View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
KaittipsBOT
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 4150
|
Posted: 07/05/2009 10:32 am Post subject: ชุมชนที่ไม่เคยหลับใหล
รถไฟร่วมพัฒนา |
|
|
เป็นบทความสั้นๆ ของนางสาวชรินรัตน์ ขุนขำ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สาขานิเทศศาสตร์ เอกวารสารและหนังสือพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ลูกสาวของสมาชิกบ้านเรา และเป็น ครฟ. ที่เราให้ความเคารพ ท่านหนึ่งของ สรพ.กค.
ลองอ่านดู.....บรรยากาศของชุมชนรถไฟในต่างจังหวัดที่เราคุ้นๆ
ตึ้ง!
ฉันสะดุ้งสุดตัวกับเสียงที่ได้ยิน หลังที่งองุ้มจากการนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์มาหลายชั่วโมงยืนขึ้นโดยอัตโนมัติ เมื่อตั้งสติได้ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พลางส่ายหน้ากับตัวเองด้วยความอิดหนาระอาใจกับเสียงที่ทำยังไงฉันก็ไม่เคยชินกับมันเสียที...เสียงรถไฟ...ที่ไม่มีวันหลับใหลแม้อยู่ในราตรีกาล
ชุมชนรถไฟร่วมพัฒนาเป็นหนึ่งในสิบหกชุมชนของเทศบาลเมืองแก่งคอย จังหวัดสระบุรี และยังเป็นชุมชนบ้านเกิดของฉันเอง ความต่างของชุมชนรถไฟร่วมพัฒนากับชุมชนอื่นๆก็คือ เป็นชุมชนเพื่อการบริการ และยังเป็นชุมชนที่ไม่มีวันหลับใหลอีกต่างหาก ทำไมต้องไม่มีวันหลับใหล เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย ไม่ต้องคลางแคลงอีกต่อไปเดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟัง
ก่อนอื่นมาแนะนำชุมชนของฉันอย่างเป็นทางการก่อนดีกว่า ชุมชนรถไฟร่วมพัฒนาเป็นชุมชนที่มีแต่พนักงานของการรถไฟอาศัยอยู่เท่านั้น ประธานชุมชนคือนางบุปผา คุ้มปรุ มีบ้านเรือนในชุมชนไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยหลังคาเรือน ลักษณะของบ้านพักพนักงานเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนชุมชนอื่นๆ คือ เป็นบ้านไม้ยกสูง บางหลังอาจต่อเติมชั้นล่างของตัวบ้านด้วยการก่ออิฐทขึ้นไว้เป็นห้องชั้นล่างของบ้าน และขนาดความใหญ่ของบ้านก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของพนักงาน คือ ช่างเครื่อง พนักงานขับรถไฟ ผู้ช่วยสารวัตรรถไฟ และสารวัตรรถไฟ ส่วนที่ทำการของรถไฟในชุมชนนั้น จะเรียกว่าโรงรถจักร ลักษณะเก่าแก่ไม่ต่างจากบ้านพักพนักงานสักเท่าใดนัก เป็นคล้ายๆโกดังเก็บของขนาดใหญ่ สร้างด้วยไม้ทาสีน้ำตาล มีช่องให้รถไฟเข้าจอด มีห้องทำงานแยกเป็นสัดส่วน และสถานีรถไฟชุมทางแก่งคอยเป็นสถานีเก่าแก่อีกเช่นกัน ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานี้สร้างขึ้นในสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง
ในด้านของกิจกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชนรถไฟร่วมพัฒนา คือ กิจกรรมการจัดงานวันด็กแห่งชาติ ซึ่งในยุคแรกๆจัดกันเป็นงานภายในให้ลูกหลานของคนรถไฟ แต่พอมายุคหลังชื่อเสียงของงานวันเด็กที่จัดโดยชุมชนรถไฟร่วมพัฒนาเริ่มขจรขจายมีเด็กต่างชุมชนมาร่วมงานมากขึ้น จึงกลายเป็นงานใหญ่ระดับอำเภอ ที่เมื่อถึงงานวันเด็กแห่งชาติแล้ว เด็กๆในเขตอำเภอแก่งคอยจะมาร่วมงานที่นี่ การจัดงานจัดที่สนามเด็กเล่นของชุมชนซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่างบ้านพักพนักงานและโรงรถจักร เป็นสถานที่โล่งๆที่ผู้คนสังเกตได้ง่ายและสะดวกในการเดินทาง ในงานแบ่งเป็นสองช่วงเวลาคือช่วงของภาคกลางวันและ ช่วงของภาคกลางคืน ในช่วงของภาคกลางวันนั้นมีการเล่นเกมส์และแข่งกีฬา บางปีจัดเป็นกีฬาไทย และบางปีจัดเป็นกีฬาสากล มีการให้ขึ้นไปนั่งเล่นบนหัวรถจักรวิ่งวนไปมาบริเวณโรงรถจักรถึงสถานีรถไฟที่อยู่ห่างกันกิโลเมตรกว่าๆ ตอนเย็นหลังจากเด็กๆเสร็จจากการเล่นเกมส์และแข่งขันกีฬาแล้วก็จะมีการเลี้ยงอาหาร เครื่องดื่ม ฟรีตลอดรายการ พอเข้าสู่ช่วงกลางคืนเด็กๆที่มาในงานจะต่อแถวก่อนเข้างานเพื่อประทับตราสัญลักษณ์รถไฟบนหลังมือและจับฉลากชิงรางวัลคนละหนึ่งใบ ส่วนรางวัลที่ทางชุมชนรถไฟร่วมพัฒนานำมาจับฉลากนั้น ได้จากการรวบรวมเงินกันเองของคนในชุมชน และห้างร้านต่างๆที่ร่วมสมทบทุนในการซื้อของรางวัล ก่อนจะมีการจับฉลากแต่ละครั้งก็จะมีการแสดงที่ส่งมาจากโรงเรียนต่างๆในเขตอำเภอแก่งคอย งานที่จัดส่วนมากจะมีกำหนดให้เลิกไม่เกินเที่ยงคืนเพราะเด็กๆจะได้กลับบ้านไม่ดึกเกินไปนัก นอกจากงานที่จัดขึ้นในชุมชนแล้ว ยังมีงานอื่นๆที่ทางชุมชนรถไฟร่วมพัฒนาทำร่วมกับทางเทศบาลเมืองแก่งคอยและอีกสิบห้าชุมชนที่เหลือ อย่างเช่นงานย้อนรอยสงครามโลกครั้งที่สองที่ผ่านมาไม่นานนี้ เป็นงานใหญ่ของอำเภอแก่งคอยซึ่งจัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ที่เมืองแก่งคอยโดนระเบิดจากสงคราม ทางเทศบาลเมืองแก่งคอยได้ขอความร่วมมือ ขออาสาสมัครจากชุมชนรถไฟร่วมพัฒนามาเป็นนักแสดงในงานด้วยสิบคน ซึ่งทางชุมชนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
นายธีรยุทธ ขุนขำ รองสารวัตรรถไฟแก่งคอยเล่าว่า สิ่งที่พนักงานรถไฟทุกคนต้องมีนั่นคือความอดทน และการเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากการทำงานที่ไม่มีเวลาที่แน่นอน ทุกคนต้องอดทนต่อการอดนอนและเตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางได้ตลอดเวลา เพราะบางทีถ้าเป็นงานที่ต้องเดินทางกลางคืนถึงเวรพนักงานคนไหนไปทำงานแล้วเกิดเหตุสุดวิสัยไม่สามารถมาทำได้ ก็จะเรียกตัวคนอื่นที่ว่างอยู่ทันทีไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตาม
และที่บอกไปแต่แรกว่าทำไมชุมชนรถไฟร่วมพัฒนาถึงเป็นชุมชนที่ไม่มีวันหลับใหล เพราะว่าพนักงานรถไฟต่างต้องทำงานกันไม่เว้นแม้แต่ตอนกลางคืน นายธีรยุทธเล่าว่า พันธกิจของรถไฟเน้นการบริการผู้โดยสารและการขนส่งสินค้า ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เป็นงานที่ไม่หยุดนิ่งทั้งสิ้น ต้องทำงานกันตลอดเวลา ถ้าเป็นงานตอนกลางคืนที่พนักงานจะต้องลุกมาทำงานดึกๆดื่นๆ ก็จะมีคนคอยไปปลุกที่บ้าน หรือที่ชาวรถไฟเรียกกันว่า เวรปลุก เมื่อเล่ามาถึงตรงนี้ทำให้ฉันนึกถึงสิ่งที่ฉันได้ยินอยู่บ่อยๆในเวลาดึกสงัด พี่สุรินทร์ครับ หนึ่งสี่สามครับ เสียงชายคนหนึ่งบอกกล่าวเลขประจำขบวนรถไฟที่พนักงานต่างรู้กันดีว่าหมายถึงรถโดยสารหรือรถขนส่งสินค้า และที่ไหนคือจุดหมายปลายทาง ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของราตรีกาล ปลุกฉันที่กำลังเคลิ้มหลับให้กลับมาตาเบิกโพลงอีกครั้ง
พี่สุรินทร์ครับ เสียงเดิมยังดังขึ้นหลังจากเงียบไปไม่ถึงหนึ่งนาที
....... ไม่มีการตอบสนองใดๆจากเจ้าของนามนั้น
พี่สุรินทร์ เสียงชายคนเดิมยังคงดังอยู่
บรืน...บรืน
เสียงมอเตอร์ไซค์ของบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นเวรปลุกในคืนนั้นไกลห่างออกไปเรื่อยๆ ฉันได้ยินเสียงบ้านข้างทำอะไรกุกกักๆเหมือนรู้สึกตัวแล้วว่าจะต้องไปปฏิบัติงาน ส่วนตัวฉันเองหลังจากที่เวรปลุกขับรถออกไปแล้วก็ได้แต่นอนลืมตาโพลงต่อไป
เรื่องของความเป็นอยู่ชาวรถไฟเน้นความเรียบง่าย ใช้ชีวิตได้ทั้งแบบชนบทและแบบเมืองผสมปนเปกันไป อยู่กันอย่างพี่น้อง กิจกรรมที่ชาวชุมชนรถไฟร่วมพัฒนานิยมทำก็มี การเต้นแอโรบิก ทุกเย็นชาวรถไฟไม่ว่าหญิงหรือชายมักจะไปรวมตัวกันที่ลานแอโรบิกเพื่อออกกำลังกาย บางกลุ่มก็จับกลุ่มกันดื่มสุรา บางกลุ่มก็จับกลุ่มคุยกันเรื่องสัพเพเหระ ภาพเหล่านี้ล้วนปรากฏจนเจนตาในสายตาของชาวชุมชนทุกคน และทุกคนในชุมชนล้วนต้องคลุกคลีกับรถไฟแบบใกล้ชิดด้วยกันทั้งหมดทั้งมวล เนื่องด้วยบ้านพักของพนักงานรถไฟทุกตำแหน่งจะอยู่ห่างจากรางรถไฟเพียงแค่สิบเมตรเท่านั้น หลายช่วงเวลาโดยเฉพาะเวลากลางคืนทุกคนมักจะได้ยินเสียง ตึ้ง! กันอยู่เป็นนิจ สำหรับคนรถไฟแล้วเสียงนี้เป็นเสียงที่คุ้นเคยกันดี เพราะมันเป็นเสียงของเจ้าหน้าที่รถไฟทำการสับเปลี่ยนขบวนรถโดยใช้หัวรถจักรลากตู้โดยสารหรือตู้ขนสินค้าหนึ่งมาใส่ในรถไฟอีกขบวนหนึ่งที่จอดรออยู่ แล้วให้หัวรถจักรกระแทกตู้นั้นเข้าไปด้วยความแรงพอสมควร ตู้รถไฟถึงจะเข้าที่จนเกิดเสียงดังกัมปนาทขึ้น ซึ่งเสียงนี้แม้ว่าคนรถไฟแทบทุกคนจะเคยชินกับมัน แต่ฉันคนหนึ่งที่เป็นคนรถไฟแล้วไม่เคยชินกับมันเอาเสียเลย ไม่ว่าจะเป็นเวลาเช้า กลางวัน เย็น หรือค่ำคืนดึกสงัดก็ตาม
ตึ้ง!
ฉันสะดุ้งสุดตัวกับเสียงที่ได้ยิน หลังที่งองุ้มจากการนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์มาหลายชั่วโมงยืดขึ้นโดยอัตโนมัติ เมื่อตั้งสติได้ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พลางส่ายหน้ากับตัวเองด้วยความอิดหนาระอาใจกับเสียงที่ทำยังไงฉันก็ไม่เคยชินกับมันเสียที...เสียงรถไฟ...ที่ไม่มีวันหลับใหลแม้อยู่ในราตรีกาล
------------------------------------------------------- |
|
Back to top |
|
|
tong_sanam
1st Class Pass (Air)
Joined: 15/05/2007 Posts: 1550
Location: พิกัดที่ 385.593
|
Posted: 07/05/2009 12:14 pm Post subject: |
|
|
ตามหลักกลวิธีการเขียน น่าจะเป็นบทความเชิงสารคดีกึ่งเรื่องสั้นครับ เพราะมีการดำเนินเรื่องคล้ายเรื่องสั้น มีฉาก 1-2ฉาก แต่ต่างจากเรื่องสั้นตรงที่ มีการบรรยาย คล้ายกับการเขียนสารคดี นับว่าผู้เขียนเขียนได้ดีมากเลยครับ เก็บรายละเอียดต่างๆ ของชุมชนรถไฟได้อย่างชัดเจน แม้จะเป็นลูกผสมของงานเขียน 2 แบบ และเทคนิคการเขียนเรื่องสั้นแบบนี้เรียกว่า เขียนจากเหตุมาหาผล เพราะเกริ่นเรื่องด้วย การสะดุ้งตื่นและเล่าเรื่องราวไปเรื่อยๆ จน วกกลับมาที่ฉากแรกอีกครั้งซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของเรื่อง
งานเขียนเรื่องสั้นที่เกี่ยวกับรถไฟยังมีอยู่มากมายครับ ทั้งจากนักเขียนโนเนม และนักเขียนแนวหน้าของเมืองไทย ติดตามอ่านได้ครับ เรื่องหนึ่งที่อยากแนะนำคือ "นิยายเหนือรางเหล็ก" ของคุณอุเทน พรมแดง ครับ _________________
"ที่นี่สถานีชุมทางสนามชัยเขต
ท่านที่จะเดินทางไป จันทบุรี ตราด
โปรดข้ามไปรอการโดยสารในชานชาลาที่ 2"
|
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 46867
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 07/05/2009 1:48 pm Post subject: |
|
|
อ่านแล้วชอบครับ
ตอนจบ อ่านแล้วนึกถึงรถไฟสายสุพรรณบุรีหลังที่ทำงานผม
รถไฟแห่งราตรีกาลอย่างแท้จริง น้อยคนจะมีโอกาสได้เห็นครับ
อยากให้นำมาเขียนเป็นเรื่องราวแบบนี้บ้าง
ผมว่าบ้านเรายังมีเรื่องสั้น นิยายเกี่ยวกับรถไฟน้อยครับ |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 07/05/2009 10:42 pm Post subject: |
|
|
เสียงตัดพ่วงขบวนรถ ช่วงที่บรรจุเป็นข้าราชการใหม่ๆ เช่าหอพักย่านหน้า ม.ราชภัฏ ได้ยินเสียงจากย่านศิลาอาสน์ เป็นประจำ
หากวันไหนไม่ได้ยินสิ นอนไม่หลับ... |
|
Back to top |
|
|
pawan
3rd Class Pass
Joined: 02/06/2007 Posts: 34
Location: นพบุรี ศรีนครพิงค์ เชียงใหม่
|
Posted: 07/05/2009 11:11 pm Post subject: |
|
|
บ้านผมอยู่เชียงใหม่ครับ อยู่ห่างจากสถานีประมาณ ๑๐ กิโล. ไม่มีโอกาสได้ยินอะไรทั้งสิ้นเลย ถึงแม้จะอยู่ใกล้ก็เถอะครับ มีเพียงแค่ ๙ กับ ๑๐ ก่อนนอน แล้วก็ ๑๐๙ ปลุกให้ตื่น _________________ HONGTAEWLAI FANCLUB |
|
Back to top |
|
|
RSR38
VIP Member
Joined: 04/07/2007 Posts: 266
Location: แก่งคอย สระบุรี
|
Posted: 07/05/2009 11:19 pm Post subject: |
|
|
ขอบคุณครับคุณห่าน....เรื่องนี้ผมไปพบในรายงานส่งมหาวิทยาลัย ลูกสาวแอบมาถามข้อมูลโดยที่ผมก็ไม่รู้ว่า มหาวิทยาลัยให้ส่งสารคดีสั้น ๆ ใช้เวลาไม่มาก ผมเลยแอบส่งเมล์มาให้คนที่สนิทสนมกัน ไม่ค่อยอยากเปิดเผยเดี๋ยวจะกลายเป็นเชียร์ลูกตัวเอง แต่ก็ขอบคุณมา ณ ที่นี้ ซึ่งเป็นเสมือนบ้านของผมครับ |
|
Back to top |
|
|
ksomchai
1st Class Pass (Air)
Joined: 08/04/2009 Posts: 6384
Location: เมืองทองเนื้อเก้า มะพร้าว สัปรด สวยสดหาด เขา ถ้ำ งามล้ำน้ำใจ ป่าชุ่มน้ำผืนใหญ่ แหล่งวางไข่ปลาทู
|
Posted: 07/05/2009 11:30 pm Post subject: |
|
|
ชุมชนบ้านผมใช้เสียงรถไฟบอกเวลา
**๙ โมงเช้า ได้ยินเสียงรถหลังสวน-ธนบุรี ผ่าน บอกเวลาเริ่มทำงาน
**บ่าย ๓ โมงเย็น ได้ยินเสียงรถ ธนบุรี-หลังสวน ผ่าน บอกเวลา เลิกงาน
**๓ ทุ่มครึ่ง ได้ยินเสียงรถ นครศรีธรรมมราช-กรุงเทพฯ ผ่าน บอกเวลา เข้านอน
เป็นเช่นนี้มานานแล้ว |
|
Back to top |
|
|
mahachai_drc
VIP Member
Joined: 06/11/2006 Posts: 758
Location: เมืองประมง ดงโรงงาน ลานเกษตร เขตประวัติศาสตร์
|
Posted: 08/05/2009 9:54 am Post subject: |
|
|
ผมอ่านแล้วชอบมาก...ทำให้นึกถึง กระทู้ที่ทางเว็บได้ไปร่วมกิจกรรมงานวันเด็กที่ชุมชนแก่งคอยนี้..
Last edited by mahachai_drc on 08/05/2009 10:19 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
hermit
2nd Class Pass
Joined: 14/01/2007 Posts: 562
Location: Udon Thani Downtown
|
Posted: 08/05/2009 9:55 am Post subject: |
|
|
เขียนได้ดีทีเดียวครับ อ่านเพลินเลย _________________ ทางเตียนเวียนลงนรก ทางรกวกขึ้นสวรรค์
|
|
Back to top |
|
|
pak_nampho
1st Class Pass (Air)
Joined: 25/06/2007 Posts: 2371
Location: คนสี่แควพลัดถิ่น ทำมาหากิน ที่เกาะภูเก็ต
|
Posted: 08/05/2009 12:59 pm Post subject: |
|
|
ksomchai wrote: | ชุมชนบ้านผมใช้เสียงรถไฟบอกเวลา
|
ถูกต้องครับรวมถึงเสียงระฆังหน้า'ถานี ที่ตีออกจากสถานีของขบวนรถขึ้น และรถล่อง _________________ +++++++++++++++++ ๑๑๖ ปี รถไฟไทยก้าวไกล....จากรถจักรไอน้ำ +++++++++++++++++
....................บุตร ครฟ. พขร.ตรี แขวงรถพ่วงปากน้ำโพ ................... |
|
Back to top |
|
|
|