ของฝากจาก GERMANY ตอนที่ 3

[tuie]

เดินมาถึงหัวชานชาลาที่ ๔ แล้วมองต่อไปทางหัวชานชาลาที่ ๑-๓ ครับ ข้างๆชานชาลาที่ ๑ เป็นอาคารที่ทำการแบบเดียวกับด้านข้างชานชาลาที่ ๓ ในสถานีกรุงเทพหรือหัวลำโพงบ้านเรา



มองขึ้นไปที่ “ลำโพง” ที่หนึ่งตรงแนวชานชาลาดังกล่าวออกจะมีขนาดเล็กกว่าลำโพงที่สองซึ่งอยู่ถัดไปทางซ้ายครับ

[tuie]

มองจากชานชาลาที่ ๔ เห็นหมายเลขที่ป้ายชานชาลาเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ยังมองไม่เห็นป้ายชานชาลาสุดท้ายในระดับพื้นดิน ก่อนจะกลับเข้าที่พักเราเดินไปสำรวจกันดีกว่าครับว่าหมายเลขสูงสุดของชานชาลาระดับพื้นดิน จะเป็นหมายเลขเท่าใด



มองขึ้นไปยังลำโพงที่สองซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าลำโพงที่หนึ่งครับ



บริเวณชานชาลาและห้องโถงภายในสถานีมีเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติตั้งกระจายกันอยู่มากมายครับ



ถ้าจะซื้อตั๋วเดินทางในระยะใกล้โดยเอสบาห์น อูบาห์น(รถไฟใต้ดิน) รถราง รถประจำทางให้ซื้อที่ตู้เขียว หากจะซื้อตั๋วเดินทางระยะไกล หรือบัตรส่วนลดของ DB ประเภทต่างๆ ให้ซื้อที่ตู้แดงครับ การใช้งานไม่ยุ่งยากอะไรแถมมีข้อความภาษาอังกฤษกำกับ หรือสัมผัสหน้าจอเลือกภาษาอังกฤษได้ แต่อย่าเพิ่งวางใจใช้คล่องทุกหนทุกแห่งนะครับ เนื่องจากเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติแบบเดียวกันนี้หากเป็นที่เมืองเล็กๆไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว ผมเห็นมีแต่ภาษาเยอรมันล้วนๆเลยครับ

[tuie]

เดินต่อไปเรื่อยๆถึงลำโพงที่สามด้านในอาคารสถานี ลำโพงนี้เป็นลำโพงกลางจากทั้งหมด ๕ ลำโพงครับ หลังคาลำโพงที่สามดูจะใหญ่โตที่สุดแถมยังครอบซุ้มหินโค้งแกะสลักอีกด้วย



จากป้ายชานชาลาหมายเลข ๑๐ มองต่อไปตัวเลขยังเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆจาก ๑๑...๑๒...๑๓....๑๔.... ยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดง่ายๆ



จนกระทั่งแถวๆลำโพงที่สี่ต่อกับลำโพงที่ห้านั่นแหละครับ พอจะมองเห็นป้ายชานชาลาถึงหมายเลข ๒๐ เข้าไปแล้ว

[tuie]

ในที่สุดก็เดินมาถึงทางเข้าชานชาลาที่ ๒๔ ซึ่งเป็นชานชาลาสุดท้ายในระดับพื้นดินครับ



รางที่ ๒๔ มิได้ยาวมาถึงทางเดินเชื่อมระหว่างชานชาลาเหมือนกับชานชาลาที่ ๑-๒๓ ต้องเลี้ยวซ้ายเดินเข้าไปอีกครับ



ข้างๆทางเดินเข้าชานชาลาที่ ๒๔ มีตู้ไปรษณีย์อัตโนมัติให้บริการ ผู้ส่งพัสดุสามารถทำรายการส่งพัสดุและชำระเงินได้ที่เครื่องอัตโนมัติครับ



ถัดไปเป็นล็อคเกอร์ให้เช่าเก็บสัมภาระ มีหลายขนาดให้เลือกตามความจำเป็น ราคาค่าเช่าเริ่มต้นที่ ๕ ยูโร สำหรับล็อคเกอร์ขนาดเล็กที่สุด



วิธีใช้งานแสนจะง่ายแค่ดูว่าช่องไหนว่างก็เปิดประตูออก นำกระเป๋าใส่เข้าไปแล้วปิดประตู หยอดเหรียญตามราคาที่แสดงหน้าประตูเสร็จแล้วบิดกุญแจล็อค ดึงกุญแจเก็บไว้เป็นอันเสร็จพิธีครับ

[tuie]

ชั้นใต้สถานีแฟรงเฟิร์ตมีสถานีเอสบาห์น กับสถานีอูบาห์น อีกนะครับ วันนี้เราจะไปชมสถานีเอสบาห์นกันก่อนครับ



ลงมาหนึ่งชั้นใหญ่ๆแล้วยังไม่ถึงชานชาลาเอสบาห์นเลย ต้องลงใต้ดินไปอีกหนึ่งชั้นใหญ่ๆครับ



หมายเลขชานชาลาเอสบาห์นเริ่มที่ ๑๐๑-๑๐๔ ดูแล้วไม่สับสนปนกับรถไฟทางไกลและอูบาห์นครับ

[tuie]

ลงใต้ดินต่ออีกชั้นหนึ่งไปยังชานชาลาที่ ๑๐๓-๑๐๔ ครับ



ถึงชานชาลาที่ ๑๐๔ แล้วครับ สัญลักษณ์ที่ผนังริมทางรถไฟเอสบาห์นดูคล้ายๆสัญลักษณ์ ขสมก. นะครับ



เดินมาทางด้านชานชาลาที่ ๑๐๓ บ้างครับ กำลังจะมีเอสบาห์นเข้าเทียบชานชาลานี้ ผู้คนเลยออกจะคับคั่ง



มองต่อไปทางชานชาลาที่ ๑๐๑-๑๐๒ และอุโมงค์ใต้ดินครับ

[tuie]

เกือบจะสองทุ่มอยู่แล้ว(เท่ากับเกือบตีหนึ่งเมืองไทย)ยังกลับไม่ถึงที่พักเลย ออกจะง่วงเต็มที แต่ไหนๆก็ลงมาแล้วรอชมเอสบาห์นเมืองแฟรงเฟิร์ตให้ชื่นใจสักหนึ่งขบวนนะครับ



เอสบาห์นเป็นรถไฟชานเมืองที่บริหารงานโดย DB ครับ เอสบาห์นเมืองแฟรงเฟิร์ตนี้ หากเป็นแถวๆชานเมืองก็จะแล่นตามทางรถไฟทั่วๆไปที่อยู่บนดิน แต่พอเข้าเขตใจกลางเมืองก็จะแล่นลงใต้ดิน ซึ่งต่างจากเอสบาห์นที่เบอลิน ซึ่งเป็นทางรถไฟยกระดับ แยกชุดรถและระบบจ่ายไฟฟ้าต่างหากจากรถไฟทั่วๆไปของ DB ครับ



ส่วนอูบาห์น หรือรถไฟใต้ดิน(พันธุ์แท้) นั้น มีเส้นทางและสถานีแยกต่างหากอีกโซนหนึ่งครับ แต่วันนี้ไม่ไหวแล้ว ผมยังอยู่แฟรงเฟิร์ตอีกหลายวัน วันหลังจะนำท่านไปชมครับ

[tuie]

เก็บตกรายละเอียดแถวเสาลำโพงอีกสักนิดครับ



แม้อาคารสถานีแฟรงเฟิร์ตจะมีอายุเก่าแก่นับร้อยปี แต่การบำรุงรักษาอาคาร โครงสร้างต่างๆยังเป็นไปด้วยดี



ซุ้มลำโพงกลางเมื่อมองจากห้องโถงด้านในตอนที่ผมเดินออกจากสถานีครับ

[tuie]

วันนั้นพระอาทิตย์ลับขอบตึกไปเมื่อประมาณ ๒๑.๓๐ นาฬิกา ก่อนเข้านอนผมออกมาถ่ายภาพพรนรกสถานีแฟรงเฟิร์ตในยามพลบค่ำตอนเกือบๆจะสี่ทุ่มตรงระเบียงห้องพักเป็นการส่งท้าย.....จะได้นอนหลับฝันดี







เพื่อไม่ให้กระทู้นี้ยาวมากเกินไปผมขอปิดกระทู้ “ของฝากจากเยอรมนี ตอนที่ ๓” ไว้เพียงเท่านี้นะครับ

จบไม่บริบูรณ์ (เพราะยังมีต่ออีกหนึ่งตอนครับ)

------------------------------------------------------------------------------------------

ปล. เชิญติดตามชม “ของฝากจากเยอรมนี ตอนที่ ๔” ซึ่งน่าจะเป็นตอนจบการทัวร์รถไฟ DB ของผมในปี ๒๐๐๘ ได้ตามลิงค์นี้ครับ

http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=3134