เรื่องของเครื่องเย็น และเครื่องปรับอากาศ

[beer45]

เคยนั่งรถไฟแล้วแอร์ไม่เย็นกันบ้างไหมครับ ต่อไปจำนำเสนอแอร์ไม่ค่อยเย็น มีสาเหตุดังต่อไปนี้

กรณีไม่มีลมเป่าออกทางช่องแอร์


ปกติเมื่อเครื่องยนต์ติด เครื่องกำเนิดไฟฟ้าจ่ายกระแสไฟฟ้าแล้ว ระบบปรับอากาศยังไม่ทำงานในทันทีทันใด จะมีรีเลย์หน่วงเวลาไว้ 3 นาที หลังจากนั้นเราจะได้ยินเสียงลมเป่าออกมาทางช่องแอร์
เพราะมีมอเตอร์พัดลม SUPPLY FAN เป็นตัวเป่า ปัญหาซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วมีอยู่ว่า รอจนนานเกิน 3 นาทีแล้ว SUPPLY FAN ก็ยังไม่เป่าลมออกมาสักที หรือบางครั้งเป่าออกมาแล้วก็หยุดไปเฉย ๆ ตั้งนานแล้วมาเริ่มเป่าใหม่แล้วก็หยุดไปอีกเป็นเช่นนี้เรื่อย ๆ ทำให้ระบบปรับอากาศไม่สามารถทำงานได้ ลักษณะนี้แสดงว่ารีเลย์หน่วงเวลาอาจชำรุดหรือทำงานผิดปกติ หน้า Contact ต่อบ้างไม่ต่อบ้าง ทำให้ตัดทางไฟ 220 โวลท์เข้าวงจรควบคุม แต่หลอดไฟ UNIT ON สีเขียวยังคงติดอยู่ ถ้าต้องการให้ระบบปรับอากาศทำงาน ก็มีวิธีคือ ให้คร่อมสาย 901 กับสาย 902 ในตู้ไฟฟ้า Distribution Board ( ซึ่งอยู่บนรถหลัง พขร. ถ้ามีห้องขับ ถ้าไม่มีห้องขับอยู่ในตู้ไฟฟ้าภายในห้องผู้โดยสาร ) อย่าลืมว่าสาย 901 และ 902 เป็นไฟบ้าน 220 โวลท์ ต้องระวังสักหน่อยถ้าต้องการจะทำ ทางที่ดีควรนำเบรคเกอร์ CB ซึ่งอยู่ที่กล่องควบคุมเหนือ Return Air Filter ลงเสียก่อน หรือถ้าจะให้ง่ายให้บิดสวิทช์ AIR CON. MAIN ไปในท่า OFF เสียก่อน เมื่อคร่อมสายแล้วจึงบิดไว้ท่า
FULL ตามเดิม ถึงปลายทางแล้วแจ้งหน่วยซ่อม



มีลมเป่าออกทางช่องแอร์ แต่ไม่มีความเย็น

ก่อนอื่นต้องตรวจสอบขั้นตอนพื้นฐานที่กล่าวมาข้างต้นตั้งแต่ ข้อ 1 - 4 ก่อนแล้วจึงมาวิเคราะห์กันต่อไปว่าเกิดจากสาเหตุใด ในกรณีนี้ให้สังเกตหลอดสัญญาณ COOL 1 และ COOL 2 ซึ่งเป็นหลอดสีเขียวที่กล่องควบคุม จะต้องติดแสดงให้เห็นทั้ง 2 หลอดเมื่อเปิดเครื่องแอร์ใหม่ ๆ นั่นหมายความว่า มอเตอร์ Compressor กำลังอัดน้ำยาแอร์เพื่อสร้างความเย็น
ถ้าเห็นว่าหลอดสัญญาณสีเขียว COOL 1 และ COOL 2 ไม่ติดแสดงเลยทั้ง 2 หลอด
ก็ให้ทดลองกดปุ่ม COOLING TEST สีน้ำเงิน อยู่เหนือหลอดสีเขียวทั้งสองนี้ เมื่อกดแล้วจะมีไฟสีน้ำเงินสว่างที่ปุ่มกด ต่อไปให้สังเกตหลอดสัญญาณสีเขียว COOL 1 และ COOL 2 ติดหรือไม่

1 ) ถ้าหลอด COOL 1 และ COOL 2 ติดดีหลังจากกดปุ่ม COOLING TEST แล้ว แสดงว่าระบบควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศปกติดี แต่ระบบตรวจจับอุณหภูมิในห้องผู้โดยสารอาจทำงานผิดพลาดเนื่องจากตัวตรวจจับอุณหภูมิ ( SENSOR ) อาจทำงานผิดพลาด อาจเป็นเพราะวางอยู่ใกล้ตำแหน่งที่ได้รับความเย็นมากเกินไป ให้ทดลองย้าย SENSOR ไปไว้บริเวณที่ใกล้เคียงที่มีอุณหภูมิสูงกว่า หรือทดลองหาวัสดุที่เป็นฉนวนหุ้ม SENSOR ไว้ก่อนเพื่อไม่ให้ความเย็นมากระทบ

2 ) ถ้าหลอด COOL 1 และ COOL 2 ไม่ติดเลยหลังจากกดปุ่ม COOLING TEST ภายหลัง 5 นาที นั่นแสดงว่าตัว Thermostat ควบคุมอุณหภูมิชำรุด ( อยู่ในกล่องควบคุม ) เปิดฝาจึงจะเห็น เป็นกล่องสีขาว รถบางคันฝากล่องตัว Thermostat สีขาวหายไปก็มี คงเห็นแต่อุปกรณ์อีเล็คโทรนิค จะมีหลอดไฟ LED สีแดงติดวาบเป็นระยะอยู่ตลอดเวลา นั่นหมายถึง มีกระแสไฟเข้าไปเลี้ยงวงจร Thermostat แล้ว แต่ถ้าหลอด LED ไม่ติดแสดง ก็หมายความว่าไม่มีกระแสไฟเข้าเลี้ยงวงจร Thermostat ในกรณีนี้ อยากให้ทดลองรีเซ็ทโดยบิดสวิทช์ AIR CON. MAIN ไปในท่า OFF ก่อน แล้วจึงบิดกลับไปในท่า FULL ตามเดิม ถ้ามีไฟเลี้ยงวงจร Thermostat แล้วแต่หลอด COOL 1 และ COOL 2 ยังไม่ทำงาน แสดงว่าตัว Thermostat ชำรุดแล้ว

3 ) ถ้าหลอด COOL 1 หรือ COOL 2 ติดแล้วดับเร็วเกินไป โดยที่ทำความเย็นยังไม่เต็มที่ ก็ให้ตรวจเหมือนข้อ 1 )


มีลมเป่าออกทางช่องแอร์ และหลอดสัญญาณ COOL 1 และ COOL 2 ติดแล้ว แต่ไม่มีความเย็นหรือเย็นน้อยผิดปกติ

กรณีนี้มักจะเกิดจากน้ำแข็งจับที่แผงคอล์ยเย็น แผงคอล์ยเย็นนี้อยู่ในช่องเหนือ Return Air Filter ตรงข้ามกับกล่องควบคุม มีลักษณะเป็นครีบเหมือนรังผึ้งหม้อน้ำรถยนต์ สาเหตุที่เป็นน้ำแข็ง อาจเกิดจากการหมุนเวียนอากาศภายในห้องไม่ดีพอ ให้ตรวจดูแผงกันฝุ่นที่ Return Air Filter ว่าสกปรกหรือไม่ ถ้าสกปรกถอดมาทำความสะอาด การทำความสะอาดแผงกันฝุ่นให้ดูด้วยว่าถ้าเป็นแผงที่ทำด้วยกระดาษ ห้ามใช้น้ำทำความสะอาดให้ใช้เคาะหรือใช้ลมเป่าแทน

หรืออาจเกิดจากตัว Thermostat ชำรุดไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในพิกัดได้ ทำให้มอเตอร์คอมเพรสเซอร์อัดน้ำยาแอร์ทำความเย็นตลอดเวลาทั้ง ๆ ที่อุณหภูมิได้พิกัดแล้ว จึงเกิดเป็นน้ำแข็งที่แผงคอล์ยเย็น พนักงานรถจักรต้องพยายามตรวจสอบดูเรื่อย ๆ ถ้าเห็นว่าเป็นน้ำแข็งจับที่แผงคอล์ยเย็นแล้วก็ให้บิดสวิทช์ AIR CON. MAIN ไปในท่า FAN ก่อนจนกว่าน้ำแข็งจะละลายหมดแล้วจึงบิดสวิทช์ไว้ท่า FULL ตามเดิม
หรืออาจเกิดจากตัว SUPPLY FAN ไม่หมุนหรือหมุนช้าไม่ได้รอบที่กำหนด เนื่องจากชำรุดก็ตาม ก็เป็นเหตุให้การหมุนเวียนอากาศในห้องผ่านคอล์ยเย็นไม่ดีพอ แก้ไขไม่ได้ก็ให้งดใช้เครื่องปรับอากาศไปเลยแล้วบันทึกให้หน่วยซ่อม
หรืออาจเกิดจากน้ำยาแอร์มีน้อย ให้เปิดแผง Return Air Filter ออกแล้วมุดศีรษะเข้าไปในช่อง Return ใช้ไฟฉายส่องดูหลอดแก้วดูน้ำยาแอร์ ถ้าเป็นฟองแสดงว่า น้ำยาแอร์มีน้อย ให้บุ๊คไว้ด้วย
กรณีหลอดสัญญาณสีแดง PRESSURE FAULT ที่กล่องควบคุมติดแสดง
แสดงว่าเกิด High Pressure หมายความว่า แรงดันน้ำยาแอร์ทางด้านอัดมีแรงดันสูงเกินกว่าพิกัดที่ตั้งไว้ที่ High Pressure Switch เพื่อป้องกันความเสียหาย จะตัดวงจรทำความเย็นทันทีแล้วแต่ว่าจะเป็นที่แอร์เครื่องที่ 1 หรือ 2
สาเหตุที่ทำให้แรงดันน้ำยาแอร์สูงเกินพิกัด อาจเกิดจาก ท่อน้ำยาแอร์อุดตัน หรือพัดลมระบายความร้อนน้ำยา ( Condensor Fan ) ติดตั้งอยู่บนหลังคาเกิดไม่หมุน ( ให้ตรวจสอบดูเบรคเกอร์ CFB ที่กล่องควบคุมด้วย ) หรือหมุนไม่ได้รอบ หรือใบพัดเสื่อมสภาพแตกชำรุด ทำให้การระบายความร้อนน้ำยาไม่ดี หรือแผงคอล์ยร้อนซึ่งอยู่บนหลังคา สกปรกทำให้ระบายความร้อนไม่ดี ถ้าพนักงานรถจักรตรวจสอบทุกอย่างปกติ น่าทดลองใช้น้ำฉีดที่แผงคอล์ยร้อนดูบ้างทั้งสองข้างจนสะอาด เผื่อช่วยได้ เสร็จแล้วทดลองรีเซ็ทสวิทช์ AIR CON. MAIN ไปท่า OFF แล้วจึงบิดไปท่า FULL ตามเดิม

[beer45]

เขียนเป็นวงจรเดี๋ยวจะ งง กัน ดูเป็นบล๊อคไดอะแกรม กันครับว่าเครื่องยนต์ระบบปรับอากาศมันมีความสำคัญอย่างไร ไปทำหน้าที่อะไรบ้าง

[beer45]

เพิ่มเติมข้อมูลสำหรับเครื่องยนต์ปรับอากาศซักนิดว่าใช้รุ่นอะไรกันบ้าง

เครื่องยนต์ต้นกำลังที่ใช้ในการขับเคลื่อนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าช่วย (Donkey Engine) เครื่องยนต์ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำหรับระบบปรับอากาศของรถดีเซลรางมีอยู่ 4 รุ่นด้วยกัน


- เครื่องยนต์ Cummins รุ่น 6B5-9GR6 ของรถดีเซลรางสปริ้นเตอร์

- เครื่องยนต์ PERKINS MODEL T4536 (TURBO) ของรถดีเซลรางปรับอากาศโตเกียว (ATR)

- เครื่องยนต์ PERKINS MODEL 1006-6TG ของรถดีเซลรางปรับอากาศแดวูและรถ บนท.ป.แดวู 1101-1140

- เครื่องยนต์ PERKINS MODEL6.3544 ของรถ บนท.ป.1101-1140

[KaittipsBOT]

[nathapong]

ถึง ท่านราชครู คิตตี้
รบกวนมาลงต่อ เถอะท่าน พักยกไปเลี้ยงลูก ไปหลายวันแย้ว......นิ อิอิ..

ประเด็นตอนนี้ อยากรู้แค่ว่า น้ำยาแอร์ ที่ใช้ในรถไฟ เป็นตัวเดียวกับที่ใช้กับแอร์ บ้าน คือ R 22 อะเปล่า

ถ้าใช่ Supply Chainในอุตสาหกรรม ผลิดเครื่องทำความเย็นและเครื่องปรับอากาศ ในบ้านเรา
จะมาเกี่ยวข้องกับรถไฟได้อย่างไร..... จะได้เอา เรื่องแอร์ ไปโยงกับ บทความของ คุณพี่ อิทธิชัย จาก สศอ
ว่า บ้านเราก็สามารถชิ้นส่วนที่ใช้กับรถไฟ (ระบบราง) ว่า เราทำได้…..ฮี่ ๆ

[Cummins]

[nathapong]

^
เอามาลง แบบนี้ ระวัง "ตับหาย" เน้อ

แวะมาหยอด ว่า ประเทศไทย เป็นผู้ส่งออก เครื่องปรับอากาศ ที่มีมูลค่ากี่ไม่กี่พันล้านบาท เอง

ไม่ต้องมาถามข้อยเด้อ ว่า supply chain ของกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ เขาทำได้ขนาดไหน

ว่าแต่ ไอ้เจ้าแอร์ แบบรุ่นติดหน้าต่างเนี่ย มันตายไปจากตลาดนานมาแล้วกี่ปี..... หึหึ