รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล

Wisarut · Posted: 27/04/2010 12:56 pm Post subject:

โครงข่ายรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน
เดลินิวส์ วันอังคาร ที่ 27 เมษายน 2553 เวลา 7:58 น

มาต่อโครงการศึกษาปรับแผน แม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กระทรวงคมนาคม ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา จัดทำ

จากโครงข่ายรถไฟฟ้าชานเมือง มาที่โครงข่ายรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน สายสีเขียวเข้ม (ลำลูกกา-บางปู) 66.5 กิโลเมตร 55 สถานี เป็นเส้นทางส่วนต่อขยายจากระบบเดิมตามแนวถนนพหลโยธินและถนนสุขุมวิท ผ่านพื้นที่สำคัญที่มีปริมาณการเดินทางสูง เป็นทางเลือกใหม่ในการเดินทางเข้าเมืองของ ชาวปทุมธานีและสมุทรปราการ

สายสีเขียวอ่อน (ยศเส-บางหว้า) 15.5 กิโลเมตร 14 สถานี เป็นส่วนต่อขยายจากระบบเดิมตามแนวถนนพระรามที่ 1 และสาทร เชื่อมโยงไปยังฝั่งธนฯ ยังขยายไปเชื่อมกับสายสีแดงเข้มที่สถานียศเส เพื่ออำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนต่อการเดินทางจากระบบรถไฟฟ้าชานเมือง ซึ่งการต่อขยายเส้นทางช่วงสนามกีฬาฯ-ยศเส 1 กิโลเมตร จะช่วยให้ประชาชนที่เดินทางจากด้านเหนือเข้าสู่ย่านธุรกิจบริเวณสีลมและสาทรได้ด้วยการต่อรถเพียงครั้งเดียว

สายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-หัวลำโพง- ท่าพระ-พุทธมณฑลสาย 4) 55 กิโลเมตร 42 สถานี แนวเส้นทางส่วนใหญ่อยู่บนถนนรัชดาภิเษก ผ่านสถานที่สำคัญและแหล่งท่องเที่ยวเกาะรัตนโกสินทร์ สายนี้จะมีสถานีเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าสายอื่นทุกเส้น

สายสีม่วง (บางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ) 42.8 กิโลเมตร 32 สถานี เป็นระบบขนส่งมวลชนหลักตามแนวถนนรัตนาธิเบศร์ ติวานนท์ สามเสน สมเด็จพระเจ้าตากสิน และสุขสวัสดิ์ ผ่านสถานที่สำคัญซึ่งเป็นจุดที่มีการเดินทางสูง ได้แก่ ศูนย์ราชการ นนทบุรี กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข วงเวียนใหญ่ จอมทองและราษฎร์บูรณะ

สายสีส้ม (ตลิ่งชัน-มีนบุรี) 37.5 กิโลเมตร 29 สถานี ตามแนวถนนรามคำแหง ราชปรารภ เพชรบุรี หลานหลวงและราชดำเนิน ผ่านสถานที่สำคัญซึ่งเป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ เช่น โรงพยาบาลศิริราช สนามหลวง ประตูน้ำ ศาลาว่าการกทม. 2 ดินแดง ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยรามคำแหง หอการค้า นิด้าและเอแบค รวมทั้งผ่านสนามราชมังคลากีฬาสถาน เชื่อมโยงรถไฟฟ้าสายอื่น ทั้งสายหลักและสายรองทุกเส้น

Wisarut · Posted: 27/04/2010 12:57 pm Post subject:

ชุมนุมยืดเยื้อ รถไฟฟ้าก็วืดด้วย
โดย บุญช่วย วิไลโสภากุล
คอลัมน์ กระจกไร้เงา
ไทยโพสต์ 27 เมษายน 2553 - 00:00

การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่บริเวณแยกราชประสงค์ ซึ่งถือว่าเป็นจุดศูนย์กลางของเศรษฐกิจของประเทศยืดเยื้อกว่า 1 เดือน ได้สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการค้า ซึ่งบริเวณดังกล่าวถือว่าเป็นจุดศูนย์กลางทางการค้าและออฟฟิศสำนักงานบริษัทเอกชน ธุรกิจท่องเที่ยว
ปัจจุบันโรงแรมในย่านดังกล่าวบางแห่ง ไม่มีผู้เข้าพักเลย ซึ่งโดยรวมแล้วเสียหายหลายหมื่นล้านบาท และยังมีการคาดการณ์ว่าหากการชุมนุมยืดเยื้อไปถึง 2 เดือน ความเสียหายจะเข้าสู่หลักแสนล้านบาท ขณะนี้มีกว่า 30 ประเทศที่ได้ประกาศเตือนไม่ให้ประชาชนของตัวเองเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย

ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ใช่อะไรอื่นไกล ถ้าใครได้ลองไปย่านสีลม สวนลุมพินี หรือรอบแยกราชประสงค์แล้ว จะคิดว่านี่ไม่ใช่ประเทศไทยแน่ มันน่าจะเป็นสนามรบที่ไหนสักแห่ง เพราะมีการนำยางรถยนต์และไม้แหลมมาสร้างแนวกั้น เสมือนกับตั้งค่ายทหารกลางสนามรบในหนังยังไงยังงั้นเลย หนักกว่านั้น กลุ่มคนที่มาชุมนุมยังปิดทางเข้าออกโรงพยาบาลจุฬาฯ อีกด้วย ทำให้คนไข้ที่จะเข้าไปรักษาตัวต้องลำบากลำบนกว่าจะเข้าไปถึง

เห็นแล้วอนาถใจจริง นี่หรือประเทศไทย

นอกจากนี้แล้ว การชุมนุมยังมีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อเนื่องกับโครงการลงทุนขนาดใหญ่อย่างในเรื่องระบบสาธารณูปโภค ที่รัฐบาลพยายามเร่งรัดการลงทุนให้เกิดขึ้นเพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้า

อย่างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ กลุ่มกิจการร่วมค้า ซีเคทีซี ผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการ สัญญาที่ 1 คือการก่อสร้างโครงสร้างยกระดับส่วนตะวันออก ระยะทาง 12 กิโลเมตร จำนวน 8 สถานี เริ่มจากสถานีเตาปูนถึงสถานีสะพานพระนั่งเกล้า และงานก่อสร้างทางวิ่ง ช่วงบางซื่อ-เตาปูน ซึ่งเมื่อวันที่ 19 เม.ย.2553 ได้เริ่มเจาะเสาเข็มเจาะของทางวิ่งรถไฟฟ้า และเตรียมสถานที่บริเวณถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี โดยติดตั้งแผงกั้นเขตก่อสร้างตั้งแต่กรมยุทธบริการทหารไปจนถึงซอยกรุงเทพ-นนทบุรี 42 รวมระยะทางประมาณ 280 เมตร
เรื่องนี้เอง นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม แสดงความกังวลว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงจะส่งผลกระทบต่อโครงการลงทุนของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจ็กต์อย่างรถไฟฟ้าจะสะดุดลงได้ เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างของบริษัทผู้รับเหมาะ และการเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมลงทุนในระบบรถไฟฟ้าและขบวนรถไฟฟ้า รวมทั้งบริหารการเดินรถและซ่อมบำรุงตามมาตรฐานที่กำหนดในเงื่อนไขสัญญา ในรูปแบบ Public Private Partnership-PPP Gross Cost หรือการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน ซึ่งขณะนี้กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างการเร่งรัดโครงการ

กระทรวงคมนาคมยังเป็นห่วงอีกว่าการชุมนุมที่ยืดเยื้อไม่ได้ส่งผลกระทบแค่โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงเพียงอย่างเดียว ยังจะส่งผลกระทบกับโครงการรถไฟฟ้าโครงการอื่นๆ อีกหลายโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่ง นายประณต สุริยะ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนขนส่งและจราจร (สนข.) ถึงกับออกปากว่า ปัญหาทางการเมืองที่ยังไม่มีข้อยุติ จะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเส้นทางใหม่ที่ยังไม่ได้มีการดำเนินการ เช่น สายสีน้ำเงิน (ส่วนต่อขยาย) จะเปิดรับซองประกวดราคาในวันที่ 29 เม.ย.นี้ สายสีเขียว (ส่วนต่อขยาย) คาดว่าภายในปี 2553 นี้จะเริ่มประกวดราคาได้ รวมถึงการชักจูงผู้ประกอบการที่จะเข้ามาลงทุนในโรงงานประกอบรถไฟฟ้า เป็นต้น

หากการชุมนุมยังยืดเยื้อ และคนเสื้อแดงทำตัวเป็นอันธพาลครองเมือง ไม่พอใจใครก็จัดม็อบบุกยึด รื้อค้น ข่มขู่ ทำตัวเหนือกฎหมาย ประเทศไทยก็คงหนีไม่พ้นหายนะแน่ และจำไว้ว่าผลที่จะเกิดขึ้นไม่ใช่กับพวกแกนนำหรือพวกเศรษฐีร่อนเร่เหมือนผีไม่มีญาติเขาจะเดือดร้อน แต่จะเป็นพวกรากหญ้านั่นแหละที่เดือดร้อน ตอนนี้ก็เริ่มจะเห็นลางๆ แล้วว่า พนักงานที่ทำงานย่านราชประสงค์ เห็นว่าหลายหมื่นคนมีแนวโน้มจะถูกเลิกจ้าง

ลองคิดดูซักนิดว่าพนักงานเหล่านั้นใช่ลูกหลานคนรากหญ้าจากต่างจังหวัดที่เข้ามาแสวงโชคในเมืองกรุงหรือไม่ ถ้าใช่...คนเสื้อแดงนั่นแหละทำร้ายคุณ.

tamz

_________________
ผู้โดยสารโปรดทราบ ที่นี่สถานีพัทยา

Wisarut · Posted: 09/05/2010 11:59 pm Post subject:

^^^
ย้ายไปฝั่งรถไฟฟ้าไม่ดีกว่าหรือครับ

Wisarut · Posted: 10/05/2010 6:01 pm Post subject:

สนข.สรุปค่าโดยสารตั๋วร่วม BTS-MRT-BRT เริ่ม 18-40 บาท

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 พฤษภาคม 2553 17:44 น.

สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข.ได้ข้อสรุปเบื้องต้นในการกำหนดอัตราค่าโดยสารในระบบตั๋วร่วมของรถไฟฟ้า ทั้ง บีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดิน และบีอาร์ที ควรใช้อัตราเริ่มที่ 18 บาท และคิดตามระยะทาง 2 บาทต่อกิโลเมตร สูงสุดไม่เกิน 40 บาท จะเร่งสรุปเสนอคณะกรรมการ เพื่อกำหนดรูปแบบและแนวทางบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมต่อไป ซึ่งมีปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธานในการพิจารณา

Wisarut · Posted: 12/05/2010 9:42 am Post subject:

สนข.สรุปหลักการตั๋วร่วม จ่ายค่าแรกเข้าครั้งเดียว

โดย ทีมข่าวกทม.
ไทยรัฐออนไลน์ 12 พฤษภาคม 2553, 05:00 น.

นายเริงศักดิ์ ทองสม หัวหน้ากลุ่มพัฒนาโครงข่ายการขนส่งและจราจรระหว่างเมือง สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า จากการสัมมนาเพื่อรับฟังความคิดเห็น โครงการศึกษาพัฒนาระบบค่าโดยสารสำหรับการขนส่งสาธารณะทุกรูปแบบและการเชื่อมต่อ มีนายจุฬา สุขมานพ รอง ผอ.สนข. เป็นประธานนั้น ผลการศึกษาโครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วม โดยบริษัทที่ปรึกษาเสนอรูปแบบไว้ 4 แนวทาง คือ

1. ค่าโดยสารตามระยะทาง (18 - 40 บาท)
2. ค่าโดยสารอัตราเดียว
3. ค่าโดยสารตามระยะทางแบบขั้นบันได
4. ค่าโดยสารแบบโซน

จากการพิจารณาความเหมาะสม โดยคำนึงเรื่องความเป็นธรรมต่อผู้โดยสารที่มีระยะทางเดินทางต่างกัน รายได้ของผู้โดยสาร และปริมาณของผู้โดยสาร เป็นต้น

นายเริงศักดิ์กล่าวว่า จากการศึกษาพบว่ารูปแบบที่เหมาะสม เป็นโครงสร้างค่าโดยสารร่วมตามระยะทาง 18-40 บาท โดยจ่ายค่าแรกเข้าเพียงครั้งเดียว เมื่อเปลี่ยนระบบให้คิดค่าโดยสารบวกเพิ่มจากระยะทางที่ใช้ บริการสูงสุดตามเพดานที่กำหนด ที่ 40 บาท ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่อระบบ ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นด้วยในหลักการ สนข.เตรียมสรุปเสนอคณะกรรมการกำหนดรูปแบบและแนวทางการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม โดยมีนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานพิจารณาเห็นชอบเพื่อดำเนินการต่อไป.

Wisarut · Posted: 12/05/2010 11:51 am Post subject:

อุตฯ เร่งผลักดันแผนรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน และเกี่ยวเนื่อง ระยะ 2

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 พฤษภาคม 2553 11:39 น.

นางสุทธินีย์ พู่ผกา ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการศึกษาวิจัยแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง โดยระบุว่า ในระยะที่ 1 สถาบันการขนส่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ศึกษาเสร็จแล้ว พร้อมระบุว่า โครงการศึกษาดังกล่าว สศอ. เห็นควรให้ต้องมีการขยายขอบเขตการศึกษาต่อในระยะที่ 2 เพื่อให้ครอบคลุมงานในส่วนของอุตสาหกรรมการขนส่งระบบรางทั้งหมด

นอกจากนี้ ยังเตรียมจัดทำฐานข้อมูลผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในการผลิตชิ้นส่วน จึงจัดทำแผนปฏิบัติการ (โรดแมป) แต่ละส่วนของการพัฒนาอุตสาหกรรมการขนส่งทางราง เพื่อเป็นแนวทางสนับสนุนพัฒนาเทคโนโลยีและกำลังคน และกำหนดกรอบนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมของภาครัฐ รวมถึงจัดทำแผนปฏิบัติการสำหรับหน่วยงานต่างๆ ก่อนเสนอต่อรัฐบาลตัดสินใจ

ทั้งนี้ หากดำเนินการจะเกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางทั้งระบบของประเทศ พัฒนาขีดความสามารถให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ให้มีมาตรฐาน ลดการสูญเสียงบประมาณมหาศาลของประเทศ

Wisarut · Posted: 13/05/2010 5:04 pm Post subject:

ปั้นแผนพัฒนาอุตฯรถไฟฟ้าไทย
โพสต์ทูเดย์ 13 พฤษภาคม 2553 เวลา 13:25 น.

นางสุทธินีย์ พู่ผกา ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า สศอ.ได้จัดทำโครงการศึกษาวิจัยแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ระยะที่ 2 ขึ้นในปี 2553

แผนดังกล่าวจะครอบคลุมส่วนของอุตสาหกรรมการขนส่งระบบรางทั้งหมด และจัดทำฐานข้อมูล|ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในการผลิตชิ้นส่วน เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่ยื่นประมูลโครงการขนส่งระบบรางในอนาคต

ตลอดจนเน้นจัดทำโรดแมปแต่ ละส่วนของการพัฒนาอุตสาหกรรมขนส่งทางราง เพื่อเป็นแนวทางสนับสนุนพัฒนาเทคโนโลยีและกำลังคน กำหนดกรอบนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมของภาครัฐ และจัดทำแผนปฏิบัติการสำหรับหน่วยงานต่างๆ

ข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมในครั้งนี้ จะจัดทำเป็นแผนพัฒนาอุตสาหกรรม 20 ปี แบ่งเป็นระยะสั้น ปานกลาง และระยะยาว โดยคำนึงถึงผลกระทบในด้านต่างๆ อย่างรอบด้าน ซึ่งจะนำเสนอต่อรัฐบาลให้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางทั้งระบบของประเทศ ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ และจะเป็นตัวเสริมสร้างการพัฒนาขีดความสามารถให้แก่ผู้ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ให้มีมาตรฐาน

โครงการดังกล่าวเป็นแผนต่อเนื่องจากแผนระยะที่ 1 ที่จัดทำขึ้นในปี 2552 ที่ได้ดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างอุตสาห กรรมรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในประเทศ และรูปแบบการพัฒนาที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย ซึ่งได้จ้างสถาบันการขนส่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นที่ปรึกษาโครงการ และปัจจุบันได้ดำเนินการศึกษาเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว

“สศอ.เห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมรถไฟฟ้า เพื่อสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ และส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง สร้างโอกาสทางการตลาดให้กับอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ เช่น อุตสาหกรรมเหล็ก ก่อสร้าง ยานยนต์ และชิ้นส่วน ไฟฟ้าและอิเล็กทรอ นิกส์ พลาสติก เป็นต้น ให้ร่วมเป็นเครือข่ายผลิตชิ้นส่วนให้อุตสาห กรรมขนส่งระบบรางของโลกได้” นางสุทธินีย์ กล่าว

Wisarut · Posted: 13/05/2010 5:06 pm Post subject:

เอดีบี'ให้กู้400ล้านตั้งสนง.ตั๋วร่วม
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ
หน้า อสังหา Real Estate
ออนไลน์เมื่อ วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม 2010 เวลา 09:32 น
พิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,530 13-15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ได้เร่งผลักดันให้มีการจัดตั้งสำนักงานพัฒนาระบบตั๋วร่วม คาดว่าจะสามารถชงเรื่องให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ นอกจากนั้นธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือ ADB ยังได้เข้าหารือกับนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบตั๋วร่วม พร้อมเสนอเป็นพี่เลี้ยงและสนับสนุนงบประมาณจำนวน 400 ล้านบาท ในลักษณะของเงินกู้เพื่อใช้ในการพัฒนาระบบตั๋วร่วม ซึ่ง สนข.จะเร่งจัดทำแผนนำเสนอเพื่อก่อหนี้เงินกู้ให้กระทรวงคมนาคมนำเสนอกระทรวงการคลังต่อไป

"การขับเคลื่อนในครั้งนี้ สนข.ยังได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานในกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ มาร่วมเป็นคณะกรรมการ อาทิ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) และผู้แทนกระทรวงคมนาคม เพื่อเป็นคณะทำงาน"

นอกจากนั้นคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นยังมีหน้าที่จัดทำกรอบการดำเนินงานที่จะเข้าไปตรวจสอบรายละเอียดวิธีการจัดการตั๋วร่วมและศูนย์บริหารจัดการรายได้หรือเคลียริ่งเฮาส์ให้สามารถบริหารจัดการข้อมูลไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรับจ่ายเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ การคำนวณดุลบัญชี ซึ่งคณะกรรมการจะเร่งหาข้อสรุปใน 1-2 สัปดาห์นี้

ทางด้านแหล่งข่าวระดับสูงในกระทรวงคมนาคมเปิด เผยว่าขณะนี้การผลักดันระบบตั๋วร่วมมีความคืบหน้าไปมาก โดยเฉพาะด้านการจัดทำโครงสร้างสำนักงานพัฒนาระบบตั๋วร่วม พร้อมกับการจัดหาสถานที่ภายใน สนข.เป็นสำนักงาน ล่าสุดเชื่อแน่ว่าจะมีการนำเสนอเพื่อแต่งตั้งนายเผด็จ ประดิษฐเพชร นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สนข. ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญระบบตั๋วร่วมทำหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานคนแรก ส่วนในอนาคตจะก่อตั้งเป็นองค์การมหาชนเพื่อความรวดเร็วในการบริหารจัดการหรือไม่นั้นน่าจะอยู่ในการตัดสินใจของกระทรวงคมนาคมจะพิจารณาสั่งการตามที่เห็นสมควร

โครงการนี้น่าจะชัดเจนยิ่งขึ้นในปี 2553 นี้เนื่องจากปลัดกระทรวงคมนาคมติดตามงานอย่างต่อเนื่องเพื่อต้องการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว นอกจากนั้นผลสรุปจากการจัดสัมมนาเรื่องโครงการศึกษาพัฒนาระบบค่าโดยสารสำหรับการขนส่งสาธารณะทุกรูปแบบและการเชื่อมต่อเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 ที่ผ่านมายังจะใช้เป็นโปรแกรมสูตรคำนวณค่าโดยสารสำหรับการใช้งานระบบตั๋วร่วมที่มีประสิทธิภาพและสามารถนำไปใช้งานอย่างสอดคล้องกับการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนที่กำลังจะเกิดขึ้นในหลาย ๆ เส้นทาง โดยใช้เกณฑ์การพิจารณาจากหลายปัจจัย อาทิ โซนพื้นที่ ระยะทาง หรือราคาเชื้อเพลิงเพื่อให้เกิดประโยชน์สำหรับการเชื่อมต่อระบบการเดินทางในวันนี้และในอนาคตที่สามารถเคลียริ่งเฮาส์ได้อย่างลงตัวมากที่สุด

"คาดว่าโครงการศึกษาระบบตั๋วร่วมคมนาคมน่าจะใช้งบประมาณจาก ADB จำนวนประมาณ 22 ล้านบาท เพื่อการศึกษาและออกแบบความเหมาะสม ทราบว่าขณะนี้กำลังเตรียมนำเสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณา ส่วนการปฏิบัติในเบื้องต้นหากหน่วยงานไหนมีความพร้อมที่สามารถดำเนินการได้ก่อนก็ให้ดำเนินการต่อไป เช่น บีทีเอส และบีเอ็มซีแอล และในอนาคตหากหน่วยงานใดที่มีความพร้อมก็สามารถทยอยเข้ามาใช้ร่วมได้เพราะจะจัดการบริหารทางด้านการเงินและบัญชีอย่างเป็นระบบโดยผ่านตัวกลางที่ตรวจสอบได้ด้วยวิธีการเคลียริ่งเฮาส์ที่ทุกฝ่ายยอมรับ"

Wisarut · Posted: 15/05/2010 1:26 am Post subject:

สนข.ลุยต่อระบบตั๋วร่วม ชงเก็บแรกเข้าสูงกว่า BTS/MRT

โดย ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์ 14 พฤษภาคม 2553 12:40 น.

แผนการใช้ระบบตั๋วใบเดียวหรือตั๋วร่วมในระบบขนส่งมวลชนระบบต่างๆนั้น มีการหารือกันตั้งแต่สมัย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ก่อนหน้านี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคาดหวังว่าจะให้เป็นซุปเปอร์โฮลดิ้ง คือให้ระบบขนส่งมวลชนมารวมอยู่ในที่เดียวกัน เพื่อให้ง่ายต่อการเชื่อมต่อและการใช้ตั๋วร่วม แต่สุดท้ายความฝันดังกล่าวต้องพังทลายเมื่อภาคเอกชนไม่เห็นด้วย ระบบตั๋วร่วมจึงเงียบหายไป จนกระทั่งในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีการหยิบยกมาหารือกันอีกครั้ง

ล่าสุดสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาดำเนินการศึกษาความเหมาะสมในการจัดทำระบบตั๋วร่วมและกำหนดค่าแรกเข้าระบบอย่างเป็นรูปธรรม

โดยเริงศักดิ์ ทองสม หัวหน้ากลุ่มพัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งและจราจรระหว่างเมืองสนข. กล่าวว่า จากการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งผู้ให้บริการรถไฟฟ้า BTS รถไฟฟ้าใต้ดิน(MRT) และประชาชนถึงกรณีการกำหนดอัตราค่าโดยสารของระบบขนส่งมวลชน โดยเฉพาะการใช้ระบบตั๋วร่วมระหว่างรถไฟฟ้า BTS และ MRT และการเชื่อมต่อกับระบบตั๋วร่วมกับโครงการรถไฟฟ้าเส้นทางในอนาคตนั้น ในเบื้องต้นสนข.ได้ทำการศึกษาอัตราค่าโดยสารที่มีความเหมาะสม และสามารถนำมาเชื่อมต่อระบบต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว

สำหรับอัตราค่าโดยสารนั้น กำหนดให้ผู้ใช้บริการเสียค่าแรกเข้าเพียงครั้งเดียว แทนที่จะเสีย 2 ครั้งเหมือนในปัจจุบัน โดยผลการศึกษาพบว่าอัตราที่เหมาะสม คือ 18 บาท และเสียค่าโดยสารตามระยะทาง 2 บาทต่อกม.สูงสุดไม่เกิน 40 บาท ซึ่งจะสามารถนำมาใช้ได้กับรถไฟฟ้าทั้ง 2 ระบบคือ รถไฟฟ้า BTS และ MRT ได้ทันที ซึ่งหลังจากผลการศึกษาแล้วเสร็จและเปิดรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้แล้ว สนข.จะเสนอผลศึกษาให้คณะกรรมการตั๋วร่วมของกระทรวงคมนาคม ที่มีสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ชี้ขาดอีกครั้งว่าจะรับอัตราค่าโดยสารดังกล่าวหรือไม่

ทั้งนี้ การพัฒนาระบบค่าโดยสารดังกล่าวมีข้อดีสำหรับผู้ที่เดินทาง2 ระบบ เพราะไม่ต้องเสียค่าแรกเข้า 2ครั้ง แต่หากผู้ใช้บริการเดินทางเพียงระบบเดียว เช่น เดินทางเฉพาะรถไฟฟ้าBTS ก็ต้องเสียค่าแรกเข้า18 บาท ซึ่งสูงกว่าอัตราปกติ เพราะปัจจุบันอัตราค่าโดยสารแรกเข้าของรถไฟฟ้าBTS มีอัตราแรกเข้าที่ 15 บาท ส่วนMRT มีอัตราแรกเข้าที่ 16 บาท