RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:318725
ทั่วไป:28806929
ทั้งหมด:29125654
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 27, 28, 29 ... 299, 300, 301  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45546
Location: NECTEC

PostPosted: 06/09/2010 12:52 pm    Post subject: จุฬาโมโนเรล Reply with quote

กทม.ทุ่ม5,000ล.ผุด'โมโนเรล'จุฬาฯ-สยาม
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ
หน้า อสังหา Real Estate - อสังหาฯ-คมนาคม
ออนไลน์เมื่อ วันศุกร์ที่ 03 กันยายน 2010 เวลา 10:32 น.
ตีพิมพ์ใน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,563 5-8 กันยายน พ.ศ. 2553

กรุงเทพมหานคร วางแผนเนรมิตโครงการรถไฟฟ้าร่างเดี่ยว (โมโนเรล ) สายประวัติศาสตร์ สายแรกของกทม.และถือเป็นสายแรกของประเทศไทยที่ใช้งานเป็นขนส่งมวลชนอย่างแท้จริง จำนวน 3 ระยะ ผ่านย่านใจกลางกรุงแหล่งช็อปปิ้งสำคัญ ภายใต้โครงการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรด้วยระบบขนส่งมวลชนตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว รวมมูลค่าการลงทุนทั้ง 3 ระยะกว่า 5,000 ล้านบาท

โดยระยะแรก เริ่มจากโมโนเรล ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร " จุฬาฯ-สยาม" (สยามสแควร์-จามจุรีสแควร์) ประกอบด้วย 3 สถานี ได้แก่

1. สถานีสามย่าน (ข้างจามจุรีสแควร์)
2. สถานีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (หน้าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ - ใลก้ๆ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา) และ
3. สถานีปลายทางสถานีสยาม (ระหว่างมาบุญครองและ สยามสแควร์)

โดยรถไฟฟ้าสายนี้จะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที ที่สถานีสามย่าน และรถไฟฟ้าบีทีเอสที่สถานีสยามและสนามกีฬาแห่งชาติงบประมาณลงทุนทั้งสิ้น กว่า 2,000 ล้านบาท

"โมโนเรล"สายนี้ จะเป็นรูปแบบลอยฟ้า ระยะทางสั้นๆ เหมือนรถไฟฟ้า บีทีเอส แต่จะช่วยขนผู้โดยสารป้อนให้รถไฟฟ้าสายหลักทั้งสองสายได้ เป็นอย่างดี สะดวกต่อการเดินทางและอยู่ในย่านสำคัญที่มีคนเข้าใช้พื้นที่จำนวนมากๆ ขณะเดียวกัน จะช่วยระบายการจราจรและเสริมการใช้รถไฟฟ้าเพื่อลดปริมาณรถยนต์ที่จะเข้าสู่ พื้นที่บริเวณสยาม-จุฬาฯ-มาบุญครอง รวมทั้งช่วยลดปัญหาจราจรติดขัดบริเวณใกล้เคียงอย่างถนนพระราม 1 ที่ปัจจุบันรถวิ่งได้ด้วยความเร็วเฉลี่ยเพียง 6-8 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น รวมทั้งยังช่วยบรรเทาการจราจรในพื้นที่ต่อเนื่องเช่นถนนพระราม 4 และถนนพญาไท โดยรถไฟฟ้าโมโนเรลสายแรก จุฬาฯ-สยามจะรองรับผู้โดยสารประมาณ 5,000 คนต่อเที่ยวต่อวัน และในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ประมาณ 10,000 คนต่อเที่ยวต่อวัน

อย่างไรก็ดี อุปสรรคการดำเนินโครงการอยู่ที่กฎระเบียบ ในทางปฏิบัติ โดยดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ออกมาระบุว่า ได้เสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พิจารณาเห็นชอบให้โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าระบบรางเดี่ยว(โมโนเรล ) สามารถก่อสร้างบนดินหรือแบบลอยฟ้าเหมือนรถไฟฟ้าบีทีเอสได้ เพื่อลดต้นทุนค่าก่อสร้างที่สำคัญ เป็นโครงการขนาดไม่ใหญ่มาก เปิดให้บริการเดินรถเชื่อมในพื้นที่เฉพาะเท่านั้น และเป็นโครงการที่อยู่นอกเหนือแผนแม่บท
เหตุผลที่ต้องขอผ่อนผัน เนื่องจาก มติครม. ปี 2537 กำหนดให้พื้นที่ในเขตกรุงเทพฯชั้นใน รัศมี 25 ตารางกิโลเมตร ห้ามก่อสร้างโครงข่ายระบบรางแบบลอยฟ้า โดยจะต้องปรับรูปแบบให้มุดลงใต้ดินเท่านั้น เพราะเกรงว่าจะบดบังทัศนียภาพ และพื้นที่ชั้นในส่วนใหญ่จะมี พระบรมมหาราชวัง ศาสนสถาน ตลอดจนอาคารสถานที่สำคัญตั้งอยู่ และมั่นใจว่า ครม.จะเห็นชอบให้ดำเนินการ รวมถึงการขออนุมัติทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ อีไอเอ

ส่วนโมโนเรลระยะที่ 2 จะดำเนินการเส้นทางบรรทัดทอง หรือสายสยาม-สามย่าน-บรรทัดทอง ระยะทาง 2.6 กิโลเมตร งบประมาณ 1,400 ล้านบาท และระยะที่ 3 เส้นทางอังรีดูนังต์ หรือ สยาม-อังรีดูนังต์-สามย่าน ระยะทาง 2.6 กิโลเมตร งบประมาณ 1,300 ล้านบาท โดยโมโนเรล ระยะแรก"จุฬาฯ-สยาม "จะผลักดันให้เกิดขึ้นเป็นรูปเป็นร่างภายใน 2 ปี นับจากนี้ หรือกำหนดวางศิลาฤกษ์ในเดือนธันวาคม 2554 และก่อสร้างพร้อมเปิดให้บริการในเดือนธันวาคม 2555

ส่วนโมโนเรลระยะที่ 2 จะดำเนินการเส้นทางบรรทัดทอง หรือสายสยาม-สามย่าน-บรรทัดทอง ระยะทาง 2.6 กิโลเมตร งบประมาณ 1,400 ล้านบาท ประกอบด้วยสถานีต่อไปนี้ (ไม่นับสถานีสยามและสถานีสามย่าน)

1. โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ฝ่ายมัธยม (จุฬาซอย 42)
2. ศูนย์กีฬาฯ (จุฬาซอย 9)
3. วิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี
4. สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ (จุฬาซอย 12)

ส่วนโมโนเรลระยะที่ 3 เส้นทางอังรีดูนังต์ หรือ สยาม-อังรีดูนังต์-สามย่าน ระยะทาง 2.6 กิโลเมตร งบประมาณ 1,300 ล้านบาท ประกอบด้วยสถานีต่อไปนี้ (ไม่นับสถานีสยามและสถานีสามย่าน)

1. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
2. ปากทางอังรีดูนังต์ (ใกล้ท่ารถเมล์สาย 21)
3. คณะทันตแพทย์ศาสตร์ (ตรงข้ามโรงพยาบาลตำรวจฝั่งอังรีดูนังต์)
4. คณะเภสัชศาสตร์ (จุฬาซอย 64)

ด้านความพร้อมสำนักงานทรัพย์สินจุฬา ฯ ได้มอบพื้นที่ 15 ไร่ หัวมุมสามย่าน บริเวณจามจุรีสแควร์ให้กทม.เข้าดำเนินการ 3 โครงการ ประกอบด้วย

1. โครงการก่อสร้างโรงจอดและอู่ซ่อมบำรุง หรือเดโปสำหรับโครงการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้ามวลชนรางเดี่ยว หรือ โมโนเรล เส้นทางสยาม-สามย่าน(จามจุรีสแควร์) จำนวน 5 ไร่
2. โครงการก่อสร้างศูนย์ราชการ 5 ไร่ และ
3. โครงการก่อสร้างสวนสาธารณะอีก 5 ไร่

ทั้งนี้ โครงการศูนย์ราชการ จะเป็นโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานเขตปทุมวัน แห่งใหม่ แทนพื้นที่เดิม ที่หมดสัญญากับทางจุฬา ฯไปนานแล้ว อีกทั้งบริเวณดังกล่าวมีพื้นที่เล็กเกินไป โดยสำนักงานเขตปทุมวันแห่งใหม่ จะเป็นอาคารสูงชั้นล่างจะเป็นที่จอดรถดับเพลิงของสถานีดับเพลิงบรรทัดทอง ส่วนอาคารชั้นอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ จะเปิดพื้นที่ให้เอกชนเช่าพื้นที่เพื่อสร้างรายได้ให้กับกทม.

นอกจากนี้ ยังมีแผนลงทุนรถไฟฟ้าโมโนเรล แกรนด์สแควร์- พระราม 9 เพื่อเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีพระราม 9 ซึ่งอยู่ระหว่างหาข้อสรุปเซ็นเอ็มโอยูร่วมกับภาคเอกชน และโมโนเรล และโมโนเรลเชื่อมสนามบินสุวรรณภูมิ

อีก2ปี คงได้ใช้แน่ โมโนเรลสายประวัติศาสตร์ของเมืองไทย " จุฬาฯ-สยาม"
Back to top
View user's profile Send private message
pattharachai
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 6536
Location: ราชอาณาจักรไทย

PostPosted: 06/09/2010 12:59 pm    Post subject: Reply with quote

ไหนๆจะสร้างแล้ว น่าจะต่อเข้าไปทางบางรัก หรือไม่ก็ยาวไปตามพระราม 1 ไปสิ้นสุดแถวกษัตริย์ศึกเสียเลย
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45546
Location: NECTEC

PostPosted: 06/09/2010 1:34 pm    Post subject: Reply with quote

pattharachai wrote:
ไหนๆจะสร้างแล้ว น่าจะต่อเข้าไปทางบางรัก หรือไม่ก็ยาวไปตามพระราม 1 ไปสิ้นสุดแถวกษัตริย์ศึกเสียเลย


ถ้าไม่ใช่ที่ดินของจุฬาก็ทำไม่ได้หรอก และ ไม่รู้ว่า ถ้ากรณีผ่านสุรวงศ์ไปบางรัก นั้นจะเรียกค่าชดเชยแพงหรือไม่ เพราะ ที่ ย่านสุรวงศ์ราคแพงพอๆ กับที่สีลม
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45546
Location: NECTEC

PostPosted: 06/09/2010 5:40 pm    Post subject: จุฬาโมโนเรล ท่าจะโดนชักใบให้เรือเสียซะแล้ว Reply with quote

รถไฟฟ้าโมโนเรลจุฬาฯ-สยาม : โครงการเอารัดเอาเปรียบของคนกลางเมือง?

โดย พรรษิษฐ์ ต่อสุวรรณ 6 กันยายน 2553 17:27 น.

กรุงเทพฯ เป็นเมืองมีความเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา แต่กรุงเทพฯ ก็เป็นมหานครที่มีปัญหารุมเร้ามากมาย ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ทั้งในเรื่องนามธรรมและรูปธรรมกายภาพ ตลอดเวลาที่ผ่านมา การแก้ไขปัญหาของเมืองหลวงแห่งนี้ก็ได้ดำเนินไปพร้อมๆ กับการเติบโตขึ้นของเมือง แต่ดูเหมือนว่ากระบวนการแก้ไขปัญหาด้านต่างๆ ไม่ค่อยจะทันการณ์กับสภาพของเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

การแก้ปัญหาของกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่มักจะถูกดำเนินการโดยภาครัฐและภาคการเมืองแต่ฝ่ายเดียว มักไม่ค่อยจะมีการศึกษาและนำเสนอแนวทางโดยผู้ชำนาญการและนักวิชาการเท่าที่ควร และที่สำคัญก็คือขาดการมีส่วนร่วมของประชาคมเมืองโดยสิ้นเชิง

ส่วนใหญ่เรามักจะเห็นการนำเสนอปัญหาของกรุงเทพฯ แต่เพียงด้านกายภาพ อย่างปัญหาความสกปรก ปัญหาน้ำท่วม และแน่นอนที่สุดก็คือปัญหาอันดับหนึ่งในใจชาวกรุงเทพฯ ก็คือปัญหาการจราจร ซึ่งแนวทางการแก้ปัญหาจราจรนี้ก็มักจะถูกหยิบยกมาเป็นเครื่องมือสำหรับการต่อสู้ทางการเมืองอยู่เสมอ

การแก้ไขปัญหาจราจรมักจะเน้นไปที่โครงสร้างทางกายภาพ เริ่มจากการสร้างทางด่วนยกระดับ ตั้งแต่เฟสแรกไปจนถึงสามารถสร้างจนครบลูป คือสามารถวิ่งได้รอบเมืองชั้นใน ตลอดจนการสร้างระบบถนนวงแหวนขยับออกไปรอบนอก ซึ่งระบบทางด่วนก็สามารถแก้ไขปัญหาได้มีประสิทธิภาพในระดับหนึ่ง เพียงแต่อาจจะยังไม่ทันต่อการเพิ่มจำนวนของรถยนต์ส่วนบุคคลที่มีเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ จากนั้นก็มีแนวคิดเกี่ยวกับการผลักดันให้มีระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพให้ออกมาเป็นรูปธรรมในนามโครงการรถไฟลอยฟ้ากรุงเทพฯ หรือที่เรียกกันภายหลังว่ารถไฟฟ้า BTS ในเวลาต่อมาก็มีโครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT รวมถึงโครงการรถไฟแอร์พอร์ตลิงค์ เพื่อสานต่อโครงข่ายระบบขนส่งแบบรางให้สามารถครอบคลุมพื้นที่มากยิ่งขึ้น

เมื่อไม่นานมานี้ ทางกรุงเทพมหานครได้ประกาศว่าจะสร้างโครงการรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Mono Rial) ในขั้นต้นนั้นจะมีการสร้าง 3 เฟส 3 แห่ง โดยเฟสแรกจะเป็นเส้นทางสยามสแควร์ถึงสามย่าน บนถนนพญาไท มีระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร โครงการนี้จะมี 3 สถานีคือ สถานีสยาม สถานีจุฬาฯ และสถานีสามย่าน โดยทางกรุงเทพมหานครจะลงทุนในโครงการเฟสแรกในวงเงินสูงถึง 2 พันล้านบาท และทางจุฬาฯ ก็จะมอบพื้นที่ส่วนหนึ่งบริเวณสามย่านสำหรับเป็นโรงจอดรถและซ่อมบำรุง ทางกรุงเทพมหานครตั้งใจจะเสนอโครงการต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติภายในเดือนกันยายนนี้ มีแผนที่จะวางศิลาฤกษ์ในปี พ.ศ. 2554 และเปิดใช้โครงการเฟสแรกนี้ภายในปี พ.ศ. 2555

แผนพัฒนารถไฟฟ้าโนโนเรลนี้ ทางกรุงเทพมหานครอธิบายว่าจะใช้เป็นระบบรอง ซึ่งจะใช้สำหรับเป็นตัวเสริมรถไฟฟ้าขนส่งระบบหลักอย่าง BTS และ MRT เมื่อเราพิจารณาโดยทั่วไปของระบบโมโนเรลนั้น จะเป็นรถไฟขบวนเดียววิ่งไปตามเส้นทางเดียว ซึ่งโมโนเรลจะมีในแบบที่เป็นเส้นตรงทางเดียววิ่งไปและกลับ หรือเป็นวงกลมวิ่งไปทางเดียวโดยรอบ โมโนเรลส่วนใหญ่มักจะทำเป็นระยะทางสั้นๆ เพราะไม่สามารถขนส่งผู้โดยสารเป็นจำนวนมากในแต่ละเที่ยว ส่วนมากระบบโมโนเรลจะใช้เป็นรถไฟลอยฟ้าสำหรับชมเมือง หรือใช้ในสวนสนุกอย่างTheme Park แต่ไม่ค่อยจะพบว่ามีการใช้โมโนเรลสำหรับการขนส่งมวลชนแบบหลักหรือแบบรองเท่าใดนัก

กรุงเทพมหานครได้ชี้แจงวัตถุประสงค์ของโครงการโมโนเรลเฟสแรกคือ การเชื่อมต่อระบบรถไฟฟ้า BTS และรถไฟใต้ดิน MRT ทางกรุงเทพมหานครคาดว่าจะอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ซึ่งผู้ใช้ส่วนใหญ่น่าจะเป็นนิสิตจุฬาฯ ตลอดจนนักเรียน นักศึกษาซึ่งต้องเรียนพิเศษที่สยามสแควร์และอาคารจามจุรีสแควร์เป็นหลัก โดยที่ทางกรุงเทพมหานครคาดการณ์ไว้ว่าจะมีผู้สัญจรบนเส้นทางนี้มากถึง 10,000 คนต่อชั่วโมงทีเดียว

สำหรับโครงการโมโนเรลเฟสแรกสายสยาม -สามย่านนี้ ผู้เขียนจะขอตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการลงทุนและความคุ้มค่าของการลงทุนในโครงการดังต่อไปนี้

1. การใช้โมโนเรลเป็นส่วนเชื่อมต่อระบบรถไฟฟ้า BTS (ที่สถานีสยาม) และรถไฟใต้ดิน MRT (ที่สถานีสามย่าน) ไม่น่าจะมีความจำเป็นเท่าใด เพราะถ้าจะพิจารณาทั้งระบบ BTS และMRT ในตอนนี้มีจุดเชื่อมอยู่ทั้งหมด 3 แห่งคือที่จตุจักร ที่สุขุมวิทตรงสี่แยกอโศก และแห่งสุดท้ายคือที่สีลมตรงสี่แยกศาลาแดง ซึ่งจุดเชื่อมตรงสีลมนี้อยู่ห่างจากสถานีรถไฟใต้ดิน MRT สามย่านเพียงแค่เดินทางไปอีกสถานีเดียว ระยะทางห่างกันเพียงแค่ไม่ถึง 1 กิโลเมตรเท่านั้น เส้นทางของโมโนเรลจากสามย่านก็จะวิ่งขนานไปกับเส้นทางของรถไฟฟ้า BTS ด้วยระยะที่ใกล้เคียงกันมากไปจนถึงสถานีสยาม

2. เส้นทางโมโนเรลบนถนนพญาไทนั้นจะทำหน้าที่เพียงแค่เชื่อมอาคารจามจุรีสแควร์และสยามสแควร์โดยผ่านแค่จุฬาฯ เท่านั้น เส้นทางนี้ไม่ได้ผ่านชุมชนอะไรเลย ถนนพญาไทก็ไม่เคยมีปัญหาด้านการจราจรมาก่อน จนกระทั่งมีการเปิดใช้อาคารจามจุรีสแควร์ซึ่งมีทางเข้าออกรถยนต์ของอาคารที่ตำแหน่งไม่เหมาะสมเพราะอยู่ติดกับสี่แยกที่สามย่าน จึงก่อให้เกิดรถติดมาขึ้นเท่านั้น แต่แน่นอนว่าไม่ถึงขั้นวิกฤต

3. จุฬาฯ ไม่ได้มีปัญหาเรื่องการเข้าถึงพื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยทุกส่วน ในปัจจุบันทางมหาวิทยาลัยได้จัดรถบัสวิ่งรับส่งผู้โดยสารจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ที่สถานีสยามมาส่งที่ศาลาพระเกี้ยวตลอดวันทำการอยู่แล้ว นอกจากนี้คณาจารย์และนิสิตส่วนใหญ่ก็นิยมใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ทางมหาวิทยาลักก็เพิ่งสร้างอาคารจอดรถขนาดใหญ่เพื่อรองรับรถยนต์จำนวนมากที่บริเวณคณะอักษรศาสตร์ติดกับถนนอังรีดูนังต์ ทำให้ปัญหาการจอดรถซ้อนคันสองหรือสามแถวริมถนนอังรีดูนังต์บรรเทาไปได้มากแล้ว

ส่วนชุมชนตึกแถวตั้งแต่บริเวณตลาดสามย่านใหม่ไปจนถึงสี่แยกเจริญผลตรงสนามศุภชลาศัยก็ไม่ได้มีปัญหาการเข้าถึงพื้นที่เช่นกัน เพราะมีรถเมล์หลายสายวิ่งผ่านตามแนวถนนบรรทัดทองอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีสถานีรถไฟฟ้า BTS ที่สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ และสถานีรถไฟใต้ดิน MRT ที่สถานีหัวลำโพงขนาบอยู่ทั้งสองด้าน

4. ความเหมาะสมถึงการลงทุนโดยกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นงบลงทุนสูงถึงหลายพันล้านบาท เพียงเพื่อตอบสนองต่อการใช้สอยของจุฬาฯ เท่านั้น ในขณะที่จุฬาฯซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่ออกนอกระบบไปแล้ว มีสิทธิเต็มที่ในการประกอบการลงทุนอย่างกว้างขวาง ซึ่งความจริงก็ดำเนินการกันมานานแล้ว โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ของมหาวิทยาลัยที่มีอยู่ในขณะนี้ก็ได้สร้างผลประโยชน์รวมกันมากมายนับแสนล้านบาท นอกจากนี้มหาวิทยาลัยยังได้มีแผนการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อีกมากมายในอนาคตอันใกล้ ซึ่งขณะนี้ก็ได้มีการเริ่มขับไล่รื้อถอนชุมชนตึกแถวเกือบทั้งหมดเพื่อสร้างโครงการใหม่ๆ แทนที่ ไม่ว่าจะเป็น โครงการห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงานและโรงแรม บนพื้นที่ตลาดสามย่านเดิมขนาด 14 ไร่ ซึ่งจะมีมูลค่าการลงทุนในโครงการนี้ประมาณ 3,000 ล้านบาท

ยังมีโครงการที่พักอาศัยนานาชาติ หรือคอนโดมิเนียม ซึ่งมีหลายเฟส โดยเฟสแรกจะเป็นอาคารสูง 20 ชั้น 4 อาคาร บนเนื้อที่กว่า 30 ไร่ (จากทั้งหมด 300 ไร่) ในย่านบรรทัดทอง ด้วยมูลค่าการลงทุนในเฟสแรกประมาณ 3,000 ล้านบาท อีกโครงการที่ผู้บริหารฯ เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าจะสร้างคอมเพล็กซ์ หรือมิกส์ยูส (ไม่แน่ชัดว่ามีโครงการอะไรบ้าง) เป็นโครงการที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่บริเวณแยกเจริญผลติดกับสนามกีฬาศุภชลาศัย ริมถนนพระราม 1 บนเนื้อที่ 15 ไร่ มูลค่าการลงทุนประมาณ 4,000 ล้านบาท

ดังนั้น เราจึงไม่พึงที่จะเห็นโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลนี้ ซึ่งเป็นการลงทุนของกรุงเทพมหานครโดยเงินภาษีอากรของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ เพียงเพื่อตอบสนองต่อการกระตุ้นยอดขายคอนโดมิเนียมบนอาคารจามจุรีสแควร์ หรืออภิมหาโครงการอื่นๆ ตามที่กล่าวมา ถ้ารถไฟฟ้าโมโนเรลจะเป็นส่วนสนับสนุนการขายหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ส่วนนี้ ก็สมควรที่เจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์เหล่านั้นจะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด

การลงทุนในโครงการฟุ่มเฟือยของกรุงเทพมหานครเป็นสิ่งที่พึงระมัดระวังเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสังคมไทยในเวลานี้ ที่ได้ก้าวเข้ามาสู่ยุคของความขัดแย้งในเรื่องความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจระหว่างสังคมเมืองและสังคมชนบท จนกระทั่งได้ส่อแววถึงการต่อสู้ที่แตกหักได้ในทุกขณะ ถึงแม้ว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองขนาดใหญ่ มีประชากรหนาแน่นและมากที่สุด มีปัญหามากมายหลายด้าน ทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่แต่เฉพาะปัญหาการจราจรเท่านั้น

นอกจากนี้กรุงเทพฯ ก็ไม่ได้มีแต่พื้นที่ส่วนในใจกลางเมืองเท่านั้นที่สำคัญ ยังมีพื้นที่ชานเมืองในหลายส่วนทั้งในเขตมีนบุรี ลาดกระบัง บางขุนเทียน บางบอน ฯลฯ ซึ่งประชาชนอีกเป็นจำนวนมากยังขาดแคลนแม้แต่สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน สมควรที่ทางกรุงเทพมหานครจะหันไปเอาใจใส่ให้มากกว่าที่เป็นอยู่

ปัญหาสำคัญที่สุดของโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลย่อมมิได้อยู่ที่ความสามารถในการแก้ไขปัญหาการจราจร หรือความเหมาะสมของตำแหน่งหรือเส้นทางที่จะก่อสร้าง แต่กลับเป็นปัญหาทางการเมือง ของบรรดานักการเมืองผู้กำหนดนโยบายที่มักจะอาศัยรูปธรรมของโครงการสำหรับการสื่อประชาสัมพันธ์ผลงาน มุ่งหวังผลในคะแนนนิยมทางการเมืองของตนเองเป็นหลักเท่านั้น การอาศัยโครงการขนส่งมวลชนย่อมจะได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษจากสื่อฯ เพราะสามารถเห็นเป็นรูปธรรม จับต้องได้ง่าย สร้างกระแสความนิยมต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดังนั้น จึงสังเกตได้ว่าการจัดทำโครงการเหล่านี้มักจะถูกดำเนินการอย่างเร่งรีบ เพียงเพื่อให้ทันกับวาระของการดำรงตำแหน่ง และกับจังหวะเวลาของการเลือกตั้ง โครงการเหล่านี้จึงมักขาดการศึกษา การวิจัย และวิเคราะห์ถึงความเหมาะสม ผลกระทบ ความคุ้มค่าของการลงทุน ตลอดจนความต้องการของคนในชุมชนเมืองอย่างแท้จริง อย่างที่เห็นกันอยู่ว่ามีบางโครงการยัง
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45546
Location: NECTEC

PostPosted: 06/09/2010 5:51 pm    Post subject: Reply with quote

พัทยาสำรวจความเห็น 33 ชุมชนก่อนทำโมโนเรล‏

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 กันยายน 2553 16:15 น.



วันนี้ (6 ก.ย.) ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี คณะที่ปรึกษาโครงการจ้างที่ปรึกษาเพื่อออกแบบระบบรถไฟฟ้าเบื้องต้น เมืองพัทยา ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน โดยมีผู้นำชุมชนต่างๆ ทั่วเขตเมืองพัทยาทั้ง 33 ชุมชนเข้าร่วมรับฟังข้อมูล รวมถึงข้อเสนอแนะต่างๆ เกี่ยวกับการดำเนินการโครงการ

นายเสนาะ เขี้ยวเพ็ชร ประธานชุมชนหนองตะแบก กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ดีที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองพัทยา แต่ทั้งนี้ คณะทำงานจำเป็นต้องดูเรื่องความเหมาะสมของเส้นทางที่สามารถให้บริการคนท้องถิ่นได้อย่างครอบคลุมด้วยเช่นกัน

ด้านนายชุมศักดิ์ อ้นสุวรรณ ประธานชุมชนรุ่งเรือง กล่าวด้วยว่า เห็นด้วยกับโครงการ แต่มองดูแล้วโครงการในระยะแรกเหมือนจะให้บริการอย่างไม่ครอบคลุม เพราะมีผู้ได้ประโยชน์แค่บางกลุ่มเท่านั้น คณะทำงานจึงควรศึกษาความเหมาะสมที่แท้จริง ก่อนหาข้อสรุปเพื่อประโยชน์ต่อเมืองพัทยาอย่างเป็นภาพรวม

ขณะที่ นายบุญมา ฝังรัก ประธานชุมชนบ้านโรงไม้ขีด บอกว่า เป็นห่วงเรื่องของสภาพภูมิทัศน์ทางทะเล ซึ่งเชื่อว่า หากเกิดโครงการดังกล่าวนั้นจะทำให้ภาพลักษณ์ชายหาดพัทยาเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน เมืองพัทยาแตกต่างจากกรุงเทพฯ เพราะพื้นที่เป็นเมืองเดียวไม่ใหญ่ถึงขนาดกรุงเทพฯ จึงคิดว่าไม่น่าจะมีความจำเป็น เพราะคนท้องถิ่นส่วนใหญ่มีมอเตอร์ไซค์ เกรงว่า โครงการอาจจะไม่มีคนมาใช้บริหารในอนาคต

ในส่วนของนายสุรินทร์ ยิ้มใย ประธานชุมชน 5 ธันวา ระบุว่า ไม่เห็นด้วยในการที่จะเอารถไฟเข้ามาในเมือง เพราะต้องใช้เงินที่สูงมากเป็นหลายพันล้าน หากจะมองเรื่องการแก้ปัญหาระบบขนส่งมวลชนในอนาคตแล้วนั้น น่าจะทำการติดต่อขอซื้อที่ดินว่างเปล่าเพื่อทำสถานที่จอดรถมากกว่าการแก้ไข โดยให้คนมานั่งรถไฟฟ้า และหากไม่มีคนมาใช้บริการก็จะเกิดปัญหาตามมาอีกไม่รู้จบ

นายนิรันดร์ จุ้ยวิเศษ ประธานชุมชนบ้านกะทิงราย กล่าวด้วยว่า หากจะดำเนินการน่าจะดำเนินการในถนนสายหลักก่อน คือ ถนนสุขุมวิท การทำเฟสแรกตัดเข้าตัวเมืองดูเหมือนจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับห้างสรรพสินค้า หรือศูนย์การค้า เพราะสถานีจอดจะไปลงตามจุดที่เป็นย่านธุรกิจเป็นส่วนใหญ่ หากจะมองถึงความคุ้มค่าแล้วทำไมไม่ทำสถานีจอดตรงจุดตามโรงเรียนต่างๆ ทั่วเมืองพัทยา ซึ่งเชื่อว่า นักเรียนคงสามารถใช้บริการและลดภาระการรับส่งสำหรับผู้ปกครองไปได้ ตรงนี้น่าจะเป็นประโยชน์ของชาวพัทยาและใกล้เคียงอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม การนำเสนอในครั้งนี้ มีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะเส้นทางเดินรถ ซึ่งในที่ประชุมส่วนใหญ่มีความคิดเห็นว่า ไม่เป็นการเอื้อประโยชน์แก่คนในท้องถิ่น ถึงแม้นักท่องเที่ยวจะนำรายได้เข้าประเทศ แต่ผู้ที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นคนในท้องถิ่นน่าจะเอื้อประโยชน์ให้คนในท้องถิ่นเป็นหลัก ในการประชุมครั้งนี้เป็นเพียงการรับฟังความคิดเห็นต้องนำไปพิจารณา และทำประชาพิจารณ์อีกครั้งจึงจะได้ข้อสรุปที่แน่ชัด
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45546
Location: NECTEC

PostPosted: 09/09/2010 5:23 pm    Post subject: Reply with quote

บีอาร์ทีสายหมอชิต-ศูนย์ราชการ เป็นหมัน เหตุทับเส้นทางรถไฟฟ้าสายชมพู

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 กันยายน 2553 13:35 น.


วันนี้ (9 ก.ย.) ที่บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด ถนนพระราม 9 นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า กทม.ได้ข้อสรุปร่วมกับบริษัท บางกอก ไมโครบัส จำกัด ในการนำรถไมโครบัสมาวิ่งในเส้นทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-ปากเกร็ด ตามแนวเส้นทางเดิมของโครงการรถเมล์ด่วนพิเศษบีอาร์ทีสายหมอชิต-ศูนย์ราชการ เนื่องจากทางผู้บริหารเห็นว่าเส้นทางดังกล่าวมีความทับซ้อนกับรถไฟฟ้าสายสีชมพูเส้นทางมีนบุรี-ปากเกร็ด และมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ห้ามก่อสร้างระบบอื่นทับเส้นทาง ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องหาวิธีการอื่นมาแก้ไขซึ่งตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมาได้มีการหารือร่วมกับผู้บริหารของบางกอก ไมโครบัส มาโดยตลอดและในแนวเส้นทางนี้ทางกรมการขนส่งทางบกได้อนุมัติเส้นทางเรียบร้อยแล้ว ซึ่งภายในสัปดาห์หน้าจะมีการแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งเปิดให้บริการทันที ทั้งนี้จะมีการสร้างศาลาที่พักผู้โดยสารและป้ายเพิ่มเติมอีกด้วย

นายธีระชนกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ในแนวเส้นทางอื่นที่ได้ศึกษาไว้อีก 3 เส้นทาง ได้แก่

1. สายสาทร-สุขสวัสดิ์ -> ต่อขยายช่วงพระราม 3 ขึ้นสะพานภูมิพล 1-ภูมิพล 2 ไปพระประแดง

2. สายดอนเมือง-มีนบุรี-สุวรรณภูมิ และ

3. สายมีนบุรี-ศรีนครินทร์-สำโรง

อาจจะให้ทางบางกอก ไมโครบัส มาวิ่งในเส้นทางดังกล่าวเช่นเดียวกันหากมีกระแสตอบรับดีจากเส้นทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-ปากเกร็ด เพราะทั้ง 4 สายดังกล่าวหาก กทม.ลงทุนเองก็จะใช้งบจำนวนมาก แต่ความร่วมมือครั้งนี้ กทม.ไม่ต้องลงทุนแต่อย่างใด ซึ่งหากใช้งบประมาณของ กทม.อาจจะต้องใช้ถึง 10,000 ล้านบาท
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45546
Location: NECTEC

PostPosted: 09/09/2010 5:25 pm    Post subject: Reply with quote

กทม.เร่งชง ครม.ไฟเขียวโมโนเรลจุฬา-สยาม ฝันตอกเสาเข็ม ธ.ค.ปีหน้า

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 กันยายน 2553 12:18 น.


เมื่อเวลา 09.19 น.ที่ห้องประชุม บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัดวิสาหกิจของกรุงเทพมหานคร(กทม.) ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจในการศึกษาโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดเบา รถไฟฟ้าระบบ Monorail ภายในโครงการแกรนด์ สแควร์ พระราม 9 ระหว่างนายอมร กิจเชวงกุล กรรมการผู้อำนวยการบริษัท กรุงเทพธนาคมฯ และนายเจตรศิริ บุญดีเจริญ กรรมการผู้จัดการบริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) โดยมีนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม.เป็นประธาน มีนายประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ ประธานกรรมการบริษัท กรุงเทพธนาคมฯ นายโยธิน บุญดีเจริญ ประธานกรรมการบริษัทแกรนด์ คาแนลฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน

นายโยธินกล่าวว่า ทางบริษัทฯ ได้ว่าจ้างบริษัทกรุงเทพธนาคมฯ ในวงเงิน 30 ล้านบาทเพื่อเป็นที่ปรึกษาด้านระบบขนส่งมวลชนขนาดเบาโดยเฉพาะด้านรูปแบบของระบบรถไฟฟ้า การสำรวจทางด้านวิศวกรรม และกำหมายที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างรถไฟฟ้า การจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) และการจัดทำการประมาณราคาและประกวดราคาโดยขั้นตอนทั้งหมดนี้จะใช้เวลาประมาณ 7 เดือนจึงจะสามารถลงมือก่อสร้างได้โดยใช้งบประมาณ 1,000 ล้านบาท ระยะทาง 800 เมตรจากหน้าธนาคารอาคารสงเคราะห์-รถไฟฟ้าใต้ดินสถานีพระราม 9 มีทั้งสิ้น 4 สถานี ซึ่งจะวิ่งตามแนวเกาะกลางถนนเชื่อมต่อกับอาคารสำนักงาน ที่พักอาศัยภายในโครงการ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้พักอาศัย ผู้ใช้ภายในโครงการฯ ตลอดจนประชาชนที่อยู่โดยรอบซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน 4 นาทีจากรถไฟฟ้าใต้ดินเดินทางสู่อาคารต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่ของโครงการทั้งหมดมี 67 ไร่ และจะมีอาคารทั้งสิ้น 22 แห่ง คาดจะมีผู้มาใช้บริการประมาณ 20,000-30,000 คนต่อวัน

นายโยธินกล่าวอีกว่า ส่วนที่เกรงว่าจะเป็นข้อปัญหาเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายควบคุมอาคารนั้นในเรื่องดังกล่าวนั้นได้แก้ปัญหาโดยใช้กฎหมายจราจรเหมือนที่มีการก่อสร้างทางเดินลอยฟ้า (Sky Walk) เชื่อมบีทีเอสเข้ากับห้างสรรพสินค้าบริเวณแยกราชประสงค์ นอกจากนี้ เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาทั้งสิ้น 2 ปี เบื้องต้นจะเปิดให้บริการฟรี ขณะที่อัตราค่าโดยสารนั้นต้องให้ทางกรุงเทพธนาคมเป็นผู้ศึกษารายละเอียดก่อน รวมถึงทางบริษัทฯจะมีการตั้งกองทุนจำนวน 200 ล้านบาทเพื่อใช้บริหารระบบหากจัดเก็บค่าโดยสารได้ไม่เพียงพอ

ด้าน นายธีระชนกล่าวว่า นับแต่วันนี้เป็นต้นไปทางกรุงเทพธนาคมสามารถศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้ทันทีซึ่งตนเองอยากให้โมโนเรลเส้นทางนี้วางศิลาฤกษ์ หรือตอกเสาเข็มพร้อมกับโมโนเรลเส้นสายจุฬา-สยาม ในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 อีกทั้งการดำเนินการของภาคเอกชนจะช่วยให้กทม.ทราบราคาในการดำเนินการอันจะเป็นต้นแบบในการตั้งงบประมาณให้แก่ กทม.ซึ่งจะช่วยป้องกันการทุจริตได้

นายธีระชนกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ในวันนี้ผู้ว่าฯ กทม.จะมีการหารือกับอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยถึงความเข้าร่วมในการก่อสร้างโมโนเรลซึ่งเมื่อหารือแล้วเสร็จคาดว่าจะสามารถทำเรื่องเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติเส้นทาง จากนั้นจะได้ดำเนินการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและเมื่อแล้วเสร็จก็จะลงมือก่อสร้างต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45546
Location: NECTEC

PostPosted: 17/09/2010 7:06 pm    Post subject: Reply with quote

เกาะติดเวนคืนสร้างรถไฟฟ้า สายสี ม่วง-น้ำเงิน-เขียว-แดง

โดย ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์ 17 กันยายน 2553 15:59




คืบหน้าไปมากแล้วสำหรับการก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้งสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ และรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชั่น ที่ต่างได้ผู้รับเหมาเข้าพื้นที่ก่อสร้างแล้ว ส่วนสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ อยู่ระหว่างดำเนินการเรียกผู้รับเหมาเข้ามาเซ็นสัญญา ซึ่งคาดว่าจะสามารถลงนามจ้างได้ภายในต.ค.นี้ ในขณะที่การเวนคืนนั้นปัจจุบันการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)ได้เร่งจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้ที่ถูกเวนคืนที่ดินรวมประมาณ1,880แปลง สิ่งปลูกสร้าง1,300 หลัง ส่วนรถไฟชานเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) มีผู้บุกรุก3,344 หลัง

แหล่งข่าวจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ ปัจจุบันรฟม.ได้ตกลงจ่ายค่าชดเชยให้กับเจ้าของพื้นที่ไปแล้ว 85.77% ส่วนที่เหลืออีก15%1 อยู่ระหว่างเรียกมาตกลงผลตอบแทน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ สำหรับจำนวนอสังหาริมทรัพย์ตามแนวสายทาง แบ่งเป็นที่ 986แปลง ลดลง74 แปลง จากเดิม มี1060 แปลง สิ่งปลูกสร้าง711หลัง ลดลง71 หลัง จากเดิม 640 หลัง อย่างไรก็ตามรฟม.ได้กำหนดราคาเบื้องต้นแล้ว986 แปลง สิ่งปลูกสร้าง711 หลัง มีการทำสัญญา/วางเงิน แบ่งเป็น ที่ดิน910 แปลง สิ่งปลูกสร้าง589 หลัง ล่าสุดรฟม.ได้รื้อย้ายสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายวัสดุออกออกจากแนวเขตทางได้แล้ว197 หลัง การที่จำนวนอสังหาริมทรัพย์ตามแนวสายทางลดลง ทำให้งบประมาณในการเวนคืนลดลงจาก12,000 ล้านบาท เหลือ9,200 ล้านบาท โดยจ่ายชดเชยไปแล้วประมาณ7,700 ล้านบาท

ส่วนความคืบหน้าการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินตามแนวโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแคและบางซื่อ-ท่าพระ ปัจจุบันอยู่ระหว่างขอรับมอบพื้นที่จากกรมทางหลวง และกรุงเทพมหานคร เพื่อใช้ในการก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงและสถานี ทั้งนี้รฟม.ยืนยันจะจ่ายค่าเวนคืนที่ดินให้กับประชาชนให้ได้ตามราคาตลาดในปัจจุบัน เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ประชาชนให้ความร่วมมือกับภาครัฐและป้องกันความเสียหาย ที่อาจเกิดขึ้นหากไม่สามารถส่งมอบที่ดินให้เอกชนก่อสร้างได้ตามกำหนด

โดยรฟม.ได้ว่าจ้างบริษัท นูแมพ จำกัด และบริษัทอินฟีนิตี้เซอร์วิส จำกัด เป็นผู้รับจ้างในการสำรวจอสังหาริมทรัพย์ตามแนวเส้นทางเพื่อประเมินค่าตอบแทนไปเมื่อวันที่9ก.พ.ที่ผ่านมาซึ่งมีจำนวนอสังหาริมทรัพย์ตามแนวสายทาง แบ่งเป็น ที่ดิน 899 แปลง สิ่งปลูกสร้าง 513 หลัง โดยผลการดำเนินงาน ณ สิ้นเดือน ส.ค.2553 รฟม.ได้ดำหนดราคาแบื้องต้นแล้ว 28 แปลง หรือคืบหน้า 8.84% สำหรับปัญหาที่พบในการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน เนื่องจากว่ามีการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) สมาชิกสภาเขต (ส.ข.) ใหม่ดังนั้นต้องรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ส่งรายชื่อตัวแทนของส.ก.และส.ข.ที่ได้รับการคัดเลือก มายังรฟม.ถึงจะเริ่มดำเนินการกำหนดราคาต่อไป สำหรับงบประมาณที่ใช้ในการเวนคืนจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้นอยู่ที่ 5,900 ล้านบาท

ส่วนสายสีเขียว ช่วง แบริ่ง-สมุทรปราการ อยู่ระหว่างการสำรวจอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าจะเริ่มพิจารณากำหนดราคาเบื้องต้นได้ตั้งแต่ต.ค.2553 เบื้องต้นมีจำนวนอสังหาริมทรัพย์ตามแนวสายทาง แบ่งเป็น ที่ดิน210 แปลง สิ่งปลูกสร้าง76 หลัง ส่วนช่วงหมอชอต-สะพานใหม่ อยู่ระหว่างการออกแบบรายละเอียดสถานีเนื่องจากกรุงเทพมหานคร(กทม.)ไม่ให้ใช้พื้นที่สำนักงานเขตบางเขตทำอาคารจอดรถ

ขณะที่โครงการรถไฟชานเมือง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ซึ่งปัจจุบันผู้รับจ้างได้รื้อย้ายผู้บุกรุกพื้นที่ที่มีอยู่จำนวน3,344 หลังนั้น โดยได้รื้อย้ายไปแล้ว2,760หลัง

ทั้งนี้การจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินเพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 4เส้นทางประกอบด้วย สายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ สายสีน้ำเงิน หัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ สายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วง บางซื่อ-ตลิ่งชัน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) มีอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ดินที่ถูกเวนคืนตามแนวสายทางรวมประมาณ4,644 หลัง และสิ่งปลูกสร้างอีก2,895 แปลง
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49420
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 24/09/2010 2:37 pm    Post subject: Reply with quote

คมนาคมเตรียมเร่งผลักดันรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่อีก 2 เส้นทาง

กรุงเทพฯ 24 ก.ย.53 - นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดการสัมมนา เรื่อง “การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมกับแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์” ว่า ในช่วงที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้เร่งผลักดันแผนพัฒนาโครงสร้างระบบรถไฟฟ้าในเมือง โดยจัดทำแผนและเร่งเปิดการประมูลไปแล้วทั้งรถไฟฟ้าสาย สีม่วงบางใหญ่-บางซื่อ และส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หัวลำโพง-บางแค-ท่าพระ ซึ่งขณะนี้คืบหน้าระดับหนึ่ง

นายโสภณ กล่าวว่า หลังจากนี้มีโครงการรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่ ๆ ทั้งสายสีชมพูและสีส้ม ช่วงบางกะปิ-บางบำหรุ ซึ่งกระทรวงคมนาคมต้องการรับฟังความคิดเห็นจากนักลงทุนและประชาชนผู้ใช้บริการ รวมทั้งนักวิชาการต่าง ๆ ว่าทั้ง 2 เส้นทางมีปริมาณการใช้ของประชาชนอย่างไร และมีความจำเป็นเร่งด่วนแค่ไหน เพื่อนำมาประกอบการการพิจารณาและเร่งรัดโครงการ เชื่อว่าเมื่อ 2 เส้นทางสรุปผลแล้วจะช่วยให้การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งบ้านจัดสรร อาคารชุด เกิดความชัดเจนในการเตรียมลงทุนแต่ละเส้นทางมากขึ้น

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวอีกว่า หลังเดือนตุลาคมเมื่อมีการจัดทำแผนและพัฒนาโครงการระบบรถไฟฟ้าแล้ว กระทรวงคมนาคมจะเร่งแก้ไขปัญหาจราจรต่าง ๆ ในเมือง โดยเฉพาะบริการรถสาธารณะอย่างรถตู้โดยสาร เนื่องจากปัจจุบันมีเส้นทางเกิดขึ้นมากมาย และมีผู้ใช้รถจำนวนมาก ก็จะเข้าจัดระเบียบ เพื่อให้มีความชัดเจนเรื่องเส้นทาง มาตรฐานการให้บริการ และที่สำคัญ คือ ค่าโดยสารที่ต้องเก็บและเกิดความเป็นธรรมกับผู้ใช้บริการมากที่สุด

“ส่วนการผลักดันแผนพัฒนาโครงการสำคัญต่าง ๆ ทั้งรถไฟฟ้าและแก้ไขปัญหาจราจรนั้น แม้ในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือไม่ เชื่อว่ารัฐบาลที่จะมาดำเนินการต่อจะต้องเดินหน้าแผนพัฒนาระบบรางอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ”นายโสภณ กล่าว.-สำนักข่าวไทย
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
BanPong1
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 07/12/2006
Posts: 2733
Location: กม.37 สายเหนือ, กม.68 สายกาญจนบุรี

PostPosted: 27/09/2010 10:46 am    Post subject: Reply with quote

สายสีส้ม บางกะปิ-บางบำหรุ แทบไม่ต้องรับฟังความคิดเห็นเลยครับ รีบๆสร้างได้เลยครับ และถ้าให้คุ้มทุนไวๆต้องถึงมีนบุรีครับ
_________________
Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail MSN Messenger
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 27, 28, 29 ... 299, 300, 301  Next
Page 28 of 301

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©