RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:318563
ทั่วไป:28603186
ทั้งหมด:28921749
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 9, 10, 11 ... 298, 299, 300  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 04/02/2009 10:22 am    Post subject: Reply with quote

หั่นเส้นทางรถไฟฟ้าใยแมงมุม ที่ปรึกษาชี้ไม่มีข้อมูลรองรับ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2397 01 ก.พ. - 04 ก.พ. 2552

ที่ปรึกษาเตรียมหั่นทิ้งรถไฟฟ้าใยแมงมุม แจงเหตุไม่มีข้อมูลรองรับ ชี้สาย "สีเหลืองฝั่งตะวันตก"- "สายต่อขยายจากราษฎร์บูรณะ-ป้อมพระจุล" และ"สายวงแหวนรอบในฯ" ไม่ควรเกิด ยันเส้นทางที่เหมาะสมจะก่อสร้างมีแค่ 5 โครงการ 7 เส้นทางตามแผนเฟส 1 เตรียมสรุปผลศึกษาทบทวนแผนแม่บทรถไฟฟ้าชงรัฐบาลพิจารณา ส.ค.นี้ ด้าน รฟม.เตรียมฟื้นรถไฟฟ้าสายสีส้ม ขณะที่การรถไฟฯ เล็งขยายเส้นทางสีแดง เพิ่มอีก 10 กม.

แหล่งข่าวระดับสูงรายหนึ่งจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงความคืบหน้า โครงการศึกษาทบทวนแผนแม่บท ระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ว่า ในขั้นต้นของการเริ่มพิจารณาถึงความเหมาะสมโดยยึดหลักที่ว่าต้องเลือกโครงการที่มีความเป็นไปได้จริงในการก่อสร้างแล้ว มีความเห็นว่า โครงการรถไฟฟ้าที่ไม่เหมาะสมในการดำเนินการก่อสร้าง และควรจะตัดทั้งออกไปจากแผนการดำเนินงาน ได้แก่

1. โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วงด้านฝั่งตะวันตก
2. โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายจากราษฎร์บูรณะ-ป้อมพระจุล และ
3. โครงการรถไฟฟ้าสายวงแหวนรอบในตามแนวถนนรัชดาภิเษก


ทั้งนี้ โครงการที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เป็นโครงการที่ถูกบรรจุไว้ในแผนการศึกษา ตามดำริของรัฐบาลในสมัยที่ นายสมัคร สุนทรเวช ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งยังไม่เคยมีการศึกษาความเหมาะสมในด้านใดมาก่อน

อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาแล้วก็จะเห็นว่าไม่มีความเหมาะสมทั้งในเรื่องของแนวเส้นทาง และปริมาณผู้โดยสาร จึงควรจะตัดทิ้ง

ส่วนเส้นทางที่ควรคงไว้ และเป็นเส้นทางที่มีความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการก่อสร้างได้จริง ก็คือเส้นทางที่อยู่ในแผนแม่บทเดิม และได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการเป็นระยะที่ 1 ในช่วงสมัยรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช เช่นเดียวกัน ซึ่งประกอบด้วย 5 โครงการ 7 เส้นทาง ประกอบด้วย

1. โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง เส้นทางบางใหญ่-บางซื่อ,
2. สายสีเขียวอ่อน เส้นทางแบริ่ง-สมุทรปราการ,
3. สายสีเขียวแก่ เส้นทางหมอชิต-สะพานใหม่,
4. สายสีน้ำเงิน เส้นทางบางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค,
5.สายสีแดง เส้นทางบางซื่อ-ตลิ่งชัน เส้นทางบางซื่อ-รังสิต และเส้นทางบางซื่อ-พญาไท-หัวหมาก

แหล่งข่าวรายเดิมกล่าวต่อว่า ในขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปรายละเอียดที่ชัดเจนได้ เนื่องจากเพิ่งจะเริ่มงานได้เพียงแค่เดือนเศษ ต้องรอให้ดำเนินการศึกษาในทุกๆ ด้านให้แล้วเสร็จเสียก่อน จึงจะสรุปความชัดเจนได้ ทั้งนี้สนข. มีกำหนดให้บริษัทที่ปรึกษาส่งมอบรายละเอียดทั้งหมดภายในเดือนสิงหาคม 2552 นี้ เพื่อนำข้อมูลที่ได้เสนอให้รัฐบาลพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

สำหรับโจทย์สำคัญที่ได้มอบให้ที่ปรึกษานำไปใช้เป็นเกณฑ์ในการศึกษาทบทวนนั้น ประกอบด้วย ประเด็นแรก คือ ให้สำรวจความหนาแน่นของประชากร โดยให้คงไว้สำหรับโครงการรถไฟฟ้า 5 สาย 7 โครงการ ที่ได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการแล้วเป็นหลักในการพิจารณา เพื่อใช้เปรียบเทียบและจัดลำดับความสำคัญและความจำเป็นที่จะต้องเกิดก่อนเกิดหลังอีกครั้งหนึ่ง

นอกจากนั้นก็กำหนดให้ที่ปรึกษา นำข้อมูลของโครงการศึกษาความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และการออกแบบเบื้องต้น ของโครงการระบบขนส่งมวลชนสายสีเหลือง สายสีน้ำตาล และสายสีชมพู มาร่วมพิจารณาประกอบด้วยว่าเหมาะสมที่จะก่อสร้างหรือไม่อย่างไร และควรก่อสร้างเมื่อใด รวมถึงให้นำเรื่องที่คณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษถนนราชดำเนิน (กบพร.) ขอความร่วมมือให้กระทรวงคมนาคม นำแผนการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายสายปิ่นเกล้า ช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ-พรานนก มาทบทวนอีกครั้งว่าควรจะดำเนินการหรือไม่อย่างไร และแนวเส้นทางควรจะเป็นอย่างไร


ประเด็นสุดท้ายที่บริษัทที่ปรึกษาต้องนำมาพิจารณา นอกเหนือไปจากความเหมาะสมด้านการลงทุน ค่าโดยสาร ความคุ้มค่าจากการลงทุน ความคุ้มค่าด้านเศรษฐกิจ และความเหมาะสมของแนวเส้นทางแล้ว ก็คือเรื่องของผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ที่จะต้องดูอย่างละเอียดสำหรับเส้นทางต่างๆ และจัดทำแผนลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงต้องลดผลกระทบด้านการเวนคืนบ้านเรือนประชาชนให้ได้มากที่สุดด้วย

แหล่งข่าวกล่าวต่อถึงความเคลื่อนไหวจากทางด้าน การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ด้วยว่า ในขณะนี้ คณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. ได้อนุมัติให้ชะลอการว่าจ้างที่ปรึกษาในการศึกษารายละเอียดและความเหมาะสม โครงการรถไฟฟ้าสายวงแหวนรอบในตามแนวถนนรัชดาภิเษก ระยะทาง 29 กม. วงเงิน 400 ล้านบาทแล้ว เนื่องจากเห็นว่าเส้นทางดังกล่าวยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนในขณะนี้

อย่างไรก็ดี รฟม. จะนำเงินจำนวนดังกล่าวมาใช้ในการศึกษาและออกแบบรายละเอียดโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางกะปิ-ศูนย์วัฒนธรรม ระยะทาง 12 กม.แทน ซึ่งเห็นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนมากกว่า เพราะจะช่วยเสริมให้โครงข่ายรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง ที่เปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบัน มีความสมบูรณ์มากขึ้น โดยคาดว่าจะช่วยรองรับผู้โดยสารเพิ่มได้ถึง 5 แสนคนเที่ยวคน/วัน จากที่ปัจจุบัน มีผู้โดยสารมาใช้บริการเฉลี่ย 2 แสนเที่ยวคน/วัน

นอกจากนั้นแล้ว ยังเชื่อว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งมีแนวเส้นทางเริ่มต้นจากบริเวณแยกบางกะปิ-ลำสาลี แล้ววิ่งผ่านถนนรามคำแหง และตัดผ่านซอยวัดเทพลีลา แยกเหน่งจ๋าย ตรงเข้าสู่ศูนย์วัฒนธรรม จะช่วยแบ่งเบาปัญหาการจราจรติดขัดในบริเวณที่แนวเส้นทางพาดผ่านได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ดี ในขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการทบทวนรายละเอียดในเรื่องของวงเงินว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา ซึ่งอาจจะต้องมีการขออนุมัติปรับเพิ่มวงเงินว่าจ้าง ซึ่งต้องเสนอขอขยายกรอบวงเงินเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะสามารถเสนอขออนุมัติจากรัฐบาลได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ส่วนวงเงินลงทุนค่าก่อสร้างนั้นเบื้องต้นคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 8 หมื่นล้านบาท

ด้านความเคลื่อนไหว ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) นั้น ขณะนี้ การรถไฟฯ มีแผนที่จะก่อสร้างส่วนต่อขยายโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง จากรังสิต-นวนคร ประมาณ 10 กิโลเมตร เพิ่มอีก ซี่งประมาณการเบื้องต้นว่าต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 2-3 พันล้านบาท โดยมีแผนที่จะดำเนินการควบคู่ไปกับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ซึ่งคาดว่าจะมีสถานีเพิ่มขึ้น 4 แห่ง คือ

1. สถานีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (ป้ายหยุดรถคลอง 1 ที่ ย้ายให้มาใกล้ ม. กรุงเทพ)
2. สถานีคลองหลวง (สถานีเชียงราก)
3. สถานีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ
4. สถานีนวนคร (นิคมอุตสาหกรรมนวนคร)


ทั้งนี้ การรถไฟฯ เตรียมจะเสนอให้บอร์ดพิจารณาอนุมัติเร็ว ๆ นี้ จากนั้นจะว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษารายละเอียด ความเหมาะสม ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และออกแบบรายละเอียด จากนั้นจะเสนอให้ครม. อนุมัติดำเนินโครงการเป็นลำดับต่อไป ซึ่งเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ เชื่อว่าจะช่วยให้โครงข่ายของเส้นทางรถไฟสายสีแดงมีความสมบูรณ์มากขึ้น เนื่องจากจะช่วยรองรับการเดินทางของประชาชนที่อาศัยอยู่ในแถบชานเมืองได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นคลองหลวง มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความคุ้มค่าจากการลงทุนโครงการสายสีแดงนี้เป็นอย่างมาก


แหล่งข่าวรายเดิมกล่าวถึงความคืบหน้าของสายสีแดงบางซื่อ-รังสิต ด้วยว่าขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอขออนุมัติจากครม. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ บอร์ดได้อนุมัติปรับกรอบวงเงินลงทุนโครงการให้มีความเหมาะสม โดยรวมวงเงินลงทุนในส่วนของระบบรถไฟฟ้าเข้าไปด้วย ซึ่งรายละเอียดของวงเงินลงทุนประกอบด้วย

1. ค่างานการก่อสร้างด้านงานโยธา 4.4 หมื่นล้านบาท,
2. ค่างานระบบรถไฟฟ้า 1.34 หมื่นล้านบาท,
3. ค่าจัดซื้อขบวนรถไฟฟ้า 6.15 พันล้านบาท,
4. ค่างานรื้อย้าย 100 ล้านบาท และ
5. ค่าเผื่อเหลือเผื่อขาดอีก 1.38 พันล้านบาท

ส่วนเรื่องของแหล่งเงินกู้นั้นยืนยันว่ายังคงกู้เงินจาก องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของประเทศญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency : JICA) โดยได้ชี้แจงในเรื่องของมาตรการรองรับผู้บุกรุกภายหลังจากเข้ารื้อย้ายจนเป็นที่เข้าใจกันดีแล้ว จึงไม่มีปัญหาอีกแต่อย่างใด
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 06/02/2009 10:00 am    Post subject: Reply with quote

การเมืองพลิก-รัฐบาลเปลี่ยนขั้ว เส้นทางรถไฟฟ้าเปลี่ยนรายวัน

โดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์ 6 กุมภาพันธ์ 2552 00:05 น.


*รฟม.ฉวยจังหวะการเมืองพลิก สั่งยกเลิกถนนวงแหวนรอบใน

*โยกงบให้ศึกษาสายสีส้มและสายสีชมพูแทน เชื่อมต่อโครงข่าย รองรับศูนย์ราชการเมืองใหม่

*แฉสนข.พลิ้วตามรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย

เป็นที่แน่นอนแล้วว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)จะยกเลิกการศึกษาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าวงแหวนรอบในตามแนวถนนรัชดาภิเษก ตามนโยบายของสมัคร สุนทรเวช เพราะเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องเร่งรีบ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวรฟมไม่เห็นด้วยที่จะก่อสร้าง เพราะมีเส้นทางอื่นที่มีความเหมาะสมที่จะก่อสร้างมากกว่า ตามแผนแม่บทที่มีการศึกษามาแล้ว แต่ที่ผ่านมาเพราะสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.)เสนอแผนการศึกษาเส้นทางดังกล่าว ทั้งที่ยังไม่มีความจำเป็นต้องเร่งศึกษา และทำให้ให้บอร์ดในขณะนั้นซึ่งมีสุพจน์ ทรัพย์ล้อม เป็นประธานบอร์ดฯต้องปฎิบัติตาม ดังนั้น รฟม.จึงต้องดำเนินการจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษา เพื่อศึกษาความเหมาะสมของโครงการตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในสมัยนั้น ทั้งๆที่โครงการนี้ไม่ได้อยู่ในแผนแม่บทของ สนข.

“โครงการนี้สนข.เป็นผู้เสนอแนวคิดที่จะศึกษาเส้นทางดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนั้น สร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ เป็นผู้อำนวยการ ทั้งๆที่มีเส้นทางรถไฟฟ้าที่อยู่ในแผนแม่บทมีอีกสายที่มีความเหมาะสม แต่กลับไม่เสนอ ซึ่งขณะนั้นรฟม.ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเป็นหน่วยงานที่ต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล และทันทีที่มีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารก็อยากมีผลงานและต้องการเสนอเส้นทางใหม่ ๆ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าต้องการเอาใจฝ่ายการเมือง ขณะที่บอร์ดรฟม.เองก็มีคนของสนข.เป็นกรรมการ ดังนั้น บอร์ดก็เห็นด้วย และไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่มีจุดยืน ถ้าไม่เห็นด้วยก็ควรไม่เห็นด้วยตั้งแต่ครั้งแรก ไม่ใช่พอเปลี่ยนรัฐบาลก็ไม่เห็นด้วย เพราะผู้ที่ดูแลผลประโยชน์ของประเทศชาติต้องมีจุดยืนที่ชัดเจน”แหล่งข่าวจากรฟม.กล่าว

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวยังไม่ได้จัดจ้างบริษัทที่ปรึกษา ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองก่อน โดยในครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล และมีนโยบายให้ดำเนินการก่อสร้างโครงการที่อยู่ในแผนแม่บทก่อน ซึ่งทางสนข.เองก็เห็นด้วย เพราะโครงการรถไฟฟ้าวงแหวนรอบในฯไม่ได้อยู่ในแผนของสนข. อีกทั้งสนข.ก็มีโครงการรถไฟฟ้าที่อยู่ในแผนแม่บทหลายเส้นทางที่รอการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นสายสีส้ม(บางกะปิ-บางบำหรุ) สายสีชมพู(แคราย-สุวินทวงศ์) และสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-ศรีนครินทร์-สำโรง) เป็นต้น

ในขณะที่รฟม.เห็นด้วยที่จะยกเลิกการศึกษาเส้นทางวงแหวนรอบในตามถนนรัชดาภิเษก เพราะเห็นว่ายังมีโครงการอื่นที่สำคัญและควรก่อสร้างก่อน เช่น สายสีส้ม สายสีชมพู ที่จะรองรับการเดินทางของประชาชนได้มากกว่า โดยเฉพาะบริเวณศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น

สุพจน์ ทรัพย์ล้อม อธิบดีกรมทางหลวง ในฐานะกรรมการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)และคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า บอร์ดรฟม.มีมติชะลอการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาในการศึกษารายละเอียดและความเหมาะสมของโครงการก่อสร้างสายวงแหวนรอบในตามแนวถนนรัชดาภิเษก ระยะทาง 29 กม.วงเงิน 400 ล้านบาทแล้ว เพราะเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องเร่งศึกษา อีกทั้งจะทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ หากผลกระศึกษาออกมาว่ายังไม่มีความเหมาะสม เพราะเงินในการว่าจ้างค่อนข้างสูง

อย่างไรก็ตาม รฟม.จะนำเงิน 400 ล้านบาท มาใช้ในการศึกษาและออกแบบรายละเอียดโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางกะปิ -ศูนย์วัฒนธรรม ระยะทาง 12 กม. ซึ่งเป็นโครงการที่มีความสำคัญกว่า เพราะช่วยให้โครงข่ายระบบรถไฟฟ้ามีความสมบูรณ์มากขึ้น และเป็นการเพิ่มปริมาณผู้โดยสารในโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเส้นทางปัจจุบันให้เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้การลงทุนโครงการสายสีน้ำเงิน(หัวลำโพง-บางซื่อ)มีความคุ้มค่าเพราะโครงการนี้รองรับผู้โดยสารได้ถึง 5 แสนคนต่อวัน แต่ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการเฉลี่ยวันละประมาณ 2 แสนคนเท่านั้น

“รฟม.จะยกเลิกการประกวดราคาในโครงการเดิม และโยกวงเงินค่าจ้างที่ปรึกษา 400 ล้านบาท มาใช้ในการศึกษาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มแทน ซึ่งวงเงินในการว่าจ้างอาจสูงขึ้นเล็กน้อย ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียด และคาดว่าจะเสนอให้ครม.อนุมัติได้ภายในเดือนก.พ.นี้ ”

สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มจะช่วยแบ่งเบาการจราจร บริเวณบางกะปิ และแยกลำสาลี แนวเส้นทางในช่วง1 เริ่มจากบางกะปิ-ลำสาลี ผ่านถนนรามคำแหง ตัดผ่านซอยวัดเทพลีลาแยกเหม่งจ่ายตรงเข้าสู่ศูนย์วัฒนธรรมฯ ในเบื้องต้นคาดว่าวงเงินค่าก่อสร้างจะอยู่ในระดับ 80,000 ล้านบาท

โครงการรถไฟฟ้าสายวงแหวนรอบในฯ แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ 1.วงแหวนช่วงล่าง เริ่มจากสถานีรถไฟฟ้าคลองเตยผ่านถนนเลียบแม่น้ำ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสะพานพระราม 3 เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินบริเวณสี่แยกท่าพระ ระยะทาง 17 กม. 2.วงแหวนช่วงบน เริ่มจากสถานีลาดพร้าว ตามแนวถนนรัชดาภิเษก ผ่านแยกรัชวิภา แยกวงศ์สว่าง ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสะพานพระราม 7 เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน บริเวณบางอ้อ ระยะทาง 12 กม.

นอกจากนี้ สุพจน์ กล่าวถึงโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายสายสีแดง(บางซื่อ-รังสิต)ว่า ร.ฟ.ท. มีแผนจะก่อสร้างรถไฟฟ้าเชื่อมไปถึงนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ระยะทาง 10 กม. จำนวน 4 สถานี คือ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ คลองหลวง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสถานีนวนคร ใช้เงินลงทุนประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท จะก่อสร้างเป็นลักษณะระดับดิน

ทั้งนี้ โครงการส่วนต่อขยายช่วงรังสิต-นวนคร จะช่วยให้โครงข่ายรถไฟสายสีแดงมีความสมบูรณ์ เพราะช่วยรองรับการเดินทางของประชาชนที่อยู่ในแถบชานเมือง ไม่ว่าจะเป็นคลองหลวง มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จะทำให้โครงการช่วงบางซื่อ-รังสิตมีความคุ้มค่าในการลงทุนมากขึ้น ซึ่งร.ฟ.ท.จะเสนอรายละเอียดโครงการให้บอร์ด ร.ฟ.ท.พิจารณาอนุมัติเร็วๆ นี้ หลังจากนั้นจะว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา เพื่อศึกษาความเหมาะสมผลกระทบสิ่งแวดล้อม และออกแบบรายละเอียดโครงการต่อไป ก่อนจะเสนอให้ครม.อนุมัติดำเนินโครงการ ส่วนแหล่งเงินกู้จะใช้เงินกู้จากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น(ไจก้า) โดยไจก้าไม่ติดใจเรื่องการดูแลผู้บุกรุกตามแนวเส้นทางรถไฟ หลังจากร.ฟ.ท.ชี้แจงว่ากระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะเป็นผู้ดูแลผู้บุกรุกภายหลังการรื้อย้าย

ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเสนอขออนุมัติจากครม. หลังจากที่บอร์ดร.ฟ.ท.ได้อนุมัติปรับกรอบวงเงินลงทุนโครงการให้มีความเหมาะสม เพราะวงเงินเดิมที่ได้รับอนุมัติไว้ก่อนหน้านี้ไม่ได้รวมถึงการลงทุนระบบรถไฟฟ้า โดยวงเงินลงทุนที่ปรับขึ้น คือ 69,000 ล้านบาท แบ่งเป็นค่างานโยธา 44,000 ล้านบาท งานระบบรถไฟฟ้า 13,000 ล้านบาท และงานจัดซื้อขบวนรถไฟฟ้า 6,100 ล้านบาท งานรื้อย้าย 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นการสำรองสำหรับงานเผื่อเหลือเผื่อขาด 1,300 ล้านบาท




http://www.manager.co.th/mgrWeekly/ViewNews.aspx?NewsID=9520000013796
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 26/02/2009 1:08 am    Post subject: Reply with quote

เล็งตั้งโรงงานผลิตรถไฟฟ้าในไทย แย้มความต้องการใช้พุ่ง 1 พันคัน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 กุมภาพันธ์ 2552 23:31 น.



บอร์ดโลจิสติกส์ อนุมัติให้ศึกษาความเป็นไปได้ในการตั้งโรงงานผลิตรถไฟฟ้า หลังพบความต้องการใช้รถไฟฟ้าในประเทศมีจำนวนสุงถึง 324 คัน หากมีการขยายเส้นทางในสายสีม่วง สีน้ำเงินต่อขยาย สีเขียวเข้ม และเขียวอ่อน อาจต้องใช้รถไฟฟ้าเพิ่มเป็น 1,000 คัน และด้วยปริมาณรถไฟฟ้าที่ต้องการมากขึ้นนี้เอง ทำให้หลายฝ่ายเล็งเห็นว่าควรมีการจัดตั้งโรงงานประกอบรถไฟฟ้าในประเทศแทนการนำเข้า

นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตรถไฟฟ้าและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้มีการผลิตขึ้นใช้เองในประเทศ ในขณะที่ประเทศกำลังผลักดันการลงทุนสร้างระบบรถไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง

"ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงคมนาคม พิจารณาดำเนินการศึกษาความเหมาะสมของการพัฒนาอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง"

แหล่งข่าว กล่าวว่า แนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง เป็นผลสืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2551 ที่ จ.เชียงใหม่ ที่มีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งอนุมัติให้ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ

ที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรม และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้จัดการประชุมในเรื่องดังกล่าวมาแล้ว 2 ครั้ง โดยมีผู้ผลิตรถไฟฟ้าชั้นนำของโลก 7 บริษัท เข้าร่วมประชุมด้วย ได้แก่ CNR Changchun Railway Vehicles, Siemens (Thailand), Mitsui & Co (Thailand), K&O Association, Alstom Transport, Sumitomo Cooperation Thailand และ Bombadier Transportation Signal (Thailand) รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม, รฟม., สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นต้น และผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้า กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น

รายงานข่าวจาก รฟม.แจ้งว่า ไทยมีความต้องการใช้รถไฟฟ้าจำนวนทั้งสิ้น 324 คัน หากมีการขยายเส้นทางในสายสีม่วง สีน้ำเงินต่อขยาย สีเขียวเข้มและเขียวอ่อน แต่หากคิดรวมทุกโครงการของ รฟม.และรถไฟชานเมืองแล้วต้องใช้รถไฟฟ้าเพิ่มเป็น 1,000 คัน และด้วยปริมาณรถไฟฟ้าที่ต้องการมากขึ้นนี้เองทำให้หลายฝ่ายเล็งเห็นว่าควรมีการจัดตั้งโรงงานประกอบรถไฟฟ้าในประเทศแทนการนำเข้า ซึ่งหากตั้งโรงประกอบรถไฟฟ้าในประเทศจะสามารถใช้อุปกรณ์หรือชิ้นส่วนที่สามารถผลิตได้เองในประเทศ ทำให้ลดการพึ่งพาจากต่างประเทศ อีกทั้งผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถไฟฟ้าในภูมิภาค และสามารถส่งออกไปยังประเทศใกล้เคียง เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และฮ่องกง เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม แผนการตั้งโรงงานประกอบรถไฟฟ้าควรเร่งดำเนินการ ไม่เช่นนั้นอาจสูญเสียโอกาส เนื่องจากเวียดนามเองกำลังสร้างรถไฟฟ้าระหว่างเมืองโฮจิมินซิตี้และฮานอย อีกทั้งยังส่งเสริมการผลิตรถไฟฟ้าด้วยเช่นกัน ทางด้านผู้ผลิตส่วนใหญ่ก็เชื่อมั่นว่าไทยมีศักยภาพมากพอที่จะตั้งฐานการผลิตรถไฟฟ้า ทั้งทางด้านความต้องการที่เพิ่มขึ้น และส่วนสนับสนุนอื่นๆ จากการเป็นฐานการผลิตยานยนต์และอิเลคทรอนิกส์ที่สำคัญในภูมิภาค

แต่ประเด็นสำคัญที่ผู้ผลิตยังมีความกังวล คือ ความชัดเจนของนโยบายการจัดซื้อรถไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศ แผนและระยะเวลาในการก่อสร้าง รวมถึงสิทธิประโยชน์ที่ผู้ลงทุนจะได้รับ ซึ่งถ้ารัฐบาลสามารถรับประกันได้จะช่วยสร้างความมั่นใจของให้กับนักลงทุนเพิ่มขึ้น

ก่อนหน้านี้มีผลประชุมหารือเรื่องโครงการลงทุนขนาดใหญ่ได้ข้อสรุปว่า ควรเร่งรัดดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีความพร้อมและได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้วจำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการรถไฟสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน, โครงการรถไฟสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต, โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางซื่อ โดยมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมกำหนดกลไกการกำกับและติดตามการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด เพื่อให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็วต่อไป และมอบหมายให้กระทรวงการคลังตรวจสอบประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับการลงนามในสัญญากู้เงินจากต่างประเทศ เพื่อดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190



http://www.manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9520000021755
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 26/02/2009 9:35 am    Post subject: Reply with quote

จุดพลุ PPP ร่วมทุนรัฐ-เอกชน "กอร์ปศักดิ์" คุม ประเดิมรถไฟฟ้า 3 สาย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 กุมภาพันธ์ 2552 23:45 น.


http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9520000022000


รัฐเดินหน้าแผน PPP ระดมเงินลงทุนร่วมภาครัฐ-เอกชนเพื่อทำโครงการเมกะโปรเจกต์ ครม.ตั้ง "กอร์ปศักดิ์" นั่งประธานบอร์ด ประเดิมโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า สายสีม่วง สีน้ำเงิน และสีเขียว วงเงินลงทุนรวม 80,000 ล้านบาท และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-นครราชสีมา วงเงิน 50,000 ล้านบาท

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.)เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2552 ได้มีมติเห็นชอบกรอบแนวทางการระดมทุนในรูปแบบ Public Private Partnership (PPPs) พร้อมเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาแนวทางการเพิ่มบทบาทภาคเอกชนในรูปแบบ PPPs โดยมีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

ขณะนี้ รัฐบาลเตรียมโครงการนำร่องการลงทุนในรูปแบบ PPP โดยเน้นโครงการที่มีผลตอบแทนสูงและมีการกระจายความเสี่ยงร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ได้แก่ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า สายสีม่วง สีน้ำเงิน และสีเขียว วงเงินลงทุนรวม 80,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการร่วมลงทุนให้ภาคเอกชนจัดซื้อตัวรถ ระบบอาณัติสัญญาณ และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-นครราชสีมา วงเงิน 50,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม รูปแบบการลงทุนดังกล่าวจำเป็นต้องมีการปรับปรุง แก้ไข กฎหมาย กฎกระทรวง และระเบียบต่างๆที่เกี่ยวข้องกับโครงการ PPP รวมถึง พ.ร.บ.ว่าด้วยให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินในกิจการของรัฐปี 35 เพื่อให้สอดคล้องการดำเนินงาน เบื้องต้น อาจจะต้องมีการแก้ไขกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้อง ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ปี 2535 ให้แล้วเสร็จภายใน 3-6 เดือน เพื่อรองรับการเดินหน้าโครงการลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้า และอนาคต จะต้องมีการแก้ไข พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ปี 2535 ต่อไป

สำหรับกรอบแนวคิดของ PPP ซึ่งมีการปรับรูปแบบการจัดซื้อจัดจ้างจาก Asset Based Contract เป็น Output Performance Based Contract จะช่วยลดต้นทุน และความล่าช้าในการดำเนินโครงการ โดยที่รัฐบาลจ่ายเงินตามบริการที่ได้รับ ลดภาระการลงทุนของรัฐบาล โดยเฉพาะในช่วงการก่อสร้าง ลดข้อจำกัดด้านงบประมณ และรัฐบาลสามารถขยายการลงทุนได้เพิ่มขึ้น

ด้านนายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล รองผู้อำนวยการ สบน. กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐวิสาหกิจหลายแห่งดำเนินโครงการลงทุนในรูปแบบ PPP แล้ว เช่น โครงการ IP ของการไฟฟ้าการผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หรือ การผลิตน้ำประปาของการประปานครหลวง โดยบริษัทลูก ซึ่งทำให้สามารถกำหนดรูปแบบค่าบริการได้ และรับรู้ต้นทุนได้ชัดเจน
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49397
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 04/03/2009 1:01 pm    Post subject: คมนาคมรับฟังความเห็นรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม สะพานใหม่-ลำลูกกา Reply with quote

คมนาคมรับฟังความเห็นรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม สะพานใหม่-ลำลูกกา คลอง 4

ขออนุญาตลบออกนะครับ ขอบคุณมากครับคุณวิศรุต Very Happy
V
V


Last edited by Mongwin on 04/03/2009 1:28 pm; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 04/03/2009 1:21 pm    Post subject: Reply with quote

^^^^^
ซ้ำแล้วครับอาจารย์เอก Laughing Embarassed
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 11/03/2009 11:13 am    Post subject: Reply with quote

หั่นราคารถไฟฟ้าสีม่วงสรุปไม่ลง
"ซีเคทีซี" กดค่าก่อสร้างไม่จุใจ ครม.เพิ่มวงเงินรถไฟชานเมือง
มติชนรายวัน ปีที่ 32 ฉบับที่ 11323 วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2552

แหล่งข่าวจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการประกวดราคาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ที่มีนายชูเกียรติ โพธยานุวัตร์ รองผู้ว่าการ รฟม. เป็นประธาน เมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา ว่า ที่ประชุมไม่ได้ชี้ขาดราคาประมูลที่ปรับลดลงจากการเจรจาต่อรองกับบริษัท ซีเคทีซี จอยท์ เวนเจอร์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของกลุ่ม ช.การช่างและบริษัท โตคิว คอนสตรัคชั่น ซึ่งเสนอราคาเหลือ 15,550 ล้านบาท จากที่เสนอไว้ต่ำสุด 16,724 ล้านบาท ในสัญญาที่ 1 ช่วงบางซื่อ-สะพานพระนั่งเกล้า เนื่องจากยังคงสูงกว่าราคาที่บริษัทที่ปรึกษาประเมินไว้ที่ 14,500 ล้านบาท ดังนั้นจะนำผลเจรจาให้คณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม.ที่มีนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อธิบดีกรมทางหลวง เป็นประธาน เป็นผู้ชี้ขาดในการประชุมบอร์ดในวันที่ 11 มีนาคมนี้

"ราคาดังกล่าวยังเป็นราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าราคาประเมินค่อนข้างมาก ซึ่งกรรมการประกวดราคาหลายคน โดยเฉพาะตัวแทนจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงานอัยการสูงสุดไม่เห็นด้วย"

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 10 มีนาคม ว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติปรับเพิ่มกรอบวงเงินลงทุนค่าก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) บางซื่อ-รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จากเดิม 59,888 ล้านบาท เป็น 65,148 ล้านบาท และอนุมัติให้ ร.ฟ.ท. จัดหาตู้รถไฟฟ้า ในกรอบวงเงิน 10,400 ล้านบาท ทั้งนี้ ในส่วนค่าก่อสร้างที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นผลจากการปรับราคาตามปริมาณงานที่แท้จริง รวมถึงค่าชดเชยและอพยพผู้อยู่ในแนวเส้นทางก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้น

นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า แม้ว่าจะมีการอนุมัติกรอบวงเงินดังกล่าวแล้ว หากการลงทุนก่อสร้างต่างๆ โดยเฉพาะการจัดหาตู้รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.สามารถจัดหาบริษัทเอกชนมาดำเนินการได้ในลักษณะของการประมูลซึ่งอาจต่ำกว่ากรอบวงเงินก็จะทำให้วงเงินการก่อสร้างลดลงไปได้

รายงานข่าวแจ้งว่า เหตุผลที่ ร.ฟ.ท.ต้องกำหนดกรอบวงเงินในส่วนของการจัดซื้อตู้รถไฟฟ้าจากเดิมไม่ได้กำหนดไว้ เพราะองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า) ยื่นข้อเสนอว่าการประมูลงานโครงการควรรวมค่างานจัดซื้อตู้รถไฟฟ้าด้วย ซึ่งไจก้าแจ้งว่าให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นอันดับต้นในการพิจารณาให้เงินกู้ในโครงการนี้
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 12/03/2009 11:02 pm    Post subject: The 5th Column Reply with quote

“ชวรัตน์” ขวางลำ กทม.ทำส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า อ้างให้ รฟม.ดูแลดีกว่า

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 มีนาคม 2552 15:01 น.



http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000028488


“มท.1” กำชับ กทม.ให้คุมเข้มข้าราชการสายโยธาอย่าทำงานหย่อนยานจนเกิดเหตุแบบโศกนาฏกรรมซานติก้า ผับ พร้อมเสนอแก้ปัญหาจราจรไม่จำเป็นต้องใช้เมกะโปรเจกต์ แต่สามารถใช้วิธีบริหารจัดการแก้จราจรเมืองกรุงได้ ห่วงการขยายตัวของเมือง ส่วนเรื่องส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า ที่ กทม.ยื่นเรื่องขอเปลี่ยนมติ ครม.น่าให้รฟม.ดูแล เพราะเป็นเจ้าของ ด้าน “ธีระชน” เผย เรื่องยังไม่ถึง มท.1 แต่อยู่คณะทำงานกลั่นกรองงานของ รมต.

วันนี้ (12 มี.ค.) ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ ได้มาตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานพร้อมกับมอบนโยบายและแนวทางการทำงานให้กับคณะผู้บริหารและหัวหน้าหน่วยงาน กทม.จำนวน 5 ข้อด้วยกัน คือ 1.ด้านการเมืองการปกครอง ขอให้กทม.จัดกิจกรรมรวมพลังมวลชนเพื่อสร้างความเกิดความรู้รักสามัคคี เกิดความจงรักภักดีต่อสถาบัน 2.ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ถ้าอยากให้ กทม.น่าอยู่น่าอาศัยก็ต้องเร่งแก้ไขปัญหาขยะ น้ำเสีย เร่งเพิ่มพื้นที่สีเขียวโดยเฉพาะสวนสาธารณะ รวมถึงจัดระเบียบชุมชนแออัดให้มีสุขาภิบาลที่เหมาะสม ตลอดจนการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยที่จะต้องไม่เกะกะทางเดินเท้า ไม่ให้มีผู้อิทธิเรียกผลประโยชน์ได้

3.ด้านการพัฒนาเมือง กทม.มีหน้าที่รับผิดชอบการวางผังเมือง การควบคุมอาคาร การสร้างอาคาร ดังนั้น การพัฒนาเมืองหรือผังเมืองให้เติบโตไปในทิศทางใดก็ไม่น่าจะเกินกำลังและความสามารถของทุกคน และที่สำคัญ อยากให้มีการบังคับใช้กฎหมายผังเมืองและการควบคุมอาคารไม่ให้มีการก่อสร้างผิดแบบ หรือไม่มีการขออนุญาตแต่กลับก่อสร้างเพราะเรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับความมั่นคงปลอดภัยของประชาชนและผู้ใช้อาคารซึ่งมีตัวอย่างของโศกนาฏกรรมกรณีซานติก้าผับ ที่เป็นผลเนื่องมาจากการต่อเติมอาคาร และใช้อาคารผิดประเภท จึงขอให้ผู้บริหารกทม.ได้เข้มงวดกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบโดยตรงในเขตต่างๆ ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง จริงจัง และกวดขัน เพราะความหย่อนยานของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานหมายถึงชีวิตบริสุทธิ์ของประชาชนที่ไม่ทราบเรื่องแต่ต้องมาประสบเคราะห์กรรม





4.ด้านการจราจร ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นปัญหาอยู่กับมหานคร หรือเมืองใหญ่ๆ เสมอ แต่การแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อาจจะไม่จำเป็นต้องพึ่งพาโครงการเมกะโปรเจกต์เสมอไป โดยสามารถแก้ไขด้วยการใช้ระบบบริหารจัดการที่เหมาะสม เช่น ปัญหาพื้นที่จอดรถให้กับรถขนส่งสาธารณะในบริเวณที่เหมาะสม และไม่กีดขวางเส้นทางการจราจรโดยเฉพาะสถานที่ที่พี่น้องประชาชนไปใช้ร่วมกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้การจราจรติดขัด นอกจากนั้น ตนอยากให้ กทม.ประสานกับผู้ที่รับผิดชอบการตีเส้นจราจรห้ามจอดในบริเวณทางเข้าซอยหรือสถานที่อาคารต่างๆ เพราะบางครั้งการตีเส้นจราจรห้ามจอดในบริเวณดังกล่าวอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดก็ได้

5.ด้านการบริหารการปกครอง ระหว่างกระทรวงมหาดไทยและกทม. อยากให้มีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด อย่ามองอย่างคนไม่รู้จัก ขอให้มองว่าเรามีเป้าหมายเดียวกันคือการทำงานให้กับพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ ตนได้มอบนโยบายการทำงานให้กับข้าราชการกระทรวงมหาดไทยตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งโดยขอให้ยึดถือประชาชนเป็นศูนย์กลางของการทำงานหรือเป็นหัวใจของการปฏิบัติงาน ดังนั้น เมื่อเรามีเป้าหมายในการทำงาเช่นเดียวกัน งานทุกอย่างที่ต้องปฏิบัติร่วมกันก็สามารถเป็นไปได้อย่างสอดคล้องมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล

นายชวรัตน์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมภายหลังว่า ตนมีความเป็นห่วงเรื่องการขยายตัวของเมืองกทม.ในขณะที่มีพื้นที่อย่างจำกัด แต่กลับมีประชากรเพิ่มมากขึ้นซึ่งเราสามารถที่สร้างสาธารณูปโภครองรับเพิ่มเติมได้แต่ในปัจจุบันกลับไม่มีที่จะให้สร้าง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการขยายตัวของเมืองออกไปยังพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อรองรับการขยายตัวของเมืองซึ่งต้องหารือกับจังหวัดใกล้เคียงก่อน

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ กทม.ได้ส่งหนังสือขอให้ มท.1 นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อขออนุมัติให้ยกเลิกมติ ครม.ที่ให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) รับผิดชอบสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ กลับมาให้ กทม.ดำเนินการทั้งหมด รวมถึงให้ กทม.ดำเนินการส่วนต่อขยายสายสีเขียวทั้งปัจจุบันและในอนาคต นั้น นายชวรัตน์ กล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องมีการหารือกับกระทรวงคมนาคม ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการพดคุยกัน แต่โดยส่วนตัวเมื่อมีมติให้ รฟม.รับผิดชอบแล้วหน่วยงานนั้นก็เป็นเจ้าของโครงการเขาก็น่าจะหวงโครงการของเขาซึ่งก็น่าที่จะให้ รฟม.ทำต่อไปส่วน กทม.รอทำส่วนต่อขยายหากมีการขยายเมืองเพิ่มเติม

ด้านนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม.ที่กำกับดูงานด้านการจราจร กล่าวว่า ขณะนี้เรื่องที่กทม.ส่งไปเพื่อให้ มท.1 นำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในการขอเปลี่ยนแปลงมติ ครม.ดังกล่าวยังที่อยู่คณะทำงานกลั่นกรองงานให้ มท.1อยู่โดยคาดว่าจะเสนอเรื่องให้ มท.1 รับทราบเร็วๆ นี้

ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า หาก มท.1 ยังยืนว่า น่าจะให้ รฟม.ทำ กทม.จะดำเนินการอย่างไร นายธีระชน กล่าวว่า ขอให้ใจเย็นๆ ให้ท่าน มท.1 ได้พิจารณาเรื่องที่ กทม.เสนอไปก่อน เพราะตอนนี้ท่านยังไม่เห็นเรื่องแต่อย่างใด
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 20/03/2009 9:36 am    Post subject: Reply with quote

ฟังความเห็นรถไฟฟ้า 3 สาย

Dailynews 20/03/2009
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=193981&NewsType=1&Template=1

รายงานข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) แจ้งว่า ในวันที่ 23 มี.ค.นี้ สนข.จะจัดสัมมนารับฟังความเห็นประชาชนครั้งที่ 3 การศึกษาความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและการออกแบบเบื้องต้น โครงการระบบขนส่งมวลชนสายสีเหลือง สายสีน้ำตาล และสายสีชมพู ที่เมืองทองธานี ซึ่งเป็นการรับฟังความเห็นครั้งสุดท้ายก่อนสรุปปิดโครงการ โดยที่ปรึกษาจะสรุปแนวเส้นทางและรูปแบบรถไฟฟ้าที่เหมาะสมของทั้ง 3 เส้นทาง สรุปผลการศึกษาด้านเศรษฐกิจ การเงิน และแนวทางการลงทุนของโครงการ สรุปการศึกษาแก้ปัญหาจราจรแนวการก่อสร้าง รถไฟฟ้า สรุปผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและมาตรการป้องกัน อย่างไรก็ตามในการจัดสัมมนารับฟังความเห็นโครงการครั้งที่ผ่านมา ประชาชนที่เข้าร่วมสัมมนาส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการก่อสร้างโครงการทั้ง 3 สาย แต่ต้องการให้ก่อสร้างเป็นโครงสร้างใต้ดิน
สนข.เปิดฟังความเห็น ปชช.สร้างรถไฟฟ้าเพิ่ม 4 เส้นทาง พรุ่งนี้

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 มีนาคม 2552 19:34 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9520000032618

สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เตรียมก่อสร้างรถไฟฟ้าเพิ่มอีก 4 เส้นทาง ประกอบด้วยโครงการระบบขนส่งมวลชน สายสีเหลืองอ่อน ช่วงรัชดาฯ-ลาดพร้าว-พัฒนาการ ระบบที่เหมาะสม คือ ระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว แบบยกระดับ ระยะทางประมาณ 12.6 กิโลเมตร มี 10 สถานี
สายสีเหลืองเข้ม วงแหวนช่วงพัฒนาการ-สำโรง ระบบที่เหมาะสม คือ ระบบรถไฟฟ้าหนัก แบบยกระดับ หรือ MRT ระยะทางประมาณ 17.8 กิโลเมตร มี 11 สถานี
สายสีน้ำตาล บางกะปิ-มีนบุรี ระบบที่เหมาะสม คือ ระบบ MRT ระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร มี 8 สถานี
สายสีชมพู แคราย-มีนบุรี ระบบที่เหมาะสม คือ ระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว แบบยกระดับ ระยะทางประมาณ 34.5 กิโลเมตร มี 24 สถานี
โดยจะจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 3 เพื่อนำเสนอสรุปผลการศึกษาโครงการวันพรุ่งนี้ (23 มี.ค.) ที่อิมแพค เมืองทองธานี

//-----------------------------
สายเหลืองแยกทำแป๊ะไปทำไมหละหว่า? Rolling Eyes


Last edited by Wisarut on 22/03/2009 11:01 pm; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 24/03/2009 10:36 am    Post subject: Reply with quote

ปรับแผนแม่บทรถไฟฟ้าจาก7เป็น10สาย
เร่ง3สายงบแสนล้านสร้างปลายปี54
Dailynews วันที่ 24 มีนาคม 2552 เวลา 08:51 น.
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=194316&NewsType=1&Template=1

นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งที่ 3 เรื่องการศึกษาความเหมาะสมทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม และการออกแบบเบื้องต้น โครงการรถไฟฟ้า 3 สาย ประกอบด้วย

1.สายสีเหลืองอ่อนช่วง รัชดาฯ-ลาดพร้าว-พัฒนาการ และเหลืองเข้มช่วง วงแหวนพัฒนาการ-สำโรง
2.สายสีน้ำตาล จากบางกะปิ-มีนบุรี และ
3.สายสีชมพู จากแคราย-มีนบุรี

คาดว่าจะได้ข้อสรุปอีก 2-3 เดือน จากนั้นจะจ้างผู้ศึกษาออกแบบรายละเอียด และทำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ในช่วงต้นปี 2553 และหากเป็นไปตามแผนการดำเนินงาน คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ประมาณปลายปี 2554 ซึ่งทั้ง 3 โครงการ คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณ 1 แสนล้านบาท

ซึ่งจากผลการศึกษาแนวเส้นทางเบื้องต้นคาดว่าโครงการที่น่าจะติดขัดและล่าช้าที่สุดคือสายสีน้ำตาล (บางกะปิ-มีนบุรี) เพราะมีช่วงการก่อสร้างใต้ดินด้วย อีกทั้งยังต้องรอความชัดเจนของสายสีส้ม (บางกะปิ-บางบำหรุ) เพราะเป็นส่วนต่อเชื่อมกัน

ด้านนายประสงค์ มงคลเนาวรัตน์ รองผู้จัดการโครงการฯ กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองอ่อน มีการปรับย้ายตำแหน่งสถานีโชคชัย 4 จากซอยจันทิมา 11 มายังหน้าตลาดโชคชัย 4 ข้าง สน.โชคชัย เพราะมีที่ดินเหมาะสำหรับทำที่จอดรถ ส่วนแนวเส้นทางบริเวณหน้าห้างแม็คโคร บางกะปิ จะมีการเบี่ยงเส้นทางจากเกาะกลางถนนมาที่ทางเท้า เนื่องจากติดโครงสร้างสะพานข้ามแยกบางกะปิ ทำให้ต้องปรับเสาไฟฟ้าแรงสูงและ สาธารณูปโภคต่าง ๆ ลงใต้ดินแทน และก่อนถึงแยกลำสาลี จะทำโครงสร้างยกระดับข้ามคลองแสนแสบ ซึ่งจะไม่มีตอม่อในคลองแสนแสบ ลดปัญหาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและกีดขวางการเดินเรือ นอกจากนี้ จะต้องมีการเวนคืนที่ดินด้านตะวันออกของทางแยกต่างระดับศรีเอี่ยม 100 ไร่ เพื่อทำศูนย์ซ่อมบำรุง

นายประณต สุริยะ รองผู้อำนวยการ สนข. กล่าวว่า เร็ว ๆ นี้ ทางสนข.จะเสนอปรับแผนแม่บทโครงการรถไฟฟ้าทั้งหมด เพิ่มเติมจาก 7 สายทางเป็น 10 สายทาง เบื้องต้นมีสายสีเหลืองอ่อนที่เชื่อมกับรถไฟฟ้าใต้ดินที่แยกรัชดาฯ-ลาดพร้าว สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี เพื่อรับกับศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เป็นต้น คาดว่าจะปรับแผนแม่บทให้แล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค.นี้.
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 9, 10, 11 ... 298, 299, 300  Next
Page 10 of 300

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©