ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."

[Wisarut]

^^^
แย่หน่อยที่ กรณีพิพาทที่รถไฟแถวหัวหิน ยังไม่ลงตัวดังข่าวต่อไปนี้:
//---------------------------------------------------------------------------------------

พ่อค้าหัวหินปะทะเดือดปลาร้าว่อน
เดลินิวส์ วันศุกร์ ที่ 06 พฤศจิกายน 2552 เวลา 8:36 น

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 พ.ย. นายปรีชา มุกดา ทนายผู้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของการรถไฟฯ พร้อมเจ้าพนักงานบังคับคดีศาล จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ ตชด.ค่ายนเรศวร นปพ. จ.ประจวบฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หัวหิน ประมาณ 200 นาย นำแผงเหล็กเข้าปิดกั้น เพื่อเข้ารื้อถอนร้านขายสินค้า ที่ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของสถานีรถไฟหัวหิน ถนนพระปกเกล้า เขตเทศบาลเมืองหัวหิน ท่ามกลางกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าจำนวนหนึ่ง ที่กำลังทำบุญเลี้ยงพระอยู่ในบริเวณนั้น ซึ่งต่างรีบเข้าขวางกั้น พร้อมใช้เครื่องขยายเสียงตะโกนด่าทอเจ้าหน้าที่ด้วยความฉุนเฉียว

สืบเนื่องจากเมื่อปี พ.ศ. 2540 บริษัทหัวหินพัฒนาที่ดิน จำกัด ได้ขออนุญาตใช้ที่ดินการรถไฟฯ สร้างร้านจำหน่ายสินค้าทั้งด้านทิศเหนือและทิศใต้จำนวน 88 ห้อง แต่การก่อสร้างดังกล่าวไม่ถูกต้องตามแบบแปลนที่ขอไว้ ทางเทศบาลจึงดำเนินการฟ้องรื้อถอน เรื่องยืดเยื้อมากว่า 12 ปี กระทั่งศาลพิจารณาตัดสินให้การรถไฟฯ และเทศบาลเมืองหัวหินเป็นฝ่ายชนะคดี และมีคำสั่งให้ทำการรื้อถอนอาคารร้านค้าออกทั้งหมด สร้างความไม่พอใจให้กับบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่ไม่มีที่ใหม่ทำกิน รวมตัวกันต่อต้าน ซึ่งหลังเจ้าหน้าที่เจรจาอยู่นานไม่เป็นผล จึงตัดสินใจนำเครื่องมือเข้ารื้อถอน ยิ่งสร้างความโกรธแค้นหนักให้กลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ต่างพากันระดมขว้างไข่ไก่ ถุงปลาร้าและพริกดองใส่อย่างเมามัน จนเจ้าหน้าที่ต้องยอมล่าถอยยกเลิกการรื้อถอน กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าต่างดีใจจุดประทัดไล่ซ้ำ สำหรับการรื้อถอนครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 แล้ว โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา ก็ถูกต่อต้านมาแล้ว.

//-------------------------------------------------------------------

จ่อปรับโครงสร้างพื้นฐานการรถไฟ
เดลินิวส์ วันศุกร์ ที่ 06 พฤศจิกายน 2552 เวลา 8:34 น


นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานบอร์ด รฟท. ซึ่งเป็นประธานคณะทำงานพิจารณาเรื่องการปรับโครงสร้างพื้นฐานรถไฟ หัวรถจักร ระบบราง อาณัติสัญญาณและจุดตัด ต่าง ๆ กล่าวว่า จะให้การบริหารการเดินรถไฟ รถสินค้า และสินทรัพย์ที่ดินของ รฟท. อยู่ในรูปแบบของหน่วยธุรกิจ (บิสสิเนส ยูนิต) ตามข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ รฟท. (สร.รฟท.) ยกเว้นการบริหารโครงการแอร์พอร์ตลิงก์และรถไฟฟ้า จะต้องจัดตั้งเป็นบริษัทลูก เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการ เชื่อว่าแนวทางนี้น่าจะเหมาะสมที่สุด เพราะฝ่ายบริหารยอมที่จะถอยแล้ว ทาง สร.รฟท. ก็น่าที่จะยอมถอยและยอมรับได้ ไม่เช่นนั้นทุกอย่างจะไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้

นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระ ทรวงคมนาคม และกรรมการ รฟท. กล่าวว่า แนวทางการพัฒนาทรัพย์สินของ รฟท. จะต้องแบ่งประเภทที่ดินที่มีศักยภาพในการ พัฒนาทั่วประเทศ จำนวน 8,000 ไร่ จากที่ดินที่สามารถพัฒนาเชิงพาณิชย์ได้ 3.6 หมื่นไร่ มาประเมินมูลค่าว่าจะมีรายได้จากการพัฒนาที่ดินเท่าใด โดยจะจ้างที่ปรึกษามาเป็นผู้ประเมิน

สำหรับที่ดินที่มีศักยภาพจะอยู่ที่กรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ เช่น หัวหิน เชียงใหม่ ขอนแก่น โดยพื้นที่ที่มีศักยภาพในกรุงเทพฯ เช่น มักกะสัน สถานีแม่น้ำ หัวลำโพง บางซื่อ โดยตั้งเป้ารายได้จากการพัฒนาที่ดินทั้ง 4 แปลง ไม่ต่ำกว่า 2,700 ล้านบาท เพราะจะนำรายได้ดังกล่าวมาแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายบำนาญของ รฟท. รวมทั้งช่วยเพิ่มรายได้จากการพัฒนาทรัพย์สินจาก เดิมที่มีรายได้ปีละ 1,500 ล้านบาท.

[black_express]

ตอนแรกๆ ไม่ห้าม ไม่ปราม ปล่อยให้ต่อเติมกันไปเรื่อยๆ พอคิดจะรื้อก็ลำบากแบบนี้แหละ

[pak_nampho]

[Mongwin]

ปลัดคมนาคมเตรียมเสนอแผนปฏิรูป รฟท.สัปดาห์หน้า

ก.คมนาคม 5 พ.ย.52 - นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการปฏิรูปการรถไฟฯ ทั้งระบบว่า ที่ประชุมได้จัดทำแผนเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า เพื่อพิจารณาเห็นชอบกับแผนดังกล่าว โดยแผนการปฏิรูป รฟท. จะเน้นการใช้ประโยชน์จากที่ดินที่มีศักยภาพ และสามารถพัฒนาให้เกิดรายได้กับ รฟท.สูงสุดประมาณ 8,000 ไร่ ซึ่งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จากที่ดินที่มีศักยภาพทั้งหมด 36,000 ไร่ ขณะที่ปัจจุบันที่ดินของการรถไฟฯ ที่มีอยู่สามารถทำรายได้ให้กับหน่วยงานเพียง 1,500 ล้านบาทต่อปีเท่านั้น

สำหรับที่ดินที่มีศักยภาพสามารถพัฒนา ได้แก่ ที่ดินย่านมักกะสัน บางซื่อ หัวลำโพง สถานีแม่น้ำ หัวหิน และเชียงใหม่ โดยต้องว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาศักยภาพของที่ดินทั้งหมดของรถไฟฯ เนื่องจากเห็นว่ามีการนำที่ดินไปปล่อยเช่าในราคาที่สูง แต่การรถไฟกลับได้ส่วนแบ่งรายได้ที่น้อยมาก ทำให้การรถไฟฯ ต้องมาพิจารณาอีกครั้งใหญ่ว่าการรถไฟฯ ควรมีรายได้เท่าไรจึงสามารถดูแลตนเองได้ นอกจากนี้ยังต้องเร่งสร้างความเข้าใจกับพนักงานการรถไฟฯ เป็นอันดับแรก เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งภายในองค์กร และคาดว่าจะลดปัญหาและอุปสรรคในการปฏิรูปการรถไฟฯ เพราะหากทำได้ตามแผนจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 2,700 ล้านบาท เพื่อใช้ในการเป็นเงินบำเหน็จบำนาญให้กับพนักงานการรถไฟฯ

โดยเอกชนที่สนใจเข้ามาลงทุนต้องเสนอผลประโยชน์สูงสุดให้กับการรถไฟฯ โดยการรถไฟฯ จะทำหน้าที่เพียงดูแลสัญญาเช่าเท่านั้น เพราะที่ผ่านมามีการปล่อยให้เช่าที่ดินในราคาแพงแต่ผลตอบแทนที่การรถไฟฯ ได้รับกลับไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ดังนั้นจึงต้องมารื้อกันใหม่ว่าค่าเช่าที่ดิน รฟท.ควรได้รับต้องเป็นเท่าไรในแต่ละแปลง โดยจะบริหารจัดการที่ดินภายใต้หน่วยธุรกิจ (บียู) จากเดิมที่จะให้จัดตั้งเป็นบริษัทลูกบริหารสินทรัพย์ และจะแบ่งให้รองผู้ว่าการฯ แต่ละคนกำกับดูแลในการหารายได้ในส่วนที่แต่ละคนดูแลอยู่ เพื่อให้เกิดการแข่งขันกันในการสร้างรายได้ให้กับองค์กร. -สำนักข่าวไทย

[Mongwin]

คมนาคมเร่งหาแนวทางแก้ปัญหาผู้บุกรุกเขตทางก่อสร้างรถไฟฟ้าสีแดง

กรุงเทพฯ 12 พ.ย.52 - นายประกิจ พลเดช ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังลงตรวจพื้นที่แนวสายทางการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) โดยได้ลงตรวจพื้นที่บริเวณคลองต้นซุง ชุมชนสะพานพระราม 6 ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวมีผู้อยู่อาศัยที่จำเป็นต้องนำพื้นที่คืนกลับมาใช้ก่อสร้างรวม 10 ชุมชน 3,300 หลังคาเรือน

นายประกิจ กล่าวว่า การมาพบปะชาวบ้านในพื้นที่วันนี้ (12 พ.ย.) ได้หารือถึงแนวทางแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยให้แก่ชุมชนต่าง ๆ โดยเสนอ 3 แนวทาง ประกอบด้วย ภาครัฐจะหาที่อยู่อาศัยให้ใหม่ ขอที่ดินจากกรมธนารักษ์มาเป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัย และประสานไปยังการเคหะแห่งชาติ (กคช.) จัดหาที่อยู่อาศัยลักษณะแฟลตให้กับชุมชนต่าง ๆ แต่จากการหารือพบว่า ชาวบ้านมีความประสงค์ที่จะอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งซื้อที่อยู่อาศัยกับ กคช. อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านในชุมชนต่าง ๆ เป็นผู้มีรายได้น้อยคงไม่สามารถจัดหาเอกสารทางการเงิน เพื่อกู้และผ่อนชำระค่าที่อยู่อาศัยได้

ขณะเดียวกันชาวบ้านได้เสนอทางออกของปัญหาด้วยวิธีการถมคลองต้นซุง จากฝั่งคลองแต่ละด้านออกมาเป็นเนื้อที่กว้าง 20 เมตร เพื่อปลูกที่อยู่อาศัยให้แก่ชาวบ้าน โดยคลองต้นซุงมีความยาวประมาณ 400 เมตร ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยที่ชาวบ้านประสงค์จะอยู่พื้นที่เดิมได้ ซึ่งข้อเสนอของชาวบ้านดังกล่าวจะนำกลับไปเสนอให้แก่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยในแนวก่อสร้างรถไฟฟ้า และนำหารือนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อีกครั้ง

ทั้งนี้ ในการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสีแดง ช่วงตลิ่งชัน-บางซื่อ มีผู้บุกรุกเขตทางและต้องนำพื้นที่เหล่านี้กลับมาใช้ก่อสร้าง โดยเดิมมีผู้บุกรุกทั้งสิ้น 3,300 ครัวเรือน และขณะนี้ได้มีการขอพื้นที่กลับคืนมาแล้ว 2,300 ครัวเรือน ก็จะเหลืออีกประมาณ 1,000 ครัวเรือนที่อยู่ระหว่างเร่งรัดแก้ไข.-สำนักข่าวไทย

อัพเดตเมื่อ 2009-11-12 16:02:46

[Wisarut]

ููู^^^
เปรียบเทียบกับข่าวชิ้นเดียวกัน ที่ กรุงเทพธุรกิจตาม Link นี้:

คมนาคมหารือชาวบ้านบุกรุกเขตก่อสร้างรถไฟฟ้าสีแดง
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2552 17:12

[Wisarut]

ปัญหาที่ดินรถไฟ
Transportation Jornal ศุึกร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2552

การรถไฟแห่งประเทศไทยมีที่ดินจำนวนมหาศาลที่ถือเป็นทรัพย์สินของการรถไฟฯกระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 234,976.96 ไร่แยกเป็น

1. ที่ดินเพื่อการเดินรถ ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก (Core Business) จำนวน 198,674.71 ไร่ ประกอบด้วย:
1.1 พื้นที่เขตราง 189,586.27 ไร่
1.2 ย่านสถานี 5,333.24 ไร่
1.3 บ้านพัก/ที่ทำการ 3,755.25 ไร่ และ

2. ที่ดินสำหรับการพาณิชย์ (Non-Core Business) จำนวน 36,302.18 ไร่ ประกอบด้วย:
2.1 ที่ดิน ศักยภาพต่ำ 21,536.80 ไร่
2.2 ที่ดิน ศักยภาพกลาง 7,218.12 ไร่
2.3 ศักยภาพสูง เช่น ที่บริเวณสถานีรถไฟมักกะสัน รัชดาภิเษก ย่านพหลโยธิน และสถานีแม่น้ำ 7,547.32 ไร่

ซึ่งมีรายได้จากการบริหารทรัพย์สินเฉลี่ยปีละ 1,600 ล้านบาท

ทางแก้:
1. พื้นที่ส่วนที่เป็น Core Business ให้ดำเนินการดั่งนี้:
1.1 พื้นที่เขตทางสงวนไว้สำหรับการเดินรถ ให้ดำเนินการกับผู้บุกรุกพร้อมวางมาตรการป้องกันการบุกรุก

1.2 ย่านสถานีสงวนไว้สำหรับการเดินรถ ให้จัดประเภทของสถานีตามศักยภาพ

1.3 จัดทำแผนการพัฒนาในพื้นที่ที่มีศักยภาพ เช่นบ้านพัก/ที่ทำการ
1.4 จำแนกที่ดินที่มีศักยภาพในการพัฒนาที่ดิน
1.5 จัดหาพื้นที่ทดแทนให้กับพื้นที่ที่เดิม

2. พื้นที่ส่วนที่เป็น Non-Core Business ให้ดำเนินการดั่งนี้:

2.1 ที่ดินศักยภาพต่ำให้สงวนไว้สำหรับการเดินรถ พร้อมดำเนินการกับผู้บุกรุกและวางมาตรการป้องกันการบุกรุก

2.2 ที่ดินศักยภาพกลาง ให้ดำเนินการกับผู้บุกรุกพร้อมวางมาตรการป้องกันการบุกรุก จากนั้นให้จัดทำแผนการพัฒนาในพื้นที่

2.3 ที่ดินศักยภาพสูง ให้ดำเนินการกับผู้บุกรุกพร้อมวางมาตรการป้องกันการบุกรุก จากนั้นให้จัดทำแผนการพัฒนาในพื้นที่ พร้อมจัดทำโครงการนำร่อง

[Wisarut]

ป.ป.ช.คาดชี้มูลความผิดคดีบุกรุก"เขากระโดง"ต้นปีหน้า

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 พฤศจิกายน 2552 17:12 น.


นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. กล่าวว่า การไต่สวนคดีการทุจริตบุกรุกที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ มีการเรียกพยานไต่สวนต่อเนื่อง โดยเฉพาะตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ สร.รฟท. ขณะเดียวกันต้องรอให้ รฟท.ระบุความชัดเจนว่ามีแนวรุกล้ำพื้นที่จุดใดบ้าง อีกทั้งยังไม่สามารถชี้ได้ว่า นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตามคาดว่าต้นปีหน้าจะสามารถชี้มูลความผิดได้

[suraphat]

ข่าวๆนี้เอามาจาก หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ปีที่ 32 ฉบับที่ 11576 วันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 หน้าเศรษฐกิจนะครับ

ร.ฟ.ท.เล็งเปิดประมูล6ทำเลทอง

ชงครม.พร้อมแผนพัฒนาและฟื้นฟู โปะจ่ายบำนาญพนง.ปีละ2.7พันล.



ร.ฟ.ท.เล็งชงแผนเพิ่มรายได้พร้อมแผนพัฒนาและฟื้นฟู ให้ ครม.อนุมัติประเดิมเปิดประมูล 6 พื้นที่ทำเลทอง "มักกะสัน-คลองเตย-หัวลำโพง-บางซื่อ-จตุจักร-รัชดาฯ" ให้เอกชนเช่า ตั้งเป้าปีละ 2.7 พันล้านไว้จ่ายค่าบำนาญพนักงาน ก่อนลุยเปิดพื้นที่ชั้นดีให้เช่ารวม 7.5 พันไร่ จ้างเอกชนด้านพัฒนาอสังหาฯเป็นผู้บริหารสินทรัพย์ให้

นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงการแผนพัฒนาการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ในงานสัมมนาเรื่อง "แอร์พอร์ต เรลลิงก์ กับโอกาสลงทุนอสังหาริมทรัพย์" จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ว่า ร.ฟ.ท.เตรียมนำพื้นที่ชั้นดีที่มีศักยภาพราว 7,500 ไร่ ออกประมูลให้เอกชนเช่าเพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ หรือพัฒนาเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ จะต้องนำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา ภายใน 45 วันนับจากนี้ ซึ่งเสนอพร้อมกับแผนพัฒนาและฟื้นฟู ร.ฟ.ท. หลังจาก ครม.ได้อนุมัติกรอบวงเงินเพื่อใช้ในการพัฒนาและฟื้นฟู ร.ฟ.ท. รวม 100,000 ล้านบาท ในช่วงก่อนหน้านี้

นายสุพจน์กล่าวว่า พื้นที่ที่ ร.ฟ.ท.จะออกประกาศเชิญชวนให้ภาคเอกชนเข้าร่วมประมูลเป็นลำดับแรก จะเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในเชิงธุรกิจ 6 จุดหลัก คือ 1.พื้นที่บริเวณมักกะสัน รวม 350 ไร่ 2. พื้นที่บริเวณสถานีแม่น้ำ ย่านคลองเตย รวม 130 ไร่ ซึ่งเดิมเป็นคลังสินค้าของบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เหมาะกับการทำตึกสูง 3.พื้นที่บริเวณสถานีรถไฟหัวลำโพง 4.พื้นที่บริเวณสถานีรถไฟบางซื่อ 5.พื้นที่บริเวณเขตจตุจักร และ 6.พื้นที่ตามแนวถนนย่านรัชดาฯ ตั้งเป้ารายได้ค่าเช่ามากกว่า 2,700 ล้านบาทต่อปี เพื่อให้ครอบคลุมกับภาระค่าใช้จ่ายบำนาญที่ต้องจ่ายให้กับข้าราชการปีละ 2,700 ล้านบาท แต่ปัจจุบันได้รับค่าเช่าจากพื้นที่รวม 40,000 ไร่ทั่วประเทศเพียงปีละ 1,600 ล้านบาท เท่านั้น

นายสุพจน์กล่าวว่า หลังจากได้รับอนุมัติจาก ครม. ร.ฟ.ท.จะดำเนินการว่าจ้างบริษัทเอกชนจากภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาเป็นผู้บริหารสินทรัพย์ แต่จะไม่ให้เข้าถือหุ้นแต่อย่างใด "เหตุที่ ร.ฟ.ท.นำที่ดินออกประมูล เพราะหลังจากมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง เส้นบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชันแล้วเสร็จ จะใช้สถานีรถไฟบางซื่อเป็นจุดเชื่อมต่อหลักของเส้นทางเดินรถไฟ ส่วนสถานีรถไฟหัวลำโพงจะทำเป็นพิพิธภัณฑ์ ส่วนพื้นที่อื่นๆ นั้น เป็นพื้นที่ที่มีอยู่แล้วและขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจว่ามีมากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ร.ฟ.ท. มีที่ดินทั่วประเทศรวม 238,000 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่สำหรับการเดินรถรวม 190,000 ไร่ และพื้นที่ให้เช่า 40,000 ไร่ และในจำนวนนี้แบ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในเขตกรุงเทพฯ 7,500 ไร่ ส่วนที่เหลือเป็นพื้นที่ในเขตต่างจังหวัดมีศักยภาพทางธุรกิจน้อย

นายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวในงานสัมมนาเดียวกันว่า ถือเป็นเรื่องดีที่ ร.ฟ.ท.จะนำที่ดินที่มีศักยภาพออกมาประมูลให้ภาคเอกชนนำมาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพราะ ร.ฟ.ท.มีที่ดินในเขตกรุงเทพฯหลายที่ แต่กระบวนการดำเนินงานต้องมีความโปร่งใสเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนพื้นที่ ร.ฟ.ท. ในเขตจตุจักร

หน้า 17

[Wisarut]