View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
ChiangRai
3rd Class Pass


Joined: 01/04/2008 Posts: 96
Location: เหนือสุดในสยาม ชายแดนสามแผนดิน ถิ่นวัฒนธรรมล้านนา ล้ำค่าพระธาตุดอยตุง
|
Posted: 24/02/2009 10:13 pm Post subject: -`รถไฟไทย...ในนิราศ`- |
|
|
เป็นนิราศที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับรถไฟไทย ในยุคก่อน มาจากหนังสื่อที่ระลึกในงานฌาปนกิจศพคุณแม่ของอาจารย์ที่ปรึกษาครับ ส่วนคนแต่งนั้นเป็นสามีของผู้วายชนม์ครับ ลองอ่านกันดู มีหลายตอนครับที่เกี่ยวกับรถไฟ
นั่งรถไฟไป-กลับนับไม่ถ้วน------เอาป่าใหญ่ไม้สวนมาเป็นเพื่อน
มองต้นไม้ในปาตาพร่าเลือน------------------บ้างทรงเหมือนรูปนางเจ้าบังอร
แม้จะยืนคู่ตายไร้ใบติด------------------------ก็ยังชิดเหมือนได้ใกล้สมร
ไม่ต้องห่างอย่างเราเฝ้าจากจร---------------กรรมพรากคู่เขาก่อนหรืออย่างไร
อีกาเดี่ยวเกี่ยวเกาะกิ่งพฤกษา-------อยู่เอกาอย่างเราหรือไฉน
มองทุกอย่างต่างวิ่งทิ้งรถไฟ-----------------ก็กริ่งใจกลัวนางคิดห่างเรา
มหิงสาหน้าก้มดมติณชาติ--------------------ยังไม่ขาดเคียงคู่ดูหายเหงา
พฤกษาสาวเคียงคู่โคผู้เยาว์------------------ยิ่งยั่วเย้าให้คิดอยากชิดนาง
ล้อรถเบียดเสียดดังบนรางคู่----------เสียงจี๊ด-จี๊ดกรีดหามิรู้สร่าง
เสียงหมอนไม้กระดอนพบกระทบราง-------ถึงก็ช่าง-ไม่ถึงก็ช่างเหมือนฟังมา
ดังจี๊ด-จี๊ดกรีดร้องคล้ายน้องเรียก------------จิตสำเหนียกคล้ายน้องร้องเรียกหา
ใครจูงหนีพี่ไปกระไรวา-----------------------หรือจะว่าหนุ่มนั้นกลั่นแกล้งเธอ
เพราะมันแน่แก่ใจพี่ไม่อยู่---------------------จึงเจ้าชู้คุกคามเมื่อยามเผลอ
ถ้าอยู่ใกล้ได้ป้องน้องละเออ-----------------มันต้องเจอหมัดพี่หนีซุกซุน
ไม้หมอนกระทบรางดังเหมือนแกล้ง--------ไม่วิ่งแข่งเวลาพาหัวหมุน
ถึงก็ช่าง-ไม่ถึงก็ช่างอย่างไรคุณ-----------แล้วเมื่อไหร่จะได้หนุนหมอนร่วมกัน
ยามขาจากอยากให้ไปช้าช้า--------ยามมาหาอย่าเร็วรี่ขมีขมัน
เพื่อชมโฉมเฉิดแฉล้มเจ้าแจ่มจันทร์--------ที่ฉายฉันจ้าแจ้งแข่งสุมา
คืนวันศุกร์สุขยิ่งได้อิงแอบ-------------------นั่งนอนแนบเคล้าคลึงถึงอุษา
วันเสาร์ก็ใกล้กันจำนรรจา--------------------ทุกเวลาได้ชิดสนิทนาง
บ่ายอาทิตย์จิตหมองเพราะต้องจาก-------ทำใจยาหน้าหมองเพราะต้องห่าง
เหมือนเวลามาไล่ไปลำปาง-----------------วันคืนหนอก็ช่างมาเร็วจริง
มองรถไฟให้เห็นเช่นชายชั่ว----------------ที่ทำตัวกาจเก่งนักเลงหญิง
หนอกให้ห่างของหวงหมายช่วงชิง--------เมื่อเราทิ้งทอดไว้ใกล้มือมัน
เคาะระฆังดังบอก ออกรถได้
เหมือนกระทั่งกลางใจยิ่งไหวหวั่น
บีบมือน้องสองข้างอย่างรู้กัน
ไม่นานวันจะมาอยู่เป็นคู่ใจ
รถวิ่งเรื่อยตามรางถึงยางเนิ้ง-----------ยังมีเพิงริมทางสร้างอาศัย
คำว่าเนิ้งคือเอนเย้ซวนเซไป------------------แต่ไกลใกล้ไม่เห็นยางเอนเลย
ต่อมาเปลี่ยนแปลงไปให้ถูกที่-----------------ว่าสารภีชื่อตามอำเภอเอย
ไม่เกี่ยวปนต้นยางเหมือนอย่างเคย-----------โอ้อกเอ๋ยชั่ววับเศร้ากลับคืน
ถึงป่าเส้าเข้าจริงยิ่งเศร้าจิต------------น่าจะคิดชื่อใหม่ให้ชื่นมื่น
ช่างยิ่งเพิ่มเสริมซ้ำทุกค่ำคืน------------------มีชื่ออื่นทำไมไม่ตั้งแทน
ผ่านลำพูนตะบึงถึงหนองหล่ม-----------------มันช่างสมความรักข้าฯหนักแน่น
ใครโยกยันสั่นไหวไม่คลอนแคลน------------เพราะแน่นแฟ้นติดหล่มจอจอดนาง
เมื่อถึงทาชมพูก็รู้ได้---------------------ว่ามีไก่เร่ขายอยู่หลายอย่าง
ทั้งไก่ต้ม,ไก่ทอดตลอดทาง-------------------ในระหว่างจอดหน้าสถานี
พริกกะปิดีนักจิ้มผักนึ่ง---------------------------เพียงสลึงซื้อได้จากหลายที่
นึกถึงคู่ชูชื่นขึ้นทันที----------------------------ถ้าน้องนั่งข้างพี่คงถูกใจ
ถึงขุนตานใช่ตาลที่ปีนต้น---------------ซึ่งหลายคนหลงผิดคิดกันใหญ่
เหลียวมองค้นต้นตาลกันทันใด----------------แล้วก็ไม่พบตาลสักต้นเลย
ขุนตานคือขุนทากระมังหนอ-------------------ออกเสียง ท เป็น ต ตามเสียงเอ่ย
เป็นต้นน้ำแม่ทามาก่อนเคย--------------------เติม น เฉยหลังคำว่า ทา ว่าเป็น ทาน
เมื่อขุนตานเป็นขุนทามานานเหลือ------------สำเนียงเหนือเป็นขุนตานไปตามท่าน
ชื่อขุนตานจึงเรียกสำเหนียกนาน--------------โปรดวิจารณ์สักนิดสะกิดใจ
รถไฟล่องลงไปอีกหลายที่--------------ผ่าน 4-5 สถานี ถึงเมืองใหญ่
นครลำปางดังประสงค์รถไฟ-------------------ขี่รถถีบรีบไปในโรงเรียน
Note: ขออนุญาตแก้ที่ผิดนะ (วิศรุต) _________________
*-*Welcome To ChiangRai Railway Station*-* |
|
Back to top |
|
 |
Wisarut
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006 Posts: 44615
Location: NECTEC
|
Posted: 24/02/2009 11:06 pm Post subject: |
|
|
พินิจพิเคราะห์ดูแล้วนิราศเรื่องนี้ แต่งขณะเดินทางจากเชียงใหม่ไปลำปางโดยทางรถไฟ ราวๆ ปี 2504 - 2505 เพราะ สถานีป่ายางเลิ้งเพิ่งจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสถานีสารภี
ว่าแต่ว่า นิราศเรื่องนี้ชื่อว่ากระไร และ อยู่ในหนังสืองานศพ ของผู้ใดโดยละเอียด เพราะระบุเพียงแต่ว่า เป็น คุณแม่ของอาจารย์ที่ปรึกษา ก็ยังไม่ได้ความ ถ้าได้ข้อมูลโดยละเอียดก็พอจะตามหนังสือได้ไม่ยาก
แก้คำผิดโดย Black express เมื่อ 24/02/2552 เวลา 23.30 น. |
|
Back to top |
|
 |
Mongwin
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007 Posts: 48291
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 24/02/2009 11:24 pm Post subject: |
|
|
ที่ผมสงสัยมาตลอดคือ บริเวณนั้นเรียก ยางเนิ้ง
เหตุใดชื่อสถานีจึงเป็น ป่ายางเลิ้ง
ไม่ทราบว่ามีนัยยะอะไรแฝงอยู่เบื้องหลังหรือเปล่านะครับ |
|
Back to top |
|
 |
black_express
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 24/02/2009 11:28 pm Post subject: |
|
|
จริงๆ แล้ว สถานีสารภีเดิมชื่อว่า "ป่ายางเนิ้ง" ครับ ยังสงสัยเหมือนกันว่าทำไมถึงใช้ชื่อว่า "ป่ายางเลิ้ง" ? |
|
Back to top |
|
 |
Mongwin
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007 Posts: 48291
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 24/02/2009 11:41 pm Post subject: |
|
|
เป็นอีกหนึ่งปริศนา พอๆ กับสถานีนาม่วง ที่อยู่ที่นาหม่อมครับ
---------------------------------------
พูดถึงนิราศกับรถไฟ
ถ้าสามารถหาหนังสือ รวมคำร้อยกรอง ของ ก.แสงจันทร์
พิมพ์เป็นที่ระลึกในงานฌาปนกิจศพ นายสงวนศักดิ์ แสงจันทร์ และ นางโฉมศรี วาณิชโช (แสงจันทร์) ฌาปนสถานกองทัพบก วัดโสมนัสวิหาร วันจันทร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ.2505 ได้จะเยี่ยมมากครับ
มีนิราศเทพา ที่แต่งเมื่อ พ.ศ.2460 อยู่ด้วยครับ บรรยายการเดินทางโดยรถไฟจากสถานีสงขลาด้วย
Quote: | นิราศร้างห่างบุตรสุดสงวน
ไปอำเภอเทพาเวลาจวน กำลังด่วนชวนครูแดงจัดแจงเดิน
ลงบันไดไคลคลาอุราเศร้า ให้ง่วงเหงาเปล่าอกระหกระเหิน
จนมาถึงสถานีไม่มีเพลิน ก้มหน้าเมินขึ้นรถไฟครรไลลา
"กระทั่งถึงวัดโรงวาศอนาถเนตร แสนเทวษมิได้สิ้นถวิลหา
เหมือนเขาวาดรูปมิตรมาติดตา ทัศนาสิ่งทั้งหลายมิได้ยล
อินยิเนียร์เปิดแตรแซ่สนั่น แม้เสียงฉันก้องฟ้าเวหาหน
จะกล่าวคำอำลากลางอรญ ให้ยุบลทราบกรรณของขวัญใจ"
มาถึงวัดท่าทางยิ่งหมางจิต ดำริคิดในอุราน้ำตาไหล
อยู่ร่วมห้องครองกันไม่ทันไร จะต้องไปสู่ป่าวัดท่าทาง
ผู้อยู่หลังตั้งแต่จะแลเหลียว หัวอกเปลี่ยวเปล่าตาอุราหมาง
ยิ่งคิดไปใจมืดให้จืดจาง จนต้องวางจิตไว้ในธรรมา
ถือเอาพุทธดำรัสกำจัดโศก ห้ามวิโยคยึดพระธรรมเทศนา
พอถึงวัดอุทัยใกล้ศาลา มองหายาอุทัยมิได้ยล ฯ |
|
|
Back to top |
|
 |
ChiangRai
3rd Class Pass


Joined: 01/04/2008 Posts: 96
Location: เหนือสุดในสยาม ชายแดนสามแผนดิน ถิ่นวัฒนธรรมล้านนา ล้ำค่าพระธาตุดอยตุง
|
Posted: 25/02/2009 4:04 am Post subject: |
|
|
Wisarut wrote: | พินิจพิเคราะห์ดูแล้วนิราศเรื่องนี้ แต่งขณะเดินทางจากเชียงใหม่ไปลำปางโดยทางรถไฟ ราวๆ ปี 2504 - 2505 เพราะ สถานีป่ายางเลิ้งเพิ่งจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสถานีสารภี
ว่าแต่ว่า นิราศเรื่องนี้ชื่อว่ากระไร และ อยู่ในหนังสืองานศพ ของผู้ใดโดยละเอียด เพราะระบุเพียงแต่ว่า เป็น คุณแม่ของอาจารย์ที่ปรึกษา ก็ยังไม่ได้ความ ถ้าได้ข้อมูลโดยละเอียดก็พอจะตามหนังสือได้ไม่ยาก
แก้คำผิดโดย Black express เมื่อ 24/02/2552 เวลา 23.30 น. |
ขอโทษด้วยครับ หนังสือมีชื่อว่า"นิราศชีวิต"ครับ ที่ระลึกในงานฌาปณกิจศพแม่ศิริพรรณ สระศรี ณ ฌาปณสถานเด่นห้า เทศบาลนครเชียงราย ผู้แต่งชื่อมังกร สระศรี นิราศตอนนี้ราวๆ พฤษภาคม 2501 ขณะที่ท่านแต่งงานเสร็จแล้วต้องจาก ไปรับราชการที่เชียงใหม่ครับ มีอีกหลายตอนครับจะทยอยโพสนะครับ _________________
*-*Welcome To ChiangRai Railway Station*-* |
|
Back to top |
|
 |
Mongwin
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007 Posts: 48291
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 25/02/2009 7:39 am Post subject: |
|
|
คุณเชียงรายครับ
พอจะทราบวันที่ฌาปนกิจศพไหมครับ
----------------------------------------
เท่าที่ศึกษาดู คำว่า เนิ้ง เป็นภาษาเหนือแปลว่า เอน ค้อมลงมา
คำว่า เส้า แปลว่า เล็ก
(จริงหรือไม่ครับพี่ตึ๋ง คุณเชียงราย)
ดังนั้น สถานีป่าเส้า คือ ป่าเล็ก
และ ยางเนิ้ง คือ ยางที่เอนลงมา
แต่ คำว่า เลิ้ง ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542
เป็นคำวิเศษณ์ หมายถึง ใหญ่
ดังนั้น ป่ายางเลิ้ง จึงหมายถึง ป่ายางใหญ่ ใช่มั้ยครับ คู่กับป่าเส้า ที่เป็นป่าเล็ก
(ผมยังหาหลักฐานไม่เจอครับ ว่า เนิ้ง กับ เลิ้ง มีความหมายเหมือนกัน) |
|
Back to top |
|
 |
ChiangRai
3rd Class Pass


Joined: 01/04/2008 Posts: 96
Location: เหนือสุดในสยาม ชายแดนสามแผนดิน ถิ่นวัฒนธรรมล้านนา ล้ำค่าพระธาตุดอยตุง
|
Posted: 25/02/2009 11:02 am Post subject: |
|
|
Mongwin wrote: | คุณเชียงรายครับ
พอจะทราบวันที่ฌาปนกิจศพไหมครับ
----------------------------------------
เท่าที่ศึกษาดู คำว่า เนิ้ง เป็นภาษาเหนือแปลว่า เอน ค้อมลงมา
คำว่า เส้า แปลว่า เล็ก
(จริงหรือไม่ครับพี่ตึ๋ง คุณเชียงราย)
ดังนั้น สถานีป่าเส้า คือ ป่าเล็ก
และ ยางเนิ้ง คือ ยางที่เอนลงมา
แต่ คำว่า เลิ้ง ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542
เป็นคำวิเศษณ์ หมายถึง ใหญ่
ดังนั้น ป่ายางเลิ้ง จึงหมายถึง ป่ายางใหญ่ ใช่มั้ยครับ คู่กับป่าเส้า ที่เป็นป่าเล็ก
(ผมยังหาหลักฐานไม่เจอครับ ว่า เนิ้ง กับ เลิ้ง มีความหมายเหมือนกัน) |
วันฌาปณกิจจำไม่ได้อะครับ แต่ประมาณต้นเดือนมกราคม ปีนี้ครับ
ที่อาจารย์ถามผมไม่แน่ใจครับ
เดี๋ยวจะเอาตอนต่อไปมาลงนะครับ _________________
*-*Welcome To ChiangRai Railway Station*-* |
|
Back to top |
|
 |
black_express
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 25/02/2009 1:43 pm Post subject: |
|
|
ใช่แล้วครับ อ.หม่อง
สำหรับประวัติความเป็นมาของต้นยาง ได้จากเวปไซต์ I love Chiangmai ที่ link ข้างล่างนี้แหละครับ
ประวัติความเป็นมาของต้นยาง สารภี |
|
Back to top |
|
 |
pak_nampho
1st Class Pass (Air)


Joined: 25/06/2007 Posts: 2371
Location: คนสี่แควพลัดถิ่น ทำมาหากิน ที่เกาะภูเก็ต
|
Posted: 25/02/2009 2:21 pm Post subject: รถไฟไทย...ในนิราศ |
|
|
พี่ตึ๋งครับ..จากลิงค์ของพี่ ปี 2472 เปลี่ยนชื่อจาก อ.ยางเนิ้ง เป็น อ.สารภี และชื่อยางเนิ้งลดมาเป็น ตำบลยางเนิ้งในปัจจุบันใช่ไหมครับ
อ่า...ไปบ่อยครับเมื่อก่อนไปทานลำใยลูกสาวเจ้าของสวนที่ยางเนิ้งครับ...  _________________ +++++++++++++++++ ๑๑๖ ปี รถไฟไทยก้าวไกล....จากรถจักรไอน้ำ +++++++++++++++++
....................บุตร ครฟ. พขร.ตรี แขวงรถพ่วงปากน้ำโพ ................... |
|
Back to top |
|
 |
|