วันที่ 14 กรกฎาคม 2559 นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เดินทางไปทำพิธีเปิดตัวรถโดยสารชุดใหม่จากบริษัท CRRC (China Railway Rolling Stock Corporation Limited ที่สถานีชุมทางศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยมีนายประสิทธิ์ โพธสุธน ผู้แทนจากกิจการร่วมค้า BBC Ms. Zhang Peidong ทูตพาณิชย์สาธารณรัฐประชาชนจีน และนายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี มาเป็นสักขีพยานในพิธีเปิดตัวครั้งนี้
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การจัดหารถโดยสารใหม่ชุดนี้ ถือเป็นย่างก้าวสำคัญของการรถไฟฯ ในการเปลี่ยนแปลงการให้บริการรถโดยสารให้ทันสมัย เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกสบาย ตามนโยบายของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่ารัฐบาลชุดปัจจุบัน มีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะพัฒนาระบบรางของประเทศให้มีความสมบูรณ์ และเมื่อการตรวจสอบเสร็จสิ้น และนำขบวนรถไปทดสอบการเดินรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การรถไฟแห่งประเทศไทย จะเชิญสื่อมวลชนร่วมเดินทางไปกับรถนอนปรับอากาศชุดใหม่นี้ ในเส้นทาง กรุงเทพ-เชียงใหม่ ในเดือนสิงหาคม โดยมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาเป็นประธานในพิธีเปิดเดินรถอย่างเป็นทางการ
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จะมีการทยอยรับมอบรถโดยสารรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง จนครบทั้งหมด 115 คัน ภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ และการรถไฟฯ มีแผนนำรถโดยสารชุดใหม่ทั้งหมด ไปเปิดเดินขบวนให้บริการเป็นขบวนรถด่วนพิเศษใน 4 เส้นทางด้วยกัน ระหว่างสถานีกรุงเทพเชียงใหม่, อุบลราชธานี, หนองคาย และหาดใหญ่ ไป-กลับ วันละ 2 ขบวนต่อเส้นทาง รวม 8 ขบวน ซึ่งจะเปิดให้บริการได้ครบทั้ง 4 เส้นทาง ในปีงบประมาณ 2560 และการรถไฟฯ จะมีการจัดหาขบวนรถมาประจำการเพิ่มเติมต่อไปในอนาคต
นายวุฒิชาติกล่าวต่อว่า รถโดยสารรุ่นใหม่ทั้งหมดจะมีระบบการทำงาน และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย โดยในส่วนรถปรับอากาศนั่งและนอนชั้นที่ 1 (เฟิร์สคลาส) ซึ่งมี 24 ที่นั่ง 12 ห้อง ได้มีการติดตั้งจอแอลซีดีสำหรับผู้โดยสารทุกที่นั่ง เพื่อใช้เป็นช่องทางแจ้งข้อมูลข่าวสารของการรถไฟฯ ถึงผู้โดยสาร รวมถึงรวบรวมรายการบันเทิงชั้นนำ เช่น ภาพยนตร์ เพลง เพื่อให้ความบันเทิงตลอดการเดินทาง ขณะเดียวกันผู้โดยสารยังใช้ช่องทางนี้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่บนรถไฟ เช่น สั่งอาหารได้จากที่นั่งทันที รวมไปถึงมีไฟสำหรับอ้านหนังสือหัวเตียง ช่องเสียบ USB และปลั๊กไฟ
ขณะที่รถปรับอากาศนั่งและนอนชั้นที่ 2 มีการติดตั้งจอแอลซีดีขนาดใหญ่ 4 จอ ใช้แจ้งข้อมูลข่าวสารให้ผู้โดยสาร เช่น การแจ้งเตือนระยะเวลาถึงสถานีปลายทาง ข้อมูลข่าวสารอื่นๆ เช่นเดียวกับป้ายบอกข้างตัวรถได้ทำเป็นระบบดิจิทัลสำหรับบอกชื่อสถานี ไฟหัวเตียง และปลั๊กไฟในทุกที่นั่ง ในส่วนของบริการห้องน้ำ การรถไฟฯ ได้นำห้องน้ำระบบปิดสุญญากาศ ซึ่งมีความทันสมัยเท่ากับห้องน้ำบนเครื่องบินมาให้บริการ มีความสะอาด สะดวก ลดปัญหากลิ่นเหม็น และประหยัดน้ำกว่าเดิม
ขบวนรถนอนชุดใหม่นี้เป็นขบวนรถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะได้นำระบบ Power Car ที่ใช้รถคันเดียวติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับขบวนรถ เมื่อเทียบกับระบบเดิมที่ใช้เครื่องยนต์ติดตั้งใต้ท้องรถโดยสารทุกคัน ทำให้ลดเสียงรบกวนในห้องโดยสารขณะเดินทาง และประหยัดพลังงานมากขึ้นกว่าเดิมถึง 13% รถเสบียงหรือรถขายอาหารก็จะปรับจากการทำอาหารสด มาเป็นอาหารจากเตาไมโครเวฟ และมีบริการเข็นขายอาหารในขบวนรถด้วย ด้านระบบรักษาความปลอดภัย ภายในรถโดยสารใหม่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดโดยรอบตลอดทั้งคันเพื่อสร้างความอุ่นใจในการเดินทาง รวมถึงมีการติดตั้งระบบห้ามล้อแบบดิสเบรก ระบบอัตโนมัติแจ้งเตือนการปิดประตูรถไม่สนิทก่อนขบวนออกจากสถานี รวมถึงการทำทางเชื่อมระหว่างตู้โดยสารบนขบวนรถ ทำให้ไม่มีช่องว่างระหว่างข้อต่อขบวน ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง นอกจากนี้ในรถรุ่นใหม่ยังมีบริการตู้โดยสารสำหรับผู้พิการ และผู้สูงวัยเพื่อใช้เดินทาง โดยมีลิฟท์สำหรับยกรถวีลแชร์ รวมถึงบริการรถวีลแชร์สำรอง นอกจากนี้ยังมีเครื่องดับเพลิงภายในรถทุกคน รวมไปถึงที่ทุบกระจกไว้สำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินด้วย
ทั้งนี้ในช่วงแรกของการให้บริการ ราคาค่าบริการจะยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง ถือเป็นช่วงโปรโมชั่นให้กับผู้ใช้บริการ และจะมีการปรับราคาเพิ่มเติมให้เหมาะสมต่อไปในอนาคต ทั้งหมดนี้นับเป็นมิติใหม่ในการยกระดับการให้บริการ เพื่อพารถไฟก้าวไปสู่อนาคต และเป็นความภาคภูมิใจ ของประชาชนชาวไทยต่อไป
อนึ่ง การจัดหารถโดยสารรุ่นใหม่ สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ทั้ง 115 คัน แบ่งเป็นการจัดหารถพ่วงเป็นรถปรับอากาศนั่งและนอนชั้นที่1 (บนอ.ป.) 9 คัน, รถปรับอากาศนั่งและนอนชั้นที่ 2 (บนท.ป.) 88 คัน ในจำนวนนี้มีรถสำหรับผู้พิการ 9 คัน, รถโบกี้ขายอาหารปรับอากาศ (บกข.ป.) 9 คัน และรถกำลังไฟฟ้า (Power Car) 9 คัน และในจำนวนทั้งหมดแบ่งเป็นรถสำหรับใช้งาน 104 คัน ส่วนอีก 11 คัน ใช้เป็นรถสำรองรวมทั้งสิ้น 115 คัน
ที่มา : กองประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย
วันที่ : 14/07/2559