View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Serberk
3rd Class Pass (Air)
Joined: 17/07/2006 Posts: 380
Location: Burirum United
|
Posted: 08/07/2009 9:02 pm Post subject: |
|
|
pattharachai wrote: | ^
^
ในฐานะไม่ใช่คนขับ แต่เข้าใจหัวอกคนขับว่า ยังไงก็คงอยากให้ถึงปลายทางหรือจุดหมายที่ตนเองรับผิดชอบไวๆ จะได้กลับบ้าน หรือจะได้พักผ่อน หรือจะได้ส่งผู้โดยสารหรือสินค้าให้ถึงปลายทางอย่างปลอดภัยและรวดเร็ว เพราะขับรถนี่เข้าใจว่าต้องใช้สมาธิมาก ทำให้เกิดความเหนื่อยล้า ดังนั้นผมว่า ถ้าไม่ติดข้อจำกัดในด้านทางหรือป้ายสัญญาณ ฯลฯ คิดว่าหลายๆท่านก็คงใช้ความเร็วให้ได้มากที่สุดเท่าที่รถจะทำได้ และไม่ฝ่าฝืนต่ออาณัติสัญญาณและระเบียบการเดินรถครับ |
+1 (เห็นเขาฮิตๆ กัน)
อย่างที่คุณ pattharachai บอกใครๆก็อยากเลิกงานไวๆ จะได้พักผ่อนนานๆ |
|
Back to top |
|
|
Compressor
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/12/2007 Posts: 1775
Location: ตลอดปลายทางอุบลราชธานี
|
Posted: 08/07/2009 10:31 pm Post subject: |
|
|
headtrack wrote: | Quote: | แล้วแต่ดุลพินิจของพนักงานรถจักร ในการคำนวณเวลาตามประกาศเดินรถที่วิ่งในแต่ละตอน ให้เดินได้รถได้ตามเวลา |
อันนี้ก็สำคัญครับ เพราะบางครั้งอาศัยดูจากสปีดมิเตอร์อย่างเดียวไม่ได้ ผมเคยเห็นแดวูขึ้นเชียงใหม่ ช่วงออกเหนือแม่เมาะพ้นทางลาดขึ้นไปจะมีทางตรงช่วงหนึ่งจนเกือบถึงศาลาผาลาด
ให้ดีเซลรางวิ่งได้ 105 แต่แดวูขบวนนั้นสปีดมิเตอร์ขึ้นประมาณ 90-95 แต่ความจริงรู้สึกว่าจะเร็วเกินนั้นครับ พขร. แกอาศัยวิจารณญาณประกอบด้วย เพราะบางทีล้อสึกล้อโตก็มีผลต่อการแสดงค่าความเร็วเหมือนกัน...
ในที่สุดขบวนนั้นผ่านศาลาผาลาดไปก็ไม่ได้ช้าเพิ่มแต่อย่างใด...ทั้งๆ ที่ตอนแม่เมาะ-ผาลาดมีระยะทางพอสมควร หากทำความเร็วไม่ได้กำหนดก็น่าจะช่าเพิ่มสักสองสามนาทีครับ... |
ปัจจุบันแถบนั้นมีพิกัดความเร็วสูงสุดในทางประธานสำหรับรถดีเซลราง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงครับ (เมื่อก่อน 105 ครับ)
แต่ว่า ที่จริงแล้ว ตามประกาศเดินรถนั้น จะมีเผื่อเวลาไว้ครับ โดยเฉพาะช่วงที่ใกล้ถึงปลายทาง เพื่อให้รถถึงปลายทางตามเวลา
ถ้าสมมติว่าสมาชิกทุกท่านเป็น พขร. ขับขบวน 145 ตอนบ้านคล้อ-กันทรารมย์ ระยะทาง 8 กิโลเมตร แต่เวลาในตอน 14 นาที สมาชิกทุกท่านจะใช้ความเร็วเท่าไหร่ในการวิ่งในตอนนี้ครับ
ยกตัวอย่างอีกเคสนึง (ขอยกสายอุบลเนาะ )
ขบวน 21 ศรีสะเกษ-อุบล ตามกำหนดเวลา ใช้เวลาวิ่ง 51 นาที
ขบวน 22 อุบล-ศรีสะเกษ ตามกำหนดเวลา ใช้เวลาวิ่ง 39 นาที
ระยะทาง 60 กิโลเมตร
พิกัดความเร็วสูงสุดในทางประธาน 110 KPH
พิกัดความเร็วสูงสุดในการผ่านประแจสวนท่าตรง 105 KPH
ใช้ห่วงทางสะดวก
คิดว่าเราจะวิ่งเท่าไหร่ดีครับ |
|
Back to top |
|
|
THN_FanClub
1st Class Pass (Air)
Joined: 02/07/2008 Posts: 1085
Location: @บ้านฉิมพลี กับ พุทธมณฑล สาย 2
|
Posted: 09/07/2009 6:40 am Post subject: |
|
|
คำนวนด้วยกระดานชนวน แล้วได้ว่า
ระยะทาง 60 km หาก...
--
ขบวน 21 ศรีสะเกษ-อุบล ใช้เวลาวิ่ง 51 นาที
ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 70.58 km/hr
ถ้าวิ่งจริงๆ น่าจะ +10 KPH คือประมาณ 80 km/hr จะถึงพอดี...
(ท่านที่ขับรถลองดูก็ได้ครับ เผื่อผ่อน / เผื่อเร่ง ขับเร็ว 80 แต่ไมล์
จะขึ้นราว 65-75 km)
และ...
--
ขบวน 22 อุบล-ศรีสะเกษ ใช้เวลาวิ่ง 39 นาที
ความเีร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 92.30 km/hr
เช่นกันครับ วิ่งจริงก็น่าจะ +10 หรือ 100 km/hr
--
สุดท้าย ขบวน 145 ใช้ความเร็ว 35 km/hr สำหรับ 8 km ครับ
--
เห็นได้ชัดว่า ความเร็วในการใช้งาน ขึ้นอยู่กับ พขร. ทั้งสิ้น เพราะ
เข้าใจว่า ปดร. น่าจะหาเวลาเฉลี่ยในการวิ่ง จากตารางสถิติ หรือ
ไม่ก็ คำนวนด้วยความเร็วเฉลี่ยสักค่าหนึ่ง นะครับ
พอจะสรุปได้ว่า จะเร็วเท่าไหร่ ความปลอดภัย และภารกิจที่สมบูรณ์
น่าจะเป็นหลักการเลือกใช้ความเร็วเดินรถที่เหมาะสมครับ
ท่านอื่นเห็นเพิ่มเติม เรียนเชิญนะครับ เพราะว่า มันน่าสงสัยจริงๆ???
นั่งกี่เที่ยว ก็สงสัยมันทุกเที่ยวซิน่าาาา
Last edited by THN_FanClub on 09/07/2009 6:50 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
KaittipsBOT
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 4150
|
Posted: 09/07/2009 6:41 am Post subject: |
|
|
อย่างน้อยในบางตอนที่สภาพทางสมบูรณ์ใน ปดร. จะเผื่อเวลาเอาไว้ตอนละ 30-40% ทั้งนี้เป็นการเผื่อให้ขบวนรถนั้นๆ สามารถดึงเวลาที่เสียไปกลับมา ซึ่งการทำแบบดังกล่าวถ้าศึกษาจริงๆ จะเห็นว่าขบวนรถทางไกลความเร็วเฉลี่ยที่ใช้จริงๆ จากต้อนทาง ถึงปลายทางทั้งสิ้นอยู่ราวๆ 50-60 กม./ชม. และค่าเฉลี่ยที่เป็นจริงที่กำหนดอยู่ราวๆ 80 กม./ชม. ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นสักเท่าไหร่ถ้าดูเวลาจาก ปดร.สมัยนี้....แค่ราคาคุยที่เล่าขานกันมา |
|
Back to top |
|
|
anusorn
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/09/2006 Posts: 1642
Location: มณฑลอาคเนย์
|
Posted: 09/07/2009 12:57 pm Post subject: |
|
|
มีข้อคิดฝากให้คำนวณครับไม่ทราบว่าการกำหนด ป.ดร. ได้คิดถึงเรื่องนี้หรือไม่แต่ นี่คือเรื่องจริง
เรามักจะพบว่า ปัญหา คือ ปัจจุบัน รถวิ่งตาม ป.ดร. ได้น้อยลง หรือแทบไม่มีโดยเฉพาะในรถด่วน รถเร็ว แต่ รถชานเมืองมักวิ่งถึงตรง หรือ ก่อนเวลา
และ สาเหตุ เท่าที่คิดได้ คือ
- การจราจรในเมืองหลวงติดขัดมากขึ้น ........ผล รถช้าต้นทาง
- รอเปลี่ยน รจ.บางซื่อ นานมาก.........ผล รถช้าต้นทาง และอาจรวมถึง เที่ยวล่องออกช้า หรือเที่ยวขึ้นขบวนถัดไปอาจช้าไปด้วย ถ้าต้องมีการตัดตู้เปลี่ยนชุดรถที่ปลายทาง
- เนื่องจาก 2 เหตุผลข้างต้นที่ประกอบร่วมกับ ชุดรถยาว หน่วยลากจูงมาก ทำให้มีอัตราเร่งช้า(กว่าจะ 90 ได้ใช้ระยะทางประมาณเกือบ 5 km) .............ผล ขบวนรถด่วน และรถเร็ว มักช้าเสมอ
- TM 5 ขา ทำให้อัตราเร่งต่ำลงจากที่ควรจะเป็น มีผลทำให้เกิด 2 เหตุการณ์คือ
1.กว่าจะถึง 90 ได้จะเพิ่มระยะทางจากเดิมอีกเป็น 6-7 km (แต่จะมีผลน้อยกับรถที่มีหน่วยลากจูงน้อย) ทีนี้ถ้าเกิดจอดเยอะ รถจะวิ่งไม่ถึง 90 ต่อ 1 ตอนแน่นอน
2. รถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดไม่ถึง 90 (อาจแป้กอยู่ที่ 80-85)
2 ข้อนี้ทำให้ ความเร็วเฉลี่ย ต่ำลงแน่นอน
- เบาทางเป็นนิจ ..........ผล ความเร็วเฉลี่ยช้าลง
- ปัญหารอหลีกไม่เท่าเทียมกัน เช่น 102 โดนกักหลีกตลอดเส้นทาง...........ผล บางขบวนจะช้าสะสม
ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมรถที่วิ่งสายยาวๆ เช่น เชียงใหม่ สุไหงโกลก อุบลราชธานี จะช้าปลายทางหลัก 60-100 กว่าๆ แทบทุกวัน เกือบทุกขบวน เพราะเวลานี้อาจเป็นเวลา ป.ดร. จริงก็ได้
มีขบวนไหนบ้างที่ไม่เจอเหตุแบบที่ว่าสักขบวนครับ
เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยชอบนั่งรถไฟที่ยาวมากๆ เนื่องจากมันอืดอาด กว่าจะถึง 90 ชื่นใจแป๊บเดียวเดี๋ยวก็จอดแล้ว เดี๋ยวก็เบาทางแล้ว สู้ชานเมืองกับธรรมดาก็ไม่ได้
และปัญหาที่สรุปได้จริงๆ ก็คือ การที่รถมีโอกาสใช้ความเร็วได้ถึง 90 น้อยกว่าที่คำนวณต่างหากครับ ถ้าเพิ่มโอกาสได้ตัวเลขก็จะดูดีขึ้นครับ
Last edited by anusorn on 09/07/2009 1:11 pm; edited 2 times in total |
|
Back to top |
|
|
pattharachai
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 6536
Location: ราชอาณาจักรไทย
|
Posted: 09/07/2009 1:04 pm Post subject: |
|
|
^
^
^
อ.อาร์ต เวลานั่งรถไกลๆต้อง นอนหลับ สถานเดียวครับ จึงจะลดความอึดอัดใจกับความเร็วของรถได้ |
|
Back to top |
|
|
alderwood
1st Class Pass (Air)
Joined: 10/04/2006 Posts: 6593
Location: กรุงเทพ-ราชสีมา
|
Posted: 09/07/2009 1:47 pm Post subject: |
|
|
ผมว่าระหว่างกันทรารมย์กับห้วยขยุงมีจุดนึงมีผลให้ระยะเวลาเฉลี่ยไม่เท่ากันคือ ทางตัดทางหลวง 226 ถ้ามาจากศรีสะเกษ
จากรูป ในวงกลมแดงจะเป็นทางโค้ง และเป็นป่าทึบ เมื่อพ้นโค้งออกมาก็จะเจอสัญญาณไฟวาบของเครื่องกั้นชนิดคนกั้น พขร.จะต้องลดความเร็วก่อนถึงโค้งเพื่อให้เห็นสัญญาณไฟวาบว่าเครื่องกั้นทำงานหรือไม่ หากไม่ทำงานจะได้หยุดได้ทัน ส่วนอีกฝั่งที่มาจากห้วยขยุง เป็นทางตรง โล่ง สามารถมองเห็นได้ไกล _________________ รักรถไฟมั่นใจโคปเตอร์ || Railway Racing Team || Korat Spotter
|
|
Back to top |
|
|
Compressor
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/12/2007 Posts: 1775
Location: ตลอดปลายทางอุบลราชธานี
|
Posted: 09/07/2009 8:22 pm Post subject: |
|
|
ปัจจุบัน ปัญหาการรอรถจักร และรถจักรชำรุด เป็นปัญหาสำคัญ ที่ทำให้รถเสียเวลาครับ สาเหตุนี้ ทำให้รถช้าทุกสาย ทุกขบวน ทุกเส้นทาง ไม่ว่าขบวนนั้นจะไปเส้นทางที่หาป้ายเบาทางยากซักเท่าไหน ไปร้อยกิโลยังไม่เจอป้ายเบาซักป้าย (สายใต้ และสายอุบลฯ) กับประเภททางที่ชำรุดตลอดอย่างสายลำนารายณ์ หนองคาย สายเหนือ เจอแบบนี้ ยิ่งช้าไปใหญ่ ดูผลได้จากขบวน 133/134 หนองคาย ที่ถ้ารถถึงปลายทางตามเวลาได้ สงสัยจะได้กราบไหว้บูชารถจักรคันนั้นเลยล่ะครับ
ถ้าหากไม่มีกรณีรอรถจักร ในฐานะอยู่สายอุบล ผมขอตอบเลยว่า ขบวนรถในสายอุบล ทำเวลาได้ดีมาก บางขบวนถึงกับเข้าถึงสถานีปลายทางก่อนเวลาเป็นสิบยี่สิบนาทีกันเลย
กลับมาที่ขบวน 21 และ 22 ครับ
ที่ขบวน 21 ใช้เวลามากถึง 51 นาทีนั้น ไม่ได้เป็นเพราะซุ้มเครื่องกั้น กม.551 หรอกครับ แต่เป็นเพราะว่าเป็นการเผื่อเวลาไว้สำหรับกรณีที่ล่าช้ามา เพื่อให้ขบวนรถถึงปลายทางตามเวลา แต่ถ้าหากจะวิ่งอัดกันจริงๆ (อัดได้แต่ไม่เกิน 110) ขบวน 21 เคยเข้าสถานีอุบลเวลา 14.06 น. มาแล้วครับ ก่อนเวลา 14 นาที แสดงว่าออกศรีสะเกษมาก็ใช้เวลาแค่ 37 นาทีเท่านั้นครับ
ส่วนขบวน 22 นั้น เนื่องจากขบวนรถออกแต่ต้นทาง จะช้าก็ช่างมัน เพราะถ้าหากกลับไปดูเวลาเดินรถตั้งแต่แก่งคอยถึงรังสิตนั้น พบว่า ทางนู้นเขาก็เผื่อเวลาไว้เหมือนกัน เมื่อเทียบกับรางประธานทางสามช่วงภาชี-รังสิต ที่มีพิกัดความเร็วสูงสุดในทางประธานที่ 120 KPH
และหากจะวิ่งแบบอัดจริงๆ (คือวิ่งอัด 110 และช่วง กม.519-515 วิ่งประมาณ 90-95 เนื่องจากเป็นเขตชุมชน มีทางตัดมาก) ปรากฎว่า ออกอุบลไปจะใช้เวลาประมาณ 35-36 นาที ก็ถึงศรีสะเกษแล้วครับ
ดังนั้น ถึงแม้ว่ารถเที่ยวล่องเวลาดูจะน้อย แต่มันก็ยังมีเผื่อบ้าง 2-3 นาที เอาไว้มีเหตุสุดวิสัย ควายวิ่งตัดหน้า หรือจะพาปู่ย่าไปโรงพยาบาล ลงห้ามล้อฉุกเฉินทัน ก็ยังสามารถทำตามเวลาได้ครับ และจากการที่เคยโดยสารไปกับขบวน 22 บางครั้งเข้าสถานีศรีสะเกษเวลา 13.26 น. ก่อนเวลาไป 3 นาที แสดงว่าวิ่งอัดกันจริงๆก็ได้เพียง 36 นาทีครับ
ทีนี้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับพนักงานรถจักรแต่ละคนแล้วครับ ว่าจะเลือกคัดสรรวิ่งความเร็วเท่าไหร่ กรณีขบวน 21 นี่ บางท่านวิ่งอัด 110 เลยก็มี แต่บางทันสบายๆ วิ่ง 90-95 ก็พอ ยังไงๆก็วิ่งถึงอุบล 14.20 อยู่แล้วครับ
เครื่องกั้น กม.551 นี่ พ.เครื่องกั้นฯ มักนำเครื่องกั้นลงช้าเป็นประจำครับ ไม่ว่าเป็นรถมาทางฝั่งอุบลหรือว่ามาจากกันทรารมย์ |
|
Back to top |
|
|
anusorn
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/09/2006 Posts: 1642
Location: มณฑลอาคเนย์
|
Posted: 09/07/2009 9:10 pm Post subject: |
|
|
รถ 120 เร่งเร็วไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่หรอกครับ ไอ้ที่มีปัญหาทุกทีจะเป็นพวก รถ 90 หน่วยเยอะ เร่งอืด จอดบ่อย เบาทางบ่อยครับ (รวมทั้งเบาทางจากการมองสัญญาณไม่ถนัดเนื่องจากเจอเสาเหลืองหรือเจอโค้งด้วย) นั่งจับความเร็วใน Tachymeter ที่นาฬิกาแล้วเหนื่อยใจ |
|
Back to top |
|
|
ter123
3rd Class Pass (Air)
Joined: 06/12/2007 Posts: 333
Location: เชียงราก-บางมูลนาก-หอไกร
|
Posted: 09/07/2009 9:31 pm Post subject: |
|
|
เวลารถ ชานเมืองนี่เผื่อเยอะมากๆ ขบวน316นี่เข้าเชียงรากก่อนเวลาประจำเลย
บางวันก่อนเป็น10นาที ไม่รู้วิ่งมายังไงจากเชียงรากน้อย
รถก็ยาว จอดก็เยอะ |
|
Back to top |
|
|
|