Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:318563
ทั่วไป:28616533
ทั้งหมด:28935096
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 10, 11, 12 ... 298, 299, 300  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 30/03/2009 8:52 am    Post subject: Reply with quote

พิมพ์เขียวฉบับใหม่ รถไฟฟ้า 556 ก.ม. ทบทวนของเดิม-เพิ่มโครงข่ายใหม่
Click on the image for full size
ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 4092
http://www.matichon.co.th/prachachat/news_detail.php?id=3107&catid=1

สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กำลังปรับแผนแม่บทรถไฟฟ้าใหม่ โดยใช้เวลาศึกษา 9 เดือน กำหนดแล้วเสร็จกลางเดือนสิงหาคมนี้ เนื่องจากแผนแม่เดิมปี 2547 ระยะทาง 291 กิโลเมตร มูลค่าลงทุน 5.5 แสนล้านบาท กรอบการดำเนินการ 6 ปี (2547-2552) ใกล้หมดอายุลง แต่บางสายล่าช้ายังไม่ได้ก่อสร้าง บางโครงการซ้ำซ้อนกับการพัฒนาโครงข่ายระบบอื่นๆ เช่น ถนน ทางด่วน เป็นต้น

จึงต้องทบทวนสถานะโครงการใหม่ พร้อมบรรจุโครงข่ายใหม่ผนวกเข้าไปด้วย เพื่อให้สอดรับกับสภาพเมืองในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การใช้ประโยชน์ที่ดินตามผังเมือง ที่สำคัญพฤติกรรมการเดินทางของคนเริ่มเปลี่ยนไปด้วย โดยเดินทางใกล้บ้านมากขึ้น เพราะคนย้ายบ้านมาอยู่ใกล้ที่ทำงานมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังเป็นการไขข้อข้องใจของหลายฝ่ายที่ยังสับสนกับแนวเส้นทางรถไฟฟ้าว่ามีกี่สายทางกันแน่ เพราะเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ก็จะมีการขีดแนวเส้นทางเพิ่ม อย่างสมัย "สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" นั่งเก้าอี้ รมว.คมนาคม มีการปรับแผนแม่บทเดิม เมื่อปี 2547 เป็น 7 สาย ต่อมา "พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล" เพิ่มเป็น 10 สายทาง ถึงยุครัฐบาล พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้เร่งรัดระยะแรก 5 สาย 7 โครงการ แต่ล่าสุดสมัยรัฐบาล สมัคร สุนทรเวช ปรับเปลี่ยนอีกเป็น 9 สาย 8 แฉก

สถานะรถไฟฟ้าปัจจุบัน

ตามแผนแม่บทแต่ดั้งเดิมปี 2537 ปัจจุบันมีการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือบีทีเอส ช่วงหมอชิต-อ่อนนุช และสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน ระยะทาง 23.5 กิโลเมตร เปิดให้บริการ ตั้งแต่ปี 2542 และสายใต้ดินสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง ระยะทาง 19.7 กิโลเมตร เปิดให้บริการปี 2547

ส่วนแผนแม่บทปี 2547 มีโครงการรถไฟฟ้าที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว แต่ยังไม่เปิดบริการ 41 กิโลเมตร มี สายสีแดง รถไฟเชื่อมสุวรรณภูมิ หรือแอร์พอร์ต เรลลิงก์ 28.5 กิโลเมตร ที่จะเปิดบริการเดือนสิงหาคมนี้ สายสีเขียวอ่อน ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง 5.25 กิโลเมตร จะเปิดให้บริการปี 2553 สายสีเขียวเข้ม ช่วงสะพานตากสิน-แยกตากสิน 2.2 กิโลเมตร จะเปิดให้บริการเดือนพฤษภาคมนี้ และช่วงแยกตากสิน-บางหว้า 5.3 กิโลเมตร ที่จะเปิดให้บริการในปี 2553

จัดลำดับความสำคัญใหม่ แบ่งเป็น 3 เฟส

อย่างไรก็ตาม แผนแม่บทรถไฟฟ้าฉบับใหม่ ซึ่งแปลงร่างครั้งที่ 2 ชื่อว่า "แผนแม่บทขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล" หรือ Mass Transit Masterplan (M-MAP) ขณะนี้ยังสรุปไม่ลงตัวว่าจะมีกี่สายทาง อาจมากกว่า 10 สายทางก็ได้ โดยเป็นการบูรณาการทั้งโครงข่ายเดิมและต่อเติม โครงข่ายใหม่เข้าด้วยกัน ยึดตามแผนแม่บทเดิม 291 กิโลเมตร และมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปี 2549 ระยะทาง 145 กิโลเมตรเป็นหลัก แล้วจัดลำดับความสำคัญใหม่ โดยดูจากสถานะโครงการ ผลการศึกษาความเหมาะสม ปริมาณผู้โดยสารโดยแต่ละเส้นทางจะลากผ่านพื้นที่ ย่านธุรกิจและพาณิชยกรรมเป็นหลัก

ใช้เวลาดำเนินการ 20 ปี (2552-2571) รวม 556 กิโลเมตร แบ่งการดำเนินการเป็น 3 ระยะ คือระยะแรกในเวลา 5 ปี (2552-2556) จะดำเนินการตามแนว เส้นทางเดิมที่ ครม.อนุมัติแผนก่อสร้าง เมื่อปี 2549 ระยะทาง 145 กิโลเมตร มี 5 สายทาง 7 โครงการประกอบด้วย

1. สายสีเขียวอ่อน ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ 12.6 กิโลเมตร 25,248 ล้านบาท อยู่ระหว่างเตรียมประกวดราคา จะเปิดใช้ปี 2557
2. สายสีเขียวเข้ม ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ 11.4 กิโลเมตร 32,052 ล้านบาท เตรียมประกวดราคา เปิดบริการปี 2557

3. สายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระและช่วงหัวลำโพง-บางแค 27 กิโลเมตร 79,904 ล้านบาท กำลังเจรจาเงินกู้และเตรียมประกวดราคา เปิดบริการปี 2559
4. สายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ 23 กิโลเมตร 56,599 ล้านบาท อยู่ระหว่างประกวดราคา เปิดใช้ปี 2556
5. สายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต 26 กิโลเมตร 77,563 ล้านบาท เตรียมการประกวดราคา เปิดใช้ปี 2557 ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ระยะทาง 15 กิโลเมตร กำลังก่อสร้าง เปิดใช้ปี 2557 และบางซื่อ-พญาไท-หัวหมาก 19 กิโลเมตร เตรียมเสนอ ครม.อนุมัติ

ระยะที่ 2 เวลา 5 ปี (2557-2561) จะเป็นส่วนต่อขยายแนวเส้นทางเดิมออกไปชานเมืองมากขึ้น และเพิ่มเติมโครงข่ายใหม่ เบื้องต้นมี

1. สายสีเขียวเข้ม ช่วงสะพานใหม่-ลำลูกกา 13.9 กิโลเมตร 22,800 ล้านบาท อยู่ระหว่างศึกษาและออกแบบรายละเอียด เปิดใช้ปี 2557
2. สายสีเขียวอ่อน ช่วงสมุทรปราการ (บางปิ้ง)-บางปู 9.1 กิโลเมตร อยู่ระหว่างศึกษาและออกแบบ เปิดใช้ปี 2557
3. สายสีส้ม ช่วงบางกะปิ-บางบำหรุ-มีนบุรี 34.8 กิโลเมตร 1.6 แสนล้านบาท โดยนำ สายสีน้ำตาล จากบางกะปิ-มีนบุรี มารวมเป็นสายเดียวกัน และตัดทำบางช่วงก่อน คือศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี
4. สายสีชมพู แคราย-มีนบุรี สายสีเหลืองอ่อน ช่วงรัชดาฯ-ลาดพร้าว-พัฒนาการ 12.6 กิโลเมตร 30,810 ล้านบาท กำลังศึกษาความเหมาะสม
5. สายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-ราษฎร์บูรณะ 19.8 กิโลเมตร 49,647 ล้านบาท อยู่ระหว่างศึกษาปรับแผนแม่บท

ระยะที่ 3 เวลา 10 ปี (2562-2571) มีทั้งสายเดิมที่ทบทวนใหม่ ผสมผสานกับสายใหม่ที่บริษัทที่ปรึกษาเสนอแนะ อาทิ

1. สายสีแดง ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา
2. สายสีเขียวอ่อน ต่อขยายจากแยกบางนา-สุวรรณภูมิ (สายใหม่ไม่ดีกว่าหรือ?)
3. สายสีเขียว ช่วงบางหว้า-พุทธมณฑล สาย 4
4. สายสีเหลืองเข้ม ช่วงพัฒนาการ-สำโรง 17.8 กิโลเมตร 16,100 ล้านบาท กำลังศึกษาความเหมาะสม เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดยังเป็นปฐมบทเบื้องต้น ส่วนบทสรุปสุดท้ายต้องอดใจรอ กลางเดือนสิงหาคมนี้

//--------------------------------------------------------------------------
ปรับใหม่แผนแม่บทรถไฟฟ้าล็อก10สายหลัก
หวังสกัดวงจรการเมืองช่วยผุดรถไฟฟ้าเร็วขึ้น
Dailynews - 30 March 2009
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=194805&NewsType=1&Template=1
ปัญหาการจราจรในเมืองหลวง นับวันจะยิ่งทวีความรุนแรง แม้จะตัดถนนเพิ่มอีกกี่ร้อยสายก็แก้ปัญหาไม่ได้



“รถไฟฟ้า” ระบบขนส่งมวลชนที่เป็นที่ยอมรับว่าช่วยแก้ปัญหาจราจรได้เป็นอย่างดี ด้วยลักษณะเฉพาะ คือ สามารถขนคนได้เป็นจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว สามารถคำนวณเวลาการเดินทางได้อย่างแม่นยำ หากสามารถขยายโครงข่ายได้ครอบคลุมทั่วทั้งพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้คนเดินทางได้สะดวกแล้ว ย่อมดึงดูดให้คนใช้รถส่วนตัวทิ้งรถไว้ที่บ้าน หันมาใช้บริการรถไฟฟ้าได้ ก็จะมีรถยนต์ออกมาติดบนท้องถนนน้อยลง ทว่านับตั้งแต่มีการคลอดแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางหรือระบบรถไฟฟ้าฉบับแรกเมื่อปี 2537 และปรับปรุงเปลี่ยนแปลงจนได้เป็นแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครและพื้นที่ต่อเนื่อง (Bangkok Mass Transit, BMT) ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2547 ซึ่งเป็นแผนกำหนดให้ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าระยะเร่งด่วน 7 เส้นทาง ระยะทางรวม 291 กม. ภายใน 6 ปี ตั้งแต่ปี 2547-2552 นั่นก็คือแผนแม่บทฉบับดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในปีนี้ แต่คนกรุงเทพฯ มีรถไฟฟ้าใช้แค่ 41 กม.เท่านั้น น้อยกว่าแผนที่วางไว้มากมายนัก

สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จึงจ้างที่ปรึกษาศึกษาปรับแผนแม่บทใหม่ ตามโครงการศึกษาปรับแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางราง ในเขต กรุงเทพมหานครและปริมณฑล (M-MAP) งบ 232 ล้านบาท เพื่อทบทวนสถานการณ์ปัจจุบันและความเหมาะสม ของโครงการตามแผนแม่บทเดิม 7 สาย และสายใหม่อีก 3 สาย รวมเป็น 10 สาย พร้อมจัดลำดับความสำคัญของแต่ละเส้นทาง ให้สามารถจัดทำแผนการดำเนินงานในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน แผนการเงินการลงทุน กำหนดแนวทางและกลยุทธ์ให้สามารถดำเนินโครงการตามแผนแม่บทได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จะพยายามทำให้แผนแม่บทที่จัดทำขึ้นใหม่นี้ เป็นแผนแม่บทจริง ที่มีการจัดลำดับความสำคัญของรถไฟฟ้าแต่ละโครงการ ว่าโครงการใดเหมาะสมก่อสร้างก่อนด้วยเหตุผลใด เพื่อให้มีการดำเนินการก่อสร้างไปตามลำดับ และป้องกันไม่ให้มีการปรับแก้ไขใหม่ตามเกมการเมือง ที่จะทำให้โครงการล่าช้าและเปลืองงบ ประมาณในการศึกษาใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งจะศึกษาเสร็จในเดือน ก.ค.นี้ หลังจากนั้นจะเสนอขออนุมัติในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีผลครอบคลุมไปอีก 20 ปี โดยโครงการที่มีความเหมาะสมที่จะก่อสร้างเป็นลำดับต่อไป คือ สายสีส้ม แม้ว่าต้องใช้เงินลงทุนมากถึงกว่าแสนล้านบาท แต่จากผลการศึกษาเบื้องต้น ที่ปรึกษาคาดการณ์ว่าจะมีผู้โดยสารมากถึง 300,000 เที่ยวคนต่อวัน เมื่อมีผู้โดยสารต้องการใช้เป็นจำนวนมากก็ต้องยอมลงทุน ส่วนโครงการรถไฟฟ้าวงแหวนรอบในช่วงเพิ่มเติมจากสายสีน้ำเงิน และรถไฟฟ้าวงแหวนรอบนอก ที่ลากเส้นเพิ่มจากสายสีเหลือง ที่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ขีดเส้นเพิ่มไว้จะไม่มีในแผนแม่บท เพราะผลการศึกษาไม่คุ้มทุน มีจำนวนผู้โดยสารน้อย

หวังว่าการศึกษาปรับแผนแม่บทครั้งนี้ จะมีข้อมูลและเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้โครงการสามารถเดินหน้าไปตามแผนได้จริง ในระยะเวลาที่วางกรอบไว้ ซึ่งกลไกที่สำคัญที่สุดหนีไม่พ้นข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจทุกคน ที่มีส่วนขับเคลื่อนโครงการเหล่านี้ ต้องมีความหนักแน่นพอที่จะยืนยันผลการศึกษา กล้าชี้แจงแก่รัฐบาลและนักการเมือง ซึ่งเป็นแรงกดดันทางการเมืองที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล มิใช่พอเปลี่ยนรัฐบาลที มีการสั่งขีดแนวรถไฟฟ้าใหม่ที ก็วิ่งเต้นตาม ทิ้งแผนเก่า จ้างศึกษาเส้นใหม่ ทั้งเปลืองงบประมาณ แถมยังย่ำอยู่กับที่ไม่คืบหน้า ต่อให้ศึกษาแผนแม่บทใหม่อีก 10 รอบ ก็คงไม่ช่วยให้มีรถไฟฟ้ามาให้บริการเพิ่มขึ้น

แต่ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดต้องขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของนักการเมือง หากเห็นว่าประโยชน์ส่วนรวมสำคัญกว่าประโยชน์ส่วนตน ไม่ปรับโน่นแก้นี่ มุ่งแต่หาช่องดึงผล ประโยชน์เข้าพวกพ้องเหมือนที่ผ่าน ๆ มา การพัฒนาและแก้ปัญหาการจราจรในเมืองหลวง ก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม.

รถไฟฟ้า10สายในแผนแม่บทใหม่

1.สายสีแดงเข้ม รังสิต-มหาชัย ระยะทาง 65 กม. แบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรก หัวลำโพง-บางซื่อ-รังสิต ก่อสร้างตามแนวทางรถไฟเดิมเริ่มจากหัวลำโพง ผ่านแยกกษัตริย์ศึก แยกยมราช สถานีบางซื่อ ก่อนไปตามแนวถนนวิภาวดีรังสิต ไปจนถึงรังสิต ทั้งนี้ ครม.ได้อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ก่อสร้างโครงการช่วงบางซื่อ-รังสิตแล้ว อยู่ระหว่างเตรียมการประกวดราคา ส่วนช่วงที่ 2 คือ หัวลำโพง-วงเวียนใหญ่-มหาชัย เริ่มจากหัวลำโพงไปตามถนนมหาพฤฒาราม ริมคลองผดุงกรุงเกษม ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ เข้าถนนลาดหญ้า โดยวิ่งไปตามแนวทางรถไฟสายแม่กลองเดิม ผ่านตลาดพลูไปสิ้นสุดที่มหาชัย

2.สายสีแดงอ่อน ตลิ่งชัน-สุวรรณภูมิ ระยะทาง 50 กม. แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงยมราช-มักกะสัน-สุวรรณภูมิ สร้างตามแนวทางรถไฟเดิมจากแยกยมราช ไปตามทางรถไฟสายตะวันออก แล้วเลี้ยวเข้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นแนวเดียวกับโครงการแอร์พอร์ตลิงก์ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งกำลังจะเปิดใช้ในปลายปีนี้ ส่วนช่วงที่ 2 บางซื่อ-ตลิ่งชัน เริ่มจากสถานีบางซื่อ ไปตามแนวทางรถไฟเดิม ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ไปสิ้นสุดที่ถนนวงแหวนรอบนอกบริเวณตลิ่งชัน ซึ่ง รฟท.ประกวดราคาได้ผู้รับเหมา เริ่มเข้าพื้นที่ก่อสร้างแล้วตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา

3.สายสีน้ำเงิน ระยะทาง 27 กม. ต่อขยายจากรถไฟฟ้าใต้ดินในปัจจุบัน แบ่งเป็นช่วงบางซื่อ-ท่าพระ สถานีบางซื่อ ไปตามถนนประชาราษฎร์สาย 2 ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่แยกบางโพ เข้าถนนจรัญสนิทวงศ์ ไปจนถึงแยกท่าพระ และช่วงหัวลำโพง-บางแค จากสถานีหัวลำโพง เข้าถนนเจริญกรุง ถนนสนามไชย ลอดเกาะรัตนโกสินทร์ ลอดแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณปากคลองตลาด เข้าถนนอิสระภาพ ไปแยกท่าพระ เข้าถนนเพชรเกษมไปจนถึงถนนกาญจนาภิเษก โดยสายนี้ ครม.อนุมัติให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ก่อสร้างแล้ว อยู่ระหว่างหาเงินกู้ก่อสร้างโครงการ

4.สายสีม่วง บางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 43 กม. แบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกบางซื่อ-บางใหญ่ เริ่มจากสถานีบางซื่อ ไปเตาปูน เข้าถนนกรุงเทพ-นนท์ ถึงแยกแครายเลี้ยวเข้าถนนรัตนาธิเบศร์ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เลี้ยวขวาเข้าถนนวงแหวนรอบนอก สิ้นสุดที่คลองบางไผ่ รฟม.ประกาศประกวดราคาแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาผู้รับเหมา อีกช่วงคือ บางซื่อ-ราษฎร์บูรณะ เริ่มจากสถานีบางซื่อ ไปตามถนนประชาราษฎร์ เข้าถนนประชาราษฎร์สาย 1 ถนนสามเสน ถนนพระสุเมรุ ถนนมหาไชย ถนนจักรเพชร ลอด แม่น้ำเจ้าพระยา เข้าถนนประชาธิปก ไปแยกบางปะแก้ว จนถึงราษฎร์บูรณะ

5.สายสีส้ม บางกะปิ-บางบำหรุ ระยะทาง 24 กม. เริ่มจากบางกะปิ ไปตามแนวถนนรามคำแหง เข้าถนนพระราม 9 ถนนดินแดง ถนนราชวิถี ลอดแม่น้ำเจ้าพระยาตามแนวสะพานกรุงธน เข้าถนนสิรินธร ไปเชื่อมกับแนวรถไฟฟ้าสายใต้ที่สถานีบางบำหรุ ทั้งนี้ที่ปรึกษาเห็นว่าสายนี้ควรเป็นสายต่อไปที่ควรก่อสร้าง เนื่องจาก ผ่านย่านถนนรามคำแหงจะมีจำนวนผู้โดยสารมากถึง 300,000 เที่ยวคนต่อวัน ซึ่งคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ แต่อาจไม่คุ้มค่าการลงทุน เพราะสายนี้จะเป็นโครงการใต้ดินทั้งหมด ทำให้ต้องใช้เงินลงทุนสูงกว่าแสนล้านบาท

6.สายสีเขียวอ่อน พรานนก-สมุทรปราการ ระยะทาง 24 กม. ต่อขยายจากรถไฟฟ้าบีทีเอสในปัจจุบัน ช่วงแรกจากสถานีอ่อนนุช ไปตามถนนสุขุมวิทจนถึงสมุทรปราการ ซึ่งปัจจุบัน กทม. อยู่ระหว่างก่อสร้างช่วงจากอ่อนนุชถึงซอยแบริ่งแล้ว ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างขั้นตอนเตรียมการประกวดราคา และได้มีการศึกษาออกแบบรายละเอียดขยายเส้นทางเพิ่มเติมถึงนิคมอุตสาหกรรมบางปู อีกช่วงต่อขยายจากสถานีสนามกีฬา ไปตามถนนบำรุงเมือง ถนนราชดำเนินกลาง ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสะพานพระปิ่นเกล้า ไปที่สถานีรถไฟธนบุรี เข้าถนนพรานนก ถึงถนนจรัญสนิทวงศ์

7.สายสีเขียวเข้ม สะพานใหม่-บางหว้า ระยะทาง 17 กม. เป็นส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าบีทีเอสในปัจจุบัน ช่วงแรกจากสถานีหมอชิต ผ่านห้าแยกลาดพร้าว เข้าถนนพหลโยธิน ผ่านแยกรัชโยธิน แยกเกษตร วงเวียนหลักสี่ ไปถึงสะพานใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนเตรียมการประกวดราคา และยังมีการศึกษาออกแบบรายละเอียดขยายเส้นทางเพิ่มเติมจนถึงลำลูกกาคลอง 4 อีกช่วงต่อจากสถานีตากสิน ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปตามถนนกรุงธนบุรี วิ่งขนานตามแนวถนนตากสินเพชรเกษม ถึงถนนเพชรเกษม ซึ่งปัจจุบัน กทม.อยู่ระหว่างก่อสร้างจากสถานีตากสินถึงถนนตากสิน ระยะทาง 2.2 กม.แล้ว คาดว่าจะเปิดใช้บริการได้ในเดือน ส.ค.นี้

8.สายสีเหลือง แบ่งเป็น ช่วงที่ 1 สายสีเหลืองอ่อน ช่วงรัชดา-ลาดพร้าว-พัฒนาการ ระยะทาง 12.6 กม. มีจุดเริ่มต้นที่แยกรัชดา-ลาดพร้าว ไปตามถนนลาดพร้าว เข้าถนนศรีนครินทร์ ผ่านแยกลำสาลี สิ้นสุดที่ระหว่างทางแยกต่างระดับพระราม 9 กับทางรถไฟสายตะวันออก ช่วงที่ 2 สีเหลืองเข้ม ช่วงวงแหวนพัฒนา การ-สำโรง ระยะทาง 17.8 กม. เริ่มต้นจากจุดสิ้นสุดสายสีเหลืองอ่อน ไปตามถนนศรีนครินทร์เลี้ยวขวาเข้าถนนเทพารักษ์ สิ้นสุดปลายทางที่สำโรงเป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน

9.สายสีน้ำตาล บางกะปิ-มีนบุรี ระยะทาง 11 กม. เริ่มต้นที่แยกลำสาลีต่อจากสายสีส้ม ไปตามถนนรามคำแหงสิ้นสุดสถานีปลายทางที่มีนบุรีบริเวณทางแยกถนนร่มเกล้า ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อกับสายสีชมพู

10.สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม. เริ่มต้นที่ศูนย์ราชการนนทบุรี ถนนรัตนาธิเบศร์ เชื่อมต่อกับสายสีม่วง เข้าถนนติวานนท์ไปตามเกาะกลางถนน ถึงห้าแยกปากเกร็ดเลี้ยวเข้าถนนแจ้งวัฒนะ ผ่านจุดตัดถนนวิภาวดีรังสิต วงเวียนหลักสี่ เข้าถนนรามอินทรา ถึงแยกมีนบุรี เข้าถนนสีหบุรานุกิจ ผ่านสะพานข้ามคลองสามวา เลี้ยวขวาข้ามคลองแสนแสบและเข้าถนนรามคำแหง (สุขาภิบาล 3) สิ้นสุดที่แยกรามคำแหง-ร่มเกล้า ซึ่งเป็นสถานีเชื่อมต่อกับสายสีน้ำตาล.


Last edited by Wisarut on 01/04/2009 11:20 pm; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 31/03/2009 11:53 pm    Post subject: Reply with quote

คลอดรถไฟฟ้าสายวงแหวน แผนใหม่สนข.สร้างเพิ่มอีก 6 เส้นทางเชื่อมปริมณฑล

สยามธุรกิจ ฉบับที่ 984 ประจำวันที่ 28-3-2009 ถึง 31-3-2009 ]


คมนาคมปรับแผนแม่บทรถไฟฟ้ารอบ 2 แจ้งเกิด 6 เส้นทางใหม่ ผุด “โครงการรถไฟฟ้าวงแหวนรอบนอก” และเส้นทางอื่นๆ รวม 556 กิโลเมตรทั่วกรุง เผยเส้นทางที่จะเกิดใหม่ใน 5 ปี
สายสีชมพู ปากเกร็ด-มีนบุรี,
สายสีส้ม บางบำหรุ-บางกะปิ,
ส่วนต่อขยายสายสีเขียว สะพานใหม่-ลำลูกกา และ แบริ่ง-ปากน้ำ,
สายสีม่วง บางซื่อ-ราษฎร์บูรณะ

ตั้งเป้าคน ใช้รถไฟฟ้ามากกว่า 20% ใน 10 ปี

นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ รองปลัดกระทรวงคมนาคม หัวหน้ากลุ่มภารกิจการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เปิดเผยถึง โครงการศึกษาปรับแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ว่า สาเหตุที่กระทรวงคมนาคมต้องมีการปรับปรุงแผนแม่บทระบบรางใหม่ เนื่องจากแผนแม่บทเพื่อการพัฒนาโครงข่ายการเดินทางยุคใหม่ ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2537 และมีการปรับปรุงแผนฉบับต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง จนพัฒนามาสู่แผนแม่บทระบบรางในกรุงเทพมหานครและพื้นที่ต่อเนื่อง หรือ BRT ภายในช่วงปี 2547-2552 จำนวน 7 เส้นทาง รวมทั้งสิ้น 291 กิโลเมตร ซึ่งขณะนี้ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว รวมทั้งการเปลี่ยนแปลง ด้านเศรษฐกิจ-สังคม และการใช้ที่ดินอาจส่งผลต่อการปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเดินทางที่เคยศึกษาไว้ จึงจำเป็นที่จะต้องทำการปรับแผนแม่บทระบบรางใหม่

ทางด้านดร.สุรศักดิ์ ทวีศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีม โลจิสติกส์ แอนด์ ทรานสปอร์ต จำกัด ที่ปรึกษาโครงการศึกษา ปรับแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางฯ กล่าวถึง แนวเส้นทางรถไฟฟ้าในจะเกิดขึ้นในอนาคตว่า จะต้องครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในทั้งหมด พื้นที่พาณิชยกรรมและพื้นที่ที่มีความหนาแน่นสูง ดังนั้น เส้นทางที่จะเกิดขึ้นในอนาคตควรจะมีแนวเส้นทางรถไฟฟ้าเป็นวงแหวนรอบนอกอีกชั้น เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มีระบบรถไฟฟ้ากระจุกตามวงแหวน รัชดา

ดังนั้นจะมีเส้นทางเกิดใหม่อีก 2 เส้นทางคือ วงแหวนรอบนอก หรือสายสีเหลือง จะครอบคลุมถึง นนทบุรี ตลิ่งชัน บางหว้า ราษฎร์บูรณะ สำโรง บางนา บางกะปิ ลาดพร้าว แคราย สายสีส้ม บางบำหรุ-บางกะปิ และสายสีเทา ซึ่งเริ่มจาก สายไหม วัชรพล ตามแนวทางด่วนรามอินทราอาจณรงค์ พระโขนง ยานนาวา จรดสายสีม่วงที่ราษฎร์บูรณะ รวมถึงสายสีส้ม บางบำหรุ-บางกะปิ สีน้ำตาลบางกะปิ-มีนบุรี สายสีชมพู ปากเกร็ด-มีนบุรี และส่วนต่อขยายในสายทางอื่นๆ เช่น ต่อขยายสายสีแดง สีม่วง สีน้ำเงิน และสีเขียว

ทั้งนี้ เส้นทางที่เห็นว่าเหมาะสมในการ ลงทุนในเฟสถัดไปแผนระยะ 5 ปีต่อจากนี้ คือ ส่วนต่อขยายสายสีเขียว ช่วงสะพานใหม่-ลำลูกกา และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ สายสีส้มบางบำหรุ-บางกะปิ ซึ่งสายนี้ปริมาณการเดินทางหนาแน่นถึง 300,000 คน/วัน แต่ใช้งบประมาณสูง ต้องดูว่ามีความคุ้มทุนหรือไม่ เพราะต้องลงใต้ดินตลอดทั้งสาย สายสีน้ำตาล บางกะปิ-มีนบุรี สายสีชมพู ปากเกร็ด-มีนบุรี และส่วนต่อขยายสายสีม่วง บางซื่อ-ราษฎร์บูรณะ

สำหรับโครงการรถไฟฟ้าตามแผน BRT เดิมคือ 5 โครงการ 7 สายทางนั้นมีความคืบหน้าที่สามารถทำได้เพียง 41 กิโลเมตรเท่านั้น คือ รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต ลิงค์ ที่กำลังก่อสร้างใกล้จะแล้วเสร็จ ส่วนเส้นทางอื่นๆ อีกกว่า 145 กิโลเมตร อาทิ สายสีแดง สีม่วง สีเขียว สีน้ำเงิน ยังมีความล่าช้ากว่าแผน เนื่องจากมีปัญหาอุปสรรคหลายประการ

ทั้งนี้ สาเหตุประการสำคัญที่โครงการ รถไฟฟ้า 7 สายทางเดิมมีความล่าช้า เนื่องมาจากรัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ซึ่งจากปี 2547-2551 มีการเปลี่ยนรัฐบาลถึง 5-6 รัฐบาล เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลแต่ละที รถไฟฟ้าจะถูกดึงไปอยู่ในโปรแกรมประชานิยมของรัฐบาลทุกครั้งไป ทำให้ต้องการมีปลี่ยนแนวเส้นทางบ่อยครั้งตามนโยบายประชานิยม ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าท้าทายสำหรับที่ปรึกษาว่าจะเสนอแนะ และเขียนแผนแม่บทอย่างไรไม่ให้โครงการรถไฟฟ้าสะดุด

ส่วนเป้าหมายในการปรับแผนแม่บทในครั้งนี้ ดร.สุรศักดิ์ กล่าวว่า การศึกษาปรับปรุงแผนแม่บทในครั้งนี้ จะมีการศึกษาถึงจุดอ่อนความล่าช้าของเส้นทางก่อนหน้านี้ รวมถึงจุดที่ควรปรับปรุง สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อัตราค่าโดยสารและระบบตั๋ว ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและการยอมรับของประชาชน ตลอดจนบูรณาการแผนงานและความก้าวหน้าของโครงการต่างๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะจากนโยบาย รัฐบาล และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อให้ได้แผนแม่บทรถไฟฟ้าที่จะเป็นกรอบในการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าในช่วง 20 ปีข้างหน้า พร้อมแผนปฏิบัติการ สำหรับในช่วง 5 ปีแรก และ 5 ปีถัดไป โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการเดินทางด้วยระบบรถไฟฟ้ามากว่า 20% ภายใน 10 ปีแรก เพื่อลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ลดระยะเวลาในการเดินทาง ประหยัดพลังงาน ประหยัดค่าใช้จ่าย สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี สุขภาพที่ดี และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ
Back to top
View user's profile Send private message
black_express
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/03/2006
Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ

PostPosted: 01/04/2009 8:03 am    Post subject: Reply with quote

หวังว่าแนวทางรถไฟฟ้าสีต่างๆ ทั้งหมดนี้ คงได้ข้อสรุปลงตัวเป็นรูปธรรมนะครับ

ไม่ใช่ให้ฝ่ายการเมืองลากเส้นทางตามใจชอบผ่านหน้าบ้านใครก็ไม่ทราบ ที่ไม่เคยใช้บริการขนส่งมวลชนเลย... Razz
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 01/04/2009 6:19 pm    Post subject: Reply with quote

นักวิชาการจี้รัฐสร้างขนส่งมวลชนลอยฟ้า-ใต้ดิน400กม.รับคนกรุงสัญจร เสนอเก็บภาษีอาคาร คอนโดใหญ่ทำรถติด

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 เมษายน 2552 17:12 น.


http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000037071


นักวิชาการเสนอรัฐเร่งสร้างระบบขนส่งมวลชนลอยฟ้า-ใต้ดิน ให้ได้อย่างน้อย 400 กิโลเมตร ชี้ล้าหลังสิงคโปร์ พร้อมเสนอให้เก็บภาษีจากเจ้าของคอนโดฯ-ห้างสรรพสินค้า เหตุทำรถติด

วันนี้ (1 เม.ย.) ที่โรงแรมสยามซิตี เขตราชเทวี ได้มีการจัดโครงการนิทรรศการและการแสดงผลงานทางวิชาการ กรุงเทพฯ ศตวรรษที่ 21 โดย รศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวในการสัมมนาในหัวข้อการก่อสร้างใต้ดินสำหรับกรุงเทพฯ ในอนาคตตอนหนึ่งว่า การที่จะแก้ไขปัญหาการจราจรใน กทม.นั้นรถไฟฟ้าใต้ดินที่ปัจจุบันมีระยะทาง 20 กิโลเมตรยังไม่เพียงพอ เพราะอย่างน้อยจะต้องมีการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนทั้งลอยฟ้าและใต้ดินระยะทางไม่น้อยกว่า 400 กิโลเมตร ถึงจะสามารถตอบสนองความต้องการของคนกรุงเทพฯที่มีประมาณ 10 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม ทั่วโลกมีการเปิดพื้นที่ใต้ดินในการทำรถไฟฟ้าใต้ดินมาอย่างยาวนานแล้ว ขณะที่ประเทศไทยเพิ่งจะเริ่มต้น ซึ่งหากเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ เช่น กรุงลอนดอน มีประชาชน 8 ล้านคน แต่มีเครือข่ายรถไฟฟ้าถึง 470 กิโลเมตร ประเทศญี่ปุ่นมีระบบขนส่งรถไฟฟ้าเกิน 500 กิโลเมตร ขณะที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ มีประชากร 10 ล้านคน ตั้งเป้าจะก่อสร้างให้ได้มากกว่าญี่ปุ่น ส่วนที่สิงคโปร์ แม้จะมีประชากร 4 ล้านคน แต่ขณะมีมีระบบรถไฟฟ้าถึง 180 กิโลเมตร และอีก 2 ปีข้างหน้าจะต้องเกิน 300 กิโลเมตรตามแผนที่วางไว้ ทั้งนี้ ประเทศที่กล่าวมาข้างต้นส่วนใหญ่จะมีระบบรถไฟฟ้าใต้ดินมากกว่าระบบลอยฟ้า

รศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาจราจรในระยะสั้นที่กทม.สามารถดำเนินการได้ทันทีนั้น จะต้องมีการระบบการใช้พื้นที่ใหม่ เช่น บริเวณตลาดโบ๊เบ๊ สามารถก่อสร้างตลาดใต้ดินแทนได้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มพื้นที่การจราจร และพื้นที่สีเขียว ขณะเดียวกัน ควรจะมีการดูแลคลองผดุงกรุงเกษมเพื่อเป็นเส้นทางเชื่อมต่อคมนาคมทางน้ำในอนาคต

ด้านดร.จิตติชัย รุจนกนกนาฏ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในหัวข้อการขนส่งในเขตเมืองอย่างยั่งยืนว่า ควรที่จะมีการจัดเก็บภาษีจากผู้ประกอบการโดยเจ้าของโครงการอาคารชุดที่อยู่อาศัย ห้างสรรพสินค้า หรืออาคารขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นอย่างมากมายในย่านสำคัญของ กทม. โดยให้มีการคำนวณว่า หากเกิดโครงการนี้ขึ้นแล้วจะส่งผลกระทบต่อการจราจรอย่างไร แล้วคิดเป็นภาษีออกมาเหมือนที่ต่างประเทศดำเนินการ ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถดำเนินการได้ทันที โดยสามารถออกเป็นกฎหมายมาบังคับใช้ซึ่งหากทำได้จะเป็นการลดปริมาณรถยนต์บนท้องถนน รวมถึงควรมีการจำกัดโซนการก่อสร้างอาคารใหญ่ๆ อีกด้วย
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 01/04/2009 11:41 pm    Post subject: Reply with quote

คมนาคมเขย่ารถไฟฟ้าได้ 10 สาย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2414 02 เม.ย. - 04 เม.ย. 2552
http://www.thannews.th.com/detialNews.php?id=R3324142&issue=2413

คมนาคมรื้อแผนแม่บทรถไฟฟ้าใหม่ พร้อมเพิ่มเส้นทางจาก 7 เป็น 10 สายทาง ลั่นใช้ฉบับนี้เป็นแผนจริง กำหนดเวลาทำงานชัดเจน ป้องกันการปรับเปลี่ยนแผนตามวาระทางการเมือง คาดศึกษาเสร็จกรกฎาคมนี้ พร้อมเตรียมชง ครม. ใหม่อีกรอบ เล็งดันสายสีส้มสร้างเป็นคิวต่อไป เหตุประชาชนต้องการใช้มาก พร้อมตัดทิ้งเส้นทางต่อขยายยุคสมัคร อ้างไม่คุ้มค่าการลงทุน


นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังการเปิดงานสัมมนารับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะและความต้องการของประชาชนครั้งที่ 1 ของโครงการศึกษาปรับแผนแม่บทขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลว่า เหตุที่ต้องมีการปรับแผนแม่บทใหม่ เนื่องจากแผนงานเดิมนั้นทำการศึกษาไว้ตั้งแต่ปี 2537 โดยมีแผนงานให้ก่อสร้างในช่วงปี 2547-2552 จำนวน 7 เส้นทาง รวม 291 กิโลเมตร แต่จนถึงขณะนี้การดำเนินงานยังคงล่าช้ากว่าแผนงานที่วางไว้มาก ทำให้สามารถเปิดให้บริการได้อย่างเป็นทางการเพียงแค่ 40 กิโลเมตรเท่านั้น


นอกจากนี้ ยังมีผลจากสภาวะทางด้านเศรษฐกิจและสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงต้องทำการศึกษาใหม่ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมต่อสถานการณ์ปัจจุบันให้มากที่สุด ซึ่งเมื่อทำการปรับแผนแม่บทแล้วเสร็จ จะใช้แผนแม่บทฉบับแก้ไขล่าสุดนี้เป็นแผนแม่บทจริง โดยในรายละเอียดนั้นจะจัดลำดับความสำคัญของโครงการรถไฟฟ้าแต่ละสายทาง ว่าสายทางใดที่มีความเหมาะสม เส้นทางใดที่ควรจะนำมาก่อสร้างก่อนหรือหลัง มีเหตุผลอะไรรองรับ ทั้งนี้จะต้องมีการกำหนดกันไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้มีการดำเนินงานกันเป็นไปตามลำดับที่กำหนดไว้ และยังเป็นการป้องกันไม่ให้มีการปรับแก้ไขใหม่กันตามวาระทางการเมืองด้วย ซึ่งหากปล่อยให้มีการปรับแก้ไขกันตามวาระการเมือง ก็จะส่งผลให้โครงการล่าช้า และต้องสิ้นเปลืองงบประมาณในการศึกษารายละเอียดใหม่อีก


ทั้งนี้คาดว่า ที่ปรึกษาจะสรุปผลการศึกษาได้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคมนี้ หลังจากนั้นกระทรวงคมนาคมจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ซึ่งแผนแม่บทฉบับใหม่นั้นเป็นแผนการพัฒนาในระยะ 20 ปี และจะมีแนวเส้นทางเพิ่มขึ้นจากเดิม 7 เส้นทาง เป็น 10 เส้นทาง สำหรับเส้นทางที่เพิ่มขึ้นมาประกอบด้วย โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล


ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายวงแหวนรอบ ในช่วงที่เพิ่มเติมจากแนวเส้นทางโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสายรถไฟฟ้าวงแหวนรอบนอก ที่เป็นเส้นทางที่ลากต่อขยายเพิ่มเติมจากสายสีเหลืองออกไป ซึ่งเป็นเส้นทางที่เกิดขึ้นตามแนวดำริของรัฐบาลสมัยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น จะไม่นำมาบรรจุไว้ในแผนแม่บท เนื่องจากได้ทำการศึกษาวิเคราะห์ในเบื้องต้นแล้วเห็นว่าไม่มีความคุ้มทุน มีปริมาณผู้โดยสารน้อย ส่วนโครงการที่พิจารณาแล้วเห็นว่ามีความเหมาะสมที่จะก่อสร้างเป็นลำดับต่อไป คือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งแม้ว่าเส้นทางสายนี้จะมีค่าก่อสร้างที่สูงมาก เนื่องจากจะเป็นโครงสร้างแบบอุโมงค์ใต้ดินตลอดสายทาง แต่ก็มีปริมาณผู้โดยสารเป็นจำนวนมาก ซึ่งควรจะต้องยอมลงทุน เนื่องจากจะทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก


ด้านดร.สุรศักดิ์ ทวีศิลป์ รองผู้จัดการโครงการศึกษาปรับแผนแม่บท กล่าวว่าเส้นทางที่พิจารณาแล้วเห็นว่ามีความเหมาะสมที่จะก่อสร้างมากที่สุดในขณะนี้ คือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เนื่องจากเป็นเส้นทางที่วิ่งผ่านย่านถนนรามคำแหง ซึ่งมีประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่น และการจราจรติดขัดมาก คาดว่าหากเปิดให้บริการจะมีผู้ใช้บริการสูงถึง 300,000 คน/วัน ถือได้ว่ามีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจมาก อย่างไรก็ดีหากมองในแง่การลงทุนแล้วอาจจะไม่คุ้ม เนื่องจากต้องใช้เงินในการลงทุนสูงถึงกว่า 100,000 ล้านบาท ซึ่งเห็นว่าหากรัฐบาลจะลงทุนในเส้นทางนี้ควรต้องลงทุนในส่วนของงานโยธา แล้วเปิดให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในด้านการเดินรถ


อนึ่ง ข้อมูลจากกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ได้มีการรายงานให้ทราบถึงสถานปัจจุบันของแต่ละโครงการด้วย โดยระบุว่า

โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง 5.25 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 8,755 ล้านบาท อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ปี 2553, ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ (บางปิ้ง) 12.6 กิโลเมตร วงเงิน 25,248 ล้านบาท อยู่ระหว่างการเตรียมประกวดราคา, ช่วงสมุทรปราการ (บางปิ้ง)-บางปู 9.1 กิโลเมตร อยู่ระหว่างออกแบบรายละเอียด, ช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ-พรานนก 7.7 กิโลเมตร วงเงิน 26,284 ล้านบาท อยู่ระหว่างการศึกษาปรับแผนแม่บท


โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม ช่วงสะพานตากสิน-ถนนตากสิน 2.2 กิโลเมตร วงเงิน 2,393 ล้านบาท อยู่ระหว่างก่อสร้างคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปีนี้, ช่วงถนนตากสิน-บางหว้า 5.3 กิโลเมตร วงเงิน 7,055 ล้านบาท อยู่ระหว่างก่อสร้างคาดว่าจะให้บริการได้ปี 2553, ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ 11.4 กิโลเมตร วงเงิน 32,052 ล้านบาท อยู่ระหว่างการเตรียมประกวดราคา, ช่วงสะพานใหม่-ลำลูกกา 13.9 กิโลเมตร วงเงิน 22,800 ล้านบาท อยู่ระหว่างการศึกษาออกแบบรายละเอียด


โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ 13 กิโลเมตร และช่วงหัวลำโพง-บางแค ระยะทาง 14 กิโลเมตร วงเงินรวม 79,904 ล้านบาท อยู่ระหว่างการเจรจาหาเงินกู้และเตรียมการประกวดราคา ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ 23 กิโลเมตร วงเงิน 56,599 ล้านบาท อยู่ระหว่างการประกวดราคา ขณะที่ช่วงบางซื่อ-ราษฎร์บูรณะ 19.8 กิโลเมตร วงเงิน 49,647 ล้านบาท อยู่ระหว่างการศึกษาปรับแผนแม่บท


ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางกะปิ-สามเสน 19.8 กิโลเมตร วงเงิน 53,972 ล้านบาท อยู่ระหว่างการปรับแผนแม่บท เช่นเดียวกันกับและช่วงสามเสน-บางบำหรุ 4 กิโลเมตร วงเงิน 95,002 ล้านบาท, ด้านโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-ปากเกร็ด 5.5 กิโลเมตร ช่วงปากเกร็ด-อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ 11 กิโลเมตร ช่วงอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ-มีนบุรี 18 กิโลเมตร วงเงินรวม 38,223 ล้านบาท อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงรัชดาฯ/ลาดพร้าว-พัฒนาการ 12.6 กิโลเมตร ช่วงพัฒนาการ-สำโรง 18 กิโลเมตร วงเงินรวม 47,834 ล้านบาท อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม


ขณะที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงนั้น ช่วงรังสิต-มธ.รังสิต 10 กิโลเมตร วงเงิน 3,886 ล้านบาท อยู่ระหว่างศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม, ช่วงบางซื่อ-รังสิต 2.3 กิโลเมตร วงเงิน 77,563 ล้านบาท อยู่ระหว่างการเตรียมประกวดราคา, ช่วงบางซื่อ-พญาไท-หัวหมาก 19 กิโลเมตร วงเงิน 36,924 ล้านบาท อยู่ระหว่างเตรียมเสนอครม.อนุมัติโครงการ,ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน 15 กิโลเมตร วงเงิน 12,806 ล้านบาท อยู่ในชั้นเตรียมการก่อสร้างงานโยธา, ช่วงหัวลำโพง-มหาชัย 37 กิโลเมตร วงเงิน 52,000 ล้านบาท ดำเนินการออกแบบรายละเอียดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนโครงการแอร์พอร์ตลิงค์นั้น คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2552 นี้
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 02/04/2009 9:20 am    Post subject: Reply with quote

ข้อพึงสังเกตจากแผนที่ในประชาชาติธุรกิจ

1. หลังรวม สายสีน้ำตาลเดิม (บางกะปิ - มีนบุรี) เข้ากับสายส้ม (บางกะปิ - บางบำหรุ) แล้ว จะสร้างสายน้ำตาลขึ้นมาใหม่ ก็ต้องขุดเอา แผนเดิม ของ รฟท. ที่เคยคิด จะทำทางรถไฟ จาก ยมราชไป สถานีธนบุรี แต่ คราวนี้ ยกให้ รฟม. ทำ เพราะ ดำดินตลอด

2. กรณี วงแหวนทองของออหมัก นั้น ได้มีการเปลี่ยนแปลงเพราะ ขณะนี้ มีถนน นวมินทร์ - เสรีไทย (ถนน สุขาภิบาล 1 – สุขาภิบาล 2 แถวคลองพังพวย) ผุดขึ้นมาใหม่ ก็ควรแก่การที่จะปรับเส้นทาง เพื่อ เปิดชองให้ สายลาดพร้าว - พัฒนาการ (สถานีหัวหมาก) ได้แจ้งเกิดเต็มตัว แต่ อาจต้องเวนคืนจาก เสรีไทย ไป สถานีหัวหมาก ก่อน กลับเข้าทางเดิม ของ ออหมัก

3. คนย่านลาดพร้าว - บางกะปิ คงต้องกดดันหนักๆ สิ เผลอๆ ได้ แบบ Heavy Rail ลอยฟ้า แบบบีทีเอส หรอื LRT ลอยฟ้าแบบ KL Putra (จำชื่อใหม่ไม่ได้) แทน Monorail นั่นประไร แต่จะให้ถึงขั้นมุดใต้ดิน ต้องกดดันหนักกว่านี้ อีกมาก
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 03/04/2009 12:24 am    Post subject: Reply with quote

รื้อระบบขนส่งมวลชนรอบเมือง สนองกลุ่มนักธุรกิจการเมือง

โดย ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์ 2 เมษายน 2552 16:25 น.
http://www.manager.co.th/mgrWeekly/ViewNews.aspx?NewsID=9520000037538


*สนข.ปรับแผนลงทุนโครงการรถไฟฟ้า พร้อมหาทางป้องกันรัฐบาลใหม่รื้อแผน ทำโครงการล่าช้า

*บรรจุ 3 เส้นทางใหม่ สนองก๊วนการเมือง “เพื่อนเนวิน”

*ปัดฝุ่นสายสีเหลือง-ส้ม-น้ำตาล หลังรัฐบาลชุดก่อนเก็บเรื่องเข้าลิ้นชัก

ล่าช้ากว่าแผนการที่วางไว้มานานสำหรับโครงการลงทุนระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ โดยตามแผนการศึกษาตั้งแต่ปี 2547 จะต้องพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าให้ได้ 135 กม. ภายในปี 2538-2554 ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสมัยนั้น แต่ปัจจุบันสามารถพัฒนาโครงข่ายได้เพียง 41 กม.เท่านั้น ซึ่งล่าช้ากว่าแผนที่วางไว้มาก ทำให้สำนักงานนโยบายและแผนการจราจรและขนส่ง (สนข.) จัดทำแผนแม่บทการขนส่งมวลชนระบบรางในเขตกรุงเทพมหานครและพื้นที่ต่อเนื่อง(URMAP) ใหม่ในปี 2543 แผนดังกล่าวกำหนดไว้ว่า ภายใน 20 ปี ตั้งแต่ปี 2544 จะต้องพัฒนาโครงข่ายให้ได้ 375 กม.

แต่จนถึงปี 2544 ก็ยังไม่มีความคืบหน้าของการลงทุน และในปี 2547 จึงได้มีการกำหนดแผนแม่บทอีกครั้ง โดยแผนนี้ใช้ชื่อว่า “แผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครและพื้นที่ต่อเนื่อง (Bangkok Mass Transit : BMT)” มีระยะเร่งด่วนในการดำเนินการ 6 ปี (2547-2552) รวม 7 เส้นทาง ระยะทาง 291 กม. ซึ่งแผนดังกล่าวเป็นที่ยอมรับและใช้เป็นโครงข่ายในการพัฒนาโครงข่ายหลัก ซึ่งในขณะนั้นหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างก็หวังว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องความล่าช้าอีก แต่สุดท้ายแผนดังกล่าวก็ไม่มีความคืบหน้าเช่นเดิม เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม รวมถึงเปลี่ยนนโยบายต่างๆไปตามรัฐมนตรีที่เข้ามาดูแล ส่งผลให้เส้นทางรถไฟฟ้าที่เคยศึกษาไว้เดิมต้องเปลี่ยนแปลงเป็นรายวัน ตามนโยบายของรัฐมนตรีที่กำกับดูแล ซึ่งผลกระทบที่ตามมา คือ ไม่มีการลงทุนโครงข่ายรถไฟฟ้าอย่างจริงจัง

ด้วยเหตุผลดังกล่าว สนข.จึงได้ปรับแผนแม่บทฯ ให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลง เพื่อนำไปสู่การประกาศใช้อย่างเป็นทางการและจะเป็นการสร้างมาตรฐานของแผนแม่บทไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งหรือรื้อเส้นทางใหม่หากมีการเปลี่ยนรัฐบาลอีก

นอกจากนี้ สนข.ยังได้เพิ่มโครงการศึกษารถไฟฟ้า 3 เส้นทาง คือ สายสีเหลือง (รัชดา-ลาดพร้าว-พัฒนาการ และช่วงวงแหวนพัฒนาการ-สำโรง) สายสีส้ม (บางบำหรุ-ลำสาลี) และสีน้ำตาล (บางกะปิ-มีนบุรี) บรรจุเข้าในแผนพัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนด้วย ซึ่งจะทำให้มีการลงทุนโครงการถไฟฟ้าเพิ่มเป็น 10 เส้นทาง จากเดิม 7 เส้นทาง ซึ่ง 3 เส้นทางใหม่ ถูกกล่าวถึงตั้งแต่สมัยสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นั่งเก้าอี้กระทรวงคมนาคม ที่พยายามจะผลักดันให้ศึกษาและลงทุนใน 3 เส้นทางดังกล่าว และเมื่อเปลี่ยนรัฐบาล และเปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมอีก ในแผนการลงทุนโครงการรถไฟฟ้ากลับ 3 เส้นทางใหม่

แต่ปัจจุบันนี้กระทรวงคมนาคม ที่ถูกกำกับดูแลโดยโสภณ ซารัมย์ คนสนิทของเนวิน ชิดชอบ ผู้มากด้วยบารมีในรัฐบาลชุดนี้ และมีความสนิทชิดเชื้อกับสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจมาก เห็นได้จากการปรากฏตัวของทั้ง 2 คน ในฐานะผู้ให้การสนับสนุนพรรคในงานเปิดตัวพรรคภูมิใจไทย จึงไม่น่าแปลกใจที่เส้นทางรถไฟฟ้า 3 เส้นทางที่เคยถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงในสมัยสุริยะ จะถูกนำมาบรรจุในแผนแม่บทใหม่อีกครั้ง

ถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การปรับแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพและปริมณฑล เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งการเติบโตของเมืองเป็นไปอย่างรวดเร็ว ประกอบกับการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาเกิดความล่าช้า ไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ และมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมเส้นทางจากหลายรัฐบาล บางเส้นทางมีความซ้ำซ้อน

สำหรับแผนแม่บทเดิมกำหนดแผนพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าไว้ 7 เส้นทาง ระยะทาง 291 กม. แต่พัฒนาได้เพียง 41 กม.เท่านั้น ทั้งที่ตามแผนควรจะก่อสร้างให้ครบทั้ง 7 เส้นทางในปีนี้ ส่วนอีก 5 เส้นทาง ระยะทาง 145 กม. อยู่ระหว่างเตรียมการก่อสร้าง โดยแผนแม่บทใหม่จะใช้เป็นกรอบในการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าในช่วง 20 ปีข้างหน้า ซึ่งจะมีแผนปฏิบัติการในช่วง 5 ปีแรก และ 5 ปีหลัง

“ทั้งนี้ที่ปรึกษาจะต้องจัดลำดับความสำคัญของโครงการ โดยพิจารณาจากผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ เพื่อให้รู้ว่าต้องก่อสร้างโครงการใดก่อน ที่สำคัญแผนแม่บทจะต้องมีความชัดเจนเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจและการปฏิบัติ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล ซึ่งที่ปรึกษาจะต้องส่งรายละเอียดให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาในเดือน ก.ค.นี้ เพื่อเสนอให้ ครม.อนุมัติแผนแม่บทดังกล่าวต่อไป โดยการปรับปรุงแผนแม่บทจะไม่กระทบต่อโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ทั้งโครงการสายสีม่วง สีแดง สีเขียว หรือสีน้ำเงิน ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่า จะเพิ่มโครงการรถไฟฟ้าอีก 3 โครงการ 4 สายทาง คือ สีเหลืองอ่อน สีเหลืองเข้ม สีน้ำตาล และสีชมพู วงเงินลงทุนรวม 101,040 ล้านบาท ให้อยู่ในแผนแม่บทดังกล่าวด้วย ” ถวัลย์รัฐกล่าว

สุรศักดิ์ ทวีศิลป์ รองผู้จัดการโครงการศึกษาปรับแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางฯ กล่าวว่า การปรับแผนแม่บทดังกล่าว ที่ปรึกษาได้ศึกษาโครงข่ายทางเลือก ซึ่งในการปรับแผนแม่บทครั้งนี้จะมีการศึกษาระยะทางทั้งสิ้นรวม 556 กม. โดยคาดว่าจากโครงข่ายทางเลือกทั้งหมดจะพัฒนาได้เพียง 300 กม. พิจารณาจากศักยภาพทางด้านเศรษฐกิจ งบประมาณการก่อสร้าง และประชากรที่จะใช้บริการ ส่วนเส้นทางที่มีความเป็นไปได้ที่จะก่อสร้างได้ก่อน คือ สายสีส้ม ช่วงบางกะปิ-สามเสน-บางบำหรุ ระยะ 23.8 กม. เนื่องจากประชาชนมีต้องการใช้ตลอดแนวเส้นทางไม่ต่ำกว่า 300,000 คนต่อวัน แต่ก็มีปัญหาในแง่ของมูลค่าโครงการที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง 148,974 ล้านบาท เพราะต้องก่อสร้างลงใต้ดิน ส่วนพื้นที่ที่ไม่มีโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนรองรับผู้โดยสารมี 3 จุดใหญ่ คือ รามอินทรา-เกษตร-นวมินทร์ มีนบุรี และสาธุประดิษฐ์

สำหรับแนวทางการจัดทำแผนแม่บทรถไฟฟ้าฉบับใหม่จะครอบคลุมพื้นที่ กทม.ชั้นในทั้งหมด ทั้งพื้นที่พาณิชยกรรมและพื้นที่ที่มีความหนาแน่นสูง ซึ่งสามารถเดินทางต่อเนื่องจากบ้านถึงจุดหมายในเวลาไม่เกิน 75 นาที ต่อรถไม่เกิน 4 ต่อ สอดคล้องกับความต้องการในการเดินทาง รวมถึงค่าโดยสารที่เป็นระบบเดียว คือ ใช้ตั๋วร่วม
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 07/04/2009 2:09 am    Post subject: Reply with quote

http://www.komchadluek.net/detail/20090407/8501/เร่งประมูลรถไฟฟ้าสายสีชมพูปีนี้.html

เร่งประมูลรถไฟฟ้าสายสีชมพูปีนี้
คมชัดลึก 7 เมษายน 2552

คมชัดลึก : สนข.เร่งโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี มูลค่า 3.7 หมื่นล้านบาท ประมูลภายในปีนี้ หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 แก้จราจรถนนแจ้งวัฒนะ รองรับศูนย์ราชการฯ ยันก่อสร้างได้เร็วเหตุใช้รถไฟฟ้ารางเดี่ยวสร้างเกาะกลางถนน


นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า สนข.จะเร่งผลักดันโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี เพื่อให้ก่อสร้างโดยเร็วเพราะถือเป็นโครงการเร่งด่วน ในการแก้ปัญหาการจราจรบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งปัจจุบันการจราจรติดขัดค่อนข้างมาก เมื่อศูนย์ราชการเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ จะส่งผลให้การจราจรติดขัดมากขึ้น และโครงการดังกล่าวสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง สายสีเขียวเข้ม สายสีแดง และสายสีน้ำตาลได้ โดย สนข.จะประกาศประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูภายในปีนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปผลศึกษาและออกแบบรายละเอียด

ทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู มีระยะทาง 34.5 กม. แนวสายทางเริ่มต้นจากจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางซื่อ-บางใหญ่ บริเวณศูนย์ราชการนนทบุรี ผ่านแยกแครายเข้าสู่ถนนติวานนท์ จนถึงห้าแยกปากเกร็ด จากนั้นเข้าสู่ถนนแจ้งวัฒนะ เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิตที่แยกหลักสี่ บนถนนวิภาวดีรังสิต เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ บนถนนพหลโยธิน จากนั้นเข้าสู่ถนนรามอินทรา สิ้นสุดที่มีนบุรี บริเวณใกล้แยกถนนรามคำแหง-ร่มเกล้า ซึ่งเป็นสถานีเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล
อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาระบุว่ารูปแบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยวแบบยกระดับบริเวณเกาะกลางถนน หรือโมโนเรล เหมาะสมที่สุด คาดใช้เงินลงทุน 37,110 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายงานโยธา 17,090 ล้านบาท งานไฟฟ้าและเครื่องกล 7,855 ล้านบาท งานจัดหาขบวนรถ 6,770 ล้านบาท งานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และออกแบบรายละเอียด 4,580 ล้านบาท และงานจ้างที่ปรึกษา 815 ล้านบาท ทั้งนี้ ผลศึกษาระบุว่าโครงการนี้ จะมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ 34.75% โดยในปี 2559 จะมีผู้ใช้บริการเฉลี่ยวันละ 1.95 แสนเที่ยว และจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.93 แสนเที่ยวในปี 2569 เบื้องต้น สนข.ได้บรรจุรถไฟฟ้าสายสีชมพูไว้ในแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจรอบ 2 ของรัฐบาลแล้ว

//-----------------------------------------------------------------

เร่งประมูลรถไฟฟ้าสีชมพูคมนาคมเพิ่งรู้สึกรถติด
Dailynews - 7 April 2009
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=195552&NewsType=1&Template=1

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า เตรียมดำเนินโครงการรถ ไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม.โดยเร็ว เพราะเป็นโครงการเร่งด่วนในการแก้ปัญหาจราจรบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งเมื่อศูนย์ราชการเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ จะส่งผลให้การจราจรติดขัดมากขึ้น

ทั้งนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู มีระยะทาง 34.5 กม. แนวสายทางเริ่มต้นจากจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางซื่อ-บางใหญ่ บริเวณศูนย์ราชการนนทบุรี ผ่านแยกแครายเข้าสู่ถนนติวานนท์ จนถึงห้าแยกปากเกร็ด จากนั้นเข้าสู่ถนนแจ้งวัฒนะ เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิตที่แยกหลักสี่ บนถนนวิภาวดีรังสิต เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ บนถนนพหลโยธิน จากนั้นเข้าสู่ถนนรามอินทรา สิ้นสุดที่มีนบุรี บริเวณใกล้แยกถนนรามคำแหง-ร่มเกล้า ซึ่งเป็นสถานีเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล

อย่างไรก็ตามผลการศึกษาระบุว่า รูปแบบรถไฟฟ้าที่เหมาะสมในโครงการสายสีชมพู คือ รถไฟฟ้ารางเดี่ยวแบบยกระดับบริเวณเกาะกลางถนน (โมโนเรล) ในเบื้องต้น คาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวมระบบรถประมาณ 37,110 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายงานโยธา 17,090 ล้านบาท งานไฟฟ้าและเครื่องกล 7,855 ล้านบาท งานจัดหาขบวนรถ 6,770 ล้านบาท งานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และออกแบบรายละเอียด 4,580 ล้านบาท และงานจ้าง ที่ปรึกษา 815 ล้านบาท.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 08/04/2009 1:07 am    Post subject: Reply with quote

สร้างรถโมโนเรลจ้างไทยเอ็นจิเนียริ่ง
แอพซิลอน ศึกษานำร่องเส้นอนุสาวรีย์ชัยฯคาด8เดือนรู้ผล
Dailynews - 7 April 2009
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=195565&NewsType=1&Template=1

นายจุมพล สำเภาพล ผอ.สำนักจราจรและขนส่ง (สจส.) เปิดเผยว่า ตามที่ กทม.มีนโยบายแก้ไขปัญหาจราจร 12 ปี โดยมีแผนพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ ซึ่งตามยุทธศาสตร์นอกจากมีโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ หรือบีทีเอส โครงการรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษหรือบีอาร์ที และโครงการพัฒนาการสัญจรทางน้ำแล้ว กทม.ยังมีโครงการใหม่ที่จะพัฒนาระบบรถไฟฟ้ามวลชนรางเดี่ยว (Mono Rail) ในย่านธุรกิจ (Central Business District-CBD) เพื่อให้การเดินทางของประชาชนมีความสะดวกมากขึ้น โดยขณะนี้ได้เสนอคณะผู้บริหาร กทม.ดำเนินการในเส้นทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-มักกะสันคอมเพล็กซ์-กทม.2 ดินแดง เนื่องจากเป็นเส้นทางที่มีความเหมาะสม เพื่อรองรับการเดินทางในพื้นที่ในศูนย์เปลี่ยนถ่ายที่มักกะสันคอมเพล็กซ์ (CAT) และสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อประชาชนไม่ต้องใช้รถยนต์ส่วนบุคคล โดยโครงการดังกล่าวขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการจ้างที่ปรึกษา คือ บ.ไทย เอ็นจิเนียริ่ง และ บ.แอพซิลอน จำกัด คาดว่าจะใช้เวลาในการศึกษาโครงการประมาณ 8 เดือน

นายจุมพล กล่าวด้วยว่า สำหรับโครงการดังกล่าวมีลักษณะเป็นแบบลอยฟ้า แต่เป็นรถไฟฟ้าแบบรางเดี่ยว อย่างไรก็ตาม ยืนยันจะไม่มีการนำโครงการรถบีอาร์ทีมาเปลี่ยนเป็นรูปแบบโมโนเรลอย่างแน่นอน

พร้อมกันนี้ กทม.ยังเตรียมที่จะศึกษาการดำเนินการในอีก 3 เส้นทาง ประกอบด้วย

1. เส้นทางเจริญกรุง-เจริญนคร เยาวราช-สมเด็จเจ้าพระยา
2. เส้นทางสยาม-จุฬาฯ เส้นทางเจริญกรุง-หัวลำโพง-สีลม-สาทร และ
3. เส้นทางพระโขนง-ม.รามคำแหง-ศรีนครินทร์

โดยทั้งหมดครอบคลุมพื้นที่สีลม สาทร วิทยุ อังรีดูนังต์ พญาไท พระราม 1 เพลินจิต เพชรบุรี มักกะสัน และถนนดินแดง.

//-------------------------------------------------------------------

กทม.ลุยโมโนโรล จ้างคอนซัลต์ศึกษา
[Thairath 8 เม.ย. 52 - 06:05]
http://www.thairath.co.th/news.php?section=bangkok&content=131856

นายจุมพล สำเภาพล ผอ.สำนักการจราจรและขนส่ง กทม. เปิดเผยว่า ตามที่ กทม.มีโครงการใหม่ที่จะพัฒนาระบบรถไฟฟ้ามวลชนรางเดี่ยว (Mono Rail) ในย่านธุรกิจ เพื่อให้การเดินทางของประชาชนมีความสะดวกมากขึ้น โดยขณะนี้ได้เสนอคณะผู้บริหาร กทม.ดำเนินการในเส้นทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-มักกะสันคอมเพล็กซ์-กทม. 2 ดินแดง เนื่องจากเป็นเส้นทางที่มีความเหมาะสมเพื่อรองรับการเดินทางในพื้นที่ในศูนย์เปลี่ยนถ่ายมักกะสันคอมเพล็กซ์ (CAT) และสนามบินสุวรรณภูมิ ประชาชนไม่ต้องใช้รถยนต์ส่วนบุคคล โดยโครงการดังกล่าวขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการจ้างที่ปรึกษาคือ บริษัทไทย เอ็นจิเนียริ่ง และบริษัทเอฟซิลอน จำกัด พร้อมกันนี้ กทม.ยังเตรียมที่จะศึกษาดำเนินการในอีก 3 เส้นทาง ประกอบด้วย

1. เส้นทางเจริญกรุง-เจริญนคร และ เยาวราช-สมเด็จเจ้าพระยา,
2. เส้นทางจุฬาฯ-สยาม และเจริญกรุง-หัวลำโพง-สาทร และ
3. เส้นทางพระโขนง-รามคำแหง-ศรีนครินทร์.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45535
Location: NECTEC

PostPosted: 15/04/2009 1:46 pm    Post subject: Reply with quote

ทุ่ม 3.7 หมื่นล้าน ลุยสายสีชมพู 'แคราย-มีนบุรี' เวนคืน 259 หลัง
Click on the image for full size
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2417 12 เม.ย. - 15 เม.ย. 2552


จากกรณีที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา หรือศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ มีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จ และเปิดให้หน่วยงานราชการย้ายเข้าเต็มพื้นที่ปลายปีนี้ ส่งผลให้เกิดปัญหาจราจรคับคั่งมากขึ้น กว่า ณ ปัจจุบันที่กำลังสาหัสสากรรจ์อยู่ในขณะนี้ !!


ล่าสุดสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)ได้เร่งรัดโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วง "แคราย -มีนบุรี" ซึ่งเป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว แบบยกระดับ ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร จำนวน 24 สถานี ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการเดินทาง โดยไม่ต้องใช้รถยนต์ ซึ่งสนข. ระบุว่าจากการศึกษาพบว่า แต่ละวัน รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วง" แคราย-มีนบุรี "สามารถรองรับผู้โดยสารที่มาใช้บริการมากถึง 190,000 คนต่อวัน

นอกจากนี้ยังต่อเชื่อมโครงการระบบราง ที่สามารถเปลี่ยนเส้นทางได้หลายสาย ได้แก่ สายสีม่วง ซึ่งมีจุดตัดบริเวณ แยกแคราย สายสีแดง ที่บริเวณแยกหลักสี่ สายสีเขียว บริเวณอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ และสายสีน้ำตาลที่มีนบุรี

สำหรับแนวสายทางเริ่มจาก บริเวณถนนรัตนาธิเบศร์ หน้าศูนย์ราชการนนทบุรี โดยเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี วิ่งไปตามถนนติวานนท์ ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนรามอินทรา จากแยกมีนบุรี วิ่งไปตามถนนสีหบุรานุกิจ มีจุดปลายทางบริเวณ ใกล้แยกร่มเกล้า โดยเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนสายสีน้ำตาล โดยมีสถานีดังนี้คือ

1. เริ่มจาก สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี
2. ถัดไปเป็นสถานีแคราย
3. สถานีสามัคคี
4. สถานีชลประทาน
5. สถานีปากเกร็ด
6. สถานีเลี่ยงเมืองปากเกร็ด
7. สถานีเมืองทองธานี
8. สถานีศูนย์ราชการกรุงเทพ(แจ้งวัฒนะ)
9. สถานีหลักสี่
10. สถานีมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
11. สถานีอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ
12. ต่อจากนั้นจะเป็นสถานีลาดปลาเค้า
13. สถานีเคหะรามอินทรา
14. สถานีวัชรพล
15. สถานีรามอินทรา กม.8
16. สถานีคันนายาว
17. สถานีนพรัตน์ราชธานี
18. สถานีบางชัน
19. สถานีเศรษฐบุตร บำเพ็ญ และ
20. สถานีปลายทางมีนบุรี

ส่วนการเวนคืน พบว่า มีผู้ได้รับผลกระทบ ตลอดแนว ประกอบด้วย บ้านเรือนประชาชนจำนวน 259 หลัง ที่ดินแปลงว่างเปล่า 147 ไร่ วงเงินค่าชดเชย 4,000 ล้านบาท ซึ่งมี3จุดใหญ่ๆ ได้แก่ บริเวณแยกแคราย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์บริเวณแยกปากเกร็ดและคลองสามวา เขตมีนบุรี บริเวณนี้ส่วนใหญ่เป็นที่ดินแปลงว่างเปล่า

สำหรับสถานะโครงการ ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสม ขณะเดียวกันก็ได้ เตรียมขออนุมัติ EIA จากสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และปลายปีนี้จะเข้าสู่ขั้นตอนการออกแบบรายละเอียดโครงการซึ่งจะใช้เวลา 6-9 เดือน จากนั้นปลายปี 2553 จะเปิดประกวดราคา เมื่อได้ตัวผู้รับเหมาแล้ว น่าจะเริ่มก่อสร้างได้ประมาณกลางปี 2554 แล้วเสร็จปี 2559 ต่อจากนั้นจะเปิดให้บริการในราวปลายปี 2559

คงต้องใช้เวลาอีกยาวไกล...กว่าจะได้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพู เมื่อถึงตอนนั้นแจ้งวัฒนะคงอ่วมอรทัย !!!

//-------------------------------------------------------
เวนคืนแค่2ไร่ สายสีน้ำตาล 'บางกะปิ-มีนบุรี'
http://www.thannews.th.com/detialNews.php?id=R2724181&issue=2417
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2417 12 เม.ย. - 15 เม.ย. 2552

รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลช่วง "บางกะปิ-มีนบุรี"เป็นอีกหนึ่งโครงการที่อยู่ในแผนแม่บท แก้ปัญหาจราจรของ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสม และที่ผ่านมา ได้เปิดสัมมนารับฟังความคิดเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนไปแล้ว3 ครั้ง








ทั้งนี้ แต่ละครั้ง มีผู้สนใจเข้าร่วมรับฟัง กว่า 500 คน ล่าสุดประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับสนข. ให้เร่งดำเนินการ ส่วนขั้นตอนการออกแบบรายละเอียด จะดำเนินการไปพร้อมๆกับสายสีชมพู คือ ปี2553 และเริ่มประมูลได้ราวปลายปี2554 ก่อสร้างได้ประมาณต้นปี 2555 แล้วเสร็จปี2559และเปิดใช้บริการ








"สายสีน้ำตาล" ถูกกำหนดให้เป็นระบบรถไฟฟ้าหนักมีโครงสร้างแบบยกระดับและใต้ดิน(MRT)ระยะทางยาว 11กิโลเมตรจำนวน 8สถานีวงเงิน 17,000 ล้านบาท จุดเริ่มต้นโครงการเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่แยกลำสาลี เขตบางกะปิ มุดลงใต้ดินตามแนวถนนรามคำแหง(สุขาภิบาล3) จนถึงบริเวณคลองบ้านม้า แล้วเปลี่ยนเป็นโครงสร้างยกระดับ แล้ววิ่งไปตามเกาะกลางถนนรามคำแหง

มีจุดปลายทางบริเวณใกล้แยกร่มเกล้าและเป็นจุดเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนสายสีชมพู "แคราย-มีนบุรี" ซึ่งมีสถานีทั้งหมด 8สถานี ได้แก่ สถานีศรีบูรพา สถานีคลองบ้านม้า สถานีสัมมากร สถานีน้อมเกล้า สถานีราษฎร์พัฒนา สถานีบัวขาว สถานีเคหะรามคำแหง และสถานีปลายทาง สถานีมีนบุรี

อย่างไรก็ดี ผลกระทบจากการเวนคืน จากสายสีน้ำตาล มีน้อย เนื่องจาก เขตทางปัจจุบันมีความกว้าง ประกอบกับแนวสายทาง ส่วนใหญ่จะวิ่งไปตามเกาะกลางถนน และมุดดิน และใช้ศูนย์ซ่อมบำรุงร่วมกัน กับสายสีชมพู ที่บริเวณสถานีปลายทางมีนบุรี และสายสีส้ม ที่ ลำสาลี ซึ่งมีเพียง 2 ไร่ เท่านั้นที่ต้องเวนคืน และส่วนใหญ่เป็นที่โล่งว่าง ซึ่งจะอยู่บริเวณช่วงกลางๆแนวสายทางหรือ ถนนรามคำแหง(สุขาภิบาล2)

นี่คือความหวังของผู้ใช้เส้นทางที่อยู่อาศัยแถบโซนตะวันออกของกทม.ในอนาคต สำหรับ รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล !!!
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 10, 11, 12 ... 298, 299, 300  Next
Page 11 of 300

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©