| View previous topic :: View next topic |
| Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006 Posts: 45546
Location: NECTEC
|
Posted: 04/01/2010 9:29 am Post subject: |
|
|
จัดแถว "รถไฟฟ้าภูมิใจไทย" ปี"53 "แอร์พอร์ตลิงก์" ฝืนวิ่ง เม.ย.- "ม่วง" ลงเสาเข็ม ม.ค. "เขียว" ยังต้องลุ้น- "แดง" อืด "น้ำเงิน" ขยับ
หน้า 6 ประชาชาติธุรกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 4172 วันที่ 04 มกราคม พ.ศ. 2553
ก้าวผ่านปีฉลูมาแบบไม่ฉลุยเท่าไร "โครงการรถไฟฟ้า" หลากสี ในมือกระทรวงคมนาคมที่ "โสภณ ซารัมย์" รัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย นั่งกำกับดูแลอยู่ วินาทีนี้ (2553) ล่วงเข้าสู่ปีที่ 2 ของรัฐบาลมาร์คแล้ว ดูเหมือนแต่ละสายทางยังติด ๆ ขัด ๆ ไม่ราบรื่น ทั้ง ๆ ที่เจ้าของกระทรวงหูกวางเพียรเฝ้าเร่งวัน เร่งคืนให้เปิดประมูลแบบ หวั่นชวด หากรัฐบาลหมดอายุก่อนเวลาอันควร
"โสภณ" ยอมรับว่า ในรอบ 1 ปี ที่ผ่านมา การพัฒนาระบบการขนส่งมวลชนมีปัญหามาตลอด แต่ปัจจุบันเส้นทางต่าง ๆ เริ่มดำเนินการบ้างแล้ว ทั้งสายสีแดง สีม่วง สีน้ำเงิน ถือว่าปักธงแล้ว และปี 2553 จะก่อสร้างได้
แม้ รมว.คมนาคมจะลงมาจี้ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เร่งทำคลอดรถไฟฟ้า แต่ก็ไม่ง่ายนัก เพราะโดยภาพรวมยังมีปัญหาและอุปสรรค ทั้งสายที่สร้างเสร็จ อยู่ระหว่างก่อสร้าง และที่ตั้งแท่นเปิดประมูล
ฝืน "แอร์พอร์ตลิงก์" เปิดวิ่ง เม.ย.
หันมาดูโครงการรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิหรือแอร์พอร์ตเรลลิงก์ของ ร.ฟ.ท. กว่างานก่อสร้าง จะแล้วเสร็จก็หืดขึ้นคอ เพราะใช้เวลาถึง 5 ปี จนขณะนี้โครงสร้างและรถที่นำมาวิ่งทดสอบเริ่มมีสภาพเก่า
แถมยังต้องออกแรงลุ้นอีกเฮือกว่าจะเปิดสมบูรณ์แบบได้เมื่อใด แม้รัฐบาลมาร์คและ รมว.จากพรรคภูมิใจไทยตั้งเป้า เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เดือนเมษายน 2553 แต่ความพร้อมยังไม่ 100% และส่อแววจะถูกเลื่อนออกไปอีกเป็นกลางปี หรืออย่างช้า วันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันแม่แห่งชาติ
แม้จะเคลียร์กับสหภาพการรถไฟฯที่ออกมาต้านแผนฟื้นฟูกิจการ ร.ฟ.ท.สำเร็จ โดยเปิดทาง ร.ฟ.ท.ตั้งบริษัทเดินรถ แอร์พอร์ตลิงก์ได้ แต่ขณะนี้บริษัทลูก ยังไม่ได้ตั้ง ร.ฟ.ท. มีแผนจะจัดตั้งในเดือนมกราคม 2553 ขณะที่การส่งมอบพื้นที่งานก่อสร้างจาก บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ก็ยังไม่เรียบร้อย พนักงานเดินรถที่บรรจุ ในบริษัทลูกยังคัดเลือกไม่แล้วเสร็จ ได้แค่ 30% จากที่ต้องการทั้งหมดกว่า 400 คน ที่สำคัญต้องรอให้วิศวกรอิสระ (ICE) รับรองความปลอดภัยก่อนจึงเปิดใช้บริการได้
"ยุทธนา ทัพเจริญ" ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. กล่าวว่า เพื่อให้เปิดใช้ทันเดือนเมษายน ตามที่รัฐบาลต้องการ ได้หาทางออกในการเดินรถแอร์พอร์ตลิงก์ โดย ร.ฟ.ท. จะสร้างบริษัท Deutsche Bahn International (DBI) จากเยอรมนีมาเดินรถชั่วคราว อาจจะ 3 ปี นอกเหนือจากที่จ้างไปแล้ว 85 ล้านบาท จัดทำคู่มือ ฝึกการเดินรถ ประเมินค่าจ้างโดย DBI นำคนมาส่วนหนึ่งผสมผสานกับพนักงานของบริษัทลูกบางส่วนเพื่อฝึกพนักงานควบคู่ไป
บางซื่อ-ตลิ่งชัน ครบ 1 ปี คืบ 14%
รถไฟชานเมืองสายสีแดง "ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน" ระยะทาง 15 กิโลเมตร สตาร์ตก่อสร้างเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2552 กำลังจะครบขวบปี คืบหน้าแค่ 14% ยังติดขัดเรื่องการรื้อย้ายผู้บุกรุกริมทางรถไฟกว่า 3,000 ครัวเรือน ปัจจุบัน บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น และ พันธมิตรชุนวู ทำหน้าที่ทั้งก่อสร้างและ รื้อย้าย ยังเหลืออีก 600-700 ครัวเรือน เป็นที่กังวลว่าระยะเวลาที่เหลืออีก 2 ปี ร.ฟ.ท.จะเร่งรัดให้แล้วเสร็จทันกำหนดสัญญาวันที่ 9 มกราคม 2555 นี้หรือไม่ หรือจะซ้ำรอยแอร์พอร์ตลิงก์
บางซื่อ-รังสิต บิดดิ้ง ม.ค.-สร้างต้นปี"54
ส่วนรถไฟชานเมืองอีกสาย "บางซื่อ-รังสิต" ระยะทาง 26 กิโลเมตร ค่าก่อสร้างกว่า 7 หมื่นล้านบาท ที่ ร.ฟ.ท.แบ่งงานก่อสร้าง 3 สัญญา (งานโยธา 2 สัญญา และระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมตัวรถ ไฟฟ้า 1 สัญญา) ในรอบปี 2552 ที่ผ่านมา ร.ฟ.ท.ยังวนเวียนอยู่กับการขอปรับเงื่อนไขร่างประกาศประกวดราคา หรือทีโออาร์จากเจ้าของเงินกู้องค์การเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า) ประเด็นการให้รับเหมาไทยเป็นแกนนำในกรณีร่วมทุน หรือจอยต์เวนเจอร์ และการรวมขั้นตอนคัดเลือกคุณสมบัติ (พีคิวบ์ เทคนิค และราคาให้ยื่นพร้อมกัน)
ความคืบหน้าล่าสุด "ยุทธนา" บอกว่า ไจก้ายอมเรื่องสัดส่วนการถือหุ้นกรณีร่วมทุนของผู้รับเหมาไทยแล้ว ในส่วนสัญญางานโยธา 2 สัญญา และต้องมีประสบการณ์งานในไทยอย่างน้อย 1 สัญญา จากทั้งหมด 3 สัญญา ส่วนงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลให้สิทธิบริษัท ต่างประเทศเต็มที่ รวมทั้งจะเร่งประกาศเชิญชวนในเดือนมกราคมนี้ เริ่มสร้าง ช่วงต้นปี 2554 เป็นต้นไป
"ม่วง" ลงเสาเข็มเตาปูน-พระนั่งเกล้า
ขณะที่สายสีม่วง "บางซื่อ-บางใหญ่" 23 กิโลเมตรหลัง รฟม.เซ็นสัญญาก่อสร้างสัญญาที่ 1 จากเตาปูน-สะพานพระนั่งเกล้า ระยะทาง 12 กิโลเมตร กับกลุ่มกิจการ ร่วมค้า CKTC (ช.การช่าง-โตคิว) วงเงิน 14,292 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2552 ที่ผ่านมา ตั้งแต่ 4 มกราคม-สิ้นมีนาคม 2553 ผู้รับเหมาจะเจาะหน้าดินลงเสาเข็มต้นแรก
ส่วนสัญญาที่ 2 งานก่อสร้างจากสะพานพระนั่งเกล้า-บางไผ่ 11 กิโลเมตร 13,100 ล้านบาท ของ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น และสัญญาที่ 3 งานก่อสร้างอาคารจอดแล้วจรและศูนย์ซ่อมบำรุง 5,025 ล้านบาท ของกลุ่มกิจการร่วมค้า PAR (เพาเวอร์ไลน์-แอสคอน-รวมนครก่อสร้าง) หลังเลื่อน มาหลายครั้ง มีแปลนเซ็นสัญญาก่อสร้าง ในเดือนมกราคมนี้เช่นกัน
"น้ำเงิน" ประกาศขายแบบแล้ว
ด้านสายสีน้ำเงิน "บางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค" 27 กิโลเมตร หลังปรับค่าก่อสร้างงานโยธาจาก 48,821 ล้านบาท เป็น 52,460 ล้านบาท และได้รับความเห็นชอบจาก ครม.แล้ว รฟม.กำลังจ้างบริษัท ที่ปรึกษาสำรวจการเวนคืนที่ดินเร่งด่วนตลอดแนว เพื่อให้ทันการคัดเลือกผู้รับเหมาที่กำลังใกล้งวดเข้ามาทุกที
"สุพจน์ ทรัพย์ล้อม" ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม.กล่าวว่า ตั้งแต่ 15-25 มกราคม 2553 รฟม.จะประกาศเชิญชวนผู้รับเหมาที่สนใจยื่นซองประกวดราคาในแบบประมูลนานาชาติ หรืออินเตอร์เนชั่นแนลบิด จากนั้นประมาณเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมน่าจะเปิดให้ยื่นซองประกวดราคาได้ แบ่งออกเป็น 5 สัญญา
สีเขียว นำร่อง "แบริ่ง-สมุทรปราการ"
สำหรับส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือบีทีเอส หากไม่นับรวม 2 สายของกรุงเทพมหานคร (กทม.) คือช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง และวงเวียนใหญ่-บางหว้า ที่มีแผนจะเปิดใช้บริการปี 2554
ในส่วนต่อขยายใหม่ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ 11.4 กิโลเมตร และแบริ่ง-สมุทรปราการ 12.8 กิโลเมตร มูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านบาทนั้น รฟม.ยังเดินหน้าใช้สิทธิตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2551 เปิดประมูลโดยนำร่องช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการก่อน ขณะนี้รอประกาศ พ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดิน มีผลบังคับใช้เพื่อให้อำนาจ รฟม.เข้าไปสำรวจพื้นที่เวนคืน จากนั้นถึงจะกำหนดวันประกาศขายแบบประกวดราคาได้
ส่วนช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ เลื่อนประมูลออกไปแบบไม่มีกำหนด รอปรับแบบก่อสร้างใหม่หลัง กทม. ไม่ยอมให้ใช้พื้นที่เขตบางเขนสร้างสถานีและที่จอดรถ อีกทั้งต้องปรับให้เป็นไป ตามแผนแม่บทรถไฟฟ้า 12 สายทางที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่ง และจราจร (สนข.) ศึกษาเสร็จเรียบร้อยก่อน เนื่องจากมีการย้ายศูนย์ซ่อมบำรุง (เดโป้) จากฐานทัพอากาศดอนเมืองเป็นบริเวณลำลูกกาแทน |
|
| Back to top |
|
 |
Mongwin
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007 Posts: 49416
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 04/01/2010 9:48 am Post subject: |
|
|
| Wisarut wrote: | รถไฟชานเมืองสายสีแดง "ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน" ระยะทาง 15 กิโลเมตร สตาร์ตก่อสร้างเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2552 กำลังจะครบขวบปี คืบหน้าแค่ 14% ยังติดขัดเรื่องการรื้อย้ายผู้บุกรุกริมทางรถไฟกว่า 3,000 ครัวเรือน ปัจจุบัน บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น และ พันธมิตรชุนวู ทำหน้าที่ทั้งก่อสร้างและ รื้อย้าย ยังเหลืออีก 600-700 ครัวเรือน เป็นที่กังวลว่าระยะเวลาที่เหลืออีก 2 ปี ร.ฟ.ท.จะเร่งรัดให้แล้วเสร็จทันกำหนดสัญญาวันที่ 9 มกราคม 2555 นี้หรือไม่ หรือจะซ้ำรอยแอร์พอร์ตลิงก์
|
ผู้บุกรุกริมทางรถไฟนี่แหละ ปัญหาใหญ่จริง ๆ โครงการรถไฟชานเมืองหาดใหญ่-สงขลาจะได้สร้างช้าหรือไม่ได้สร้างก็เพราะปัญหานี้แหละครับ
ที่สงขลานี่ไม่ใช่แค่ผู้บุกรุกริมทางรถไฟเสียด้วย แต่เป็นผู้บุกรุกกลางทางรถไฟนี่สิครับ ไหนจะผู้เช่าที่รถไฟอีก
คงต้องใช้รถไฟชานเมืองสายสีแดงนี้ เป็นต้นแบบรถไฟชานเมืองสายหาดใหญ่-สงขลาในเรื่องการจัดการกับผู้บุกรุกนะครับ 
Last edited by Mongwin on 04/01/2010 10:10 am; edited 1 time in total |
|
| Back to top |
|
 |
Wisarut
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006 Posts: 45546
Location: NECTEC
|
Posted: 04/01/2010 10:00 am Post subject: |
|
|
^^^
ตอนนั่งรถไฟ ผ่านสะพานพระรามหก ก็เจอ ป้ายผ้าเขียนด่า รฟท. ตั้งแต่ ทางหลังตลาดก่อนถึงทางตัดกรุงเทพ - นนทบุรี จนถึง คลองประปาแน
มาดู แผนของคุณชายสุขุมพันธ์ดีกว่า
//------------------------------------------------------------------------------------
โมโนเรล-บีอาร์ที มาแน่ ของขวัญคนกรุงรับปีเสือ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มกราคม 2553 10:09 น.
โมโนเรล 4 เส้นทางของขวัญคนกรุง
ม.ร.วสุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า ส่วนโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดรองรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) กทม.ได้ศึกษาและจัดทำแผนแม่บทแล้วจำนวน 8 เส้นทาง ซึ่ง 4 เส้นทางแรกที่จะเห็นเป็นรูปธรรมในสมัยการบริหารงานของตนได้แก่
เส้นทางที่ 1 สายจุฬา จากสยาม-สามย่าน ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร จำนวน 3 สถานี มูลค่ารวม 2,050 ล้านบาท ซึ่งเป็นสายแรกที่จะนำร่อง
เส้นทางที่ 2 ศาลาว่าการ กทม.2-ถนนเพชรบุรี-ถนนหลานหลวง ระยะทาง 8.2 กิโลเมตร จำนวน 9 สถานี มูลค่ารวม 10,900 ล้านบาท
เส้นทางที่ 3 มหาวิทยาลัยรามคำแหง-ซอยทองหล่อ ระยะทาง 14.4 กม. จำนวน 9 สถานี มูลค่ารวม 11,430 ล้านบาท และ
เส้นทางที่ 4 บางนา-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะทาง 18.6 กม.จำนวน 9 สถานี มูลค่ารวม 16,990 ล้านบาท
โดยการก่อสร้างในแต่เส้นทางใช้พื้นที่เพียงครึ่งเดียวของการก่อสร้างรถไฟฟ้าบีทีเอส ระยะเวลาการก่อสร้างก็น้อยกว่า เช่น ที่เมืองบอมเบย์ ประเทศอินเดีย โมโนเรลระยะทาง 19 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียง 18 เดือนเท่านั้น ซึ่งถือว่าเร็วมาก ดังนั้น สายจุฬาน่าจะได้ใช้บริการภายใน 3 ปี
ต่อข้อถามที่ว่า ระบบโมโนเรลเป็น 1 ในของขวัญด้านการจราจรที่จะมอบให้กับคนกรุงเทพฯหรือไม่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม แต่มอบรอยยิ้มให้แทนคำตอบ
สำหรับแผนการดำเนินงานระบบโมโนเรลทั้ง 4 สายทาง มูลค่ารวมทั้งสิ้น 41,370 ล้านบาท มีรายงานข่าวแจ้งว่ามีแผนจะนำเข้าสู่กระบวนการขอมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ดำเนินงานในเดือนมกราคมนี้ ดังนั้นจึงเป็นไปได้สูงว่าระบบโมโนเรลจะเป็นของขวัญสำคัญที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะมอบให้กับคนกรุงเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในโอกาสครบรอบ 1 ปีการบริหารงาน
Mr.Cando ร่วมโชว์โครงการเด่นปี 2553
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า ภารกิจหลักๆในปีนี้ สำหรับตนด้านการจราจรก็คือโครงการรถเมล์ด่วนพิเศษบีอาร์ทีสายช่องนนทรี-ราชพฤกษ์ จะต้องเปิดให้บริการในวันที่ 15 พ.ค. นี้แน่นอน เพราะผู้ว่าฯ กทม.ได้ตั้งฉายาให้ตนว่า Mr.Cando ดังนั้น ตนจึงต้องทำให้ได้สมกับที่ผู้ว่าฯไว้วางใจ |
|
| Back to top |
|
 |
Wisarut
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006 Posts: 45546
Location: NECTEC
|
Posted: 04/01/2010 5:41 pm Post subject: |
|
|
'ตั๋วร่วม'ฝันที่ยังไปไม่ถึง เหตุขาดคนผลักดันอย่างจริงจัง
โดย ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์ 4 มกราคม 2553 15:35 น.
ตั่วร่วมไม่ถึงฝั่งฝัน เหตุรัฐไม่เร่งรัดอย่างจริงรัง สนข.ชี้รัฐควรให้คนกลางทำระบบเคลียร์ริงเฮ้าส์มากกว่าเข้าไปดำเนินการ ส่วนตั๋วร่วมควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเอกชน คาดจะเห็นเป็นรูปธรรมได้ภายใน4-5 ปีนี้ เพื่อรองรับรถไฟฟ้าสายสีม่วง-สายสีน้ำเงิน
ตั๋วร่วม หรือบัตรโดยสารร่วมที่สามารถใช้กับระบบขนส่งมวลชนได้หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ เรือ รถไฟฟ้า ซึ่งเป็นการเพิ่มความสะดวกสบายผู้โดยสารไม่ต้องพกหลายใบให้ยุ่งยาก รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง รัฐบาลจึงมีนโยบายมีจะพัฒนาตั๋วร่วมให้สามารถใช้กับระบบจนส่งมวลชนที่หลากหลายเหมือนในต่างประเทศที่ใช้กันมาหลายปีแล้ว เช่น ญี่ปุ่น ฮ่องกง เยอรมัน
แหล่งข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) บอกกับผู้จัดการ360 องศารายสัปดาห์ แจ้งว่า
| Quote: | | 'ปัญหาที่ตั๋วร่วมยังไม่สามารถใช้งานได้ในไทย ทั้งที่มีการพูดถึงตั๋วร่วมมากันหลายปี เนื่องจากรัฐบาลไม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเอกชน ส่งผลทำให้ สนข.ต้องมาคิดรูปแบบศูนย์การบริหารจัดการรายได้ หรือเคลียร์ริงเฮ้าส์ว่าจะเป็นรูปแบบใด อีกทั้งสนข.ก็ไม่เห็นด้วยแต่แรกแล้วที่รัฐจะเข้าไปมีส่วนพัฒนาตั๋วร่วม แต่รัฐควรจะเป็นผู้บริหารเรื่องการจัดตั้งเคลียร์ริงเฮ้าส์มากกว่า เพราะการพัฒนาตั๋วร่วมทำดำเนินการโดยเอกชน ก็ยังอยู่ภายใต้การกับกับของคณะกรรมการที่กระทรวงคมนาคมจัดตั้งขึ้น' |
ปัญหาอยู่ที่ภาครัฐไม่มีการเร่งรัดให้ทำจริง เพราะหากรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่เกิด แต่หากยังไม่มีการใช้ตั๋วร่วมอาจจะทำให้การพัฒนาระบบตั๋วร่วมในอนาคตทำได้ยากมากขึ้น หากมีเอกชนเข้ามาเดินรถมากขึ้น ดังนั้นภาครัฐจะต้องเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น กทม. รฟม. รฟท. BTS BMCLมาเจรจากันว่าจะแบ่งรายได้อย่างไร และหากแบ่งตามการใช้งานจริง ผู้ใช้บริการก็จะไม่ได้ประโยชน์เพราะค่าโดยสารก็ยังคงเท่าเดิม
จุฬา สุขมานพ รองผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนการจราจรและขนส่ง กล่าวว่า ตอนนี้ระบบตั๋วร่วมยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร เนื่องจากต้องรอให้คณะกรรมการกำหนดรูปแบบและแนวทางการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พิจารณาแนวทางที่สนข. เสนอไปว่าระหว่างเป็นองค์กรมหาชนโดยรัฐยังกำกับดูแล หรือให้เอกชนเข้ามาดำเนินการ แต่จากการศึกษาของบริษัทที่ปรึกษาที่ สนข.จ้างให้ศึกษาเกี่ยวกับการจัดโครงสร้างขององค์กรบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม เห็นว่าหากตั้งเคลียร์ริงเฮ้าส์ควรเป็นองค์กรมหาชน ตาม พ.ร.บ.องค์การมหาชน พ.ศ.2542 ซึ่งจะยังคงเป็นหน่วยงานรัฐมากกว่าภาคเอกชนดำเนินการ เนื่องจากจะมีความอิสระในด้านการบริหารจัดการ ด้านทรัพย์สิน ด้านบุคลากร ไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบของราชการ อีกทั้งคณะกรรมการบริหารองค์กร ยังมีความเป็นอิสระมากกว่าระบบราชการ อย่างไรก็ตามคงต้องรอความเห็นจากคณะกรรมการก่อน
'สนข.ตั้งเป้าว่า น่าจะสรุประบบการใช้ตั๋วร่วม และเปิดใช้ได้ก่อนที่จะเปิดให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วง เพราะถ้าไม่มีระบบตั๋วร่วม เชื่อว่าการเชื่อมต่อจะทำได้ยากขึ้น ช่วงแรกน่าจะใช้กับรถไฟฟ้ากับรถโดยสารประจำทาง ขสมก. เพราะจะตกลงกันไม่ยาก เนื่องจากเป็นหน่วยงานรัฐเหมือนกัน ส่วนเรือด่วนเจ้าพระยา หรือเรือคลองแสนแสบจะทำในภายหลังจาก ทั้งนี้หากระบบตั๋วร่วมใช้ได้จะเกิดประโยชน์กับผู้ใช้ระบบขนส่งมวลชนที่มีประมาณ 7 แสนคนต่อวัน'
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา สนข. ได้เสนอเรื่องการจัดตั้งระบบตั๋วร่วมให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาวิธีการและกระบวนการในการดำเนินการ เพื่อให้ขั้นตอนการจัดตั้งระบบตั๋วร่วมและเคลียร์ริงเฮ้าส์ให้เดินหน้า ทั้งนี้คาดว่ากระบวนการในการดำเนินการจัดตั้งทั้งหมดจะเป็นรูปธรรมภายใน 3-4 ปีข้างหน้า ซึ่งจะรองรับโครงการรถไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นใหม่ทั้งหมด
สำหรับรูปแบบของโครงสร้างองค์กรบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม แบ่งออกเป็น 2 หน่วยงาน คือ หน่วยงานที่ไม่ใช่ธุรกิจ เพื่อออกแบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และหน่วยงานธุรกิจ เป็นหน่วยงานที่สามารถมีรายได้ และสามารถดำเนินการจัดตั้งเป็นบริษัทร่วมทุนในอนาคตได้ สำหรับศูนย์บริหารจัดการรายได้นั้น เป็นหน่วยงานภายใต้ความรับผิดชอบของฝ่ายบริหารจัดการด้านการเงิน ทำหน้าที่ให้บริการรับ-จ่ายเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ และเป็นหน่วยงานที่คำนวณดุลการบัญชีระหว่างผู้ให้บริการต่างๆ รวมทั้งทำรายงานและจัดส่งไปชำระดุลบัญชีที่ศูนย์การจัดการขนส่งกลางในแต่ละส่วน
ส่วนมาตรฐานโครงสร้างรูปแบบในบัตรหรือตั๋วโดยสาร ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่
1.พื้นที่หน่วยความจำส่วนกลาง ที่ระบบของผู้ประกอบการต่างๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลได้
เช่น ข้อมูลของผู้ถือบัตร ข้อมูลกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์
2. ข้อมูลเฉพาะของผู้ประกอบการแต่ละราย ซึ่งผู้ประกอบการต่างๆ ต้องการใช้มากกว่ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ข้อมูลควบคุมการใช้งานบัตรโดยสาร ข้อมูลส่งเสริมการขาย เป็นต้น และ
3.ข้อมูลของผู้ผลิตบัตร ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้
ส่วนข้อมูลพื้นที่ความจำส่วนกลางและข้อมูลเฉพาะนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และจะมีการนำเสนอข้อมูลใหม่ๆ ตลอดเวลา |
|
| Back to top |
|
 |
Wisarut
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006 Posts: 45546
Location: NECTEC
|
Posted: 08/01/2010 2:13 am Post subject: BKK Monorail Networks |
|
|
กทม.ย้ำความจำคนกรุง ชูรถไฟฟ้าโมโนเรลในแบรนด์ "สุขุมพันธุ์"
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 มกราคม 2553 00:39 น.
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า ตนจะทำให้คนกทม.ทุกคนสามารถจดจำม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.ในเรื่องระบบขนส่งมวลชนที่ตนรับผิดชอบก็คือโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรล เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่ไม่ใช่สานต่อโครงการเดิมให้แล้วเสร็จแต่เมื่อแล้วเสร็จกลับไม่มีใครนึกถึงว่าคณะผู้บริหารชุดนี้ได้ผลักดันให้มันเดินหน้าจนประสบความสำเร็จได้ ดังนั้นจึงตั้งใจที่จะให้ทุกคนนึกถึงผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ ต้องนึกถึงรถไฟฟ้าโมโนเรล โดยในวันที่ 15 มกราคมนี้ ตนจะไปหารืออีกครั้งกับผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในประเด็นเกี่ยวกับรางวิ่งหลังจากที่ประชุมครั้งที่แล้วยังไม่ได้ข้อสรุปโดยทางจุฬาฯเห็นว่าควรที่จะให้ก่อสร้างเพียงรางเดียวซึ่งจะทำให้รถไม่สามารถวิ่งสวนกันได้ต้องรอให้วิ่งจนสุดเส้นทางแล้วค่อยกลับมาใหม่ ขณะเดียวกันทางที่ปรึกษาของกทม.ได้เสนอว่าหากจะไม่ให้มี 2 รางคู่ขนานกันก็ควรที่จะให้สถานี CU2 เตรียมอุดมศึกษามี 2 รางเพื่อให้รถสามารถวิ่งสวนทางกันได้ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารไม่ต้องเสียเวลาในการรอนานขึ้น ทั้งขาไป-กลับจะต้องใช้เวลา 15 นาที แต่หากให้มีรถสวนกันได้ก็จะลดเวลาเหลือ 7.5 นาทีซึ่งในส่วนของจุฬาฯจะนำความคิดเห็นที่ได้จากการทำประชาพิจารณ์กับประชาคมในพื้นที่มาหารือด้วย
นายธีระชน กล่าวว่า ขณะที่ส่วนต่อขยายสายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ และแบริ่ง-สมุทรปราการ ที่กทม.ขอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติคืนให้นั้นซึ่งหลังจากที่เมื่อปลายปีที่แล้วท่านนายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับท่านผู้ว่าฯกทม.ว่าหากจะนำกลับคืนจะสามารถดำเนินการได้เร็วกว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)อย่างไร ซึ่งผู้ว่าฯสุขุมพันธุ์ได้มอบหมายให้ตนได้สรุปวิธีดำเนินการซึ่งขณะนี้ตนกำลังจัดทำแผนเพื่อแสดงให้เห็นว่าหากให้กทม.ทำจะดีกว่าและเร็วกว่ารฟม.อย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตาม ในความเห็นตนนั้นควรที่จะมอบให้เอกชนดำเนินการ เช่น แก้สัญญาสัมปทานให้บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือบีทีเอสซีซึ่งขณะนี้ที่บริษัทปรึกษาระบบขนส่งมวลชนกำลังศึกษาในรายละเอียดอยู่ เพราะความเป็นเอกชนสามารถดำเนินงานได้รวดเร็วกว่าสามารถเชื่อมต่อระบบเดิมได้ทันที อีกทั้งเมื่อมีความเป็นเจ้าของก็ต้องทำงานให้มีคุณภาพ ขณะที่กทม.มีหน้าที่ตรวจสอบ ซึ่งบีทีเอสซีสนใจที่จะลงทุนในเส้นทางนี้ค่อนข้างมากแต่กทม.เกรงว่าจะเป็นการผูกขาดรายเดียวเกินไปแต่ส่วนที่มีความจำเป็นก็ต้องให้เขา เพราะเมื่อเงินลงทุนถูกลงค่าตั๋วก็จะถูกลงประชาชนได้ประโยชน์โดยตรง
นายธีระชน กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ในส่วนความคืบหน้าการออกพันธบัตรกทม.นั้นขณะนี้การเตรียมการต่างๆใกล้แล้วเสร็จ ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่าได้มีกลุ่มเงินทุนจากภาคเอกชนจากบริษัท MANGOSTEEN ซึ่งเป็นบริษัทลูกของนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บีทีเอสซี และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ธนายง จำกัด(มหาชน) สนใจที่จะซื้อพันธบัตรจำนวน 5,000 ล้านบาท รวมถึงยังมีกลุ่มนักธุรกิจจากประเทศมาเลเซียที่แสดงความสนใจจะซื้อพันธบัตรกทม.อีก 5,000 ล้านบาท รวมมูลค่า 10,000 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ผู้ว่าฯกทม.ต้องการเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปที่สนใจได้มีโอกาสเป็นเจ้าของพันธบัตรกทม.ก่อนแต่หากจำหน่ายได้ไม่ถึง 2,000 ล้านบาทก็จะเปิดโอกาสให้กลุ่มธุรกิจได้มีสิทธิ์ซื้อ |
|
| Back to top |
|
 |
Wisarut
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006 Posts: 45546
Location: NECTEC
|
Posted: 12/01/2010 1:05 pm Post subject: |
|
|
รถไฟฟ้า ฝันยังไม่เป็นจริง
โดย บุญช่วย วิไลโสภากุล
คอลัมน์ กระจกไร้เงา
ไทยโพสต์ 12 มกราคม 2553 - 00:00
เปิดทำงานปีใหม่ 2553 มีแต่เรื่องร้อนๆ โดยเฉพาะด้านการเมืองที่วุ่นวายมาตลอด ไม่ต่างไปจากแผนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ ที่ร้อนแรงไม่แพ้กัน เพราะแม้ว่า ครม.เศรษฐกิจ จะเห็นชอบแผนการการลงทุนระบบรถไฟฟ้าให้เป็นการลงทุนแบบ PPP-Gross Cost หรือการให้เอกชนลงทุนจัดหาระบบและซื้อรถ ซ่อมบำรุง โดยจะได้ค่าจ้างบริหารการเดินรถ ส่วนรัฐจะเป็นผู้เก็บเงินรายได้เองตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
กล่าวโดยสั้นๆ เมื่อเอกชนเข้ามาบริหารการเดินรถแล้ว จะมีคณะกรรมการตรวจสอบมาตรฐานการเดินรถในทุก 10 ปี ในขณะที่สัญญาจ้างจะมีระยะเวลาอย่างน้อย 30 ปี พร้อมทั้งให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม.ไปเจรจากับ บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีเอ็มซีแอล ผู้สัมปทานรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางซื่อ) เพื่อขอให้เปลี่ยนรูปแบบการบริหาร จากเดิมที่เป็นการรับสัมปทานจากรัฐ และเดินรถ รวมถึงจัดเก็บรายได้เอง มาเป็นรูปแบบเดียวกับสายสีม่วง คือรับจ้างเดินรถ ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการต่อขยายเส้นทาง และรัฐสามารถควบคุมการจัดเก็บค่าโดยสารได้เอง รวมถึงลดความเสี่ยงเรื่องรายได้ให้กับเอกชน
แต่ยังไม่มีข้อสรุปว่า บีเอ็มซีแอลจะเห็นด้วยหรือไม่ ต้องเจรจากัน
แม้ ครม.เศรษฐกิจจะเห็นชอบแล้วก็ตาม แต่ยังมีข้อสงสัยเกิดขึ้นหลายเรื่อง ทั้งการกำหนดอัตราผลตอบแทนการลงทุนของเอกชนในการบริหารโครงการฯ ซึ่งกระทรวงคมนาคมเสนอที่ 12.5% ของรายได้ ซึ่งที่ประชุมขอให้ยกเรื่องผลตอบแทนดังกล่าวออกไปก่อน พร้อมทั้งให้กำหนดรูปแบบการเข้าร่วมงานของเอกชนให้มีความชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องความเป็นเจ้าของหรือกรรมสิทธิ์ในตัวรถไฟฟ้า ว่าเมื่อเอกชนลงทุนในระบบตัวรถแล้ว ตัวรถจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐบาลเมื่อไร
ยังมีอีกสายคือ โครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (แอร์พอร์ตเรลลิงค์) จะเปิดให้บริการภายในเดือน เม.ย.2553 นี้อยู่แล้ว แต่เชื่อไหมว่า ในด้านของบุคลากรที่จะเข้ามาทำงานและรองรับระบบยังไม่มีความพร้อม กล่าวคือ จัดหาได้เพียงแต่ 30% ของจำนวนที่ต้องใช้ทั้งหมด 400 คนเท่านั้น
การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท.ในฐานะเจ้าของโครงการก็แก้ไขปัญหาโดยการจัดจ้างการรถไฟแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี หรือ Deutsche Bahn AG (DB) ที่เป็นบริษัทแม่ของ DBI เข้ามาเป็นผู้บริหารการเดินรถ และส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น การซ่อมบำรุง ระบบความปลอดภัยในช่วง 3 ปีแรก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ปรึกษาวิศวกรอิสระ (ICE) ยังไม่ได้รับรองด้านความปลอดภัย
โครงการรถไฟฟ้าเหล่านี้เป็นหนึ่งในความหวังของประชาชนที่หวังว่าจะได้ใช้ แต่ความฝันจะเป็นจริงหรือไม่ก็ขึ้นกับนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะผลักดันแค่ไหน ดูได้จากโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 2 โครงการนี้ เริ่มแรกทำท่าจะเดินหน้าไปได้ด้วยดี แต่พอเอาเข้าจริง โครงการกลับนิ่งอยู่กับที่ ก็ไม่ต้องอื่นไกล แค่สายสีม่วงบางซื่อ-บางใหญ่ ทำมากี่ปีแล้ว แค่การคัดเลือกและต่อรองราคากับผู้รับเหมาก็ปาเข้าไปปีกว่า พอทำท่าว่าจะเดินหน้าต่อ ก็ต้องหยุดชะงักอีกแล้ว
โครงการรถไฟฟ้าไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ 4 หรือ 5 ปีที่ผ่านมา แต่มีแผนการดำเนินงานและศึกษามาเป็นระยะเวลาหลายสิบปีแล้ว ถึงกับมีท่านอธิบดีกระทรวงคมนาคมท่านหนึ่งถึงกับเอ่ยปากว่า ตั้งแต่ทำงานที่กระทรวงคมนาคมจนจะเกษียณอยู่แล้ว โครงการรถไฟฟ้าก็มีมาหลายสิบปี เพิ่งจะเห็นเพียงสายเดียวที่เกิดขึ้นจริง ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะได้เห็นหรือเปล่า
ฟังแค่นี้ก็เจ็บจี๊ดไปถึงกระดองใจหรือเปล่าท่านโสภณ ซารัมย์ หรือว่าช่างมันฉันไม่แคร์ ตอนนี้ห่วงแต่ปรับ ครม.
ทุกครั้งน้ำมันมีราคาแพง หรือจะมีการเลือกตั้งใหม่ รัฐบาลทุกรัฐบาลจะหยิบยกเรื่องรถไฟฟ้าขึ้นมาประโคมเรียกคะแนนเสียง แต่หลังจากผ่านไปไม่นาน โครงการเหล่านี้ก็จะเงียบหายไปกับสายลม ทำเหมือนกับว่าคนไทยลืมง่าย แต่อย่าลำพองไป หากสัญญาอะไรเอาไว้กับประชาชนแล้วไม่ทำ หรือทำไม่ได้ผลลัพธ์ที่จะตามมาใหญ่กว่าหลายเท่า
ต่อหน้าประชาชนเขามีมารยาท ไม่แสดงอาการรังเกียจให้เห็นหรอก แต่ลับหลังเขาพูดตรงกันว่า หมดศรัทธา แม้รัฐบาล รัฐมนตรีจะไม่ได้ยิน แต่มันเป็นความรู้สึกจากใจจริงของประชาชนที่ไม่เชื่อ ไม่ศรัทธา และจะไม่เลือกเข้ามาเป็นผู้แทนอีก
อย่าคะนองไป เดี๋ยวจะตายน้ำตื้น. |
|
| Back to top |
|
 |
nathapong
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/03/2006 Posts: 3515
Location: Ayuthaya - Lamlukka - Navanakhon - Silom
|
Posted: 12/01/2010 4:22 pm Post subject: |
|
|
| จากข่าว ขาดไปเรื่องนึง คือ เรื่อง ทฤษฏีสมรู้ร่วมคิด ..... อะอะ |
|
| Back to top |
|
 |
tongchit
1st Class Pass (Air)


Joined: 28/03/2006 Posts: 1164
Location: ทับยาว เขต.ลาดกระบัง
|
Posted: 12/01/2010 8:03 pm Post subject: |
|
|
| nathapong wrote: | | จากข่าว ขาดไปเรื่องนึง คือ เรื่อง ทฤษฏีสมรู้ร่วมคิด ..... อะอะ |
ไม่เอาไม่พูด ฮ่าๆๆๆๆๆ  _________________ ความผิดฅนอื่นเท่าขุนเขา ความผิดเราเท่าขุมขน
 |
|
| Back to top |
|
 |
Wisarut
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006 Posts: 45546
Location: NECTEC
|
Posted: 13/01/2010 11:20 pm Post subject: |
|
|
รับเหมาคึกชิงเค้ก5แสนล้าน คมนาคมเดินหน้าประมูลสารพัดโปรเจ็กต์
ประชาชาติธุรกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 4175 วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2553
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปี 2553 กระทรวงคมนาคมมีแผนงานเตรียมประมูลมากเป็นพิเศษตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะเมกะโปรเจ็กต์ทั้งโครงการใช้งบประมาณภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 หรือ SP2 โครงการเงินกู้ และโครงการใหม่จากงบประมาณประจำปี 2553 คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 5 แสนล้านบาท
รถไฟฟ้า 3 สาย 1.82 แสนล้าน
ตัวอย่างเมกะโปรเจ็กต์ อาทิ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 สาย มูลค่ารวม 182,118 ล้านบาท ได้แก่
1. สายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) วงเงิน 65,148 ล้านบาท
2. สายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค) วงเงิน 52,257 ล้านบาท และ
3. สายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ วงเงิน 28,111 ล้านบาท และหมอชิต-สะพานใหม่ วงเงิน 36,602 ล้านบาท
ล่าสุดการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เตรียมออกประกาศประกวดราคาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินระหว่าง 20-28 มกราคมนี้ และให้ยื่นซองราคา 29 เมษายน โดยแบ่งงาน 5 สัญญา
สายสีเขียวจะตามมาเร็ว ๆ นี้ รฟม. กำลังออกประกาศ พ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดิน บอร์ด รฟม.จะประชุมวันที่ 22 มกราคมนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าและปรับราคาก่อสร้างใหม่ สายสีแดง การรถไฟฯจะประกาศขายแบบเดือนมีนาคมนี้ แบ่ง 3 สัญญา
ยกเครื่องการรถไฟฯ 1.53 แสนล้าน
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ยังมีงานระบบรางของการรถไฟฯผ่านการใช้งบฯอัดฉีดแผนการยกเครื่องการรถไฟฯ 5 ปี (2553-2557) วงเงิน 153,053 ล้านบาท ตามนโยบายของนายโสภณ ซารัมย์ รมว. คมนาคม ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ เมื่อ 29 ธันวาคมที่ผ่านมา ขณะนี้กำลังจัดลำดับความสำคัญโครงการ
กรอบแผนงาน อาทิ งานโยธา ปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย งานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ ระบบโครงข่ายโทรคมนาคม ติดตั้งเครื่องกั้นถนน งาน รถจักรและล้อเลื่อน จัดซื้อหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้า โครงการรถไฟทางคู่ 5 สาย 767 กิโลเมตร เป็นต้น โดย โครงการที่พร้อมประมูลก่อนมีจัดซื้อหัวรถจักร งานโยธาที่มี 2 ส่วนคือ
1. ปรับปรุงทางระยะที่ 5 วงเงิน 8,505 ล้านบาท และ
2. ปรับปรุง ระยะที่ 6 วงเงิน 6,779 ล้านบาท ในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ 586 กิโลเมตร เนื้องาน เช่น เปลี่ยนรางให้รับน้ำหนักขนาด 100 ปอนด์ เปลี่ยนไม้หมอน เป็นต้น
ชี้บิ๊กรับเหมากินรวบ "รถไฟฟ้า"
แหล่งข่าวจากวงการรับเหมาก่อสร้างกล่าวว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการรับเหมารายใหญ่ รายกลางและรายเล็ก บริษัทที่ปรึกษามีความเคลื่อนไหวคึกคักมาก หลังรัฐบาลจะเปิดประมูลงานใหญ่และเล็กในปีนี้
อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตว่าเมกะโปรเจ็กต์รถไฟฟ้า 3 สาย มีแนวโน้มว่ารับเหมารายใหญ่ ตีตราจองไว้หมดแล้ว คาดว่าไม่น่าจะพ้นกลุ่มบิ๊กทรีของวงการคือ อิตาเลียนไทย (ITD) ช.การช่าง (CK) และซิโน-ไทย (STECON) ส่วน ผู้รับเหมารายกลางและเล็กไม่มีกำลังมากพอทั้งผลงานและรายได้ที่จะเป็นแกนนำยื่นประมูลได้ ไม่ว่ารับเหมาชั้น 1 จากกรมทางหลวงที่พยายามจะเข้ามา เช่น ยูนิค วิจิตรภัณฑ์ กรุงธน ชัยนันท์ เนาวรัตน์ คริสเตียนี เป็นต้น เป็นได้แค่ผู้ร่วมทุนลำดับที่ 2 และ 3 เท่านั้น ซึ่งต้องไปจับขั้วกับบิ๊ก แบรนด์ 3 รายนี้
แหล่งข่าวจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทสนใจเข้าร่วมประมูลเฉพาะโครงการขนาดใหญ่และขนาดกลาง ส่วนโครงการขนาดเล็กวงเงิน 2-3 ล้านบาท บริษัทคงจะไม่สนใจเข้าร่วมประมูลด้วยเนื่องจากไม่คุ้ม
นายวัลลภ รุ่งกิจวรเสถียร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทสนใจประมูลงานรถไฟฟ้าทุกสายทั้งสีแดง สีน้ำเงิน ส่วนจะร่วมกับใครบ้างยังตอบไม่ได้ต้องดูทีโออาร์ก่อน แต่โครงการไหนที่คิดว่าบริษัทสามารถดำเนินการได้จะยื่นเดี่ยวเหมือนสายสีม่วง
นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เฉพาะในส่วนของ ช.การช่างนั้น การตอกเข็มเริ่มก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งบริษัทประมูลได้สัญญาก่อสร้างช่วงที่ 1 จะเริ่มดำเนินการในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ตั้งแต่ช่วงเตาปูน-แคราย |
|
| Back to top |
|
 |
Wisarut
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006 Posts: 45546
Location: NECTEC
|
Posted: 14/01/2010 3:10 pm Post subject: |
|
|
รู้จักรถไฟฟ้า สีส้ม-ชมพู-เหลือง-เทา-ฟ้า
เดลินิวส์ วันพฤหัสบดี ที่ 14 มกราคม 2553 เวลา 8:01 น
สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ปรับปรุงแผน แม่บทโครงข่ายรถไฟฟ้า 12 สายครอบคลุมกรุงเทพฯ ปริมณฑล เพิ่มเติมจากที่มีการพูดถึงกันมาก่อนหน้านี้ หลายคนคง ยังไม่รู้ว่า 5 สายใหม่ที่เพิ่มขึ้นจาก 7 สายเดิมที่รู้จักกันแล้ว มีเส้นทางไปไหนบ้าง นอกจากสายสีน้ำเงิน, สีเขียวเข้ม, เขียวอ่อน, สีแดงเข้ม, แดงอ่อน, แอร์พอร์ต ลิงก์และม่วง
รถไฟฟ้า 5 สายใหม่คือ
1. สายสีส้ม ในแนวตะวันออก-ตกจากตลิ่งชัน ผ่านศิริราช-หลานหลวง-สยาม-ดินแดง-ศูนย์วัฒนธรรม-หัวหมาก-บางกะปิ สิ้นสุดที่มีนบุรี
2. รถไฟฟ้าสายสีชมพู คือแนวเส้นทาง แจ้งวัฒนะ-รามอินทราตลอดสาย เริ่มจากแคราย-ปากเกร็ด-วงเวียนหลักสี่-วงแหวนรอบนอก ถึงมีนบุรี
3. สายสีเหลือง แนวถนนลาดพร้าวและศรีนครินทร์ โดยเริ่มต้นที่ แยกรัชดาฯ-ลาดพร้าว ไปตามถนนลาดพร้าว ผ่านแยกลำสาลี เข้าถนนศรีนครินทร์ ผ่าน พัฒนาการ อ่อนนุชถึงสำโรง
4. สายสีเทา ตามแนวถนนประดิษฐ์มนูธรรม เริ่มจากแยก วัชรพล-ลาดพร้าว เลี้ยวเข้า พระราม 4 ผ่านสาธุประดิษฐ์สิ้นสุดที่สะพานพระราม 9 และ
5.สายสีฟ้า จากดินแดง ถนนประชาสงเคราะห์-ถนนเพชรบุรี-ถนนวิทยุและถนนสาทร. |
|
| Back to top |
|
 |
|