View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 44053
Location: NECTEC
|
Posted: 04/08/2010 5:57 am Post subject: |
|
|
ครม.เด้งคืนศูนย์ขนส่งรถไฟ สศช.กรองผวาเข้าก.ม.ร่วมทุน
เดลินิวส์ วันพุธ ที่ 04 สิงหาคม 2553 เวลา 8:10 น
นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประ จำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงคมนาคมได้เสนอขอให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ดำเนินโครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบัง โดยใช้งบประมาณลงทุนของกทท.วงเงิน 2,025 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและจัดหาเครื่องมือยกขนหลักสำหรับใช้ในโครงการฯ แต่ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปพิจารณารายละเอียดให้รอบคอบอีกครั้งก่อนเสนอให้ครม.เห็นชอบ
ทั้งนี้ระหว่างการพิจารณานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสศช.ว่าจะ พิจารณาคณะกรรมการสศช.เมื่อใด โดยให้ นำเรื่องนี้เข้าไปพิจารณาในการประชุมคณะกรรมการด้วย เพราะมีหลายประเด็นที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบ โดยเฉพาะกรณีการปฏิบัติพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 หรือกฎหมายร่วมทุนปี 2535
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลกล่าวว่า ในข้อเสนอของกระทรวงคมนาคมในครั้งนี้ทางกทท.ได้ระบุว่าจะเสนอขอความเห็นชอบจากครม.อีกครั้งว่าจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายร่วมทุนปี 2535 ในภายหลังพร้อมกับการเสนอขอปรับปรุง โครงสร้างและอัตราภาระขั้นต่ำและขั้นสูงของการยกขนตู้สินค้าขึ้นลงรถไฟอีกครั้งหนึ่ง จึงทำให้นายกฯได้ให้สศช. ไปพิจารณามาให้เรียบร้อยก่อน
ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมได้รายงานว่า กทท.ได้เสนอโครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อพัฒ นาโครงสร้างพื้นฐานและจัดหาเครื่องมือยกขนหลักสำหรับใช้ในโครงการ โดยแผนการลงทุน ทางกทท. จะทำการก่อสร้างลานขนถ่ายตู้สินค้าทางรถไฟในพื้นที่โซน 4 อยู่ระหว่างท่าเทียบเรือชุด บี และชุด ซี ของท่าเรือแหลมฉบังเนื้อที่ประมาณ 600 ไร่ ซึ่งจะใช้ในครั้งนี้ประมาณ 370 ไร่ และสำรองไว้อีกประมาณ 230 ไร่ โดยลักษณะของลานขนถ่ายตู้สินค้าทางรถไฟ จะมีการติดตั้งรางรถไฟลักษณะเป็นพวงรางจำนวน 6 ราง โดยติดตั้งเครื่องมือยกขนตู้สินค้าชนิดเดินบนราง ที่สามารถทำงานคร่อมทางรถไฟได้ทั้ง 6 ราง ในเวลาเดียวกัน ซึ่งจะมีขีดความสามารถในการรองรับตู้สินค้าได้ถึง 2.0 ล้านทีอียูต่อปี
สำหรับงบประมาณลงทุนแบ่งเป็น 2 ระยะ โดย
ระยะที่ 1 เป็นการพัฒนาเพื่อรองรับตู้สินค้าจนถึงระดับ 1.0 ล้านทีอียูต่อปี และ
พัฒนาเพิ่มเติมในระยะที่ 2 เพื่อให้สามารถรองรับตู้สินค้าได้ถึง 2.0 ล้านทีอียูต่อปี. |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 44053
Location: NECTEC
|
Posted: 04/08/2010 11:31 pm Post subject: กรรมาธืการคมนาคมวุฒิสภาบี้ รฟท. ให้สร้าง ICD 2 ที่อื่น |
|
|
จี้ปรับICD2รับสินค้าสู่แหลมฉบัง
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ
หน้า อสังหา
ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 30 กรกฏาคม 2010 เวลา 09:45 น.
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,553 1-4 สิงหาคม พ.ศ. 2553
นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ รองประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ)การคมนาคม วุฒิสภา เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าได้ให้กระทรวงคมนาคมและการรถไฟฯ ไปปรับเปลี่ยนแผนการพัฒนาโครงการก่อสร้างสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง ICD แห่งที่ 2 ที่มีการศึกษามานานกว่า 5 ปีแล้ว อีกทั้งสถานที่ก่อสร้างคือย่านลาดกระบังที่เคยศึกษาไว้นั้น ยังไม่มีความเหมาะสมหลายประการ เนื่องจาก
1. ไม่สามารถรองรับสินค้าจากภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้สะดวก
2. เสียเวลาการขนย้าย
แต่หากใช้พื้นที่ย่านแก่งคอย สระบุรี หรือฉะเชิงเทราแทนเชื่อว่าจะสามารถขนสินค้ามุ่งตรงสู่ท่าเรือแหลมฉบังได้และช่วยร่นระยะทางและเวลาลงไปได้อีกมาก ที่สำคัญพื้นที่แหลมฉบังอาจจะมีปัญหาน้ำท่วมขังในอนาคต และปัญหาการจราจรตามมาเนื่องจากปัจจุบันเริ่มติดขัดมากขึ้นแล้ว
"จะซื้อหรือเวนคืนก็ต้องทำจึงควรเลือกพื้นที่ที่สามารถรองรับระบบโลจิสติกส์ในอนาคตไว้ด้วย โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าจากภาคเหนือที่จะมาจากจีนในอนาคตหรือจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้ไปสู่ท่าเรือเพื่อการส่งออกที่แหลมฉบังได้รวดเร็วขึ้น ส่วนสถานีปัจจุบันควรบริหารจัดการใหม่ให้มีพื้นที่รองรับได้อีกเนื่องจากการจัดสร้างแห่งใหม่คาดว่าจะต้องใช้เวลา 2-3 ปีจึงจะแล้วเสร็จ ใช้งบประมาณสูงถึง 6,000 ล้านบาท และเกือบ 2,000 ล้านบาทเป็นค่าซื้อที่ดินหรือเวนคืน ส่วนที่เหลือเป็นการจัดซื้ออุปกรณ์เช่น เครน ตู้สินค้า จึงต้องควบคุมไม่ให้เกิดความล่าช้าเพราะประเทศไทยเสียเวลาและโอกาสทางธุรกิจมาแล้วหลายปีแล้ว"
ด้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่าได้มอบหมายให้ร.ฟ.ท.ไปศึกษาสาเหตุที่สินค้าล้นลานของสถานี ICD ลาดกระบังว่าเกิดจากสาเหตุใด หากสินค้ามาจากภาคเหนือและภาคอีสานก็ต้องหาพื้นที่แถวแก่งคอยหรือฉะเชิงเทราแทนเพื่อความสะดวกในการขนส่งต่อไปยังแหลมฉบังโดยไม่ต้องวกเข้ามาสร้างปัญหาจราจรในพื้นที่ลาดกระบัง ซึ่งหากศึกษาดีจะช่วยลดงบประมาณไปได้อีก
นอกจากนั้นยังต้องศึกษาการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายคมนาคมขนส่งอื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วย โดยเฉพาะทางถนนหรือทางด่วนเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ พนักงานให้สามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวกและปลอดภัย และให้เร่งรัดให้ทันเปิดประมูลในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า
"โครงการนี้คาดว่าต้องเวนคืนพื้นที่ให้ได้ประมาณ 900-1,000 ไร่ โดยต้องเปรียบเทียบผลดีผลเสียตลอดจนการรองรับในอนาคตด้วย ต้องให้สอดคล้องกับแผนการยกเครื่องการรถไฟฯเพื่ออำนวยความสะดวกต่อการขนส่งสินค้าและขนส่งผู้โดยสารให้เกิดการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายให้มากที่สุดเกิดประสิทธิภาพสูงสุด"
แหล่งข่าวระดับสูงของการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.)เปิดเผยว่า การก่อสร้าง ICD แห่งที่ 2 เป็นโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับโครงการก่อสร้างทางคู่สายตะวันออกที่กระทรวงคมนาคมกำลังเร่งผลักดัน อยู่ในแผนยกเครื่องระบบโครงสร้างพื้นฐานการรถไฟฯภายใต้งบประมาณ 1.7 แสนล้านบาท
ขณะที่สถานี ICD ลาดกระบังที่ให้บริการในปัจจุบัน ได้ถูกออกแบบให้รองรับปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ เข้า-ออกจำนวน 800,000 ทีอียู แต่รองรับปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ถึง 1.7 ล้านทีอียู
ส่วนปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทางรถไฟระหว่าง ICD ลาดกระบังและท่าเรือแหลมฉบังอยู่ที่ประมาณ 450,000 ทีอียูต่อปีเท่านั้น จึงจำเป็นต้องสร้าง ICD แห่งที่ 2 ควบคู่กับการก่อสร้างทางคู่สายตะวันออก เพื่อรองรับปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ที่เพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับที่ตั้ง ICD แห่งที่ 2 ที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งตะวันออก (กพอ.) ซึ่งมีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นว่าควรใช้พื้นที่ของที่หยุดรถทับยาว (ที่หยุดรถ กม. 35 - ยังไม่เปิดให้บริการจนจะย้าย ครฟ. ออกจาก กม. 11 และ ตึกแดง ให้หมด) ที่ใกล้กับลาดกระบังปัจจุบันประมาณ 5 กิโลเมตรเป็นสถานที่ก่อสร้างมูลค่า 6,066 ล้านบาท ตามโครงการไทยเข้มแข็งที่จะเริ่มดำเนินการได้ในปี 2554
"ล่าสุดบริษัทที่ปรึกษาทบทวนความเหมาะสมด้านสถานที่ก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จต้นเดือนสิงหาคม 2553 นี้ ส่วนงบประมาณ 6,066 ล้านบาทนั้นจัดเป็นงบผูกพัน 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2554(2,000 ล้านบาท) ปี 2555(2,000 ล้านบาท) และปี 2556(2,066 ล้านบาท) มีทั้งเงินลงทุนค่าทดแทนที่ดินและอาคารสิ่งปลูกสร้าง รวมกว่า 1 พันล้านบาท และค่าก่อสร้างรวมกว่า 5 พันล้านบาท โดยเป็นการกู้จากแหล่งเงินตามที่กระทรวงการคลังเห็นชอบและ ร.ฟ.ท.จะรับผิดชอบดอกเบี้ยพร้อมการผ่อนชำระทั้งหมด โครงการนี้ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาแนวเวนคืนที่ดิน การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม การจัดทำเอกสารประกวดราคา คาดว่าจะประกาศขายซองได้ในต้นปี 2554 และเริ่มก่อสร้างได้ในปลายปี 2554 เพื่อให้เปิดใช้งานได้ในปี 2555-2556"
//-------------------------------------------------------------------
งวดนี้ รัฐบาลกะวุฒิสภาคงได้ ปะฉะดะ เอาก็คราวนี้เอง เพราะ วุฒิสภาอยากให้สร้าง ICD2ที่ ฉะเชิงเทราหรือแก่งคอย แต่ รัฐบาลจะเอาที่ทับยาว (กม. 35 สายตะวันออก) |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 44053
Location: NECTEC
|
Posted: 05/08/2010 1:19 am Post subject: |
|
|
ปลัด คค.ห่วงขึ้นค่ารถไฟกระทบ ปชช.สั่ง รฟท.ศึกษาหารายได้ส่วนอื่นทดแทน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 สิงหาคม 2553 09:53 น.
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีบอร์ดการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ขออนุมัติปรับโครงสร้างค่าโดยสารรถไฟชั้น 1 และชั้น 2 ขึ้นอีก 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนชั้น 3 ยังคงตรึงราคาเดิม โดยจะมีผลในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ว่า กระทรวงคมนาคมจะพิจารณาตามความเหมาะสม ซึ่งส่วนตัวยอมรับว่า เป็นห่วงว่าจะมีผลกระทบต่อประชาชนหากมีการขึ้นค่าโดยสารชั้น 3 ด้วย และมองว่าจะสวนทางกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการจะลดค่าครองชีพเพื่อช่วยเหลือประชาชน ทั้งนี้ ได้ให้ รฟท.ไปศึกษาหาแนวทางอื่น อาทิ การหารายได้ส่วนอื่นเข้ามาทดแทน เพื่อเตรียมเสนอรัฐบาลก่อนวันที่ 1 ตุลาคมนี้
นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยด้วยว่า ค่าโดยสารรถไฟชั้น 3 ขณะนี้ยังคงต่ำกว่าทุน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหากมีการปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟจริง ประชาชนก็ยังคงใช้บริการอยู่ และมองว่ารถไฟยังมีค่าโดยสารถูกกว่ารถโดยสารประเภทอื่น |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 47428
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 07/08/2010 6:18 pm Post subject: |
|
|
นายกฯ เดินหน้าพัฒนาระบบรถไฟเพื่อลดปัญหาอุบัติเหตุและเพิ่มความสะดวกมากขึ้น
ประจวบคีรีขันธ์ 7 ส.ค. 53 -นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดใช้เครื่องกั้นถนนอัตโนมัติ อย่างเป็นทางการ บริเวณที่หยุดรถสวนสนประดิพัทธ์ และสถานีรถไฟหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม คณะผู้บริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้การต้อนรับโดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุทางรถไฟบ่อยครั้งซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้โดยสาร ทั้งที่ระบบรางควรเป็นระบบขนส่งหลักของประเทศที่สะดวก ปลอดภัยและประหยัดพลังงาน แต่ที่ผ่านมาการพัฒนาระบบรถไฟเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะต้องใช้งบประมาณสูง และยังไม่มีการส่งเสริมการใช้ระบบรางอย่างจริงจัง แต่ในรัฐบาลชุดนี้ ยืนยันชัดเจนว่า จะส่งเสริมการพัฒนาระบบรางให้เป็นระบบขนส่งหลัก โดยมีการวางแผนการใช้งบประมาณ การใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อปรับปรุงระบบรางทั่วประเทศอย่างเร่งด่วน ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารและเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมที่จะลงทุนเพื่อพัฒนาระบบรางใน 3 เรื่องหลัก ประกอบด้วย การปรับปรุงและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบราง เพื่อให้การเดินทางเป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็ว การปรับปรุงพัฒนาหัวรถจักร และ การปรับปรุงระบบความปลอดภัย โดยรัฐบาลเทงบลงทุนใน 3 ด้านดังกล่าวกว่า 170,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มความเร็วของรถไฟได้มากขึ้นอีก 1 เท่าตัว จากเดิมที่ความเร็วเฉลี่ยรถไฟอยู่ที่ประมาณ 50-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และการจัดทำเครื่องกั้นรางรถไฟอัตโนมัติ ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่การรถไฟแห่งประเทศไทยและกระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการแล้ว ซึ่งระบบดังกล่าวจะมีประมาณ 2,000 จุดทั่วประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องความปลอดภัยในจุดตัดทางรถไฟทั่วประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลจะเดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงใน 4 เส้นทาง กรุงเทพ-หนองคาย,กรุงเทพ-ระยอง,กรุงเทพ-เชียงใหม่ และกรุงเทพ-ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังแสวงหาความร่วมมือกับประเทศจีน เพื่อพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงดังกล่าว
นอกจากนี้ ภายหลังนายกรัฐมนตรีได้เปิดใช้งานเครื่องกั้นทางรถไฟอัตโนมัติเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ขึ้นรถไฟไปยังสถานีรถไฟหัวหิน พร้อมกับอัดเทปรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ กับนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม บนขบวนรถไฟ และจะมีการแถลงข่าวภายหลังจากเสร็จสิ้นการอัดรายการแล้ว และมีกำหนดจะเดินทางกลับกรุงเทพในทันที โดยความร่วมมือโครงการพัฒนาเครื่องต้นแบบระบบเครื่องกั้นถนนอัตโนมัติ ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท) โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมผู้บริหารของกระทรวงคมนาคมให้การต้อนรับ ณ สถานีรถไฟหัวหิน และที่หยุดรถสวนสนประพัทธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเป็นเรื่องที่น่ายินดีของชาวหัวหินที่ได้ให้ความสำคัญเป็นแห่งแรก ในการเปิดตัวโครงการพัฒนาความปลอดภัยและเพื่อประสิทธิภาพในการเดินรถไฟ การดำเนินกรดังกล่าวเกิดจากความร่วมมือของกระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย และบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย เป็นต้น.- สำนักข่าวไทย |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 44053
Location: NECTEC
|
Posted: 08/08/2010 5:49 am Post subject: |
|
|
นายกฯ กดปุ่มใช้งานเครื่องกั้นถนนอัตโนมัติ ที่หัวหิน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 สิงหาคม 2553 10:11 น.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดใช้เครื่องต้นแบบระบบเครื่องกั้นถนนอัตโนมัติอย่างเป็นทางการ และเปิดพิธีแถลงข่าวความร่วมมือโครงการพัฒนาเครื่องต้นแบบระบบเครื่องกั้นสนอัตโนมัติ(***) ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทยและบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด โดยมี นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะให้การต้อนรับ ที่สถานีรถไฟหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีของชาวหัวหินที่ได้รับความสำคัญเป็นแห่งแรก ในการเปิดตัวโครงการพัฒนาระบบความปลอดภัยและเพิ่มประสิทธิภาพ ความสำเร็จเครื่องต้นแบบระบบเครื่องกั้นถนนอัตโนมัติ ที่เปิดใช้งานในวันนี้ เป็นสัญญาณของการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับประชาชน ด้วยการเดินทางและการสัญจรอย่างปลอดภัย ภายใต้การดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งทั้งทางบก ทางน้ำ ทางราง และทางอากาศให้มีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ด้วยพันธสัญญาที่รัฐบาลมีให้กับประชาชนทั้งประเทศ ร่วมกันสร้างความสำเร็จของยุทธศาสตร์คมนาคมปลอดภัยสังคมไทยเป็นสุข ทั้งนี้ รัฐบาลมุ่งมั่นจะพัฒนาเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมทุกระบบ เพื่อสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งและจราจรในภูมิภาคต่อไป
//-----------------------------------------------------------------------------------
คมนาคมเร่งแก้ปัญหาจุดตัดรถไฟเร่งด่วน 900 จุดลดอุบัติเหตุ
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ วันที่ 07 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เวลา 12:41:24 น.
นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังร่วมในพิธีเปิดใช้เครื่องต้นแบบเครื่องกั้นทางรถไฟอัตโนมัติ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยกล่าวว่า เครื่องกั้นทางรถไฟอัตโนมัติที่นำร่องติดตั้งบริเวณที่หยุดรถสวนสนประดิพัทธ์ และสถานีรถไฟหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นการใช้งบแก้ไขปัญหาการรถไฟ วงเงิน 170,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลอนุมัติการสนับสนุน เป็นก้อนแรกจำนวน 3 ล้านบาทในการดำเนินการพัฒนาและติดตั้งเครื่องดังกล่าว
ส่วนเงินงบประมาณแก้ไขปัญหาส่วนที่เหลืออีก 169,997 ล้านบาท ที่จะขยายผลระบบเครื่องกั้นทางรถไฟทั่วประเทศอีก 2,000 กว่าจุด และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบราง การพัฒนาระบบหัวรถจักร และการพัฒนาด้านความปลอดภัยอื่น ๆ ตามโครงการพัฒนาและยกระดับการขนส่งระบบรางของประเทศ จะต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะจัดหาเงินมาสนับสนุนระบบราง โดยนายกรัฐมนตรีได้รับปากแล้วว่าจะเดินหน้าผลักดันระบบรางอย่างจริงจัง โดยจะเดินหน้าพัฒนารถไฟทั้ง 3 ด้านควบคู่กันไป ซึ่งความคืบหน้าการจัดหาหัวรถจักร ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเร่งทำทีโออาร์เพื่อจัดซื้อจัดจ้าง และการพัฒนาระบบรางขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาแผนการลงทุน
นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากที่ รฟท.นำร่องระบบเครื่องกั้นรถไฟแบบใหม่นี้ที่หัวหิน หลังจากนี้ก็จะทยอยดำเนินการติดตั้งระบบนี้ที่จุดตัดรถไฟในพื้นที่สำคัญที่ได้มีการนำร่องโครงการสมาร์ท สเตชั่น ไปก่อนหน้านี้ เช่น
จ.พระนครศรีอยุธยา
จ.เชียงใหม่
จ.ลพบุรี และ
จ.กาญจนบุรี เป็นต้น
และจะดำเนินการให้ครบทั้งหมดภายในปี 2557 โดยจุดตัดที่การรถไฟจะดำเนินการเร่งด่วนนั้น นอกจากจะเป็นจังหวัดสำคัญก็จะมีการพิจารณาจากสถิติอุบัติเหตุของแต่ละจังหวัด ซึ่งขณะนี้มีประมาณ 988 จุด ที่จะต้องดำเนินการปรับปรุงเร่งด่วน โดยหากการรถไฟได้รับงบประมาณสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ก็เชื่อว่าจะช่วยลดสถิติอุบัติเหตุในแต่ละปีได้เฉลี่ยปีละ 20 เปอร์เซ็นต์ ส่วนจุดลักผ่านอีก 540 จุด ที่อยู่นอกเขตทางของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทนั้น ส่วนนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ก็จะเข้ามาปรับปรุงเพื่อให้เกิดความปลอดภัย
สำหรับการทำงานของเครื่องกั้นทางรถไฟอัตโนมัตินี้ เป็นการควบคุมเครื่องกั้นทางรถไฟที่ตัดผ่านถนน โดยมีอุปกรณ์ตรวจจับขบวนรถด้วยสัญญาณจีพีเอส ซึ่งสัญญาณเหล่านี้จะแสดงสัญญาณไฟแจ้งการทำงานของเครื่องกั้นถนนให้พนักงานควบคุมหัวรถจักรทราบ รวมทั้งการแสดงสัญญาณไฟจราจรเพื่อควบคุมบริเวณจุดตัด มีระบบสัญญาณเตือนนับถอยหลังให้แก่ผู้ที่ขับรถผ่านจุดตัดดังกล่าวทราบโดยจะมีทั้งสัญญาณเสียงและสัญญาณไฟบอกทิศทางของหัวจักรรถไฟ นอกจากนี้สำหรับผู้ขับหัวรถจักรก็จะมีจอบอกตำแหน่งจุดตัดทางรถไฟของสถานีถัดไป แสดงสถานะของเครื่องกั้น รวมทั้งสามารถส่งพิกัดตำแหน่งและความเร็วของขบวนรถไปยังอุปกรณ์ควบคุมเครื่องกั้นอัตโนมัติและจะมีการรายงานผลให้นายสถานีใกล้เคียงรับทราบด้วยเช่นกัน |
|
Back to top |
|
|
nathapong
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 3515
Location: Ayuthaya - Lamlukka - Navanakhon - Silom
|
Posted: 08/08/2010 6:19 am Post subject: |
|
|
Wisarut wrote: |
และจะดำเนินการให้ครบทั้งหมดภายในปี 2557 โดยจุดตัดที่การรถไฟจะดำเนินการเร่งด่วนนั้น นอกจากจะเป็นจังหวัดสำคัญก็จะมีการพิจารณาจากสถิติอุบัติเหตุของแต่ละจังหวัด ซึ่งขณะนี้มีประมาณ 988 จุด ที่จะต้องดำเนินการปรับปรุงเร่งด่วน โดยหากการรถไฟได้รับงบประมาณสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ก็เชื่อว่าจะช่วยลดสถิติอุบัติเหตุในแต่ละปีได้เฉลี่ยปีละ 20 เปอร์เซ็นต์ ส่วนจุดลักผ่านอีก 540 จุด ที่อยู่นอกเขตทางของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทนั้น ส่วนนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ก็จะเข้ามาปรับปรุงเพื่อให้เกิดความปลอดภัย
สำหรับการทำงานของเครื่องกั้นทางรถไฟอัตโนมัตินี้ เป็นการควบคุมเครื่องกั้นทางรถไฟที่ตัดผ่านถนน โดยมีอุปกรณ์ตรวจจับขบวนรถด้วยสัญญาณจีพีเอส ซึ่งสัญญาณเหล่านี้จะแสดงสัญญาณไฟแจ้งการทำงานของเครื่องกั้นถนนให้พนักงานควบคุมหัวรถจักรทราบ รวมทั้งการแสดงสัญญาณไฟจราจรเพื่อควบคุมบริเวณจุดตัด มีระบบสัญญาณเตือนนับถอยหลังให้แก่ผู้ที่ขับรถผ่านจุดตัดดังกล่าวทราบโดยจะมีทั้งสัญญาณเสียงและสัญญาณไฟบอกทิศทางของหัวจักรรถไฟ นอกจากนี้สำหรับผู้ขับหัวรถจักรก็จะมีจอบอกตำแหน่งจุดตัดทางรถไฟของสถานีถัดไป แสดงสถานะของเครื่องกั้น รวมทั้งสามารถส่งพิกัดตำแหน่งและความเร็วของขบวนรถไปยังอุปกรณ์ควบคุมเครื่องกั้นอัตโนมัติและจะมีการรายงานผลให้นายสถานีใกล้เคียงรับทราบด้วยเช่นกัน |
^
^
การป้องกันอุบัติเหตุ จะได้มรรคได้ผล
ขึ้นอยู่กับวินัยและการเคารพกฎของผู้ขับขี่รถยนต์ด้วยเช่นกัน....
...............................................................
ส่วนจะติดอุปกรณ์ ในรถจักรเพิ่มเติมนั้น เช่น GPS ก็ดี
แต่ ผู้บริหารของ รฟท อย่าลืมหันไปดูเกจ์วัด อุปกรณ์ต่าง ๆ บนรถจักร ให้ใช้งานได้ครบถ้วน ขนาดประชุมกับฝ่ายบริหารก็แล้ว ผลที่ออกมา ก็ "บุ๊กมาเดิม" จริงไหมเอ่ย หุหุ |
|
Back to top |
|
|
BanPong1
1st Class Pass (Air)
Joined: 07/12/2006 Posts: 2733
Location: กม.37 สายเหนือ, กม.68 สายกาญจนบุรี
|
Posted: 08/08/2010 1:27 pm Post subject: |
|
|
Wisarut wrote: |
สำหรับการทำงานของเครื่องกั้นทางรถไฟอัตโนมัตินี้ เป็นการควบคุมเครื่องกั้นทางรถไฟที่ตัดผ่านถนน โดยมีอุปกรณ์ตรวจจับขบวนรถด้วยสัญญาณจีพีเอส ซึ่งสัญญาณเหล่านี้จะแสดงสัญญาณไฟแจ้งการทำงานของเครื่องกั้นถนนให้พนักงานควบคุมหัวรถจักรทราบ รวมทั้งการแสดงสัญญาณไฟจราจรเพื่อควบคุมบริเวณจุดตัด มีระบบสัญญาณเตือนนับถอยหลังให้แก่ผู้ที่ขับรถผ่านจุดตัดดังกล่าวทราบโดยจะมีทั้งสัญญาณเสียงและสัญญาณไฟบอกทิศทางของหัวจักรรถไฟ นอกจากนี้สำหรับผู้ขับหัวรถจักรก็จะมีจอบอกตำแหน่งจุดตัดทางรถไฟของสถานีถัดไป แสดงสถานะของเครื่องกั้น รวมทั้งสามารถส่งพิกัดตำแหน่งและความเร็วของขบวนรถไปยังอุปกรณ์ควบคุมเครื่องกั้นอัตโนมัติและจะมีการรายงานผลให้นายสถานีใกล้เคียงรับทราบด้วยเช่นกัน |
พอจะมีภาพเครื่องกั้น+อุปกรณ์ที่ว่านี้ให้ดูไหมครับ _________________
|
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
|
Back to top |
|
|
BanPong1
1st Class Pass (Air)
Joined: 07/12/2006 Posts: 2733
Location: กม.37 สายเหนือ, กม.68 สายกาญจนบุรี
|
Posted: 08/08/2010 3:20 pm Post subject: |
|
|
ขอบคุณครับพี่ตึ๋ง
อย่างนี้แสดงว่าถ้าใช้ GPS ในรถจักรทุกคันก็ต้องติดให้ครบซิครับ _________________
|
|
Back to top |
|
|
nathapong
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 3515
Location: Ayuthaya - Lamlukka - Navanakhon - Silom
|
Posted: 08/08/2010 4:37 pm Post subject: |
|
|
^
^
อึ๋ย.... ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มในระยะยาว กับ GPS ใครจะออก หละเนี่ย |
|
Back to top |
|
|
|