RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:318718
ทั่วไป:28729022
ทั้งหมด:29047740
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 20, 21, 22 ... 299, 300, 301  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49416
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 24/11/2009 9:26 am    Post subject: Reply with quote

ชมวิดีโอคลิปข่าวได้ที่นี่ครับ
อนาคตระบบรถไฟฟ้าของกทม.
Arrow http://news.mcot.net/social/inside.php?value=bmlkPTM5NDY3Jm50eXBlPWNsaXA=
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
black_express
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/03/2006
Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ

PostPosted: 24/11/2009 11:22 am    Post subject: Reply with quote

เอ..ผมว่าหัวข้อกระทู้น่าจะเปลี่ยนแปลงบ้างนะครับ เพราะอดีตนายกฯ สมัคร ถึงแก่กรรมไปแล้วด้วยโรคมะเร็ง เมื่อเช้าวันนี้เอง Razz
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49416
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 24/11/2009 11:33 am    Post subject: Reply with quote

ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาตเปลี่ยนแปลงหัวข้อกระทู้นะครับ
จากเดิม รถไฟฟ้า-รถไฟก้างปลาตามนโยบายนายกสมัคร-สมชาย-อภิสิทธิ์
เป็น รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายนายกรัฐมนตรี
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45546
Location: NECTEC

PostPosted: 24/11/2009 7:34 pm    Post subject: BMA Monrail after the Trip to KL and SG Reply with quote

โมโนเรล"ทางเลือกใหม่แก้รถติด - ระบบเสริม..สิงคโปร์-มาเลเซีย
เดลินิวส์ วันจันทร์ ที่ 23 พฤศจิกายน 2552 เวลา 8:04 น
เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมด้วยผู้บริหารนำคณะสื่อมวลชนไปศึกษาดูงานระบบขนส่งรถโมโนเรล (รถไฟฟ้ารางเดี่ยว) ณ ประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบขนส่งมวลชนหลากหลายรูปแบบเพื่อเป็นทางเลือกในการเดินทางของประชาชนได้เป็นอย่างดี

ระบบโมโนเรล ในประเทศมาเลเซียมีเพียง 1 สาย คือ KL Monorail ดำเนินงานโดยบริษัท Scomi เปิดให้บริการเดินรถในปี 2546 แนวเส้นทางผ่านใจกลางเมืองกัวลาลัมเปอร์ ระยะทาง 8 กิโลเมตร 11 สถานี มีจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า 1 ขบวนมี 2 ตู้โดยสาร วิ่งด้วยความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขนส่งผู้โดยสาร 3,120 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง ให้บริการทุก 3-4 นาที ปัจจุบันชาวเมืองกัวลาลัมเปอร์ใช้บริการรถโมโนเรลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากผู้โดยสาร 2.9 ล้านเที่ยวคนในปีแรกที่เปิดให้บริการ เพิ่มเป็น 21.71 ล้านเที่ยวคนในปี 2551 ที่ผ่านมา โดยเก็บค่าโดยสารเริ่มต้น 12 บาท สูงสุดไม่เกิน 40 บาท ขณะนี้มีโครงการต่อขยายเส้นทางออกไปอีก 5 กิโลเมตร และเพิ่มการขนส่งผู้โดยสารโดยเพิ่มขบวนรถไปอีก 2 ตู้ โดยสถานีของรถโมโนเรลได้ออกแบบไว้รองรับตู้โดยสารได้ 6 ตู้ หรือสามารถขนผู้โดยสารได้สูงสุด 2 เท่าจากที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน

ส่วนในประเทศสิงคโปร์ ที่มีรถไฟฟ้าขนาดหนักให้บริการอยู่แล้วถึง 4 สาย ก็ยังมีรถโมโนเรลเป็นระบบเสริม เพื่อรับผู้โดยสารจากแหล่งที่อยู่อาศัยมายังสถานีเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าระบบหลักอีก 4 เส้นทาง แต่ละเส้นทางจะวิ่งให้บริการเป็นวงรอบ โดยกทม.ได้ไปดูงานรถในเส้นทาง LRT Bukit Panjang ดำเนินการโดยบริษัท SMRT ใช้เทคโนโลยีของ Bombardier ในเส้นทางนี้มีระยะทาง 7.8 กิโลเมตร มี 14 สถานี รถมีขนาดคล้าย ๆ กับของ KL monorail ต่างกันที่ไม่มีคนควบคุมภายในรถ มีแต่ผู้โดยสาร 1 ตู้โดยสาร ขนส่งผู้โดยสารได้ 105 คน ปัจจุบันมี 19 ขบวน สามารถขนส่งผู้โดยสารได้ถึง 440,000-450,000 คนต่อวัน ถือว่าสามารถขนผู้โดยสารได้มากพอ ๆ กับรถไฟฟ้าบีทีเอสในบ้านเราในปัจจุบันนี้ รถวิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ย 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 25-30 บาท

นอกจากการให้บริการขนส่งมวลชนสำหรับประชาชนในการเดินทางในเขตเมืองแล้ว ประเทศสิงคโปร์ยังมีการให้บริการโมโนเรลในส่วนของการเดินทางข้ามฝั่ง จากสิงคโปร์ไปยังเกาะ Sentosa ซึ่งเป็นเกาะที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนของประชาชนและเป็นสถานที่ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว โดยในปี 2553 นี้จะมีการเปิดในส่วนของสวนสนุกของ Universal และกาสิโนคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ด้วยซึ่งการเดินทางข้ามฝั่งสามารถมาได้ทั้งทางรถ และกระเช้า (ขณะนี้ปิดปรับปรุงอยู่) รัฐบาลยังได้ลงทุนโครงการขนส่งโดยใช้รถโมโนเรล สาย Sentosa monorail ที่เพิ่งเปิดให้บริการได้ประมาณ 2 ปี เป็นรถโมโนเรลรุ่นใหม่ล่าสุด และมีขนาดเล็กที่สุด ของบริษัทฮิตาชิ ซึ่งมีผลงานการสร้างรถโมโนเรลกว่า 40 ปีในกว่า 20 เมืองทั่วโลก และบริษัทฯเพิ่งลงนามสัญญาในการก่อสร้างโมโนเรล ที่จะใช้ในโครงการเดอะปาล์ม รัฐดูไบ ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (U.A.E.) ด้วย

จากการดำเนินกิจการรถไฟฟ้าโมโนเรลทั้งในมาเลเซียและสิงคโปร์ มีความน่าสนใจที่รายได้จากค่าโดยสารและรายได้จากพื้นที่โฆษณาทั้งในตัวรถบนตัวรถคุ้มทุน นับเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากสำหรับการให้บริการขนส่งสาธารณะ

นอกจากนี้จะเห็นได้ว่าทั้งในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์มีระบบขนส่งมวลชนหลักที่เป็นรถไฟฟ้าขนาดหนักให้บริการอยู่แล้ว แต่ขนส่งมวลชนที่เป็นระบบเสริม ก็มีความสำคัญไม่น้อยกว่ากัน

อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีรถโมโนเรลในปัจจุบันเป็นเทคโนโลยีที่มีความเฉพาะของแต่ละบริษัท ตั้งแต่การออกแบบตัวรถ ขนาดราง สถานี งานโครงสร้างพื้นฐาน งานระบบราง ตัวรถและอาณัติสัญญาณ ซึ่งไม่สามารถจะเลือกใช้ แต่ละส่วนของแต่ละบริษัทได้ ดังนั้นจึงต้องพิจารณาให้รอบคอบอย่างน้อยจะต้องเป็นเทคโนโลยีที่รองรับได้ต่อไปอีก 20-30 ปีถึงจะคุ้มค่าในการลงทุน

ทั้งนี้กรุงเทพมหานครเตรียมผลักดันให้เกิดขึ้น โดยมี 2 เส้นทางนำร่องที่จะพิจารณาก่อสร้างก่อน คือ เส้นทางวงกลมย่านจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย-ถนนพระราม 4 และเส้นทาง กทม.2 (ดินแดง) เชื่อมรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ที่สถานีพญาไท เข้าถนนเพชรบุรีและสิ้นสุดที่ยมราช ที่เป็นย่านการค้า มีสถานศึกษาและการเดินทางของประชาชนหนาแน่น ซึ่งส่วนสำคัญที่ทำให้ความเป็นไปได้ในการก่อสร้างทำได้เร็วคือ ทางวิ่งใช้พื้นที่เกาะกลางถนนน้อย ขนาดเสาตอม่อเพียง 1 เมตร และทั้งสองเส้นทางมีพื้นที่ที่พร้อมใช้เป็นศูนย์ซ่อม (เดปโป้) ของโครงการโดยไม่ต้องมีการเวนคืนพื้นที่จากประชาชน โดยขณะนี้ผลการศึกษาออกแบบของบริษัทที่ปรึกษาใกล้แล้วเสร็จ และจะต้องใช้เวลาในส่วนของขั้นตอนการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมอีกประมาณ 8 เดือน และเตรียมการจัดหาเงิน ลงทุนในหลาย ๆ รูปแบบ เช่น ของบกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 3 จากรัฐบาล การออกพันธบัตร เป็นต้น ซึ่งการลงทุนคาดว่าจะใช้งบ ประมาณราว 10,000 ล้านบาท โดยกทม.ตั้งเป้าที่จะเริ่มการก่อสร้างได้ภายในปี 2554
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45546
Location: NECTEC

PostPosted: 25/11/2009 2:41 pm    Post subject: BKK Monorails Reply with quote

กทม.ผุดโมโนเรลเชื่อมรถไฟฟ้าใตดิน-บีทีเอส นำร่อง2สาย พระราม1-พระราม4และพญาไท-ดินแดง

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ วันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 เวลา 08:44:16 น.

ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า นโยบายหลักของ กทม.ต้องการจะก่อสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรลเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีน้ำเงิน ซึ่งจากการศึกษาพบว่าสายที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นได้เร็วที่สุดมี 2 สาย ได้แก่

1.ถนนพระรามที่ 1-พระรามที่ 4 จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผ่านมาบุญครองไปสิ้นสุดที่ถนนพระรามที่ 4 ระยะทาง 6-7 กิโลเมตร และ

2.พญาไท-สำนักงาน กทม. 2 ถนนวิภาวดีรังสิต เชื่อมรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ที่สถานีพญาไท เข้าถนนเพชรบุรี (ตามถนนบรรทัดทอง) และสิ้นสุดที่แยกยมราช ระยะทาง 7-10 กิโลเมตร คาดว่าจะใช้งบประมาณก่อสร้าง 1 หมื่นล้านบาท/เส้นทาง ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี ตั้งเป้าหมายเริ่มการก่อสร้างภายในปี 2554

"เรื่องแหล่งเงินไม่น่ามีปัญหา เบื้องต้นน่าจะมาจาก 3 ทาง คือ จากงบฯไทยเข้มแข็ง 3 ของรัฐบาล, งบฯ กทม.เองบางส่วน และออกพันธบัตร"

โดยขณะนี้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้มอบที่ดินบริเวณแยกเจริญผล ถนนบรรทัดทองประมาณ 5 ไร่ ให้ กทม.นำไปสร้างสถานีดับเพลิง แต่หากมีการก่อสร้างโครงการดังกล่าวจะแบ่งพื้นที่ประมาณ 2-3 ไร่สร้างเป็นศูนย์ซ่อมบำรุง (ดีโป้) เพราะจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับที่ดินโดยรอบของจุฬาฯในอนาคตด้วย

//-------------------------------------------------------

ไหนๆก็จะสร้างโรงเก็บที่แยกเจริญผลแล้ว คุณชายน่าจะแนะให้ สำนักจราจรฯ กทม. ยืดทาง ช่วงจาก แยกยมราช ผ่านซอยพญานาค ไปโรงเก็บเจริญผล เพื่อ จะได้ยุบ 2 สายให้เป็น 1 เดียว ยาวไปเลยจะเป็นการเหมาะกว่า แต่จะให้ดีตอนนี้ น่าจะโชว์แผนที่ให้ ชาวกรุงได้ดูเพื่อหาช่องทางให้ยุบรวมเป็น 1 เดียว เพื่อเป็นการประหยัด
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45546
Location: NECTEC

PostPosted: 27/11/2009 6:30 pm    Post subject: วิจารณ์แผนใหม่ สนข. Reply with quote

ใบสั่งนักการเมือง ปรับสายสีส้ม-สีแดง
โดย ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์ 27 พฤศจิกายน 2552 15:31 น.

Click on the image for full size

ใบสั่งนักการเมือง ปรับสายสีส้ม-สีแดง

โดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์ 27 พฤศจิกายน 2552 15:31 น.


สนข.รับใบสั่งนักการเมือง เร่งปรับเส้นทางรถไฟฟ้า12 เส้นทาง มูลค่า811,070 ล้านบาท ในทางสีส้มและสีแดง และ เร่งทำสายสีส้มและสีชมพูรองรับศูนย์ราชการด้วย

นาง สร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) กล่าวถึง การปรับแผนแม่บทรถไฟฟ้า 12 เส้นทาง ว่า สนข.จะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ก่อนที่จะเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในกลางเดือนธ.ค.นี้ สำหรับการปรับแผนโครงข่ายรถไฟฟ้าทั้ง 12 เส้นทาง ปรากฏว่ามีปรับเปลี่ยนแนวเส้นทาง 2เส้น คือ

1. สายสีส้ม จากเดิมเริ่มต้นที่บางบำหรุ-ศูนย์วัฒนธรรม ระยะทาง 12 กม. เปลี่ยนเป็นตลิ่งชั่น-ศูนย์วัฒนธรรม ระยะทาง 17.5กม. โดยจะเส้นทางจะผ่านบางกอกน้อย ถ.ราชดำเนิน หลานหลวง ถ.เพชรบุรี ดินแดง ศูนย์วัฒนธรรมฯ เชื่อมต่อรถไฟฟ้าทุกสายทาง เพื่อลดจุดเปลี่ยนต่อของผู้โดยสาร เอีกทั้งเป็นการให้บริการพื้นที่กลางเมืองด้วยระบบMRT

2. ส่วนสายสีแดง ซึ่งเป็นรถไฟชานเมือง ช่วง ตลิ่งชัน-มักกะสัน ระยะทาง 10.5 กม.เปลี่ยนเป็นบางบำหรุ-มักกะสัน ผ่านบางบำหรุ สามเสน ราชวิถี อนุสาวรีย์ชัยฯ ดินแดง โดยได้เลื่อนการก่อสร้างไปเป็นปี2572

เหตุผลที่ต้องปรับเปลี่ยนแนวเส้นทาง เนื่องจากกระทรวงคมนาคมเห็นว่าจะทำให้แนวสายทางเชื่อมเข้ามาในเมืองมากขึ้น ซึ่งจะได้ประโยชน์ในระยะยาว คือ การได้จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น จากการลดจุดเปลี่ยนถ่าย ส่วนวงเงินค่าก่อสร้างทั้ง 12 เส้นทาง ระยะทางรวม 487 กม. วงเงินก่อสร้าง811,070 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ22,000ล้านบาท เนื่องจากเพิ่มสถานีอีก 4 สถานี ซึ่งเป็นการลงทุนร่วมระหว่างรัฐบาลและเอกชน ”สร้อยทิพย์กล่าว

ด้าน โสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า สนข. จะต้องจัดลำดับความสำคัญในการดำเนินโครงการตามแผนแม่บท โดยโครงการที่ต้องเร่งทำ คือ

1. สายสีชมพู (ปากเกร็ด-วงเวียนหลักสี่-วงแหวนรอบนอก-มีนบุรี) ระยะทาง 29.9 กม. มูลค่า 31,300 ล้านบาท และ

2. สายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางกะปิ-มีนบุรี) ระยะทาง 20 กม. และ(บางบำหรุ-ศูนย์วัฒนธรรมฯ) ระยะทาง 12 กม. มูลค่า 117,700 ล้านบาท

โดยรถไฟฟ้าสายสีชมพูจะช่วยแก้ปัญหาการจราจรบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ และรองรับศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีส้มจะช่วยแก้ปัญหาการจราจรบนถนนรามคำแหงด้วย

สำหรับแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางที่จะเสนอ ครม.อนุมัติ จะแบ่งการพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าเป็น 2 ระยะ คือ 1.แผนโครงข่ายระยะ 10 ปี จะให้บริการภายในปี 2556 และ 2.แผนโครงข่ายระยะ 20 ปี จะให้บริการภายในปี 2572 คาดว่าจะสรุปรายละเอียดเสนอให้ ครม.พิจารณาอนุมัติได้ภายในเดือนธ.ค.นี้

ส่วนโครงการที่เพิ่มเติมในแผนแม่บทมี 4 เส้นทาง คือ
1. สายสีชมพู (ปากเกร็ด-มีนบุรี) เปิดเดินรถปี 2562
2. สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-พัฒนาการ-สำโรง) เปิดเดินรถปี 2572
3. สายสีเทา (วัชรพล-พระราม 4-สะพานพระราม 9 ) เปิดเดินรถปี 2572 และ
4. สายสีดำ(ดินแดง-มักกะสัน-สาทร) เปิดเดินรถปี 2572
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45546
Location: NECTEC

PostPosted: 01/12/2009 12:14 pm    Post subject: BKK Monorail Networks for Chulalongkorn University Reply with quote

ทำโมโนเรลรอบจุฬาฯบรรทัดทอง-อังรีดูนังต์
เดลินิวส์ วันอังคาร ที่ 01 ธันวาคม 2552 เวลา 8:20 น

คิดสร้างโมโนเรล 2.5 กม. วิ่งรับนักศึกษารอบจุฬาฯ
โดย ทีมข่าวกทม.
ไทยรัฐออนไลน์ 1 ธันวาคม 2552, 05:00 น.

นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับคณะกรรมการบริหาร สำนักงานทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่องการดำเนินโครงการก่อสร้างรถโมโนเรล ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง กทม.และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 30 พ.ย.


รองผู้ว่า กทม. ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ เปิดเผย ผลการประชุมเรื่องโครงการก่อสร้างรถโมโนเรล โดยความร่วมมือกันระหว่าง กทม. กับ คณะกรรมการบริหาร สำนักงานทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่า ที่ประชุมเห็นตรงกันว่าจะดำเนินการนำร่องในเส้นทางที่เป็นไปได้มากที่สุด คือ เส้นทางพญาไทเชื่อมถนนพระราม 1 และพระราม 4 ระยะทาง 2.5 กิโลเมตร เบื้องต้นจะดำเนินโครงสร้างขนาดเท่าโครงการรถโมโนเรลเซ็นโทซ่า ประเทศสิงคโปร์ ที่มีการไป ศึกษาดูงานมา โดยก่อสร้างในเกาะกลางถนน จำนวน 4 สถานี ครอบคลุมการเดินทางของนักเรียนและนักศึกษาจาก 5 สถาบันในพื้นที่ดังกล่าว ประมาณการตัวเลขผู้ใช้บริการจำนวนหลายหมื่นคน ได้แก่:

1. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย Laughing
2. โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา Embarassed
3. โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน
4. สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตปทุมวัน Shocked
5. สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตอุเทนถวาย Shocked

อย่างไรก็ตามจากผลการศึกษาสามารถจัดทำเส้นทางรถโมโนเรลในบริเวณโดยรอบจุฬาฯ พื้นที่พัฒนารวมกว่า 300 ไร่ อีก 2 เส้นทาง ได้แก่

1. เส้นทางบรรทัดทอง และ
2. ถนนอังรีดูนังต์ - สำหรับ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ซึ่งจะมีการพิจารณาดำเนินการในอนาคตต่อไป เพื่อให้เส้นทางมีความเชื่อมโยงและส่งต่อผู้โดยสารให้กับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว (สถานีสยาม-สนามกีฬาแห่งชาติ) และสายสีน้ำเงิน (สถานีสามย่าน) ด้วย

ระหว่างนี้จะให้จุฬาฯ ไปดูพื้นที่ว่าจุดใดเหมาะสมและมีความเป็นไปได้ในการก่อสร้าง ศูนย์ซ่อมบำรุง ส่วน กทม. จะนำเสนอรัฐบาลเพื่อขออนุมัติงบไทยเข้มแข็ง 5,000 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ว่าฯ กทม. ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีแล้ว และนายกรัฐมนตรีเห็นด้วย จึงต้องเร่งทำรายละเอียด สรุปเสนอพิจารณาต่อไป.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45546
Location: NECTEC

PostPosted: 07/12/2009 3:08 pm    Post subject: BMA Monorail - Chula Ring Reply with quote

โมโนเรลสายแรก ที่สามย่าน

เดลินิวส์ออนไลน์ วันจันทร์ ที่ 07 ธันวาคม 2552 เวลา 7:57 น

Click on the image for full size

หลังจากที่วางแผนสร้างโครงการโมโนเรลในพื้นที่กรุงเทพฯมานาน แต่สุดท้ายก็สรุปลงตัวในพื้นที่สามย่าน ย่านจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเนื่องจากเป็นจังหวะที่ดี คือ กทม.จะสร้างระบบขนส่งแบบรางเบาที่ก่อสร้างได้เร็วและอำนวยความสะดวกกับ ประชาชนได้ ส่วนสำนักทรัพย์สินจุฬาฯก็วางแผนที่จะพัฒนาพื้นที่ สามย่านใหม่ จึงเป็นการดีที่จะร่วมมือกันพัฒนาทั้ง 2 ฝ่าย และหลังจากหารือแนวทางร่วมกันมาระยะหนึ่ง กทม.และจุฬาฯก็มีความลงตัวในเส้นทางก่อสร้างโมโนเรล ซึ่งเป็นรถไฟฟ้ารางเดี่ยวขนาดเบาขึ้นเป็นสายแรกของเมืองกรุง

โดยเส้นทางแรกที่นำร่อง เริ่มที่พญาไทเชื่อมถนนพระรามที่ 1 ตรงไปตามแนวถนนพญาไท ผ่านห้างมาบุญครอง จุฬา ลงกรณ์มหาวิทยาลัย บรรจบกับถนนพระรามที่ 4 ระยะทางรวม 3 กม. คือ ไป 1.5 กม. และกลับ 1.5 กม. โดยจะก่อสร้างในถนนเกาะกลาง มีสถานีจอด 4 สถานี (แต่ในภาพ มีถึง 6 สถานี เพราะ รวมสถานีเชื่อมกับรถไฟฟ้าบีทีเอส และ รถไฟใต้ดินด้วย) ได้แก่

1. สยาม (เชื่อมสถานีสยาม)
2. จุฬาลงกรณ์มหาวิืทยาลัย (ฝั่งอังรีดูนังต์)
3. สามย่าน (จามจุรีสแควร์ - เชื่อมสถานีสามย่าน)
4. จุฬาซอย 42 (โรงเก็บรถ Monorail อยู่ที่นี่)
5. บรรทัดทอง
6. จุฬาซอย 12

เส้นทางโมโนเรลดังกล่าวจะเป็นการเสริมการเดินทางจากระบบขนส่งมวลชน คือ รถไฟฟ้าบีทีเอสที่ถนนพระรามที่ 1 และ รถไฟฟ้าใต้ดินที่ถนนพระรามที่ 4 ซึ่งในย่านดังกล่าวเป็นจุดรวมของสถานที่สำคัญ ๆ ทั้งห้างสรรพสินค้าชั้นนำย่านสยาม ได้แก่ ห้างมาบุญครอง ห้างสยามดิสคัฟเวอรี่ ห้างสยามพารากอน สยามสแควร์ เป็นต้น รวมทั้งเป็นแหล่งรวมของสถาบันการเรียน ได้แก่

1. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ลงที่ สถานีจุฬาลงกรณ์มหาวิืทยาลัย (ฝั่งอังรีดูนังต์))
2. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย (ลงที่ สถานีจุฬาลงกรณ์มหาวิืทยาลัย (ฝั่งอังรีดูนังต์))
3. โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา (ลงที่ สถานีจุฬาลงกรณ์มหาวิืทยาลัย (ฝั่งอังรีดูนังต์))
4. โรงเรียนสาธิตปทุมวัน
5. สาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร (ลงที่ สถานีจุฬาลงกรณ์มหาวิืทยาลัย (ฝั่งอังรีดูนังต์))

รวมถึงประชาชนที่ทำงานในพื้นที่และที่ใช้เป็นเส้นทางต่อเชื่อมการเดินทาง ต่าง ๆ ซึ่งประมาณการว่าจะมีประชาชนมาใช้บริการจำนวนหลายหมื่นคน

นอกจากเส้นทางแรกแล้ว กทม.ก็ได้หารือกับจุฬาฯ เพื่อทำต่อในเส้นทางที่ 2 และ 3 ให้มีการเชื่อมกับเส้นทางแรก โดยสร้างขนาบทั้ง 2 ฝั่ง บรรจบกับเส้นทางแรก โดยจะสร้างขนานกับเส้นทางแรกคือ แนวถนนบรรทัดทองและถนนอังรีดูนังต์ ซึ่งจะทำให้พื้นที่ย่านจุฬาฯ นั้นมีความเชื่อมโยงการเดินทางได้สะดวกที่สุดควบคู่ไปกับการพัฒนาพื้นที่

นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รอง ผู้ว่าฯกทม. กล่าวถึงแนวทางการดำเนินโครงการว่า การเลือกทำรถไฟฟ้าขนาดเบาแทนรถไฟฟ้าปกตินั้น เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานถูกกว่า 1 ใน 3 และสามารถก่อสร้างให้แล้วเสร็จด้วยเวลาน้อยกว่า คือใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 1 ปี เท่านั้น อีกทั้งการก่อสร้างจะใช้งบประมาณน้อยกว่ารถไฟฟ้าขนาดใหญ่ คือ ใช้งบประมาณ 1,300 ล้านบาท ต่อ 1 กิโลเมตร ซึ่งถูกกว่าหลายพันล้านบาท แม้จะขนผู้โดยสารได้น้อย กว่ารถไฟฟ้าขนาดใหญ่ แต่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเดินทางของประชาชน และลดปัญหาการจราจรได้ดี การที่เริ่มโครงการในจุดดังกล่าวเป็นเส้นทางแรก เนื่องจากทางจุฬาฯมีแนวทางในการพัฒนาพื้นที่ พร้อมกันกับที่ กทม.มีแนวทางที่จะก่อสร้างรถไฟฟ้าขนาดเบาในพื้นที่กรุงเทพฯพอดี จึงร่วมกันศึกษาความเป็นไปได้ และเมื่อพบว่าสามารถดำเนินการได้ กทม.ก็สามารถทำได้ทันทีเมื่อจุฬาฯอนุญาตให้ใช้พื้นที่ ซึ่งเป็นผลดีกับประชาชน

นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เป็นการให้ความหวังทางใหม่ในการเดินทางของประชาชน.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45546
Location: NECTEC

PostPosted: 24/12/2009 7:23 pm    Post subject: Reply with quote

ท่องสิงคโปร์ เยือนมาเลเซีย ผุด “โมโนเรล” ให้เมืองกรุง
รายงานโดย : รัชญา จันทะรัง
ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 ธันวาคม 2552 04:54 น.


หลังจากที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้เปิดให้บริการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพอย่างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายบีทีเอสจากสถานีตากสิน-สถานีวงเวียนใหญ่ ระยะทาง 2.2 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมาซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างจากชาวฝั่งธนฯ ขณะเดียวกันก็ถึงเวลาที่ กทม.จะมองหาระบบขนส่งมวลชนรูปแบบใหม่ๆมาอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนมากขึ้น กทม.จึงร่วมกับ บ.กรุงเทพธนาคม จำกัด นำโดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.นำคณะไปศึกษาดูงานที่สหพันธรัฐมาเลเซีย และสาธารณรัฐสิงคโปร์ เมื่อเร็วๆ นี้


ทันทีที่ล้อเจ้านกยักษ์แตะรันเวย์สนามบินแห่งชาติ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์แห่งสหพันธรัฐมาเลเซีย ที่นั่นเราก็ได้พบกับระบบขนส่งมวลชนในสนามบินที่ประเทศไทยกำลังจะมี นั่นคือรถไฟฟ้าที่ให้บริการในสนามบินเชื่อมต่อระหว่างอาคารผู้โดยสาร (Aero Train) และส่งเข้าระบบรถไฟฟ้า KLIA Ekspres เพื่อเดินทางเข้าสู่กรุงกัวลาลัมเปอร์ด้วยเวลาเพียง 28 นาที จากระยะทาง 57 กิโลเมตร ซึ่งจะมีรถออกทุกๆ 15 นาที ราคาตั๋วโดยสาร 35 ริงกิต หรือประมาณ 350 บาท

ณ เมืองหลวงทางเศรษฐกิจของมาเลเซีย ซึ่งระบบคมนาคมขนส่งในตัวเมืองนอกจากจะมีรถเมล์ รถแท็กซี่เหมือนบ้านเราแล้ว ยังมีระบบขนส่งมวลชนที่เรียกว่า “KL Monorail” ระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว ซึ่งวิ่งให้บริการพื้นที่ชั้นใน ระยะทาง 8.6 กิโลเมตร มี 11 สถานี ใช้งบก่อสร้าง 318.2 ล้านดอลล่าสหรัฐหรือประมาณ 11,137 ล้านบาทมีจำนวน 48 ที่นั่ง ยืนได้ 166 คน

KL Monorail สามารถรับผู้โดยสารได้ 40,000 เที่ยวคนต่อวัน และระหว่างที่ก่อสร้างก็ส่งผลกระทบต่อการจราจรน้อย เนื่องจากมีขนาดเล็ก มีรางคู่ขนานที่ใช้พื้นที่เพียง 4.5 เมตร ขณะที่ระบบรถไฟฟ้าขนาดเบา Light rail ใช้พื้นที่สำหรับวางราง 8-10 เมตร ซึ่งผู้บริหารKL Monorailให้ความเห็นว่าโมโนเรลเหมาะกับการให้บริการพื้นที่ชั้นในเมืองมากที่สุด เนื่องจากใช้พื้นที่น้อย สามารถซอกแซกไปตามที่แคบๆได้ ค่าโดยสารคิดตามระยะทางเริ่มตั้งแต่สถานีที่ 1 คิด 1.20 ริงกิตหรือประมาณ 12 บาท สูงสุดจะอยู่ที่ 2.50 ริงกิต

ขณะที่ระบบรถไฟฟ้าขนาดเบาของเมืองสิงคโปร์อย่าง SMRT Light rail สายบูกิต (Bukit) ระยะทาง 7.8 กิโลเมตร มีจำนวน 14 สถานี รถโดยสารเป็นแบบล้อยาง ไม่มีพนักงานขับรถแต่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุม โดยราคาค่าตั๋วโดยสารจะเก็บตามระยะสามารถรับส่งผู้โดยสารได้ 45,000 เที่ยวคนต่อวัน รัฐบาลถือหุ้น 40% เอกชนถือหุ้น 60% ซึ่งขณะนี้ยังขาดทุนนับแต่เปิดให้บริการเมื่อปี 2542 ใช้เงินลงทุนกิโลเมตรละ 900 ล้านบาท

สิงคโปร์เชื่อมที่อยู่อาศัย และแหล่งท่องเที่ยวเข้ากับระบบรถไฟฟ้า เช่น เกาะเซ็นโตซ่าแหล่งพักผ่อนสำหรับชาวสิงคโปร์และนักท่องเที่ยวก็จะมี “Sentasa monorail” พาทุกคนเดินทางสู่เกาะเซ็นโตซ่าได้อย่างสะดวกสบายในเวลาไม่ถึง 5 นาที ด้วยระยะทางเพียง 2.1 กิโลเมตร จำนวน 3 สถานี 2 ตู้ขบวน จุได้ 184 คนเปิดให้บริการปี 2549 หลังจากใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี โดยบริษัทฮิตาชิ เป็นคนสร้างและให้ข้อแนะนำว่าโมโนเรลสามารถนำมาวิ่งบนดินหรือลงใต้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ โดยเซ็นโตซ่าโมโนเรลมีรถวิ่ง 5 คัน แต่ละคันก็จะมีสีที่แตกต่างกันไป


รองผู้ว่าฯ ธีระชน ได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ว่า จากทั้ง 3 ระบบที่ได้ใช้บริการ ได้แก่ รถไฟฟ้า รถฟ้ารางเดี่ยวและรถฟ้าขนาดเบาแบบล้อยาง มีความเหมือนกันตรงที่มีการใช้กระแสไฟฟ้า ขณะที่ความแตกต่างนั้นจะขึ้นอยู่ที่จำนวนผู้โดยสาร ซึ่งหากไม่ถึง 1 แสนคนก็ควรที่จะใช้ระบบ Light rail ซึ่งมีทั้งแบบล้อยางและล้อเหล็กหากเป็นล้อยางไม่ต้องศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม(EIA) แต่ล้อเหล็กจะใช้งบก่อสร้างที่แพงกว่าประมาณ 2,000 ล้านต่อกิโลเมตร แต่ก็มีศักยภาพในการให้บริการผู้โดยสารได้สูงกว่า รวมถึงระบบโมโนเรลก็ได้เช่นกัน แต่หากมากกว่านี้ ก็ควรที่จะเป็นรถไฟฟ้า โดยโมโนเรลของมาเลเซียจากเดิมที่มีผู้ใช้บริการ 24,000 คนต่อวัน 6 ปีต่อมาเพิ่มขึ้นเป็น 60,000 คนต่อวัน ส่วนเซ็นโตซ่า โมโนเรล ใช้ไม่ถึง 3 ปี ขณะนี้มีผู้ใช้บริการถึง 2 แสนคนต่อวันซึ่งของเซ็นโตซ่ามีการใช้เทคโนโลยีแบบใหม่ที่ทำให้รถวิ่งได้ราบเรียบมากขึ้นด้วย

ทางผู้ว่าฯกทม. อยากได้โมโนเรลที่มีสีสันสวยงามอย่างเซ็นโตซ่า โมโนเรล ซึ่งสายแรกที่จะมีโอกาสได้เห็นได้แก่เส้นทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยซึ่งจะใช้งบประมาณในการก่อสร้างกิโลเมตรละประมาณ 1,300 ล้านบาท ขณะที่บีทีเอสค่าก่อสร้างตกอยู่ที่ 3,000 ล้านบาทต่อกิโลเมตร ทั้งนี้ มีความตั้งใจว่าอยากเริ่มก่อสร้างในปี 2553 หรืออย่างน้อยที่สุดให้เริ่มต้นในสมัยที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยังดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.

เราคนกรุงเทพฯก็คงต้องรอลุ้นกันว่าในยุคสมัยผู้ว่าฯ ที่ชื่อ “สุขุมพันธุ์” จะมีโมโนเรลเกิดขึ้นตามที่ขายฝันได้จริงหรือไม่ 3 ปีต่อจากนี้ต้องดูกัน
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45546
Location: NECTEC

PostPosted: 03/01/2010 6:58 pm    Post subject: Reply with quote

นักการเมืองจ้องฮุบเค้กรถไฟฟ้า 6 แสนล้านบาท

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 31 ธันวาคม 2552 23:57 น.



จับตานักการเมืองน้ำลายหก จ้องรุมทึ้ง โครงการใหญ่รถไฟฟ้ามูลค่ารวม 6 แสนล้านบาท หวังเข้ามาแบ่งเค้กก้อนโต แย่งชิงผลประโยชน์เข้าพรรคพวก เมินประชาชนเจ้าของประเทศ และ ให้ จับตากลุ่มผู้รับเหมาก๊วนใครจะประมูลได้งานก่อสร้าง รถไฟฟ้าสีม่วง สีแดง สีน้ำเงิน และสีเขียว มูลค่ากว่าแสนล้านบาท ของรัฐบาล”อภิสิทธิ์” ซึ่งอยู่ภายใต้ การกำกับดูแลของ”โสภณ ซารัมย์” ที่กลุ่มเพื่อนเนวิน ส่งมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม คุมโปรเจกต์แสนล้าน

ในรอบปี 2552 ใช้เวลาทั้งปี ไปกับการประมูลก่อสร้างงานโยธา รถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ – บางซื่อ ระยะทาง 23 กิโลเมตร ทั้งๆที่ยุคก่อนหน้ารัฐบาลพลังประชาชน สายสีม่วงมีความพร้อมมากในการประมูลและวางแผนว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2552 แต่ทำได้จริง คือ ลงนามในสัญญาก่อสร้างที่ 1 กับกลุ่ม CKTC Joint Venture (บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โตคิว คอนสตรัคชั่น จำกัด) ในส่วนโครงสร้างยกระดับส่วนตะวันออก ระยะทาง 12 กิโลเมตร วงเงิน 14,292 ล้านบาท

ส่วนสัญญาที่ 2 โครงสร้างกระดับส่วนตะวันตก ระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร ผู้รับเหมาเป็น กลุ่มของบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) วงเงิน 13,100 ล้นบาท ต้องลุ้นกันวันสุดท้ายปลายปี กว่าจะได้เซ็นสัญญากัน

ขณะที่สัญญาที่ 3 ศูนย์ซ่อมบำรุงและอาคารจอดรถซึ่งกลุ่ม PAR Joint Venture ( บริษัทแอสคอน คอนสตรัชั่น จำกัด (มหาชน),บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) และ บริษัท รวมนครก่อสร้าง (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับเหมา วงเงิน 5,025 ล้านบาท ประมูลกันน็อครอบปี กว่าจะได้เซ็นสัญญา

สำหรับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค) ระยะทาง 27 กิโลเมตร อยู่ที่กระบวนการกำหนดราคากลาง หลังคณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติเห็นชอบปรับเพิ่มกรอบวงเงินค่าก่อสร้างงานโยธา จากวงเงิน 48,821 ล้านบาทเป็น 52,460 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้นจำนวน 3,401 ล้านบาท (7.81%) เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 52 ซึ่งเหตุที่ต้องมีการปรับวงเงินค่าก่อสร้างกันใหม่ก็เพราะราคาเดิมคำนวนกันไว้ไม่สอดคล้องกับภาวะและสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว เพราะการดำเนินโครงการล่าช้ามาก จนค่าก่อสร้างที่คำนวณจาก ค่าวัสดุ ต้นทุนต่างๆ เปลี่ยนแปลงและทำให้นำไปเปิดประมูลไม่ได้

นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ขึงขัง สั่งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ให้เร่งกำหนดราคากลางเสร็จภายในเดือนพ.ย. 52 และให้ประกาศประกวดราคาแบบนานาชาติ (International bid) ในเดือนธ.ค. 52 ซึ่งตามตาราง จะมีการขายเอกสารประกวดราคาได้ในเดือนม.ค.2553 โดยจะให้เวลาจัดทำข้อเสนอประกาดราคา 3 เดือน (ก.พ.-เม.ย. 2553) พิจารณาข้อเสนอและเจรจาต่อรอง ช่วงพ.ค.-ส.ค.2553 เสนอคณะกรรมการ รฟม.อนุมัติการจัดจ้าง ก.ย.2553 และเริ่มการก่อสร้างในเดือนต.ค. 2553 เปิดให้บริการกลางปี 2559 30 ธ.ค.2552 วันสุดท้ายของปี ราคากลางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ยังไม่เรียบร้อย แน่นอน ที่วางกรอบเวลาการดำเนินโครงการคงทำไม่ได้เหมือนโครงการอื่นๆ

ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย เขียวเข้ม ช่วง หมอชิต – สะพานใหม่ ระยะทาง 12 กม.มูลค่า 33,212 ล้านบาท และ เขียวอ่อน ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการระยะทาง 13 กม. มูลค่า 25,900 ล้านบาท ซึ่งมติครม.กำหนดให้ รฟม.เป็นผู้รับผิดชอบการก่อสร้างงานโยธา แต่ปี 52 รฟม.และกระทรวงคมนาคมก็ไม่สามารถผลักดันเพื่อเริ่มต้นโครงการได้ ในขณะเดียวกัน กรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งเป็นเจ้าของรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่รอต่อเชื่อมกับสายสีเขียวเข้มและอ่อน ส่งสัญญาณผ่านนายกรัฐมนตรี “อภิสิทธิ์” ขอเป็นเจ้าของสีเขียวเข้มและอ่อนแทนรฟม. ซึ่งมีสัญญาณว่า รฟม.อาจต้องให้สิทธิ์การก่อสร้างงานโยธากับ กทม. เพราะ กทม.คือประชาธิปัตย์ – ประชาธิปัตย์คือ หัวหน้ารัฐบาลนี้

กระทรวงคมนาคมและรฟม.แสดงสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของสายสีเขียวเข้มและอ่อน โดยใช้เหตุผลว่า แนวเส้นทางออกนอกเขตกทม. เกินอำนาจของกทม. ขณะที่กทม.แสดงอิทธิฤทธิ์กลับ ด้วยการไม่ให้รฟม.ใช้พื้นที่ในเขต กทม.

เป็นเกมชิงผลประโยชน์ของนักการเมืองที่ชัดเจน โดยไม่สนใจว่า ประชาชนจะเสียประโยชน์จากการได้ใช้ระบบขนส่งมวลชน ต้องเสียเวลา ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และประเทศต้องสูญเสียประโยชน์จากการประหยัดพลังงานและเวลาในการเดินทางของประชาชน ที่ประเมินมูลค่าไม่ได้

ทั้งนี้ รฟม.อยู่ระหว่างปรับแบบในช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ ในส่วนที่เป็นพื้นที่ของ กทม. ซึ่งรฟม.ยืนยันความพร้อมที่จะประกวดราคาในส่วนของสายสีเขียวอ่อนก่อน ซึงล่าสุดบริษัทที่ปรึกษาได้ดำเนินการจัดทำร่างทีโออาร์เรียบร้อยแล้ว และจะประกวดราคาแบบอิเล็กทรอนิกส์ (อี-อ็อคชั่น)จึงต้องดูกันต่อว่าปี 53 รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้มและสีเขียวอ่อน กว่า 5 หมื่นล้านบาท คมนาคมหรือ กทม.จะได้เป็นเจ้าของ

ด้านสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต มูลค่า 77,000 ล้านบาท ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) โดยกระทรวงการคลังลงนามกู้เงินกับ องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งประเทศญี่ปุ่น (JICA) เมื่อเดือนมีนาคม 2552 หมดเวลาทั้งปีไปกับการเจรจากับ JICA ในประเด็น ขั้นตอนการประมูลคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างงานโยธา ซึ่ง ร.ฟ.ท. เจ้าของโครงการ ต้องการเปิดประมูลพร้อมกันทั้ง 3 สัญญา โดยให้ผู้รับเหมายื่นเอกสารประกวดราคาพร้อมกัน 3 ซอง ทั้งคุณสมบัติเบื้องต้น,เทคนิคก่อสร้างและราคา เช่นเดียวกับการประมูลก่อสร้างสายสีม่วงช่วงบางใหญ่-บางซื่อ เพื่อความรวดเร็ว

ในขณะที่ JICA ต้องการให้ผู้รับเหมายื่นเอกสารทีละขั้นตอน ไม่ใช่ยื่นพร้อมกันทั้ง 3 ซอง ร.ฟ.ท.ทำหนังสือหารือ JICA ตลอดปี 52 ถึง 3 ครั้ง ก็ยังตกลงกันไม่ได้

นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะกรรมการ ร.ฟ.ท. กล่าวยืนยันแผนการประมูลว่าจะให้ผู้รับเหมายื่นเอกสารคุณสมบัติเบื้องต้น,เทคนิคก่อสร้างและราคา 3 ซองพร้อมกัน และจากการหารือกับ JICA อย่างไม่เป็นทางการไม่มีปัญหาแล้ว และคาดว่า ร.ฟ.ท.จะประกาศร่างเงื่อนไขการประมูล (TOR)บนเว็บไซด์ได้ในเดือนม.ค. 2553 และประกาศขายแบบได้ในเดือนก.พ. 2553 ยื่นเอกสารประมูลเดือนมี.ค. 2553 การที่ไม่สามารถดำเนินงานได้ตามกรอบเวลา ทำให้ทุกโครงการที่ใช้เงินกู้ JICA ต้องถูกปรับกรณีไม่สามารถเบิกจ่ายเงินกู้มาดำเนินงานได้ตามแผน ในอัตรา 0.1% ของเงินในแต่ละงวด แสดงให้เห็นว่า กรอบเวลาไม่มีความหมายต่อการทำงาน

สนข.เผยแผนแม่บท รถไฟฟ้า

สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) สรุปสถานะโครงการถไฟฟ้าระยะแรก 7 สาย 145 กม.มูลค่ารวม 324,226 ล้านบาท ประกอบด้วย

1. สีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) มูลค่า 60,185 ล้านบาท แล้วเสร็จ ส.ค. 57
2. สายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระและหัวลำโพง-บางแค )มูลค่า 83,123 ล้านบาท แล้วเสร็จ ก.พ.59
3. สีเขียว
3.1 หมอชิต-สะพานใหม่ มูลค่า 33,212 ล้านบาท แล้วเสร็จ เม.ย. 58 และ
3.2 แบริ่ง-สมุทรปราการ มูลค่า 25,900 ล้านบาท แล้วเสร็จ เม.ย. 58
4. สีแดง
4.1 บางซื่อ-ตลิ่งชัน มูลค่า 9,311 ล้านบาท แล้วเสร็จ ม.ค. 55 และ
4.2 บางซื่อ-รังสิต –มธ.ศูนย์รังสิต มูลค่า 75,548 ล้านบาท แล้วเสร็จ ปี 58
4.3 ช่วงบางซื่อ-พญาไท-หัวหมาก มูลค่า 36,947 ล้านบาท แล้วเสร็จ ปี 2562

ระยะที่ 2 อีก 9 สาย ระยะทาง 141 กม.มูลค่ารวม 308,594 ล้านบาท กำหนดดำเนินงานภายในปี 62 ประกอบด้วย
1. สายสีส้ม
1.1 (ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม ) มูลค่า 64,680 ล้านบาท
1.2 (ศูนย์วัฒนธรรม-บางกะปิ-มีนบุรี) มูลค่า 73,070 ล้านบาท
2. สีม่วง (บางซื่อ-ราษฏร์บูรณะ) มูลค่า 66,820 ล้านบาท
3.สีเขียว
3.1 (สะพานใหม่-คูคต) มูลค่า 14,945 ล้านบาท
3.2 (สนามกีฬาฯ-ยศเส) มูลค่า 1,330 ล้านบาท
4. สีชมพู (แคราย-ปากเกร็ด-มีนบุรี) มูลค่า 38,730 ล้านบาท
5. สีแดง
5.1 (หัวลำโพง-บางบอน) มูลค่า 25,470 ล้านบาท
5.2 (ตลิ่งชัน-ศาลายา) มูลค่า 9,950 ล้านบาท และ
6. แอร์พอร์ตลิ้งค์ส่วนต่อขยาย บางซื่อ-พญาไท มูลค่า 13,590 ล้านบาท

ซึ่งโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า จะเป็นโปรเจ็กต์สำคัญและเป็นเครื่องมือของรัฐบาล ในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้น แต่คงไม่สามารถดำเนินโครงการให้ได้ตามกรอบเวลาของแผนได้เหมือนที่ผ่านมา เพราะใครๆ ก็อยากมีส่วนร่วมกับ 632,816 ล้านบาทที่สนข.ประเมินมูลค่าการลงทุนไว้ ซึ่ง สายสีเขียวอ่อนและเข้มเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน ของการเปิดศึกชิง ระหว่างกทม.(ประชาธิปัตย์) & กระทรวงคมนาคม (ภูมิใจไทย)
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 20, 21, 22 ... 299, 300, 301  Next
Page 21 of 301

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©