ข่าวและภาพรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน

[Wisarut]

เวนคืนสายสีม่วงช้า 14% รฟม.เร่งมือลงเข็ม 5 ธันวาคม

ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 06 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 32 ฉบับที่ 4042


คอลัมน์ เวนคืนอัพเดต

ขณะที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กำลังลุ้นระทึกให้ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (เจบิก) อนุมัติรายชื่อผู้รับเหมาที่เสนอตัวประมูลงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ ระยะทาง 23 กิโลเมตร วงเงินก่อสร้าง 3.6 หมื่นล้านบาท

สัญญาที่ 1 บริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ ยื่นซองประมูลประกอบด้วย
1.บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์
2.กิจการ ร่วมค้า CKTC (บมจ.ช.การช่าง-บจ.โตคิว คอนสตรัคชั่น)
3.บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น

สัญญา 2 มี
1.กิจการร่วมค้า CKTC (บมจ.ช.การช่าง-บจ.โตคิว คอนสตรัคชั่น)
2.กิจการร่วมค้า ITON (บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์-บจ.โอบายาชิ-บจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ)
3.บมจ.ซิโน-ไทยฯ

ในส่วนของการเวนคืนที่ดิน แม้ รฟม. จะเร่งรัดดำเนินการ แต่ในภาพรวมยังล่าช้ากว่าแผนงานที่กำหนดไว้ ทั้งนี้จากการรายงานความก้าวหน้าของการเวนคืน ณ เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ที่ รฟม.เสนอให้คณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม.รับทราบ ปรากฏว่ามีความคืบหน้า 46.8% ล่าช้ากว่าแผน 14.1%

สาเหตุของความล่าช้าไม่ได้มาจากปัญหาเรื่องเงินค่าชดเชย แต่เป็นเพราะติดขั้นตอนทำความตกลงกับเจ้าของทรัพย์สิน เนื่องจากมีการตั้งคณะกรรมการกำหนดราคาโดยแยกเป็นคณะกรรมการกำหนดราคาค่าทดแทนที่ดิน และคณะกรรมการกำหนดราคาค่าทดแทนสิ่งปลูกสร้าง

แต่ที่ผ่านมา รฟม.กำหนดราคา ค่าทดแทนเฉพาะที่ดิน สำหรับค่าทดแทนสิ่งปลูกสร้างขณะนี้ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ทำให้ต้องรอตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสารประเมินราคาสิ่งปลูกสร้างให้ถูกต้องครบถ้วน ก่อนเสนอคณะกรรมการกำหนดราคาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

รฟม.จึงยังไม่สามารถทำหนังสือแจ้งให้เจ้าของทรัพย์สินมาตกลงทำสัญญาซื้อขายและรับเงินค่าทดแทน ส่งผลให้การดำเนินงานในส่วนนี้ล่าช้า แต่อยู่ระหว่างเร่งรัดให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด เพื่อจะได้ส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับเหมาก่อสร้างได้โดยเร็ว เพราะตามแผนงาน รฟม.จะตอกเสาเข็มส่วนฐานรากโครงการรถไฟฟ้าสายนี้ในวันที่ 5 ธันวาคมนี้

ตลอดแนวสายทาง 23 กิโลเมตร รฟม. จะต้องเวนคืนที่ดินจำนวน 1,014 แปลง และสิ่งปลูกสร้าง 934 แปลง วงเงิน 9,000 กว่าล้านบาท โดยเริ่มเวนคืนช่วงหัว-ท้ายก่อน จากนั้นจะไล่เข้ามาหาช่วงกลาง

โดยเฉพาะบริเวณคลองบางไผ่ที่จะก่อสร้างเป็นศูนย์ซ่อมบำรุง รฟม.รายงานว่า คณะกรรมการกำหนดราคา ได้กำหนดราคาเสร็จเรียบร้อยแล้วเป็นที่ดิน 642 แปลง สิ่งปลูกสร้างจำนวน 235 หลัง คิดเป็นเงินค่าทดแทน 4,216 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ได้แจ้งให้ผู้ถูกเวนคืนมาทำสัญญาเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนเป็นที่ดินจำนวน 476 แปลง สิ่งปลูกสร้าง 188 หลัง คิดเป็นเงินค่าทดแทน 3,452 ล้านบาท

ถึงขณะนี้มีผู้ถูกเวนคืนที่ดินมาทำสัญญาเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืนแล้ว เป็นที่ดิน 415 แปลง สิ่งปลูกสร้าง 100 หลัง วงเงินค่าทดแทน 3,098 ล้านบาท

ล่าสุด รฟม.ได้อนุมัติลงนามในสัญญาและเบิกจ่ายเงินค่าทดแทนให้ผู้ถูกเวนคืนแล้วเป็นที่ดิน 399 แปลง สิ่งปลูกสร้าง 23 หลัง รวมเงินค่าทดแทน 2,832 ล้านบาท ผู้ถูกเวนคืนได้รับเงินค่าทดแทนไปแล้ว 396 แปลง สิ่งปลูกสร้าง 12 หลัง วงเงินค่าทดแทน 2,707 ล้านบาท ในจำนวนนี้ รฟม.ได้ดำเนินการแก้ไขหลักฐานทางทะเบียนโดยเข้าถือกรรมสิทธิ์แทนเจ้าของทรัพย์สินเดิมแล้ว 372 แปลง

หน้า 11

[Wisarut]

สัปดาห์หน้าจะเปิดซองเทคนิคสายสีม่วง

Dailynews 13/10/2008


นายชูเกียรติ โพธยานุวัตร รองผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ว่าขณะนี้คณะกรรมการได้ตรวจสอบคุณสมบัติผู้รับเหมาที่ยื่นเอกสารประกวดราคาทั้ง 3 สัญญา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยสัญญาที่ 1 เป็นการก่อสร้างทางยกระดับด้านตะวันออก ตั้งแต่สถานีเตาปูนถึงสะพานพระนั่งเกล้า มีผู้รับเหมายื่นเอกสารประกวดราคา 3 บริษัท

สัญญาที่ 2 เป็นการก่อสร้างทางยกระดับด้านตะวันตก ระยะทาง 11 กม. จำนวน 8 สถานี จากสถานีสะพานพระนั่งเกล้า-สถานีคลองบางไผ่ และงานก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านทิศใต้ของสะพานพระนั่งเกล้า มีเอกชนยื่นเอกสารประกวดราคา 3 ราย ซึ่งเอกชนที่ยื่นเอกสารประกวดราคาผ่านการพิจารณาด้านคุณสมบัติทุกรายและได้ผ่านการพิจารณาจากเจบิคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะมีการเปิดพิจารณาซองข้อเสนอทางด้านเทคนิคเร็ว ๆ นี้ คาดว่าไม่เกินสัปดาห์หน้า

ส่วนสัญญาที่ 3 ศูนย์ซ่อมบำรุงและอาคารจอดรถ ซึ่งประกอบด้วยงานก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงที่บางใหญ่ และอาคารจอดรถ จำนวน 4 แห่ง มีเอกชนยื่นซองข้อเสนอด้านเทคนิค 5 ราย นั้น ขณะนี้บริษัททั้งหมดผ่านการพิจารณาคุณสมบัติแล้ว เหลือเพียงรอให้เจบิคพิจารณาเห็นชอบก็จะเปิดซองด้านเทคนิคพิจารณาต่อไปได้.

[Wisarut]

ประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงรวน เลื่อนคิวเปิดซองเทคนิคเหตุถูกติงไม่โปร่งใส/รฟม.-บอร์ดประสานเสียงไร้ผลกระทบพร้อมลุยต่อ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2366 16 ต.ค. - 18 ต.ค. 2551


การประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงรวน เลื่อนคิวเปิดซองเอกสารด้านเทคนิคสัญญา 1 และ 2 เหตุเจอถูกตั้งข้อสังเกตเรื่องความโปร่งใสทั้งขั้นตอนการทำงาน-ข้อกำหนดในร่างทีโออาร์ ด้านรฟม.-บอร์ดรฟม. ไม่หวั่นข้อครหา ยันไร้ผลกระทบ แค่รอชงเรื่องเข้าบอร์ดเพื่อความรอบคอบ พร้อมลุยต่อได้ จ่อส่งชื่อผู้รับเหมาสัญญา 3 ให้เจบิคตรวจต่อ


แหล่งข่าวระดับสูงรายหนึ่งจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงเหตุผลที่มีการเลื่อนกำหนดการเปิดซองเอกสารด้านเทคนิค ของผู้รับเหมาที่ร่วมยื่นเอกสารประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ในส่วนของสัญญาที่ 1 และสัญญาที่ 2 จากที่ประกาศไว้ว่าจะดำเนินการเปิดเอกสารในวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่า เป็นเพราะได้รับการท้วงติงจากบุคคลภายนอกในหลายประเด็น ทำให้ฝ่ายบริหารตัดสินใจที่จะนำเสนอให้คณะกรรมการ (บอร์ด) พิจารณาก่อน จึงได้เลื่อนการเปิดซองเอกสารด้านเทคนิคออกไปอย่างไม่มีกำหนด


แหล่งข่าวรายเดิม กล่าวยอมรับว่าปัญหาหนึ่งที่ทำให้มีการเลื่อนกำหนดออกไปนั้น เป็นผลมาจากการถูกตั้งข้อสังเกตจากบุคคลภายนอกถึงความโปร่งใสในการดำเนินโครงการ รวมถึงข้อกำหนดในเอกสารประกวดราคา (ทีโออาร์) ว่าไม่เปิดกว้าง เป็นการกำหนดเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อผู้รับเหมาเพียงบางราย รวมถึงยังมีการสอบถามข้อมูลจากคณะกรรมาธิการคมนาคมถึงการดำเนินงานด้วยว่าเป็นไปอย่างโปร่งใสหรือไม่ การดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนที่กำหนดหรือไม่ และเป็นการเร่งรีบเกินไปหรือไม่สำหรับโครงการขนาดใหญ่แบบนี้ด้วย


เมื่อเป็นเช่นนั้น ทางฝ่ายบริหารที่รับผิดชอบโครงการอยู่จึงอยากให้เกิดความรอบคอบ จึงเลื่อนกำหนดการเปิดเอกสารด้านเทคนิคออกไป เพื่อรอให้เสนอเรื่องให้บอร์ดพิจารณาก่อนว่าจะดำเนินการตามแผนงานเดิมได้เลยหรือไม่ หรือจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป อย่างไรก็ดีในการถูกท้วงติงครั้งนี้ ไม่ส่งผลทำให้โครงการล่าช้าออกไปมากนัก โดยคาดว่าจะเสนอเรื่องให้บอร์ดพิจารณาได้ในการประชุมบอร์ด ซึ่งกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะเป็นวันที่ 15 หรือ 22 ตุลาคมนี้ เมื่อผ่านการพิจารณาจากบอร์ดแล้วก็จะดำเนินการเปิดซองเอกสารด้านเทคนิคทันที


ต่อเรื่องนี้นั้น นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้กล่าวชี้แจงว่า เหตุผลในการเลื่อนออกไปนั้นไม่ได้มีความเกี่ยวเนื่องกับเรื่องการเมืองแต่อย่างใด ซึ่งทางรัฐบาลเองก็ต้องการเร่งรัดการดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วอยู่แล้ว แต่ผู้บริหาร


รฟม. เห็นว่าโครงการดังกล่าวเป็นโครงการใหญ่ วงเงินลงทุนสูง อยากจะดำเนินการให้รอบคอบ จึงได้ประสานมาว่าจะขอเสนอเรื่องให้บอร์ดพิจารณาก่อน แล้วจึงจะดำเนินการขั้นตอนต่อไป


ในขณะเดียวกันก็ได้มอบหมายให้ผู้บริหารรฟม. สรุปผลการดำเนินงานมารายงานให้บอร์ดทราบด้วยว่า มีอุปสรรคอะไรหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาเห็นว่าขั้นตอนในการพิจารณาคุณสมบัติผู้รับเหมาใช้เวลานาน จึงอยากให้สรุปมาเสนอว่าที่ใช้เวลานานนั้นเป็นเพราะ รฟม. จัดทำเอกสารไม่สมบูรณ์ ดำเนินการล่าช้า หรือเป็นผลจากขั้นตอนของทาง ธนาคารเพื่อความร่วมมือแห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) เพื่อที่จะดูปัญหาและอุปสรรคว่ามีอะไรบ้าง จะได้หาทางแก้ไข เพื่อนำไปสู่แนวทางในการเร่งรัดการดำเนินงานให้ได้เร็วขึ้น


อนึ่ง รายชื่อผู้ที่ผ่านการพิจารณาด้านคุณสมบัติ สัญญาที่ 1 ประกอบด้วย
1.1 บมจ. อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน) หรือ ITD ,
1.2 CKTC Joint Venture (บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK และ บริษัท โตคิว คอนสตรัคชั่น จำกัด) และ
1.3 บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ส่วน

สัญญาที่ 2 ประกอบด้วย
2.1 CKTC Joint Venture ,
2.2 ITON Joint Venture (บริษัท นวรัตน์ พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) หรือ NWR และ บริษัท โอบายาชิ คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด) , STEC


ส่วนผู้รับเหมาที่ร่วมยื่นข้อเสนอสัญญาที่ 3 ซึ่งรฟม. ได้พิจารณาแล้วว่าผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น ระหว่างนี้กำลังเตรียมที่จะเสนอให้ทางเจบิคพิจารณาตามข้อกำหนด ประกอบด้วย
3.1 ITD ,
3.2 CKTC Joint Venture ,CK,
3.3 TAKENAKA-RITTA Joint Venture (บริษัท ฤทธา จำกัด และ TAKENAKA) ,
3.4 PAR Joint Venture ( บริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASCON ,
3.5 บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PLE และ
3.6 บริษัท รวมนครก่อสร้าง (ประเทศไทย) จำกัด)

[Wisarut]

เจบิกขู่ฟอด ญี่ปุ่นร่วมซิวเค้กรถไฟฟ้า

โพสต์ทูเดย์ วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2551


เจบิกล้วงตับ การประมูลรถไฟฟ้า ต้องใช้ญี่ปุ่นก่อสร้าง

แหล่งข่าวกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า แม้สถานการณ์ทางการเมืองจะยังคงปั่นป่วน แต่ทางธนาคารเพื่อความร่วมมือแห่งประเทศญี่ปุ่น (เจบิก) ได้ยืนยันว่า จะยังคงปล่อยกู้ให้กับรัฐบาลไทย ในการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสำคัญทั้งหมด ทั้งนี้มีเงื่อนไขพิเศษให้ใช้บริษัทร่วมทุนหรือกิจการร่วมค้าของญี่ปุ่นร่วมเป็นผู้ก่อสร้าง

แหล่งข่าวกล่าวว่า ในการประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) ทั้ง 3 สัญญา ซึ่งมีทั้งสถานีรถไฟและระบบงาน มูลค่า 1.6-1.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งมี 3 สัญญานั้นที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้านี้ ต้องดำเนินงานในลักษณะของกิจการร่วมค้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการก่อสร้าง

แหล่งข่าวกล่าวว่า เท่าที่รับรู้นั้น ทางกลุ่มอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์, ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น และกลุ่ม ช.การช่าง ได้จับมือกับพันธมิตรเพื่อเสนอแผนการประมูลแล้ว โดยกลุ่ม ช.การช่าง ร่วมกับกลุ่มโตคิวใช้ชื่อ CKTC ขณะที่กลุ่มอิตาเลียนไทยดึง บริษัท โอบายาชิ คอร์ปอเรชั่น และเนาวรัตน์พัฒนาการ มาร่วมในชื่อ ITON Joint Venture โดยขณะนี้ทางเจบิกได้เข้าร่วมพิจารณาคุณสมบัติแล้ว

นายประณต สุริยะ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผน การขนส่งและจราจร กล่าวว่า จะนำระบบตั๋วร่วมมาใช้ในระบบขนส่งมวลชนทั้งรถไฟฟ้าสีเขียว-สีน้ำเงิน รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าที่กำลังจะก่อสร้างเพื่อลดปัญหาการจราจรให้ได้อย่างเป็นรูปธรรมแน่นอน

[suraphat]

ข่าวจากกรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 16 ตุลาคม 2551 ในเรื่องราวที่เยวกับแผนการลงทุนรถไฟสายสีเขียว

จากLinkนี้นะครับ:http://www.bangkokbiznews.com/2008/10/16/news_27435613.php?news_id=27435613

สำหรับรายละเอียดนั้นมีดังนี้

"สันติ"ขีดเส้นรฟม.เร่งเสนอครม. รถไฟฟ้าสีเขียว2สาย6หมื่นล้าน

"สันติ" ขีดเส้น รฟม.เสนอโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว 2 เส้นทาง มูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านบาท ให้ ครม.อนุมัติภายใน 21 ต.ค. นี้ หวังใช้โครงการเมกะโปรเจคกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาล ด้าน รฟม.เสนอเจบิคขออัตราดอกเบี้ย 0.2% ลงทุนโครงการส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน มูลค่า 8หมื่นล้านบาท
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าเมื่อเร็วๆ นี้ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการระบบขนส่งมวลชนหรือรถไฟฟ้า เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการ โดยได้ให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดขั้นตอนต่างๆ ในการดำเนินงาน โดยเฉพาะสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ต้องเร่งสรุปรายละเอียดโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ ระยะทาง 12 กิโลเมตร และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 13 กิโลเมตร ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อเสนอ ครม.ขออนุมัติดำเนินโครงการภายในวันที่ 21 ต.ค.นี้

“ครม.เร่งรัดให้ดำเนินโครงการเมกะโปรเจค เพื่อกระตุ้นระบบเศรษฐกิจ ที่ผ่านมาการดำเนินโครงการติดขัดจากขั้นตอนการดำเนินงาน ทั้งขั้นตอนของหน่วยงานเจ้าของโครงการ และขั้นตอนของธนาคารเพื่อความร่วมมือแห่งประเทศญี่ปุ่น (เจบิค) กระทรวงคมนาคมจะพยายามเร่งรัดขั้นตอนต่างๆ เพื่อให้โครงการมีความคืบหน้า” นายสันติ กล่าว

นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อธิบดีกรมทางหลวง ในฐานะประธานกรรมการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้ง 2 เส้นทาง จะใช้เงินลงทุนประมาณ 61,300 ล้านบาท แบ่งเป็นค่างานโยธา 40,300 ล้านบาท และค่าระบบอาณัติสัญญาณและรถไฟฟ้า 21,000 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณาจัดหาเงินลงทุน ซึ่งไม่ได้เจาะจงว่าต้องเป็นเงินกู้ภายในประเทศ แต่จะเปิดกว้างสำหรับเงินกู้จากต่างประเทศด้วย ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่เหมาะสม เพื่อให้โครงการมีต้นทุนต่ำที่สุด คาดว่าจะเปิดประกวดราคาได้ตามแผนในเดือนธ.ค. นี้

ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ ระยะทางรวม 27 กม. วงเงิน 8 หมื่นล้านบาท อยู่ระหว่างรอเจรจาเงื่อนไขเงินกู้กับธนาคารเพื่อความร่วมมือแห่งประเทศญี่ปุ่นหรือเจบิค ซึ่ง รฟม.จะเร่งรัดให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ทำหนังสือแจ้งเจบิคเพื่อขอนัดวันเจรจา อาจต้องส่งผู้แทนเดินทางไปที่ญี่ปุ่นเพื่อหารือนอกรอบก่อน

โดย รฟม.เตรียมเสนอขอใช้อัตราดอกเบี้ย 0.2% ระยะเวลากู้ 30 ปี และขอใช้วัสดุจากญี่ปุ่น 30% เฉพาะงานระบบกับตัวรถไฟฟ้า รวมทั้งขอให้ผู้รับเหมาไทยเป็นแกนนำในการประกวดราคาได้ และพร้อมเปิดประกวดราคาทันทีที่ได้รับอนุมัติเงินกู้

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันรฟม.อยู่ระหว่างการเร่งพิจารณาข้อเสนอทางเทคนิคของผู้ยื่นเอกสารในโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ ทั้ง 3 สัญญา เพื่อจะเปิดซองข้อเสนอด้านราคาภายในเดือนพ.ย. นี้ ก่อนจะลงนามในสัญญาว่าจ้างต่อไป ปัญหาความล่าช้าที่เกิดขึ้น เนื่องจากต้องดำเนินการตามขั้นตอน โดยต้องส่งผลการพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้น และข้อเสนอทางเทคนิคไปยังเจบิค ให้ความเห็นชอบก่อนจะดำเนินการ

จบ ว.8

[Wisarut]

ประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงรวน เลื่อนคิวเปิดซองเทคนิคเหตุถูกติงไม่โปร่งใส/รฟม.-
บอร์ดประสานเสียงไร้ผลกระทบพร้อมลุยต่อ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2366 16 ต.ค. - 18 ต.ค. 2551

การประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงรวน เลื่อนคิวเปิดซองเอกสารด้านเทคนิคสัญญา 1 และ 2 เหตุเจอถูกตั้งข้อสังเกตเรื่องความโปร่งใสทั้งขั้นตอนการทำงาน-ข้อกำหนดในร่างทีโออาร์ ด้านรฟม.-บอร์ดรฟม. ไม่หวั่นข้อครหา ยันไร้ผลกระทบ แค่รอชงเรื่องเข้าบอร์ดเพื่อความรอบคอบ พร้อมลุยต่อได้ จ่อส่งชื่อผู้รับเหมาสัญญา 3 ให้เจบิคตรวจต่อ

แหล่งข่าวระดับสูงรายหนึ่งจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงเหตุผลที่มีการเลื่อนกำหนดการเปิดซองเอกสารด้านเทคนิค ของผู้รับเหมาที่ร่วมยื่นเอกสารประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ในส่วนของสัญญาที่ 1 และสัญญาที่ 2 จากที่ประกาศไว้ว่าจะดำเนินการเปิดเอกสารในวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่า เป็นเพราะได้รับการท้วงติงจากบุคคลภายนอกในหลายประเด็น ทำให้ฝ่ายบริหารตัดสินใจที่จะนำเสนอให้คณะกรรมการ (บอร์ด) พิจารณาก่อน จึงได้เลื่อนการเปิดซองเอกสารด้านเทคนิคออกไปอย่างไม่มีกำหนด

แหล่งข่าวรายเดิม กล่าวยอมรับว่าปัญหาหนึ่งที่ทำให้มีการเลื่อนกำหนดออกไปนั้น เป็นผลมาจากการถูกตั้งข้อสังเกตจากบุคคลภายนอกถึงความโปร่งใสในการดำเนินโครงการ รวมถึงข้อกำหนดในเอกสารประกวดราคา (ทีโออาร์) ว่าไม่เปิดกว้าง เป็นการกำหนดเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อผู้รับเหมาเพียงบางราย รวมถึงยังมีการสอบถามข้อมูลจากคณะกรรมาธิการคมนาคมถึงการดำเนินงานด้วยว่าเป็นไปอย่างโปร่งใสหรือไม่ การดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนที่กำหนดหรือไม่ และเป็นการเร่งรีบเกินไปหรือไม่สำหรับโครงการขนาดใหญ่แบบนี้ด้วย


เมื่อเป็นเช่นนั้น ทางฝ่ายบริหารที่รับผิดชอบโครงการอยู่จึงอยากให้เกิดความรอบคอบ จึงเลื่อนกำหนดการเปิดเอกสารด้านเทคนิคออกไป เพื่อรอให้เสนอเรื่องให้บอร์ดพิจารณาก่อนว่าจะดำเนินการตามแผนงานเดิมได้เลยหรือไม่ หรือจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป อย่างไรก็ดีในการถูกท้วงติงครั้งนี้ ไม่ส่งผลทำให้โครงการล่าช้าออกไปมากนัก โดยคาดว่าจะเสนอเรื่องให้บอร์ดพิจารณาได้ในการประชุมบอร์ด ซึ่งกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะเป็นวันที่ 15 หรือ 22 ตุลาคมนี้ เมื่อผ่านการพิจารณาจากบอร์ดแล้วก็จะดำเนินการเปิดซองเอกสารด้านเทคนิคทันที


ต่อเรื่องนี้นั้น นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้กล่าวชี้แจงว่า เหตุผลในการเลื่อนออกไปนั้นไม่ได้มีความเกี่ยวเนื่องกับเรื่องการเมืองแต่อย่างใด ซึ่งทางรัฐบาลเองก็ต้องการเร่งรัดการดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วอยู่แล้ว แต่ผู้บริหาร


รฟม. เห็นว่าโครงการดังกล่าวเป็นโครงการใหญ่ วงเงินลงทุนสูง อยากจะดำเนินการให้รอบคอบ จึงได้ประสานมาว่าจะขอเสนอเรื่องให้บอร์ดพิจารณาก่อน แล้วจึงจะดำเนินการขั้นตอนต่อไป


ในขณะเดียวกันก็ได้มอบหมายให้ผู้บริหารรฟม. สรุปผลการดำเนินงานมารายงานให้บอร์ดทราบด้วยว่า มีอุปสรรคอะไรหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาเห็นว่าขั้นตอนในการพิจารณาคุณสมบัติผู้รับเหมาใช้เวลานาน จึงอยากให้สรุปมาเสนอว่าที่ใช้เวลานานนั้นเป็นเพราะ รฟม. จัดทำเอกสารไม่สมบูรณ์ ดำเนินการล่าช้า หรือเป็นผลจากขั้นตอนของทาง ธนาคารเพื่อความร่วมมือแห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) เพื่อที่จะดูปัญหาและอุปสรรคว่ามีอะไรบ้าง จะได้หาทางแก้ไข เพื่อนำไปสู่แนวทางในการเร่งรัดการดำเนินงานให้ได้เร็วขึ้น


อนึ่ง รายชื่อผู้ที่ผ่านการพิจารณาด้านคุณสมบัติ สัญญาที่ 1 ประกอบด้วย

1.1 บมจ. อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน) หรือ ITD ,
1.2 CKTC Joint Venture (บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK และ บริษัท โตคิว คอนสตรัคชั่น จำกัด) และ
1.3 บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC

ส่วนสัญญาที่ 2 ประกอบด้วย
2.1 CKTC Joint Venture ,
2.2 ITON Joint Venture (บริษัท นวรัตน์ พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) หรือ NWR และ บริษัท โอบายาชิ คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด) ,
1.3 STEC


ส่วนผู้รับเหมาที่ร่วมยื่นข้อเสนอสัญญาที่ 3 ซึ่งรฟม. ได้พิจารณาแล้วว่าผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น ระหว่างนี้กำลังเตรียมที่จะเสนอให้ทางเจบิคพิจารณาตามข้อกำหนด ประกอบด้วย

3.1 ITD ,
3.2 CKTC Joint Venture ,
3.3 TAKENAKA-RITTA Joint Venture (บริษัท ฤทธา จำกัด และ TAKENAKA) ,
3.4 PAR Joint Venture ( บริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASCON ,บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PLE และ บริษัท รวมนครก่อสร้าง (ประเทศไทย) จำกัด)

[Wisarut]

พบวัตถุคล้ายระเบิดปิงปองซุกในห้องน้ำรถไฟฟ้าใต้ดิน


วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2551 เวลา 18:07:57 น. มติชนออนไลน์


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 18 ตุลาคม พ.ต.ต.สุนทร ไชยรักษา สว.สส.สน.บางซื่อ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบวัตถุคล้ายระเบิด บริเวณภายในห้องน้ำ ใกล้ทางขึ้น-ลง สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน สวนจตุจักร ถนนพหลโยธินขาออก แขวง-เขตจตุจักร จึงรุดไปตรวจสอบ ที่ร่องน้ำในห้องน้ำ พบวัตถุระเบิดลักษณะทรงกลมคล้ายลูกปิงปอง พันด้วยเทปพันสายไฟสีดำ จำนวน 8 ลูก เบื้องต้นไม่น่าจะมีอันตราย จึงเก็บกู้มาไว้ที่ สน. ก่อนส่งให้เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บช.น.

พ.ต.ต.สุนทรกล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องทีวีวงจรปิดของสถานีรถไฟฟ้าไม่พบว่าใครเป็นผู้นำมาทิ้งไว้ เบื้องต้นคาดว่า ผู้ที่พกพามาอาจกำลังจะลงไปให้บริการรถไฟใต้ดิน แต่เห็นเจ้าหน้าที่ของรถไฟใต้ดินตรวจค้นผู้ใช้บริการอย่างเข้มงวด จึงเปลี่ยนใจนำไปทิ้งไว้ในห้องน้ำดังกล่าว

//---------------------------------------------------------------

พบระเบิดปิงปอง 8 ลูกซุกห้องน้ำรถไฟใต้ดิน!

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 18 ตุลาคม 2551 19:38 น.



พลเมืองดีแจ้งพบระเบิดปิงปอง 8 ลูกซุกห้องน้ำรถไฟฟ้าใต้ดินสวนจตุจักร ตำรวจตรวจกล้องวงจรปิดยังไม่พบใครนำมาทิ้งไว้

วานนี้ (17 ต.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดบริเวณภายในห้องน้ำใกล้ทางขึ้น-ลง สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน สวนจตุจักร ถนนพหลโยธินขาออก แขวงและเขตจตุจักร จึงรุดไปตรวจสอบก็พบวัตถุระเบิดลักษณะทรงกลมคล้ายลูกปิงปอง พันด้วยเทปพันสายไฟสีดำ จำนวน 8 ลูก อยู่ในร่องน้ำของห้องน้ำดังกล่าว จึงเก็บรวบรวมส่งให้เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บช.น.ตรวจพิสูจน์ต่อไป

พ.ต.ต.สุนทร ไชยรักษา สว.สส.สน.บางซื่อ กล่าวว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดของสถานีรถไฟฟ้าไม่พบว่าใครเป็นผู้นำมาทิ้งไว้ เบื้องต้นคาดว่าผู้ที่พกพามาอาจกำลังจะลงไปให้บริการรถไฟใต้ดิน แต่เห็นเจ้าหน้าที่ของรถไฟใต้ดินตรวจค้นผู้ใช้บริการอย่างเข้มงวดจึงเปลี่ยนใจนำไปทิ้งไว้ในห้องน้ำดังกล่าว

[ronaloh]

[Wisarut]

'สันติ' เร่งกู้ดันเมกะโปรเจ็กต์_ ชงโครงการยักษ์ค่ากว่า 7.7 แสนล้านเสนอคลัง-สบน.-สคร. หาแหล่งเงิน 22 ต.ค.นี้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2368 22/10/2008


"สันติ" นัด"คลัง-สบน.สคร." ถกแผนลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ จี้หาแหล่งเงินกู้ให้ชัด เตรียมเสนอโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง-สายสีน้ำเงิน-สายสีเขียวเข้ม-สายสีเขียวอ่อน-รถไฟทางคู่ทั่วประเทศ-ถนนปลอดฝุ่นทั่วประเทศ-มอเตอร์เวย์ ให้คลังพิจารณา ยอดวงเงินกู้รวมกันกว่า 7.7 แสนล้าน พร้อมเร่งดันรถไฟฟ้าเพิ่มอีก 2 สาย คือสายสีชมพูแคราย-มีนบุรี และสีเขียวต่อขยายจากพหลโยธิน-มักกะสัน-หลานหลวง-พรานนก ตัดตอนการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าบีทีเอสที่หมอชิตแน่

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า วันพุธที่ 22 ตุลาคมนี้ จะหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงานบริหารหนี้ (สบน.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อรับทราบถึงแผนการดำเนินงานต่างๆ ของกระทรวงคมนาคม เกี่ยวกับโครงการเมกะโปรเจ็กต์ ให้ได้ความชัดเจนในการจัดหาแหล่งเงินกู้และการเจรจากู้เงิน ทั้งจากแหล่งเงินในประเทศ และต่างประเทศด้วย


สำหรับโครงการเมกะโปรเจ็กต์สำคัญ ที่จะนำมาหารือร่วมกัน ประกอบด้วย โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, โครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ กับช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิตด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ต้องถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่มีความเร่งด่วน เนื่องจากเป็นโครงการที่ผ่านบริเวณศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ที่จะเปิดให้บริการในต้นปี 2552 จึงต้องเร่งพิจารณา


ขณะเดียวกันก็ยังมีโครงการส่วนต่อขยายโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่จะเป็นช่วงต่อขยายจากเส้นทางหมอชิต-สะพานใหม่ โดยจะปรับแนวเส้นทางไม่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่สถานีหมอชิต แต่จะต่อเชื่อมเส้นทางจากสถานีพหลโยธิน ของรถไฟฟ้าใต้ดินสายเฉลิมรัชมงคล แล้ววิ่งผ่านด้านหน้ามหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น ตรงมาเข้ามักกะสัน จากนั้นวิ่งเข้าสู่ถนนราชปรารภ ผ่านหลานหลวง มุดลอดใต้ดินผ่านถนนราชดำเนิน ไปโผล่ที่ร.พ.ศิริราช และบรรจบเส้นทางที่พรานนก ระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร


นอกจากนั้นยังมีโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-โคราช ที่จะเสนอให้พิจารณาถึงความชัดเจนของรูปแบบการลงทุนด้วย ว่าจะใช้วิธีการลงทุนแบบรัฐบาลและเอกชนลงทุนร่วมกัน คือ พีพีพี (Public private Partnership : PPP) หรือจะเลือกวิธีการกู้เงินมาใช้สำหรับดำเนินโครงการ


พร้อมกันนี้ยังต้องหารือถึงแหล่งเงินที่จะใช้ดำเนินโครงการถนนปลอดฝุ่นทั่วประเทศ 18,000 กิโลเมตร ของกรมทางหลวงชนบท (ทช.) รวมไปถึงจะเสนอแผนการดำเนินโครงการรถไฟทางคู่ทั่วประเทศของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ให้พิจารณาด้วยเช่นกันว่า จะเลือกรูปแบบการลงทุนโดยใช้วิธี PPP หรือจะให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนเอง หรือจะเลือกใช้วิธีการกู้เงินเพื่อมาใช้ในการลงทุน


"วันพุธนี้จะคุยกับ สบน. สคร. เรื่องแหล่งเงินกู้ ว่าโครงการไหนที่ยังไม่มีแหล่งเงินจะทำอย่างไร จะใช้จากแหล่งไหน ส่วนโครงการไหนที่มีการคุยกันเรื่องกู้เงินไว้ก่อนแล้ว ก็จะเร่งรัดถามถึงความคืบหน้าว่าเมื่อไรจะได้ ซึ่งในวันที่ 22 นี้จะได้รู้ความชัดเจนทั้งหมด เมื่อคุยกันชัดเจนแล้ว กระทรวงการคลังจะได้ไปเร่งดำเนินการให้เราได้อย่างรวดเร็ว" นายสันติกล่าว


อนึ่ง วงเงินงบประมาณโครงการต่างๆ ที่จะเสนอหารือกันในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ คาดว่ามีวงเงินรวมประมาณ 7.7 แสนล้านบาท ประกอบด้วย โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ 12 กิโลเมตร มูลค่า 31,118 ล้านบาท, โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ 13 กิโลเมตร มูลค่า 24,585 ล้านบาท, โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค 27 กิโลเมตร มูลค่า 80,410 ล้านบาท และโครงการระบบรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 26 กิโลเมตร มูลค่า 92,000 ล้านบาท, โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข 6 สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กิโลเมตร มีมูลค่ารวม 52,720 ล้านบาท,


สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างการออกแบบ คือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร ประมาณการเบื้องต้นว่าต้องใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 36,000 ล้านบาท, และโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวจากพหลโยธิน-มักกะสัน-หลานหลวง-พรานนก ระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 50,000-60,000 ล้านบาท


ขณะที่โครงการก่อสร้างทางคู่ทั่วประเทศ ตามแผนที่มีอยู่ของการรถไฟฯ นั้น มีระยะทางรวมทั้งสิ้น 2,644 กิโลเมตร มูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 367,312 ล้านบาท ซึ่งจะพัฒนาเป็นโครงข่ายที่มีรางความกว้างขนาด 1.435 เมตร ประกอบด้วยเส้นทางสายหนองคาย-กาญจนบุรี 990 กิโลเมตร มูลค่า 132,660 ล้านบาท, สายอุบลราชธานี-ชุมทางจิระ 311 กิโลเมตร มูลค่า 41,674 ล้านบาท, สายแก่งคอย-มาบตาพุด 247 กิโลเมตร มูลค่า 33,098 ล้านบาท, สายเชียงของ-บ้านภาชี 796 ล้านบาท มูลค่า 111,880 ล้านบาท และสายชุมทางจิระ-มาบตาพุด 300 กิโลเมตร มูลค่า 48,000 ล้านบาท


ส่วนโครงการถนนปลอดฝุ่น ของกรมทางหลวงชนบท(ทช.)นั้น โครงการเดิม ชื่อ โครงการยกระดับมาตรฐานถนนทั่วประเทศ โดยการเปลี่ยนถนนลูกรังให้เป็นถนนลาดยาง 2 ช่องจราจร ระยะทางรวม 7,127 กิโลเมตร วงเงินลงทุนรวมประมาณ 33,942 ล้านบาท ล่าสุดได้สำรวจออกแบบแล้ว 2,400 กิโลเมตร น่าจะเปิดประมูลได้ช่วงตุลาคม-ธันวาคม 2551 ส่วนอีก 4,800 กิโลเมตรที่เหลือจะเริ่มสำรวจออกแบบในปี 2552 โดย ทช.ดำเนินการเอง 1,200 กิโลเมตร และจ้างที่ปรึกษาดำเนินการอีก 3,600 กิโลเมตร โดยโครงการมีระยะเวลาดำเนินงาน 18 เดือน มีผู้รับเหมาไม่ต่ำกว่า 500 ราย คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปี 2552 นี้

[Wisarut]

สมชายจี้คมนาคมผุดรถไฟฟ้า สีเขียว-ชมพูกว่า1.4 แสนล้าน

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : 24/10/2008


:"สมชาย" จี้คมนาคมเร่งผุดรถไฟฟ้า 2 เส้นทางในปี 2552 สายสีเขียว-ชมพู วงเงินมูลค่ากว่า 1.4 แสนล้านบาท ดึงระบบขนส่งมวลชนเข้าสู่ถนนราชดำเนิน-รองรับการขยายตัวของศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ สนข.จ้างที่ปรึกษาออกแบบรายละเอียด คาดได้ข้อสรุปต้นปีหน้า


นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า สนข.อยู่ระหว่างการดำเนินการตามนโยบายของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ซึ่งเร่งรัดให้กระทรวงคมนาคมดำเนินโครงข่ายรถไฟฟ้า 2 เส้นทางในปี 2552 ในวงเงิน 140,900 ล้านบาท 1.สายสีเขียว เริ่มจากพหลโยธิน บริเวณเซ็นทรัลลาดพร้าวตามแนวถนนวิภาวดีรังสิตต่อไปยังมักกะสัน-หลานหลวง เข้าสู่ถนนราชดำเนินและก่อสร้างอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาเชื่อมไปยังศิริราช และสิ้นสุดโครงการที่พรานนก มี 18 สถานี ระยะทางรวม 17 กม. แบ่งเป็นโครงสร้างใต้ดิน 9 กม. และทางยกระดับ 8 กม. ประมาณการเงินลงทุน 65,900 ล้านบาท

2.โครงข่ายสีชมพู เริ่มจากแคราย-ปากเกร็ด-แจ้งวัฒนะ-ศูนย์ราชการ-หลักสี่-รามอินทรา-มีนบุรี เพื่อเชื่อมต่อกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในอนาคต มี 22 สถานี ระยะทางรวม 35 กม. เป็นทางยกระดับตลอดเส้นทางและใช้รถไฟฟ้าแบบ HEAVY RAIL ประมาณการเงินลงทุน 75,000 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการนี้จะดำเนินการโดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน สนข.อยู่ระหว่างการว่าจ้างที่ปรึกษาออกแบบรายละเอียดเบื้องต้น และจะส่งผลสรุปการศึกษามาให้พิจารณาในช่วงต้นปี 2552 โดยเส้นทางสายสีชมพู ซึ่งแนวสายทางจะผ่านถนนแจ้งวัฒนะ ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะจะช่วยรองรับการขยายตัวของศูนย์ราชการบริเวณแจ้งวัฒนะ ซึ่งในเดือน มี.ค.2552 จะมีศูนย์ราชการเกิดขึ้นรวม 29 หน่วยงาน และจะมีบุคลากรไม่ต่ำกว่า 20,000 คนต่อวัน โดยระบบขนส่งมวลชนจะรองรับและช่วยให้การเดินทางมีความสะดวกรวดเร็ว รวมทั้งช่วยแก้ปัญหาการจราจรแออัดในย่านนี้

ส่วนเส้นทางสายสีเขียว ซึ่งจะผ่านถนนราชดำเนินไปยังศิริราช จะช่วยรองรับการเดินทางที่สามารถตอบสนองเขตธุรกิจได้เป็นอย่างดี อีกทั้งบริเวณถนนราชดำเนินไม่มีระบบขนส่งมวลชนรองรับ โดยนายกรัฐมนตรีและนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเห็นตรงกันว่า ต้องเร่งผลักดันโครงการให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชน และทั้ง 2 เส้นทางนี้ สามารถเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ และช่วงสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิตได้

//---------------------------------------------------------------------

เอกชน41รายชิงที่ปรึกษา

Thairath [24 ต.ค. 51 - 04:08]


นายชูเกียรติ โพธยานุวัตร รองผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ตามที่ รฟม.ได้ออกประกาศเชิญชวนบริษัทที่ปรึกษายื่นข้อเสนอ เป็นที่ปรึกษาโครงการรถไฟฟ้าสายวงแหวนรอบใน กำหนดรับเอกสารจัดจ้างที่ปรึกษาไปเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมานั้น ปรากฏว่า มีบริษัทที่ปรึกษาจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ สนใจมารับเอกสาร 41 ราย ขณะนี้อยู่ในช่วงให้เอกชนไปจัดทำข้อเสนอการประกวดราคา กำหนดเปิดรับซองประกวดราคาในวันที่ 31 ต.ค.นี้ สำหรับขอบเขตงาน ที่ปรึกษาจะต้องศึกษาความเหมาะสมของโครงการ ออกแบบรายละเอียด วิเคราะห์ โครงการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยเอกชนเข้าร่วมงาน จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม จัดทำเอกสารการประกวดราคา ใช้เวลาในการศึกษา 8 เดือน งบประมาณ 400 ล้านบาท

นายชูเกียรติกล่าวว่า สำหรับเส้นทางของโครงการรถไฟฟ้าสายวงแหวนรอบใน ตามแนวถนนรัชดาภิเษก มีระยะทางทั้งสิ้น 29 กม. มีแนวสายทาง 2 ช่วง ได้แก่

1. วงแหวนช่วงล่าง เริ่มจากบริเวณสถานีคลองเตย ของรถไฟฟ้าใต้ดินสายเฉลิมรัชมงคล ไปตามแนวถนนพระราม 3 สะพานพระราม 3 และไปเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ หัวลำโพง-บางแค ที่บริเวณแยกท่าพระ

2. อีกช่วงหนึ่ง คือ วงแหวนช่วงบน เริ่มต้นจากบริเวณสถานีลาดพร้าวของรถไฟฟ้าใต้ดิน ไปตามแนวถนนรัชดาภิเษก สะพานพระราม 7 ถนนจรัญสนิทวงศ์ ไปเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่บริเวณบางอ้อ

สำหรับรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ต้องเลื่อนการเปิดซองเทคนิคในสัญญาที่ 1 และ 2 ออกไปก่อน จากเดิมที่จะมีการพิจารณาขอความเห็นชอบเปิดซองเทคนิคจากที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ในวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา หากได้รับความเห็นชอบก็จะเปิดซองทันที แต่เนื่องจากบอร์ด รฟม. ได้เลื่อนการประชุมออกไปเป็นวันที่ 28 ต.ค. ส่งผลให้การขออนุมัติเปิดซองด้านเทคนิคต้องเลื่อนตามไปด้วย.

//----------------------------------------------------

กรณี วงแหวนช่วงล่าง ก็มี สายเฉลิมรัชมงคลอยู่แล้ว ส่วน วงแหวน ช่วงบน ก็มีเส้น บางซื่อ - จรัญสนิทวงศ์ - ท่าพระอยู่แล้ว ทำให้รู้สึกว่ามันจะซ้ำซ้อนอย่างไรชอบกลๆ อยู่ แม้ว่า วงแหวนช่วงล่างมีในแผนอยู่แล้ว ก็เถอะ

แต่มาตรองดูอีกที วงแหวนช่วงบน เชื่อมกะ สายเหลืองไม่ดีกว่าหรือ? หรือ ว่าสายเหลืองไม่เป็น Heavy Rail เลยไม่ทำให้

ถนนลาดพร้าวเองก็มีอุโมงค์ประปา ใต้ถนน ขุดไม่ดี ก็ ได้น้ำประปาท่วมแน่

พอถูกคนนินทาว่า ทางรถไฟฟ้า ผ่านหน้า บ้าน คุณสมชาย เป็นแค่ Monorail ก็เลยเปลี่ยนสเปก เพื่อเอาใจเลยเทียวนะ

ส่วน สายเขียวที่แย่งชิงจากบีทีเอส มาให้ รฟม. นั้น พี่ท่านจะให้ เลี้ยวเข้า เส้นวิภาวดีถึงดินแดง กอ่น เลี้ยวที่มักกะสัน ไป มุดดิน ที่ ยมราช แล้ว ไป ตามเส้นหลานหลวง ไป สนามหลวง แล้วไปหมดระยะที่พรานนก