RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:312062
ทั่วไป:13656352
ทั้งหมด:13968414
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 54, 55, 56 ... 489, 490, 491  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 44020
Location: NECTEC

PostPosted: 08/08/2009 11:15 pm    Post subject: ขอทางคู่ไปถึงระยอง - ไม่ใช่แค่ ไปแหลมฉบัง Reply with quote

กอร์ปศักดิ์"รับฟังปัญหานักธุรกิจระยอง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 สิงหาคม 2552 19:24 น.

ระยอง- เอกชนระยองเรียงหน้าเสนอปัญหา “กอร์ปศักดิ์” แนะแก้ระเบียบการตั้งโรงงาน อยากได้รถไฟราง คู่ ทางด่วนเชื่อมถึงระยอง พร้อมวอนตรึงราค่าก๊าซ 2 ปี บรรเทาต้นทุน ด้านรองนายกฯ โอ่ รัฐแก้ปัญหาสำเร็จ จากที่เคยคาดการณ์คนตกงาน 2 ล้าน ไม่มีใครพูดถึงอีกเลย

วันนี้(8 ส.ค.52 ) นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางไปรับฟังปัญหาของนักธุรกิจเอกชน ที่โรงแรมสตาร์ อ.เมืองระยอง โดยนายสยุมพร ลิ่มไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายวีรพงษ์ ไชยเพิ่ม รองผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) นายวิรัตน์ ศิริสกุลงาม ประธานหอการค้า จ.ระยอง นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.ระยอง นายสุวัฒน์ ฟ้าประทานชัย ผู้แทนภาคธุรกิจขนส่ง จ.ระยอง นายสุนทร ราชวัฒน์ ตัวแทนเกษตรกรชาวสวนผลไม้ ฯลฯ เข้าร่วมรับฟัง

นายสยุมพร กล่าวว่าภาพรวมเศรษฐกิจของ จ.ระยอง มีประชากรจริงและประชากรแฝง รวมแล้วประมาณ 1,000,000 คน เศรษฐกิจหลักมี 3 ด้านหลักใหญ่ๆ คือ ภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรกรรม ภาคการท่องเที่ยว ภาพรวมภาคเศรษฐกิจ ภาคอุตสาหกรรมเป็นภาคที่เติบโตที่สุด มีจำนวนโรงงานทั้งในเขตและนอกเขตนิคมอุตสาหกรรม รวมทั้งสิ้น 1,800 โรง ก่อให้เกิดการจ้างงานไม่ต่ำกว่า 200,000 คน

ปัญหาด้านอุตสาหกรรม แนวโน้มการลงทุนในปี 52 มีการชะลอตัว เกิดจากปัญหาอุปสรรคในการประกาศเขตควบคุมมลพิษที่ทำให้การขยายตัวโรงงานต้อง หยุดชะงัก ส่วนภาคเกษตรกรรมส่วนใหญ่ปลูกยางพารา มีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้น พืชเศรษฐกิจหลักมีแนวโน้มลดลง อาทิ มันสำปะหลัง สับปะรดและสวนผลไม้ ส่วนภาคการท่องเที่ยวใน 2 ปีที่ผ่านมา คือปี 2550 การท่องเที่ยวสร้างรายได้ 13,000 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2549 ร้อยละ35 นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ 70 % เป็นคนไทย นอกนั้นเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ นักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้มีจำนวนลดลง จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และสถานการณ์แพร่ระบาดโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แนวโน้มภาคเกษตรกรรม ลดน้อยลงเนื่องจากยางพารา มีราคาลดลง และที่มีปัญหาคือมันสำปะหลัง ที่ประสบภาวการณ์ขาดทุน

ด้านนายวิรัตน์ ประธานหอการค้า จ.ระยองได้เสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบของงานขนาดใหญ่ ที่เชื่อมโยงนักธุรกิจผู้ประกอบการ เพราะเวลาทำธุรกรรมจัดซื้อจัดจ้างมักเกิดปัญหา

ทางด้านนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.ระยอง กล่าวว่าระยองสร้างรายได้ให้กับประเทศจำนวนมหาศาล แต่ไม่มีมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลที่ทันสมัยก็ไม่มี ถ้ามีรถไฟรางคู่ ทางด่วน หรือ โทลเวย์ที่มาถึงพัทยาต่อเส้นทางมาถึงจังหวัดระยอง จะทำให้การพัฒนาจังหวัดมีความเจริญเติบโต ชีวิตความเป็นอยู่คนระยองจะดีขึ้นตามมา รวมทั้งการสร้างกระเช้าลอยฟ้าจากฝั่งไปยังเกาะเสม็ด

ทางภาคเกษตรกรรม อยากให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)ระยอง หรือ เทศบาลนครระยอง จัดซื้อที่ดินเปิดเป็นตลาดผลไม้สำหรับชาวสวนผลไม้ ไม่ต้องไปเช่าพื้นที่เอกชน เป็นการลดต้นทุน และยังเป็นการช่วยเหลือในเรื่องราคาตกต่ำ ส่วนเรื่องราคามันสำปะหลังชาวระยองไม่เคยได้รับการช่วยเหลือจากการแทรกแซง ราคาจากภาครัฐ

นายสุวัฒน์ ผู้แทนภาคขนส่ง กล่าวว่าผู้ประกอบการธุรกิจขนส่งต้องประสบปัญหาการขาดทุน ราคาน้ำมันดีเซลเกิดปัญหาราคาผันผวนเกือบทุกวัน หันมาติดตั้งใช้ก๊าซเอ็นจีวีแทน ต้องลงทุนค่าติดตั้งคันละ 600,000 – 1,000,000 บาท อยากให้รัฐตรึงราคาก๊าซเอ็นจีวี ไว้ 2 ปี และปัญหาจากการหักภาษี ณ ที่จ่าย เวลาขอคืนภาษีค่อนข้างลำบาก กว่าจะได้คืนระยะเวลาเป็นปี และยังถูกสรรพากรตรวจสอบอีก

นายกอร์ปศักดิ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเมื่อวานนี้ไปรับฟังปัญหาภาคอุตสาหกรรมที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด พบปัญหาที่ต้องรีบดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องใบอนุญาตและวันนี้ได้มารับฟัง ปัญหานักธุรกิจภาคเอกชน จ.ระยอง แต่จะพูดในภาพรวมว่าประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวมาก และประเทศไทยอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีการท่องเที่ยว ประเทศไทยเก่งเรื่องการส่งออก การส่งออกครอบคลุมทุกอย่าง สินค้าเกษตรเป็นอันดับหนึ่ง เพราะเกษตรสมัยนี้ไม่ใช่เฉพาะเป็นแค่อาหาร ยังมีพืชที่เป็นพลังงานอีกด้วย เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมานักท่องเที่ยวที่เคยมาพักค้างคืนหลายวันกลับเหลือ เพียงวันสองวัน จากที่เคยมาพักโรงแรม 5 ดาว ก็เหลือ แค่โรงแรมธรรมดา ตั้งใจว่าจะมาเที่ยวแต่ก็ไม่มาแล้ว เพราะเงินเขาไม่มี ไม่ได้เกี่ยวกับเรา เรามีรายได้จากการส่งออกทุกอย่างแต่ก็เจ๊ง เพราะลูกค้าลดน้อยลง จ.ระยองมีโรงงานอุตสาหกรรม มีการส่งออกเยอะมาก แต่ท้ายที่สุดโรงงานก็เดินเครื่องบ้างไม่เดินบ้างเพราะลูกค้ามีจำนวนลดน้อย ลง

นายกอร์ปศักดิ์กล่าวต่อว่า รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการให้เกิดพลังซื้อ พอมีกำลังซื้อสินค้าก็ขายได้ โรงงานก็ผลิตได้ คนงานก็ไม่มีการปลดออก ที่ผ่านมามีการเสนอข่าวว่ามีคนงานว่างงานประมาณ 2,000,000 คน แต่หลังรัฐบาลเร่งผลักดันให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนหลายมาตรการ ทำให้เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ถึงวันนี้ไม่มีใครพูดว่ามีคนว่างงาน 2,000,000 คน เพราะมาตรการที่เร่งออกไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม และเมษายน รวมทั้งที่ให้สัญญาว่าจะช่วยเหลือผู้สูงอายุเราก็ทำได้.
Back to top
View user's profile Send private message
suraphat
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 12/02/2007
Posts: 1117
Location: ดินแดง ห้วยขวาง

PostPosted: 09/08/2009 8:09 pm    Post subject: ข่าวจากรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ Reply with quote

สืบเนื่องมาจากที่เมื่อวาน(8 ส.ค.2552) นายกรัฐมนตรีได้มาบันทึกเทปในรายการ"เชื่อมั่นประเทศไทย" ที่สถานีสามเสน พร้อมกับได้มีการโดยสารไปกับขบวนรถเพื่อให้สัมภาษณ์ในระหว่างเดินทางมาที่สถานีกรุงเทพฯ ซึ่งบทสัมภาษณ์ ก็มีอยู่หลายตอนที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งในระบบราง ซึ่งก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อยนะครับ

ซึ่งนี่ก็คือบทที่ให้สัมภาษณ์ในระหว่างที่อยู่กันบนขบวนรถ นะครับ
จาก มติชนออนไลน์ วันที่ 09 สิงหาคม พ.ศ. 2552 เวลา 18:47:30 น
(linkนี้: http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1249818610&grpid=00&catid=00 )
"มาร์ค"ฝันรถไฟความเร็วสูง200กม./ชม. ตีปี๊บไทยเข้มแข็งทุ่ม4หมื่นล.รางคู่เชื่อม"จีน-ลาว-พม่า-เขมร"

"มาร์ค"ตีปี๊บ ไทยเข้มแข็ง ทุ่ม"4 หมื่นล้าน" จับ"รถไฟไทย"ใส่ตะกร้าล้างน้ำทำรางคู่ เชื่อม"จีน-ลาว-พม่า-เขมร-มาเลเชีย" ตั้งเป้า 3 ปี จ้างงานเพิ่ม 2 ล้านอัตรา ฝันไปไกลถึงรถไฟความเร็วสูง 200 กม./ชม. ยาหอมสหภาพพร้อมรับฟังปัญหา แต่ให้กระทบบริการประชาชน บอกอยากเห็นสายสุวรรณภูมิ-มักกะสัน ปีนี้



นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นการบันทึกรายการระหว่างขึ้นรถไฟชั้น 3 ขบวนพิเศษ จากสถานีสามเสนถึงสถานีหัวลำโพงว่า จะมีการปรับปรุงการเดินรถไฟตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งในเรื่องสะดวกสบาย ความปลอดภัย โดยเพิ่มความเร็ว จาก 80 เป็น 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และจะสร้างรางคู่ เช่นฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง แลขึ้นไปที่แก่งคอย จ.สระบุรี ซึ่งจะทำให้รถไฟที่มาจากทางเหนือและอีสานสามารถลงไปถึงแหลมฉบังได้รวดเร็วมากขึ้น โดยเรื่องของความเร็วเพิ่มขึ้นที่เรียกว่าระยะที่ 5 ระยะที่ 6 นั้นส่วนใหญ่จะไปทางอีสาน ทางบัวใหญ่ออกไป


นายอภิสิทธิ์ กล่าววว่า ส่วนการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะต้องดูในแง่ของความร่วมมือกับต่างประเทศ โดยเหนือจะออกไปทางอ.เชียงของ จ.เชียงรายไปถึงจีน อีสานจากหนองคายข้ามแม่น้ำโขงไปลาว แล้วเส้นทางจากมุกดาหาร ไปเชื่อมโยงกับ อีสต์ เวสต์ คอริดอร์ คือทางตะวันออก ตะวันตก และไปที่อุบลราชธานี ไปต่อกับกัมพูชาตรงอ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ส่วนทางใต้ก็จะเชื่อโยงที่สุไหงโก-ลก และปาดังเบซาร์ ส่วนจุดตัดระหว่างรถไฟกับถนนที่มีปัญหาอยู่มาก โดยเฉพาะในกทม.ทำให้เกิดปัญหารถติด นั้นวันข้างหน้าจะต้องพยายามให้รถไฟวิ่งเข้ามากลางเมืองน้อยลง โดยทำให้โครงข่ายรถไฟ รถไฟฟ้าใต้ดินสมบูรณ์มากขึ้น โดยสถานีหลักๆ ก็จะเริ่มกระจายออกนอกเมืองไป


“ขณะนี้เราพยายามบริหารจัดการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตัวการทำราง การวิ่งรถ ส่วนการบริหารทรัพย์สินนั้นเป็นอีกส่วนหนึ่ง โดยกำลังทำงานร่วมกับสหภาพฯ อยู่ว่าทำอย่างไรให้รูปแบบเขามั่นใจ เหมือนที่เราจะไปขายให้กับเอกชนอะไรแล้วมีความกังวล และเชิญมาคุยกันอยู่ในขณะนี้ แต่หลักจริง ๆ ก็คือถ้าเราแยกสามส่วนนี้ออกจากกัน บริหารจัดการในทุกส่วนมันน่าจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น” นายอภิสิทธิ์ กล่าว


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับชุมชนทางรถไฟ ซึ่งสมัยที่ตนเป็น ส.ส.ก็มีชุมชนทางรถไฟอยูในพื้นที่ ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นปัญหาที่อยู่อาศัย ซึ่งต้องทำอย่างไรให้อยู่ร่วมกันได้โดยไม่เป็นปัญหาซึ่งกั้นและกัน แต่สำหรับจุดตัดนอกเหนือจากในเมืองแล้วชนชทก็มีจำนวนมากและมีอบุติเหตุเกิดขึ้นบ่อย ซึ่งถ้าเราจะทำทางข้าม ทางลอดก็คงจะยังยากอยู่ แต่ก็ควรมีไม้กั้นหรือการเตือน


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจขณะนี้ไปกระทบกับการว่างงาน ซึ่งแผนปฏิบัติการณ์ไทยเข้มแข็ง ที่เราจะมีการปรับปรุงระบบรถไฟและอื่นๆ จะมีการจ้างงานจำนวนมาก โดยตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะจ้างให้ได้ 1,500,000 - 2,000,000 อัตราในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยการปรับปรุงเรื่องการรับนำหนักของรถไฟนั้นเราได้ทำไปแล้วอยู่ในระยะที่ 3 และกำลังดำเนินการระยะที่ 4 ซึ่งไทยเข้มแข็งจะทำในระยะที่ 5 และ 6 ซึ่งจะสิ้นสุดตรงนี้ แล้วจะทำต่อเป็นระบบรางคู่ คือฉะเชิงเทรา-แหลมฉบังแล้วก็ขึ้นไปที่แก่งคอย ซึ่งรถไฟที่มาตรงนี้จะสามารถใช้ประโยชน์จากรางคู่ได้ โดยเฉพาะด้านการขนส่งสินค้า ซึ่งที่หนองคาย จะพยายามต่อจากท่านาแล้งออกไป ในจุดที่เรามีสะพานเช่นมุกดาหารและนครพนม หรือทางตะวันตกจะไปออกที่เมืองกาญจนบุรี ที่จะไปท่าเรือทางพม่า โดยในส่วนที่จะเชื่อต่อกับประเทศเพื่อนบ้านนั้นต้องใช้งบประมาณราวๆ 100,000 ล้านบาท แต่ส่วนที่จะทำรางคู่และปรับปรุงรางเดิมนั้นน่าจะประมาณ 40,000 ล้านบาทที่จะมาจากแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับรถไฟฟ้านั้น รถไฟฟ้าสายสีแดง นั้นจะเป็นของการรถไฟสาย บางซื่อ - ตลิ่งชัน กับ บางซื่อ - รังสิต โดยสาย บางซื่อ – ตลิ่งชันนั้นเดินไปแล้วเริ่มต้นก่อสร้างปี2552 ส่วนที่บางคนบอกว่าจะต้องต่อจากตลิ่งชันไปให้ถึงนครปฐมนั้นทางรังสิตก็มีเสียงเรียกร้องให้ไปถึงมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ซึ่งกำลังดูกันอยู่
หวังว่าวันข้างหน้าจะมีรถไฟความเร็วสูง โดยที่ 1 ชั่วโมงดินทางได้ 100-200 กิโลเมตร ซึ่งกำลังดูเส้นทาง กรุงเทพฯ - ปากช่อง กรุงเทพฯ - พัทยา - แหลมฉบัง กรุงเทพฯ – หัวหิน อยู่ว่าทำได้หรือไม่ แต่ก็ต้องคำณวนค่าโดยสารด้วย หากทำไปแล้วค่าโดยสารแพงมากก็ไม่มีคนขึ้นเพราะไม่คุ้มค่า


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับการขาดทุนสะสมของการรถไฟนั้น แบ่งได้เป็น 3 ส่วนคือ
1. ประสิทธิภาพและปัญหาการบริหารจัดการ
2. บริการบางอย่าง อย่างเช่นรถไฟฟรี หรือการบริการสังคมที่ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย
3. รถไฟนั้นจะต้องรับภาระสร้างถนน ดูแลถนนและปรับปรุงถนน
เราจึงพยายามทำ
1. ปรังปรุงการบริหาร หากเรื่องไหนกระทบกับความเป็นธรรมก็เจรจากับสหภาพฯ
2. ระบบให้บริหารสังคมต้องโปร่งใสมากขึ้น และ
3. ประเมินโครงการต่าง ๆ โดยเฉพาะค่าโดยสารที่จะทำอย่างไรให้ได้ค่าโดยสารไม่สูง แล้วคนหันไปเลือกทางเลือกอื่นๆ อย่างเช่นเครื่องบินต้นทุนต่ำ


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากมีปัญหาก็ต้องเชิญสหภาพฯ มาพูดคุย เบื้องต้นรัฐบาลจะแบ่งงานออกเป็น 3 อย่างคืองานระบบราง งานวิ่งรถและงานพัฒนาทรัพย์สิน โดยที่เราก็บอกว่าอยากให้แยกบริษัทออกมา ได้ทำให้เกิดความกังวลว่ารัฐบาลกำลังจะแอบ ไปขายไปอะไรต่าง ๆ แต่ยืนยันได้เลยว่าไม่ได้อยู่ในแผน เพียงแต่ต้องการที่จะแยกระบบการจัดการออกมา ล่าสุดที่คุยกันก็ยังเดินหน้าตั้งบริษัทไม่ได้ จึงอยากถือโอกาสนี้ฝากไปยังพนักงานและสหภาพฯ ว่าถ้ารัฐบาลจะทำอะไรจะให้ความเป็นธรรมและเอาใจใส่กับความห่วงใยของทุกฝ่ายอยู่แล้ว และทุกเรื่องตนก็พร้อมจะรับฟัง แต่อยากขอความกรุณาว่าอย่าให้กระทบการบริการประชาชนเหมือนกับที่เคยบอกว่าใครมีปัญหาอะไรก็ไม่ต้องปิดถนน แค่มายื่นหนังสือแล้วส่งตัวแทนมาพูดคุยกันก็ได้ ซึ่งตนอยากเห็นรถไฟวิ่งจากสุวรรณภูมิ-มักกะสัน ภายในปีนี้ จะหน้าเป็นตาของคนไทยทั้งประเทศ

จบ ว.8
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 44020
Location: NECTEC

PostPosted: 13/08/2009 11:11 pm    Post subject: Reply with quote

^^^
มาดูเวอร์ชันไทยรัฐดูสิว่าจะเหมือนหรือต่างกันอย่างไร

//-------------------------------------------------------------

มาร์คแจงแผนเมกะโปรเจครถไฟเชื่อมถึงเพื่อนบ้าน
โดย ทีมข่าว กทม.
ไทยรัฐออนไลน์ 10 สิงหาคม 2552, 02:45 น.


นายกฯมาร์คแจงแผนเมกะโปรเจค พัฒนารถไฟสร้างไทยเข็มแข็ง เชื่อมถึงเพื่อนบ้าน รางคู่หลายเส้นทาง เล็ง 3 เส้นทางทำรถไฟความเร็วสูง ...

วานนี้ (9ส.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพัฒนาการรถไฟแห่งประเทศไทย สรุปสาระสำคัญว่า การลงทุนพัฒนาเรื่องรถไฟค่อนข้างแพง และเป็นปัญหามาตลอด ซึ่งรถไฟของไทยนั้น ตัวรางทรุดโทรมมาก บางแห่งไม่ได้ปรับปรุงมาหลายสิบปี ทำให้รับน้ำหนักได้น้อย ความเร็วยังต่ำ ในแผนโครงการไทยเข้มแข็ง มีทั้งเรื่องราง การปรับปรุงเรื่องความสะดวกสบายของตัวรถ และสถานีให้สะอาด สวยงาม บางแห่งควรเป็นแหล่งท่องเที่ยว บางแห่งเช่นภาคใต้ต้องเน้นเรื่องความปลอดภัย และนอกเหนือจากรถไฟ ในส่วนของการขนส่งทางบกต้องพัฒนาและปรับปรุงในลักษณะเดียวกัน โดยมีกรอบแผนงาน 3 ปี โดยการปรับปรุงรางเดิมจะใช้งบประมาณเบื้องต้น 4 หมื่นล้านบาท

นายกฯ กล่าวต่อว่าสำหรับตัวราง จะปรับปรุงของเก่าที่ทรุดโทรม และเพิ่มเติมให้รับน้ำหนักได้เพิ่มขึ้น ความเร็วให้เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีความเร็วสูงสุด 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้เป็น 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ส่วนเส้นทางหลักจะต้องทำรางคู่ อาทิ ฉะเชิงเทรา-แหลมฉะบัง และทำขึ้นไปที่แก่งคอย ทำให้รถไฟที่มาจากทางเหนือ อีสาน สามารถลงไปถึงแหลมฉบังได้รวดเร็วขึ้น และ


ปรับปรุงเส้นทาง เพิ่มความเร็ว ระยะที่ 5 -6 ซึ่งส่วนใหญ่ไปทางอีสาน

ขณะเดียวกันตนเคยบอกว่าการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านจะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ขณะนี้กำลังดูเรื่องความร่วมมือกับต่างประเทศ

ทางเหนือจะขึ้นไปทางเชียงของต่อไปถึงจีน

อีสานจะทำที่หนองคาย ข้ามแม่น้ำโขงแล้ว และจะไปต่อเพิ่มเติมที่ลาว

ส่วนเส้นทางมุกดาหารจะไปเชื่อมโยงกับทางตะวันออก ตะวันตก และที่อุบลราชธานี ออกไปทางที่จะเชื่อมกับกัมพูชา และ

ทางภาคใต้ต้องมองการเชื่อมลงไปทางสุไหงโก-ลก และปาดังเบซาร์ ซึ่งส่วนที่จะเชื่อมต่อกับเพื่อนบ้าน

ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศกำลังไปเจรจากัน อย่างที่จีน ก็ให้ความสนใจอยากจะเข้ามาร่วมดำเนินการ ก็ต้องตกลงกันก่อนว่าจะทำเส้นทางใด รูปแบบใด โดยนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม จะเดินทางไปจีนอีกรอบ

นายกฯ กล่าวเพิ่มว่า ในเชิงอุดมคติ ทุกคนอยากเห็นรถไฟรวดเร็ว ทันสมัย แต่ก็ต้องใช้งบประมาณมากพอสมควร จุดปัญหาคือ ต้องหาความพอดี ซึ่งตรงนี้คิดว่าไม่ได้ใช้เงินมากขนาดนั้น ส่วนเส้นทางที่จะพัฒนาเพิ่มความเร็วและปรับปรุงคุณภาพของราง บวกกับการทำรางคู่ เป็นแนวทางที่ทำให้ดีขึ้น ทำให้เกิดความสมบูรณ์ในแง่เครือข่ายระบบรางในประเทศมีมากขึ้น โดยหวังจะเป็นทางเลือกให้กับประชาชนในการเดินทาง และเพิ่มเรื่องการขนส่ง และผลพลอยได้คือ เรื่องพลังงาน มลพิษ อุบัติเหตุบนถนนลดลง ส่วนรถไฟความเร็วสูง ก็อยากจะให้มี และมีเส้นทางที่ดูอยู่ทั้ง กทม.-ปากช่อง พัทยา-แหลมฉบัง กทม.-หัวหิน

เมื่อถามถึงภาวะการขาดทุนสะสมของ รฟท. นายอภิสิทธิ์ตอบว่า อยากให้มองการขาดทุนเป็น 3 ส่วน คือ

1.ประสิทธิภาพ ปัญหาการบริหารจัดการ ซึ่งตรงนี้ต้องทำอย่างนุ่มนวล เพราะบางเรื่องเป็นเรื่องสวัสดิการหรือประโยชน์ของพนักงานซึ่งต้องแก้ปัญหา อย่างเหมาะสม

2.การบริการรถไฟฟรี ซึ่งจะมาคาดคั้นให้ได้กำไรคงไม่ได้ และ

3.การเปรียบเทียบ เช่น เรื่องถนน รัฐบาลจะออกงบประมาณให้หมด แต่รถไฟ ก็เหมือนต้องสร้างถนน ดูแลถนน ปรับปรุงถนนไปด้วย ดังนั้นจะบอกว่ากำไรทั้งหมดจึงเป็นเรื่องยาก สำหรับปัญหาที่เคยมีการชุมนุมประท้วงการสหภาพ รฟท.

นายกฯ กล่าวด้วยว่า ต้องเชิญสหภาพฯ มาคุยกัน แนวคิดเบื้องต้น คือ แยก 3 งานออกจากกัน คือ

1. ระบบราง
2. การวิ่งรถ (การเดินรถ) และ
3. งานพัฒนาทรัพย์สิน

จึงอยากให้แยกบริษัทออกมา แต่ยืนยันว่าไม่มีแผนว่าจะนำไปขาย เพียงแต่จะแยกระบบการจัดการออก และล่าสุดที่คุยกัน คือ ถ้ายังเดินไปถึงการตั้งบริษัทไม่ได้ ก็เหมือนแยกเป็นหน่วยธุรกิจหรือไม่ อย่างไรก็ตาม อยากฝากไปยังพนักงานทุกคน และสหภาพฯ ว่า รัฐบาลจะทำอะไร โดยเฉพาะตน ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรม เอาใจใส่กับความห่วงใยของทุกฝ่าย ดังนั้นการเจรจาพูดคุยอย่างไรก็ตาม อย่าให้กระทบกับการบริการ นอกจากนี้ตนอยากเห็นรถไฟวิ่งจากสถานีสุวรรณภูมิมาถึงมักกะสัน ถ้าตกลงกันได้เรียบร้อย จะเปิดให้บริการได้ในปีนี้แน่นอน เพื่อประโยชน์และหน้าตาของคนไทย
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 44020
Location: NECTEC

PostPosted: 19/08/2009 12:12 am    Post subject: Reply with quote

"บรรณวิทย์-ไชยวัฒน์"วืดศาลไม่รับฟ้องคดีฟื้นฟูฐานะการเงินร.ฟ.ท.
มติชนออนไลน์ วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552 เวลา 19:46:54 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา นายอนุวัฒน์ ธาราแสวง ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลาง เจ้าของสำนวน มีคำสั่งไม่รับฟ้องคดีที่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ประธานตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐสมัชชาคนจนแห่งประเทศไทย และนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาคนจนแห่งประเทศไทย ยื่นฟ้องคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กับพวก เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-7 เรื่องกระทำการโดยมิชอบ กรณี ครม.มีมติเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 ให้ปรับปรุงโครงสร้างบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยศาลพิเคราะห์ข้อกฎหมายแล้ว เห็นว่า คดีนี้ ครม.แม้จะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่เป็นการใช้อำนาจในฐานะองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่ใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดิน และดำเนินตามนโยบายรัฐบาล จึงไม่ใช่คดีในอำนาจของศาลปกครอง และผู้ฟ้องทั้งสามไม่ได้เป็นผู้เสียหายหรือเดือดร้อนโดยตรง จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้อง
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 44020
Location: NECTEC

PostPosted: 28/08/2009 6:51 pm    Post subject: Reply with quote

โพลล์สำรวจ”รถไฟ”ให้บริการแย่สุด

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 28 สิงหาคม 2552 12:34 น.



ASTVผู้จัดการรายวัน- ผลสำรวจประชาชนผู้ใช้บริการสาธารณะ เห็นพ้องรถไฟให้บริการห่วยสุด เข้าขั้นวิกฤต แนะต้องปรับปรุงด้านบริการ และความตรงต่อเวลา หวั่นงบกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นกับดักรัฐบาล เพราะไม่มีการวางแผนระยะยาว

ผศ.ดร.ณดา จันทร์สม ผู้อำนวยการสำนักวิจัย สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ คณะกรรมการบริหารนโยบายและคณะทำงานปัญญาสมาพันธ์ เพื่อการวิจัยความคิดเห็นสาธารณะแห่งประเทศไทย ( W-PORT)เปิดเผยว่า จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง” คนไทยคิดอย่างไร บริการสาธารณะดีพอแล้ว”ตั้งแต่วันที่ 10-20 ก.ค.2552 พบว่า การสำรวจความพึงพอใจ ของการใช้ บริการสาธารณะด้านระบบการขนส่งทั้งรถโดยสารและรถไฟมีระดับความพึงพอใจเฉลี่ยที่ระดับ 5.4-6.3 น้อยกว่าบริการสาธารณะอื่น เช่น ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์พื้นฐานและไปรษณีย์ ที่มีคะแนนเฉลี่ย7.0-7.1 (1=พอใจน้อยที่สุด และ10=พอใจมากที่สุด) ซึ่งปัจจัยหลักที่ผู้ใช้บริการไม่พึงพอใจ อันดับแรก คือ ค่าบริการแพงเกินไป คุณภาพบริการไม่ดี

โดยภาพรวมแล้วคะแนนเฉลี่ยระดับความพึงพอใจของแต่ละบริการคือ รถโดยสารเพื่อการเดินทางภายในจังหวัด 5.9 ,รถโดยสารเพื่อการเดินทางข้างจังหวัด 5.9 ,รถไฟเพื่อการเดินทางภายในจังหวัด 5.4 ,รถไฟเพื่อการเดินทางข้ามจังหวัด 6.3 ไฟฟ้า 7.2 ประปา 7.0 โทรศัพท์พื้นฐาน 7..2 และไปรษณีย์ 7.0

จากการสำรวจอย่างเจาะลึกพบว่าผู้ใช้บริการ ร้อยละ58.7 เห็นว่าการบริการไฟของไทย โดยเฉพาะรถไฟระหว่างจังหวัดมีปัญหาการให้บริการอยู่ในระดับวิกฤตมาก และต้องเร่งปรับปรุงคุณภาพการให้บริการ ประเภทชั้น 1 และชั้น 2 ให้ได้มาตรฐานสากล โดยสามารถที่จะเพิ่มอัตราค่าบริการให้เหมาะสมกับการให้บริการ รวมถึงต้องมีการปรับปรุงให้ตรงต่อเวลา

นอกจากนี้แล้ว คนไทยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่สหภาพแรงงานของการรถไฟจะหยุดงานโดยไม่แจ้งให้กับประชาชนทราบล่วงหน้า โดยมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ3.3 (1 =เห็นด้วยอย่างยิ่ง และ 4= ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง)

ผศ.ดร.ภูเบศร์ สมุทรจักร ผู้ช่วยรองอธิการบดีและผู้อำนวยการฝ่ายวางแผน มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า งบกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ 2 ของรัฐบาลนั้น เฉพาะกระทรวงคมนาคมได้รับงบถึง 600,000 ล้านบาท เห็นว่างบประมาณต่างๆต้องใช้ในเสร็จในระยะสั้นเพราะโครงการต่างๆเป็นโครงการระยะสั้น ไม่ได้มีการวางแผนระยะยาว ซึ่งเกรงว่าการวางแผนดังกล่าวนั้นจะกลายเป็นกับดักให้กับรัฐบาล และจากความไม่สงบที่ผ่านมา 4-5 ปี ก็ยังไม่เห็นว่าโครงการเมกะโปรเจ็กต์ใดเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามได้วางแผนโครงข่ายรถไฟฟ้าความเร็วสูงไปแล้ว
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 44020
Location: NECTEC

PostPosted: 06/09/2009 2:23 pm    Post subject: Reply with quote

รฟท.เดินหน้าพัฒนาบริการ ยกระดับสวัสดิการ-เพิ่มรายได้ พนง.
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 กันยายน 2552 11:44 น.

นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่ง ประเทศ ไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า เพื่อความต่อเนื่องในการพัฒนาบริการของ รฟท. จึงได้นำโครงการสถานีต้นแบบ ( สมาร์ท สเตชั่น) ด้วยการปรับปรุงความสะอาด และสภาพแวดล้อมภายในสถานี ทั้งความสะอาดของห้องน้ำ และการตกแต่งภูมิทัศน์ ซึ่งได้ปรับปรุงนำร่องไปแล้ว 12 สถานี ประกอบด้วย
1. สถานีเชียงใหม่
2. นครสวรรค์
3. พิษณุโลก
4.ขอนแก่น
5.อุบลราชธานี
6.สระบุรี
7.อยุธยา
8.ฉะเชิงเทรา
9.หัวหิน
10.ชุมพร
11.สุราษฎร์ธานี และ
12.ยะลา

สถานีเหล่านี้ได้รับงบประมาณสถานีละ 1 แสนบาท ในการดำเนินการปรับปรุง จนห้องน้ำในสถานีเหล่านี้ได้การรับรองมาตรฐานความสะอาดจากกรมอนามัย (HAS) ขณะเดียวกัน การดำเนินการก็ได้รับผลตอบรับที่ดี โดยผลสำรวจพบว่าประชาชนที่ใช้บริการสถานีเหล่านี้พอใจการบริการมากขึ้น

หลังจากนี้ รฟท.จะเดินหน้าโครงการในเฟส 2 ในปีงบประมาณ 2553 ประกอบด้วย 12 สถานี เช่น

1.หัวหมาก
2.หัวจระเข้
3. มวกเหล็ก
4. หนองคาย
5. บุรีรัมย์
6. ลพบุรี
7. ศิลาอาสน์
8.นครลำปาง
9.กาญจนบุรี
10.ประจวบคีรีขันธ์
12.ทุ่งสง และ
12.สุไหงโก-ลก

และตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นไปจะมีสถานีชั้น 1 ใน 33 จังหวัด ซึ่งจะดำเนินการปรับปรุงต่อไป

นอกจากนี้ ยังจะเสนอรัฐบาลยกระดับสวัสดิการและรายได้ของพนักงานของ รฟท.เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ เช่น การเพิ่มอัตราเบี้ยเลี้ยงทำการเดินรถ ซึ่งเป็นการขอปรับขึ้นจากที่เคยตกค้างมาตั้งแต่ปี 2546 โดยจะมีการปรับขอปรับขึ้นอีก 25 สตางค์ต่อ 10 กิโลเมตร สำหรับฝ่ายช่างกล อีก 20 สตางค์ต่อ 10 กิโลเมตร สำหรับฝ่ายการเดินรถ การปรับขึ้นอัตราค่ารอทำขบวนสำหรับพนักงานรักษารถ พนักงานห้ามล้อ พนักงานรถนอน พนักงานขับรถ เพิ่มขึ้นตั้งแต่วันละ 10-20 บาท รวมถึงการปรับขึ้นอัตราค่าเช่าที่พัก จากเดิมที่กำหนดตั้งแต่ปี 2539 ซึ่งเหมาจ่ายวันละ 350 บาท เพิ่มขึ้นวันละ 100 บาท รวมถึงการปรับปรุงสวัสดิการให้ครอบคลุม การจัดทำที่อยู่อาศัยใหม่ ย่านบางซื่อ การบรรจุนักเรียนที่จบจากโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟเข้าทำงานกับ รฟท.การปรับปรุงสวัสดิการ การให้ความดีความชอบ กับพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งทั้งหมดต้องมีการปรับปรุงให้ดีขึ้นในเร็วๆ นี้
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 44020
Location: NECTEC

PostPosted: 11/09/2009 7:00 pm    Post subject: Reply with quote

ไทยศูนย์กลางคมนาคมระบบรางใช่จะไกลเกินจริง
Transport Journal ฉบับที่ 545 ประจำวันที่ 7-13 กันยายน 2552

วันจันทร์ที่ 14 กันยายน 2552 เป็นวัน “บุรฉัตร” ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน การนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จัดให้มีพิธีวางพวงมาลาเพื่อเทิดพระเกียรติคุณของพระองค์ ที่บริเวณอนุสาวรีย์หน้าตึกบัญชาการของ ร.ฟ.ท. เปิดโอกาสให้พระประยูรญาติ แขกผู้มีเกียรติ ข้าราชการ สื่อมวลชน รวมถึงพ่อค้า ประชาชน ได้ร่วมแสดงความเคารพด้วยตลอดทั้งวันหลังพิธีในช่วงเช้า

พลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง ในระหว่างปี 2460-2469 พระองค์บริหารกิจการรถไฟด้วยพระปรีชาสามารถจนกิจการรถไฟในยุคนั้นมีความเจริญรุดหน้ากว่าทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แนวพระดำริสำคัญประการหนึ่ง คือ พระประสงค์ที่ทรงมุ่งหวังจะให้ประเทศไทย ได้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางรถไฟของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้ ดังจะเห็นได้ว่าพระองค์ได้เสด็จไปทรงกิจการรถไฟของประเทศเพื่อนบ้านอยู่เนืองๆ เพื่อประกอบพระวินิจฉัยในการสร้างทางรถไฟไปเชื่อมต่อกัน ด้วยเหตุเพราะการก่อสร้างทางรถไฟสายแรกระหว่างกรุงเทพ-นครราช สีมา ในประเทศไทยนั้นได้ก่อสร้างเป็นทางขนาด 1.435 เมตร ในขณะที่กลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งมาเลเซีย, พม่า, ญวน และเขมร ต่างสร้างทางรถไฟเป็นขนาด 1.00 เมตร พระองค์จึงได้ทรงแก้ไขขนาดทางรถไฟทั้งหมดทั่วประเทศให้มีขนาด 1.00 เมตร เพื่อให้สามารถเดินรถเชื่อมต่อถึงกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านได้ทั้งหมด ในสมัยที่พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชา การกรมรถไฟหลวงอยู่นั้น สามารถสร้างทางรถไฟเชื่อมต่อกับประเทศมาเลเซียในทางสายใต้ได้เป็นประเทศแรก และเปิดเดินรถผ่านแดนได้ถึง 2 จุด คือ ผ่านทางปาดังเบซาร์ เมื่อปี 2461 และสุไหงโก-ลก เมื่อปี 2464 ซึ่งปัจจุบันมีขบวนรถด่วนพิเศษผ่านแดน วิ่งให้บริการเป็นประจำวันระหว่างกรุงเทพ-บัตเตอร์เวิร์ธ กับมีขบวนรถสินค้าอีกจำนวนหนึ่ง

ส่วนการก่อสร้างทางรถไฟเพื่อเชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้านในทิศทางอื่นๆ นั้น กรมรถไฟหลวง ก็ได้ยึดปฏิบัติตามแนวพระดำริต่อๆ มา กล่าวคือ ทางตะวันออก ได้ก่อสร้างถึงชายแดนประเทศเขมร ที่ตำบลคลองลึก จังหวัด สระแก้ว และเปิดการเดินรถระหว่างประเทศไทย-เขมร ได้ระหว่างปี 2498-2504 (จากนั้นเกิดสงครามภายในเขมรซึ่งสร้างความเสียหายแก่ทางรถไฟช่วงปอยเปต-ศรีโสภณ อย่างมาก จึงต้องงดการเดินรถไป)

สายตะวันออกเฉียงเหนือก็ได้ก่อสร้างทางรถไฟเป็นช่วงเป็นตอนตามฐานะการคลังของประทศ จนสามารถเปิดการเดินรถระหว่างประเทศไทย-สปป.ลาว ได้ เมื่อเร็วๆ นี้ (5 มีนาคม 2552) และเปิดให้มีขบวนรถไฟวิ่งบริการไป-กลับ ระหว่างสถานีหนองคาย (ไทย) กับสถานีท่านาแล้ง (สปป.ลาว) วันละ 4 ขบวน สำหรับด้านทิศเหนือ และทิศตะวันตก ซึ่งจะเชื่อมต่อกับพม่าและจีนนั้น แม้จะยังไม่มีการก่อสร้างทางรถไฟเป็นรูปธรรม แต่ก็มีโครงการที่ศึกษาไว้แล้ว อาทิ เส้นทางสายเด่น-เชียงราย และสายนครสวรรค์-ตาก-แม่สอด เป็นต้น
หาก ร.ฟ.ท. สามารถดำเนินการก่อสร้างทางรถไฟจนเปิดการเดินรถเชื่อมต่อกับประเทศประเทศเพื่อนบ้านได้โดยรอบ ประเทศไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางคมนาคมในระบบราง สมดังพระปณิธานของพระองค์ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริง
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 44020
Location: NECTEC

PostPosted: 14/09/2009 12:22 pm    Post subject: ฟื้นฟูรถรวมเพื่อขนตู้คอนเทนเนอร์? Reply with quote

แนะ รฟท.ปรับขบวนสินค้าพ่วงโดยสารเพิ่มรายได้
โดย ทีมข่าวเศรษฐกิจ ไทยรัฐออนไลน์ 14 กันยายน 2552, 07:50 น.

กรรมการขับเคลื่อนโลจิสติกส์แนะรถไฟฯ ปรับขบวนรถขนส่งสินค้าพ่วงรถโดยสารเพิ่มรายได้ รองรับสินค้าเกษตรภาคใต้ตอนบน เผยผลศึกษาต่างชาติหนุนไทยสร้างท่อส่งน้ำมันดิบเป็นศูนย์กลางภูมิภาค..

เมื่อวันที่ 13 ก.ย. นายจุฬา สุขมานพ รองผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการจราจรและขนส่ง (สนข.) เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบโลจิสติกส์การขนส่ง ซึ่งมีนายสุรชัย ธารสิทธิพงษ์ ปลัดกระทรวงคมนามคม เป็นประธาน ได้พิจารณาแนวทางการผลักดันระบบโลจิสติกส์ทางรถไฟสำหรับภาคใต้ตอนบน เริ่มจากสถานี ท่ามะเม่า จ.ประจวบคีรีขันธ์-สถานีขนส่งสินค้าและบรรจุภัณฑ์ ลาดกระบัง เพื่อเพิ่มรายได้ให้การถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) โดยให้มีการจัดขบวนรถขนส่งสินค้าพ่วงกับรถตู้โดยสาร เนื่องจากพื้นที่ภาคใต้ตอนบนเป็นเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรจำนวนมาก เช่น ผลิตภัณฑ์ ของบริษัท ทิปโก้ ผู้ผลิตเครื่องดื่มผลไม้รายใหญ่ นอกจากนี้ยังมีสินค้าการเกษตรแปรรูป ซึ่งกระจายอยู่เป็นจำนวนมาก หากการรถไฟสามารถให้บริการขนส่งสินค้าได้ในบริเวณดังกล่าวจะช่วยเพิ่มรายได้ ให้การรถไฟอีกทางหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ปัญหาของการรถไฟฯ ที่พบคือยังขาดหัวรถจักร แคร่ฯลฯ และไม่เพียงพอต่อการให้บริการ จึงต้องแก้ไขโดยให้บริการรถสินค้าพ่วงไปกับรถโดยสาร อาจจะมีผลกระทบต่อการให้บริการเดินทางปกติ และเมื่อการรถไฟมีความพร้อมก็ควรจะพิจารณาให้บริการขนส่งสินค้าเพื่อสนองต่อ ความต้องการใช้ต่อไป ทั้งนี้ การรถไฟจะเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางรถไฟระยะเร่งด่วน อาทิ การปรับขบวนรถและตารางเดินรถในบางเส้นทาง การพ่วงแคร่บรรทุกสินค้าไปกับขบวนรถโดยสาร กาซ่อมแซมหัวรถจักร การว่าจ้างเอกชนทำการซ่อมบำรุงหัวรถจักรและแคร่บรรทุก การเช่าหัวรถจักรจากมาเลเซีย

นายจุฬา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ การรถไฟอยู่ระหว่างการวางแผนในการพัฒนาโครงการยานกองเก็บตู้สินค้าในภูมิภาค เพื่อสนับสนุนประสิทธิภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งสินค้าทางราง โดยจะพิจารณาสถานที่ก่อสร้าง โครงการยานกองเก็บตู้สินค้า ที่เหมาะสมควรอยู่ห่างจากแหล่งวัตถุดิบหรือโรงงานไม่เกิน 50-70 กิโลเมตร และจุดก่อสร้างโครงการยานกองเก็บตู้สินค้า ต้นทางและปลายทางควรมีระยะทางห่างกันไม่ต่ำกว่า 400 กิโลเมตร มีขนาดพื้นที่อยู่ระหว่าง 2-10 ไร่ ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า มีการจัดเตรียมระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานอย่างเพียงพอ มีพื้นที่โรงพักสินค้า เพื่อเตรียมการส่งออก โดยรัฐเข้ามาสนับสนุนและก่อสร้างโครงการยานกองเก็บตู้สินค้า ส่วนเครื่องมือยกขนหรือโรงพักสินค้าให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน สำหรับโครงการก่อสร้างย่านกองเก็บตู้สินค้าภูมิภาคจำนวน 4 แห่ง ซึ่งการรถไฟฯให้บริการในปัจจุบัน ได้แก่ สถานีที่ท่าพระ ชุมทางบ้านทุ่งโพธิ์ ศิลาอาสน์ และกุดจิก

นายจุฬา กล่าวด้วยว่า ในการศึกษาของดูไบ เวิลด์ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมในการพัฒนาโครงการแลนด์บริจด์ และท่าเรือระหว่างประเทศ 2 แห่งเพื่อเชื่อมภาคใต้ระหว่างฝั่งอันดามันและอ่าวไทย เบื้องต้นที่ปรึกษาเห็นว่า โครงการที่จะพัฒนาและส่งเสริมระบบเศรษฐกิจของประเทศได้มากที่สุดก็คือ โครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำมันดิบ ซึ่งจะทำให้ไทยเป็นจุดเปลี่ยนและเป็นศูนย์กลางการขนส่งน้ำมันเพราะไทยสามารถ นำน้ำมันดิบไปกลั่นและขนส่งกระจายไปยังประเทศแถบภูมิภาคเอเชียฝั่งตะวันออก ได้ อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี
Back to top
View user's profile Send private message
suraphat
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 12/02/2007
Posts: 1117
Location: ดินแดง ห้วยขวาง

PostPosted: 14/09/2009 11:17 pm    Post subject: Reply with quote

แหม!!! เฮียวิศได้อ่านข่าวที่ว่าด้วยเรื่องของการพ่วงรถสินค้าเข้ากับขบวนรถโดยสารแล้ว ก็ดูว่าความเป็นไปได้ก็ยากเต็มทนแล้วละ เนื่องจากมีข้อจำกัดหลายอย่างนะครับเช่นเรื่องของตัวรถ เรื่องของระบบห้ามล้อ เรื่องของสภาพทางนะครับ Wink
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 44020
Location: NECTEC

PostPosted: 14/09/2009 11:27 pm    Post subject: Reply with quote

suraphat wrote:
แหม!!! เฮียวิศได้อ่านข่าวที่ว่าด้วยเรื่องของการพ่วงรถสินค้าเข้ากับขบวนรถโดยสารแล้ว ก็ดูว่าความเป็นไปได้ก็ยากเต็มทนแล้วละ เนื่องจากมีข้อจำกัดหลายอย่างนะครับเช่นเรื่องของตัวรถ เรื่องของระบบห้ามล้อ เรื่องของสภาพทางนะครับ Wink


ก็ว่าอย่างงั้นแหละ เพราะ บชส. ให้วิ่งได้ไม่เกิน 90 kph แต่ บทต. ให้วิ่งได้ไม่เกิน 70 kph ถ้าไม่ใช้ บทต. KTMB ที่ ทำได้ 90 kph เพราะ มีห้ามล้อลมอัด 2 ลูกและ ทางอยู่ในสภาพดีเท่า KTMB แล้วเห็นจะทำตามประสงค์เช่นนี้ได้ยากเต็มที
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 54, 55, 56 ... 489, 490, 491  Next
Page 55 of 491

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©