View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 44053
Location: NECTEC
|
Posted: 16/08/2010 9:21 am Post subject: |
|
|
ลุยหลักสูตรปั้นคนป้อนรถไฟ ชูธงเป้าหมายผู้นำระบบรางฯ
หน้า 10 ประชาชาติธุรกิจ
ปีที่ 34 ฉบับที่ 4236 วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า จากนโยบายการปรับโครงสร้าง ร.ฟ.ท. ออกเป็น 3 กลุ่มธุรกิจ (BU) และ 1 บริษัทลูก (บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.) เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ ในฐานะประธานกรรมการ ร.ฟ.ท.มองว่า การรถไฟฯจำเป็นจะต้องวางแผนพัฒนาศักยภาพบุคลากรควบคู่กันไปด้วย โดยมีโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟเป็นหัวใจในการพัฒนาคน ปัจจุบันผู้ที่จบการศึกษาในโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟจะได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.)
ล่าสุด ทาง ร.ฟ.ท.และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้ลงนามเอ็มโอยูเพื่อร่วมกันพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนต่อเนื่องอีก 2 ปี เพื่อให้ได้รับวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี ปัจจุบันได้มีนักศึกษารุ่นแรกจากโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟที่ผ่านการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีสาขาเทคโนโลยีระบบรางจำนวน 40 คน ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนา ร.ฟ.ท.ต่อไปในอนาคต
ส่วนในปี 2554 ได้วางแผนจะเปิดการเรียนการสอนหลักสูตรใหม่ ๆ ได้แก่ 1) หลักสูตรวิศวกรรมสาขารถไฟฟ้า โดยรับนักศึกษาระดับ ปวส.มาเรียนต่ออีก 2 ปี เพื่อรับวุฒิปริญญาตรี โดยจะให้สิทธินักศึกษาจากสถาบันอื่นนำหน่วยกิตมาเทียบโอนได้ และ 2) หลักสูตรวิศวกรรมระดับปริญญาตรี 4 ปี ซึ่งเชื่อว่าบุคลากรที่จบการศึกษาจะเป็นที่ต้องการต่อไปในอนาคต
โดยเป้าหมายสุดท้ายของการพัฒนาระบบการเรียนการสอน คือ การก้าวไปสู่การจัดตั้ง "สถาบันพัฒนาระบบรางภาคพื้นอาเซียน" ซึ่งปัจจุบันในภูมิภาคอาเซียนยังไม่มีประเทศใดจัดทำ วัตถุประสงค์เพื่อเข้ามาดูแลการพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับงานระบบรางทั้งหมด รวมถึงงานศึกษาวิจัยด้วย จากปัจจุบัน ร.ฟ.ท.ใช้วิธีว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเข้ามาช่วยศึกษาหรือทำวิจัยโครงการก่อสร้างรถไฟหรือรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ อนาคตก็สามารถใช้บุคลากรที่จบจากสถาบันระบบรางภาคพื้นอาเซียนได้ โดยเฉพาะบุคลากรที่จบหลักสูตรสาขารถไฟฟ้าเชื่อว่าจะเป็นที่ต้องการอย่างมาก
"ในเรื่องบุคลากรไม่เฉพาะเรื่องการพัฒนาศักยภาพ แต่เรื่องโครงสร้างตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงก็คงต้องมาดูเช่นเดียวกัน ปัจจุบัน ร.ฟ.ท.มีตำแหน่งรองผู้ว่าการมากถึง 10 ตำแหน่ง แต่มีภารกิจหลัก 4 อย่าง คือ งานบำรุงรักษาทางรถไฟ ขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร บริหารจัดการทรัพย์สิน และซ่อมบำรุงรถไฟ เท่ากับว่ารองผู้ว่าการบางคนจะดูแลงานทับซ้อนกัน เป็นปัญหาที่ต้องมีการบริหารจัดการใหม่" |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 44053
Location: NECTEC
|
Posted: 16/08/2010 9:42 am Post subject: |
|
|
กอร์ปศักดิ์ รุกคืบเร่งเจรจาจีน 23 ส.ค.นี้ เดินหน้าร่วมทุนสร้างรางรถไฟกว่า 3 แสนล้าน
กอร์ปศักดิ์รุกเร่งเจรจาจีน
ข่าวหน้า 1
เดลินิวส์ วันอาทิตย์ ที่ 15 สิงหาคม 2553 เวลา 16:28 น
วันนี้ (15 ส.ค.) นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันที่ 23 ส.ค.นี้ คณะทำงานของรัฐบาลจีนจะเดินทางมาหารือร่วมกับคณะทำงานไทย เพื่อหาแนวทางความเป็นไปได้ในการร่วมลงทุนระหว่างรัฐบาลไทย และรัฐบาลจีน เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาทางรถไฟขนาดมาตรฐานขนาด 1.4 เมตร หรือ แสตนดาร์ดเกต จากจังหวัดหนองคาย ผ่าน กทม. แล้วต่อไปยังชายแดนไทย-มาเลเซีย ระยะทางกว่า 1,000 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟของจีน ที่จะสร้างจากเมืองคุนหมิง มายังเมืองเวียงจันทน์ สปป.ลาว ซึ่งจะใช้เงินลงทุนกว่า 3 แสนล้านบาท หากคณะทำงานสามารถตกลงในเบื้องต้นกันได้ จะต้องนำรายละเอียดทั้งหมดขอความเห็นชอบจากรัฐสภา ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ก่อนที่จะนำไปสู่การลงนามในบันทึกช่วยจำ หรือ เอ็มโอยู ระหว่างนายกฯ ของไทย กับผู้นำรัฐบาลจีน ในช่วงที่นายกฯ จะเดินทางไปเยือนจีนอย่างเป็นทางการ ในปลายเดือน ก.ย.ถึงต้นเดือน ต.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม หากโครงการนี้สามารถเดินหน้าต่อไปได้จนถึงขั้นลงนามในเอ็มโอยูร่วมกันแล้ว คณะทำงานที่ตนเองเป็นประธานจะหมดหน้าที่ จากนั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลที่จะมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าจัดทำในรายละเอียดต่อไป
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้าจะหารือร่วมกับคณะทำงานของจีน คณะทำงานของไทยจะหารือในรายละเอียดเป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 20 ส.ค.นี้ เพื่อกำหนดรายละเอียด และท่าทีที่จะเจรจากับคณะทำงานของจีน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มอบหมายให้คณะทำงาน 2 ชุด ไปพิจารณารูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีนว่า จะดำเนินการในรูปแบบใด โดยมีกระทรวงการคลังเป็นประธาน ส่วนชุดที่ 2 จะพิจารณาด้านเทคนิค รวมถึงความเป็นไปได้ของโครงการ ซึ่งมอบให้กระทรวงคมนาคมเป็นประธาน.
จีนนัดถกไทย 23ส.ค. เดินหน้าพัฒนารถไฟ เชื่อมเส้นทางหลายปท.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เวลา 07:31:47 น.
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันที่ 23 สิงหาคมนี้ คณะทำงานของรัฐบาลจีนจะเดินทางมาหารือร่วมกับคณะทำงานไทย เพื่อหาแนวทางความเป็นไปได้ในการร่วมลงทุนระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาทางรถไฟขนาดมาตรฐานขนาด 1.4 เมตร หรือสแตนดาร์ดเกต จากจังหวัดหนองคาย ผ่าน กทม. ต่อไปยังชายแดนไทย-มาเลเซีย ระยะทางกว่า 1,000 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟของจีนที่จะสร้างจากเมืองคุนหมิงมายังกรุงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ใช้เงินลงทุนกว่า 3 แสนล้านบาท หากคณะทำงานสามารถตกลงในเบื้องต้นกันได้ จะต้องนำรายละเอียดทั้งหมดขอความเห็นชอบจากรัฐสภา ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ก่อนนำไปสู่การลงนามในบันทึกช่วยจำหรือเอ็มโอยู ระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยกับผู้นำรัฐบาลจีน ในช่วงที่นายกฯจะเดินทางไปเยือนจีนอย่างเป็นทางการในปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคมนี้
"หากโครงการนี้สามารถเดินหน้าจนถึงขั้นลงนามในเอ็มโอยู คณะทำงานที่ผมเป็นประธานจะหมดหน้าที่ จากนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลจะมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าจัดทำรายละเอียดต่อไป" นายกอร์ปศักดิ์กล่าว และว่า ส่วนการลงทุนในโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อมระหว่างสุวรรณภูมิไปยังจังหวัดระยองโดยผ่านพัทยาและแหลมฉบัง ที่กระทรวงคมนาคมมีแผนดำเนินการอยู่แล้วก็จะดำเนินการคู่ขนานกันไป |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 47433
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 16/08/2010 8:13 pm Post subject: |
|
|
ครม.ไฟเขียวร่างแถลงการณ์ร่วมจีเอ็มเอส
นสพ.เดลินิวส์ วันจันทร์ ที่ 16 สิงหาคม 2553
ครม.ไฟเขียวร่างแถลงการณ์ร่วมจีเอ็มเอส ชี้ร่วมกันสร้างทางรถไฟให้เสร็จในอีก 10 ปี
วันนี้ ( 16 ส.ค.)นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมระดับรมต. 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขงและเอกสาร 6 ฉบับที่จะได้รับการอนุมัติในการประชุมรมต. 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง หรือจีเอ็มเอส ครั้งที่ 16 ในวันที่ 20 ส.ค.นี้ ที่ประเทศเวียดนาม โดยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปร่วมประชุม รวมทั้งเห็นชอบให้สศช.สามารถปรับปรุงถ้อยคำในแถลงการณ์ร่วมได้ในกรณีที่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในการหารือการประชุมคณะทำงานและการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส
ทั้งนี้ในสาระสำคัญของ 6 ฉบับที่จะได้รับการลงนามในครั้งนี้ได้ผ่านกระบวนการพิจารณาและความเห็นชอบจากคณะทำงานในสาขาที่เกี่ยวข้องและที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสจีเอ็มเอสแล้ว ประกอบด้วยกรอบยุทธศาสตร์การเชื่อมโยงโครงข่ายเส้นทางรถไฟในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งจะร่วมกันผลักดันให้มีการเชื่อมโยงโครงข่ายรถไฟในจีเอ็มเอส 1 เส้นทาง ภายใน 10 ปีและเพิ่มประสิทธิภาพในด้านอื่น ๆ ของการพัฒนารถไฟของประเทศ รวมถึงการประเมินปริมาณการขนส่ง ตันทุนค่าก่อสร้างและผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ยังมีแผนปฏิบัติการการอำนวยความสะดวกการค้าและการขนส่งข้ามพรมแดน ความช่วยเหลือด้านวิชาการเพื่อส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนเชื้อเพลิงสะอาดและประสิทธิภาพการใช้พลังงาน แผนการสนับสนุนความร่วมมือด้านการเกษตร (54-58) แผนงานหลักด้านสิ่งแวดล้อมระยะที่ 2 (55-59) รวมถึงยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการการพัฒนาแนวพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจตอนใต้
สำหรับแถลงการณ์ร่วมจะประกอบด้วยการประเมินผลการดำเนินงานของแผนงานจีเอ็มเอส ตามแผนปฏิบัติการเวียงจันทน์ (51-55) ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยสาขาที่ก้าวหน้าได้แก่คมนาคมขนส่ง การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการขนส่ง ผลการประชุมของเวทีขับเคลื่อนการพัฒนาแนวพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจระดับรัฐมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัด ด้านพลังงาน ด้านโทรคมนาคม ด้านการเกษตร ด้านท่องเที่ยว ด้านพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และด้านสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ยังมีการมุ่งสู่กรอบยุทธศาสตร์ระยะยาวใหม่ของแผนงานจีเอ็มเอส รวมถึงบทสรุปในช่วงที่ผ่านมาที่จีเอ็มเอสมีผลงานชัดเจนทั้งการเชื่อมต่อทางกายภาพที่โดดเด่นในลำดับต้น และยังก้าวหน้าในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการส่งเสริมการค้าและความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ ดังนั้นในอนาคตจีเอ็มเอสต้องใช้ความพยายามมากขึ้นเพื่อตอบสนองต่อประเด็นที่ซับซ้อนมากขึ้น รวมถึงความพยายามต่อเนื่องที่จะพัฒนาด้านซอฟต์แวร์ให้มากขึ้นด้วย |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 44053
Location: NECTEC
|
Posted: 16/08/2010 8:52 pm Post subject: |
|
|
สุพจน์กล่อมสร.รฟท.อยู่หมัด เดินหน้าปรับโครงสร้างรฟท.
โดย ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์ 16 สิงหาคม 2553 12:02 น.
นับตั้งแต่กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) มีแผนที่ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานกิจการรฟท. สาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพรัฐวิสาหกิจรฟท.(สร.รฟท.) ก็แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยมาตลอด เพราะสาวิทย์ มองว่าเป็นการแปรรูปให้เอกชนเข้ามาหาผลประโยชน์ในรฟท. สาวิทย์ จึงคัดค้านทุกวิถีทางที่จะยับยั้งการแปรรูปรฟท.ไม่ว่าจะเป็นการปลุกระดมพนักงานรฟท.ที่ไม่เห็นด้วยกับการปรับโครงสร้าง และการจัดตั้งบริษัทลูกออกมาประท้วงหยุดเดินรถไฟ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับรฟท. จนโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมต้องออกมาหนุนหลังให้ฝ่ายบริหารรฟท.ดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับผู้ที่กระทำผิด และเพื่อลดปัญหาความขัดแย้งภายในองค์กรฟท.ยอมปรับจากการตั้งบริษัทลูก มาเป็นตั้ง หน่วยธุรกิจแทน(BU) 3 หน่วย คือ เดินรถ ,ซ่อมบำรุง, บริหารทรัพย์สิน กับอีก 1 บริษัทลูก คือบริษัท รถไฟฟ้า รฟท. จำกัด ทำหน้าที่เดินรถแอร์พอร์ตลิงก์ ซึ่งเป็นทางออกที่พอใจทั้ง2 ฝ่าย ล่าสุดรฟท.จัดสัมมนาวันนั้นถึงวันนี้ 113 ปี กับโครงสร้างใหม่รถไฟไทย เพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างพนักงานกับฝ่ายบริหาร
สุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวในการสัมมนาว่า เป้าหมายในการพัฒนา .คือทำให้รฟท.มีความเข้มแข็ง ในการบริหารจัดการ รวมถึงใช้เงินงบประมาณที่รัฐบาลอนุมัติให้ 1.7แสนล้านบาท ในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะการเดินรถให้มีประสิทธิภาพ เช่น การติดตั้งเครื่องกั้นเพิ่ม รวมถึงจัดซื้อหัวรถจักรเพิ่มอีก 56 หัว จากปัจจุบันที่มีหัวรถจักรใช้งานได้เพียง150 รวมถึงปรับปรุงทางวิ่งให้เป็นรางคู่ระยะเร่งด่วน 5 เส้นทาง รวมถึงเปลี่ยนไม้หมอนให้เป็นคอนกรีตทั่วประเทศ โดยวางเป้าหมายให้แล้วเสร็จใน 2 ปี รวมถึงการเร่งสำรวจทรัพย์สินที่มีอยู่และนำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่
ขณะที่สาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพรัฐวิสาหกิจรฟท. แสดงท่าทีอ่อนลงหลังรับฟังการชี้แจงจากปลัดกระทรวงคมนาคม โดยกล่าวว่า การปรับโครงสร้างองค์กรรฟท. ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีและต้องให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อให้พนักงานทุกคนมีความเข้าใจ เช่น เดียวกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 9 และ ฉบับที่ 10 ให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาบุคลากรเป็นสำคัญ
เรื่องนี้บอร์ดและฝ่ายบริหารจะต้องมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกับพนักงานและสหภาพฯ โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะต้องตอบโจทย์ให้ชัดเจน พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจให้กับพนักงานได้ อย่างไรก็ตาม จากการสัมมนาทำให้เห็นความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายในการพัฒนาระบบราง ตามที่รัฐบาลต้องการผลักดันให้เกิดขึ้นในอนาคต
สำหรับโครงสร้างใหม่เป็นผลมาจากปี 2552 ที่ รฟท.เสนอแผนฟื้นฟูสถานะการเงิน โดยตั้ง 2 บริษัทลูก คือ บริษัท บริหารทรัพย์สิน จำกัด และบริษัท เดินรถ จำกัด ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 2552 แต่ถูกเบรกโดยสร.รฟท.แผนนี้จึงถูกพับไป ต่อมากระทรวงคมนาคมได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมา 4 ชุด มีด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านทรัพย์สิน ด้านกฎหมาย ระเบียบและข้อบังคับ ด้านบุคลากรและอัตรากำลัง ก่อนจะตกผลึกเป็น แผนการปรับโครงสร้างองค์กร รฟท.ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี (2553-2557) ใช้เงินลงทุนทั้งหมด 176,808 ล้านบาท พร้อมแยกหน่วยธุรกิจเป็น 3 หน่วย คือเดินรถ ซ่อมบำรุง บริหารทรัพย์สิน กับอีก 1 บริษัทลูก คือบริษัท รถไฟฟ้า รฟท. จำกัด เดินรถแอร์พอร์ตลิงก์ ส่วนโครงสร้างพื้นฐานจะอยู่ภายใต้ฝ่ายบริหาร คือ รฟท.ส่วนกลาง จากนั้นได้เสนอ ครม.พิจารณาหลายครั้ง ก่อนที่ ครม.จะมีมติเห็นชอบข้อเสนอของ รฟท. เมื่อ วันที่ 27 เม.ย 2553 ซึ่งแผนดังกล่าวเป็นที่น่าพอใจทั้งฝ่ายบริหารและสร.รฟท.
เร่งติดตั้งเครื่องกั้นรถไฟอัตโนมัติทั่วประเทศ
ล่าสุดรฟท.ได้ติดตั้งเครื่องต้นแบบระบบเครื่องกั้นถนนอัตโนมัติ เครื่องแรกที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างรฟท.กับบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย(บวท.)ยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) กล่าวว่า .ในอนาคตรฟท.จะต้องติดตั้งเครื่องกั้นอีก988แห่งให้เสร็จภายในปี 2554 ส่วนที่เหลือจะทยอยติดตั้งให้เสร็จภายใน3-4ปี ส่วนการเกณฑ์การเลือกสถานีติดตั้งเครื่องกั้นรฟท.จะเลือกจากสถิติการเกิดอุบัติเหตุ และตามสถานีใหญ่ ซึ่งจังหวัดต่อไปที่รฟท.จะติดตั้งเครื่องกั้นคือ ที่จังหวัดอยุธยา รวมถึงเส้นทางรถไฟเส้นทางใหม่ เช่น รถไฟรางคู่ช่วงฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง ระยะทาง 78 กม. วงเงิน 5,850 ล้านบาท โดยรฟท.จะติดตั้งเครื่องดังกล่าวไปพร้อมๆกัน
ด้าน โสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมใช้เงินลงทุนที่รัฐบาลอนุมัติ1.7แสนล้านบาท มาพัฒนาระบบเครื่องกั้นดังกล่าว ซึ่งมีอยู่กว่า 2,000 แห่ง มูลค่า 8,000 ล้านบาท หรือจุดละ 3.5-4 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถติดตั้งเครื่องกั้นอัตโนมัติได้ทั้งหมดภายในปี 2554 โดยโครงการดังกล่าวถือว่าเป็นโครงการประวัติศาสตร์ที่กระทรวงคมนาคม รฟท. รวมกับบวท.ในการติดตั้งเครื่องกั้นอัตโนมัติ
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้เห็นความสำคัญกับการพัฒนาระบบรางซึ่งเป็นระบบหลักของประเทศ ที่มีความสะดวกสบาย ปลอดภัย และประหยัดพลังงาน โดยมีการวางแผนการใช้งบประมาณ การใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อปรับปรุงระบบรางทั่วประเทศอย่างเร่งด่วน ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารและเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานในการเปิดงานการติดตั้งเครื่องต้นแบบระบบเครื่องกั้นถนนอัตโนมัติว่ารัฐบาลพร้อมที่จะลงทุนเพื่อพัฒนาระบบรางใน 3 เรื่องหลัก ประกอบด้วย การปรับปรุงและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบราง เพื่อให้การเดินทางเป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็ว การปรับปรุงพัฒนาหัวรถจักร และ การปรับปรุงระบบความปลอดภัย โดยรัฐบาลจัดสรรงบลงทุนใน 3 ด้านดังกล่าวรวมกว่า 170,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มความเร็วของรถไฟได้มากขึ้นอีก 1 เท่าตัว จากเดิมที่ความเร็วเฉลี่ยรถไฟอยู่ที่ประมาณ 50-60 กม.ต่อชั่วโมง ก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 100-120 กม.ต่อชั่วโมง นอกจากนี้ รัฐบาลจะเดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงใน 4 เส้นทาง
กรุงเทพ-หนองคาย,
กรุงเทพ-ระยอง,
กรุงเทพ-เชียงใหม่ และ
กรุงเทพ-ประจวบคีรีขันธ์
ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังแสวงหาความร่วมมือกับประเทศจีน เพื่อพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง |
|
Back to top |
|
|
CENTENNIAL
1st Class Pass (Air)
Joined: 30/03/2006 Posts: 3642
Location: Thailand
|
Posted: 16/08/2010 9:22 pm Post subject: |
|
|
^^^
ถ้ารัฐบาลชุดนี้ คณะนี้ สามารถผลักดันโครงการพัฒนาของรถไฟต่างๆ เหล่านี้ จนกระทั่งผ่านมาถึงขั้นตอนที่ว่าได้เริ่มเดินเครื่องก่อสร้างแล้ว และจะก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามเวลาเท่านั้น
ผมจะถือว่าเป็นรัฐบาลในดวงใจของคนรักรถไฟจริงๆ ครับ |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 16/08/2010 9:28 pm Post subject: |
|
|
ที่อยู่ในความสนใจผมอยู่อย่างหนึ่ง คือ การเสนอแนวคิดการจัดตั้ง "สถาบันพัฒนาระบบรางภาคพื้นอาเซียน"
ซึ่งปัจจุบันในภูมิภาคอาเซียนยังไม่มีประเทศใดจัดทำนี่แหละครับ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 44053
Location: NECTEC
|
Posted: 18/08/2010 12:58 pm Post subject: |
|
|
ไทยเตรียมเสนอยุทธศาสตร์เชื่อมโยงเส้นทางรถไฟในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 สิงหาคม 2553 09:35 น.
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการประชุมระดับรัฐมนตรี 6 ประเทศลุ่มน้ำโขง หรือ จีเอ็มเอส ในวันที่ 19-20 สิงหาคมนี้ ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนามว่า เป็นการจัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 16 ซึ่งเป็นความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาค 6 ประเทศ ที่อยู่ติดกับริมแม่น้ำโขง สำหรับการประชุมปีนี้จะมีการหารือใน 9 ประเด็น อาทิ การพัฒนาการคมนาคมขนส่ง พลังงาน โทรคมนาคม และการเชื่อมโยงการท่องเที่ยว
โดยประเทศไทยจะเสนอร่างแถลงการร่วมระดับรัฐมนตรี 6 ประเทศ โดยเฉพาะกรอบยุทธศาสตร์การเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง 4 เส้นทาง ซึ่งไทยจะเสนอเส้นทางที่ 3 จาก กรุงเทพฯ - เวียงจันทน์ - ฮานอย - โฮจิมินห์ เนื่องจากเป็นเส้นทางที่คุ้มค่าเรื่องต้นทุนการผลิต สามารถเชื่อมโยงกันง่ายขึ้น และคาดว่าจะได้รับการอนุมัติ ซึ่งจะทำให้เกิดการลงทุนเชื่อมโยงตามเส้นทางที่มีการตกลงภายใน 10 ปี เพื่อให้การคมนาคมขนส่งและการติดต่อค้าขายระหว่างประเทศลุ่มน้ำโขงสะดวกมากยิ่งขึ้น และถือป็นเส้นทางที่มีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกัน
นอกจากนี้ จะมีการหารือในด้านการส่งเสริมด้านพลังงาน การสนับสนุนความร่วมมือด้านการเกษตร การสนับสนุนความปลอดภัยด้านอาหาร ส่งเสริมความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำโขงร่วมกัน เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 18/08/2010 9:41 pm Post subject: |
|
|
ท่าทางจะแกล้งลืมพนมเปญแล้วกระมัง ? นับตั้งแต่กรณีเขาพระวิหาร |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 47433
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 18/08/2010 9:55 pm Post subject: |
|
|
อย่างน้อยก็เปิดสถานีคลองลึกหรือปอยเปตเป็นสถานีร่วมแบบปาดังเบซาร์หรือสุไหงโก-ลกไม่ได้แน่ ๆ ครับสถานการณ์แบบนี้
อย่าว่าแต่เรื่องพรมแดนครับ บ้านเรานิยมใช้กึ่งกลางเส้นทางรถไฟเป็นเส้นแบ่งเขตตำบล เขตการปกครองท้องถิ่น ทำให้เคยเกิดกรณีถกเถียงโต้แย้งกันเรื่องจังหวัดนนทบุรีไม่มีรถไฟผ่านในปัจจุบันกันมาแล้ว
ไม่ทราบว่าการซ่อมแซมฟื้นฟูบูรณะปฏิสังขรณ์ทางรถไฟช่วงปอยเปต-ศรีโสภณมีอะไรคืบหน้าอีกหรือเปล่าครับ ข่าวเงียบไปเลย |
|
Back to top |
|
|
pattharachai
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 6536
Location: ราชอาณาจักรไทย
|
Posted: 18/08/2010 9:57 pm Post subject: |
|
|
^
^
ฮ่าๆ เรื่อง นนทบุรี นี่เถียงกันสามวันไม่จบจริงๆครับ |
|
Back to top |
|
|
|