Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:318670
ทั่วไป:28682393
ทั้งหมด:29001063
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 16, 17, 18 ... 299, 300, 301  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45545
Location: NECTEC

PostPosted: 03/08/2009 1:37 am    Post subject: Reply with quote

แฉเบื้องลึกขีดเส้นทางรถไฟฟ้าเพิ่มเด็กเนวินจ้องเขมือบงบ8.3แสนล้าน
โดย ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์ 1 สิงหาคม 2552 12:03 น.
*“โสภณ ซารัมย์” จ้องเขมือบงบก้อนโตกว่า 8.3 แสนล้านบาท

* ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ดับเครื่องชน โสภณ ซารัมย์ รมต.ซาเล้ง

*อัดสนข.ก้าวก่ายงานกทม. ชี้เมืองใหญ่ๆทั่วโลก ใช้เมืองลงทุนระบบขนส่งรอบเมือง

ด้วยงบลงทุนปีละหลายแสนล้านบาทสำหรับลงทุนระบบขนส่งมวลชนระบบราง ทำให้พรรคการเมืองนักการเมืองทั้งระดับชาติ ระดับท้องถิ่น รวมถึงข้าราชการประจำ ล้วนต้องการเข้ามาบทบาท หรือมีส่วนร่วมในการอนุมัติแผนการลงทุนทั้งนั้น

เฉพาะแค่งบลงทุนโครงการรถไฟฟ้า 12 เส้นทาง ตามที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ศึกษาใหม่ต้องใช้งบประมาณมากถึง 8.3 แสนล้านบาท ยิ่งทำให้ทั้งกระทรวงคมนาคม ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลระบบขนส่งมวลชน จ้องที่จะเข้ามารุมดูแลการลงทุนดังกล่าว ทั้งที่ เส้นทางที่ สนข.ศึกษา 12 เส้นทาง ดังกล่าว ซ้ำซ้อนกับโครงการที่กรุงเทพมหานคร(กทม.) ได้ศึกษาไว้แล้วในบางเส้นทาง รวมถึงโครงการรถเมล์ด่วนพิเศษBRT ที่สนข.นำมาศึกษาใหม่ เพิ่มเป็น 8 เส้นทางซึ่งมีบางเส้นทางไปซ้ำซ้อนกับโครงการที่ กทม. ได้ศึกษาไว้แล้วเช่นกัน

โดยเส้นทางใหม่บางเส้นทางไม่เคยถูกบรรจุอยู่ในแผนของสนข. แต่ด้วยความที่ผู้อยู่เบื้องหลังการทำงานของโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ต้องการให้เพิ่มโครงข่ายเส้นทางระบบขนส่งมวลชนให้ครอบคลุมทั่วประเทศ จึงสั่งการให้สนข.ศึกษาและบรรจุเส้นทางเพิ่มเติม โดยไม่ได้สนใจเลยว่า บางเส้นทางซ้ำซ้อนกับโครงการที่กทม.ได้ศึกษาไว้แล้ว ซึ่งการเพิ่มเส้นทางใหม่จาก 10 เส้นทาง เป็น 12 เส้นทาง ของสนข.ครั้งนี้ แน่นอนว่าต้องมีผู้สั่งการอยู่เบื้องหลัง

แหล่งข่าววงการรับเหมาก่อสร้าง กล่าวว่า ด้วยมูลค่างานที่มีมากถึงระดับหลายแสนล้านบาท ย่อมทำให้นักการเมือง ข้าราชการการเมือง และข้าราชการประจำต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการ เพราะรู้กันอยู่แล้วว่าการอนุมัติโครงการดังกล่าวจะมีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่ ทั้งความนิยมที่จะได้รับจากประชาชน และการเรียกรับเงินใต้โต๊ะที่สูงถึง 20% หรือบางครั้งมากถึง 30% ขึ้นอยู่กับมูลค่างานและความยากง่ายของงานที่จะได้รับ รวมถึงเป็นการกระจายงานให้กับผู้มีอุปการคุณที่อุดหนุนพรรคการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเลือกตั้ง

ในกรณีดังกล่าว ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า “เส้นทางที่สนข.ศึกษาบางเส้นทางเป็นเส้นทางที่ซ้ำซ้อนกับเส้นทางของกทม.ที่ มีการศึกษา ออกแบบรายละเอียดโครงการ และงบประมาณไว้เรียบร้อยแล้ว และที่ผ่านมาสนข.ก็ไม่เคยประสานมายังกทม. ทั้งที่ตามหลักการแล้วถ้าเป็นเมืองใหญ่ระบบขนส่งมวลชนจะต้องให้เมืองเป็นผู้ ดำเนินการ แต่สนข.กลับทำงานซ้ำซ้อน ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ”

สำหรับส่วนต่อขยายสายสีเขียว หากกระทรวงคมนาคมต้องการเป็นผู้ดำเนินการจะต้องตอบสังคมให้ได้ว่าจะทำอย่าง ไรไม่ให้มีปัญหาเรื่องระบบอาณัติสัญญาณ และผู้ใช้บริการไม่ต้องเปลี่ยนรถ เพราะสายสีเขียวควรเชื่อมต่อกัน สำหรับต่อขยายรถไฟฟ้า BTS 3 เส้นทาง ได้แก่ สายหมอชิต-สะพานใหม่ ,แบริ่ง-สมุทรปราการ และสนามกีฬาแห่งชาติ-พรานนก กทม.จะขอดำเนินการเอง ตามมติ ครม.พ.ศ.2547 ซึ่งได้ให้กทม.เป็นผู้ศึกษาและดำเนินการก่อสร้างรถไฟฟ้า คาดว่าจะเสนอให้ครม.พิจารณาช่วงเดือน ส.ค. นี้

นอกจากเส้นทางรถไฟฟ้าที่มีการศึกษาซ้ำซ้อนกันแล้ว โครงการรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ(BRT) เป็นอีกโครงการที่มีการเมืองเข้ามาเอี่ยว เพราะกทม.ได้ศึกษาเส้นทางเดินรถไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ล่าสุด สนข. จะทำการศึกษาเส้นทาง BRT ใหม่ ซึ่งเรื่องนี้เทิดศักดิ์ รองวิริยะพาณิชย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านรถโดยสารประจำ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และที่ปรึกษา กล่าวว่า เส้นทาง BRT บางเส้นทางของกทม.ไม่คุ้มค่าการลงทุน เพราะจำนวนผู้ใช้บริการมีไม่มาก เช่น เส้นทางเกาะรัตนโกสินทร์ ซึ่งพิจารณาแล้วไม่คุ้มค่าการลงทุน อีกทั้งไม่ก่อให้เกิดการพัฒนาพื้นที่ เพราะเป็นเขตอนุรักษ์ สนข.จึงต้องนำมาตัดทอนส่วนที่ไม่สำคัญออกในบางเส้นทาง เพื่อให้โครงข่ายการเดินทางมีความสะดวกและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นและสามารถ เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า 5 เส้นทาง สนข.จึงได้ทำการศึกษาเส้นทาง BRT ใหม่ 8 เส้นทาง

ประกอบด้วย เส้นทางสายศูนย์ราชการ-หมอชิต 14 กม. ,สายแสมดำ-พระราม2-สุขสวัสดิ์-ราชพฤกษ์ 20 กม. ,สายวงเวียนวัดพระศรีมหาธาตุ-รามอินทรา-นวมินทร์-ศรีนครินทร์-บางนา 35 กม. ,สายราชพฤกษ์-พรานนก-พุทธมณฑลสาย 4. 16 กม. ,สายมีนบุรี-พระราม 9 26 กม. ,สายสุวรรณภูมิ-บางนา 21 กม. ,สายห้างแฟชั่นไอส์แลนด์-รามอินทรา-ประดิษฐ์มนูธรรม-พระราม 9. 22 กม. และสายบางใหญ่-ตลิ่งชัน-ราชพฤกษ์ 24 กม. ใช้เงินลงทุนรวม 18,843 ล้านบาท ซึ่งจะสรุปผลการศึกษาทั้งหมดภายในเดือน ก.ค. นี้

กทม.เร่งศึกษาโมโนเรล

ธีระชน กล่าวว่า นอกจากจะเร่งก่อสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวแล้ว กทม.ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการปรับปรุงสะพานข้ามแยกที่เริ่มทรุดโทรม ไม่ว่าจะเป็น สะพามข้ามแยกอโศก-เพชรบุรี สะพานข้ามแยกประตูน้ำ โดยจะก่อสร้างเป็นรถไฟฟ้ารางเดี่ยวหรือโมโนเรลแทน เนื่องจากว่าระบบดังกล่าว สามารถหักมุมเลี้ยว 45 องศาได้ โดยกทม.ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาทำการศึกษาออกแบบรายละเอียดโครงการ เบื้องต้นแนวเส้นทางจะเริ่มต้นจากถนนเพชรบุรี วิ่งตรงมายังข้ามแยกประตูน้ำ ตรงไปถึงแยกราชเทวีก่อนจะไปสิ้นสุดที่ศาลาว่าการกทม.2 ทั้งนี้ จะเป็นการรองรับประชาชนในย่านเพชรบุรี ประตูน้ำ ดินแดง

ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาของบริษัทที่ปรึกษา ซึ่งใช้เวลาศึกษา 3 เดือน โดยผลการศึกษาจะสรุปผลในเดือนต.ค.นี้ ทั้งนี้ระบบรถไฟฟ้าดังกล่าวจะไปเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนที่ให้บริการใน ปัจจุบันโดยจะเชื่อมกับBTS ที่สถานีราชเทวี และMRTที่ สถานีอโศก ซึ่งหากผลการศึกษาได้ข้อสรุปกทม.จะเสนอเข้าครม.เพื่อให้ชอบโครงการต่อไป

โดยกทม.จะสร้างอุโมงค์ทางลอดบริเวณที่รื้อสะพานออกเพื่อให้รถยนต์ สามารถสัญจรไปมาได้ ซึ่งแนวคิดนี้ทางผู้ว่ากทม.ได้เห็นชอบในหลักการแล้ว อย่างไรก็ตามนอกจากจะก่อสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรลในเส้นทางดังกล่าวแล้ว กทม.ยังมีแผนที่จะก่อสร้างระบบดังกล่าวในเส้นทางบางนา-ตราด เพื่อเชื่อมถ.ศรีนครินทร์ ระยะทาง 10 กม. เพื่อรองรับประชาชนในย่านศรีนครินทร์ อีกทั้งจะเป็นการเชื่อมกับส่วนต่อขยายสายสีเขียวช่วง อ่อนนุช-แบริ่ง บริเวณสี่แยกบางนาด้วย ซึ่งคาดว่าจะใช้งบลงทุน ประมาณ 10,000 ล้านบาท

สำหรับแหล่งเงินทุนไม่น่าจะมีปัญหา เพราะจีนแสดงความสนใจที่จะให้กู้ หรืออาจจะกู้เงินในประเทศ ก็ได้ ซึ่งเรื่องแหล่งเงินทุนมีทางเลือกหลายทางทั้งการออกพันธบัตร เป็นต้น แต่ทั้งนี้ กระบวนการต้องเร่งดำเนินการเพื่อรองรับการใช้บริการของประชาชน
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45545
Location: NECTEC

PostPosted: 05/08/2009 9:43 am    Post subject: Reply with quote

ทุบ 100 ตึกขยายบรรทัดทอง ทุบทิ้งอาคารพาณิชย์ให้เช่า / กทม.ขยายถนน 8เลน / เกาะกลางผุด'โมโนเรล'
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2450 06 ส.ค. - 08 ส.ค. 2552


กทม.ผนึกทรัพย์สินจุฬาฯ เล็งพัฒนาที่ดินให้มีศักยภาพ ทุบทิ้งกว่า 100 อาคารพาณิชย์ให้เช่า เดินหน้าขยายถนนบรรทัดทองตลอดแนว ให้มีเขตทางกว้าง 30 เมตร 6-8 เลน พร้อมทำเกาะกลางผุดรถไฟฟ้าโมโนเรล เชื่อมรถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดินย่านถนนพระราม 1 และพระราม 4 รองรับแผนพัฒนาที่ดินเพิ่มมูลค่า


ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ขณะนี้ กทม.มีแผนร่วมกับสำนักทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อดำเนินการก่อสร้างและขยายถนน บรรทัดทอง ตลอดแนว ให้มีเขตทางกว้าง 30 เมตร หรือประมาณ 6-8 ช่องจราจร เนื่องจากปัจจุบัน มีปัญหาถนนเล็กและคับแคบเพียง 4 ช่องจราจร ไม่สามารถรองรับปริมาณจราจรที่คับคั่งบริเวณดังกล่าวได้


นอกจากนี้ ยังจะพิจารณาทำเกาะกลางถนนเพื่อลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้ารูปแบบโมโนเรล ซึ่งเป็นรูปแบบรางเดี่ยวขนาดเล็ก ลงทุนไม่มาก งบประมาณอยู่ระหว่างพิจารณา ทั้งนี้ เพื่อเชื่อมโยงกับรถไฟฟ้าบีทีเอส ของกทม. บริเวณ ถนน พระราม 1 และรถไฟฟ้าใต้ดิน บริเวณถนนพระราม 4 ให้สะดวกรวดเร็วขึ้น ซึ่งจะรองรับแผนพัฒนาที่ดินของจุฬาฯให้มีศักยภาพมากขึ้น ทำให้มีมูลค่าและสะดวกต่อการสัญจรไปมา แต่การลงทุนขยายถนนบรรทัดทอง และรถไฟฟ้าโมโนเรล ครั้งนี้ จะต้องมีการรื้ออาคารพาณิชย์ให้เช่าของสำนักงานทรัพย์สินจุฬาฯ บริเวณด้านทิศตะวันตกของถนนออกไม่ต่ำกว่า 100 อาคาร เนื่องจากจะต้องขยายเขตทางค่อนข้างมาก ซึ่ง ทางจุฬาฯเห็นด้วยกับเรื่องนี้แล้ว


"ได้หารือในเบื้องต้นกับ รศ.ประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการทรัพย์สินจุฬาฯ ซึ่งเขาได้ตกลงตามนี้แล้ว"


อย่างไรก็ดีในส่วนของรูปแบบการดำเนินการจะต้องมีการหารือร่วมกันอีกครั้ง เนื่องจากเป็นแผนพัฒนาร่วมกัน และมองว่าจะเป็นผลดีในอนาคต เมื่อเทียบกับการรื้ออาคารบางส่วนออกเพื่อรองรับการขยายถนน และรถไฟฟ้าที่จะช่วยนำพาความเจริญเข้ามาสู่พื้นที่


ด้าน รศ.ประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ หนึ่งในคณะกรรมการ สำนักงานทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานกรรมการบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด กล่าวว่า กทม. มีแนวคิดที่จะ ขยายถนนบรรทัดทอง เขตปทุมวัน ซึ่งเป็นที่ดินของทรัพย์สินจุฬาฯ ให้มีเขตทางที่กว้างขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการเดินทางและ พัฒนาโครงการโมโนเรลให้เข้าพื้นที่ เชื่อมโครงข่ายรถไฟฟ้าบีทีเอสและใต้ดิน


อย่างไรก็ดีทางจุฬาฯยินดีที่จะดำเนินการ และหากมีการขยายถนนดังกล่าว จุฬาฯยอมที่จะรื้ออาคารพาณิชย์ทั้งสองฟากถนน กว่า 100 อาคารออกไป ซึ่งคิดเป็นมูลค่าหลายร้อยล้านบาท แต่ระยะยาวมองว่ามีความคุ้มค่าและกลับเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับพื้นที่ดังกล่าว


" ถนนบรรทัดทองจะขยายซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างนัด รองผู้ว่าฯกทม. ดร.ธีระชน ซึ่งผมให้จุฬาฯนัดในนามของผมโดยจุฬาฯร่วมกทม. ซึ่งหากจะทำ ต้องทุบตึกแถว 100 กว่าห้อง ส่วนผู้เช่าก็ต้องยอมรับ เพราะต้องมีการปรับ เนื่องจาก บริเวณนั้นมีทั้งสำนักงานเขต สำนักอนามัย และแฟลตต่างๆ "


ปัจจุบันบรรทัดทองขยายใหญ่มากเนื่องจากมีความเจริญเข้ามา ซึ่งก่อนหน้านี้ พื้นที่มีขนาดเล็ก ซึ่งที่ดินของจุฬาฯมีทั้งสองฝั่งถนนบรรทัดทอง โดยบริเวณนั้นเรียกว่าสวนหลวง ซึ่งเป็นเวิ้งใหญ่ โดยแผนขยายถนนจะยาวไปถึง ติดคลองหัวลำโพงด้านหลัง


รศ.ประพันธ์พงศ์กล่าวอีกว่า ความจริงแล้วการแก้ปัญหาจราจร ควรดำเนินการระบบราง ไปพร้อมๆกับโครงข่ายถนนอื่นๆ เหมือนต่างประเทศ แต่เมื่อเมืองขยายมากขึ้นและลงมือก่อสร้างหรือขยายถนน ก็จะมีปัญหาตามมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรื้อย้ายอาคาร กระแสต่อต้านว่าจะทำให้เกิดปัญหามลพิษ อย่างไรก็ดีที่ผ่านมา บริเวณที่ตั้งของห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง จะเป็นสลัม แต่ปัจจุบันมีการพัฒนามีระบบรถไฟฟ้าโครงข่ายถนน กลับกลายเป็นพื้นที่มาบุญครองมีค่าเช่าพื้นที่ต่อตารางเมตรแพงที่สุดในประเทศไทย รวมถึงสยามสแควร์ด้วยเช่นกัน


"จากสลัมตรงบริเวณบุญครอง มีการขับไล่ขึ้นศาลกันมาตลอด จนมีการพัฒนาได้สำเร็จ และโครงการต่อมา ก็เป็นจามจุรีสแควร์ และตอนนี้ ก็เชิญผมไปช่วย พัฒนาบริเวณสวนหลวง บรรทัดทอง"
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49411
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 26/08/2009 2:18 pm    Post subject: Reply with quote

สศอ.เร่งศึกษาแนวทางผลักดันอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าในไทย

กรุงเทพฯ 26 ส.ค.52 - นายอาทิตย์ วุฒิคะโร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สศอ.กำลังศึกษาแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องในประเทศ เพื่อผลักดันด้านการส่งเสริมการลงทุน สิทธิประโยชน์ การกำหนดมาตรฐานและรับรองมาตรฐาน การเตรียมผลิตบุคลากร และการวางแผนถ่ายทอดและบริหารจัดการเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

นายอาทิตย์ กล่าวว่า ช่วงเวลานี้เหมาะสมที่จะเร่งผลักดันอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องให้เกิดขึ้น เนื่องจากประเทศไทยได้นำระบบรถไฟฟ้ามาใช้เป็นระยะเวลา 10 ปี ซึ่งถือเป็นระบบคมนาคมขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงานและเวลา โดยเฉพาะในเขตชุมชนเมือง จึงทำให้เกิดกระแสเรียกร้องให้รัฐขยายเส้นทางรถไฟฟ้าให้มากขึ้น สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จึงได้กำหนดแผนขยายเส้นทางเดินรถไฟฟ้าสำหรับเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลในระยะ 10 ปีข้างหน้าอีก 18 เส้นทาง รวมระยะทาง 362 กิโลเมตร โดยในระยะ 5 ปีแรกจะมี 10 เส้นทาง ระยะทาง 230 กิโลเมตร จึงเป็นโอกาสดีที่จะผลักดันให้เกิดอุตสาหกรรมนี้ให้สอดคล้องกับความต้องการที่เกิดขึ้น

ผู้อำนวยการ สศอ. กล่าวว่า ด้านภาคเอกชนขานรับในเรื่องนี้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีความพร้อมที่จะร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ในโครงการรถไฟฟ้า ซึ่งอุตสาหกรรมหลายสาขามีความแข็งแกร่งและเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออกไปได้ทั่วโลก เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพมาตรฐานเป็นที่ยอมรับของตลาดโลกอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีหลายสาขาอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ สามารถยกระดับผลิตภัณฑ์ให้สามารถใช้ได้กับโครงการรถไฟฟ้าที่กำลังจะเกิดขึ้น เช่น พลาสติก แก้วกระจก เหล็กและโลหะ เครื่องจักร ชิ้นส่วนอากาศยาน ซึ่งผู้ประกอบการให้ความสนใจที่จะพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ เชื่อมโยงไปยังอุตสาหกรรมรถไฟฟ้า ในขั้นต้นคาดว่าในส่วนของสายไฟฟ้า ระบบปรับอากาศ กระจก ที่นั่ง ราวจับ ฉนวนกันความร้อน ยางปูพื้น ระบบทำลมอัด โคมไฟในตัวรถไฟฟ้า แผ่นปิดผนังและเพดาน น่าจะสามารถผลิตป้อนให้กับอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนได้

ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) กระทรวงอุตสาหกรรมจะประชุมระหว่างผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสาขาต่าง ๆ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สนข. การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) สถาบันการขนส่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกี่ยวกับข้อกำหนดทางเทคนิคชิ้นส่วนต่าง ๆ ของรถไฟฟ้า ขีดความสามารถในการผลิตของอุตสาหกรรมไทยในปัจจุบัน และโอกาสการพัฒนาในอนาคต รวมไปถึงความร่วมมือทางด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมระหว่างภาคอุตสาหกรรมไทยกับหน่วยงานสนับสนุนด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ ด้วย. -สำนักข่าวไทย
อัพเดตเมื่อ 2009-08-26 10:55:10
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45545
Location: NECTEC

PostPosted: 27/08/2009 11:56 am    Post subject: Reply with quote

ถกแผนพัฒนาอุตฯรถไฟฟ้าวันนี้
Post Today วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552

“สศอ.” ศึกษาแผนพัฒนาอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง รองรับแผน 10 ปีขยายเส้นทาง 18 สาย 362 กิโลเมตร

นายอาทิตย์ วุฒิคะโร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สศอ.กำลังศึกษาแนวทาง การพัฒนาอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องในประเทศ เพื่อผลักดันด้านการส่งเสริม การลงทุน สิทธิประโยชน์ การกำหนดมาตรฐานและรับรองมาตรฐาน การเตรียมผลิตบุคลากร และการวางแผนถ่ายทอดและบริหารจัดการเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

“ช่วงนี้เหมาะที่จะเร่งผลักดันอุตสาห กรรมรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องให้เกิดขึ้น เนื่องจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้กำหนดแผนขยายเส้นทางเดินรถไฟฟ้ากรุงเทพฯ และปริมณฑล 10 ปีอีก 18 เส้นทาง รวมระยะทาง 362 กิโลเมตร โดย 5 ปีแรกจะมี 10 เส้นทาง ระยะทาง 230 กิโลเมตร จึงเป็นโอกาส ดีที่จะผลักดันให้เกิดอุตสาหกรรมนี้ให้ สอดคล้องกับความต้องการที่เกิดขึ้น” นายอาทิตย์ กล่าว

ทั้งนี้ วันที่ 27 ส.ค. กระทรวงอุตสาหกรรมจะประชุมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสาขาต่างๆ เกี่ยวกับข้อกำหนดทางเทคนิคชิ้นส่วนต่างๆ ของรถไฟฟ้า

นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธาน คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีมติ อนุมัติให้ว่าจ้างบริษัท DB International GmbH (DBI) เป็นที่ปรึกษาด้านปฏิบัติการเดินรถโครงการแอร์พอร์ตลิงก์โดยวิธีตกลง วงเงิน 85 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 9 เดือน หน้าที่หลักของ DBI จะเข้ามา ช่วยในการเตรียมความพร้อมเพื่อการเปิดให้บริการโครงการแอร์พอร์ตลิงก์

สำหรับปัญหาการบริหารโครงการนั้น คณะรัฐมนตรีจะเป็นผู้ตัดสินชี้ขาด
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45545
Location: NECTEC

PostPosted: 27/08/2009 7:30 pm    Post subject: Reply with quote

รฟม.-รฟท. ขอยกเลิกอี-อ๊อคชั่น เปิดทางต่างชาติแย่งงานรับเหมาไทย

โดย ผู้จัดการ 360องศา รายสัปดาห์ 27 สิงหาคม 2552 12:58 น.



*รฟม.-รฟท. ฉวยจังหวะเจ้ากระทรวงหูกวางกางปีกป้องทุกเรื่อง ลุยขอยกเลิกประมูลระบบ E-Auction รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน-สีแดง

*เปิดทางต่างชาติแย่งงานรับเหมาสายพันธุ์ไทยแท้

*เผยรับเหมาไทยแย่ เงื่อนไขผู้แข่งประมูลต้องมีผลงานไม่น้อยกว่า 50% ของมูลค่างาน

การเปิดประมูลงานก่อสร้างในโครงการขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่รัฐบาลจะกำหนดให้เปิดประกวดราคาแบบระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Auction) เพราะต้องการให้เกิดความโปร่งใสในการคัดเลือกผู้รับเหมา ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ที่ต้องการปิดช่องโหว่ของการฮั้วประมูล แต่อย่างไรก็ตามการประมูลด้วยวิธีดังกล่าวอาจเป็นการปิดกั้นนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการเข้ามาประมูลงาน เพราะไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากติดระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ และขั้นตอนการดำเนินงานที่มีหลายขั้นตอน จึงทำให้เกิดความล่าช้า

ถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะกรรมการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า ประชุมบอร์ด รฟม. ได้พิจารณาการขอยกเว้นไม่ต้องประกวดราคาโดยอี-อ็อคชั่นในโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ ระยะทางรวม 27 กม. มูลค่า 52,956 ล้านบาท จากคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ ของกรมบัญชีกลาง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการ

ทั้งนี้สาเหตุที่ รฟม.ต้องการยกเลิกการประกวดราคาแบบอี-อ็อคชั่น เนื่องจาก รฟม.ต้องการให้เป็นการประกวดราคาแบบนานาชาติ (International Bidding) ที่ต้องมีนักลงทุนต่างชาติหรือเป็นบริษัทที่ร่วมทุนกับต่างชาติเข้าร่วมประมูล หากเป็นการประกวดแบบอี-อ็อคชั่นแบบเดิม นอกจากจะเป็นการปิดกั้นผู้รับเหมาต่างชาติที่สนใจจะเข้าร่วมประมูลงานก่อสร้างแล้ว ยังมีข้อจำกัดมาก และมีการกำหนดราคากลางเป็นเพดาน โดยบริษัทต้องแข่งกันยื่นข้อเสนอให้ต่ำกว่าราคากลางให้มากที่สุด ซึ่งเหมาะกับการจัดซื้อวัสดุหรือเครื่องจักรมากกว่า แต่ไม่เหมาะที่จะใช้ในการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยหลายระบบ คาดว่าจะประกาศเชิญชวนเอกชนให้ยื่นข้อเสนอได้ในเดือน ต.ค.นี้ และจะได้ผู้รับเหมาในแต่ละสัญญาภายในเดือน ก.พ.2553

ด้านสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.)ในฐานะประธานคณะกรรมการ รฟม. กล่าวในกรณีการขอยกเลิกการประกวดราคาแบบอี-อ๊อคชั่นดังกล่าวว่า รฟม. ต้องกำหนดคุณสมบัติผู้เข้าประกวดราคาแบบเดียวกับการประกวดราคาของรถไฟฟ้าสายสีม่วง คือ การกำหนดเงื่อนไข คุณสมบัติเบื้องต้นทั้งด้านเทคนิคและราคา โดยบริษัทที่เข้าร่วมประมูลจะต้องมีผลงานไม่น้อยกว่า 50% ของมูลค่างานที่จะร่วมประมูล ต้องแสดงรายได้ย้อนหลัง 3 ปีด้วย ซึ่งหากยื่นประมูลรายเดียว จะต้องมีรายได้ต่อปีไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท กรณีร่วมทุน บริษัทแกนนำต้องมีรายได้รวมเฉลี่ยต่อปีไม่น้อยกว่า 40% ของ 10,000 ล้านบาท รายอื่นๆ ต้องมีรายได้ 25% ของ 10,000 ล้านบาท ในขณะที่การประกวดราคาแบบอี-ออคชั่นไม่ได้กำหนดคุณสมบัติของผู้รับเหมาเอาไว้ สามารถเป็นผู้ใดก็ได้ที่มีเงินลงทุน เพราะเป็นเพียงการป้อนข้อมูลราคาที่จะประกวด เพื่อแข่งขันกับผู้รับเหมารายอื่น โดยผู้ที่เสนอราคาต่ำสุดก็จะได้งานนั้นไป

แหล่งข่าวในวงการรับเหมาก่อสร้างกล่าวว่า เงื่อนไขดังกล่าวเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อผู้รับเหมาข้ามชาติและผู้รับเหมารายใหญ่ เพราะในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา งานในประเทศมีน้อยมาก และส่วนใหญ่เป็นงานที่มีมูลค่าไม่มากนัก ยกเว้นผู้รับเหมารายใหญ่ที่มีงานอยู่ในมือ

สำหรับงานสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน แบ่งเป็น 5 สัญญา ได้แก่ งานโครงสร้างยกระดับ 2 สัญญา 1.ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ระยะทาง 13 กม. เป็นเส้นทางยกระดับทั้งหมด แนวเส้นทางเริ่มต้นจากสถานีบางซื่อ ผ่าน ถ.ประชาราษฎร์สาย 2 สี่แยกบางโพ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ถ.จรัญสนิทวงศ์ สิ้นสุดที่สี่แยก ถ.จรัญสนิทวงศ์-ถ.เพชรเกษม 2.แยกท่าพระ-ถ.เพชรเกษม สิ้นสุดที่วงแหวนรอบนอกช่วงบางแค ระยะทาง 9 กม. ส่วนงานโครงสร้างใต้ดินมี 2 สัญญา คือ ช่วงหัวลำโพง - ท่าพระ ระยะทาง 5 กม. เริ่มจากหัวลำโพง ผ่านถนนเจริญกรุง วังบูรพา สนามไชย พระบรมมหาราชวัง ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาที่ปากคลองตลาด คลองบางกอกใหญ่ สิ้นสุดบริเวณถนนอิสรภาพ มี 4 สถานี คือ วัดมังกร วังบูรพา สนามไชย และอิสรภาพ ส่วนที่เหลืออีก 1 สัญญา คือ งานศูนย์ซ่อมบำรุงและอาคารจอดรถ

นอกจาก รฟม.จะขอยกเลิกการประกวดราคาแบบอี-อ็อคชั่นแล้ว การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ยังเป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่ขอยกเว้นการประมูลด้วยระบบอี-อ็อคชั่น สำหรับงานระบบไฟฟ้าเครื่องกล (E&M) ในรถไฟฟ้าสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต เช่นเดียวกัน โดยหวังย่นเวลาประมูลให้สั้นลง โดยได้เสนอให้คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ (กวพ.) พิจารณาเนื่องจากงานดังกล่าวจะประมูลรวมกัน ทั้งช่วงบางซื่อ-รังสิตและบางซื่อ-ตลิ่งชัน ซึ่งช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชันต้องประมูลแบบอี-อ็อคชั่น เพราะเกี่ยวพันกับสัญญางานโยธา ซึ่งใช้งบประมาณดำเนินการ นอกจากนี้ยังเสนอเรื่องให้องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือไจก้า พิจารณาขอลดขั้นตอนการยื่นเอกสารแสดงคุณสมบัติเบื้องต้น (พีคิว) เพื่อคัดเลือกขึ้นทะเบียนเป็นผู้รับเหมา สำหรับการประมูลจ้างงานโยธาโดย ร.ฟ.ท.จะประกาศรายละเอียดคุณสมบัติผู้มีสิทธิ์ประมูล และให้ยื่นมาพร้อมกับข้อเสนอด้านคุณสมบัติ โดยการขอยกเว้นประมูลแบบอี-อ็อกชั่น งานระบบไฟฟ้าเครื่องกล และการลดขั้นตอนพีคิวจะช่วยย่นเวลาในการประมูลลงอย่างน้อย 5 เดือน

คณะกรรมการ รฟม. กล่าวต่อว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ระยะทาง 23 กม. อยู่ระหว่างการคัดเลือกบริษัทที่ปรึกษา เพื่อบริหารและควบคุมงานก่อสร้างงานโยธา ซึ่งมีบริษัทยื่นข้อเสนอและผ่านการพิจารณาด้านเทคนิค 4 ราย คือ บริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแทนท์ จำกัด หรือเออีซี, Systra, Thai Mott MCDonald และบริษัท พีพีเอส โดยขั้นตอนต่อไป รฟม.จะส่งรายละเอียดให้ไจก้า ซึ่งเป็นเจ้าของเงินกู้ให้พิจารณาคัดเลือก หลังจากนั้นจะให้บริษัทที่ได้คะแนนด้านเทคนิคสูงสุด จัดทำข้อเสนอทางการเงินเสนอมาให้พิจารณาต่อไป โดย รฟม.ได้รับอนุมัติกรอบวงเงินค่าจ้างที่ปรึกษา จำนวน 1,296 ล้านบาท
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45545
Location: NECTEC

PostPosted: 10/09/2009 12:30 pm    Post subject: Reply with quote

สรุปสร้างโมโนเรล2สาย

เดลินิวส์ วันพฤหัสบดี ที่ 10 กันยายน 2552 เวลา 8:50 น


จากบางนา-สุวรรณภูมิกับกทม.2-ยมราช งบ4.3หมื่นล้านลงมือปี54เล็งออกพันธบัตร

นายจุมพล สำเภาพล ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ตามที่นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม. มีนโยบายก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้ามวลชนรางเดี่ยว (Mono Rail) ระบบรถไฟฟ้าขนาดเบา (Light Rail) ระบบล้อยาง (Rubber Tire Type) ซึ่งในส่วนของรถไฟฟ้าโมโนเรลที่เป็นรางเดี่ยวบรรจุผู้โดยสารราว 10,000-15,000 คนต่อเที่ยวนั้น สจส.ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาศึกษารายละเอียดเส้นทางใน 6 สายใช้เวลาศึกษา 1 ปี ขณะนี้ศึกษาไปแล้ว 8 เดือน ที่ปรึกษาได้รายงานความคืบหน้าว่าได้คัดเลือกเส้นทางที่เหมาะสม 2 สายที่มีความเป็นไปได้สูงในการก่อสร้างคือ

จากแยกบางนา-สนามบินสุวรรณภูมิ ระยะทาง 18 กม. งบก่อสร้างตกกม.ละ 1,300 ล้านบาท รวมวงเงินก่อสร้างราว 23,400 ล้านบาท แนวเส้นทางเชื่อมรถไฟฟ้าขนาดหนักของบีทีเอสจากแยกบางนา ใช้แนวเส้นทางถนนบางนา-ตราด วิ่งคู่ขนานกับทางด่วนบางนา-ชลบุรี เลี้ยวเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ รองรับการเดินทางของประชาชนจากจังหวัดสมุทราปราการและกรุงเทพฯด้านตะวันออกเข้าสนามบิน

อีกสายจากศาลาว่าการ กทม. 2-ยมราช ระยะทาง 15 กม. งบ 19,500 ล้านบาท แนวเส้นทางจากศาลาว่าการกทม. 2 วิ่งเข้าดินแดง แนวรถไฟฟ้าจะอยู่เหนือโครงการโทลล์เวย์ วกเข้าถนนราชปรารภ เข้าเพชรบุรีและสิ้นสุดที่แยกยมราช จะรองรับการย้ายศาลาว่าการ กทม. 1 ไปรวมที่อาคารใหม่ศาลาว่าการ กทม. 2 อีกทั้งตลอดสายทางจะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าใต้ดินที่บริเวณอโศกและเชื่อมรถไฟฟ้าบีทีเอสที่เพชรบุรีด้วย

นายจุมพล กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ศึกษาเป็นรถไฟฟ้าโมโนเรลเพราะสภาพถนนแคบ ไม่สามารถก่อสร้างรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ได้ จึงใช้เสารางเดี่ยวคาดว่าอีก 4 เดือนในการศึกษาที่เหลือจะมีรายละเอียดที่ชัดเจนมากกว่านี้ทั้งแนวสายทางงบประมาณและแผนงานการลงทุน ศึกษาแล้วเสร็จราวต้นปีหน้า กทม.จะได้ตั้งงบประมาณก่อสร้างในปีงบประมาณปี 2554 และสามารถใช้วิธีการออกพันธบัตรมาระดมทุนหรือให้เอกชนเข้ามาลงทุนโดยกทม.ค้ำประกันเงินกู้ให้ หรือใช้วิธีการผ่อนจ่ายคืนเอกชนภายหลัง การก่อสร้างดังกล่าวจะทำให้ประชาชนมีทางเลือกในการเดินทาง เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลรวมทั้งช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรได้.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45545
Location: NECTEC

PostPosted: 21/09/2009 10:57 am    Post subject: Reply with quote

กทม.เตรียมคุย “ยี้ห้อย” ประสานมือช่วยเหลือช้าง พร้อมสางปัญหารถไฟฟ้าในมือภูมิใจไทย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กันยายน 2552 09:17 น.





กทม.เตรียมเจรจา “เนวิน” ขอความร่วมมือช่วยเหลือช้าง พร้อมคุยสางปัญหารถไฟฟ้าในมือพรรคภูมิใจไทย ขณะเดียวกัน เตรียมจัดกิจกรรมแรลลี่ช้างยิ้มไปบ้าน ช.ช้าง ชราระดมทุนค่าดูแลช้างเร่ร่อน จัดคอนเสิร์ตใหญ่ประสานศิลปินดังทุกค่ายเพลงช่วยช้างไทย ธ.ค.นี้ และตั้งกองทุนแก้ปัญหาช้างเร่ร่อนในกทม.

รายงานข่าวจากศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร(กทม.)แจ้งว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.จะลงนามในหนังสือถึง พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ เพื่อขอให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพจัดประชุมใหญ่ร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประชุมหาแนวทางแก้ปัญหาช้างเร่ร่อนระดับชาติ ที่ กทม.ได้สรุปเสนอแผน 6 ด้านตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ และจะมีการประชุมช่วงกลางเดือนต.ค.นี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนสรุปผลเสนอครม.เพื่อพิจารณาทำแผนต่อไป

ทั้งนี้ ในช่วงปลายเดือน พ.ย.นี้ กทม.ได้เตรียมจัดกิจกรรมแรลลี่ช้างยิ้ม เส้นทาง กทม.-กาญจนบุรี ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างกาญจนบุรีหรือบ้าน ช.ช้างชรา ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เพื่อระดมทุนและรับบริจาคเงินหรือสิ่งของเพื่อช่วยเหลือช้าง และเจ้าหน้าที่ศูนย์ซึ่งให้การดูแลช้างเร่ร่อนจากนั้น ช่วงเดือน ธ.ค.หลังพิธีเฉลิมฉลอง 5 ธันวามหาราช กทม.จะจัดมหกรรมคอนเสิร์ตช้างยิ้ม ที่ท้องสนามหลวง ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานค่ายเพลงทุกสังกัดเข้าร่วมเพื่อระดมทุนช่วยช้าง ขณะที่ในช่วงเดือน ม.ค.2553 ร่างข้อบัญญัติช้างของ กทม.จะนำเข้าสู่สภากทม.เพื่อให้มีผลประกาศใช้ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วันที่ 30 ก.ย.-1 ต.ค.นี้ กทม.ยังได้เตรียมจัดกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจรนำสื่อทั้งไทย-ต่างประเทศ นำโดยผู้ว่าฯ กทม.เยี่ยมศูนย์คชศึกษา ที่ จ.สุรินทร์ เพื่อหารือถึงแนวทางแก้ปัญหาช้างโดยตรงจากกลุ่มควาญเจ้าของช้างใน จ.สุรินทร์และ จ.บุรีรัมย์ที่มีการเลี้ยงช้างจำนวนมาก

ขณะเดียวกัน รายงานแจ้งว่า นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม.จะเข้าเจรจากับ นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นนักการเมืองคนสำคัญในพื้นที่เพื่อหารือเรื่องช้าง รวมไปถึงเรื่องการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้า ซึ่งที่ผ่านมา กทม.มีความขัดแย้งกับกระทรวงคมนาคม ที่มีพรรคภูมิใจไทยดูแลอยู่ขณะนี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายธีระชน ได้ลงนามอนุมัติหลักการและทำหนังสือถึงสำนักการคลังเพื่อพิจารณาจัดตั้งกองทุนแก้ปัญหาช้างเร่ร่อนใน กทม.ภายหลังก่อนหน้านี้กทม.ได้เปิดให้ประชาชนผู้สนใจบริจาคผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยศาลาว่าการ กทม.ชื่อบัญชี “ช่วยชีวีช้างไปดูแล” เลขที่บัญชี 088-0-03418-1 และมีผู้มีบริจาคมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันยอดเงินในบัญชีมีสูงถึง 6.5 แสนบาทแล้ว จึงควรมีการจัดการลักษณะกองทุนซึ่งมีหน่วยงานราชการเป็นผู้ดูแลเพื่อให้เกิดความโปร่งใสตรวจสอบได้ อยู่ในความดูแลของผู้ว่าฯ กทม.และสำนักเทศกิจ และจะมีสำนักการคลังควบคุมอีกทีหนึ่ง เพื่อเลี่ยงข้อครหา

ทั้งนี้ วัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาครัฐ เอกชน และประชาชน ในการนำส่งช้างออกจากพื้นที่ให้การช่วยเหลือดูแลช้างบาดเจ็บ ช้างชรา ช้างพิการ ตลอดจนการดำเนินการอื่นๆ ที่มีความสำคัญกับการแก้ปัญหาช้างเร่ร่อน มุ่งเน้นช่วยเหลือช้างมากกว่าการซื้อช้างซึ่งพิจารณาแล้วเห็นว่า อาจเป็นการสนับสนุนให้มีการนำช้างป่ามาเป็นช้างบ้านมากขึ้น อย่างไรก็ตาม บัญชีดังกล่าวยังเปิดรับบริจาคเงินตามปกติ
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45545
Location: NECTEC

PostPosted: 22/09/2009 12:43 am    Post subject: Reply with quote

อัพเดตรถไฟฟ้า"มาร์ค 1" สีม่วงฉลุย! แดง-น้ำเงินจ่อประมูล "เขียว"คลื่นการเมืองแทรก !
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552 เวลา 20:00:36 น.

ตรวจสอบรถไฟฟ้ารัฐบาล"มาร์ค1"คืบหน้าแค่ไหน แอร์พอร์ตลิงก์ทดลองวิ่ง5ธันวาฯ รถไฟฟ้าสาย"สีม่วง"บางซื่อ-บางใหญ่ฉลุย ตอกหมุดตุลาฯ "สายสีน้ำเงิน"ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ" และ "หัวลำโพง-บางแค"ลุ้นประมูลพ.ย. "สายสีเขียว"ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่เจอคลื่นการเมืองแทรก!!

ขณะที่กำลังรอมาสเตอร์แปลนรถไฟฟ้า 12 สาย 487 กิโลเมตร มูลค่า 8.3 แสนล้านบาท ซึ่งต้องได้รับไฟเขียวจากคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ ล่าสุดสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เพิ่งเสนอขอแต่งตั้ง คจร.จาก ครม. คาดว่าคงใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าจะเปิดโต๊ะประชุมได้ คงต้องอัพเดตอีกครั้งว่าถึงตอนนี้โครงการรถไฟฟ้าแต่ละเส้นทางแต่ละเฉดสีมีความคืบหน้ามากน้อยแค่ไหน

@ "แอร์พอร์ตลิงก์" ทดลองเปิดบริการวันพ่อ

เริ่มที่ "รถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศสุวรรณภูมิ" หรือ "แอร์พอร์ตเรลลิงก์" ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่ก่อนหน้านี้การจัดตั้งบริษัทลูก "บริษัท เดินรถ จำกัด" ตามแผนฟื้นฟูกิจการสะดุดลงเพราะถูกคัดค้านจากสหภาพรถไฟฯ โครงการนี้เลื่อนเปิดให้บริการจากวันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันที่ 5 ธันวาคม 2552 แทน แต่เป็นแค่เปิดใช้บริการแบบสาธิตเสมือนจริงให้คนใช้บริการฟรี 1-2 เดือน เพราะยังไม่พร้อมในหลายๆ ด้าน จากนั้นเดือนเมษายน 2553 จะให้บริการจริงเต็มรูปแบบ

"ยุทธนา ทัพเจริญ" ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.กล่าวว่า เพื่อให้เปิดใช้ทันฤกษ์วันที่ 5 ธันวาคมนี้ ร.ฟ.ท.จะบริหารจัดการการเดินรถแอร์พอร์ตลิงก์เองไปก่อน โดยว่าจ้างบริษัท Deutsche Bahn International (DBI) จากเยอรมนี วงเงิน 85 ล้านบาท มาฝึกอบรมพนักงานที่สถาบันศศินทร์คัดเลือกไว้ แต่หากไม่ทัน DBI จะใช้คนของบริษัทมาเดินรถให้

@ บางซื่อ-รังสิต เปิดพีคิว ก.ย.

งานใหญ่อีกงานของ ร.ฟ.ท.คือการเร่งก่อสร้าง "รถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน" ระยะทาง 15 กิโลเมตร ให้เสร็จตามกำหนดวันที่ 9 มกราคม 2555 โดยขณะนี้ยังติดปัญหาการรื้อย้ายชุมชนกว่า 3,000 หลังคาเรือน และสร้างสถานีบางกรวยเพิ่มอีก 1 แห่ง

ขณะเดียวกัน ต้องเร่งเปิดประมูลรถไฟชานเมืองอีกสายช่วง "บางซื่อ-รังสิต" ระยะทาง 26 กิโลเมตร จำนวน 3 สัญญา วงเงินกว่า 6 หมื่นล้านบาท โดยภายในเดือนกันยายนนี้จะเปิดประกาศเชิญชวนรับเหมาก่อสร้างมาคัดเลือกคุณสมบัติเบื้องต้นหรือพีคิว หลังจากเลื่อนมาแล้วครั้งหนึ่งรอให้องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า) อนุมัติเรื่องขอให้ผู้รับเหมาไทยและต่างประเทศจอยต์เวนเจอร์กันได้ แต่ดูแล้วไจก้าคงไม่ยอมปรับเงื่อนไขให้ ซึ่ง ร.ฟ.ท.จะเดินหน้าต่อไปตามเงื่อนไขเดิม

@ ต.ค.ตอกหมุด "สีม่วง"

ส่วน "สายสีม่วงช่วงบางซื่อ-บางใหญ่" ระยะทาง 23 กิโลเมตร เริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างหลังการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดประมูลได้ตัวผู้รับเหมาครบทั้ง 3 สัญญา และเซ็นสัญญาก่อสร้างในส่วนสัญญาที่ 1 จากเตาปูน-สะพานพระนั่งเกล้า 12 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 14,292 ล้านบาท กับกลุ่มกิจการร่วมค้า CKTC (ช.การช่าง-โตคิว) เรียบร้อยแล้วเมื่อ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา ผู้รับเหมาเตรียมลงพื้นที่เดือนตุลาคมนี้

ส่วนสัญญาที่ 2 งานก่อสร้างจากสะพานพระนั่งเกล้า-บางไผ่ 11 กิโลเมตร 13,100 ล้านบาท มี บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น เป็นผู้ก่อสร้าง และสัญญาที่ 3 งานก่อสร้างอาคารจอดแล้วจรและศูนย์ซ่อมบำรุง 5,025 ล้านบาท กลุ่มกิจการร่วมค้า PAR (เพาเวอร์ไลน์-แอสคอน-รวมนครก่อสร้าง) เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง จะลงนามสัญญาก่อสร้างปลายกันยายนถึงต้นตุลาคมนี้

@ น้ำเงิน ดีเดย์ประมูล พ.ย.นี้

ขณะที่ "สายสีน้ำเงินช่วงบางซื่อ-ท่าพระ" และ "หัวลำโพง-บางแค" ระยะทาง 27 กิโลเมตร ค่าก่อสร้างงานโยธา 48,821 ล้านบาท รฟม.กำลังให้บริษัทที่ปรึกษารีวิวค่าก่อสร้างใหม่ จะเปิดประมูลภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพราะหากไม่รีบลงมือตอนนี้ "สายสีม่วง" จะเปิดให้บริการไม่ได้เพราะขาดการเชื่อมต่อจากเตาปูน-บางซื่อ ระยะทาง 800 เมตร ที่ รฟม.นำไปรวมไว้กับงานก่อสร้างสายสีน้ำเงิน

"สุพจน์ ทรัพย์ล้อม" ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม.กล่าวว่า หลังสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) แจ้งเป็นทางการจะใช้เงินกู้ในประเทศมาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน โดยบรรจุไว้ในงบประมาณไทยเข็มแข็งปี 2555 ได้สั่งการให้ รฟม.สำรวจพื้นที่เพื่อเวนคืนที่ดินและเปิดประมูลก่อสร้างแล้ว โดยจะเปิดประมูลนานาชาติหรืออินเตอร์เนชั่นแนลบิดเหมือนสายสีม่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ และเริ่มก่อสร้างได้ต้นปี 2553

@ สีเขียว คลื่นการเมืองแทรก-เลื่อนบิด เม.ย.53

ส่วน "สายสีเขียว" ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ 11.4 กิโลเมตร และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ 12.8 กิโลเมตร เลื่อนประมูลเป็นเดือนเมษายน 2553 หลังถูกโยงกับการเมือง ทำให้ รฟม.ต้องปรับแบบก่อสร้างโครงการใหม่ เมื่อกรุงเทพมหานคร (กทม.) ไม่ยอมให้ใช้พื้นที่ย่านบางเขน

โดยเกิดศึกแย่งชิงงานก่อสร้างระหว่าง กทม. ภายใต้การบริหารของ "ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร" ผู้ว่าฯ กทม.จากพรรคประชาธิปัตย์ และ รฟม.ซึ่งกำกับดูแลโดย "โสภณ ซารัมย์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สังกัดพรรคภูมิใจไทย

เพราะคนกรุงเป็นปลื้มกับการเปิดใช้รถไฟฟ้าบีทีเอสส่วนต่อขยายไปฝั่งธนบุรีจากสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่ ระยะทาง 2.2 กิโลเมตร เลยเกิดไอเดียจะสานต่อส่วนต่อขยายบีทีเอสช่วงอื่นๆ ต่อหวังสร้างผลงาน

เห็นได้จากปฏิบัติการขอคืนโครงการจากรัฐบาลเริ่มขึ้นแล้ว โดย กทม.ทำหนังสือขอแก้ไขมติ ครม.เดิมสมัยรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ที่ให้ รฟม.เป็นผู้สร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว 2 ช่วงนี้ กลับมาให้ กทม.ก่อสร้าง โดย "เสี่ยคีรี กาญจนพาสน์" บิ๊ก บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือบีทีเอสซี ผู้บริหารสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอสหนุนอีกแรง พร้อมประกาศจะออกเงินก่อสร้างทั้งหมดให้ กทม.

แต่ "ชวรัตน์ ชาญวีรกูล" รมว.มหาดไทย สังกัด "พรรคภูมิใจไทย" ยังยืนความเห็นเดิมว่า มติ ครม.เดิมอยู่แล้ว ก็ต้องเดินหน้าไปตามนั้น

ว่ากันว่า งานนี้นอกจากจะมีฐานเสียงคนกรุงเทพฯ เป็นเดิมพันแล้ว เค้กค่าก่อสร้างกว่า 6 หมื่นล้านบาทยังเป็นที่หมายตาอีกด้วย
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45545
Location: NECTEC

PostPosted: 25/09/2009 11:45 pm    Post subject: Reply with quote

สนข.เร่ง 12 รถไฟฟ้า 8 แสนล้านพ่วง 2 โมโนเรล
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2464 24 ก.ย. - 26 ก.ย. 2552

สนข. ฉลองครบรอบ 7 ปี เร่งผลักดันการพัฒนาตามแผนแม่บทรถไฟฟ้า 12 สายทางพร้อมรวบรถไฟฟ้าสายรองโนโมเรลของ กทม.2 เส้นทางไว้ในแผนแม่บทตามแผนระยะ 20 ปี มูลค่าโครงการกว่า 8.38 แสนล้านบาท หวังวางโครงข่ายแก้ปัญหาจราจรอย่างเป็นระบบ

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าเนื่องในโอกาสครบรอบ 7 ปีวันสถาปนา สนข. ในวันที่ 9 ตุลาคมศกนี้จึงได้เร่งผลักดันการพัฒนาตามแผนแม่บทรถไฟฟ้า 12 สายทางมีมูลค่าการลงทุนรวม 838,000 ล้านบาท โดยแบ่งการดำเนินการออกเป็น 2 ช่วงคือ 10 ปีแรกตั้งแต่ปี 2552-2562 และช่วงที่ 2 ตั้งแต่ปี 2563-2572 สามารถจำแนกออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ ดังนี้คือ


กลุ่มที่ 1 จัดอยู่ในขั้นเตรียมเซ็นสัญญา ตลอดจนการก่อสร้าง 5 สายทาง ได้แก่ 1.สายสีแดงเข้มธรรมศาสตร์-หัวลำโพง-มหาชัย" ระยะทาง 85.3 กม. มูลค่า148,000 ล้านบาท ขณะนี้องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) กำลังพิจารณาสัญญาเงินกู้

2.สายสีแดงอ่อนศาลายา-บางซื่อ-หัวหมาก, ตลิ่งชัน-มักกะสัน" ระยะทาง 58.5 กม. มูลค่า 86,000 ล้านบาท โดยช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชันกำลังอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างเส้นทาง

3. สายสีม่วง บางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ, แคราย-ปากเกร็ด" ระยะทาง 49.8 กม. มูลค่า136,000 ล้านบาท เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาได้ผลการประกวดราคาทั้ง 3 สัญญาและลงนามสัญญาก่อสร้างที่ 1 ไปแล้วในรายละเอียดโครงสร้างยกระดับตะวันออกจากเตาปูน-สะพานพระนั่งเกล้าระยะทาง 12 กม.โดยกลุ่มซีเคทีซีในวงเงินสัญญาที่ 1 จำนวน 14,292 ล้านบาทแต่มีผู้ร้องไปยังอนุญาโตตุลาการจึงต้องนำเข้าครม.พิจารณาอีกครั้งและคาดว่าจะสามารถหาผู้รับเหมาเริ่มก่อสร้างได้ในเร็ว ๆ นี้เพื่อให้ทันเปิดใช้งานในปี 2557


4.สายสีน้ำเงิน บางซื่อ-ท่าพระ, หัวลำโพง-พุทธมณฑลสาย 4 (บางแค)" ระยะทาง 55 กม. มูลค่า 93,000 ล้านบาท ล่าสุดได้รับแจ้งจากกระทรวงการคลังว่าค่าก่อสร้างและค่าที่ปรึกษาโครงการให้ใช้เงินลงทุนในประเทศแทนการกู้จากต่างประเทศ คาดจะสามารถประกวดสัญญางานโยธาและการจ้างที่ปรึกษาเพื่อการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ภายในเดือน พฤศจิกายน 2552 และ


5.สายแอร์พอร์ตลิงค์ พญาไท-สนามบินสุวรรณภูมิระยะทาง 28.5 กม.มูลค่า 26,000 ล้านบาท กำลังอยู่ในช่วงการทดสอบการเดินรถก่อนที่จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน 2553

พร้อมกันนี้ยังมีอีก 2 สายทางที่ สนข.กำลังเร่งศึกษาตามเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล คือ

"สายสีส้ม บางบำหรุ-มีนบุรี" ระยะทาง 32 กม. มูลค่า 118,000 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาการจราจรในพื้นที่รามคำแหงตลอดจนพื้นที่โดยรอบ และ

"สายสีชมพู ปากเกร็ด-มีนบุรี" ระยะทาง 29.9 กม. มูลค่า 31,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการเปิดศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ


ส่วนกลุ่มที่ 2 กำลังอยู่ในส่วนที่กำลังเตรียมการศึกษาความเหมาะสมจำนวน 5 สายทางคือ

1. สายสีเขียวเข้ม ลำลูกกา-สมุทรปราการ-บางปู" ระยะทาง 66.5 กม. มูลค่า 102,000 ล้านบาท กำลังอยู่ในขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์ครั้งที่ 2 และรวบรวมนำเสนอกระทรวงคมนาคมเห็นชอบต่อไป และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดที่แล้วได้ให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) รับผิดชอบงานก่อสร้าง ส่วนการบริหารการเดินรถยังไม่ได้คัดเลือกผู้ดำเนินการ


ส่วนกรณีของ 2.สายสีเขียวอ่อน ยศเส-บางหว้า" ระยะทาง 15.5 กม. มูลค่า 15,000 ล้านบาท
3.สายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง" ระยะทาง 30.4 กม. มูลค่า 38,000 ล้านบา

4.สายสีเทา วัชรพล-สะพานพระราม 9" ระยะทาง 26 กม. มูลค่า 32,000 ล้านบาท และ

5.สายสีดำ ดินแดง-สาทร" ระยะทาง 9.5 กม. มูลค่า 13,000 ล้านบาท กำลังศึกษาความเหมาะสม


"ความคืบหน้าในภาพรวมนั้นสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน มีการก่อสร้างไปบ้างแล้ว และสายสีม่วงถือว่ามีความคืบหน้าไปมากแล้วเช่นกัน รอเพียงองค์กรเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่นหรือไจก้าพิจารณาในรายละเอียดสัญญาเงินกู้ต่าง ๆ เท่านั้น ซึ่งแผนการพัฒนาดังกล่าวหากคิดเป็นผลตอบแทนทางเศรษฐกิจประมาณ 20.89% ส่วนผลตอบแทนทางการเงินอยู่ที่ 9.9% ซึ่ง สนข.ถือว่ามีความคุ้มค่าสำหรับการผลักดันให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมและสามารถรองรับการจราจรในอนาคตได้อย่างครบวงจร"


นอกจากนี้ สนข.ยังได้นำผลการศึกษาตามที่กรุงเทพมหานคร มีนโยบายก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้ามวลชนรางเดี่ยว (Mono Rail) ในระบบรถไฟฟ้าขนาดเบา (Light Rail) ระบบล้อยาง (Rubber Tire Type) ซึ่งบรรจุผู้โดยสารราว 10,000-15,000 คนต่อเที่ยวโดยสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) ศึกษาไว้แล้วนั้นจำนวน 2 เส้นทางที่เหมาะสมและมีความเป็นไปได้สูงในการก่อสร้างเข้าไว้ในแผนแม่บทครั้งนี้ด้วย


โดย สายแรก จากแยกบางนา-สนามบินสุวรรณภูมิ ระยะทาง 18 กม. งบก่อสร้าง


กม.ละ 1,300 ล้านบาท รวมวงเงินราว 23,400 ล้านบาท แนวเส้นทางเชื่อมรถไฟฟ้าของบีทีเอสจากแยกบางนา ใช้แนวเส้นทางถนนบางนา-ตราด วิ่งคู่ขนานกับทางด่วนบางนา-ชลบุรี เลี้ยวเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ


ส่วนอีกสายเริ่มต้นจากศาลาว่าการ กทม. 2 ดินแดง ถึงแยกยมราช ระยะทาง 15 กม. ใช้งบประมาณ 19,500 ล้านบาท โดยแนวรถไฟฟ้าจะอยู่เหนือโครงการโทล์ลเวย์ แนวเส้นทางเริ่มจากศาลาว่าการ กทม. 2 เข้าสู่ถนนดินแดง ผ่านสามเหลี่ยมดินแดง วกเข้าถนนราชปรารภ มุ่งสู่ถนนเพชรบุรีและสิ้นสุดที่แยกยมราช วัตถุประสงค์เพื่อที่จะรองรับการย้ายศาลาว่าการ กทม. 1 ไปรวมที่อาคารใหม่ศาลาว่าการ กทม.2 ที่จะทำการย้ายภายใน 2 ปีนี้
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45545
Location: NECTEC

PostPosted: 29/09/2009 4:43 pm    Post subject: รถไฟรางเดียว 8 สาย ของ กทม. Reply with quote

เปิดโผ8รถไฟฟ้าโมโนเรลกทม. จับตา2เส้นทาง4.6หมื่นล้าน / เล็งออกพันธบัตรลงทุน

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2466 01 ต.ค. - 03 ต.ค. 2552


เปิดโผ 8 เส้นทางรถไฟฟ้าสายรองและโมโนเรล กทม. ความยาว 86 กม. เชื่อมพื้นที่ทำเลทองแก้ปัญหาจราจร จับตา 2 เส้นทาง"บางนา-สุวรรณภูมิ"และ"กทม.2-ยมราช"งบ 46,000 ล้านบาทมาแรง เตรียมออกพันธบัตรขายประชาชนนำเงินมาลงทุน หวังรองรับบริการสนามบินสุวรรณภูมิและย้ายจากเสาชิงช้าสู่ย่านดินแดงในปี 2554

นายจุมพล สำเภาพล ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าจากการที่ กทม.มีนโยบายก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้ามวลชนรางเดี่ยว (Mono Rail) ระบบรถไฟฟ้าขนาดเบา (Light Rail) ระบบล้อยาง (Rubber Tire Type) ระยะทาง 86.6 กม. จากทั้งหมด 8 เส้นทาง ว่าขณะนี้บริษัทที่ปรึกษาประกอบด้วยบริษัท ไทยเอนจิเนียริ่งคอนซัลแตนทส์ จำกัด บริษัท เทสโก้ จำกัด และบริษัท เอพซิลอน จำกัด ได้รายงานความคืบหน้าว่ารถไฟฟ้าสายรองทั้ง 8 เส้นทาง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


โดยแนวเส้นทางสายที่น่าจะได้ดำเนินการลำดับแรก คือ

เส้นทาง ที่ 1.ศาลาว่าการ กทม.2- ถนนเพชรบุรี-หลานหลวง ระยะทาง 8.2 กิโลเมตร เพื่อรองรับการขนย้ายข้าราชการจากทม.1 เสาชิงช้าไปอยู่ที่กทม. 2 ดินแดง ส่วนสายที่ 8 จากแยกบางนา-สนามบินสุวรรณภูมิระยะทาง 18.6 กิโลเมตรเพื่อรองรับการบริการของสนามบินสุวรรณภูมิและเชื่อมโยงระบบขนส่ง ไฟฟ้าบีทีเอส ทั้งสองเส้นทางจึงมีความจำเป็นเร่งด่วน


ส่วนงบประมาณเบื้องต้นคาดว่าเส้นทางละ 23,000 ล้านบาทหรือ 2 เส้นทาง 46,000 ล้านบาท สาเหตุที่ศึกษาเป็นรถไฟฟ้าโมโนเรลเพราะสภาพถนนแคบ ไม่สามารถก่อสร้างรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ได้ จึงใช้เสารางเดี่ยว ซึ่งภายหลังการทำประชาพิจารณ์ในวันที่ 30 กันยายนนี้ น่าจะมีรายละเอียดที่ชัดเจนมากขึ้น


ทั้งแนวสายทาง งบประมาณและแผนงานการลงทุน โดย กทม.จะได้ตั้งงบประมาณก่อสร้างในปีงบประมาณปี 2554 โดยจะใช้วิธีการออกพันธบัตรมาระดมทุนหรือให้เอกชนเข้ามาลงทุนโดยกทม.ค้ำ ประกันเงินกู้ให้ หรือใช้วิธีการผ่อนจ่ายคืนเอกชนภายหลัง การก่อสร้างเพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในการเดินทาง ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลรวมทั้งช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะรถไฟฟ้าโมโนเรลที่เป็นรางเดี่ยวบรรจุผู้โดยสารได้ประมาณ 10,000-15,000 คนต่อเที่ยว


สำหรับรายละเอียดแต่ละเส้นทางประกอบด้วย

สายที่ 1. ศาลาว่าการ กทม. 2-ถนนเพชรบุรี-หลานหลวง ระยะทาง 8.2 กม. แนวเส้นทางจากบริเวณตลาดสะพานขาว ตามถนนหลานหลวง เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS ที่สถานีราชเทวี ผ่านย่านศูนย์การค้าประตูน้ำ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนราชปรารภ ตัดเข้าถนนมิตรไมตรี แล้ววิ่งเป็นวงรอบ ไปที่อาคารใหม่ศาลาว่าการ กทม. 2 ดินแดง


2. ถนนเอกมัย-ซ.ทองหล่อ-ม.รามคำแหง ระยะทาง 14.4 กม. เป็นการเดินรถสองทิศทางร่วมกับการเดินรถทางเดียว วิ่งตามเข็มนาฬิกา จากถนนเพชรบุรีตัดกับถนนเอกมัย เข้าถนนสุขุมวิท เชื่อมต่อรถไฟฟ้า BTS สถานีเอกมัย วิ่งเข้าขนานแนวรถไฟฟ้า BTS เลี้ยวเข้าสู่ถนนทองหล่อ เข้าถนนเพชรบุรี บรรจบกับจุดเริ่มต้น จากจุดนี้จะเป็นการเดินรถสองทิศทางวิ่งไปตามถนนเพชรบุรี เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรพระราม เลี้ยวขวาเข้าถนนพระราม 9 วิ่งเป็นวงกลมสุดทางในมหาวิทยาลัยรามคำแหง


3. แยกรัชดาฯ ลาดพร้าว - แยกรัชโยธิน - หมอชิต 2 -สวนจตุจักร ระยะทาง 11.7 กม.เป็นการเดินรถสองทิศทางร่วมกับการเดินรถทางเดียว โดยเริ่มต้นจากเดินรถสองทิศทางจากแยกรัชดาฯ ลาดพร้าว วิ่งไปตามถนนรัชดาภิเษก ผ่านศาลอาญา ตัดถนนพหลโยธิน ผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ ข้ามถนนวิภาวดีรังสิต เลี้ยวซ้ายเข้าถนนกำแพงเพชร2 ผ่านสถานีขนส่งสายเหนือและสายตะวันออกเฉียงเหนือ(หมอชิต 2) แล้วเลี้ยวซ้ายแยกเป็นเดินรถทางเดียววิ่งเป็นวงรอบสวนจตุจักร


4. ถนนกรุงธนบุรี - ถนนเจริญนคร - ถนนราษฎร์บูรณะ - ถนนสุขสวัสดิ์ ระยะทาง 11 กม. เป็นการเดินรถสองทิศทางร่วมกับการเดินรถทางเดียว เริ่มต้นเดินรถสองทิศทางจากรถไฟฟ้า BTS สถานีกรุงธนบุรี เลี้ยวขวาเข้าถนนเจริญนคร จากนั้นเดินรถทางเดียวตั้งแต่แยกถนนราษฎร์พัฒนาวิ่งตรงลอดใต้สะพานพระราม 9 เข้าบรรจบแนวเส้นทางเดิมที่ถนนราษฎร์บูรณะ


5. ถนนกรุงธนบุรี - ถนนสมเด็จเจ้าพระยา ระยะทาง ระยะทาง 5 กม. เป็นการเดินรถสองทิศทางร่วมกับการเดินรถทางเดียว จากถนนเจริญนครเชิงสะพานสาทรวิ่งขึ้นทางทิศเหนือ เข้าสู่ถนนถนนสมเด็จเจ้าพระยาผ่าน จากนั้นเดินรถทางเดียวตั้งแต่แยกถนนท่าดินแดง วงเวียนเล็ก เลี้ยวซ้ายเข้าถนนท่าดินแดง บรรจบกับแนวเส้นทางเดิมที่ถนนสมเด็จเจ้าพระยา


6. ถนนสุขสวัสดิ์ - ถนนประชาอุทิศ - เขตทุ่งครุ ระยะทาง 8 กม.เป็นการเดินรถสองทิศทาง เริ่มต้นจากริมถนนสุขสวัสดิ์ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเลียบทางด่วน ถึงแยกนาหลวง เลี้ยวซ้าย วิ่งไปตามถนนประชาอุทิศ สุดปลายทางที่สำนักงานเขตทุ่งครุ


7. จุฬาฯ- สีลม - สามย่าน ระยะทาง 9.7 กม. เป็นแนวเส้นทางที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพขนส่งมวลชนระบบรางสายสีเขียว และสีน้ำเงินในพื้นที่ย่านธุรกิจสยามและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แนวเส้นทางนี้วิ่งเป็นวง แบ่งออกเป็น 2 วง คือ

วงที่1 ด้านทิศเหนือ แนวเส้นทางเริ่มจากจุดเชื่อมต่อสถานีสยาม รถไฟฟ้า BTS ผ่านศูนย์การค้ามาบุญครองเซ็นเตอร์ เลี้ยวซ้ายเข้าซอยจุฬาลงกรณ์ 12 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนอังรีดูนังต์ไปยังสถานีสยาม รถไฟฟ้า BTS


วงที่ 2. ด้านทิศใต้ถนนพญาไท ผ่านจุฬาฯคอมเพล็กซ์ เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าใต้ดินไปยังสภากาชาดไทย เลี้ยวขวาเข้าถนนสุรวงศ์ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนบรรทัดทอง เลี้ยวขวาเข้าพื้นที่จุฬาฯ ไปบรรจบกับจุดเริ่มต้นที่ถนนพญาไทและ

สาย 8. แยกบางนา-สนามบินสุวรรณภูมิ ระยะทาง 18.6 กม. เป็นแนวเส้นทางที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการขนส่งมวลชนเพื่อรองรับการขนส่งมวลชนเชื่อมต่อกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนต่อขยายที่ 2 ด้านทิศใต้ แนวเส้นทางวิ่งเป็นระบบสองทาง
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 16, 17, 18 ... 299, 300, 301  Next
Page 17 of 301

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©