View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
nathapong
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 3515
Location: Ayuthaya - Lamlukka - Navanakhon - Silom
|
Posted: 08/11/2010 3:42 pm Post subject: |
|
|
^
หึหึ...... ในการประชุม ครม. รอบต้นเดือน ธ.ค.
คงสนุกสนาน หละ ก๊า.... |
|
Back to top |
|
|
saraburi
1st Class Pass (Air)
Joined: 03/07/2006 Posts: 3321
Location: ถิ่นเนื้อนุ่ม นมดี กะหรี่(ปํ๊บ)ดัง สระบุรี
|
Posted: 08/11/2010 5:33 pm Post subject: |
|
|
แวะมาตกใจกับจำนวนเงินในข้อ 10 ครับ
.................... หวังเล็กๆว่า ทุกโครงการจะเสร็จทันลูกผมบวชนะครับ _________________ ช่างภาพระดับพื้นโลก
|
|
Back to top |
|
|
pak_nampho
1st Class Pass (Air)
Joined: 25/06/2007 Posts: 2371
Location: คนสี่แควพลัดถิ่น ทำมาหากิน ที่เกาะภูเก็ต
|
Posted: 08/11/2010 6:20 pm Post subject: |
|
|
Wisarut wrote: | สำหรับ 11 โครงการที่สามารถดำเนินการได้เลย ประกอบด้วย
9. โครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้าน้ำหนักกดลงเพลา 20 ตันต่อเพลา จำนวน 13 คัน วงเงิน 2,145 ล้านบาท
|
11 โครงการที่สามารถทำได้เลยแต่ ข้อ 9. กลางปี 2553 ครม. อนุมัติจัดหารถจักร 13 คัน วงเงิน 2,145 ต่อคัน 165 ล้าน ปีไหนไม่รู้จะได้ 7 คันก่อนหน้าไปถึงไหนแล้วหว่า.... _________________ +++++++++++++++++ ๑๑๖ ปี รถไฟไทยก้าวไกล....จากรถจักรไอน้ำ +++++++++++++++++
....................บุตร ครฟ. พขร.ตรี แขวงรถพ่วงปากน้ำโพ ................... |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 44053
Location: NECTEC
|
Posted: 09/11/2010 12:19 am Post subject: |
|
|
ไหมหละ - ตูว่าแล้ว:
///----------------------
บี้รฟท.ทำแผนบริหารงบฟื้นกิจการ
หน้าเศรษฐกิจ
ไทยโพสต์9 พฤศจิกายน 2553 - 00:00
กนร.เร่ง รฟท.ทำแผนฟื้นธุรกิจ สบน.เล็งหาเงินกู้ให้ รฟท. 1.1 แสนล้าน ใช้ในแผนฟื้นฟูการรถไฟฯ ด้านกอร์ปศักดิ์สั่งทำแผนใช้เงินกลับมาเสนอ หวั่นทำงานช้า
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่ประชุมมีมติให้การจัดทำแผนธุรกิจเพื่อพลิกฟื้นฐานะทางการเงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่ประชุมจึงได้มีมติให้แต่งตั้งกรรมการเพิ่ม ในคณะกรรมการติดตามการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคม เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนการดำเนินงานให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น อีกทั้งให้เร่งดำเนินการตามแผนการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการของ รฟท. และแผนการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานระบบราง เพื่อให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมร่วมกับนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี ได้มีการแสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับการบริหารจัดการงบประมาณ ตามแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ระยะเร่งด่วน พ.ศ.2553-2557 วงเงิน 1.76 แสนล้านบาท เนื่องจากเกรงว่าอาจมีความล่าช้า ดังนั้นจึงได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมกลับไปจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการใช้งบประมาณในแต่ละโครงการเสนอต่อที่ประชุมฯ เพื่อพิจารณาอีกครั้ง
"เลขาฯ ได้เร่งรัดให้จัดทำแผนมาดูว่า ในแต่ละโครงการมีกรอบการใช้เงินอย่างไร ทั้งเรื่องของเวลา และต้องดูด้วยว่าโครงการใดจะต้องกู้เงิน และโครงการใดที่ ร.ฟ.ท.จะจัดหาเงินมาเองก่อนนำเสนอที่ประชุมอีกครั้งเพื่อพิจารณา ซึ่งเบื้องต้นในส่วนของเงินกู้นั้น สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ระบุว่า เบื้องต้นจะจัดหาเงินกู้มาให้จำนวน 1.1 แสนล้านบาท ส่วนที่เหลือจะเป็นหน้าที่ของ ร.ฟ.ท.หามาเอง" นายจำรูญกล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ในขณะนี้ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม และประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท. ได้มอบหมายให้ ร.ฟ.ท.กลับไปจัดทำแผนแล้ว โดยเฉพาะแผนการใช้เงินตามโครงการที่จะเริ่มดำเนินการในปี 2554 ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนพฤศจิกายน 2553 นี้. |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 44053
Location: NECTEC
|
Posted: 09/11/2010 6:50 pm Post subject: |
|
|
เที่ยวละไม นั่งรถไฟไปโพธาราม ชมความงาม เสน่ห์วิถีถิ่นคนสวย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 พฤศจิกายน 2553 17:46 น.
นั่งรถไฟ ไปโพธาราม ชมความงามของสถานที่ท่องเที่ยวและวิถีชีวิตในอดีตที่ยังคงอยู่ พร้อมกับร่วมชมงานนิทรรศการภาพถ่ายสัญจร ซึ่งช่วยแต่งแต้มให้ที่นี้มีความน่าหลงไหลมากยิ่งขึ้น
ที่ไหนเอ่ย ผู้คนจอแจ เดินไปมาวุ่นวาย บ้างนั่ง บ้างนอน รายรอบไปด้วย เสียงหวูด และกลิ่นไอสนิม ที่ยังคงไม่เคยจางไปจากความรู้สึก ใช่แล้ว ที่นี่คือสถานีรถไฟแบบไทยๆ นี่เอง ซึ่งทริปนี้ ตะลอนเที่ยว ได้เก็บกระเป๋าเดินทาง โดดขึ้นรถไฟที่หัวลำโพง แอบตามทัวร์กะทิกะลา มุ่งหน้ามายังจังหวัดราชบุรี ไปเที่ยวย้อนวันวาน ตามคอนเซปต์ เที่ยวละไม ไปโพธาราม อีกหนึ่งแนวคิดทางการท่องเที่ยวยุคนี้ ที่ดึงจุดเด่นของวิถีชีวิตท้องถิ่นตั้งแต่ครั้งอดีต นำกลับมานำเสนอให้คนกรุงในปัจจุบัน ได้ย้อนรำลึกถึงกันอีกครั้ง
เราใช้เวลา ประมาณ 2 ชั่วโมงเดินทางจากสถานีหัวลำโพง ไปยังสถานีโพธาราม ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนที่มีกล้องติดตัวไปด้วยคงสนุกสนานกับการถ่ายรูปวิถี ชีวิตต่างๆ สองข้างทางตลอดจนบนโบกี้รถไฟ ภาพพ่อค้าแม่ค้าเดินขวักไขว่ไปมา อาจเป็นภาพชินตา แต่ก็ดูเหมือนว่าเป็นบรรยากาศแปลกใหม่ทุกครั้งที่ได้พบเจอ เพราะเดินทางมากับคณะทัวร์ จึงมีกิจกรรมสนุกๆ ที่ทำร่วมกันได้ทั้งครอบครัวอย่างการวาดและเพ้นท์สีกระเป๋าผ้า ซึ่งเด็กๆ นั้นดูจะชื่นชอบเป็นพิเศษ วาดภาพ ละเลงสี ขณะที่รถไฟวิ่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สุดท้ายก็ได้ผลงานที่ประทับใจของแต่ละคนออกมา
เมื่อเริ่มใช้ สมองกับสองมือ ส่งผลให้ท้องก็เริ่มหิว และได้จังหวะที่มาถึงสถานีนครปฐม ซึ่งมีก๋วยเตี๋ยวห่อจิ๋ว ราคาแค่เพียงห่อละ 5 บาทเท่านั้น ส่วนเรื่องรสชาตินั้น บอกได้แค่ว่าแต่ละคนนั้นทานกันไม่ต่ำกว่าสองห่อ จากนั้นก็กลับมาใช้ชีวิตสนุกสนานบนรถไฟกันต่อ บ้างคุย บ้างหลับ เด็กๆ วิ่งเล่นไปมา จนในที่สุดก็ถึงปลายทางที่สถานีโพธาราม จุดหมายปลายทางในครั้งนี้
คนสวยโพธาราม คนงานบ้านโป่ง ท่อนแรกของคำขวัญประจำจังหวัด ที่หนุ่มๆ หลายคนคงอยากพบเจอ แต่วิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ลงจากรถไฟแล้วเราก็มุ่งหน้ามายังบริเวณตรอกจับกัง ย่านชุมชนเก่าอีกแห่งของที่นี่
เหตุที่เรียกว่าตรอกจับกังก็เพราะว่า ครั้งในสมัยก่อนนั้นการขนส่งสินค้าทางรถไฟนั้นเป็นที่นิยมกันมากเพราะสะดวก สบาย และขนส่งได้ครั้งละมากๆ และบริเวณใกล้ๆ สถานีรถไฟโพธารามนี้ จึงเป็นที่อยู่อาศัยของจับกัง หรือคนที่รับจ้างขนถ่ายสินค้าจากรถไฟ จึงเป็นชื่อเรียกติดปากของชาวบ้านกันมาถึงปัจจุบัน
เต้าหู้ดำ รสชาติดี เดินเลยตรอกจับกังมาก็ได้กลิ่นหอมของเต้าหู้ต้มลอยมาแต่ไกล ซึ่งเต้าหู้ดำที่โพธารามนี้เป็นของขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่ง มีทั้งรสเค็มและหวาน ส่วนสีดำของเต้าหู้นั้นเกิดจากการที่นำไปต้มกับเครื่องเทศแบบจีน คล้ายๆ ที่เราใช้ต้มพะโล้ ส่วนเคล็ดลับความอร่อยนั้น บอกกันมิได้ แต่เท่าที่เห็นนั้น นักท่องเที่ยวมักจะซื้อกลับไปเป็นของฝาก ปัจจุบันก็จะมีอยู่ 2 ร้าน ที่ยังคงขายเต้าหู้ดำอยู่คือร้านแม่เล็กโพธาราม และร้านเจ๊อั้งโพธาราม ซึ่งเจ้าเต้าหู้นี่สามารถนำไปประยุกต์เป็นเมนูอาหารได้อีกมากมาย แล้วแต่ไอเดียใครจะบรรเจิด แต่แค่ลองชิมแบบที่ไม่ได้ปรุงแต่งรสชาติใดๆ ก็อร่อยถูกใจอย่างแน่นอน
หลังจากชิม เต้าหู้ดำแล้ว เราชวนกันเดินผ่านตลาด มาหยุดอยู่ที่วิกครูทวี โรงหนังเก่าแก่ ที่อยู่คู่โพธารามมานานหลายสิบปี แต่ปัจจุบันนั้นได้ปิดตัวลงไป แต่ในที่สุดวันนี้ วิกครูทวีก็ได้กลับมามีสีสันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อทางชมรมอย่าลืมโพธาราม ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มกันของคนในชุมชน ร่วมมือกับกลุ่มสห+ภาพ จัดงาน โพธาราม ลืมไม่ลง คงไม่ลืม งานนิทรรศการภาพถ่ายสัญจรซึ่งนำเสนอภาพวิถีชีวิตของคนในชุมชนดังที่กล่าวมา และมาวิกครูทวีวันนี้เป็นวันที่เขากำลังจัดงานกันอยู่ ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากหลากหลายที่ทยอยกันมาเดินเล่น ถ่ายรูป กับโรงหนังเก่า และบ้านเรือนในระแวกอยู่เยอะพอสมควร
ถือได้ว่าเป็น โชคดีของ ตะลอนเที่ยว เพราะทางชุมชนโพธารามเองได้เปิดให้เราได้ขึ้นไปดูห้องฉายหนังเก่า ซึ่งยังคงสภาพเหมือนวันสุดท้ายที่เลิกใช้งาน คาดกันว่าน่าจะปิดตัวไปในช่วงปี พศ. 2541 และเครื่องฉายหนังนั้นเป็นเครื่องในสมัยรุ่นหลังสงครามโลก นับว่าน่าเสียดายที่เราไม่สามารถหลอมรวมวัฒนธรรมใหม่ๆ กับสิ่งมีคุณค่าในอดีตไว้ด้วยกันได้ เพราะอาจจะเป็นเรื่องความสะดวกสบายที่โรงหนังสมัยใหม่นั้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ คนในปัจจุบันได้มากกว่า แต่เชื่อได้เลยว่า สิ่งเก่าๆ เหล่านี้จะยังคงมีคุณค่าทางจิตใจมากกว่าเสมอ
ก่อนจะเดิน ทางกลับสู่ที่พักนั้นได้มีโอกาสชมการแสดงที่ชาวโพธารามนั้นภูมิใจนำเสนอ นั่นก็คือการแสดงของหนังใหญ่วัดขนอน ศิลปะการแสดงที่คนเมืองโพธารามภาคภูมิใจ ปะทะโชว์หุ่นละครเล็กจากคลองบางหลวงซึ่งก็ไม่ทำให้ผู้ชมผิดหวัง เรียกเสียงปรบมือและรอยยิ้มจากทุกคนได้เป็นอย่างดี
ศิลปะการแสดงทั้งสองเรียกได้ว่าเป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ที่อยู่คู่กับชาวไทยมา ช้านาน ซึ่งนับเป็นโชคดีของชาวโพธาราม ที่มีคนรุ่นใหม่เห็นคุณค่าและช่วยกันอนุรักษ์การแสดงทั้งสองเอาไว้ โดยเฉพาะกับหนังใหญ่วัดขนอนนั้น ปัจจุบันนอกจากจะโด่งดังไปไกลถึงเมืองนอกเมืองนาแล้ว ยังมีดีกรีพ่วงท้ายด้วยรางวัล 1 ใน 6 ชุมชนดีเด่นของโลกที่มีผลงานในการอนุรักษ์ฟื้นฟูมรดกวัฒนธรรมจากองค์กรยูเนส โก
ทั้งนี้ศิลปะ การแสดงหนังใหญ่นั้นคาดกันว่ามีมาตั้งแต่ครั้งสมัยรัชกาลที่ 5 จนมาถึงปัจจุบัน สำหรับวัดขนอนถือเป็น 1 ใน 3 เป็นชุมชนที่หลงเหลือของเมืองไทยที่ยังคงอนุรักษ์ศิลปะพื้นบ้านการแสดงหนัง ใหญ่เอาไว้ โดยนอกจากการละเล่นหนังใหญ่อันน่าตื่นตาตื่นใจแล้ว วัดขนอนยังมีพิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอนในกุฏิเรือนไทย ที่ภายในจัดแสดงตัวหนังใหญ่แกะสลักอย่างสวยงามจำนวนมาก
หลังจบการแสดงหนังใหญ่ปะทะหุ่นละครเล็ก คืนนั้นงานปิดท้ายด้วยเสียงเพลงขับกล่อมจากพี่จุ้ย ศุ บุญเลี้ยง ให้ทุกคนกลับไปนอนฝันดี
เช้าวันใหม่ อากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน แต่ทุกคนชวนกันไปปั่นจักรยานลัดเลาะไปตามถนน ชมวิถีชีวิตเมืองโพธาราม ซึ่งน้อยคนที่จะรู้ว่า เมืองนี้มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปเยอะมาก ซึ่งแทบทุกบ้านนั้นยินดีให้เราถ่ายรูปได้ เพียงแค่เอ่ยปากบอกก่อนเท่านั้น
หลังจากปั่นมาได้สักพักก็มาแวะพักกันที่วัดคงคาราม เป็นวัดมอญ อายุกว่า 200 ปี ภายในโบสถ์มีภาพจิตกรรมฝาผนังที่สวยงาม เรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติของพระพุทธเจ้า ตลอดจนภาพวาดเกี่ยวกับไตรภูมิตลอดจนความเชื่อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธ ซึ่งยังคงสภาพความสวยงามไว้เป็นอย่างดี คาดกันว่าภาพเขียนนี้น่าจะอยู่ในราวรัชกาลที่ 3 ถึงรัชกาลที่ 4
นอกจากนั้น ด้านหลังพระประธานในโบสถ์นี้ ยังมีพระประธานองค์เก่า ซึ่งหันหน้าไปคนละทางกับองค์ปัจปัจจุบัน สันนิษฐานว่าในสมัยก่อนนิยมหันหน้าพระประธานไปยังทิศที่มีแม่น้ำ ต่อมาได้มีการเปลี่ยนพระประธานองค์ใหม่ แต่ก็ยังคงพระประธานองค์เดิมไว้ และฝากสำหรับนักท่องเที่ยวที่เข้าไปถ่ายภาพว่าไม่ควรใช้แฟลชขณะถ่ายภาพจิต กรรมฝาผนังตลอดจนวัตถุโบราณต่างๆ เพราะมันอาจเป็นการทำลายสิ่งมีค่าทางประวัติศาสตร์ได้
อีกสิ่งหนึ่ง ที่น่าสนใจภายในวัดก็คือพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านที่รวบรวมข้าวของเครื่องใช้โบราณ ทั้งของชาวมอญ ชาวไทย และชาวพม่า ที่หน้าสนใจก็คือโลงศพแบบมอญโบราณ ซึ่งถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี และตู้เก็บคำภีร์โบราณ ซึ่งรวบรวมคำภีร์ บทสวดมนต์ต่างๆ ไว้กว่า 1,000 เล่ม
พระอนุวัตร ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์เล่าให้เราฟังว่า ข้าวของเครื่องใช้ที่เก็บรวบรวมเอาไว้นั้นได้มาจากชาวบ้านในชุมชนซื้อมาถวาย ให้วัดในอดีต ซึ่งก็เหมือนในปัจจุบัน เมื่อเวลาชาวบ้นจัดงานบุญต่างๆ มักจะมาหยิบยืมข้าวของเครื่องใช้จากวัด และหลังจากนั้นก็มีการซื้อมาถวายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจก็ลองแวะมาศึกษาประวัติศาสตร์ได้ที่วัดคงคาราม แห่งนี้
สำหรับโพธาราม ในวันนี้เต็มไปด้วยภาพถ่ายวิถีชีวิตของคนในชุมชน กระจายตัวอยู่ตามบ้านเรือนและอาคารเก่าต่างๆ ซึ่งจะจัดแสดงกันจนถึงราวปลายเดือนมกราคม 2554ก็เป็นไอเดียที่ดีสำหรับกลุ่มคนรักในการถ่ายภาพต่างๆ ที่จะเข้ามาร่วมส่งเสริมให้ในชุมชนเกิดจุดขายทางการท่องเที่ยวขึ้นมาอีกทาง หนึ่ง เพราะปัจจุบันนั้น การก้าวเข้าสู่ยุคติจิตอลของกล้องถ่ายรูป ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนสนใจเรื่องการถ่ายภาพมากขึ้น และภาพถ่ายนี้เองก็ทำให้เกิดกระแสการท่องเที่ยวได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ปัจจุบันในตัวเมืองโพธารามเองก็มีร้านค้า ร้านกาแฟใหม่ๆ ทยอยเปิดตัว เมื่อเริ่มเห็นโอกาสทางการท่องเที่ยวที่กำลังเติบโต
แต่สำหรับผลกระทบของการท่องเที่ยวนั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากกว่าที่จะจินตนาการได้ มองผิวเผิญนั้น การจัดการการท่องเที่ยวอาจเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย แต่ถ้าไม่มีการควบคุมที่ดี รวมทั้งความร่วมมือจากทุกส่วนในชุมชนโดยเฉพาะการให้องค์ความรู้กับประชาชนใน พื้นที่ก็อาจจะเกิดเหตุการณ์ เหมือนแหล่งท่องเที่ยวหลายๆแห่ง ที่ถูกกระแสวัตถุนิยม อำนาจเงิน เข้ามาแทนที่จิตสำนึกในความรักท้องถิ่น ทำให้วิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์อันทรงเสน่ห์ของชุมชนต้องเสียศูนย์ไปอย่าง น่าเสียดาย
การเดินทางมา ยังอำเภอโพธารามนั้น สามารถใช้ทางรถยนต์และรถไฟ ซึ่งจะให้ความสะดวกสบายและประสบการณ์การเดินทางแตกต่างกันไป สำหรับพิพิธภัณฑ์ภายในวัดคงคารามนั้นเปิดตั้งแต่ 9.00 - 16.30 ทุกวันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ สอบถามข้อมูลโทร. 08-1194-3798 (พระอนุวัตร)
ส่วนที่วัดขนอนจะมีการแสดงหนังใหญ่ให้ชมฟรี เวลา 10.00 -11.00 น. และมีงานเทศกาลหนังใหญ่วัดขอนในวันที่ 13-14 เม.ย. เวลา 15.00 - 21.00 น. ของทุกปี ส่วนพิพิธภัณฑ์หนังใหญ่ เปิดทุกวัน เวลา 8.00 -17.00 น. ผู้สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0-3223-3386 |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 47445
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 10/11/2010 7:35 am Post subject: |
|
|
^^^
ขึ้นรถไฟไปเที่ยวโพธารามแล้ว สามารถขึ้นรถสองแถวใหญ่สีเหลืองที่ผ่านหลังสถานีโพธารามไปเที่ยวอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยามที่บางแพได้อีกครับ (รถสองแถวไปดำเนินสะดวก) |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 47445
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
|
Back to top |
|
|
pak_nampho
1st Class Pass (Air)
Joined: 25/06/2007 Posts: 2371
Location: คนสี่แควพลัดถิ่น ทำมาหากิน ที่เกาะภูเก็ต
|
Posted: 10/11/2010 3:15 pm Post subject: |
|
|
ถ้าใช้รถจักรไอน้ำทำขบวนทั้ง 3 วันคงให้ ปู่ยีอีดันท้ายขบวนครับอาจารย์เอก.... _________________ +++++++++++++++++ ๑๑๖ ปี รถไฟไทยก้าวไกล....จากรถจักรไอน้ำ +++++++++++++++++
....................บุตร ครฟ. พขร.ตรี แขวงรถพ่วงปากน้ำโพ ................... |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 47445
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 10/11/2010 3:21 pm Post subject: |
|
|
pak_nampho wrote: | ถ้าใช้รถจักรไอน้ำทำขบวนทั้ง 3 วันคงให้ ปู่ยีอีดันท้ายขบวนครับอาจารย์เอก.... |
ครับพี่นพ
ถ้าไม่ใช่รถจักรไอน้ำ
ผมกลัวผู้โดยสารทั่วไปไม่เข้าใจ ซื้อตั๋วไปฉะเชิงเทราหรือแปดริ้ว แล้วเจอดีเซลรางหรือรถจักรดีเซลไฟฟ้าทำขบวน จะผิดหวังน่ะครับ
แต่ถ้ารถจักรไอน้ำมานครปฐมจริง ต้องรีบไปถ่ายรูปครับ |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 47445
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 10/11/2010 5:04 pm Post subject: |
|
|
สคร. จูงมือ การรถไฟฯ ถกแผนใช้งบลงทุนโครงสร้าง 176,808 ล้าน
โดย.. ศูนย์ประชาสัมพันธ์และบริการท่องเที่ยว การรถไฟฯ
บ่ายวันนี้ (10 พฤศจิกายน 2553 เวลา 14.00 น.) ที่ตึกบัญชาการรถไฟฯ เขตปทุมวัน กรุงเทพ ดร.สมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และคณะ ได้เดินทางมาหารือกับผู้บริหารการรถไฟฯ ในเรื่องแผนการใช้งบประมาณตามมติที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบไว้ ลงทุนของการรถไฟฯ วงเงิน 176,808 ล้านบาท ซึ่งการรถไฟฯได้รายงานว่าได้ดำเนินการในปี 2554 ประมาณ 87,529 ล้านบาท อยู่ในขั้นตอนของการนำเสนอกระทรวงการคลังเพื่อดำเนินการสรรหาเงินกู้มาลงทุน ส่วนการรายงานทางระบบบัญชี ซึ่ง สคร. ต้องการให้ รฟท.พัฒนาในเรื่องของข้อมูลทรัพย์สินถาวร ระบบ IT ระบบการซ่อมบำรุง,การจัดซื้อพัสดุ เพื่อให้สามารถชี้แจงต่อคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจได้ ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานเห็นว่าควรมีการประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดมากขึ้น โดยให้ผู้แทนของ สคร.ได้เข้ามาแนะนำ เสนอแนะ ในนามของคณะกรรมการฯ เพื่อให้ได้ข้อมูลและแบบแผนที่การรายงานที่ตรงกัน
สำหรับด้านการติดตามประเมินผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจการรถไฟฯนั้น สคร.เห็นว่า คะแนนในการดำเนินงานของการรถไฟฯอยู่ในเกณฑ์ต่ำจึงควรกำหนดให้มีแรงจูงใจเพิ่มเติมแม้ว่าการรถไฟฯจะเป็นองค์กรที่มีผลประกอบการขาดทุนก็ตาม ด้านการบริหารจัดการระบบบำเหน็จบำนาญที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น สคร.ขอให้การรถไฟฯได้มีส่วนในการบริหารจัดการทรัพย์สินให้เพียงพอต่อการนำรายได้มาจ่ายเป็นค่าบำเหน็จบำนาญ ซึ่งอาจต้องรอการสรรหาหัวหน้าหน่วยธุรกิจบริหารทรัพย์สินที่ต้องเป็นมืออาชีพซึ่งสามารถสร้างรายได้จากทรัพย์สินที่มีอยู่ก่อให้เกิดรายได้เพื่อมาจ่ายชดเชยในส่วนนี้
การปรับปรุงโครงสร้างองค์กรของการรถไฟฯในหน่วยธุรกิจ(BU) นั้น การรถไฟฯได้นำเสนอว่า ได้แยกส่วนบริหารจัดการออกเป็นด้านโครงสร้างพื้นฐาน แยกหน่วยธุรกิจการเดินรถ หน่วยธุรกิจซ่อมบำรุง หน่วยธุรกิจบริหารทรัพย์สิน และบริษัทลูก คือ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (แอร์พอร์ตเรลลิ้งค์) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 ที่ผ่านมา โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้รองผู้ว่าการฯ เป็นผู้บริหารจัดการในแต่ละหน่วยธุรกิจ ไปพลางก่อน ซึ่งการสรรหาหัวหน้าหน่วยธุรกิจจะจัดหาให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน ทั้งนี้ สคร.ได้ให้ความสำคัญกับการจัดกรอบอัตรากำลังในแต่ละหน่วยธุรกิจ เพื่อให้สามารถวัดผลประกอบการทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่เป็นตัวเงินได้ด้วย ทั้งนี้ กรอบอัตราของหน่วยธุรกิจที่เหมาะสมก็จะสามารถปลดข้อจำกัดในการขอเพิ่มอัตรากำลัง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2541 ในอนาคตได้ และ สคร.ยังเสนอให้ รฟท. พิจารณาหลักการแยกบัญชีเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของการรถไฟฯเพื่อ PSO และมาตรการช่วยลดค่าครองชีพหรือรถไฟชั้นสามฟรี ด้วย |
|
Back to top |
|
|
|