Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล
View previous topic :: View next topic
Author
Message
black_express
1st Class Pass (Air) Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
Posted: 03/05/2009 9:15 pm Post subject:
นี่ขนาดเปิดทำประชาพิจารณ์กับชาวบ้านผู้มีส่วนได้เสียแล้วนะ ยังจะดื้อทำโมโนเรลเข้าอีก
อยากเป็นจำเลยในศาลก็ทำไปเถอะ...
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45536
Location: NECTEC
Posted: 03/05/2009 10:20 pm Post subject:
black_express wrote: นี่ขนาดเปิดทำประชาพิจารณ์กับชาวบ้านผู้มีส่วนได้เสียแล้วนะ ยังจะดื้อทำโมโนเรลเข้าอีก
อยากเป็นจำเลยในศาลก็ทำไปเถอะ...
สงสัยว่ามีทนายดีที่สามารถชวนบรรดาสุภา ไปกินเหลาชั้นฮ่องเต้ ถึงได้กล้าเล่นกับความรู้สึกของชาวบ้านขนาดนี้
//-----------------------------------------------------------------------------------------------
ปรับแผนรถไฟฟ้าเพิ่มสีขาว-สีเทาเป็น12สาย สร้างเสร็จปี72 งบลงทุน1ล้านล้านบาท
เดลินิวส์ - วันที่ 30 เมษายน 2552 เวลา 08:37 น
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=197775&NewsType=1&Template=1
รายงานข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) แจ้งว่า ตามที่ สนข.มีโครงการศึกษาปรับแผนแม่บทขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อให้การก่อสร้างโครงการระบบขนส่งมวลชนเป็นไปตามแผน จากเดิมที่ล่าช้ามาก ลดการทับซ้อนของเส้นทาง และปรับเส้นทางใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งได้มีการจัดสัมมนาครั้งแรกไปแล้ว โดยที่ปรึกษาเสนอเส้นทางรถไฟฟ้าทั้งหมด 10 สาย นั้น ขณะนี้ความคืบหน้าล่าสุดมีการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเห็นควรเพิ่มจาก 10 สาย เป็น 12 สาย โดยเพิ่ม
1. สายสีขาว ช่วงมักกะสัน-ดินแดง บางบำหรุ-ดินแดง ระยะทาง 11 กม. และ
2. สายสีเทา ช่วงวัชรพล-ลาดพร้าว ลาดพร้าว-พระราม 4 พระราม 4 สะพานพระราม 9 ระยะทาง 26 กม.
รวมระยะทางทั้งหมด 467 กม. งบลงทุนทั้งสิ้นกว่า 1 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นแผนต่อเนื่องถึง 2572 เป็นระยะเวลา 20 ปี ส่วนเส้นทาง 10 สายเดิม ส่วนใหญ่ยังคงเส้นทางตามแนวเดิม แต่จะมีการปรับเปลี่ยนปลายทาง เพิ่มส่วนต่อขยาย และเปลี่ยนแปลงจุดเชื่อมต่อเล็กน้อย อาทิ
1. สายสีส้ม เริ่มจากบางกะปิเหมือนเดิมแต่เปลี่ยนปลายทางจากบางบำหรุ เป็นบางกอกน้อย (จะใช้สายส้มกินสานเขียวกทม.ที่จะไปสถานีธนบุรี)
สายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค โดยต่อขยายจากบางแคไปถึงพุทธมณฑลสาย 4
รายงานข่าวแจ้งว่า การก่อสร้างจะแบ่งสร้างเป็นเฟส ตามลำดับความสำคัญโครงการ โดยกำหนดความก้าวหน้าของงาน จะก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2557 รวม 83.5 กม. ประกอบด้วย
1. สายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-ธรรมศาสตร์
2. สีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-รังสิต
3. สีเขียวเข้ม ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ
4. สายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ
ก่อสร้างเสร็จปี 2562 ระยะทาง 151.3 กม. ประกอบด้วย
1. สายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง หัวลำโพง-ตากสิน
2. สีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา
3. สีเขียวอ่อน ช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ-ยศเส
4. สายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ หัวลำโพง-บางแค
5. สายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-ราษฎร์บูรณะ
6. สายสีส้ม ช่วงบางกอกน้อย-ศูนย์วัฒนธรรม
7. ศูนย์วัฒนธรรม-บางกะปิ
8. สายสีชมพู ช่วงแคราย-วงเวียนหลักสี่ วงเวียนหลักสี่-วงแหวนรอบนอก
9. สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-พัฒนาการ และ
ระยะสุดท้ายก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2572 รวม 132 กม. ประกอบด้วย
1. สายสีแดงเข้ม ช่วงตากสิน-มหาชัย
2. สีแดงอ่อน ช่วงมักกะสัน-หัวหมาก
3. สีเขียวเข้ม ช่วงสะพานใหม่-ลำลูกกา
4. สีน้ำเงิน ช่วงบางแค-พุทธมณฑลสาย 4
5. สายสีส้ม ช่วงบางกะปิ-มีนบุรี
6. สีชมพู วงแหวนรอบนอก-มีนบุรี
7. สีเหลือง ช่วงพัฒนาการ-สำโรง
8. สีน้ำตาล มักกะสัน-บางบำหรุ
9. สายสีเทา ช่วงวัชรพล-ลาดพร้าว ลาดพร้าว-พระราม 4 พระราม 4 สะพานพระราม 9.
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45536
Location: NECTEC
Posted: 11/05/2009 6:54 pm Post subject:
แฉทุจริตสร้างรถไฟฟ้าวิธีใหม่ผิดจริงมีสิทธิ์ล้มประมูล!
โดย ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์ 10 พฤษภาคม 2552 12:46 น.
http://www.manager.co.th/mgrWeekly/ViewNews.aspx?NewsID=9520000051936
*ทุจริตสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง เปิดประกวดราคาแบบนานาชาติครั้งแรก เลี่ยงอิงราคากลาง ฟันส่วนต่างกำไร
*เผยพิรุธเคยถูก ปปช. สอบทุจริตมาแล้ว แต่ยังดึงดันเปิดประมูล
*ชี้หากผลสอบพบทุจริตจริง ประเทศสูญเงิน 6,000-7,000 ล้านบาท
กลายเป็นประเด็นร้อนไปแล้วสำหรับการประกวดราคาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ในสัญญา 1 หรือโครงสร้างยกระดับตะวันออกจากเตาปูน-สะพานพระนั่งเกล้า ระยะทาง 12 กม. ที่ทางคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎรออกมาแฉว่า มีการทุจริตกันตั้งแต่พนักงานระดับล่างไล่ไปจนถึงระดับผู้บริหาร ซึ่งถูกเปิดโปงโดยชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการฯ
ชาญชัย เปิดเผยว่า การดำเนินงานของ รฟม.ส่อว่าจะเป็นการทุจริต เห็นได้จากที่บอร์ด รฟม. มีมติอนุมัติให้กลุ่ม CKTC ซึ่งมีบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำ เป็นผู้ก่อสร้างโครงสร้างยกระดับตะวันออกจากเตาปูน-สะพานพระนั่งเกล้า ภายใต้วงเงินล่าสุด 14,965 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่อรองแล้ว จากราคาเดิมที่ผู้รับเหมาเสนอมาที่ 16,724 ล้านบาท แต่จากการตรวจสอบพบว่า ราคากลางที่แท้จริง คือ 11,166 ล้านบาท ซึ่งมีส่วนต่างกันถึง 3,000 ล้านบาท และแม้ว่ากลุ่ม CKTC จะยอมลดค่าก่อสร้างลงมากว่า 1,700 ล้านบาทแล้ว แต่คณะกรรมาธิการฯ มองว่ายังเป็นราคาที่สูงเกินไป
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวได้ดำเนินในสมัยรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งผู้ที่รับผิดชอบดูแลและอนุมัติโครงการ คือ สันติ พร้อมพัฒน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และยังเคยถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ชี้มูลว่ามีความผิดมาแล้ว แต่กลับยังคงเดินหน้าประกวดราคา ทั้งๆที่กระทรวงการคลังเห็นว่าเป็นที่ราคาสูงเกินไป
“รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและ ครม. ไม่ควรอนุมัติให้กลุ่ม CKTC ก่อสร้างงานสัญญา 1 ก่อนที่จะส่งเรื่องไปยังไจก้าอนุมัติเงินกู้ เพราะหากมีการอนุมัติไป และผลตรวจสอบออกมาว่ามีการทุจริตจริง อาจทำให้ประเทศต้องสูญเสียเงิน 6,000-7,000 ล้านบาท”
ผิดจริงต้องเริ่มต้นประมูลใหม่
แน่นอนว่าการที่คณะกรรมาธิการฯ ออกมาแฉอาจส่งผลกระทบโดยตรง ทำให้การเซ็นสัญญาก่อสร้างกับกลุ่ม CKTC ที่จะเซ็นสัญญาในเดือน มิ.ย.นี้อาจล่าช้าออกไปไม่มีกำหนดได้ หากผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ ออกมาว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นจริง ซึ่งก็หมายความว่า รฟม.อาจจะต้องเปิดประกวดราคาในสัญญา 1 ใหม่ ดังนั้นสิ่งที่จะตามมา คือ ความล่าช้าของโครงการ ทั้งนี้โครงการก่อสร้างดังกล่าวเป็นโครงการแรกที่เปิดประกวดราคาแบบนานาชาติที่ไม่มีการกำหนดราคากลาง ซึ่งอาจมีช่องโหว่ให้เกิดการทุจริตได้ จนมีการเรียกร้องให้ตรวจสอบกันยกใหญ่ สำหรับการประมูลงานก่อสร้างที่ผ่านมา จะใช้วิธีเปิดประมูลแบบยื่นซองประกวดราคา และแบบอี-อ๊อกชั่น ซึ่งทั้ง 2 วิธี มีการกำหนดราคากลางไว้
จวกกลับ ปปช.
ขอที่มาข้อมูลก่อนสั่งสอบ
แหล่งข่าวระดับสูงจาก รฟม. กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการฯออกมาแฉว่ามีการทุจริตในการประกวดราคาค่าก่อสร้างในสัญญา 1 ว่า คงไม่กระทบต่อการเซ็นสัญญาก่อสร้าง เพราะเชื่อว่าผู้บริหาร รฟม.จะสามารถชี้แจงได้ถึงที่มาที่ไปของวงเงิน อย่างน้อยจะทำให้ประชาชนได้รับทราบถึงการดำเนินงานของ รฟม.ว่ามีความโปร่งใสอย่างไร
“สำหรับตัวเลขราคากลางที่ทางคณะกรรมาธิการฯ ระบุว่าต่ำกว่าราคาที่ผู้รับเหมาชนะประมูลนั้น เป็นตัวเลขที่เอามาจากสมัยรัฐบาลชุด คมช. ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีการออกแบบรายละเอียดว่าจะใช้เงินลงทุนเท่าใด เป็นแค่ตัวเลขกรอบการลงทุนคร่าวๆ นอกจากนี้การประกาศประกวดราคาที่ผ่านมา รฟม. ไม่มีการแจ้งราคากลางให้ผู้รับเหมาทราบ เนื่องจากเป็นการประกวดราคาแบบนานาชาติ และเป็นไปตามเงื่อนไขไจก้าที่กำหนดไว้ มีแต่ราคาประเมินของที่ปรึกษาประเมินไว้ที่ 14,972 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งก็ไม่มีการเปิดเผยเช่นกัน ” แหล่งข่าวกล่าว
ยันทำถูกหลักเกณฑ์
สอดคล้องกับแหล่งข่าว รฟม. อีกรายหนึ่งที่ระบุว่า การประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง สัญญาที่ 1 เป็นการประกวดราคานานาชาติ จึงไม่มีการกำหนดราคากลาง เพียงแต่ในปี 2550 รฟม. เคยเสนอกรอบวงเงินค่าก่อสร้าง เพื่อใช้เป็นกรอบวงเงินในการเจรจากู้เงินเป็นเงินประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกำหนดกรอบวงเงินในขณะที่ยังไม่มีการออกแบบรายละเอียดโครงการ ต่อมาในปี 2551 รฟม. ได้ปรับกรอบวงเงินค่าก่อสร้างเป็น 13,500 ล้านบาท โดยใช้สมมติฐานราคาวัสดุในเดือน ก.พ.2551
ส่วนค่าก่อสร้างที่บอร์ด รฟม.อนุมัติในวงเงิน 14,965 ล้านบาทนั้นถือเป็นวงเงินที่เหมาะสม โดยใช้ฐานราคาของบริษัทที่ปรึกษาคำนวณไว้ คือ 14,972 ล้านบาท และ รฟม.ได้เสนอราคาดังกล่าวให้ไจก้าพิจารณาความเหมาะสม ซึ่งโดยปกติไจก้าจะพิจารณาความเหมาะสมของค่าก่อสร้างอย่างเข้มงวด หากไม่เหมาะสมไจก้าจะให้ รฟม.พิจารณาใหม่ และที่ผ่านมาได้ชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดต่อคณะกรรมาธิการฯ แล้ว
ขณะที่แหล่งข่าวจากบอร์ด รฟม.กล่าวว่า คงไม่ปรับราคาตามที่คณะกรรมาธิการฯ ร้องขอ เพราะว่าตัวเลขที่คณะกรรมาธิการฯ ชี้แจงเป็นตัวเลขไม่มีข้อมูลที่มาที่ไปว่าเป็นตัวเลขปีไหน ดังนั้นถ้าจะให้ รฟม.ยอมลดค่าก่อสร้างให้เท่ากับราคา 11,166 ล้านบาทที่ ปปช. ระบุมาคงทำไม่ได้ ที่ผ่านมา รฟม.ไม่ได้มีการกำหนดราคากลาง ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของไจก้า โดยผู้รับเหมาที่เสนอราคามาต่ำที่สุดถือว่าเป็นผู้ชนะการประมูล และจะไม่มีการต่อรองราคา แต่เนื่องจากในการประกวดราคาครั้งนี้ รฟม. เห็นว่าราคาที่เอกชนเสนอมายังสูงไปจึงเสนอเรื่องไปยังไจก้าเพื่อขออนุญาตต่อรองราคา แต่ก็ต้องระบุที่มาของตัวเลขว่ามาจากไหนด้วย ซึ่งทางไจก้าอาจมีสิทธิ์จะพิจารณาไม่อนุมัติก็ได้
“คณะกรรมาธิการฯ ต้องแสดงความจริงใจในการตรวจสอบว่าตัวเลขที่นำมาพูดมาจากวันที่เท่าไร ปีไหน เพราะตัวเลข 11,166 ล้านบาทนั้น หากดูกันจริงๆ เป็นตัวเลขที่มาจากปี 2550 หรือต้นปี 2551 ดังนั้นเขาต้องสามารถบอกตัวเลขมาให้ได้ว่ามาจากปีไหน เพราะจะทำให้ รฟม.เสียหายได้ และถูกมองว่าไม่มีความโปร่งใสในการดำเนินงาน ซึ่ง รฟม.เองก็ให้คณะกรรมการพิจารณาต่อรองราคาไปดูตัวเลขว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ซึ่งทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ หากเขาแสดงความจริงใจในการตรวจสอบ” แหล่งข่าวกล่าว
ด้านโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงรายละเอียดแล้ว หากพบว่ามีความปิดปกติเหมือนอย่างที่คณะกรรมาธิการฯ ระบุจริง ก็จะส่งกลับไปให้ รฟม.แก้ไข อย่างไรก็ตามยืนยันว่าจะไม่มีการนำเรื่องดังกล่าวเข้า ครม. หากยังไม่มีการพิจารณาอย่างละเอียดก่อน ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาระยะหนึ่ง
นอกจากนี้โสภณ ยังปฎิเสธว่า เรื่องดังกล่าวตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่จะเข้ามารับตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดราคากลาง การประกาศประกวดราคา รวมถึงการพิจารณาคุณสมบัติและเทคนิคของผู้ประกวดแต่ละราย ซึ่งตนเข้ามารับตำแหน่งในช่วงการเปิดซองประกวดราคา
ขณะที่พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า การที่ รฟม.ประกวดราคาในสัญญา 1 แบบนานาชาติ โดยไม่ต้องเสนอราคากลาง ไม่น่าจะขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง เพราะเป็นระเบียบว่าด้วยการพัสดุสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และไม่ขัดกับหลักเกณฑ์ของไจก้า ซึ่งเป็นเจ้าของเงินกู้ด้วย เพราะในกรณีที่ใช้เงินกู้ต่างประเทศจะต้องยึดตามหลักเกณฑ์ของแหล่งเงินกู้
สอดคล้องกับอดีตผู้บริหาร รฟม. ที่บอกว่า ราคาที่ทางคณะกรรมาธิการฯ ชี้แจงมาไม่ใช่ราคากลาง แต่เป็นการประมาณการว่าจะมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ และมีการปรับวงเงินขึ้น เพราะหน่วยงานราชการหากจะดำเนินโครงการจะต้องมีกรอบวงเงินก่อน เพื่อให้แหล่งเงินกู้ทราบว่าจะกู้เท่าไหร่ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงถือว่าเป็นโครงการแรกที่ใช้การประกวดแบบนานาชาติ ซึ่งใช้เวลาในการดำเนินการนานกว่าประกวดแบบอิเล็กทรอนิกส์
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45536
Location: NECTEC
Posted: 22/05/2009 9:17 am Post subject:
เร่งเดินหน้ารถไฟฟ้าสายสีชมพูรับศูนย์ราชการใหม่
ไทยรัฐ 22 พฤษภาคม 2552
http://www.thairath.co.th/content/eco/7623
"โสภณ" เผยนายกฯ ให้เร่งผลักดันรถไฟฟ้าสายสีชมพู เส้นทางแคราย-แจ้งวัฒนะ-รามอินทรา-สุวินทวงศ์ เพื่อรองรับศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ขณะเดียวกันให้ไปต่อรองราคาสายสีม่วงใหม่...
วานนี้ (21 พ.ค.) นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้รายงานความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ ของกระทรวงคมนาคมให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รับทราบ และขอความชัดเจนเรื่องนโยบายของรัฐบาลในการดำเนินการโครงการเมกะโปรเจ็กต์ในส่วนของกระทรวงคมนาคม เนื่องจากจะต้องมีการจัดลำดับความสำคัญและปรับแผนแม่บทโครงการรถไฟฟ้าให้สอดคล้องภาวะเศรษฐกิจของไทย ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เห็นว่าควรผลักดันโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู เส้นทางแคราย-แจ้งวัฒนะ-รามอินทรา-สุวินทวงศ์ ให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ก็ให้เดินหน้าไปตามกระบวนการ
ด้านนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า ขณะนี้ สนข.อยู่ระหว่างการปรับแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนฯ โดยรัฐบาลได้ให้งบประมาณในส่วนของงบกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ไว้ส่วนหนึ่ง ดังนั้นจะต้องเร่งว่าจ้างที่ปรึกษาออกแบบรายละเอียดโครงการรถไฟฟ้าสายสายสีน้ำตาล บางกะปิ-มีนบุรี และรถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-สุวินทวงศ์ ให้แล้วเสร็จทัน เพื่อดำเนินการให้สอดคล้องกับงบประมาณที่จะได้รับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) สัญญาที่ 1 ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจาต่อรองราคานั้น นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เห็นพ้องกันว่ายังสูงเกินไป ควรให้คณะกรรมการต่อรองราคาทางเทคนิคไปเจรจาให้ลดลงต่ำกว่า 14,965 ล้านบาท พร้อมทั้งจะต้องดำเนินการให้ทั้ง 3 สัญญาในการก่อสร้างโครงการไม่เกินวงเงินที่ขออนุมัติกับ ครม.ไว้ หรือประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ นายโสภณ เห็นว่า ราคาต่อรองที่สรุปได้จะต้องเป็นราคาที่ รฟม.ได้ประโยชน์ ซึ่งรัฐบาลไม่ต้องการราคา 14,965 ล้านบาท ผู้รับเหมาควรปรับลดราคาลงมาอีก หากไม่สามารถลดลงได้ก็ให้ยกเลิกเรียกบริษัทที่ประมูลได้อันดับรองลงไปมาเจรจา
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45536
Location: NECTEC
Posted: 25/05/2009 12:59 pm Post subject:
สายสีชมพู-นํ้าตาล ใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ5.4พันล.ปี53
เร่งผุดรถไฟฟ้าตามแผนแม่บทสนข.
เดลินิวส์ 25 พฤษภาคม 2552
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=200076&NewsType=1&Template=1
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า ขณะนี้จากการทำแผนดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ของกระทรวงคมนาคม ได้บรรจุการดำเนินโครงการระบบขนส่งมวลชนสายสีชมพู จากศูนย์ราชการนนทบุรี-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม. ซึ่งจะดำเนินการในช่วงปี 2553-2555 เช่นเดียวกับโครงการระบบขนส่งมวลชนสายสีน้ำตาล จากแยกลำสาลี-มีนบุรี ระยะทาง 11 กม.
โดยสายสีชมพู แบ่งเป็นค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและออกแบบรายละเอียด 3,711 ล้านบาท เป็นโครงการที่จะช่วยแก้ปัญหาการจราจรติดขัดบนถนนแจ้งวัฒนะและก่อสร้างได้เร็วเนื่องจากสร้างเป็นรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (โมโนเรล) และ สายสีน้ำตาลจะได้รับงบ ประมาณ 1,702 ล้านบาท รวม 2 เส้นทางใช้งบประมาณกว่า 5,400 ล้านบาท
ทั้งนี้โครงการระบบขนส่งมวลชนทั้ง 2 เส้นทาง อยู่ระหว่างการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หลังจากนี้ สนข.จะเสนอรายละเอียดโครงการให้ ครม.พิจารณาอนุมัติโครงการ รวมทั้งกำหนดว่าจะให้หน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบในการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อออกแบบรายละเอียดต่อไป สำหรับการว่าจ้างที่ปรึกษาออกแบบรายละเอียดนั้น สามารถดำเนินการได้ทันทีหลังโครงการได้รับการอนุมัติ เพราะมีงบประมาณจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ในปี 2553 รออยู่แล้ว
นางสร้อยทิพย์ กล่าวต่อว่า สำหรับวงเงินค่าก่อสร้างโครงการระบบขนส่งมวลชนทั้ง 2 เส้นทาง คาดว่าจะมีความชัดเจนหลังการออกแบบรายละเอียดแล้วเสร็จ โดยที่ผ่านมา สนข.ประมาณการกรอบวงเงินว่า
โครงการสายสีชมพูจะใช้เงินลงทุน 37,110 ล้านบาท แบ่งเป็น
ค่าใช้จ่ายงานโยธา 17,090 ล้านบาท
งานไฟฟ้าและเครื่องกล 7,855 ล้านบาท
งานจัดหาขบวนรถ 6,770 ล้านบาท
งานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และออกแบบรายละเอียด 4,580 ล้านบาท และ
งานจ้างที่ปรึกษา 815 ล้านบาท
คาดการณ์ผู้โดยสารวันละ 1.95 แสนคนในปี 2559
สำหรับสายสีน้ำตาลจะใช้เงินลงทุน 17,020 ล้านบาท แบ่งเป็น
ค่าใช้จ่ายงานโยธา 9,645 ล้านบาท
งานไฟฟ้าและเครื่องกล 3,700 ล้านบาท
งานจัดหาขบวนรถ 3,120 ล้านบาท
งานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและออกแบบรายละเอียด 115 ล้านบาท
และงานจ้างที่ปรึกษา 440 ล้านบาท
ปริมาณผู้โดยสารวันละ 7.11 หมื่นคนในปี 2559.
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45536
Location: NECTEC
Posted: 26/05/2009 11:04 am Post subject:
สนข.ปรับแผนแม่บทรถไฟฟ้าขยายจาก10สายเป็น12สาย เพิ่มสายใหม่′ขาว-เทา′ลง
ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 25 พฤษภาคม 2552 - เวลา 18:29:06 น.
http://www.matichon.co.th/prachachat/news_detail.php?id=3470&catid=2
สนข.เขย่าแผนแม่บทรถไฟฟ้าใกล้เสร็จ ชง ′โสภณ′ พิจารณา เบื้องต้นขยายจาก 10 สายเป็น 12 สาย เพิ่ม ′สีขาว-เทา′ รวมระยะทาง 467 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 8 แสนล้านบาท หัก กทม.รื้อใหม่แนวสีเขียว ′สนามกีฬา-พรานนก′
สนข.เขย่าแผนแม่บทรถไฟฟ้าใกล้เสร็จ ชง "โสภณ" พิจารณา เบื้องต้นขยายจาก 10 สายเป็น 12 สาย เพิ่ม "สีขาว-เทา" รวมระยะทาง 467 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 8 แสนล้านบาท หัก กทม.รื้อใหม่แนวสีเขียว "สนามกีฬา-พรานนก" เป็น "มักกะสัน-ราชปรารภ-เพชรบุรีตัดใหม่-ยมราช-ราชดำเนิน-ศิริราช-พรานนก" เลื่อนชั้นสีชมพู "แคราย-มีนบุรี" เป็นเส้นทางเร่งด่วนรับศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
นายประณต สุริยะ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า สนข.ได้รายงานความคืบหน้าภาพรวมแผนแม่บทรถไฟฟ้าให้นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรับทราบ โดยจัดลำดับความสำคัญว่าสายใดที่จะก่อสร้างเร่งด่วน ในระยะแรก ระยะที่ 2 และระยะที่ 3 ซึ่งเป็นแผนก่อสร้าง 20 ปี (2553-2572) เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน และโครงการรถไฟฟ้าที่บรรจุในแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ด้วย
เพียงแต่ยังมีรายละเอียดที่บริษัทที่ปรึกษาจะต้อง
ศึกษาให้ชัดเจน เรื่องค่าก่อสร้าง ที่จะต้องปรับลด แนวเส้นทางโดยเฉพาะส่วนต่อขยายสายสีเขียว ช่วงสนามกีฬา-พรานนก ที่อาจต้องปรับแนวเส้นทางใหม่ เนื่องจากมีปัญหาพื้นที่ก่อสร้างจากสนามกีฬา-ยศเส คับแคบ และจะต้องหารือร่วมกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ด้วย
โดยแนวเส้นทางใหม่จะใกล้เคียงแนวเดิมเป็นใต้ดินตลอดทั้งสาย ระยะทาง 12 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 4 หมื่นล้านบาท เริ่มจากมักกะสันโดยเชื่อมกับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ ผ่านราชปรารภ เชื่อมบีทีเอสที่สถานีราชเทวี แล้วเข้าถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ผ่านยมราช ซึ่งเป็นที่ตั้งหน่วยงานราชการจำนวนมาก เช่น ทำเนียบรัฐบาล สำนักงานข้าราชการพลเรือนหรือ ก.พ. เข้าถนนราชดำเนิน ผ่านโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งจะเป็นศูนย์แห่งความเป็นเลิศด้านการแพทย์ของเอเชีย ไปสิ้นสุดที่สถานีปลายทางพรานนก
"สายนี้รัฐบาลอยากให้เกิดโดยเร็ว เพื่อเสริมการพัฒนาโดยรอบถนนราชดำเนิน ที่มีแหล่งท่องเที่ยวโบราณสถานหลายแห่ง นอกจากนี้ยังจัดลำดับความสำคัญของสายสีชมพู จากแคราย-มีนบุรี ให้สร้างเร็วขึ้น เพื่อรับกับศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ จะเป็นระบบโมโนเรล"
นายประณตกล่าวว่า การจัดลำดับความสำคัญใหม่ยังคงมี 10 สายหลัก แต่ยังไม่สรุปว่าจะก่อสร้างเพิ่มอีกกี่เส้นทาง แบ่งเป็น 3 ระยะ รวมระยะทาง 467 กิโลเมตร ค่าก่อสร้างเบื้องต้น 8 แสนล้านบาท คือระยะ 5 ปีแรก เริ่มสร้างปี 2553 เปิดบริการปี 2557 มี 5 สาย ปัจจุบันที่พร้อมประมูลก่อสร้างคือสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ 23 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 56,599 ล้านบาท อยู่ระหว่างประกวดราคา เปิดใช้ปี 2556-2557 สายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต 26 กิโลเมตร 77,563 ล้านบาท เตรียมการประกวดราคา เปิดใช้ปี 2556 ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน 15 กิโลเมตร กำลังก่อสร้าง เปิดใช้ปี 2555
สายสีเขียวอ่อน ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ 12.6 กิโลเมตร 25,248 ล้านบาท และสายสีเขียวเข้ม ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ 11.4 กิโลเมตร 32,052 ล้านบาท รฟม.เตรียมประกวดราคา เปิดบริการปี 2557 สายสีน้ำเงินช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค 27 กิโลเมตร 79,904 ล้านบาท กำลังเจรจาเงินกู้ เปิดบริการช้าไปจากกรอบเป็นปี 2559
ระยะที่ 2 อีก 5 ปีต่อมา เริ่มปี 2558 เปิดบริการได้ปี 2562 ซึ่งบางสายทางในระยะแรกที่ก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ ต้องเลื่อนเปิดให้บริการในเฟสนี้ เช่น สายสีน้ำเงิน ต่อขยายแนวเส้นทางเดิมออกไปชานเมืองมากขึ้น แต่มีบางสายทางอาจจะก่อสร้างก่อน เช่น สายสีชมพู จากแคราย-มีนบุรี 34.4 กิโลเมตร 38,230 ล้านบาท สายสีน้ำตาลที่จะรวมเป็นสายเดียวกับสายสีส้มเดิม ช่วงบางกะปิ-บางบำหรุ-มีนบุรี 33 กิโลเมตร 1.2 แสนล้านบาท จะตัดก่อสร้างช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ก่อน 20 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 73,075 ล้านบาท โดยสีชมพูกับน้ำตาลอาจจะแล้วเสร็จปี 2555-2556 เพราะอยู่ในแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
นอกจากนี้มีสายสีเขียวเข้ม สะพานใหม่-ลำลูกกา คลองสี่ 13.9 กิโลเมตร 22,800 ล้านบาท อยู่ระหว่างศึกษาและออกแบบรายละเอียด สายสีเขียวอ่อนช่วงสมุทรปราการ (บางปิ้ง)-บางปู 9.1 กิโลเมตร อยู่ระหว่างศึกษาและออกแบบรายละเอียด สายสีเหลืองอ่อนช่วงรัชดาฯ-ลาดพร้าว-พัฒนาการ 12.6 กิโลเมตร 16,580 ล้านบาท สายสีแดงอ่อนช่วงบางซื่อ-พญาไท-หัวหมาก 19 กิโลเมตร
ระยะที่ 3 ภายในเวลา 10 ปี (2563-2572) เป็นสายใหม่ที่ยังไม่ได้ศึกษารายละเอียดและบริษัทที่ปรึกษาเสนอ รวมทั้งเส้นทางรถไฟชานเมืองสายสีแดง เช่น สายสีม่วงช่วงบางซื่อ-ราษฎร์บูรณะ 19.8 กิโลเมตร 66,820 ล้านบาท สายสีส้มส่วนที่เหลือ จากบางกะปิ-บางบำหรุ 13 กิโลเมตร 56,060 ล้านบาท สายสีเหลืองเข้มช่วงพัฒนาการ-สำโรง 17.8 กิโลเมตร 31,740 ล้านบาท สายสีเทาช่วงวัชรพล-ลาดพร้าว-พระราม 4-สะพานพระราม 9 ระยะทาง 21 กิโลเมตร 31,870 ล้านบาท สายสีขาวจากมักกะสัน-ดินแดง-บางบำหรุ 9 กิโลเมตร 38,442 ล้านบาท สายสีแดงช่วงตลิ่งชัน-นครปฐม สายสีแดงช่วงมักกะสัน-แปดริ้ว สายสีเขียวช่วงบางหว้า-พุทธมณฑลสาย 4 เป็นต้น
"ตามแผนแม่บทนี้จะต้องยึดถือไปตลอด 20 ปี ซึ่งดูแล้วสายทางที่น่าจะเห็นเป็นรูปธรรมช่วง 10-15 ปี แต่จะมีการปรับทุกๆ 5 ปี เพื่อจัดลำดับความสำคัญใหม่ให้เหมาะสมกับการพัฒนาที่เกิดขึ้นจริง โดยอาจมีบางสายแม้จะถูกจัดอยู่ในระยะที่ 2-3 แต่อาจจำเป็นต้องก่อสร้างก่อน" นายประณตกล่าว
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45536
Location: NECTEC
Posted: 28/05/2009 4:58 pm Post subject:
สนข.ดันรถไฟฟ้าสายสีชมพู รองรับศูนย์ราชการเจ้งวัฒนะ
โดย ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์ 28 พฤษภาคม 2552 14:46 น.
http://www.manager.co.th/mgrWeekly/ViewNews.aspx?NewsID=9520000059944
'โสภณ ซารัมย์' สั่ง รฟม. ศึกษาออกแบบรายละเอียดรถไฟฟ้าสายสีชมพู( แคราย-มีนบุรี) รองรับศูนย์ราชการแห่งใหม่ หลังนายกฯ ไฟเขียว ด้าน สนข. รองบกระตุ้นเศรษฐกิจ 3,711 ล้านบาท ก่อนเร่งทำแบบรายละเอียด
หลังจากผลักดันโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงจนมีความคืบหน้าไปถึงกระบวนการต่อรองราคากับผู้ชนะการประมูลเรียบร้อยแล้ว ทางกระทรวงคมนาคมยังเร่งให้สำนักงานนโยบายและแผนการจราจร (สนข.) ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าอีก 3 สาย คือ สายสีน้ำตาล (บางกะปิ-มีนบุรี) สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และสายสีเหลือง (ช่วงลาดพร้าว-พัฒนาการ และวงแหวนช่วงพัฒนาการ-สำโรง) โดย สนข.บรรจุเข้าอยู่ในแผนแม่บทปี 2552 โดยสายสีชมพูน่าจะถูกนำขึ้นมาก่อสร้างเป็นสายต่อไป เพราะรองรับการเปิดใช้ศูนย์ราชการกรุงเทพมหานครแห่งใหม่ บนถนนแจ้งวัฒนะ
หลังจากที่ศูนย์ราชการแห่งใหม่เปิดให้บริการครบทั้งหมด จะมีผู้เข้าใช้อาคารเกือบ 100,000 คน ทำให้มีความต้องการใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น ทั้งนี้ปัจจุบันศูนย์ราชการฯ เปิดให้บริการแล้ว 30% จากหน่วยงานทั้งหมด 29 แห่ง ทำให้การจราจรบริเวณถนนแจ้งวัฒนะแออัดมาก ดังนั้น สนข. จึงต้องการเร่งให้สายสีชมพูก่อสร้างได้ในปีหน้า และในเดือน ก.ย.นี้ หากมีการเข้าใช้พื้นที่เต็ม 100% โดยจะมีข้าราชการเข้าทำงานกว่า 30,000 คนต่อวัน มีประชาชนผู้มาติดต่อราชการประมาณ 5,000 คนต่อวัน
โสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลอนุมัติก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู เพื่อแก้ปัญหาจราจรติดขัด และรองรับการเปิดใช้งานศูนย์ราชการแห่งใหม่ ถนนแจ้งวัฒนะที่จะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ ซึ่งในเบื้องต้นนายกรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการ ทางกระทรวงคมนาคมจึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการว่าจ้างที่ปรึกษาทำการศึกษาออกแบบรายละเอียดโครงการ ในกรอบวงเงิน300 ล้านบาท
สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู( แคราย-มีนบุรี) ระยะทาง 34.5 กม. เป็นการก่อสร้างเป็นทางยกระดับหรือระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) มีจุดเริ่มต้นโครงการบริเวณแยกแครายไปตาม ถ.ติวานนท์ ถ.แจ้งวัฒนะ ถ.รามอินทรา สิ้นสุดโครงการบริเวณแยกสุวินทวงศ์ สามแยกไฟฟ้ามีนบุรี ทั้งนี้จุดเริ่มต้นโครงการมีการกำหนดทางเลือกที่ตั้งของสถานี 2 จุด จุดแรกอยู่บน ถ.ติวานนท์หน้าทางเข้ากระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วงทางด้านทิศเหนือ บริเวณ ถ.หน้าทางเข้ากระทรวงสาธารณสุข แนวจะวางไปตาม ถ.ติวานนท์ ข้ามแยกแครายไปจนถึงหน้าสถาบันโรคทรวงอก นนทบุรี
จุดที่ 2 อยู่บน ถ.รัตนาธิเบศร์ หน้าศูนย์ราชการนนทบุรี ซึ่งเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีม่วงทางด้านทิศเหนือ โดยแนวจะอยู่บน ถ.รัตนาธิเบศร์ ใกล้แยกแคราย และเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ ถ.ติวานนท์ที่แยกส่วนแคราย ไปบรรจบกับจุดที่1 ที่บริเวณหน้าสถาบันโรคทรวงอก นนทบุรี จากนั้นแนวเส้นทางจะผ่านไปตาม ถ.ติวานนท์ จนถึงบริเวณห้าแยกปากเกร็ดและเลี้ยวขวาไปทางด้านทิศตะวันออกตาม ถ.แจ้งวัฒนะ ผ่านทางเข้าเมืองทองธานี ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ไปเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีแดงที่บริเวณ ถ.วิภาวดีรังสิตและไปตาม ถ.แจ้งวัฒนะ ถึงวงเวียนอนุสาวรีย์หลักสี่ แล้วเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม (หมอชิต-สะพานใหม่) จากนั้นแนวจะตรงไปยังตาม ถ.รามอินทรา ผ่านแยกลาดปลาเค้า แยก ถ.นวมินทร์ ตัดผ่านทางแยกต่างระดับของทางด่วนศรีรัชและทางแยกต่างระดับ ถ.วงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออกจนไปถึงแยกมีนบุรี มี 24 สถานี ได้แก่ สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี, แจ้งวัฒนะ, สนามบินน้ำ, ชลประทาน , ปากเกร็ด ,เลี่ยงเมืองปากเกร็ด , เมืองทองธานี , ศรีรัช, เมืองทอง1 , ศูนย์ราชการกรุงเทพฯ, หลักสี่, มหาวิทยาลักราชภัฏพระนคร ,อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ, ลาดปลาเค้า, เคหะรามอินทรา, วัชรพล , รามอินทรา กม. .8, คันนายาว , นพรัตน์ราชธานี , บางชัน , เศรษฐบุตรบำเพ็ญ , ตลาดมีนบุรี และสถานีมีนบุรี มีศูนย์ซ่อมบำรุง 2แห่ง คือ ศูนย์ซ่อมบำรุงหลักที่บริเวณใกล้ทางแยกร่มเกล้า และที่บริเวณทางแยกสนามบินน้ำ เงินลงทุนรวม 37,110 ล้านบาท
ทั้งนี้จากการรับฟังความเห็นจากประชาชนในพื้นที่ครั้งที่ผ่านมาพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการก่อสร้างรถไฟฟ้าเส้นทางดังกล่าว
ด้านสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า สนข.อยู่ระหว่างรองบในโครงการลงทุนภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 จากรัฐบาล มูลค่า 5,413 ล้านบาท ซึ่งจะได้รับงบประมาณในปี 2553 แบ่งเป็นใช้ในรถไฟฟ้าสายสีชมพู 3,711 ล้านบาท สายสีน้ำตาล 1,702 ล้านบาท หลังจากนี้ สนข.จะเร่งออกแบบรายละเอียดของสายสีชมพู สำหรับวงเงิน 3,711 ล้านบาทเป็นค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ค่าออกแบบรายละเอียด และค่าบริหารจัดการทั่วไป ส่วนวงเงินค่าก่อสร้างคงต้องรอให้แบบรายละเอียดแล้วเสร็จจึงจะระบุได้เป็นตัวเลขแน่นอน ซึ่งอาจแตกต่างไปจากราคา ซึ่งที่ปรึกษาประเมินไว้ในครั้งแรกที่กรอบวงเงิน 37,110 ล้านบาทได้
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45536
Location: NECTEC
Posted: 23/06/2009 11:59 pm Post subject:
คมนาคมตบเกียร์5โปรเจ็กต์รถไฟฟ้า
ประชาชาติธุรกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 4116 วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552
http://www.matichon.co.th/prachachat/view_news.php?newsid=02rea04220652§ionid=0217&day=2009-06-22
ร. ฟ.ท.จ้างเอกชน 70 ล้านบาท รื้อ 1,236 ครัวเรือน เคลียร์พื้นที่ก่อสร้างตอกหมุดรถไฟสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ก่อนส่งมอบให้ผู้รับเหมา ฟาก รฟม.เตรียมเปิดซองสายสีม่วง สัญญาที่ 3 วงเงิน 5,962 ล้านบาท 23 มิ.ย.นี้ จับตา "พาวเวอร์ไลน์-แอสคอนฯ-รวมนครฯ " มาแรง
นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ร.ฟ.ท.กำลังประกาศทีโออาร์ว่าจ้างผู้รับเหมารื้อย้ายอาคารสิ่งปลูกสร้างและ ทรัพย์สินของผู้บุกรุกออกจากพื้นที่ตามแนวเส้นทางโครงการก่อสร้างรถไฟชาน เมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 26 กิโลเมตร จำนวน 12 ชุมชน 1,236 ครัวเรือน วงเงิน 71,043,600 บาท โดยผู้รับจ้างต้องรื้อย้ายให้แล้วเสร็จภายใน 15 เดือน และต้องรับประกันผลงานไม่ให้มีผู้บุกรุกกลับเข้ามาในพื้นที่โครงการได้อีก ภายใน 365 วัน นับจากวันตรวจรับผลงานงวดสุดท้าย
โครงการนี้ ร.ฟ.ท.จะต้องเคลียร์พื้นที่ให้ผู้รับเหมาอย่างน้อย 80-90% ซึ่งในระหว่างรอการรื้อย้ายจะประกาศประกวดราคาก่อสร้างไปพร้อมๆ กันด้วย คาดว่าจะดำเนินการได้ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า
ส่วนความคืบหน้า โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ ระยะทาง 23 กิโลเมตร ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) วันที่ 23 มิถุนายนนี้จะเปิดซองราคา สัญญาที่ 3 งานก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงและอาคารจอดรถ 4 แห่ง วงเงิน 5,962 ล้านบาท
มี ผู้รับเหมาเสนอราคา 5 ราย ประกอบด้วย
1.บมจ.อิตาเลียนไทย
2.กลุ่มกิจการร่วมค้า CKTC (ช.การช่าง-โตคิว)
3.บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น
4.กลุ่มบริษัททาเกนากะและบริษัทฤทธา
5.กลุ่มกิจการร่วมค้า PAR (พาวเวอร์ไลน์-แอสคอนคอนสตรัคชั่น-รวมนครก่อสร้าง)
ซึ่งกลุ่มพาวเวอร์ไลน์-แอสคอนฯ ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นตัวเต็ง -> และก็ได้จริงๆด้วย
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45536
Location: NECTEC
Posted: 01/07/2009 9:38 pm Post subject:
"อภิสิทธิ์" สั่งตีกลับแผนแม่บทรถไฟฟ้า สั่งสนข.ปรับปรุงใหม่ให้เสร็จในส.ค.นี้
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ วันที่ 01 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 เวลา 17:34:16 น.
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมครม.เศรษฐกิจ ว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมและสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและ จราจร (สนข.) กลับไปจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งของประเทศฉบับใหม่ ที่อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดให้แล้วเสร็จภายในเดือนส.ค.นี้ ทั้งการพัฒนาระบบขนส่งทางรถไฟ ระบบขนส่งมวลชนทางรางและระบขนส่งในเขตกทม.และปริมณฑล ก่อนเสนอให้ครม.เศรษฐกิจพิจารณาในภาพรวมอีกครั้ง เนื่องจากเห็นว่าการรายงานผลการพัฒนาระบบขนส่งทางราง ปัญหา อุปสรรคและแนวทางการดำเนินงาน ที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้ทราบในที่ประชุมนั้น เป็นโครงการที่คละกันมาโดยไม่รู้ว่าโครงการใดอยู่ในแผนแม่บทฉบับใด และยังมีบางโครงการที่ไม่อยู่ทั้งในแผนแม่บทฉบับเก่าและฉบับใหม่ เช่นโครงการรถไฟฟ้าสีชมพู เส้นทางแคราย-ปากเกร็ด-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 ก.ม. หรือโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางบำหรุ-สถานีศูนย์วัฒนธรรม-บางกะปิ-มีนบุรี เป็นต้น
นอกจากนี้ยังให้กระทรวงคมนาคมกลับไปพิจารณาความเหมาะสมด้านการลงทุนและผล ประโยชน์ของโครงการพัฒนาโครงข่ายรถไฟทางคู่ โครงการก่อสร้างทางรถไฟระบบรางมาตรฐานเชื่อมโยงกับต่างประเทศ และการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงระหว่างทางเมืองหลัก 4 แห่งคือ นครราชสีมา,พิษณุโลก,ชลบุรีและเพชรบุรี ให้ชัดเจนและคำนึงถึงความเหมาะสมของจุดเชื่อมโยงด้วยโดยเฉพาะการพัฒนารถไฟ เชื่อมโยงระหว่างประเทศ
"นายกรัฐมนตรียังได้ย้ำในที่ประชุมถึงการดำเนินการจัดตั้งบริษัทเดินรถ เพื่อดำเนินโครงการแอร์พอร์ต ลิงค์ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่ต้องเดินรถให้ได้ภายในปลายปีนี้ตามแผน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและต่างประเทศ เพราะก่อนหน้านี้ได้ประกาศไว้ในช่วงที่เดินทางไปโรดโชว์ในประเทศต่าง ๆ หากผิดพลาดจากแผนเดิมจะทำให้มีผลต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวและนักลงทุนได้”
//------------------------------------------------------------------------
มาร์ครื้อระบบรถไฟฟ้าจี้"โสภณ"ส.ค.ต้องเสร็จ
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 1 กรกฎาคม 2552 21:22 น.
"มาร์ค"สั่งโสภณ ซารัมย์ทบทวนแผนแม่บทระบบรางใหม่ ขีดเส้นให้เสร็จก่อนส.ค.แล้วนำเสนอต่อครม.อีกครั้ง เพื่อจัดทำระบบขนส่งให้ครบวงจร ลั่น!! “แอร์พอร์ตลิ้งค์” ต้องตั้งบริษัทลูก ยังฝันเปิดใช้สิ้นปีนี้ ด้าน“โสภณ”เตรียมถกกทม.ยุติปัญหาเจ้าของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ(ครม.)วานนี้ (1 ก.ค.) ได้พิจารณาการพัฒนาระบบขนส่งระบบราง ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการดำเนินงานตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยพบว่า โครงการต่างๆ ที่ครม.ได้มีมติให้ดำเนินการก่อสร้างมีความคืบหน้าในระดับหนึ่ง
โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้สำนักนโยบายและแผนการขนส่ง (สนข.) และกระทรวงคมนาคม ไปศึกษาแผนแม่บทการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนทั้งระบบมาใหม่ให้แล้วเสร็จ ก่อนเดือน ส.ค. และนำเสนอครม.เศรษฐกิจพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน เนื่องจากในสมัยนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี เห็นชอบให้จัดทำ แต่ยังไม่มีการเห็นชอบแผนแม่บทฯ อีกทั้ง ยังมีโครงการรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่เข้ามาเพิ่มเติม เช่น สายสีชมพู แคราย(ศูนย์ราชการใหม่)- มีนบุรี – ปากเกร็ด ระยะทาง 34.5 กม. จึงควรที่จะไปรวบรวมรายละเอียดมาให้ชัดเจน ซึ่งกระทรวงคมนาคมเร่งรัดนำเสนอโครงการพัฒนาทางรถไฟที่อยู่ภายใต้แผนปฏิบัติ การไทยเข้มแข็ง เพื่อให้ ครม.พิจารณาต่อไป
ส่วนประเด็นของโครงการระบบรถไฟฟ้าเชื่อมต่อท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกับสถานี รับส่งผู้โดยสารภายในเมือง (แอร์พอร์ตลิ้งค์)นั้น นายกฯยังยืนยันให้ทำตามมติครม.เดิม คือ การจัดตั้งบริษัทลูกและอยากให้โครงการนี้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2552 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นใจให้แก่นักลงทุนและนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาลงทุน ในประเทศ และควรหาเจ้าภาพหรือคนกลางเข้ามาเจรจากับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ รฟท.เพื่อทำความเข้าใจโดยเร็ว
เดินหน้ารถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทาง
นายพุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการพัฒนาระบบราง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องการพัฒนาโครงข่ายรถไฟทางคู่โครงการก่อสร้างทางรถไฟ ระบบรางมาตรฐานเชื่อมโยงกับต่างประเทศและการพัฒนาระบบรางรถไฟความเร็วสูง เชื่อมโยงระหว่างเมืองหลัก 4 แห่งได้แก่ นครราชสีมา พิษณุโลก ชลบุรี และเพชรบุรี นั้นคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เห็นว่า กระทรวงคมนาคมควรพิจารณาความเหมาะสมด้านการลงทุนและผลประโยชน์ในการดำเนิน การโดยละเอียด โดยรถไฟความเร็วสูงเส้นทางจิระ-แก่งคอย-บ้านภาชี ยังคงมีแผนตามเดิม ที่ประชุมยังให้ไปดูเส้นทางที่เป็นประโยชน์เพื่อเชื่อมต่อ
"โสภณ"ถกกทม.ยุติปัญหาสายสีเขียว
ด้านนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวที่ประชุมครม.เศรษฐกิจต้องการให้เปิดเดินรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์ ตามกำหนด พร้อมกันนี้ยังต้องการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ศึกษาตัวเลขลงทุนในการปรับเปลี่ยนรางจากขนาด 1 เมตร ( METER GAUGE ) เป็นขนาด 1.435 เมตร (STANDARD GAUGE) และเร่งทำแผนการปรับปรุงทางรถไฟ (Track Rehabilitation) เพราะจะใช้งบตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่สองหรือแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (SP2)
ส่วนโครงการรถไฟฟ้านั้น กระทรวงการคลังยืนยันที่จะจัดหาแหล่งเงินกู้อื่น แทนเงินกู้จากองค์กรเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศของประเทศญี่ปุ่น (ไจก้า) สำหรับก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (บางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค ) 27 กม.มูลค่า 79,904 ล้านบาท โดยจะสามารถดำเนินการประกวดราคาได้ภายในปี 2552
โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ให้กระทรวงคมนาคมหารือกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อหาข้อยุติ เนื่องจ ากกทม.แสดงความจำนงค์เป็นผู้ดำเนินโครงการ โดยมติครม.ก่อนหน้านี้ ให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) รับผิดชอบงานก่อสร้างแล้ว ซึ่งในสัปดาห์หน้าตนจะหารือกับกทม.เพื่อหาข้อสรุปเรื่องการเป็นบริหารการ เดินรถ ทั้งนี้ สายสีเขียวอ่อน ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 12.6 กม. มีมูลค่า 25,248 ล้านบาท และสายสีเขียวเข้ม ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ ระยะทาง 11.4 กม. มูลค่า 32,052 ล้านบาท
นอกจากนี้ จะทำการโยกงบประมาณ 400 ล้านบาทจากโครงการรถไฟฟ้าสายวงแหวนรอบในตามแนวถนนรัชดาภิเษก มาใช้ในการศึกษารถไฟฟ้สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี)ระยะทาง 34.5 กม. รองรับการเปิดใช้ศูนย์ราชการกรุงเทพมหานครแห่งใหม่ และรถไฟฟ้าสายสีส้ม (บางบำหรุ-บางกะปิ) ระยะทาง 23.8 กม. เพราะมีความเร่งด่วนมากกว่า โดยจะสรุปแผนระบะรางทั้งหมด เข้าครม.อีกครั้งในเดือนส.ค.
นายโสภณกล่าวว่า ช่วงปลายเดือนก.ค.นี้ ตนจะเดินไปประเทศจีนเพื่อหารือถึงความชัดเจนของจีน ในการต่อเชื่อมทางรถไฟจากจีนผ่านลาวมาไทย เพื่อประเมินแผนของไทยที่จะทำทางรถไฟจากเด่นชัย –เชียงรายขึ้นไปเชื่อมเพื่อให้เกิดความคุ้มค่า เนื่องจากขณะนี้จีนมีเส้นทางรถไฟลงใต้ผ่านทางเวียดนามและกัมพูชาด้วย
ด้านนายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ รองปลัดกระทรวงคมนาคมในฐานะประธานคณะกรรมการ ร.ฟ.ท.กล่าวว่า หลังครม.มีมติให้หยุดการดำเนินการตามแผนปรับโครงสร้างฟื้นฟู ร.ฟ.ท.และให้เจรจากับสหภาพฯ ร.ฟ.ท.ก่อนนั้น ทำให้ไม่มั่นใจว่า จะสามารถเปิดเดินรถแอร์พอร์ตลิ้งค์ได้ตามกำหนดเดือนธ.ค. 2552 นี้หรือไม่
ส่วนการลงทุนปรับรางเป็นขนาด 1.435 เมตรนั้น ยังไม่มีการศึกษาตัวเลขไว้ โดยแนวคิดเบื้องต้น เห็นว่าควรใช้ราง1.435 เมตรกับโครงการเฉพาะเช่น รถไฟความเร็วสูงเชื่อมภูมิภาค เช่น กรุงเทพฯ-นครราชสีมา, กรุงเทพฯ-หัวหิน, กรุงเทพฯ-ระยอง, กรุงเทพฯ-นครสวรรค์ ส่วนการปรับปรุงคุณภาพและเพิ่มความเร็วรถไฟนั้น ขณะนี้มีแผนการปรับปรุงรางระยะ 5 และ 6 งานเร่งด่วนเปลี่ยนหมอนไม้เป็นคอนกรีตและราง 60 ปอนด์เป็น 100 ปอนด์ ซึ่งจะเพิ่มความเร็วรถจาก 60-70 กม./ชม.เป็น100 กม./ชม. พร้อมกันนี้จะเร่งโครงการรถไฟทางคู่ส่วนที่เหลือ (Long Loop) แก้ปัญหาการรอหลีก และจัดทำระบบอาณัติสัญญาณแก้ปัญหาทางตัดผ่าน.
Back to top
BanPong1
1st Class Pass (Air) Joined: 07/12/2006 Posts: 2733
Location: กม.37 สายเหนือ, กม.68 สายกาญจนบุรี
Posted: 01/07/2009 10:26 pm Post subject:
Wisarut wrote:
นอกจากนี้ยังให้กระทรวงคมนาคมกลับไปพิจารณาความเหมาะสมด้านการลงทุนและผล ประโยชน์ของโครงการพัฒนาโครงข่ายรถไฟทางคู่ โครงการก่อสร้างทางรถไฟระบบรางมาตรฐานเชื่อมโยงกับต่างประเทศ และการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงระหว่างทางเมืองหลัก 4 แห่งคือ นครราชสีมา,พิษณุโลก,ชลบุรีและเพชรบุรี ให้ชัดเจนและคำนึงถึงความเหมาะสมของจุดเชื่อมโยงด้วยโดยเฉพาะการพัฒนารถไฟ เชื่อมโยงระหว่างประเทศ
ทำไมถึงต้อง
"กลับไปพิจารณาความเหมาะสมด้านการลงทุนและผล ประโยชน์ของโครงการพัฒนาโครงข่ายรถไฟทางคู่"
แทบไม่ต้องวิเคราะห์กันมากเลยครับ เพราะเป็นสิ่งที่ "ต้องทำ" เป็นลำดับแรกของประเทศไทยที่ต้องการการพัฒนาระบบขนส่ง อย่าให้ช้ากว่านี้เลยครับ ประเทศเราพัฒนาระบบถนนกันมามากพอแล้วครับ และเราก็เสียโอกาสกับระบบรางมานานมากพอแล้วครับ ท่านผู้บริหารประเทศ _________________ Last edited by BanPong1 on 01/07/2009 10:32 pm; edited 1 time in total
Back to top
You cannot post new topics in this forum You cannot reply to topics in this forum You cannot edit your posts in this forum You cannot delete your posts in this forum You cannot vote in polls in this forum
Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group