ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์

[Wisarut]

แปลกดีนะ..การรถไฟฯ
หน้าข่าวคมนาคมและลอจิสติก
คอลัมน์ สยาม วิจารณ์
สยามธุรกิจ 3-5 พฤศจิกายน 2553


สุนทรีย์...เคยพูดเรื่องการยกระดับรถไฟไทยไปสักพักแล้ว ...ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลออกมาตีปิ๊บเรื่องโครงการ “รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน” เสียบ่อย จนกระทรวงคมนาคม รวมถึงผู้บริหารเคลิบเคลิ้ม จนลืมพัฒนารถไฟที่คอยสร้างรายได้มาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องพวกพ้องทุกวันนี้ ให้ดีขึ้น ทันสมัยขึ้น ความเร็วสูงขึ้น และมีความตรงตามเวลา ...

เวลาผ่านไปกว่า 5 เดือนแล้วทุกอย่างย่ำอยู่กับที่ ไม่รู้ว่าแผนฟื้นฟูที่ทำซะสวยหรูได้มีการหยิบมาดูบ้างหรือเปล่าซึ่ง สุนทรีย์ เคยบอกไปแล้วว่า “ไฮสปีดเทรนไทย-จีน” อย่าเพิ่งไปหวัง เพราะฝันนี้ยังอีกไกล แต่ควรเร่งมาดูเรื่องปัจจุบันดีกว่า มาเร่งคิด เร่งทำ เร่งพัฒนาคุณภาพรถไฟวันนี้ (Miter Gate) ให้ดีก่อน เพื่อจะสามารถหาเลี้ยงปากเลี้ยงองค์กรได้ และประชาชนก็จะได้ใช้ มีระบบรถไฟที่ดี และ มีประสิทธิภาพ...ถ้ามาดูนับตั้งแต่ที่ครม.อนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการรถไฟและงบประมาณ ในการดำเนินการ 1.7 แสนล้านบาท ตั้งแต่เดือน เม.ย.2553 ล่วงมากว่า 5 เดือนแล้วแต่ทุกอย่างยังเงียบสงัด ยังไม่มีการเปิดประมูลโครงการใดเลย

มันแปลกดีนะ...ตอนที่รัฐบาลไม่ให้งบมาปรับปรุงก็ตีฆ้องร้องป่าวกันจัง แต่พอให้งบประมาณมาแล้วกลับนิ่งเฉย ไม่เร่งรัดทำอะไรเลย มันยังไงๆ แล้วนะท่านผู้ว่าการการรถไฟและผู้บริหารทั้งหลาย ไม่ทราบท่านทำอะไรบ้าง วันๆ หนึ่ง (มัวแต่ตามท่านรมต. “โสภณ ซารัมย์” หรือเปล่า จึงไม่มีเวลามาดูงานตัวเอง)

นี่! สุนทรีย์ ไม่ได้พูดเองนะ มีคนการันตีให้ด้วยว่างานของหน่วยงานท่านไม่ได้เดินจริงๆ ก็ท่านปลัดกระทรวงคมนาคมไง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่านปลัด “สุพจน์ ทรัพย์ล้อม” ดูท่าจะทนไม่ไหวที่ผู้บริหารรถไฟยังติดภาพ “ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง” ก็เลยออกมาขีดเส้นให้ผู้บริหารรถไฟเร่งทำแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 1.7 แสนล้านภายใน 4 เดือน ให้เร่งเปิดประมูล 11 โครงการ

...พิโธ่ถัง! ทีแรกคิดว่า ท่านปลัดทนไม่ได้เลยออกมาเร่งรัด แต่ที่ไหน ได้เพราะท่านนายกรัฐมนตรี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เร่งมา กลัวว่าแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจะล่าช้า ซึ่งจะเกิดความสูญเสียต่อประเทศอย่างประเมินค่าไม่ได้

“งานนี้ถ้านายกฯ ไม่เร่งมาคงจะเงียบไปอีกนาน มันแปลกดี เพราะอะไรถึงไม่เร่งทำ หรือเพราะโครงการทางราง คนที่มีความชำนาญมีน้อย ผลประโยชน์แบ่งได้ไม่ทั่วถึง”

มาดูกันว่า 11 โครงการที่จะต้องเร่งเปิดประมูลในวงเงิน 87,000 ล้านบาท มีอะไรบ้าง ได้แก่ โครงการปรับปรุงทางรถไฟระยะที่ 5 โครงการ ปรับปรุงทางรถไฟระยะที่ 6 โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายฉะเชิงเทราคลองสิบเก้าแก่งคอย โครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า 13 คัน

โครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย โครงการปรับปรุงสะพาน การติดตั้งอาณัติสัญญาณไฟสี การติดตั้งเครื่องกั้นถนน งานติดตั้งรั้วสองข้างทางตามแนวเขตทางรถไฟ โครงการสร้างโรงรถจักรแก่งคอย และ โครงการก่อสร้างโรงรถศรีราชา

ความจริง 11 โครงการนี้สามารถทำได้เลย เพราะไม่ต้องรอการศึกษา ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ซึ่งมีหลายโครงการที่ไม่ต้องรอให้มีใครพูด สามารถทำได้เลย อย่างโครงการปรับปรุงทางทั้งหลาย การติดตั้งอาณัติ สัญญาณ การติดตั้งเครื่องกั้นถนน การจัดหารถจักรดีเซล แต่ก็ไม่ทำ เอ้อ! มันแปลกดีนะ เหมือนกำลังรออะไรไม่ทราบ?

มาถึงวันนี้ “สุนทรีย์” ว่า การรถไฟฯ ไม่ควรจะรออะไรอีกแล้ว โอกาสมาถึงต้องเร่งพัฒนารถไฟของเดิมให้ดีขึ้นเร็วขึ้น และตรงต่อเวลา เพื่อต่อลมหายใจให้คนรถไฟเอง เพราะถ้ายังขืนรอต่อไปจะไม่มีโอกาสอีก ทุกวันนี้ผู้โดยสารก็ลดลง รายได้ก็ลดลง ขณะที่หนี้สินก็ท่วมหัว และหากยังไม่เร่งพัฒนาสักวันหนึ่ง “รถไฟไทย” อาจเป็นแค่ตำนานก็ได้!

[pak_nampho]

หลังจากนี้อยากอ่านบทความวิเคราะห์/วิจาร์ณ์ของคุณ "สุนทรีย์" ที่ว่า

"งานนี้ถ้านายกฯ ไม่เร่งมาคงจะเงียบไปอีกนาน มันแปลกดี เพราะอะไรถึงไม่เร่งทำ หรือเพราะโครงการทางราง คนที่มีความชำนาญมีน้อย ผลประโยชน์แบ่งได้ไม่ทั่วถึง”

มันช้าเพราะอะไรแน่ท่านปลัด/บอร์ด ฮ่า ฮ่า
_________________
+++++++++++++++++ ๑๑๖ ปี รถไฟไทยก้าวไกล....จากรถจักรไอน้ำ +++++++++++++++++

....................บุตร ครฟ. พขร.ตรี แขวงรถพ่วงปากน้ำโพ ...................

[kikoo]

^
แต่เรื่องที่ว่าคนที่ชำนาญเรื่องระบบรางมีน้อยน่าจะจริงครับ

เพราะแหล่งผลิตบุคลากรด้านนี้ก็มีแค่โรงเรียนวิศวกรรมรถไฟแค่แห่งเดียว

เอ๊ะ....ทำไมไม่ลองหาคนจากในRFTบ้างนา~~~
_________________
ความคืบหน้าโครงการปรับปรุงทางช่วงที่วัง-กันตัง
http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=5618

[pak_nampho]

ลองเอ่ยชื่อซือแป๋ RFT ที่มีอยู่ในใจหน่อยสิ.....
_________________
+++++++++++++++++ ๑๑๖ ปี รถไฟไทยก้าวไกล....จากรถจักรไอน้ำ +++++++++++++++++

....................บุตร ครฟ. พขร.ตรี แขวงรถพ่วงปากน้ำโพ ...................

[Wisarut]

ร.ฟ.ท.ชงบอร์ดอนุมัติสรรหา4ซีอีโอ-รับสมัครภายในม.ค.2554
หน้า 8 ประชาชาติธุรกิจ
ปีที่ 34 ฉบับที่ 4260 วันที่ 08 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า หลังจากก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการปรับโครงสร้าง ร.ฟ.ท.ใหม่เป็น 3 หน่วยธุรกิจ ได้แก่ หน่วยการเดินรถ หน่วยซ่อมบำรุง หน่วยบริหารทรัพย์สิน และ 1 บริษัทลูกคือ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด โดยจะต้องดำเนินการสรรหาซีอีโอประจำแต่ละหน่วยธุรกิจและบริษัทลูกนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด ร.ฟ.ท.ได้นำเสนอร่างคุณสมบัติผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือก ซีอีโอในแต่ละหน่วยธุรกิจและบริษัทลูกให้คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (บอร์ด ร.ฟ.ท.) ที่มีนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธานบอร์ดพิจารณา โดยถือเป็นการเปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกการรถไฟฯ หลังจากก่อนหน้านี้ไม่มีบุคลากรใน ร.ฟ.ท.สนใจสมัครคัดเลือกเป็นซีอีโอ

รายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับคุณสมบัติผู้สมัครที่ส่งให้คณะกรรมการ ร.ฟ.ท. พิจารณา ได้แก่

1) ตำแหน่งซีอีโอหน่วยธุรกิจการเดินรถและหน่วยบำรุง คือจะต้องมีประสบการณ์ทำงานด้านการเดินรถไฟและซ่อมบำรุงรถไฟมาก่อน

2) ตำแหน่ง ซีอีโอหน่วยธุรกิจบริหารทรัพย์สิน คือจะต้องมีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับการบริหารองค์กรเกี่ยวกับการจัดการที่ดิน โดยจะต้องแสดงวิสัยทัศน์และปฏิบัติงานให้ได้ตามที่กำหนด และ

3) ตำแหน่งซีอีโอบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด คือจะต้องบริหารให้ได้ผลกำไรตามเป้าหมายที่วางไว้ 100% โดย ร.ฟ.ท.วางเป้าอยากจะให้การสรรหาซีอีโอแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2554 หรืออีก 5 เดือนข้างหน้า

ทั้งนี้เนื่องจากนับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ร.ฟ.ท.ได้เข้าสู่ระบบการบริหารงานภายใต้โครงสร้างใหม่แล้ว ในระหว่างรอการสรรหาซีอีโอจึงได้แต่งตั้งหัวหน้าหน่วยธุรกิจเป็นรักษาการซีอีโอเป็นการชั่วคราว ได้แก่

1) หน่วยการเดินรถ ดูแลการเดินรถให้บริการประชาชน การเดินรถเพื่อการขนส่งสินค้า แต่งตั้งนายสุนทร บาลยอ เป็นรักษาการซีอีโอ

2) หน่วยซ่อมบำรุง ดูแลการซ่อมบำรุงหัวรถจักร แต่งตั้งนายกริช ศฤงชัยธวัช เป็นรักษาการซีอีโอ

3) หน่วยบริหาร ทรัพย์สิน ดูแลการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ ของ ร.ฟ.ท.ที่มีอยู่ทั่วประเทศ แต่งตั้งนายประเสริฐ อัตตะนันทน์ และ

4) บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. ดูแลการเดินรถแอร์พอร์ตลิงก์ มีนายภากรณ์ ตั้งเจตสกาว รองผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.เป็นรักษาการซีอีโอ

นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานกรรมการ ร.ฟ.ท. กล่าวว่า น่าจะใช้เวลาในการพิจารณาร่างคุณสมบัติผู้สมัครซีอีโออีกประมาณ 1 เดือน จากนั้นขั้นตอนต่อไปจะนำเสนอต่อสำนักงานนโยบายคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่ออนุมัติตำแหน่ง และเข้าสู่ขั้นตอนการเปิดรับสมัครซีอีโอ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงเดือนธันวาคม 2553-มกราคม 2554

[Wisarut]

[pak_nampho]

เฮียวิศ...

ถ้า "ผู้้ว่า ท่าน จะบอกว่าเป็นเพราะ คุณพระที่คลังท่านใจดำไม่ยอมออกงบประมาณตามที่กำหนดไว้ เลยประมูลไม่ได้"

แบบนี้ชาวบ้านที่ตามข่าวเขาก็นินทาว่า "ต้ม" หรือไม่ก็ "ไปน้ำขุ่นๆ" มั้งเฮีย.....
_________________
+++++++++++++++++ ๑๑๖ ปี รถไฟไทยก้าวไกล....จากรถจักรไอน้ำ +++++++++++++++++

....................บุตร ครฟ. พขร.ตรี แขวงรถพ่วงปากน้ำโพ ...................

[Wisarut]

เลือกสถานีรถไฟนาทาหนองคายประเดิมเชื่อมต่อลอจิสติกส์ทางราง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 พฤศจิกายน 2553 11:18 น.

หนองคาย- เปิดโฉมโครงข่ายคมนาคมขนส่งสินค้าคอนเทนเนอร์ บนพื้นที่ 290 ไร่ของสถานีรถไฟนาทา หนองคาย ขยายการพัฒนาระบบขนส่งสินค้าทางราง เริ่มปี 2555 เบื้องต้นกำหนด 2 ระยะ คาดสามารถรองรับการปรับรูปแบบการขนส่งจากรถบรรทุกหันมาใช้บริการคอนเทนเนอร์ 240,000 ตู้ โดยเฉพาะสินแร่ทองแดง ข้าวมอลต์และยางพารา เชื่อมต่อจีน-ไทย-ลาว

นายสาโรช แสงอรุณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการสัมมนารับฟังความคิดเห็น ครั้งที่ 2 พื้นที่โครงการ “โครงการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้นสถานีขนส่งสินค้าคอนเทนเนอร์เพื่อการจัดการลอจิสติกส์” ว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแนวทางการพัฒนาระบบขนส่งทางราง โดยดูแลรักษาและเชื่อมต่อเส้นทางให้มีประสิทธิภาพในการเดินรถและลดการใช้พลังงานในภาคการขนส่ง ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่เร่งรัดการลงทุนที่สำคัญของประเทศ ทั้งโครงการต่อเนื่องและโครงการใหม่ที่มีความพร้อม

ทั้งนี้ คำนึงถึงวินัยทางการคลัง การก่อสร้างสถานีขนส่งสินค้าคอนเทนเนอร์ เพื่อการจัดการลอจิสติกส์ จึงเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งที่สำคัญ และแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างต่อเนื่อง โดยสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่องที่ลาดกระบัง มีการใช้งานเกินความจุมานานหลายปี เนื่องจากข้อจำกัดต่างๆ ทำให้ไม่สามารถรองรับการพัฒนาระบบ การจัดการขนส่งสินค้าและบริการเพื่อการส่งออกของประเทศได้อย่างเพียงพอ

จึงจำเป็นต้องวางแผนและเตรียมพร้อม เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการขนส่งสินค้าในการขนส่งสินค้าตู้คอนเทนเนอร์เชื่อมโยงโครงข่ายการบริหารจัดการสินค้าและบริการ ทั้งพื้นที่ชนบท เมือง และระหว่างประเทศ

เมื่อกระทรวงคมนาคมได้ศึกษาสถานีที่เป็นที่ตั้งสถานีขนส่งสินค้าคอนเทนเนอร์ ซึ่งเป็นการดำเนินการที่มีความสัมพันธ์และเกี่ยวเนื่องกับโครงสร้างทางธุรกิจ เช่น สายเดินเรือ ผู้ประกอบการขนส่งและผู้ส่งออกและนำเข้า อีกทั้งในแง่ของการลงทุนจะต้องมีความพร้อมในเรื่องเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการดำเนินการ ซึ่งมีความสำคัญเร่งด่วนที่จะต้องเพิ่มประสิทธิภาพของโครงข่ายการกระจายสินค้าด้วยการขนส่งทางรถไฟ

สำหรับการขนส่งระยะทางปานกลางและระยะไกล ร่วมกับระบบการขนส่งรูปแบบอื่นให้มีความเหมาะสมกับสภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งมีกรอบเวลาศึกษาขอบเขตงาน 9 เดือน

ระยะแรกได้พิจารณาจากปริมาณความต้องการขนส่งสินค้า ตามพื้นที่ศักยภาพและมีหลักเกณฑ์เบื้องต้น โดยคำนึงถึงการตอบสนองความต้องการของพื้นที่ ลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าและการเดินทาง ก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนและพื้นที่โดยรอบน้อยที่สุด รวมถึงพิจารณาข้อมูลเดิมหรือตำแหน่งสถานีรถไฟ พบว่ามีสถานีที่มีศักยภาพเป็นตัวแทนในแต่ละพื้นที่ 8 แห่ง ประกอบด้วย

สถานีห้างฉัตร จ.ลำปาง,
สถานีบ้านตูม จ.พิษณุโลก,
สถานีหนองคาย จ.หนองคาย,
สถานีท่าพระ จ.ขอนแก่น,
สถานีบุ่งหวาย จ.อุบลราชธานี ,
สถานีทุ่งมะเม่า จ.ประจวบคีรีขันธ์,
สถานีชุมทางบ้านทุ่งโพธิ์ จ.สุราษฎร์ธานี และ
สถานีนาม่วง จ.สงขลา

ซึ่งผลการคัดเลือกและจัดลำดับความสำคัญโดยการเปรียบเทียบทางด้านวิศวกรรม ด้านเศรษฐกิจ ด้านสิ่งแวดล้อมพบว่า พื้นที่จังหวัดหนองคายเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงสุด

รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายกล่าวต่อว่า สถานีรถไฟหนองคาย มีสถานีรถไฟนาทา ซึ่งอยู่ห่างกันเพียง 3.5 กม. ซึ่งสถานีนาทามีข้อได้เปรียบสถานีหนองคายหลายด้าน เช่น

1. อยู่ในพื้นที่อุตสาหกรรมเฉพาะกิจ ประเภทอุตสาหกรรมและคลังสินค้า
2. มีทางเข้าออกสถานี 2 ด้านทั้งทางเลี่ยงเมืองและถนนมิตรภาพ
3. เป็นพื้นที่ราบและเป็นทุ่งโล่ง มีชุมชนอาศัยอยู่เบาบางบริเวณสถานี
4. อยู่นอกเขตเมืองทำให้การจัดการจราจรสะดวก

หากมีการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ สถานีห่างจากแม่น้ำโขง 4.5 กม. แต่ไม่มีปัญหาเรื่องความลาดชัน

จากผลการศึกษาของกรมการขนส่งทางบกพบว่า สถานีนาทาเป็นสถานีที่มีความเหมาะสมในการเป็นสถานีขนส่งสินค้าโดยรถบรรทุกในเมืองหลัก และจังหวัดชายแดน โดยเนื้อที่ทั้งหมด 290 ไร่ ราคาที่ดินประมาณ 260,000-300,000 บาทต่อไร่

เหตุผลเหล่านี้ทำให้สถานีนาทาเป็นสถานีที่มีความเหมาะสมที่สุดในการเป็นสถานีศักยภาพและนำไปศึกษาออกแบบรายละเอียดเพื่อจัดทำเป็นสถานีขนส่งสินค้าคอนเทนเนอร์เพื่อจัดการลอจิสติกส์

ทั้งนี้ ได้มีการวิเคราะห์ปริมาณสินค้าในอนาคต โดยกรมการขนส่งทางบก ได้คาดการณ์ปริมาณการขนส่งสินค้าจังหวัดหนองคาย ที่สถานีรถไฟนาทา

ในปี 2555 จะมีรถบรรทุก วันละ 90 เที่ยว หรือปีละ 32,850 เที่ยว
ในปี 2565 รถบรรทุกสินค้าวันละ 240 เที่ยว ปีละ 87,600 เที่ยว และ
ปี 2575 รถบรรทุกสินค้าวันละ 620 เที่ยว ปีละ 226,300 เที่ยว

ส่วนปริมาณการขนส่งสินค้าจากประเทศจีนตะวันตก ในปี 2560 จะมีปริมาณการขนส่งสินค้าประมาณ 1.672 ล้านตัน หรือ 66,885 ตู้คอนเทนเนอร์ โดยจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.727 ล้านตัน หรือ 108,968 ตู้ และ 4.436 ล้านตัน หรือ 177,451 ตู้ ในปี 2570 และ ปี 2580 ตามลำดับ

การขนส่งสินค้าคอนเทนเนอร์ในอนาคตจะเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ การขนส่งสินค้านำเข้า-ส่งออกของจังหวัดหนองคายและพื้นที่ใกล้เคียง, การขนส่งสินค้าผ่านแดนของ สปป.ลาว-ประเทศที่สาม และการขนส่งสินค้านำเข้า-ส่งออกของจีนตะวันตก

สำหรับสินค้าที่มีโอกาสเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งมาใช้การขนส่งทางรถไฟที่สถานีขนส่งสินค้าคอนเทนเนอร์หนองคาย ประกอบด้วย

สินแร่ทองแดง ซึ่ง สปป.ลาวได้เปิดสัมปทานในการทำเหมืองแร่ทองแดงบริเวณเหมืองภูเบี้ย เมืองไซสมบูน แขวงเชียงขวาง ตอนเหนือของประเทศ ปัจจุบันมีการส่งผ่านสินแร่ทองแดงผ่านชายแดนไทย บริเวณด่านศุลกากรหนองคายไปยังท่าเรือศรีราชาฮาเบอร์ เพื่อส่งผ่านไปยังประเทศที่สาม ส่วนใหญ่จะส่งต่อไปยังประเทศออสเตรเลีย

การส่งผ่านสินแร่ทองแดงผ่านชายแดนไทยประมาณ 20,000-30,000 ตันต่อเดือน คิดเป็น 1,000-1,500 TEU ต่อเดือน, ข้าวมอลต์ ซึ่งลาวได้นำเข้าสินค้าประเภทข้าวมอลต์จากประเทศที่ 3 เพื่อนำมาผลิตเป็นเครื่องดื่มจำพวกเบียร์ โดยผ่านทางท่าเรือกรุงเทพ หรือท่าเรือแหลมฉบัง สินค้าดังกล่าวมีแหล่งผลิตที่ประเทศจีน ออสเตรเลีย และประเทศในแถบยุโรป

โดยนำเข้าเดือนละ 2,000 ตัน, ยางพารา ซึ่งจังหวัดหนองคายมีพื้นที่ปลูกยางพารา 801,878 ไร่ และจะเพิ่มเป็นหนึ่งล้านไร่ในอนาคต ปัจจุบันสามารถกรีดยางได้ 225,046 ไร่ หรือร้อยละ 28 และไทยยังเป็นผู้ส่งออกยางพารารายใหญ่ของโลก เป็นต้น

บทบาทหน้าที่ของสถานีขนส่งสินค้าคอนเทนเนอร์จังหวัดหนองคาย จะเป็นศูนย์กลางในการรวบรวม และกระจายสินค้าคอนเทนเนอร์ในบริเวณพื้นที่โดยรอบเพื่อส่งต่อไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้านำเข้า-ส่งออกจากประตูการค้า เช่น ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือกรุงเทพฯ บริเวณด่านชายแดนที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งสถานีขนส่งสินค้าคอนเทนเนอร์จะทำหน้าที่ให้บริการเปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งจากรถบรรทุกมาใช้รถไฟเพื่อลดต้นทุนการขนส่ง เพิ่มประสิทธิภาพและสามารถเอื้ออำนวยประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

โดยได้กำหนดพื้นที่จังหวัดหนองคายเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งโดยรถบรรทุกสินค้าที่ข้ามจาก สปป.ลาว และประเทศไทย เพื่อเปลี่ยนจากรถบรรทุกไปใช้รถไฟไปยังประตูการค้าแหลมฉบังหรือส่งออกไปยังจีนตะวันตก

ทั้งนี้ ได้กำหนดไว้ 2 ระยะ คือ

การพัฒนาระยะที่ 1 เพื่อให้รองรับการบริการขนส่งสินค้าตามการคาดการณ์ปริมาณสินค้า กรณีที่ 1 ที่มีปริมาณประมาณ 30,000 ตู้ต่อปี และสามารถขนส่งได้ 80,000 ตู้ต่อปี และ

การพัฒนาระยะที่ 2 เพื่อให้การรองรับการบริการที่เพิ่มขึ้นจากระยะแรกที่มีปริมาณประมาณ 160,000 ตู้ต่อปี ซึ่งพื้นที่ของสถานีนาทาด้านทิศตะวันออกมีพื้นที่ประมาณ 150 ไร่ สามารถรองรับปริมาณตู้คอนเทนเนอร์และกิจกรรมได้สูงสุดถึง 240,000 ตู้

[Mongwin]

^^^

[Wisarut]