Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:318563
ทั่วไป:28576441
ทั้งหมด:28895004
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 7, 8, 9 ... 298, 299, 300  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 20/10/2008 8:37 pm    Post subject: Reply with quote

จี้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรเร่งดันรถไฟฟ้าเพิ่ม 3 เส้นทาง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2367 19 ต.ค. - 22 ต.ค. 2551


"สันติ" จี้สนข.3 เร่งดันรถไฟฟ้าเพิ่ม 3 สายทาง "เหลือง-ชมพู-น้ำตาล" คาดใช้เงินลงทุนรวมกันกว่า 1 แสนล้านบาท แนะดึงระบบโมโนเรลมาใช้ตามถนนที่แคบ เล็งแจ้งเกิดสายสีชมพูก่อน เหตุต้องเตรียมรองรับการเปิดใช้ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ต้นปี 52 คาดเริ่มเปิดประมูลได้ครบทั้ง 3 สายในปีหน้าแน่


นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวในงานประชุมสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 โครงการศึกษาความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และการออกแบบเบื้องต้น ของโครงการระบบขนส่งมวลชนสายสีเหลือง สายสีน้ำตาล และสายสีชมพู เมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า ทั้ง 3 เส้นทาง จะเป็นเส้นทางรถไฟฟ้าที่เป็นส่วนเติมเต็มโครงข่ายรถไฟฟ้าให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น


ทั้งนี้เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพู ถือเป็นเป็นเส้นทางที่มีความจำเป็นเร่งด่วนมากที่สุด เนื่องจากเป็นเส้นทางที่วิ่งผ่านบริเวณศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร บนถนนแจ้งวัฒนะด้วย ที่จะมีการเปิดให้บริการอย่างเต็มระบบต้นปี 2552 ซึ่งจะมีพนักงาน ข้าราชการ รวมถึงประชาชนเดินทางมายังพื้นที่ดังกล่าวถึงกว่าวันละ 20,000 คน/วัน จะส่งผลให้มีการจราจรที่หนาแน่นมากขึ้น สายสีชมพูจึงมีความสำคัญต่อการแก้ปัญหาจราจรบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ดี คงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบอีกครั้งหนึ่งในเรื่องของการเร่งรัดการดำเนินการ


อย่างไรก็ดีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวต่อว่า ในการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้นของรถไฟฟ้าทั้ง 3 เส้นทางนั้น ได้มอบนโยบายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) นำรูปแบบของระบบรถไฟฟ้ารางเดียว หรือที่เรียกว่า Monorail มาพิจารณาร่วมด้วย เนื่องจากเห็นว่าจะช่วยสามารถก่อสร้างได้เร็ว และเหมาะสมที่จะนำมาใช้ในเส้นทางถนนที่แคบ อีกทั้งยังประหยัดกว่าระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่มาก เพราะระบบโมโนเรลมีราคาค่าก่อสร้าง 1,300 ล้านบาทต่อกิโลเมตร ราคาตัวรถ 47 ล้านบาทต่อตู้ ในขณะที่ระบบรถไฟฟ้าขนาดหนักมีราคาค่าก่อสร้างที่ 1,700 ล้านบาทต่อกิโลเมตร ราคาตัวรถ 80 ล้านบาทต่อตู้ อย่างไรก็ตามการจะตัดสินใจว่าจะใช้ระบบใดขึ้นอยู่กับการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ตามแนวเส้นทางของโครงการจะตัดสินใจ ทั้งนี้คาดว่าอีกประมาณ 4 เดือนจะศึกษาแล้วเสร็จ จากนั้นจะเสนอให้รัฐบาลพิจารณา คาดว่าจะเริ่มเปิดประมูลได้ภายในปี 2552


สำหรับโครงการระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าสายสีเหลือง แบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 สายสีเหลืองอ่อน ช่วงรัชดาฯ-ลาดพร้าว-พัฒนาการ เป็นโครงสร้างยกระดับตลอดเส้นทาง มีจุดเริ่มต้นโครงการเชื่อมโยงกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ที่บริเวณใกล้ทางแยกรัชดาฯ-ลาดพร้าว ซึ่งแนวเส้นทางจะวิ่งอยู่เลยเกาะกลางถนนไปตามแนวถนนลาดพร้าว วิ่งเข้าสู่ถนนศรีนครินทร์ที่บริเวณแยกลำสาลี จากนั้นจะวิ่งไปตามแนวถนนศรีนครินทร์ และจบแนวเส้นทางที่บริเวณทางแยกต่างระดับพระราม 9 ตัดกับทางรถไฟสายตะวันออก ระยะทางรวม ประมาณ 12.6 กิโลเมตร ระบบรถไฟฟ้าที่เหมาะสมคือระบบรถไฟฟ้าขนาดเบา หรือ โมโนเรล (Monorail) เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 16,000 ล้านบาท


โดยตลอดแนวเส้นทาง จะมีสถานีรวมทั้งสิ้น 10 สถานี เป็นสถานีรายทาง 7 สถานี ส่วนช่วงที่ 2 คือช่วงสายสีเหลืองเข้ม เป็นทางยกระดับตลอดเส้นทาง มีจุดเริ่มต้นที่บริเวณใกล้กับสถานีหัวหมากของทางรถไฟสายตะวันออกบนถนนศรีนครินทร์ จากนั้นแนวเส้นทางจะวิ่งตามถนนศรีนครินทร์ไปเลี้ยวขวาเข้าถนนเทพารักษ์และไปสิ้นสุดสถานีปลายทางที่สำโรงซึ่งจะเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ มีระยะทางรวมประมาณ 17.8 กิโลเมตร ระบบรถไฟฟ้าที่เหมาะสม คือ ระบบรถไฟฟ้าขนาดหนัก (Heavy Rail) เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 30,000 ล้านบาท


ทั้งนี้ตลอดแนวเส้นทางจะมีสถานีรวมทั้งสิ้น 11 แห่ง เป็นสถานีรายทาง 9 แห่ง โดยจะเชื่อมต่อกับแอร์พอร์ตลิงค์ และสายสีเหลืองอ่อน และสถานีสำโรง ตั้งอยู่บนถนนเทพารักษ์ บริเวณใกล้ทางแยกถนนสุขุมวิทตัดกับถนนเทพารักษ์ ย่านสำโรง ซึ่งสามารถเชื่อมต่อระบบกับสายสีเขียวอ่อนช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ มีศูนย์ซ่อมบำรุงที่ประมาณ กม.20 บริเวณด้านทิศตะวันออกของทางแยกต่างระดับศรีเอี่ยมบริเวณใกล้คลองเคล็ด


ส่วนโครงการระบบขนส่งมวลชน รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล (บางกะปิ-มีนบุรี) เป็นส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีส้ม จากโครงสร้างใต้ดินมาเป็นแบบยกระดับ โดยมีจุดเริ่มต้นโครงการเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งเป็นโครงสร้างอุโมงค์ใต้ดิน ที่วิ่งมาจากทางแยกลำสาลี จากนั้นจะวิ่งยกระดับตามแนวเกาะกลางถนนรามคำแหง จนถึงสถานีปลายทางที่มีนบุรีบริเวณทางแยกถนนร่มเกล้า รวมระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร ระบบรถไฟฟ้าที่เหมาะสมคือระบบรถไฟฟ้าขนาดหนัก เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 70,000 ล้านบาท อย่างไรก็ดีตลอดเส้นทางจะมีสถานี 6 สถานี เป็นสถานีรายทาง 4 สถานี


ขณะที่โครงการระบบขนส่งมวลชน รถไฟฟ้าสายสีชมพู เป็นโครงสร้างยกระดับตลอดเส้นทาง มีจุดเริ่มต้นโครงการเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง บริเวณสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี ถนนรัตนาธิเบศร์ แล้วเลี้ยวซ้ายผ่านทางแยกแครายเข้าสู่ถนนติวานนท์ จากนั้นจะวิ่งไปตามเกาะกลางถนนติวานนท์จนถึงห้าแยกปากเกร็ด แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนแจ้งวัฒนะผ่านทางด่วนขั้นที่ 2 จากนั้นจะวิ่งไปตามแนวเส้นทางจะวิ่งไปตามถนนรามอินทรา จนถึงทางแยกมีนบุรี แล้ววิ่งเข้าสู่เมืองมีนบุรีตามแนวถนนสีหบุรานุกิจ จนถึงสะพานข้ามคลองสามวา แล้วจะเลี้ยวขวาข้ามคลองแสนแสบและข้ามถนนรามคำแหง (สุขาภิบาล) มาสิ้นสุดปลายทางที่บริเวณใกล้แยกถนนรามคำแหง-ร่มเกล้า ระยะทางรวมประมาณ 34.5 กิโลเมตร ระบบรถไฟฟ้าที่เหมาะสม คือระบบโมโนเรล เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 30,000 ล้านบาท ตลอดแนวเส้นทางจะมีสถานีทั้งสิ้น 24 สถานี เป็นสถานีปลายทาง 20 แห่ง
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 27/10/2008 5:27 pm    Post subject: Reply with quote

สนข.เร่ขายฝันรอบใหม่เร่งลงทุนโมโนเรล 3 สายรวด

โดย ผู้จัดการรายสัปดาห์ 24 ตุลาคม 2551 19:10 น.


สนข.เดินหน้าสนองนโยบายรัฐรอบใหม่ เร่ขายฝันดันรถไฟฟ้า 3 สายรวด โชว์ความพร้อมสายสีชมพู ตามด้วยสายสีน้ำตาล และสายสีเหลือง เล็งใช้ระบบโมโนเรลแทนรถไฟฟ้า เหตุก่อสร้างง่าย รวดเร็ว และประหยัดเงินลงทุนกว่ารถไฟฟ้าใต้ดินหรือ BTS หลายเท่า

แม้ว่าระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่อย่างรถไฟฟ้าจะมีความจำเป็นอย่างมาก แต่ทุกวันนี้ยังไม่มีการลงทุนโครงการใหม่ๆ ทั้งที่รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยจะพยายามจะเร่งรัดให้เกิดการลงทุน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีการเปลี่ยนรัฐบาลและรัฐมนตรีดูแลแผนการลงทุนหลายครั้ง ซึ่งทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนรัฐมนตรีก็จะมีการเปลี่ยนนโยบายการลงทุนด้วย จึงทำให้โครงการไม่มีความคืบหน้า

สร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า สนข.มีแผนจะลงทุนโครงการรถไฟฟ้า 3 สายรวด ได้แก่ สายสีชมพู สีเหลือง และสีน้ำตาล ซึ่งจะพัฒนาเป็นรถไฟฟ้าขนาดเบาหรือโมโนเรล โดยสายสีชมพู เส้นทางแคราย-สุวินทร์วงศ์ ระยะทาง 34.5 กม. จะลงทุนได้ก่อนเส้นทางอื่น เพื่อรองรับการเปิดใช้ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วนที่มีปัญหารถติดอย่างมาก

เส้นทางเดินรถเริ่มจากบริเวณศูนย์ราชการนนทบุรี ถ.รัตนาธิเบศร์ เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรีวิ่งตามถ.ติวานนท์ ถ.แจ้งวัฒนะ ถ.รามอินทรา จากแยกมีนบุรี วิ่งตามถ.สีหนุรานุกิจ สิ้นสุดที่แยกร่มเกล้า ซึ่งจะเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล มี 24 สถานี ใช้เงินลงทุนประมาณ 34,000-36,000 ล้านบาท

สำหรับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง 2 ช่วง คือ รัชดา/ลาดพร้าว-พัฒนาการ ระยะทาง 12 กม. และพัฒนาการ-สำโรง ระยะทาง 17.8 กม.นั้น จำเป็นต้องพัฒนาเป็นรูปแบบโมโนเรล เนื่องจากพื้นที่ย่านลาดพร้าวมีชุมชนหนาแน่น อีกทั้งยังช่วยลดผลกระทบจากการเวนคืน ที่สำคัญใช้เงินลงทุนเพียง 16,000 ล้านบาท ถูกกว่าการก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินกว่า 5 เท่า หากเป็นรถไฟฟ้าใต้ดินรัฐบาลจะต้องใส่เม็ดเงินลงไปในการลงทุนถึง 76,000 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม จากการเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชนในย่านดังกล่าวส่วนใหญ่กลับไม่เห็นด้วยที่จะสร้างโมโนเรล และต้องการให้มีการก่อสร้างเป็นรถไฟฟ้าใต้ดินมากกว่า

เส้นทางเริ่มจากทางแยกรัชดา/ลาดพร้าว เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน วิ่งตามถ.ลาดพร้าว ถ.ศรีนครินทร์ สิ้นสุดที่ทางแยกต่างระดับพระราม 9 เชื่อมกับสายสีเหลืองเข้ม(พัฒนาการ-สำโรง)และแอร์พอร์ตลิงก์ มี 10 สถานี ส่วนช่วงที่ 2 พัฒนาการ-สำโรง เริ่มต้นจากทางแยกต่างระดับพระราม 9 กับทางแยกพัฒนาการ เชื่อมกับสายสีเหลืองอ่อนและแอร์พอร์ตลิงก์วิ่งไปตามถ.ศรีนครินทร์ เลี้ยวขวาเข้าถ.เทพารักษ์สิ้นสุดที่สำโรง ซึ่งจะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนนุชช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ มีทั้งหมด 11สถานี โดยสนข.จะออกแบบเป็นระบบรถไฟฟ้าแบบยกระดับ(MRT/LRT)

ส่วนสายสีน้ำตาล เส้นทางบางกะปิ-มีนบุรี ระยะทาง 11 กม.จะพัฒนาเป็นรถไฟฟ้าหนักแบบยกระดับ(MRT) เนื่องจากพื้นที่ย่านบางกะปิ ส่วนใหญ่มีอาคารและชุมชนหนาแน่นไม่สามารถสร้างเป็นรถไฟฟ้าใต้ดินได้ เพราะหากจะสร้างเป็นรถไฟฟ้าใต้ดินจะต้องมีการเวนคืนพื้นที่เพื่อก่อสร้างสถานีเป็นจำนวนมาก ใช้เงินลงทุนประมาณ 70,000 ล้านบาท เริ่มต้นจากบริเวณคลองบ้านม้าเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีส้มในอนาคตวิ่งตามถ.รามคำแหงสิ้นสุดสถานีที่บริเวณถ.ร่มเกล้า และจะเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีชมพู มีทั้งหมด 6 สถานี

อย่างไรก็ตามสนข.จะเร่งผลักดันให้เกิดการก่อสร้างโดยเร็วที่สุด ส่วนสาเหตุที่สนข.เน้นก่อสร้างระบบโมโนเรียล เนื่องจากเห็นสามารถก่อสร้างได้ง่ายละรวดเร็วกว่ารถไฟฟ้าใต้ดินหรือรถไฟฟ้าหนักแบบยกระดับอย่าง BTS ซึ่งโมโนเรียลเหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีเขตทางจำกัด ข้อดีของระบบนี้ คือ มีรูปแบบโครงสร้างที่เล็ก ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมน้อยเมื่อเทียบกับโครงสร้างทางวิ่งยกระดับของระบบขนส่งทางรางประเภทอื่นๆ มีความยืดหยุ่นในการวางแนวเส้นทางเพราะมีรัศมีวงเลี้ยวที่แคบ ก่อสร้างง่ายและรวดเร็ว

ด้านประณต สุริยะ รองผู้อำนวยการ สนข.กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนต่อจากนี้สนข.จะให้บริษัทที่ปรึกษาออกแบบรายละเอียดโครงการก่อนที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาเห็นชอบต่อไป หลังจากนั้นกระทรวงการคลังจะเป็นผู้รับผิดชอบหาแหล่งเงินกู้ คาดว่าแบบรายละเอียดจะแล้วเสร็จในปี 2552 และเริ่มก่อสร้างได้ประมาณปี2553 ใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 2 ปี
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 30/10/2008 6:32 pm    Post subject: Reply with quote

ผุดรถไฟฟ้า′สีชมพู′รับศูนย์ราชการใหม่ เวนคืน180ไร่ รื้อ506อาคาร!!

มติชนออนไลน์ วันที่ 30 ตุลาคม 2551 - เวลา 11:53:24 น.


คมนาคมเร่งผลักดันรถไฟฟ้าสายสีชมพู"แคราย-มีนบุรี" วงเงิน7.5หมื่นล้าน หวังเป็นโครงข่ายรับศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ คาดต้องเวนคืน180ไร่ รื้อถอน506อาคาร ควักจ่าย5.8พันล้าน


ยืนยันชัดเจนจากนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ว่ารัฐบาลจะเร่งผลักดันสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพูจากแคราย-มีนบุรีระยะทาง 34.5 กิโลเมตร กรอบวงเงินค่าก่อสร้าง 75,000 ล้านบาท โดยจะบรรจุในแผนเร่งด่วนระยะแรกเพิ่มอีก 1 สายแน่นอนแล้ว

เป้าหมายก็เพื่อให้เป็นโครงข่ายรองรับกับการเปิดใช้ศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร แจ้งวัฒนะ ที่จะเปิดใช้เป็นทางการต้นปี 2552 นี้

และเพื่อให้การก่อสร้างรวดเร็วขึ้น ใช้เงินลงทุนไม่มาก ได้ปรับรูปแบบใหม่จากรถไฟฟ้าขนาดหนักเป็นรถไฟฟ้าขนาดเบาแบบยกระดับ หรือ monorail แทน

ขณะนี้สำนักงานนโนบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กำลังให้บริษัทที่ปรึกษาศึกษาโครงการและเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ ซึ่งได้รับเสียงตอบรับไม่แพ้กับรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ที่รัฐบาลวาดแผนก่อสร้างไว้


แนวเส้นทางจะเป็นโครงสร้างยกระดับตลอด จุดต้นทางจะเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ บริเวณสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี ถนนรัตนาธิเบศร์ แล้วเลี้ยวซ้ายผ่านทางแยกแครายเข้าสู่ถนนติวานนท์ จากนั้นจะวิ่งไปตามเกาะกลางถนนติวานนท์จนถึงห้าแยกปากเกร็ด แล้วเลี้ยขวาเข้าถนนแจ้งวัฒนะผ่านทางด่วนขั้นที่ 2 ไปเชื่อมต่อกับระบบรถไฟสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต ที่แยกหลักสี่บนถนนวิภาวดีรังสิต และเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ บนถนนพหลโยธิน บริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ

จากนั้นจะวิ่งไปบนถนนรามอินทราจนถึงทางแยกมีนบุรี แล้ววิ่งเข้าสู่เมืองมีนบุรี ตามแนวถนนสีหบุรานุกิจ จนถึงสะพานข้ามคลองสามวา จะเลี้ยวขวาข้ามคลองแสนแสบและข้ามถนนรามคำแหง หรือสุขาภิบาล 3 สิ้นสุดสถานีปลายทางที่บริเวณใกล้แยกถนนรามคำแหง-ร่มเกล้า ซึ่งจะเป็นสถานีเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลในอนาคต
มีสถานีทั้งหมด 24 สถานี คือ

1.สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี อยู่บริเวณหน้าศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี

2.สถานีแคราย อยู่บนถนนติวานนท์ใกล้ห้างเทสโก้ โลตัส และโรงพยาบาลทรวงอก

3.สถานีสนามบินน้ำ อยู่ใกล้กับทางแยกสนามบินน้ำ

4.สถานีสามัคคี ใกล้แยกถนนสามัคคี

5.สถานีชลประทาน ใกล้โรงพยาบาลชลประทาน และวัดชลประทานรังสฤษฏ์

6.สถานีปากเกร็ด อยู่ระหว่างทางแยกปากเกร็ดกับห้างคาร์ฟูร์ แจ้งวัฒนะ

7.สถานีเลี่ยงเมืองปากเกร็ด ใกล้ทางแยกถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ดตัดกับถนนแจ้งวัฒนะ

8.สถานีเมืองทอง ใกล้กับถนนเข้าเมืองทองธานี และสะพานข้ามแยกเมืองทองธานี

9.สถานีทางด่วนศรีรัช ใกล้ทางด่วนศรีรัช

10.สถานีมงกุฎวัฒนะ ใกล้กับโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ และห้างบิ๊กซี แจ้งวัฒนะ

11.สถานีศูนย์ราชการ ใกล้กรมการกงสุล

12.สถานีหลักสี่ ใกล้แยกหลักสี่

13.สถานีราชภัฏพระนคร ใกล้กับมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร

14.สถานีอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ อยู่บนถนนรามอินทราใกล้กับวงเวียน

15.สถานีลาดปลาเค้า ใกล้แยกลาดปลาเค้า

16.สถานีเคหะรามอินทรา อยู่ด้านหน้าทางเข้าการเคหะรามอินทรา

17.สถานีวัชรพล ใกล้ซอยวัชรพล

18.สถานีนวมินทร์ บริเวณแยกนวมินทร์ หรือรามอินทรา ก..ม.8

19.สถานีคันนายาว อยู่หน้าห้างแฟชั่นไอส์แลนด์

20.สถานีสวนสยาม อยู่หน้าโรงพยาบาลนพรัตน์ธานี

21.สถานีบางชัน ใกล้ซอยรามอินทรา 109

22.สถานีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ อยู่หน้าโรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ

23.สถานีสีหบุรานุกิจ ใกล้ตลาดมีนบุรี และ

24.สถานีมีนบุรี อยู่ถนนรามคำแหงใกล้ทางแยกร่มเกล้า


แม้ไม่ถึงกับมีเสียงคัดค้าน แต่ชาวบ้านบางส่วนยังกังวลที่อาจจะถูกเวนคืนที่ดินตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าพาดผ่าน เพราะจากข้อมูลเบื้องต้นของบริษัทที่ปรึกษา ตลอดแนวเส้นทางรัฐจะต้องจ่ายค่าเวนคืนทั้งสิ้น 5,810 ล้านบาท เป็นที่ดิน 180 ไร่ วงเงิน 4,820 ล้านบาท สิ่งปลูกสร้าง 506 อาคาร วงเงิน 990 ล้านบาท โดยบริเวณที่จะต้องเวนคืนส่วนใหญ่เป็นจุดขึ้น-ลงสถานีและจุดเลี้ยวโค้ง เช่น แยกแคราย แยกอนุสาวรีย์ชัยหลักสี่ แยกมีนบุรี ศูนย์ซ่อมบำรุงที่แยกร่มเกล้า โรงจอดพักรถที่แยกสนามบินน้ำ เป็นต้น

ใครที่กำลังมองหาบ้านหรือสร้างบ้านใหม่ในโซนนี้ คงต้องตรวจสอบเลขที่โฉนดให้ดีว่ามีสิทธิจะถูกแจ็กพอตเวนคืนหรือไม่
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 31/10/2008 10:20 am    Post subject: Reply with quote

ตั๋วร่วมรถบีทีเอส-รถใต้ดินใช้ได้ปลายปี52
Dailynews - 31 October 2008

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรม การและผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการโครงการตั๋วร่วม ว่า ตามที่บีทีเอสซีและบริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีเอ็มซีแอล ได้ร่วมกันศึกษาและจัดทำระบบตั๋วร่วมนั้น ขณะนี้ทั้ง 2 บริษัทได้ตกลงยกเลิกการจัดทำระบบตั๋วร่วมระยะแรก (Interim) ซึ่งเป็นระบบที่ให้ตั๋วของแต่ละระบบสามารถใช้ในอีกระบบหนึ่งได้ไปแล้ว เนื่องจากมีข้อจำกัดทางด้านเทคนิคและการใช้งาน โดยได้เปลี่ยนเป็นการศึกษาและจัดทำระบบถาวรแทน ซึ่งเป็นการออกบัตรใบใหม่ที่จะใช้ได้กับทุก ๆ ระบบในอนาคต ทั้งนี้ได้ดำเนินการไปแล้วระยะหนึ่ง คาดว่าปลายปี 2552 จะสามารถใช้บัตรใบเดียวขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดินได้

สำหรับเงินลงทุนในการจัดทำระบบตั๋วร่วมอยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาท ส่วนความคืบหน้าการเจรจาเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสไปยังส่วนต่อขยายที่สะพานตากสิน 2.2 กม. ยังไม่มีข้อสรุปใด ๆ อีกทั้ง กทม. เพิ่งได้ระบบที่จะติดตั้งเดินรถไฟฟ้าไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทำให้ยังไม่สามารถประเมินรายละเอียดการลงทุนในส่วนนี้ได้ อย่างไรก็ตามดูจากความคืบหน้าในการดำเนินการแล้ว คาดว่าส่วนต่อขยาย 2.2 กม.นี้ จะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในเดือน เม.ย. 2552 ตามที่ กทม.ตั้งเป้าไว้.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 03/11/2008 10:27 am    Post subject: Reply with quote

4 กลุ่มชิงดำออกแบบรถไฟฟ้าวงแหวน
Dailinews - 3 November 2008

นายเยี่ยมชาย ฉัตรแก้ว รักษาการผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ตามที่ รฟม. ได้ออกประกาศเชิญชวนบริษัทที่ปรึกษายื่นข้อเสนอเป็นที่ปรึกษา ทำการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบรายละเอียด และจัดทำเอกสารประกวดราคา โครงการรถไฟฟ้าสายวงแหวนรอบใน ตามแนวถนนรัชดาภิเษก โดยกำหนดรับเอกสารไปเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา และครบกำหนดยื่นเอกสารประกวด ราคาในวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา นั้น ปรากฏว่า มีเอกชนมายื่นเอกสารประกวดราคาทั้งสิ้น 4 กลุ่ม ได้แก่

1.กลุ่มบริษัท เอพซิลอน จำกัด บริษัท ไทย เอ็มเอ็ม จำกัด
2.กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา บีเอ็มทีบี (BMTB Consortium)
3.กลุ่มบริษัท นอร์คอนซัลท์ ซีวิล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด โดยมีบริษัท นอร์คอนซัลท์ ซีวิล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เป็นแกนนำของกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา
4.กลุ่มบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด

นายเยี่ยมชาย กล่าวต่อว่า คณะกรรมการประกวดราคาจะเปิดซองราคาเฉพาะผู้ที่มีคะแนนด้านเทคนิคในอันดับที่ 1 และ 2 เท่านั้น คาดว่าจะได้ตัวที่ปรึกษาเร็ว ๆ นี้.

//----------------------------------------------
ชิงคอนซัลต์รถไฟฟ้ารอบใน
[Thairath 3 พ.ย. 51 - 05:58]

นายเยี่ยมชาย ฉัตรแก้ว รักษาการผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ตามที่ รฟม.ได้ออกประกาศเชิญชวนบริษัทที่ปรึกษายื่นข้อเสนอเป็นที่ปรึกษา ทำการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบรายละเอียด และจัดทำเอกสารประกวดราคา โครงการรถไฟฟ้าสายวงแหวนรอบใน ตามแนวถนนรัชดาภิเษก โดยกำหนดรับเอกสารจัดจ้างที่ปรึกษาไปเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา และครบกำหนดยื่นเอกสารประกวดราคาในวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น ปรากฏว่า มีเอกชนมายื่นเอกสารประกวดราคาทั้งสิ้น 4 กลุ่ม ได้แก่




1. กลุ่มบริษัท เอพซิลอน จำกัด บริษัทไทย เอ็มเอ็ม จำกัด Mott MacDonald Limited บริษัทอรุณ ชัยเสรี คอนซัลติ้ง เอนจิเนียร์ส จำกัด บริษัทธารา คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัทอินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด โดยมีบริษัทเอพซิลอน จำกัด เป็นบริษัทหลัก (Lead Firm)

2. กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาบีเอ็มทีบี (BMTB Consortium) อันประกอบด้วย บริษัทเอ็ม เอ เอ คอนซัลแตนท์ จำกัด ในฐานะบริษัทหลัก (Lead Firm) ร่วมกับอีก 6 บริษัท คือ บริษัทเทสโก้ จำกัด บริษัทไทยเอนจิเนียริ่ง คอนซัลแตนทส์ จำกัด บริษัทโชติจินดา มูเชล คอนซัลแตนท์ จำกัด Moh and Associates, Inc. บริษัทดี ทู คอนซัลท์ เอเชีย จำกัด และ Transport East West Expert Team GmbH


3. กลุ่มบริษัทนอร์คอนซัลท์ ซีวิล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด Light Rail Transit Consultants GMBH บริษัทไอที อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัทสแปน จำกัด และบริษัทเอเซีย แล็บ แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด โดยมีบริษัท นอร์คอนซัลท์ ซีวิล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เป็นแกนนำของกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา

4. กลุ่มบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด ร่วมกับ Oriental Consultants Co., Ltd. บริษัทดีไซน์ คอนเซปต์ จำกัด บริษัทอีอีซี เอ็นจิเนียริ่ง เน็ทเวิร์ค จำกัด BERNARD Ingenieure GmbH และบริษัทเอ็นริช คอนซัลแต้นท์ จำกัด



นายเยี่ยมชายกล่าวต่อว่า หลังจากนี้คณะกรรมการประกวดราคาจะนัดประชุมเพื่อกำหนดเงื่อนไขการให้คะแนนทางด้านเทคนิคก่อน จึงจะเปิดซองเทคนิคโดยจะจัดลำดับผู้ที่ได้คะแนนด้านเทคนิคไว้ และจะเปิดซองราคาเฉพาะผู้ที่มีคะแนนด้านเทคนิคในอันดับที่ 1 และ 2 เท่านั้น คาดว่าจะได้ตัวที่ปรึกษาเร็วๆนี้.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 09/11/2008 11:42 am    Post subject: Reply with quote

'โอฬาร'ดึงซีเมนต์ดันไทยศูนย์กลางโบกี้รถไฟ

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : 8/11/2008


"โอฬาร" เล็งดึง'ซีเมนต์'จากเยอรมนี ตั้งศูนย์ประกอบโบกี้รถไฟฟ้า ดันไทยเป็นศูนย์กลางและให้คนไทยมีการเรียนรู้ โดยไม่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ

นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมตรี เป็นประธานเปิดงานมหกรรมประชุมทางวิชาการและการแสดงเทคโนโลยีของเยอรมนีครั้งที่ 9 โดยมีนักธุรกิจ และหลายหน่วยงานเข้ารวม

นายโอฬาร กล่าวว่าไทยมีแผนการสร้างโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐ ในการก่อสร้างรถไฟฟ้าหลายเส้นทาง จึงต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการต่อโบกี้รถไฟ โดยไม่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ จึงได้เชิญชวนผู้บริหารซีเมนต์ ผ่านทางเอกอัครทูตของเยอรมนี เพราะการต่อโบกี้รถไฟ ซึ่งไม่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงมากนักน่าจะดำเนินการได้ ไม่เหมือนกับหัวรถจักรรถไฟซึ่งยังต้องนำเข้ามา

การเข้ามาลงทุนนั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้ให้การสนับสนุนการลงทุน ทั้งนี้ให้วิศวกรของคนไทยได้มีโอกาสเรียนรู้การต่อโบกี้รถไฟฟ้า หากมีปัญหาซ่อมบำรุงไม่ต้องส่งไปยังต่างประเทศต้องใช้เวลานาน

ส่วนการค้าการลงทุนไทยกับเยอรมนีมีมูลค่าประมาณ 65,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ซึ่งไทยก็ยังจำเป็นต้องนำเข้าเทคโนโลยีขั้นสูงจากเยอรมนี ขณะที่นักท่องเที่ยวของเยอรมนีก็นิยมเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศถึง 5 แสนคนต่อปี ถือว่ามีรายได้จากการเที่ยวของชาวยุโรปเป็นจำนวนมาก
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 11/11/2008 9:17 pm    Post subject: Reply with quote

ครม.ตั้ง"โอฬาร"ปธ.จัดสรรงบฯ- เห็นชอบกู้เงินญี่ปุ่นสร้างรถไฟฟ้า

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 11 พฤศจิกายน 2551 16:04 น.


นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้เห็นชอบให้แต่งตั้ง นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณจากงบประมาณขาดดุลกลางปี 2552 จำนวน 100,000 ล้านบาท โดยจะให้มีการเรียกประชุมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในวันพรุ่งนี้(12 พ.ย.) เพื่อเร่งรัดจัดสรรงบประมาณโดยเร็วตามหลักการ เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
โดยในส่วนของข้อเสนอของภาคเอกชนที่จะให้นำไปใช้ในการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลา 1 ปีนั้น เห็นว่าจะต้องทบทวนเพราะจะมีรายได้ส่วนหนึ่งของรัฐบาลหายไป วิธีการจัดสรรจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยในวันพรุ่งนี้เห็นว่าจะสามารถจัดสรรงบประมาณ 100,000 ล้านบาทได้
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังกล่าวอีกว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรียังเห็นชอบแหล่งเงินกู้ในการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง สีแดง และสีน้ำเงิน จากประเทศญี่ปุ่นแล้ว โดยจะมีการลงนามเงินกู้เร็วๆ นี้เพื่อเร่งรัดโครงการใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 27/11/2008 3:52 pm    Post subject: Reply with quote

สนข.ลุ้นงบออกแบบรถไฟฟ้าสายสีชมพู
หวั่นถูกตัดงบทำไม่ทันรองรับศูนย์ราชการ
เดลินิวส์ 27 พฤศจิกายน 2551

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า ตามที่ สนข.ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาการศึกษาความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และการออกแบบเบื้องต้น โครงการระบบขนส่งมวลชนสายสีเหลือง สีน้ำตาล และสีชมพู โดยได้เปิดรับฟังความเห็นประชาชนแล้ว 2 ครั้งนั้น ขณะนี้การศึกษาใกล้จะเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดย

1. สายสีเหลืองแบ่งเป็น 2 ช่วง 2 ระบบ คือ
1.1 ช่วงที่ 1 สายสีเหลืองอ่อน ช่วงรัชดาลาดพร้าว-พัฒนาการ ก่อสร้างเป็นโมโนเรลยกระดับ ระยะทาง 12.6 กม.
1.2 ช่วงที่ 2 สีเหลืองเข้ม วงแหวนช่วงพัฒนาการ-สำโรง ก่อสร้างเป็นรถไฟฟ้าขนาดหนักยกระดับ ระยะทาง 17.8 กม. ค่าก่อสร้างรวม 46,000 ล้านบาท

2. สายสีน้ำตาล ช่วงบางกะปิ-มีนบุรี ก่อสร้างเป็นรถไฟฟ้าระบบหนักแบบยกระดับ ระยะทาง 11 กม. ค่าก่อสร้าง 70,000 ล้านบาท และ

3. สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ก่อสร้างเป็นรถไฟฟ้าโมโนเรลยกระดับ ระยะทาง 34.5 กม. ค่าก่อสร้าง 36,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ตนเห็นว่าในสายสีเหลืองช่วงที่ 1 และสายสีชมพู ที่ที่ปรึกษาเสนอให้ก่อสร้างเป็นรถไฟฟ้าโมโนเรล ควรเสนอผลการศึกษาแบบระบบหนักไว้ด้วย พร้อมแสดงข้อดีข้อเสียเปรียบเทียบไว้เพื่อให้รัฐบาลเป็นผู้ตัดสินใจเลือกรูปแบบในการดำเนินโครงการ เนื่องจากในอนาคตจะต้องมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน หากสร้างเป็นโมโนเรลอาจต้องสิ้นเปลืองงบประมาณในการเพิ่มขนาดระบบขนส่งมวลชนอีกรอบ

นางสร้อยทิพย์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่ตนได้เสนอของบประมาณรายจ่ายกลางปี 2552 จำนวน 643 ล้านบาท มาใช้ในการจ้างออกแบบรายละเอียดโครงการรถไฟฟ้า 2 สาย ประกอบด้วย

1.งานออกแบบรายละเอียดโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-แจ้งวัฒนะ-มีนบุรี งบประมาณ 384 ล้านบาท และ

2.งานออกแบบรายละเอียดโครงการรถไฟฟ้า สายสีเหลือง ช่วงบางกะปิ-ศรีนครินทร์-สำโรง งบประมาณ 259 ล้านบาท ทางสำนักงบประมาณชี้แจงว่าต้องการจัดสรรงบกลางให้ครอบคลุมในส่วนภูมิภาค จึงมีความเป็นไปได้ว่าอาจไม่ได้งบในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามตนจะยืนยันของบกลางโครงการออกแบบรายละเอียดรถไฟฟ้าสีชมพูก่อน เพราะมีความสำคัญต้องเร่งก่อสร้างเพื่อรองรับการเปิดใช้ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ส่วนโครงการที่เหลือจะขอจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ต่อไป.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 13/12/2008 1:58 am    Post subject: Reply with quote

เปลี่ยนรัฐบาลทำรถไฟฟ้าสะดุด สนข.หวั่นรมต.ใหม่สั่งทบทวน

โดย ASTVผู้จัดการรายสัปดาห์ 12 ธันวาคม 2551 21:21 น.


“สร้อยทิพย์” ชี้เปลี่ยนรัฐบาล รัฐมนตรี ทำโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าชะงัก เพราะต้องนับหนึ่งใหม่ทุกครั้ง ด้านประธานบอร์ดรฟม.มั่นใจโครงการผ่านครม.แล้วเดินหน้าต่อ ยันญี่ปุ่นปล่อยกู้แม้เป็นรัฐบาลรักษาการ

ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องปรกติไปแล้ว สำหรับการดำเนินโครงการของกระทรวงต่าง ๆ ที่พอมีการเปลี่ยนรัฐบาลหรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล จะต้องมีการสั่งทบทวน หรือรื้อแผนทั้งหมด ซึ่งสร้างความลำบากใจให้กับหน่วยงานที่รับผิดชอบเป็นอย่างมาก เพราะต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทุกครั้ง ตั้งแต่การคัดเลือก ศึกษา หาแหล่งเงินกู้ ซึ่งเป็นการเสียเวลาและสิ้นเปลืองงบประมาณเป็นอย่างมาก

โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการะเมกกะโปรเจกต์ที่ไม่ว่ารัฐบาลไหน รมต.คนใดที่เข้ามาบริหารประเทศจะต้องเปลี่ยนแปลงเส้นทางทุกครั้ง ส่งผลให้ไม่มีโครงการรถไฟฟ้าเกิดขึ้นสักทีแม้ว่าโครงการจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมานานแล้ว ซึ่งสาเหตุหลักๆน่าจะมาจากนโยบายของรัฐมนตรีแต่ละคนที่เข้ามาควบคุมในช่วงนั้นๆโดยที่ไม่คำนึงถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้น

สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) หน่วยงานหลักซึ่งทำหน้าที่วางแผนเส้นทางคมนาคมขนส่งของกรุงเทพมหานคร(กทม.) จึงต้องทำงานหนักและปวดหัวทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เพราะแผนงานที่ศึกษาไว้ส่วนใหญ่จะต้องถูกปรับแก้หรือยกเลิกไป สร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการ สนข. กล่าวว่า ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนรัฐบาลก็เหมือนต้องกลับมานั่งนับหนึ่งใหม่ ซึ่งเสียเวลามาก เพราะงานโครงการโดยเฉพาะระบบรางต้องเดินหน้า เพื่อให้มีเงินเข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งหากการเมืองยังคงไม่นิ่งเช่นนี้เชื่อว่าการดำเนินการโครงการใหญ่ๆอย่างระบบรางอาจเกิดช้า

สอดคล้องกับความเห็นของประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) ซึ่งกล่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล หรือรัฐมนตรี การดำเนินโครงการรถไฟฟ้าต้องนำกลับมานับหนึ่งใหม่ทุกครั้ง ซึ่งเป็นการเสียเวลาและเสียโอกาสมาก

ทั้งนี้ สร้อยทิพย์ กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินงานต่างๆของสนข.คงไม่ใส่เกียร์ว่าง ยังคงเดินหน้าวางแผนโครงข่ายคมนาคมเพื่อนำเสนอรัฐบาลชุดใหม่ ส่วนโครงการที่กำลังดำเนินการโดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้ง 2 ช่วงนั้น ยังคงเดินหน้าประกวดราคา เพราะครม.อนุมัติโครงการแล้ว ซึ่งคาดว่าจะสามารถประกวดราคาได้ประมาณต้นปีหน้า ส่วนจะประกวดราคาแบบอี-ออคชั่นหรือแบบอินเตอร์เนชั่นแนลหรือไม่นั้นคงต้องรอมติจากครม.ก่อน

ส่วนการสรรหาผู้ว่ารฟม.นั้น สร้อยทิพย์กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการสรรหาฯเมื่อวันที่ 3ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบเปิดประกาศรับสมัคร ผู้ว่า รฟม.ในระหว่างวันที่15 ธ.ค. 2551 ถึงวันที่ 20 ม.ค. 2552 โดยที่ประชุมมอบหมายให้ฝ่ายเลขาฯเร่งจัดทำเอกสารเพื่อประกาศเชิญชวนผู้ที่สนใจ สำหรับคุณสมบัติผู้สมัครเป็นไปตามกฎหมาย ส่วนคุณสมบัติเฉพาะ จะต้องเป็นผู้บริหารโครงการที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้ผู้ว่ารฟม.คนใหม่ในเดือน มี.ค. 2552

ด้านสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ในฐานะประธานคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า จากการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองจนส่งผลให้สถานภาพของรัฐบาลกลายเป็นรัฐบาลรักษาการนั้น จะส่งผลต่อการดำเนินการในโครงการรถฟ้าหรือไม่นั้น เชื่อว่าคงไม่ส่งผลกระทบหรือเกิดสูญญากาศแน่นอน เพราะผ่านความเห็นชอบจากครม.แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสายสีม่วง (บางใหญ่ –บางซื่อ) มูลค่า 36,000 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดขายแบบได้กลางม.ค.ปีหน้าซึ่งคาดว่าจะได้ผู้ชนะเดือนมิ.ย.2552 โดยจะเป็นการประมูลแบบอี-ออคชั่น และสายสีเขียวอ่อนและสายสีเขียวเข้ม(ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการและช่วงหมอชิต-สะพานใหม่) มูลค่า 31,577 ล้านบาท ก็สามารถดำเนินโครงการต่อได้เลยไม่สะดุด ส่วนความกังวลว่าสถาบันการเงินต่างชาติจะไม่ปล่อยกู้นั้น ไม่มีปัญหาเพราะรัฐบาลญี่ปุ่นจะเข้มงวดกับรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งมากกว่าแต่ในกรณีการยุบพรรคนั้นไม่ถือว่าเป็นการรัฐประหาร ดังนั้นเรื่องเงินกู้จากญี่ปุ่นจึงไม่มีปัญหา

สุพจน์กล่าวอีกว่า ในส่วนของสายสีเขียวทั้ง 2 ช่วงนั้น ครม.มีมติอนุมัติให้กระทรวงคมนาคมและรฟม. เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ โดยรฟม.ได้ดำเนินการหาแหล่งเงินกู้ ซึ่งให้ทางกระทรวงคลังโดยสำนักบริหารหนี้สาธารณะเป็นผู้ดำเนินการในการจัดหาแหล่งเงิน เบื้องต้นทางธนาคารโลก (World Bank) หรือ ธนาคารเพื่อการบูรณะและพัฒนาระหว่างประเทศจะให้กู้ในวงเงิน 35,000 ล้านบาท ดังนั้น ยืนยันว่าการดำเนินงานต่างๆเดินตามแผนที่วางไว้ไม่เกิดสูญญากาศ

นอกจากนี้ รฟม.จะดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างและขออนุมัติประกวดราคา ซึ่งประมาณเดือนมิ.ย 2552 และหลังจากนั้นอีกประมาณ 5-6 เดือน จึงเซ็นสัญญาก่อสร้าง โดยหลังจากนี้จะมีการประชุมบอร์ดรฟม.เพื่อเสนอรายชื่อคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 14/12/2008 2:24 pm    Post subject: Reply with quote

แก้วสรร"ฝันสร้างรถไฟฟ้าเหนือใต้รังสิต-ตลิ่งชัน ได้เป็นผู้ว่าฯพร้อมออกพันธบัตรขอพื้นที่รฟท
Dailynews - 12 Dec 2008

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 11 ธ.ค. นายแก้วสรร อติโพธิ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 12 พร้อมนายขวัญสรวง อติโพธิ และทีมงานลงพื้นที่หาเสียงบริเวณท่าเรือข้ามฟากไปสาทร นายแก้วสรร กล่าวว่า รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายจากสาทร-ตากสิน 2.2 กม. ที่ข้ามไปฝั่งธนบุรี ตามแผน กทม. จะสร้างเสร็จเปิดใช้บริการในเดือน เม.ย.นี้แน่นอนไม่ว่าใครเป็นผู้ว่าฯ กทม. ก็ตาม และผู้ที่จะมาเป็นผู้ว่าฯ กทม. ต้องช่วยทำให้การ ลงทุนที่ลงไปแล้วกว่าพันล้านบาทเกิดประโยชน์กับคน กทม. ไม่ใช่ต้องนั่งรถ ต่อเรือ หลายต่อกว่าจะถึงที่หมาย

ดังนั้นกทม.ต้องเป็นผู้ลงทุนระบบรถรางไฟฟ้าซึ่งหากตนได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯกทม.จริงจะเข้ามาสานต่อ ส่วนโครงการเดิมที่รัฐบาลวางแผน 10 สายนั้นไม่จำเป็นต้องสร้างทั้งหมดเพราะติดปัญหาการเวนคืนชาวบ้าน ใช้ต้นทุนสูง ตนเห็นว่าควรสร้างรถไฟฟ้าแกนหลักคือสายเหนือสิ้นสุดที่รังสิต และสายใต้สิ้นสุดที่ตลิ่งชัน ซึ่งจะใช้เส้นทางตามแนวรางรถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) หรือโฮปเวลล์เดิมไม่ต้องเวนคืนที่ดินชาวบ้านให้เป็นปัญหา ส่วน รฟท. ก็ควรบริหารจัดการการเดินรถระดับชาติที่ดูแลทุกข์สุขให้คนต่างจังหวัดเท่านั้น การคมนาคมขนส่งระบบรางในพื้นที่กรุงเทพฯ ควรเป็นหน้าที่ของ กทม.

นายแก้วสรร กล่าวต่อว่า ตนจะออกพันธบัตร กทม. เพื่อก่อสร้างไม่ต้องไปกู้ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (เจบิค หรือ ไจก้า) และจะจัดรถไมโครบัสหรือรถสองแถวเล็กวิ่งรับส่งผู้โดยสารจากที่บ้าน ที่ทำงานถึงสถานีรถไฟฟ้าอำนวยความสะดวกประชาชน โดยเปิดประมูลสัมปทานผู้ประกอบการ 1 รายมีรถวิ่งได้ไม่เกิน 10 คัน.
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 7, 8, 9 ... 298, 299, 300  Next
Page 8 of 300

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©