ้างว่าที่ดินบริเวณเขากระโดง การรถไฟฯ ต้องฟ้องเพิกถอนโฉนด เช่น สนามช้างอารีน่า ซึ่งรวมถึงบ้านพักของนายศักดิ์สยาม รวมถึงที่ดินของบริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัด ซึ่งนายศักดิ์สยาม เคยแจ้งว่าเป็นที่ปรึกษา บริษัทฯ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ก็ตั้งอยู่บนที่ดินกรรมสิทธิ์ของการรรถไฟฯด้วย เอาละไม่ว่ารัฐมนตรีคมนาคมจะชี้แจงว่ามีการดำเนินการจะเป็นอย่างไร ผมพามาดูกฎหมายเดิมที่ออกในสมัย “ในหลวงรัชกาลที่ 6” ที่กำหนดสิทธิ์ของการรถไฟเอาไว้ ในพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟแลทางหลวง พระพุทธศักราช 2464 ความว่า.....


มีพระบรมราชโองการ ในพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ดํารัสเหนือเกล้าฯ ให้ประกาศให้ทราบทั่วกันว่า ด้วยมีเหตุสมควรที่จะจัดวางการรถไฟแผ่นดิน รถไฟราษฎร์แลทางหลวงให้เรียบร้อยดียิ่งขึ้น แลเพื่อรวบรวมบทกฎหมายข้อบังคับในเรื่องนี้เข้าไว้เปนหมวดหมู่ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ตราพระราชบัญญัติโดยบทมาตราไว้ต่อไปดังนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้ให้เรียกว่า “พระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟแลทางหลวง พระพุทธศักราช ๒๔๖๔”มาตรา ๒ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้เป็นกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ ๑๕ เดือนสิงหาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๔ เป็นต้นไปมาตรา ๓ (๑) คําว่า “รถไฟ” หมายความว่า กิจการที่จัดทําขึ้นเพื่อหาประโยชน์ด้วยวิธีบรรทุกส่งคนโดยสาร และสินค้าบนทางซึ่งมีราง ส่วนรถไฟซึ่งได้รับอนุญาตให้สร้างขึ้นตลอดทั้งสายบนถนนหลวงของนครหนึ่งหรือเมืองหนึ่งนั้นให้เรียกว่า “รถราง”(๒) คําว่า “ที่ดินรถไฟ” หมายความว่า ที่ดินทั้งหลายที่ได้จัดหาหรือเช่าถือไว้ใช้ในการรถไฟโดยชอบด้วยพระราชกําหนดกฎหมาย(๓) คําว่า “ทางรถไฟ” หมายความว่า ถนนหรือทางซึ่งได้วางรางเพื่อการเดินรถ(๔) คําว่า “เครื่องประกอบทางรถไฟ” หมายความว่า สถานีสํานักงานที่ทําการคลังไว้สินค้า เครื่องจักรประจําที่และสรรพสิ่งของทั้งปวงที่ก่อสร้างไว้เพื่อประโยชน์ของรถไฟมาตรา ๖ ในส่วนรถไฟทั้งหลายนอกจากรถไฟหัตถกรรม(๑) ห้ามไม่ให้ยกกําหนดอายุความขึ้นต่อสู้สิทธิของแผ่นดินเหนือที่ดินรถไฟ หรืออสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นของรถไฟ(๒) ห้ามไม่ให้เอกชนหรือบริษัทใด ๆ หวงห้ามหรือถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินรถไฟ หรืออสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น เว้นไว้แต่จะได้มีประกาศกระแสพระบรมราชโองการเป็นพิเศษว่า ทรัพย์นั้นๆ ได้ขาดจากเป็นที่ดินรถไฟแล้ว(๓) ห้ามมิให้ยึดที่ดินรถไฟ สิ่งปลูกสร้าง รถและพัสดุของรถไฟ มาตรา ๗ ตั้งแต่วันที่ได้ประกาศใช้พระราชบัญญัตินี้สืบไป แม้ถึงว่าจะมีข้อความกล่าวไว้เป็นอย่างอื่นในหนังสือพระราชทานพระบรมราชานุญาตนั้นก็ดีบทพระราชบัญญัติทั้งหลายนี้ ซึ่งว่าด้วยความสงบเรียบร้อยและความปราศภัยแห่งประชาชน กับทั้งว่าด้วยการสอดส่องและการกํากับตรวจตราโดยสภากรรมการรถไฟนั้น ท่านให้ใช้บังคับแก่บรรดารถไฟราษฎร์ทั้งหลายซึ่งมีอยู่ในพระราชอาณาจักรในวันที่ออกใช้พระราชบัญญัตินี้ด้วย กฎหมายฉบับนี้ได้ยกเลิกไปและมีการตรา พ.ร.บ..การรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ.2494 ออกมาใช้ แต่ในกฎหมายนั้นกำหนดให้โอนทรัพย์สินและหนี้สินทั้งหมดของ “กรมรถไฟ” ให้แก่ “การรถไฟแห่งประเทศไทย” ที่ดินของการรถไฟที่เป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินตามป.พ.พ.มาตรา 1304 ไม่มีเอกชนรายใดอ้างสิทธิ์ครอบครองได้และในมาตรา 6 (2) ระบุว่า ห้ามมิให้เอกชน หรือบริษัทใด หวงห้ามหรือถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินรถไฟหรืออสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น...แอ่นแอ๊น ...คุณคิดว่าอย่างไร ...ผมเผ่นละครับ!
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42623
Location: NECTEC

PostPosted: 01/03/2021 7:57 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
ใครหน้าไหนก็ยึดที่รถไฟไม่ได้! กฎหมายห้ามไว้ตั้งแต่ “ร.6”
โดย...บากบั่น บุญเลิศ
หน้า ทางออกนอกตำรา
ออนไลน์เมือ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 12:05 น.
คอลัมน์ทางออกนอกตำรา
ตีพิมพ์ใน ฐานเศรษฐกิจ
ฉบับ 3657 หน้า 6
ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 -3 มีนาคม พ.ศ. 2564



"สหภาพรถไฟฯยื่นหนังสือให้การรถไฟฯเพิกถอนเอกสารสิทธิพื้นที่เขากระโดง"
สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย
1 มีนาคม พ.ศ. 2564 เวลา 18:59 น.
คณะกรรมการสหภาพแรงงานรัฐวิสากิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) นำโดยนายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธาน สร.รฟท. ได้ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าการรถไฟฯ เพื่อให้การรถไฟฯดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมาย กรณีที่ดินบริเวณเขากระโดง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โดยนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการฯ มารับหนังสือ ซึ่งมีข้อมูลจากการอภิปรายไม่ไว้วางรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เมื่อวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อปี 2560 และปี 2561 ได้พิพากษาว่าที่ดินบริเวณเขากระโดงจำนวน 5,083 ไร่ 80 ตารางวา เป็นที่ดินของการรถไฟฯ
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44319
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 03/03/2021 7:11 am    Post subject: Reply with quote

คอลัมน์ ทางออกนอกตำรา: ข้อเท็จจริง'รุกที่รถไฟ 5 พันไร่'ที่ดิน'เขากระโดง'บุรีรัมย์EP#1
ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2564
บากบั่น บุญเลิศ

การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) นับเป็นรัฐวิสาหกิจที่ถือครองที่ดินมากที่สุดในประเทศไทย แต่ปรากฏว่า มีการบุกรุกของประชาชนมากที่สุด และมีการนำที่ดินไปบริหารจัดการที่ได้ผลตอบแทนน้อยที่สุดในประเทศไทยเช่นเดียวกัน

ล่าสุดในปี 2553 รฟท. มีที่ดินในการครอบครองราว 234,976 ไร่ ในการประเมินราคา ณ ปี 2553 พบว่ามีมูลค่ามากถึง 377,355 ล้านบาท

ที่ดินที่อยู่ในการครอบครองของ รฟท. แบ่งเป็น พื้นที่เขตทาง 189,586 ไร่ (คิดเป็น 80.68% ของที่ดินรวม) พื้นที่บ้านพัก/ที่ทำการ 3,755 ไร่ (1.6%) พื้นที่ย่านสถานี (วางราง) 5,333 ไร่ (2.27%),

พื้นที่อื่นๆ (เพื่อการพาณิชย์) ที่ไม่ใช้เพื่อการเดินรถ 36,302 ไร่ (15.45%) ในจำนวนนี้เป็นพื้นที่พัฒนาศักยภาพต่ำ 21,536 ไร่ เป็นพื้นที่พัฒนาศักยภาพกลาง 7,218 ไร่ เป็นพื้นที่ศักยภาพสูง เช่น ที่ดินบริเวณสถานีมักกะสัน ย่านพหลโยธิน ย่านรัชดาภิเษก สถานีแม่น้ำ 7,547 ไร่

นี่คือที่ดินที่สร้างรายได้มีน้อย แต่ที่ดินที่ถูกบุกรุกนั้นมากมาย ในที่นี่จะขอโฟกัสลงไปในที่ดินอันโด่งดัง นั่นคือการบุกรุกที่ดินเนื้อที่ 5,083 ไร่ 0 งาน 80 ตารางวา บริเวณเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ที่เป็นข้อพิพาทและนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งต้องติดตามกันว่า รัฐบาลจะเอาอย่างไร "ปล่อยไปเลยตามเลย-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมติดตามทวงคืนเพื่อทำความจริงให้ปรากฏ"

เพื่อให้สาธารณะชนเกิดความกระจ่างชัด ผมขออนุญาตนำไทม์ไลน์การบุกรุกที่ดินเขากระโดง จนนำมาซึ่งการตัดสินของศาลฎีกา มาให้ทุกท่านได้ทัศนาและตอบคำถามตัวเองเพื่อเกิดปัญญาว่า ทำไมเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องใหญ่ที่เป็นบรรทัดฐานในการติดตามทวงคืนที่ดินของรัฐคืนมา.

ย้อนอดีตกลับไปเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2462 - มีประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวงต่อจากนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี ให้กรมรถไฟหลวง ตรวจและวางแนวทางรถไฟ ตั้งแต่นครราชสีมา (ข้ามลำน้ำมูลราว ต.ท่าช้าง,อ.พิมาย) ไปยังบุรีรัมย์ จนถึง อุบลราชธานี (อ.วารินชำราบ) ให้เสร็จภายใน 2 ปี

* ที่ดินรกร้างว่างเปล่า (ห้ามผู้หนึ่งผู้ใดจับจองเป็นเจ้าของ) แต่งตั้งข้าหลวงพิเศษจัดการที่ดิน ดำเนินการปักหลักเขตที่ดินไว้ให้เห็นว่าเป็นเขตที่ดินของกรมรถไฟ และจัดทำแผนที่ไว้เป็นหลักฐาน

* ที่ดินที่มีการครอบครองก่อน 8 พ.ย.2562 (ห้ามมิให้เจ้าของนำที่ดินที่อยู่ในเขตที่ดินรถไฟตามที่ปรากฏในแผนที่ไปยกให้หรือขายซื้อ แลกเปลี่ยนกับผู้หนึ่งผู้ใด ห้ามมิให้สร้างบ้านเรือน ปลูกต้นไม้ หรือทำไร่ ก่อนได้รับอนุญาตจากข้าหลวงพิเศษ) ได้มาโดยพระราชกฤษฎีกาจัดซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นเพื่อสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ โดยกรรมการจัดซื้อที่ดิน และจัดทำแผนที่ไว้เป็นหลักฐาน

* ข้าหลวงพิเศษที่ได้แต่งตั้งให้จัดการที่ดินในเขตพระราชกฤษฎีกาฯลงวันที่ 8 พ.ย.2462 และกรมรถไฟหลวงเห็นว่า การก่อสร้างทางรถไฟมีความจำเป็นต้องใช้หินโรยทางจึงวางแนวและดำเนินการก่อสร้างทางรถไฟเข้าไปลำเลียงหินที่บริเวณเขากระโดงและบ้านตะโก อันเป็นแหล่งระเบิดและย่อยหิน มีระยะทาง 8 กิโลเมตร ในช่วง 4 กิโลเมตรแรก มีผู้เป็นเจ้าของที่ดินจำนวน 18 ราย ส่วนอีก 4 กิโลเมตรต่อไปจนถึงบริเวณที่มีการระเบิดและย่อยหิน เป็นป่าไม้เต็งรังโปร่ง ไม่มีเจ้าของหรือผู้ครอบครอง

โดยในช่วง 4 กิโลเมตรหลัง มีความกว้างจากแนวกึ่งกลางทางรถไฟข้างละ 1,000 เมตร มีการจัดทำแผนที่และจัดทำบัญชีรายชื่อเจ้าของที่ดินจำนวน 18 ราย ระบุไว้ในแผนที่ด้วย ตามแผนที่แสดงเขตที่ดินของกรมรถไฟแผ่นดิน สายนครราชสีมา ถึงอุบลราชธานี ตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลาตำบลเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ กิโลเมตร 375 - 650

เวลาผ่านไปราว 2 ปี 26 มีนาคม 2464 - 18 พฤษภาคม 2465 - กรมแผนที่ทหาร เริ่มจัดทำแผนที่บริเวณเดียวกัน

* ปรากฏทางรถไฟสายนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี ตรงบริเวณที่ระบุว่า 375 กม. มีทางรถไฟเป็นเส้นโค้งแยกออกมาแสดงให้เห็นว่า ทางรถไฟที่แยกออกมาไปสิ้นสุดที่บริเวณหมายเลข 155 ถัดจากจุดที่ทางรถไฟสิ้นสุด มีลักษณะเป็นรอยทางผ่านป่าไม้เต็งรัง ไปสิ้นสุดที่บริเวณที่ระบุว่าเป็นโรงงานทุบหิน ถัดไปเป็นป่าไม้เต็งรังไปจนถึงเขากระโดง

15 สิงหาคม 2464 - มีพระราชบัญญัติจัดวางทางรถไฟแลทางหลวง พ.ศ.2564 มีผลบังคับใช้

* มาตรา 3 (2) "ที่ดินรถไฟ" หมายความว่า ที่ดินทั้งหลายที่ได้จัดหาหรือเช่าถือไว้ใช้ในการรถไฟโดยชอบด้วยพระราชกำหนดกฎหมาย

* มาตรา 6 (1) ห้ามไม่ให้ยกกำหนดอายุความขึ้นต่อสู้สิทธิของแผ่นดินเหนือที่ดินรถไฟ หรืออสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นของรถไฟ

(2) ห้ามไม่ให้เอกชน หรือบริษัทใด หวงห้ามหรือถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินรถไฟหรืออสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น เว้นไว้แต่จะได้มีประกาศกระแสพระบรมราชโองการเป็นพิเศษว่าทรัพย์นั้นๆ ขาดจากเป็นที่ดินรถไฟแล้ว

(3) ห้ามมิให้ยึดที่ดินรถไฟ สิ่งปลูกสร้าง รถและพัสดุของรถไฟ * มาตรา 20 ให้กรมรถไฟแผ่นดินเป็นธุระจัดการในเรื่องจัดหาซื้อที่ดินตามที่เห็นว่าจำเป็นเพื่อสร้างทางรถไฟ

* มาตรา 25 จำเดิมแต่วันที่ได้ออกประกาศพระราชกฤษฎีกาให้จัดซื้อที่ดินในหนังสือราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ให้กรรมสิทธิ์ในที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นดังได้ระบุกล่าวไว้ในพระราชกฤษฎีกานั้น ตกมาเป็นของกรมรถไฟแผ่นดินทันทีแต่กรมรถไฟแผ่นดินจะมีสิทธิเข้าปกครองยึดถือทรัพย์นั้นได้ต่อเมื่อได้ใช้เงินหรือวางเงินค่าทำขวัญแล้ว

ต่อมา 7 พฤศจิกายน 2464 - ประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวงต่อจากนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี ขยายระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2464

- ประกาศพระราชกฤษฎีกาจัดซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นเพื่อสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้กรมรถไฟแผ่นดินจัดสร้าง

* ยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวงต่อจากนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2462 เฉพาะตอนตั้งแต่ตำบลท่าช้าง จังหวัดนครราชสีมา ถึงจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งตรวจและวางแนวทางรถไฟได้แน่นอนแล้ว และให้ใช้พระราชนี้ แทนในเขตเดียวกัน

* ให้กรมรถไฟแผ่นดินเป็นธุระในเรื่องจัดหาซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นตามที่เห็นว่าจำเป็นในการสร้างทางรถไฟ จากตำบลท่าช้าง จังหวัดนครราชสีมา ถึงจังหวัดสุรินทร์ โดยที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นซึ่งต้องจัดซื้อมีระบุไว้ท้ายพระราชกฤษฎีกาและให้นับว่าเป็นส่วนหนึ่งแห่งพระราชกฤษฎีกาด้วย

27 กันยายน 2465 - ประกาศพระราชกฤษฎีกาจัดซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นเพื่อสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้กรมรถไฟแผ่นดินจัดสร้าง

* ยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวงต่อจากนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2462 และฉบับ ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2464 ซึ่งตรวจและวางแนวทางรถไฟได้แน่นอนแล้วและให้ใช้พระราชนี้ แทนในเขตเดียวกัน

* ให้กรมรถไฟแผ่นดินเป็นธุระในเรื่องจัดหาซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นตามที่เห็นว่าจำเป็นในการสร้างทางรถไฟ จากจังหวัดนครราชสีมา ถึงจังหวัดอุบลราชธานี โดยที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นซึ่งต้องจัดซื้อมีระบุไว้ท้ายพระราชกฤษฎีกาและให้นับว่าเป็นส่วนหนึ่งแห่งพระราชกฤษฎีกาด้วย

* ในระหว่างการตรวจและวางแนวทางรถไฟ มีการจัดทำแผนที่แสดงเขตที่ดินของกรมรถไฟแผ่นดินสายนครราชสีมา ถึงอุบลราชธานี ตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลา ต.เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ กม.375-650

กระทั่ง 5 มิถุนายน 2494 - ตราพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ.2494 จัดตั้งการรถไฟแห่งประเทศไทย

* มาตรา 10 ให้โอนทรัพย์สินและหนี้สินทั้งหมดของกรมรถไฟให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รับโอนกิจการและทรัพย์สินและหนี้สินทั้งหมดของกรมรถไฟแผ่นดินมาดำเนินการ และใช้ประโยชน์ในที่ดิน ตามพระราชกฤษฎีกา 8 พ.ย.2462 และ 7 พ.ย. 2464)

* มาตรา 16 พระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟและทางหลวงพระพุทธศักราช 2464 และบรรดากฎข้อบังคับที่ได้ออกตามพระราชบัญญัตินั้นให้คงใช้บังคับต่อไป ทั้งนี้เพียงเท่าที่มิได้ มีความบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้และที่มิได้มีความขัดหรือแย้งต่อบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ เพื่อประโยชน์แห่งการนำพระราชบัญญัติและกฎข้อบังคับดังกล่าวในวรรคก่อน มาใช้บังคับต่อไป ให้อ่านคำบางคำในพระราชบัญญัติและกฎข้อบังคับนั้นดังต่อไปนี้ คำว่า กรมรถไฟแผ่นดิน และคำว่า กรมรถไฟ ให้อ่านว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย คำว่า ผู้บัญชาการรถไฟแผ่นดิน และคำว่า อธิบดีกรมรถไฟ ให้อ่านว่า ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย

ต่อมา เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2498 หลังประกาศใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 ออกใช้บังคับ.

* การรถไฟฯ ไปขอออก ส.ค.1 ที่ดินบริเวณใกล้ทางรถไฟที่ดิน 5,083 ไร่ 80 ตารางวา ที่ดินดังกล่าวเคยเป็นป่าไม้และภูเขา อันเป็นที่หลวง ยังไม่มีใครจับจองที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น ตามธรรมดารัฐย่อมจัดใช้เพื่อสาธารณะประโยชน์ร่วมกันได้ ที่ดินจึงเป็นที่ดินของการรถไฟที่เป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินตาม ป.พ.พ.มาตรา1304 ไม่มีเอกชนรายใดอ้างสิทธิ์ครอบครองได้

เรื่องมาบานปลายเอาเมื่อ 13 พฤศจิกายน 2513 ได้ประชุมร่วมระหว่างการรถไฟฯ กับผู้บุกรุก โดยผู้บุกรุกรับว่าที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟฯ นายชัย ชิดชอบ (เสียชีวิต) ขออาศัยที่ดินพิพาทจากการรถไฟฯ และการรถไฟฯได้ยินยอมให้อาศัย

กระทั่ง วันที่ 26 ตุลาคม 2515 นายชัยฯ ได้นำที่ดินไปออกโฉนดในที่ดินของการรถไฟเป็นโฉนดเลขที่ 3466 เนื้อที่ 7 ไร่ 1 งาน 558/10 ตารางวา (ในชื่อนายชัย...ต่อมา วันที่ 21 ธ.ค. 2535 ได้ขายให้นางละออง ชิดชอบ และนางละอองฯขายให้บริษัท ศิลาชัย)

เมื่อมี 1 ก็ต้องมี 2 เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2518 นายประพันธ์ สมานประธาน ได้ออกโฉนดเลขที่ 8564 เนื้อที่ 37 ไร่ 1 งาน 56 ตารางวา มีการขายต่อเป็นทอดๆ จนเมื่อ 14 ก.ค.2540 ได้ขายให้ นางกรุณา ชิดชอบ ซึ่งนางกรุณานำไปจำนองต่อธนาคารกรุงไทย โดยที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ออกหนังสือถึงธนาคารกรุงไทยเลขที่ 13129/8567 แจ้งและยืนยันว่าที่ดินอยู่ในเขตทางรถไฟ (30 ต.ค.2540)

มหากาพย์การบุกรุกเพื่อครองครองที่ดินรถไฟในพื้นที่บุรีรัมย์ กำลังเดินหน้าไปสู่ข้อพิพาทและการต่อสู้กันระหว่าง ผู้ครองครองสิทธิ์ที่เป็นเอกชน กับ การรถไฟ เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่ใช่จุดจบของเรื่อง มาตามกันต่อนะครับในตอนต่อไป EP#2
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 169, 170, 171 ... 197, 198, 199  Next
Page 170 of 199

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©