| View previous topic :: View next topic |
| Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006 Posts: 45539
Location: NECTEC
|
Posted: 01/07/2009 10:28 pm Post subject: |
|
|
ูููู^^^^
ผลประโยชน์มันแบ่งไม่ลงตัวครับ เลยตต้องโดยเรื่องกลับไปกลับมา |
|
| Back to top |
|
 |
Mongwin
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007 Posts: 49407
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 02/07/2009 9:03 am Post subject: |
|
|
นายกฯ สั่ง สนข.-คมนาคมรื้อแผนแม่บทโลจิสติกส์ทั้งระบบ
ทำเนียบฯ 1 ก.ค.52 - ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ให้ สนข. และ ก.คมนาคม ศึกษาแผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางทั่วประเทศ
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ คณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ มีมติให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และกระทรวงคมนาคม กลับไปศึกษาแผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางทั่วประเทศ และระบบขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้มีความเชื่อมโยงกันทั้งระบบ ให้แล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค.นี้ ก่อนนำกลับมาเสนออีกครั้ง
นายกรัฐมนตรีให้แนวทางว่า รัฐยังคงยืนยันมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เห็นชอบให้มีการจัดตั้งบริษัทเดินรถเป็นบริษัทลูก แยกการบริหารจัดการเรื่องการเดินรถออกจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) อย่างชัดเจน พร้อมทั้งให้หาผู้เข้ามาเป็นเจ้าภาพ ทำความเข้าใจกับสหภาพแรงงานฯ รฟท. ที่ร้องคัดค้านการตั้งบริษัทลูกดังกล่าว เพื่อให้ปัญหาทุกอย่างคลี่คลาย และให้สามารถเปิดใช้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต ลิงก์ ภายในปลายปีนี้ เพราะถือเป็นโครงการที่จะสร้างความมั่นใจให้กับไทยในสายตาชาวต่างชาติได้ นายพุทธิพงษ์ กล่าว
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังสั่งการให้กระทรวงคมนาคม พิจารณาถึงความเหมาะสมด้านการลงทุนและผลประโยชน์ในการดำเนินการอย่างละเอียด โดยเฉพาะการพัฒนาทางรถไฟเชื่อมโยงระหว่างประเทศ เพราะหลังจากที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปเยือนประเทศจีน จึงได้ทราบข้อมูลว่า จีนเปลี่ยนแผนการก่อสร้างรถไฟจากเดิมที่จะสร้างผ่านพม่าเข้าเชียงของ มาสร้างผ่านเวียดนาม กัมพูชา ซึ่งอาจทำให้ไทยต้องพัฒนาระบบรางฝั่งอรัญประเทศ เพื่อรองรับการเชื่อมต่อกับประเทศอื่น รวมถึงศึกษาการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงระหว่างเมืองหลัก 4 แห่ง ได้แก่ นครราชสีมา พิษณุโลก ชลบุรี และเพชรบุรี. - สำนักข่าวไทย
อัพเดตเมื่อ 2009-07-01 17:26:55 |
|
| Back to top |
|
 |
Wisarut
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006 Posts: 45539
Location: NECTEC
|
Posted: 06/07/2009 4:03 am Post subject: |
|
|
เขย่าแผนแม่บท รถไฟ-รถไฟฟ้า ดีเดย์ 1 เดือนโฟกัสโปรเจ็กต์เร่งด่วนสปีดลงทุน
ประชาชาติธุรกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 4120 วันที่ 06 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ รัฐบาลมาร์ค 1 ได้พิจารณาแผนการลงทุนระบบรางของกระทรวงคมนาคม ทั้งรถไฟและรถไฟฟ้า สานแผนเดิมที่รัฐบาลสมัครเคยอนุมัติไว้ หลังรับทราบถึงความคืบหน้าแต่ละโครงการ ครม.เศรษฐกิจได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำ รายละเอียดเพิ่มเติมภายใน 1 เดือน เพื่อให้ได้ภาพชัดเจนเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น และนำเสนออีกครั้งในเดือนสิงหาคมนี้
ปูพรมทางคู่ทั่วประเทศเชื่อมเพื่อนบ้าน
โดยให้จัดทำแผนแม่บทรถไฟทางคู่ ทั่วประเทศ เชื่อมต่อเส้นทางเดิมที่มีอยู่กว่า 4,000 กิโลเมตร เร่งรัดพัฒนาเส้นทางคู่สายตะวันออก คือรถไฟทางคู่ช่วง
1. ฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ระยะทาง 106 กิโลเมตร วงเงิน 10,900 ล้านบาท ที่อยู่ระหว่างทบทวนผลการศึกษา
2. ทางคู่สายขอนแก่น-นครราชสีมา-แก่งคอย และ
3. นครสวรรค์-ลพบุรี
ขณะเดียวกันให้คมนาคมไปเปรียบเทียบความคุ้มค่ารางขนาด 1 เมตร กับ 1.435 เมตร เพราะในอนาคตจะเปิดให้เอกชน เข้ามาร่วมลงทุนเดินรถสินค้าและโดยสาร
ส่วนการพัฒนาทางรถไฟสายประธาน จะก่อสร้างทางจาก อ.เชียงของ จ.เชียงราย ไป อ.เด่นชัย จ.แพร่ ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จะขอ แปรญัตติเพิ่มเติมงบประมาณปี 2553 เนื่องจากเส้นทางนี้จะเชื่อมต่อกับระบบ ทางรถไฟของจีนได้ พร้อมกับให้ไปศึกษาว่าจะสร้างผ่านสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หรือกัมพูชา - (จริงๆ น่าจะหมายถึงพม่ามากกว่าเต่คนข่าวมติชนท่าจะมึน)
"โสภณ ซารัมย์" รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมไปหารือรัฐบาลจีน เกี่ยวกับการก่อสร้างทางรถไฟ ที่จีนต้องการเชื่อมต่อเส้นทางมายังประเทศไทย เพื่อขอความชัดเจน โดยปลายกรกฎาคมนี้ตนจะเดินทางไปหารือเรื่องนี้กับจีน
ดันรถไฟความเร็วสูงไป 4 หัวเมืองหลัก
นอกจากนี้ให้จัดทำรายละเอียดการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงหรือไฮสปีดเท รน 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง เชื่อมหัวเมืองหลัก ห่างจากกรุงเทพฯรัศมี 200-300 กิโลเมตร เบื้องต้นมี 4 เส้นทาง คือ
1. กรุงเทพฯ-หัวหิน
2. กรุงเทพฯ-นครสวรรค์
3. กรุงเทพฯ-จันทบุรี และ
4. กรุงเทพฯ-โคราช งบฯ 37.5 ล้านบาท
แก้จุดตัดทางรถไฟ 2,400 จุดทั่วประเทศ
อีกเรื่องที่เร่งรัด คือการแก้ปัญหาจุดตัดทางรถไฟทั่วประเทศ 2,400 จุด ที่ผ่านมา ร.ฟ.ท.ได้งบประมาณไม่เพียงพอ โดยเสนอขอติดตั้งเครื่องกั้นทางรถไฟอัตโนมัติ 988 จุด วงเงิน 4,372.2 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2553 แต่ได้รับอุดหนุนเพียง 70 จุด
นอกจากนี้ให้ ร.ฟ.ท.เร่งซ่อมบำรุงคันทาง โดยจะดำเนินการ 2 เส้นทางก่อน คือ
1. โครงการปรับปรุงทางระยะที่ 5 ช่วงแก่งคอย-แก่งเสือเต้น-สุรนารายณ์-บัวใหญ่-ชุมทางถนนจิระ รวม 308 กิโลเมตร วงเงิน 8,498 ล้านบาท และ
2. โครงการปรับปรุงทางระยะที่ 6 ช่วงชุมทางบัวใหญ่-หนองคาย 278 กิโลเมตร 6,769 ล้านบาท
รวมทั้งซื้อรถจักรและโบกี้บรรทุกตู้สินค้า ขณะเดียวกัน ร.ฟ.ท.มีแผนจะจัดหารถจักร 20 คัน วงเงิน 1,920 ล้านบาท และรถแคร่อีก 308 คัน วงเงิน 1,061 ล้านบาท
จี้คลอดแผนแม่บทรถไฟฟ้า
ด้านระบบขนส่งมวลชน เดดไลน์ในสิงหาคมนี้ แผนแม่บทรถไฟฟ้าที่ปรับปรุงใหม่จากเดิม 7 สาย จะต้องแล้วเสร็จ เพื่อเร่งรัดก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ โดยเฉพาะสายสีชมพู จากแคราย-มีนบุรี เพื่อรองรับศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
อย่างไรก็ตาม แผนที่ สนข.ศึกษาไว้ ยังไม่สรุปว่าจะมีกี่สาย แต่มีทั้งหมด 384.1 กิโลเมตร ค่าก่อสร้างประมาณ 8 แสนล้านบาท แบ่งเป็น 3 ระยะ โดยระยะ 5 ปีแรก มีบางสายเริ่มดำเนินการไปแล้ว เช่น
1. สายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ ที่เปิดประกวดราคาเสร็จแล้ว
2. สายสีน้ำเงินและสีเขียว 2 สาย กำลังรอเงินกู้ (ดูตาราง)
ส่วนระยะที่ 2 (ปี 2558-2562) มี
1. สายสีแดง ช่วงรังสิต-ธรรมศาสตร์ 10 กิโลเมตร
2. สีชมพู ช่วงแคราย-ปากเกร็ด-มีนบุรี 34.5 กิโลเมตร
3. สายสีส้ม ช่วงบางบำหรุ-ศูนย์วัฒนธรรม-บางกะปิ-มีนบุรี 32 กิโลเมตร จะเร่งสร้าง สายบางบำหรุ-ศูนย์วัฒนธรรมก่อน
4. สายสีแดง ช่วงหัวลำโพง-ตากสิน-(มหาชัย) 36 กิโลเมตร
5. ช่วงมักกะสัน-ยมราช-ราชดำเนิน-บางกอกน้อย-ตลิ่งชัน 10.5 กิโลเมตร
ซึ่งสายนี้ สนข.บูรณาการมาจากส่วนต่อขยายสายสีเขียว ช่วงสนามกีฬา-พรานนกเดิม สายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-ราษฎร์บูรณะ 19.8 กิโลเมตร [ฟื้นแผนของผู้ว่าสมหมาย ตามไทย หละสินะ]
ระยะที่ 3 (2563-2572) มี
1. สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-พัฒนาการ และช่วงพัฒนาการ-สำโรง 30.4 กิโลเมตร
2. สายสีน้ำเงิน ช่วงบางแค-พุทธมณฑลสายสี่ 8 กิโลเมตร
3. สายสีเขียว ช่วงคูคต-ลำลูกกาคลองห้า 7.6 กิโลเมตร
4. สายสีเขียว ช่วงสมุทรปราการ-บางปู 9.5 กิโลเมตร และ
5. สายสีเทา ช่วงวัชรพล-ลาดพร้าว-พระราม 4-สะพานพระรามเก้า 26 กิโลเมตร
"สร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์" ผู้อำนวยการ สนข.กล่าวว่า แผนแม่บทรถไฟฟ้าฉบับใหม่ จะต่อขยายเส้นทางบางสายไปชานเมืองมากขึ้น และเร่งบางสายให้เร็วขึ้น เช่น สายสีเขียว จากสะพานใหม่-ลำลูกกาคลอง 5 จะสร้างช่วงสะพานใหม่-คูคตก่อน ส่วนที่เหลือไปลำลูกกาจะเป็นระยะต่อไป
สำหรับส่วนต่อขยายสายสีเขียว 2 ช่วง คือหมอชิต-สะพานใหม่ และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ "โสภณ" ว่าที่ประชุมยืนยันตามมติ ครม.เดิม คือคมนาคมก่อสร้าง ส่วนการเดินรถ ที่ประชุมให้หารือร่วมกับกรุงเทพมหานคร (กทม.)
หน้า 7 |
|
| Back to top |
|
 |
Mongwin
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007 Posts: 49407
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 06/07/2009 12:37 pm Post subject: นายกรัฐมนตรียืนยันเดินหน้าพัฒนาขนส่งระบบราง |
|
|
นายกรัฐมนตรียืนยันเดินหน้าพัฒนาขนส่งระบบราง
ทำเนียบฯ 5 ก.ค.52- นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทย กับนายกฯ อภิสิทธิ์ วันนี้ (5 ก.ค.) ถึงการลงทุนในการขนส่งระบบราง โดยในช่วงของปฏิบัติการไทยเข้มแข็งนั้น จะดำเนินการในหลายเรื่อง ประกอบด้วย การปรับปรุงสภาพของระบบรางรถไฟทั่วประเทศ เดินหน้าต่อโครงการรถไฟรางคู่ในเส้นทางหลักๆ พิจารณาความเหมาะสมในการทำรถไฟความเร็วสูงในเส้นทางรอบๆ กรุงเทพฯ และการเชื่อมโยงกับเครือข่ายของอาเซียน
สัปดาห์หน้า ผมจะเดินทางไปเยือนประเทศเวียดนาม เพื่อพูดคุยในการเปิดพื้นที่ให้สามารถขนส่งสินค้าผ่านเวียดนามไปออกทะเลได้ สำหรับกรุงเทพฯ ภายในเดือนสิงหาคมนี้ จะมีการปรับปรุงแผนแม่บทเรื่องระบบขนส่งมวลชน โดยเฉพาะเส้นทางต่อขยายของรถไฟฟ้า ไม่ว่าจากสะพานใหม่ขึ้นไปจนถึง จ.ปทุมธานี หรือทางทิศตะวันออกที่ออกไปสู่ จ.สมุทรปราการ เป็นต้น นายกรัฐมนตรี กล่าว. -สำนักข่าวไทย
อัพเดตเมื่อ 2009-07-05 11:16:29 |
|
| Back to top |
|
 |
Wisarut
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006 Posts: 45539
Location: NECTEC
|
Posted: 06/07/2009 7:28 pm Post subject: |
|
|
“มาร์ค” เร่งแผนต่อรถไฟฟ้า เหนือถึงปทุม-ตอ.ถึงปากน้ำ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 กรกฎาคม 2552 10:06 น.
“อภิสิทธิ์” เดินหน้าปรับปรุงระบบโลจิสติกส์ ทั้งการปรับปรุงการขนส่งระบบราง ทำรถไฟราง คู่ แผนส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าใน กทม.ทั้งทางด้านทิศเหนือ จากสะพานใหม่ถึงปทุมธานี และด้านตะวันออกไปถึงสมุทรปราการ ส่วนเรื่องรถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน มีข้อเสนอตั้งบริษัทลูกขึ้นมาจัดการ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกอภิสิทธิ์ ถึงงานของรัฐบาลในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า การเข้ามาทำงานของรัฐบาลนั้น เป็นการทำงานที่มองไปในระยะยาวด้วย ซึ่งเป็นการวางรากฐานที่สำคัญในแง่ของเศรษฐกิจและสังคมไทย
ทั้งนี้ ภาพรวมของความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ องค์กรที่เขาจัดอันดับขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศปีนี้ได้ขยับให้ ประเทศไทยดีขึ้นมา 1 อันดับ จากอันดับที่ 27 เป็นอันดับที่ 26 แต่ว่าตนได้พูดคุยกับทาง ครม.แล้ว เห็นว่า ยังเป็นตัวเลขที่เราไม่ควรจะพึงพอใจ เพราะเชื่อว่าเราน่าจะมีศักยภาพสูงกว่านี้ เพราะฉะนั้นจึงได้มีการจัดการประชุมสัมมนา ระดมภาคเอกชน ภาควิชาการ ที่สำคัญคือ ได้ผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่ในเรื่องของการกำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ ในการจัดอันดับเข้ามาประชุมเป็นเวลา 2 วัน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ให้คำแนะนำ เอาประสบการณ์จากประเทศต่างๆ มาเพื่อเป็นแนวทางในการนำทาง เพื่อเรียกความเชื่อมั่น และสร้างโอกาสทางด้านการค้า การลงทุน รวมไปถึงการท่องเที่ยวสำหรับประเทศต่อไป
นายกฯ กล่าวอีกว่า ได้มีโอกาสไปเปิดงาน และได้ติดตามจากทั้งภาครัฐและเอกชน ที่เข้าไปร่วมในการสัมมนา ก็ได้ข้อคิดเห็น ได้แนวทางที่เป็นประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะในการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 นี้ ก็ได้เน้นย้ำไปว่าในแผนฉบับใหม่นี้ เราจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ คือ หนึ่งเรื่องของภาคการเกษตรในการที่จะต้องเป็นผู้ผลิตอาหาร และพลังงานทดแทนที่สำคัญ โดยจะทำต่อเนื่องจากปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ซึ่งกำลังมีการลงทุนในเรื่องของแหล่งน้ำ ที่จะทำให้เกษตรกรได้ประโยชน์ สามารถผลิตผลผลิตทางการเกษตรได้เพิ่มขึ้นต่อไร่ และสัปดาห์หน้า จะลงพื้นที่ภาคอีสาน ไปดูในเรื่องของแหล่งน้ำด้วย เพื่อที่จะให้การผลักดันไทยเข้มแข็งนั้นเป็นไปตามเป้าหมาย
**คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงเรื่องของภาคบริการการท่องเที่ยว ว่า เรายังมีความสามารถในการที่จะเติบโตอีกมาก เพียงแต่ว่าเราต้องปรับปรุง พูดง่ายๆ คือ สินค้าของเรา ยี่ห้อของเรา และเพิ่มความหลากหลายในเรื่องของการท่องเที่ยวมากขึ้น พร้อมๆ กันไปก็มีในส่วนของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะเน้นในเรื่องของความคิดที่สร้างสรรค์ เราจะปรับปรุงในเรื่องของการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา เสริมในเรื่องของการวิจัยพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า และขณะนี้คณะกรรมการซึ่งทำหน้าที่ในการดูแลเรื่องของทรัพย์สินทางปัญญา ก็จะปรับบทบาทเข้ามาเสริมในเรื่องของเศรษฐกิจ ที่อิงกับความคิดสร้างสรรค์ หรือ Creative Economy ตรงนี้ต่อไปด้วย อันนี้ก็เป็นจุดหนึ่งซึ่งได้มีการดำเนินการในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
**เดินหน้าโครงการรถไฟรางคู่
นายกฯ กล่าวอีกว่า พร้อมๆ กันไปการลดต้นทุนของอุตสาหกรรม ให้กับเศรษฐกิจของประเทศ ในเรื่องของโลจิสติกส์ ก็มีการหยิบยกขึ้นมาพิจารณาในการประชุม ครม.เศรษฐกิจ ที่สำคัญที่สุดประการแรก คือ การลงทุนในการขนส่งระบบราง โดยจะปรับปรุงสภาพของระบบรางรถไฟทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบัน ทรุดโทรมไปมาก ก็จะใช้เงินจากโครงการไทยเข้มแข็งนี้ ทำหน้าที่ในการฟื้นฟูและปรับปรุงรางตรงนี้ให้สามารถใช้งานได้อย่างมี ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ประการที่ 2 ในเส้นทางหลักๆ จะเดินหน้าต่อในโครงการของรถไฟรางคู่ ซึ่งจะทำให้การเดินรถไฟ สามารถที่จะเพิ่มความรวดเร็ว เพิ่มเที่ยวที่จะบริการประชาชนทั้งในเรื่องของการเดินทาง ทั้งในเรื่องของการขนส่งสินค้า ได้พร้อมๆ กันไป
ประการที่ 3 จะมีการพิจารณาในเรื่องของเส้นทางบางเส้นทาง ในส่วนของบริเวณรอบๆ กรุงเทพฯว่ามีความเหมาะสมที่จะทำเป็นรถไฟความเร็วสูงหรือไม่
ประการที่ 4 คือ เรื่องของการเชื่อมโยงกับเครือข่ายของอาเซียน ซึ่งเชื่อมต่อไปจนถึงทางตอนใต้ของจีน และลงไปยังมาเลเซีย สิงคโปร์ กำลังจะมีการดูแลว่า เส้นทางไหนจะเป็นเส้นทางที่เหมาะสมที่สุด
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้า จะเดินทางไปเยือนประเทศเวียดนาม เพื่อที่จะเชื่อมโยงกับทางเวียดนามด้วย แล้วจะได้วางแผนในเรื่องของการกำหนดเครือข่ายที่จะทำให้ไม่เพียงแต่พี่น้อง ประชาชนคนไทยสามารถใช้รถไฟ หรือเดินทางด้วยระบบรางได้อย่างรวดเร็ว สะดวกมากยิ่งขึ้น แต่ว่าสามารถที่จะเปิดพื้นที่ อย่างเช่น ภาคอีสาน ก็สามารถที่จะออกทะเลผ่านทางท่าเรือ อาจจะเป็นทางเวียดนามหรือทางอื่นๆ ได้ และ ตามแนวตะวันตก ตะวันออก ที่จะมีการพัฒนา อันนี้ก็เป็นงานสำคัญที่ได้มีการดำเนินการไป
**ขยายระบบขนส่งมวลชนใน กทม.
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงงานในส่วนของ กทม.ว่า ภายในเดือน ส.ค.นี้ จะมีการปรับปรุงแผนแม่บทในเรื่องระบบขนส่งมวลชน คือ เส้นทางต่อขยายของรถไฟฟ้าที่มีอยู่ โดยเฉพาะที่ กทม.ดูแลอยู่ และกำลังจะมีการต่อไปทางทิศเหนือ จากสะพานใหม่ ขึ้นไปจนถึงปทุมธานี หรือ ทางทิศตะวันออก ที่ออกไปสู่ทางสมุทรปราการ ก็จะดูแลว่า ทำอย่างไร กทม.กระทรวงที่เกี่ยวข้อง และรวมถึงองค์กรท้องถิ่นในจังหวัด ในปริมณฑล สามารถมาทำงานร่วมกัน และระบบที่ต่อขยายไปไม่เป็นปัญหาสำหรับผู้โดยสาร ในแง่ของระบบตั๋ว หรือระบบการเชื่อมโยง และมี 2 เส้นทาง ซึ่งมีแนวโน้มว่า จะต้องมีการมาศึกษาดูเพิ่มเติมจากที่เคยกำหนดไว้ในอดีต เส้นทางหนึ่ง คือ การต่อออกจากบางกะปิ ซึ่งจะต้องเชื่อมโยงเข้ามาตรงใจกลางเมืองอยู่แล้วไปถึงมีนบุรี และอีกเส้นทางหนึ่งคือ เชื่อมจากมีนบุรีไปตามแนวของรามอินทรา มาจนถึงศูนย์ราชการ ก็จะมีการศึกษาความเป็นไปได้ ความเหมาะสม ในการที่จะเพิ่มเติมเส้นทางนี้เข้าไปในแผนแม่บทของระบบรางของขนส่งมวลชนใน กรุงเทพมหานคร ด้วย
//-----------------------------------------------------------------
คลังขอกู้นอก7หมื่นล้านเดือนหน้า
Post Today วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
คลังเร่งทำสัญญากู้ต่างประเทศ 7 หมื่นล้าน ชงสภา ไฟเขียวเซ็นสัญญาส.ค.นี้
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะนำเงื่อนไขในสัญญากู้เงินจากต่างประเทศ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 7 หมื่นล้านบาท เสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรทันทีที่เปิดสมัยการประชุมในเดือนส.ค.นี้ เพื่อให้ครบองค์ประกอบตามรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 190
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า เมื่อสภาเห็นชอบให้เซ็นสัญญาได้ คาดว่าภายในปีนี้จะเริ่มกู้เงินทั้งหมด โดยเงินส่วนหนึ่งอยู่ภายใต้โครงการไทยเข้มแข็งที่มีมูลค่าสูงถึง 1.56 ล้านล้านบาท เป็นเงินเพิ่มเติมจากที่รัฐบาลได้ออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) และพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงินในประเทศรวมกัน 8 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ เงินกู้จาก 3 สถาบันการเงินต่างประเทศ ประกอบด้วย
1. ธนาคารโลกจำนวน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
2. ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) 500 ล้านเหรียญสหรัฐ และ
3. องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจกา) 500 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยเงินลงทุนส่วนใหญ่ใช้สร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าทั้งสายสีม่วง และสายสีแดงเป็นหลัก
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า การเจรจาเงื่อนไขเงินกู้กับธนาคารโลกได้สรุปเรียบร้อยแล้ว มีอัตราดอกเบี้ยตลาดลอนดอน (LIBOR) เฉลี่ย 6 เดือน บวกเพิ่มอีกเล็กน้อย ส่วนเงินกู้จากเอดีบีและไจกาคิดอัตราดอกเบี้ยใกล้เคียงกับธนาคารโลก ซึ่งมีระบบการกลั่นกรองการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดอยู่แล้ว
นายเกริกชัย ชัยธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย กล่าวว่า ขณะนี้ภาครัฐมีความสามารถในการใช้เงินมากที่สุด จึงต้องเข้ามามีบทบาทหลักในการใช้จ่าย โดยเฉพาะงบประมาณตามพ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ที่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว ควรเร่งรัดให้เงินลงไปในระบบให้เร็วที่สุด เมื่อรัฐบาลขยับประชาชนก็จะเริ่มมีการจับจ่ายใช้สอยตามมา |
|
| Back to top |
|
 |
Wisarut
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006 Posts: 45539
Location: NECTEC
|
Posted: 09/07/2009 11:02 pm Post subject: |
|
|
สนข.เขย่าแผนแม่บทสนอง “มาร์ก” รื้อแผนสร้างรถไฟฟ้าทั้งระบบ
โดย ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์ 9 กรกฎาคม 2552 15:39 น.
สนข.เขย่าแผนแม่บทอีกรอบหลัง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ท้วงสายสีชมพู-ส้มมาแต่หัว ยังไม่มีรายละเอียด สั่งสนข.ปรับแผนแม่บททั้งรถไฟฟ้า--รถไฟ ทางคู่ครั้งใหญ่ ก่อนเสนอเข้า ครม. คาดส.ค.นี้แล้วเสร็จ ด้าน รฟม.เล็งโยกงบศึกษาวงแหวนรัชดา 400 ล้านบาท มาศึกษาสายสีชมพู-ส้ม อ้างไม่คุ้มทุนหากก่อสร้างเป็น Loop ด้านสายสีน้ำเงินพร้อมสร้างทันทีหากได้เงินกู้ ส่วนสายสีเขียว กทม.ได้ทีประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลจ้องขอคืน
การประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) สัปดาห์ที่ผ่านมา มีมติให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และกระทรวงคมนาคม กลับไปศึกษาแผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางทั่วประเทศ และระบบขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้มีความเชื่อมโยงกันทั้งระบบ โดยเฉพาะการปรับปรุงแผนการก่อสร้างรถไฟฟ้าของสมัยอดีตรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดความคุ้มทุนมากที่สุด
สร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้เร่งรัดให้สนข.จัดทำแผนแม่บทรถไฟฟ้าใหม่ เพราะรถไฟฟ้าอีก 3 เส้นทาง คือ สายสีส้ม สายสีชมพู และสายสีเหลืองไม่ได้อยู่ในแผนการพัฒนาระบบราง คือ มาแต่หัว แต่รายละเอียดต่าง ๆยังไม่มี โดยเฉพาะสายสีชมพูและสายสีส้ม ที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ต้องการให้โยกงบศึกษา 400 ล้านบาท ในส่วนของวงแหวนรัชดาที่อดีตรัฐบาลสมัครขีดเส้นไว้ มาทำการศึกษาออกแบบรายละเอียดในส่วนของสายสีชมพูกับสายสีส้มแทน เนื่องจาก รฟม.มองว่าไม่จำเป็นต้องสร้างให้เป็น Loop เพราะอาจจะไม่คุ้มทุน โดยคาดว่าจะใช้เวลาในการศึกษาออกแบบรายละเอียด 6-7 เดือน และในปี 2553 น่าจะได้เงิน 3,700 ล้านบาทจากงบกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 มาก่อสร้างซึ่งจะเป็นการสร้างแบบโมโนเรล อย่างไรก็ตามแผนแม่บทการพัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนจะแล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค.นี้ ก่อนจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินโครงการต่อไป
สำหรับแผนแม่บทการพัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งมวลชน อยู่ระหว่างการศึกษาจัดทำร่างแผนดังกล่าวโดยแบ่งเป็นแผนแม่บทระยะ 20 ปี (พ.ศ.2553-2575) แบ่งเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย 5 ปี 10 ปี และ 20 ปี โดยอยู่ระหว่างการจัดสัมมนารับฟังความเห็นครั้งที่ 2 ในเดือน ก.ค.นี้ เพื่อปรับปรุงการศึกษาให้มีความสมบูรณ์ โดยในการจัดทำแผนแม่บทครั้งนี้จะนำรถไฟฟ้าอีก 3 เส้นทาง คือ สายสีส้ม (บางบำรุง-ศูนย์วัฒนธรรม-บางกะปิ-มีนบุรี) สายสีชมพู (แคราย-ปากเกร็ด-มีนบุรี) และสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-พัฒนาการ-สำโรง) เข้ามาอยู่ในแผนด้วย ส่วนสายสีเทา (วัชรพล-ลาดพร้าว-พระราม 4 -สะพานพระรามเก้า) อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดโครงการ
ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน บางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-ท่าพระ ระยะทาง 27 กม. นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการรอเงินกู้ซึ่งกระทรวงการคลังที่กำลังพิจารณาแหล่ง เงินคาดว่าภายใน 1 เดือนจะสรุป
ชูเกียรติ โพธยานุวัตร ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินมีความพร้อมที่จะก่อสร้างแล้ว เนื่องจากมีการออกแบบรายละเอียดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหาก ครม.อนุมัติ ก็สามารถดำเนินการได้ โดย รฟม.จะให้ที่ปรึกษาทำการทบทวนแบบ โดยใช้เวลาประมาณ 1 เดือน เพื่อปรับปรุงเอกสารประกวดราคา คาดว่าจะแบ่งงานออกเป็น 5 สัญญา และหลังจากนั้นจะประกาศประกวดราคา ซึ่งจะใช้กรอบวงเงินตามที่สภาพัฒน์ฯ เห็นชอบ วงเงิน 50,000 ล้านบาท แบ่ง เป็นงานโยธา 48,821 ล้านบาท ค่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา 2,174 ล้านบาท
สำหรับการเวนคืนในเส้นทางดังกล่าว รฟม.ได้ออกประกาศพระราชกฤษฎีกาเวนคืนแล้ว โดยพื้นที่คาดว่าจะมีปัญหาเรื่องการเวนคืนมี 3 ส่วน คือ ทางด้านใต้ถนนอิสรภาพ, ย่านเยาวราช และพื้นที่สถานีที่อยู่ในเขตเกาะรัตนโกสินทร์ แม้ว่าจะผ่านความเห็นชอบรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและคณะกรรมการเกาะรัตน โกสินทร์แล้วแต่ รฟม.ก็จะต้องเข้าไปทำความเข้าใจกับประชาชนและหน่วยงานเกี่ยวข้อง โดย รฟม.จะไม่ก่อสร้างแบบเปิดหน้าดินในช่วงที่ผ่านพื้นที่ชั้นในกรุงเทพฯ
“หากใช้เงินกู้ภายในประเทศ ขั้นตอนการดำเนินการต่างๆ จะรวดเร็วขึ้นประมาณ 6 เดือน แต่หากใช้เงินกู้ต่างประเทศจะต้องมีการรายงานผลการดำเนินโครงการในทุกขั้น ตอนให้เจ้าของเงินกู้ทราบ”
ส่วนสายสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่ ระยะทาง 12 กม. นั้น อยู่ระหว่างการหารือกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งคาดว่าภายในสัปดาห์นี้น่าจะได้ข้อสรุป โดยเบื้องต้น รฟม.จะลงทุนในส่วนของงานโยธา ส่วน กทม.จะเป็นผู้บริหารจัดการเดินรถ
ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ในส่วนของสายสีเขียว ผู้ว่าฯ มองว่าเส้นทางดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ของกทม. น่าจะให้ กทม.เป็นผู้ก่อสร้างเอง เพราะอย่างน้อยก็จะเป็นการเชื่อมกับสายสีเขียวเส้นทางปัจจุบันอยู่แล้ว
เร่งสนข.ศึกษาเส้นทางเชื่อมจีน
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังให้ สนข.ไปศึกษาถึงความเหมาะสมและคุ้มทุน หากจะก่อสร้างเส้นทางเชื่อมต่อจาก อ.เด่นชัยไป อ.เชียงของ เพื่อเชื่อมกับเส้นทางขนส่งกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้การขนส่งสินค้ามีความสะดวกมากขึ้น เพราะจีนได้เปลี่ยนแผนการก่อสร้างรถไฟ จากเดิมที่จะสร้างผ่านพม่าเข้าเชียงของ มาสร้างผ่านเวียดนาม กัมพูชา ซึ่งอาจทำให้ไทยต้องพัฒนาระบบรางฝั่งอรัญประเทศ เพื่อรองรับการเชื่อมต่อกับประเทศอื่น รวมถึงศึกษาการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงระหว่างเมืองหลัก 4 แห่ง ได้แก่ นครราชสีมา พิษณุโลก ชลบุรี และเพชรบุรีนั้น ดังนั้นนายกรัฐมนตรีให้ สนข.ไปศึกษาว่าระหว่างเส้นทางผ่านลาว พม่าแล้วเข้ามายังไทยกับเส้นทางผ่านเขมร เส้นทางใดคุ้นทุนมากกว่า และสินค้าที่จะผ่านเขมรนั้นเป็นสินค้าอะไรบ้าง เป็นต้น ทั้งนี้ เหตุผลที่จีนไม่ต้องการผ่านลาว เนื่องจากว่าจีนต้องลงทุนเส้นทางให้กับลาวและอาจมีปัญหาเรื่องเงินลงทุนได้
นอกจากนี้ยังได้เร่งรัดให้ก่อสร้างรถไฟรางคู่พร้อมระบบอาณัติสัญญาณ ในเส้นทางขอนแก่น-นครราชสีมา-แก่งคอย และนครสวรรค์-ลพบุรี รวมถึงเส้นทางคู่ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย โดยให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นผู้ดำเนินการ รวมถึงย่านเก็บกองตู้สินค้าให้เกิดประสิทธิภาพในการเดินรถและคมนาคมขนส่งสูง สุด |
|
| Back to top |
|
 |
Wisarut
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006 Posts: 45539
Location: NECTEC
|
Posted: 11/07/2009 10:49 pm Post subject: |
|
|
อภิสิทธิ์เร่งพัฒนารถไฟและรถไฟฟ้า
เดลินิวส์ วันพฤหัสบดี ที่ 09 กรกฎาคม 2552 เวลา 7:45 น
รายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้พูดถึงการพัฒนาระบบรถไฟและรถไฟฟ้าไว้ชัด ๆ หลายเรื่อง ผมคัดลอกจากเว็บของสำนักเลขาธิการนายกฯ ตัดต่อนิดหน่อยให้เหมาะกับเนื้อที่
เรื่องของโลจิสติกส์ก็หยิบยกขึ้นมา พิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ที่สำคัญที่สุดคือการลงทุนในระบบราง ซึ่งสัปดาห์ที่แล้วผมได้มาพูดคุยหลังจากที่ไปเยือนประเทศจีน และได้ชักชวนให้จีนเข้ามามีส่วนร่วม มีการพิจารณาอย่างกว้างขวางใน ครม.เศรษฐกิจ มีแนวทางชัดเจนว่า ในช่วงของปฏิบัติการไทยเข้มแข็งนั้นจะดำเนินการหลายเรื่อง เรื่องแรกคือปรับปรุงรางรถไฟทั่วประเทศ ซึ่งทรุดโทรมเสื่อมโทรมมาก ก็จะใช้เงินจากโครงการไทยเข้มแข็งนี้ฟื้นฟูและปรับปรุงรางตรงนี้ให้ใช้งาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ประการที่ 2 ในเส้นทางหลัก ๆ จะเดินหน้าต่อในโครงการของรถไฟรางคู่ ซึ่งจะทำให้การเดินรถไฟสามารถที่จะเพิ่มความรวดเร็ว เพิ่มเที่ยวที่จะบริการประชาชนทั้งการเดินทาง ทั้งการขนส่งสินค้า ได้พร้อม ๆ กัน
ประการที่ 3 จะพิจารณาบางเส้นทางรอบ ๆ กรุงเทพฯ ว่าเหมาะสมที่จะทำเป็นรถไฟความเร็วสูงหรือไม่ และประการที่ 4 การเชื่อมโยงกับเครือข่ายของอาเซียน จนถึงตอนใต้ของจีน ลงไปยังมาเลเซีย สิงคโปร์ กำลังดูว่า เส้นทางไหนเหมาะสมที่สุด สัปดาห์หน้าผมจะเดินทางไปเยือนประเทศเวียดนาม เพื่อที่จะเชื่อมโยงกับเวียดนามด้วย จะได้วางแผนในการกำหนดเครือข่ายที่จะทำให้ไม่เพียงแต่คนไทยใช้รถไฟ หรือเดินทางด้วยระบบรางได้รวดเร็วสะดวกมากยิ่งขึ้น แต่ว่าสามารถที่จะเปิดพื้นที่ อย่างภาคอีสาน ก็สามารถที่จะออกทะเลผ่านทางท่าเรือ อาจจะเป็นทางเวียดนามหรือทางอื่น ๆ ได้ ตามแนวตะวันตก ตะวันออกที่จะพัฒนา
ส่วนในกรุงเทพฯ ภายในเดือนสิงหาคมนี้จะปรับปรุงแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชน ก็มีประเด็นสำคัญที่อยากจะเรียนคือ เส้นทางต่อขยายรถไฟฟ้าที่มีอยู่ และกำลังจะต่อไปทางทิศเหนือ จากสะพานใหม่ขึ้นไปจนถึงปทุมธานี หรือทางทิศตะวันออกที่ออกไปทางสมุทรปราการ จะดูว่าทำอย่างไรกรุงเทพมหานคร กระทรวงที่เกี่ยวข้องรวมถึงองค์กรท้องถิ่นในจังหวัด ในปริมณฑลสามารถมาทำงานร่วมกัน และระบบที่ต่อขยายไปไม่เป็นปัญหาสำหรับผู้โดยสาร ในแง่ของระบบตั๋วหรือระบบการเชื่อมโยง
มี 2 เส้นทางซึ่งมีแนวโน้มว่าจะต้องมาศึกษาเพิ่มเติม คือการต่อออกจากบางกะปิ ซึ่งจะต้องเชื่อมโยงเข้ามาใจกลางเมืองอยู่แล้วไปถึงมีนบุรี อีกเส้นทางคือเชื่อมจากมีนบุรีไปตามแนวรามอินทราจนถึงศูนย์ราชการ
ก็จะศึกษาความเป็นไปได้ ความเหมาะสม ในการที่จะเพิ่มเติมเส้นทางนี้เข้าไปในแผนแม่บทของระบบรางของขนส่งมวลชนในกรุงเทพมหานครด้วย. |
|
| Back to top |
|
 |
Wisarut
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006 Posts: 45539
Location: NECTEC
|
Posted: 17/07/2009 7:51 am Post subject: BMA vs. OTP |
|
|
กทม.ฉุน สนข.ศึกษาบีอาร์ทีหมอชิต-ศูนย์ราชการ
แถมเขี่ยรถไฟฟ้าพรานนก-ระบุไม่สมควรอย่างยิ่ง
เดลินิวส์ วันศุกร์ ที่ 17 กรกฎาคม 2552 เวลา 7:44 น
เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม. ให้สัมภาษณ์กรณีสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เร่งศึกษาทำแผนแม่บทโครงการรถเมล์ด่วนพิเศษชิดเกาะกลางหรือบีอาร์ทีเพื่อเสนอ ครม. 8 สาย และมีเส้นทางซ้ำซ้อนกับ กทม. เช่น สายศูนย์แจ้งวัฒนะ-หมอชิตว่า ผู้บริหารกทม.มีแผนจะเร่งรัดโครงการบีอาร์ทีในสายแรกจากช่องนนทรี-ราชพฤกษ์ ที่วางเป้าหมายจะเปิดให้บริการในวันที่ 15 พ.ค. 2553 และ
สายที่ 2 จากหมอชิต-ศูนย์ราชการ ที่ศึกษาเสร็จแล้วเหลือแค่ปรับแนวขยายไปยังเมืองทอง ธานีเป็นศูนย์ซ่อมบำรุง เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดไม่สมควรอย่างยิ่งที่ สนข.จะมาศึกษาเส้นทางให้ซ้ำซ้อนกัน เพราะรู้อยู่แล้วว่า กทม.ดำเนินโครงการอยู่ รวมทั้งได้รับอนุมัติงบก่อสร้างจากสภา กทม.แล้ว และ กทม.จะเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป เพราะก่อนหน้านี้ได้นำเสนอกระทรวงมหาดไทยเพื่อนำเสนอครม.ขออนุมัติใบอนุญาตประกอบการเดินรถและขออนุมัติจากคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางขอใบอนุญาตเส้นทางไปแล้ว ตนจึงไม่เข้าใจเจตนาของ สนข.ในเรื่องนี้ และหากไม่ได้รับการอนุมัติหรือมีการโอนโครงการให้หน่วยงานอื่น กทม.ก็คงต้องฟ้องประชาชน ให้เป็นผู้ตัดสิน
นายธีระชน กล่าวต่อว่า นอกจากโครงการบีอาร์ทีแล้ว ล่าสุดทราบว่า สนข.ก็จะยกเลิกโครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายพรานนก-สนามกีฬาที่ กทม.ศึกษารายละเอียดและจัดทำประชาพิจารณ์เสร็จแล้ว อยู่ระหว่างเสนอผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและหารือกับคณะกรรมการเกาะรัตนโกสินทร์ เพื่อเร่งรัดการก่อสร้าง แต่ สนข.ก็ไปปรับเส้นทางขีดแนวใหม่เชื่อมรถไฟฟ้าสายสีชมพูจากบางกะปิไปเชื่อมกับรถไฟฟ้าแอร์ พอร์ตลิงก์ที่สถานีพญาไทและวางเส้นทางใหม่ทับเส้นทางรถไฟฟ้าเดิมของ กทม.ไปที่พรานนก นอกจากเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณในการศึกษาแล้ว ยังไม่มีเหตุผลที่จะมาซ้อนทับและไม่เคยหารือ กทม.เลย ตนไม่เข้าใจว่า สนข. ว่ากำลังทำอะไรกันแน่
ด้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ทั้งรถไฟฟ้าและรถบีอาร์ทีที่จะก่อสร้างอยู่ในพื้นที่ของ กทม. หากกระทรวงคมนาคมจะสร้างเองโดยให้ รฟม.สร้างรถไฟฟ้าหรือให้ ขสมก.สร้างรถบีอาร์ทีแทน กทม. ตนยืนยันว่าเวลาจะก่อสร้างต้องมาขออนุญาตใช้พื้นที่จากกทม.ก่อน และไม่เข้าใจว่าทำไม สนข.ถึงต้องศึกษาให้ซ้ำซ้อนกัน. |
|
| Back to top |
|
 |
black_express
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 17/07/2009 8:37 am Post subject: |
|
|
| กทม.เพิ่งทราบหรือครับว่า สนข.หางานทำซ้ำซ้อนไว้เลี้ยงตัวเองหนะ ? |
|
| Back to top |
|
 |
Wisarut
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006 Posts: 45539
Location: NECTEC
|
Posted: 17/07/2009 10:26 pm Post subject: |
|
|
^^^^
เปิดศึกกับเขาไปทั่วคนถึงได้เกลียด สนข. นั่นประไร
//--------------------------------------------------------
ฟังความคิดเห็นครั้งที่2 แม่บทรถไฟฟ้า12สาย
เดลินิวส์ วันศุกร์ ที่ 17 กรกฎาคม 2552 เวลา 7:54 น
รายงาน ข่าวจากสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) แจ้งว่า ในวันที่ 20 ก.ค. นี้ สนข. เตรียมเปิดเวทีสาธารณะ รับฟังความคิดเห็นประชาชน ครั้งที่ 2 โครงการศึกษาปรับแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่ห้องอมารี วอเตอร์เกท บีซี ชั้น 6 โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท พร้อมเปิดให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาร่วมทำ เอ็กซิทโพล โดยในการสัมมนาจะนำเสนอรายละเอียดและข้อมูลของผลการศึกษาขั้นสุดท้าย การสรุปผลแผนแม่บทการพัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนสายหลักในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล การดำเนินงานในขั้นต่อไป สำหรับผลการสัมมนาในครั้งแรกได้สรุปเพิ่มเส้นทางรถไฟฟ้าจาก 10 สาย เป็น 12 สาย โดยเพิ่มสายสีขาว ช่วงมักกะสัน-ดินแดง บางบำหรุ-ดินแดง ระยะทาง 11 กิโลเมตร และสายสีเทา ช่วงวัชรพล-ลาดพร้าว ลาดพร้าว-พระราม 4 พระราม 4-สะพานพระราม 9 ระยะทาง 26 กิโลเมตร
นอกจากนี้ในการสัมมนาจะมีการสรุปข้อเสนอเกี่ยวกับการปรับแนวสายทางส่วนต่อ ขยายสายสีเขียว ช่วงสนามกีฬา-พรานนก ที่อาจมีการปรับแนวเส้นทางใหม่ เริ่มจากมักกะสันเชื่อมกับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ ผ่านราชปรารภ เชื่อมบีทีเอสที่สถานีราชเทวี แล้วเข้าถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ผ่านยมราช ซึ่งเป็นที่ตั้งหน่วยงานราชการจำนวนมาก เช่น ทำเนียบรัฐบาล สำนักงานข้าราชการพลเรือนหรือ ก.พ. เข้าถนนราชดำเนิน ผ่านโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งจะเป็นศูนย์แห่งความเป็นเลิศด้านการแพทย์ของเอเชีย ไปสิ้นสุด ที่สถานีปลายทางพรานนก เป็นโครงสร้างใต้ดินระยะทาง 12 กิโลเมตร. |
|
| Back to top |
|
 |
|