รฟท. วอนของบสร้างเครื่องกั้นถนนรถไฟ 1,020 แห่ง เพิ่มความปลอดภัย
วัน Wednesday 21 Jan 09@ 11:00:00 +07
หัวข้อ: ข่าวจาก รฟท.


     บ่ายวันที่ 15 มกราคม 2552 เวลา 14.00 น. ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย กรุงเทพ นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการรถไฟฯ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงการเกิดอุบัติเหตุขบวนรถด่วนที่ 71 วิ่งรับส่งผู้โดยสารระหว่างกรุงเทพ-ศรีสะเกษ ว่า ขณะที่ขบวนรถไฟ กำลังเข้าสู่สถานีลำปลายมาศ หลัก กม.345/4 ห่างจากสถานีเพียง 800 เมตร และจุดดังกล่าวมีจุดตัดผ่านเสมอระดับทางรถไฟ –ถนนรถยนต์ พนักงานขับรถไฟชื่อนายรังสี อุปแก้ว ได้เปิดหวีดก่อนเข้าสถานี และพบว่าได้มีรถยนต์สองแถว 6 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน 10-2797 บุรีรัมย์ ขับฝ่าเครื่องหมายจราจร มาหยุดบนทางรถไฟ ซึ่งพนักงานขับรถไฟ ได้เปิดหวีดสัญญาณเตือน และลงเบรคฉุกเฉิน แต่ไม่สามารถหยุดขบวนรถไฟได้ เป็นเหตุให้ชนรถยนต์สองแถว ขบวนรถไฟได้รับความเสียหายชำรุดทำขบวนต่อไปไม่ได้ ส่วนรถยนต์สองแถวสภาพรถหลุดออกจากกัน จากผลการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 35 ราย ซึ่งการรถไฟฯ ต้องขอแสดงความเสียใจ ต่อครอบครัวและผู้บาดเจ็บ พร้อมทั้งมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นทุกคน มา ณ ที่นี้ด้วย

     จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบว่าผู้ขับขี่รถยนต์เป็นผู้หญิง และถนนรถยนต์ในจุดดังกล่าว มีเครื่องหมายจราจร มีสัญญาณไฟกระพริบแจ้งเตือนว่าด้านหน้ามีทางรถไฟ มีป้ายหยุดก่อนถึงทางรถไฟ 5 เมตร และในจุดนี้ยังไม่มีเครื่องกั้น ซึ่งหากผู้ขับขี่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรทางบก พ.ศ.2522 โดยหยุดก่อนถึงทางรถไฟ ก็จะไม่เกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ สิ่งสำคัญเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้ว ถือว่าเป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง การรถไฟฯไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้แก้ปัญหาที่เกิดในลักษณะนี้มานานแล้ว โดยครั้งนี้จะดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติม คือ ประการแรก จะสร้างเสริมจิตสำนึกให้ผู้ขับขี่รถยนต์ ปฏิบัติตามกฎหมายจราจร และสร้างลูกระนาด เพื่อแสดงให้เห็นว่าข้างหน้า จะมีทางรถไฟพาดผ่าน ประการที่สองจะรณรงค์ประชาสัมพันธ์ ให้คนในพื้นที่ได้รับรู้ว่า อย่าประมาทในบริเวณทางตัดผ่าน หากประมาทแล้วจะเกิดความสูญเสียอย่างยิ่งใหญ่ โดยให้คนที่อยู่ในชุมชน องค์การบริหารส่วนตำบล ร่วมกันรณรงค์ และที่สำคัญการเกิดอุบัติเหตุกับเด็กนักเรียน มักจะมีปัญหาอยู่บ่อยครั้ง ... (มีต่อ)

ที่มา : ศูนย์ประชาสัมพันธ์ฯ การรถไฟแห่งประเทศไทย
วันที่ : 16/01/52



     การรถไฟฯ จึงมีแผนงานประชาสัมพันธ์ โดยนำเด็กมาวาดภาพต่างๆ ติดไว้ตามโรงเรียน ตามเส้นทาง เพื่อเตือนใจให้ประชาชนในท้องถิ่น พึงระลึกถึงอุบัติเหตุ และป้องกัน แก้ไข ส่วนทางภาครัฐโดยเฉพาะกระทรวงคมนาคม จะมีหน่วยงานเป็นคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาจุดตัดทางผ่านรถไฟ-ถนนรถยนต์ โดยจะประสานงานรณรงค์ ลดจำนวนจุดตัด ที่มีอยู่จำนวนมากถึง 2,449 แห่ง (เป็นทาง Over Pass และทางมุดลอด ประมาณ 250 แห่ง ) ส่วนที่เหลืออีก 2,200 แห่ง การรถไฟฯ จัดสร้างไว้แล้วประมาณ 600 แห่ง เหลืออีก 1,600 แห่ง ซึ่งเป็นทางลักผ่าน ประมาณ 538 แห่ง และอีกประมาณ 1,020 แห่ง ไม่มีเครื่องกั้น และมีปัญหาเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง จึงจำเป็นต้องจัดทำเครื่องกั้น เพื่อลดอุบัติเหตุ การสร้างเครื่องกั้นถนนประมาณ 1,020 แห่ง การรถไฟฯ เสนอขอรับงบประมาณทั้งหมด 5 ปี (ปี 2552- 2556 ) โดยในแต่ละปีจะขอประมาณ 600 – 700 ล้านบาท รวมงบประมาณทั้ง 5 ปี 4,448 ล้านบาท แต่การรถไฟฯ ก็ไม่ได้รับอนุมัติจัดสรรจากรัฐบาล ซึ่งเหตุผลที่ไม่ได้รับอนุมัติเป็นเพราะว่า การรถไฟฯ ต้องแสดงให้สำนักงบประมาณ เห็นว่าการรถไฟฯ มีศักยภาพ ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการงบประมาณให้หมดในแต่ละปี และสามารถสร้างเครื่องกั้นถนนขึ้นทั่วประเทศได้ ซึ่งการรถไฟฯ ได้เสนอของบประมาณสนับสนุน ในปีงบประมาณ 2553 ใหม่อีก 337 ล้านบาท โดยจะก่อสร้างเครื่องกั้นสำคัญก่อน 70 แห่ง ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณา ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนปี 2552 ได้เสนอของบประมาณสนับสนุน การสร้างเครื่องกั้นถนนอีก 170 แห่ง เป็นเงิน 748 ล้านบาท ซึ่งควรจะได้รับการจัดสรรงบประมาณในส่วนนี้จากรัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนในขณะนี้ จึงขอให้ทุกส่วนได้คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนด้วย

     ผู้ว่าการรถไฟฯ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ในระยะที่ต้องรอรับการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลนั้น การรถไฟฯ จะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท องค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล ในการจัดทำเป็นลูกระนาด เพื่อเตือนประชาชน ซึ่งอาจจะใช้งบประมาณไม่สูงมาก ซึ่งจะต้องมีการประสานความร่วมมือกันต่อไป แต่อย่างไรก็ตามขอให้ผู้ขับขี่ยวดยาน ได้ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรทางบก พ.ศ.2522 อย่างเคร่งครัด โดยหยุดรถทุกครั้งก่อนขับข้ามทางรถไฟ ก็จะช่วยลดความสูญเสียที่เกิดขึ้น.

ที่มา : ศูนย์ประชาสัมพันธ์ฯ การรถไฟแห่งประเทศไทย
วันที่ : 16/01/52







บทความนี้มาจาก Rotfaithai.Com
http://portal.rotfaithai.com

URL สำหรับเรื่องนี้คือ:
http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=News&file=article&sid=151