View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 43432
Location: NECTEC
|
Posted: 15/10/2010 12:03 am Post subject: |
|
|
โลว์คอสต์ฉุดยอดรถไฟวูบ50% สารพัดปัญหารุมเร้าสหภาพฯจี้รัฐบาลจริงใจแก้ปัญหา
หน้าแรก ข่าวปก
สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1142 ประจำวันที่ 13-15 ตุลาคม 2553
รายได้รถไฟวูบกว่า 50% เหตุคนหันไปใช้โลว์คอสต์ วงในแจง รายได้รถไฟ 9 เดือนปีนี้ยังไม่ถึงครึ่งของ ปี 2552 ยังดีที่มีแอร์พอร์ตลิงค์ช่วย ด้าน สาวิตร สารพัดปัญหารุมรถไฟ ทั้งสภาพ รถที่เก่า หัวรถจักรเสียกว่า 50% ทุจริตใน องค์กร ทำให้รายได้ลดคนไม่นิยมเดินทาง จี้รัฐจริงใจแก้ปัญหา มั่นใจหากหัวรถจักรเพียงพอกิจการขนส่งสินค้ารุ่ง
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผย สยามธุรกิจ ว่า ปัจจุบันรายได้ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ลดลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ รายได้ของร.ฟ.ท.ในปี 2553 เมื่อเปรียบเทียบ กับปี 2552 แล้วลดลงอย่างมาก โดยในปี 2552 ร.ฟ.ท.มีรายได้รวม 6,390,087,232.45 แยกเป็นรายได้จากการขนส่งผู้โดยสาร 4,308,064,844.45 บาท รายได้จากการขนส่งสินค้า 2,053,450,702 บาท รายได้จากการเช่ารถเสบียง 28,571,686 บาท
ส่วนรายได้ในปี 2553 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา รถไฟมีรายได้รวม 5,673,845, 948.73 บาท แยกเป็นรายได้จากการขนส่งผู้โดยสาร 3,722,296,283.45 บาท โดยรายได้จากการขนส่งผู้โดยสารดังกล่าวเป็นการขนส่งผู้โดยสารโดยรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ Express Line 1,208,000 บาท และรถ City Line 7,539,415 บาท รายได้จากการขนส่งสินค้า 1,929,159,554.28 บาท และรายได้จากการเช่ารถเสบียง 22,390,111 บาท ดังนั้นจะเห็นว่า รายได้จากผู้โดยสารถ้าไม่นับรวมแอร์พอร์ตลิ้งค์แล้ว 9 เดือนผ่านไปได้น้อยมากยังไม่ถึง 50% ของรายได้ผู้โดย สารในปี 2552 เลย
การที่รายได้รถไฟน้อยลง เนื่องจากคนหันไปขึ้นเครื่องบินกันมากขึ้น เพราะสะดวกสบายกว่า รวดเร็วกว่า ที่สำคัญราคา ตั๋วเครื่องบินโลว์คอสต์ถูกลงมาใกล้เคียงกับค่าโดยสารรถไฟ บางโปรโมชั่นหั่นราคาลงต่ำกว่าตั๋วรถไฟอีก คนก็หันไปขึ้นเครื่องบินกันมากขึ้น ใช้เวลาเดินทางน้อยกว่าเพียงชั่วโมงเศษถึงแล้ว มีเวลาไปทำอย่างอื่นได้อีกตั้งเยอะ ขณะที่เดินทางโดยรถไฟต้องใช้เวลาไม่ต่ำว่า 14-16 ชั่วโมงกว่าจะถึง ยิ่งถ้าเกิดอุบัติเหตุหรือรถเสียก็ต้องเสียเวลานั่งรออีกนาน ความสะดวกสบายก็สู้เครื่องบินไม่ได้ หากรัฐบาลไม่เร่งพัฒนาปรับปรุงกิจกรรมรถไฟโดยเร็ว อีกไม่นานการรถไฟฯ เจ๊งแน่
ทั้งนี้หากเปรียบเทียบราคาค่าโดยสาร รถไฟกับสายการบินโลว์คอสต์ต่อคน ในเส้นทางเดียวกันรายละเอียด มีดังนี้
เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ค่าโดย สารรถไฟชั้น 1 นั่ง และนอนปรับอากาศรวมค่าธรรมเนียมแล้ว เตียงบน 1,253 บาท เตียงล่าง 1,453 บาท ชั้น 2 นั่งและนอนปรับอากาศรวมค่าธรรมเนียมแล้ว เตียงบน 771 บาท เตียงล่าง 841 บาท ส่วนค่าโดย สารเครื่องบินโลว์คอสต์ หากจองวันนี้อีก 1 สัปดาห์ค่อยเดินทาง ค่าโดยสารรวมค่าธรรมเนียมแล้วอยู่ที่ 1,665 บาท
เส้นทางกรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช อัตราค่าโดยสารรถไฟ ชั้น 1 นั่งและนอนปรับอากาศรวมค่าธรรมเนียมแล้ว เตียงบน 1,272 บาท เตียงล่าง 1,472 บาท ชั้น 2 นั่งและนอนปรับอากาศรวมค่าธรรมเนียมแล้ว เตียงบน 758 บาท เตียงล่าง 828 บาท ขณะที่ค่าโดยสารเครื่องบินโลว์คอสต์ จองวันนี้อีก 1 สัปดาห์ค่อยเดินทางอยู่ที่ 1,555 บาท ทั้งนี้หากยิ่งจองแต่เนิ่นๆ และเผื่อเวลาเดินทางออกไปไกลๆ ค่าโดยสารจะยิ่งถูกลงกว่านี้อีก
ด้านนายสาวิตร แก้วหวาน ประธานสหภาพพนักงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวกับ สยามธุรกิจ ว่า สาเหตุสำคัญที่ประชาชนโดยสารรถไฟน้อยลง เนื่องมาจาก
1.สภาพรถไฟที่ย่ำแย่ อายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 20 ปี
2.หัวรถจักรที่มีอยู่ประมาณ 800 หัว ใช้งานจริงได้เพียง 200 กว่าหัวที่เหลือต้องเข้าโรงซ่อมกว่า 50% จึงไม่เพียงพอต่อการให้บริการ
3.รางที่เก่าไม่มีความสมบูรณ์ เกิดการชำรุดบ่อยครั้ง
4.ความไม่ตรงต่อเวลา เดินทางรายได้ของการรถไฟฯ ลดลงจริงยอมรับ 4.การนำรถไปให้บริการฟรี
5.ขาดพนักงานในการบริการ เนื่องจากมติ ครม.ที่ห้ามรถไฟรับพนักงานในหลายปีที่ผ่านมา
6.มีการทุจริตคอร์รัปชั่นในองค์กร ทำให้การรถไฟฯ ไม่สามารถเก็บรายได้จากการใช้ประโยชน์ในที่ดินของการรถไฟฯ ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และประเด็นสุดท้าย
6.รัฐบาลขาดความจริงใจในการแก้ไขปัญหาการรถไฟ และการพัฒนาระบบรางอย่างแท้จริง ทำให้การพัฒนาไม่มีความต่อเนื่อง
ซึ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุของการถดถอยของกิจการรถไฟไทย อย่างไรก็ตามในส่วนของการขนส่งสินค้านั้น ตนมองว่า หากมีหัวรถจักรที่เพียงพอต่อความต้องการของภาคเอกชน เชื่อว่าเอกชนจะเข้ามาใช้บริการขนส่งสินค้าทางรถไฟเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน |
|
Back to top |
|
|
boatteam
2nd Class Pass (Air)
Joined: 05/04/2010 Posts: 910
Location: แจ้งวัฒนะ หลักสี่ ปากเกร็ด
|
Posted: 15/10/2010 7:35 am Post subject: |
|
|
เจอข่าวอย่างนี้แล้วรู้สึกเหนื่อยใจ
กับการจะพัฒนาการรถไฟไทยให้ทันสมัยขึ้น
_________________ สถานีบ้านเกิดอรัญประเทศ สุดเขตแดนสยามฝั่งตะวันออก |
|
Back to top |
|
|
CENTENNIAL
1st Class Pass (Air)
Joined: 30/03/2006 Posts: 3642
Location: Thailand
|
Posted: 15/10/2010 7:49 am Post subject: |
|
|
Wisarut wrote: | ......ด้านนายสาวิตร แก้วหวาน ประธานสหภาพพนักงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวกับ สยามธุรกิจ ว่า สาเหตุสำคัญที่ประชาชนโดยสารรถไฟน้อยลง เนื่องมาจาก 1.สภาพรถไฟที่ย่ำแย่ อายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 20 ปี 2.หัวรถจักรที่มีอยู่ประมาณ 800 หัว ใช้งานจริงได้เพียง 200 กว่าหัวที่เหลือต้องเข้าโรงซ่อมกว่า 50% จึงไม่เพียงพอต่อการให้บริการ..... |
เฮียวิซซี่แบร์ครับ ตกลงว่าหัวรถจักรเกือบ 600 หัว ของเรา ที่มันจอดซ่อมอยู่เนี่ย มันไปจอดซ่อมที่ไหนครับตั้ง 600 หัว
เยอะมากเลย |
|
Back to top |
|
|
CivilSpice
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/03/2006 Posts: 11192
Location: หนองวัวหนุ่มสเตชั่น
|
Posted: 15/10/2010 7:58 am Post subject: |
|
|
CENTENNIAL wrote: | เฮียวิซซี่แบร์ครับ ตกลงว่าหัวรถจักรเกือบ 600 หัว ของเรา ที่มันจอดซ่อมอยู่เนี่ย มันไปจอดซ่อมที่ไหนครับตั้ง 600 หัว
เยอะมากเลย |
สงสัยจะนับตั้งแต่สมัยที่แรกเริ่มเดินรถไฟหลวงครั้งแรก เมื่อ 114 ปีที่ผ่านมาเลยกระมังครับ แต่นั่งนับยังไง มันก็ไม่ถึง 800 หัว ตามที่เขียนข่าวมาเลยนะเนี่ย
|
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 46393
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 15/10/2010 10:46 am Post subject: |
|
|
เอ...เอารถไฟไปเปรียบกับโลว์คอสแอร์ไลน์ได้ยังไงเนี่ย ? ถ้าเป็น Hi Speed Train ก็ว่าไปอย่าง พอสมน้ำสมเนื้อหน่อย
เอาเป็นว่า เท่าที่มีวิ่งอยู่นี่ จะทำอย่างไร ถึงจะให้มีสภาพดีๆ สีใหม่ๆ อุปกรณ์ในตัวรถไม่หลุดหายเรี่ยราดระหว่างทาง หรือระหว่างการซ่อม พอทำได้ไหมครับ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 43432
Location: NECTEC
|
Posted: 22/12/2010 1:43 am Post subject: |
|
|
แฉรถไฟไทยสุดห่วย! ตกรางถี่ยิบ-บริการดิ่งเหว แฉผู้ว่าฯ บริหารล้มเหลว
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 ธันวาคม 2553 22:54 น.
เผยปี 53 สถิติรถไฟเกิดอุบัติเหตุเพิ่มสูงกว่าปี 52 สวนโยบาย โสภณ ประกาศปีแห่งความปลอดภัย ตกรางในรอบ 20 วัน ถึง 3 ครั้ง แถมมีกรณีคนขับเมา วิ่งฝ่าสัญญาณจุดตัดหวิดเกิดโศกนาฎกรรม ล่าสุดระบบคุมประแจหัวลำโพงเสียกว่า 7 ชั่วโมง ขบวนรถตกค้างเพียบ แฉผู้ว่าฯร.ฟ.ท.บริหารล้มเหลว หวังรองบ 1.7 แสนล้านบาทอย่างเดียว
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า สถิติการเกิดอุบัติเหตุทางรถไฟในรอบปี 2553 ที่ผ่านมา มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นจากปี 2552 สวนทางกับนโยบาย คมนาคมปลอดภัย สังคมไทยเป็นสุข ของนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งจากรายงานสถิติการเกิดอุบัติเหตุในรอบ 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.) ปี 2553 ไม่รวมเดือนธ.ค.สูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2552 ในรอบ 12 เดือน (ม.ค.-ธ.ค.) โดยปี 2552 มีอุบัติเหตุรถไฟตกรางจำนวน 76 ครั้ง บาดเจ็บ77 ราย เสียชีวิต 9 ราย มีอุบัติเหตุขบวนรถไฟชนกับรถยนต์บริเวณจุดตัดกับถนนจำนวน 133 ครั้ง บาดเจ็บ 137ราย เสียชีวิต 79 ราย ส่วนปี 2553 มีรถตกราง 84 ครั้ง บาดเจ็บ53 ราย เสียชีวิต 9 ราย อุบัติเหตุขบวนรถไฟชนกับรถยนต์ จำนวน 140 ครั้ง บาดเจ็บ 151ราย เสียชีวิต 47 ราย
ทั้งนี้ เฉพาะในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค. ในรอบ 20 วัน มีเหตุรถไฟตกรางถึง 3 ครั้ง โดยครั้งแรกเกิดเมื่อวันที่ 25 พ.ย.2553ขบวนรถด่วนพิเศษบัตเตอร์เวิร์ต มาเลเชีย-กรุงเทพฯ ตกรางที่ระหว่าง สถานีช่องเขา-ร่อนพิบูลย์ ครั้งที่สองวันที่ 26 พ.ย.2553ขบวนรถเร็ว กรุงเทพฯ-กันตัง จ.ตรัง ตกรางระหว่างสถานีทุ่งสง-สถานีที่วัง และวันที่ 14 ธ.ค.2553 เกิดเหตุรถไฟสปริ๊นเตอร์ กรุงเทพฯ-ยะละ ตกราง ระหว่างสถานีรถไฟช่องเขา-ร่อนพิบูลย์ ห่างจากหุบเหวประมาณ 50 เมตรเท่านั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2553 มีรายงานว่าระบบควบคุมสัญญาณ ขบวนรถไฟล่าช้าหลายชั่วโมง โดยขบวนที่กำหนดออกจากสถานีหัวลำโพงเวลา 13.00 น.แต่กลับออกได้จริง16.30 น. โดยเจ้าหน้าที่สถานีหัวลำโพงชี้แจงว่า ระบบไฟควบคุมและจับสัญญาณ ซึ่งเป็นตัวคุมประแจเสียทั้งระบบตั้งแต่เวลา 10.00 น. ซึ่งทำให้การปล่อยขบวนรถจากสถานีหัวลำโพงต้องใช้ระบบ Manual หรือพนักงานเดินไปหมุนในแต่ละประแจแทน โดยใช้เวลากว่า 20 นาทีจึงจะปล่อยรถได้ 1 ขบวน ในขณะที่แต่ละวันมีขบวนรถเข้าออกกว่า 100 ขบวน
ก่อนหน้านี้ ระบบควบคุมสัญญาณที่สถานีหัวลำโพงเคยเสียมาแล้วหลายครั้ง แต่สามารถแก้ไขในเวลาประมาณ 30 นาทีหรืออย่างมาก 2 ชั่วโมง ซึ่งครั้งล่าสุดต้องใช้เวลาแก้ไขเกือบ 7 ชั่วโมง ทำให้เขบวนรถไฟตกค้างจำนวนมาก
นอกจากอุบัติเหตุที่เกิดจากสภาพทางและสภาพของตัวรถไฟชำรุดแล้ว ยังมีรายงานถึงพฤติกรรมของพนักงานที่ไม่ได้รับการเข้มงวด ขาดประสิทธิภาพอย่างมากอีกด้วย เช่น เหตุขบวนรถวิ่งฝ่าสัญญาณไฟ เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.2553 โดยเป็นขบวน 926 จากโคกสลุง-กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นขบวนรถไฟพิเศษ ชมทุ่งทานตะวัน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ พ่วง 10 โบกี้ ซึ่งขบวนรถวิ่งฝ่าสัญญาณและเครื่องกั้นรวม 3 แห่ง ตั้งแต่สถานีรังสิต,ดอนเมือง โดยไม่หยุดรับ-ส่งผู้โดยสารตามตารางเดินรถ เจ้าหน้าที่ได้ป้องกันเหตุอันตรายซึ่งอาจจะเฉี่ยวชนรวมถึงขบวนรถอาจตกรางในย่านชุมชน โดยกลับประแจเพื่อให้ขบวนรถวิ่งไปในทางประธานล่อง และพยายามวิทยุติดต่อพนักงานขับรถ แต่ไม่มีการตอบรับ
อย่างไรก็ตาม ในที่สุดสามารถหยุดขบวนรถได้ โดยมีบันทึกว่าสาเหตุที่พนักงานขับรถไม่หยุดรับ-ส่งผู้โดยสารที่สถานีรังสิตและดอนเมือง เพราะหลงลืม แต่เมื่อมีการตรวจสอบในสถานที่พบว่า ทั้งพนักงานขับรถและช่างเครื่องมีกลิ่นสุราจึงมีการแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เมื่อตำรวจมาถึงพนักงานทั้ง 2 คนได้หลบหนีไปแล้ว จึงต้องจัดเจ้าหน้าใหม่เข้าเพื่อนำขบวนรถกลับเข้าสถานีหัวลำโพงซึ่งล่าช้าถึง 120 นาที
เท่าที่ทราบ นอกจากผู้โดยสารจะต้องเจอปัญหาพนักงานขับรถที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่แล้ว เป็นที่ทราบกันดีว่าขบวนรถไฟพิเศษชมทุ่งทานตะวันและเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็นขบวนรถท่องเที่ยวที่จัดเฉพาะช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค. แต่ผู้โดยสารกลับไม่ได้ชมทุ่งทานตะวันตามที่คาดหวังเพราะเพิ่งออกดอก ซึ่งเป็นปัญหาในเรื่องการวางแผนและการประสานกับเจ้าของไร่ทานตะวันแหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า กระทรวงคมนาคมต้องให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) อย่างจริงจัง แม้รัฐบาลจะอนุมัติแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของร.ฟ.ท.วงเงิน 176,808 ล้านบาท โดยระยะแรกภายในปี 2554 จะเริ่มประมูล 11 โครงการที่เกี่ยวกับความปลอดภัยวงเงิน 87,529 ล้านบาทได้ ส่วนระยะที่ 2 อีก 10 โครงการ วงเงิน 89,279 ล้านบาท เช่นรถไฟทางคู่และจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า จะเริ่มประมูลได้ในปลายปี 2554 แต่ในระหว่างนั้น ร.ฟ.ท.ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงการเตรียมความพร้อมและการปรับปรุงทั้งระบบการทำงานต่างๆ เลย ซึ่งเป็นปัญหาภายในร.ฟ.ท.เองโดยเฉพาะฝ่ายบริหารที่ขาดประสิทธิภาพ
ที่ผ่านมา นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าฯร.ฟ.ท.พยายามเอาใจพนักงาน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาถูกต่อต้านเช่นเมื่อช่วง 2 ปีก่อนที่ถูกกลุ่มพนักงานสมาชิกสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ (สร.รฟท.) ขับไล่ เพราะไม่ยอมรับ ดังนั้น หลายเรื่องที่พนักงานทำผิดระเบียบ จึงมีการปกปิดข่าวและเปลี่ยนแปลงบันทึกเพื่อช่วยเหลือพนักงาน บางครั้งกระทบต่อการให้บริการ เช่น ความปลอดภัย หรือการจัดรถขบวนพิเศษบริการฟรีให้กับกลุ่มเครือญาติของนายยุทธนาเอง ซึ่งบางครั้งไม่สามารถพ่วงโบกี้เพิ่มในขบวนปกติได้พอเนื่องจากศักยภาพของหัวจักรมีจำกัด ก็ต้องตัดโบกี้ผู้โดยสารปกติออก ซึ่งทำให้ร.ฟ.ท.ขาดรายได้ เป็นต้น |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 46393
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 22/12/2010 5:52 am Post subject: |
|
|
กรณีขบวนรถนำเที่ยวเกือบจะกลายเป็น Unstoppable นั้น สมัยที่ผมอยู่ญี่ปุ่นเมื่อสิบกว่าปีก่อนก็เคยมีกรณี พขร.รถไฟชานเมืองลืมจอดรับ-ส่งผู้โดยสารที่สถานีที่กำหนดว่าต้องจอด ทำให้ผู้โดยสารต้องลงที่สถานีถัดไป แล้วรอขบวนอื่นนั่งกลับมา
จำได้ว่าเป็นข่าวใหญ่ไปทั้งประเทศ ลง นสพ.รายวันหน้าหนึ่งเลยครับ
สำหรับเจ้าหน้าที่ก็ถูกพักงานครับ ครั้งนั้นไม่ได้เมาแต่คงเผลอหรือหลับในมากกว่า
ส่วนกรณีนี้ถ้าอ่านจากข่าวแล้วก็น่าผิดหวังในความไม่มีสำนึกรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ ทิ้งผู้โดยสาร ถ้าเป็นเรือเดินสมุทรจะอับปาง คนที่จะทิ้งเรือเป็นคนสุดท้ายหรือตายไปพร้อมกับเรือก็คือกัปตันเรือ
ปลาร้าพันห่อด้วย ใบคา ใบก็เหม็นคาวปลา คละคลุ้ง แถมมีบางคนพยายามปิดข่าว ปกป้องคนผิดเสียด้วย ลองอ่านกระทู้นี้สิครับ
วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับขบวน 926 รถนำเที่ยวเขื่อนป่าสักฯครับ (11/12/53)
และขอชื่นชม นสพ. ผู้จัดการ ที่กล้าคิดกล้าเขียน และหาข่าวแบบเชิงรุก ไม่นั่งรอรับข้อมูลหรือนั่งเทียนเขียนเหมือนสื่อหลาย ๆ สื่อหรือแม้แต่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของการรถไฟเอง
ถึงหลายฝ่ายจะมองว่า นสพ. ฉบับนี้ไม่เป็นกลาง เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ผมก็เห็นว่าเป็นสื่อมวลชนที่มีความรู้และสนใจการขนส่งระบบรางมากที่สุดสื่อหนึ่งของเมืองไทยเลยทีเดียวครับ |
|
Back to top |
|
|
boatteam
2nd Class Pass (Air)
Joined: 05/04/2010 Posts: 910
Location: แจ้งวัฒนะ หลักสี่ ปากเกร็ด
|
Posted: 22/12/2010 7:30 am Post subject: |
|
|
Wisarut wrote: |
ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2553 มีรายงานว่าระบบควบคุมสัญญาณ ขบวนรถไฟล่าช้าหลายชั่วโมง โดยขบวนที่กำหนดออกจากสถานีหัวลำโพงเวลา 13.00 น.แต่กลับออกได้จริง16.30 น. โดยเจ้าหน้าที่สถานีหัวลำโพงชี้แจงว่า ระบบไฟควบคุมและจับสัญญาณ ซึ่งเป็นตัวคุมประแจเสียทั้งระบบตั้งแต่เวลา 10.00 น. ซึ่งทำให้การปล่อยขบวนรถจากสถานีหัวลำโพงต้องใช้ระบบ Manual หรือพนักงานเดินไปหมุนในแต่ละประแจแทน โดยใช้เวลากว่า 20 นาทีจึงจะปล่อยรถได้ 1 ขบวน ในขณะที่แต่ละวันมีขบวนรถเข้าออกกว่า 100 ขบวน
ก่อนหน้านี้ ระบบควบคุมสัญญาณที่สถานีหัวลำโพงเคยเสียมาแล้วหลายครั้ง แต่สามารถแก้ไขในเวลาประมาณ 30 นาทีหรืออย่างมาก 2 ชั่วโมง ซึ่งครั้งล่าสุดต้องใช้เวลาแก้ไขเกือบ 7 ชั่วโมง ทำให้เขบวนรถไฟตกค้างจำนวนมาก.....
|
ถึงว่าเมื่อวันจันทร์ เกือบ 6 โมงเย็น แล้ว ข.315 ,313 ,341 ,317 ยังไม่ออกจากหังลำโพง
แต่ ข.109 กับวิ่งออกมาแทน ตอนประมาณ 17.40 น. + มา 3 ชั่วโมงกว่า ๆ ตั้งแต่ต้นทาง
สุดท้ายผมต้องใช้บริการ ขสมก. กลับบ้านแทน _________________ สถานีบ้านเกิดอรัญประเทศ สุดเขตแดนสยามฝั่งตะวันออก |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 22/12/2010 8:48 am Post subject: |
|
|
หากเป็นตลกพูดกัน คงจะพูดว่า "งามไส้ล่ะสิ" ขบวนรถนำเที่ยวแหกอาณัติสัญญาณด้วยสาเหตุพนักงานมึนเมาขณะปฏิบัติหน้าที่
อะไรจะขนาดนั้น ? นี่ถ้าวิ่งเลยหัวลำโพงคงเป็นเรื่องใหญ่อีกแน่ๆ
เอ้อ... พูดไม่ออกเลยครับ หากใครได้อ่านข่าว คงสยองกันเป็นแถว รายได้ที่ควรจะมีมา หายหดไปอีกแล้ว |
|
Back to top |
|
|
|