ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์

[Wisarut]

จับใจรถไฟแสนหวาน ไปแอ่ว “ดอยขุนตาล”

เรื่อง และ ภาพ โดย นพพร ยรรยง
ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์ 12 พฤศจิกายน 2553 09:45 น.


ถึงจะแลดูเชื่องช้า แต่การเดินทางด้วย “รถไฟ” ขบวนยาวๆ ก็ยังคงคลาสสิก สัปดาห์นี้คอลัมน์ Destination ตกลงกับเพื่อนร่วมทาง ว่าพวกเราจะนั่งพาหนะสุดคลาสสิกไปท้าลมหนาวดูสักครั้ง หนทางยาวไกลบนรางเหล็กค่อยๆ ทิ้งห่างตึกรามบ้านเรือนไปเรื่อยๆ จนท้ายสุด เหลือเพียงสีเขียวสองข้างทางจากทุ่งนาแสนกว้าง หลายเรื่องราวถูกเล่าสู่กันฟังภายในโบกี้ จวบจนท้องฟ้ายามเย็นย่ำก้าวสู่ราตรีแสนหนาว

เกือบรุ่งสางความเย็นจากหุบเขาปลุกพวกเราให้ตื่นขึ้นมาชื่นชม “อุโมงค์ขุนตาล” ที่ยังจมอยู่ในความมืดเทา นี่เป็นอุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทย กว่า 5 นาที ที่ความมืดกลืนกินโบกี้ แสงสว่างริบหรี่ในปลายอุโมงค์ ทำให้หนุ่มๆ ฉุกละหุกเก็บข้าวของแทบไม่ทันลงป้าย สถานีขุนตาล

เราฝากท้องไว้กับร้านค้าริมทางไม้หมอนเป็นมื้อแรก ก่อนจะซื้อเสบียงเตรียมขนขึ้นไปทำกินบนยอดดอย ซึ่งไม่มีร้านรวงให้หาซื้อ ข้าวของหนักกว่า 3 กิโลฯ ถูกแบกขึ้นหลัง เพื่อเดินไปยังจุดกางเต็นท์ ย.2 ซึ่งปลายทางในทริปนี้ เดินๆ พักๆ ครู่ใหญ่ก็มาถึงที่ทำการอุทยานฯ หลังแวะเข้าห้องน้ำเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนพวกเราจะลากขายาวรวดเดียว

แต่ยังไม่ทันไร เส้นทางก็เข้ามาเป็นอุปสรรคให้หนุ่มนักเดินทางต้องแอบพักใต้ร่มไม้ใหญ่ จนในที่สุดก็มาถึงยัง ย.1 ซึ่งจะได้พบกับพลับพลาซึ่งครั้งหนึ่งรัชกาลที่ 5 ทรงเคยเสด็จฯ มาประทับ และบ้านพักเรียงรายรอรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องการเดินเท้าต่อ

หนทางเริ่มเปลี่ยนสู่โหมดลุย จากก้าวย่างที่แสนง่ายดาย ก็ค่อยๆ ชันขึ้น ทางลาดยางเปลี่ยนมาเป็นทางดิน เราเริ่มใกล้ชิดกับผืนป่ามากขึ้นในทุกฝีก้าวที่ผ่านไป กระทั่งรู้ตัวกันอีกที ลมหายใจผมก็มาอยู่ในป่าใหญ่เสียแล้ว ความเย็นจากต้นไม้ช่วยคลายความเหน็ดเหนื่อยลงได้เยอะ อีกอึดใจก็จะถึงแล้ว ทิวสนปลิวว่อนรอรับคนเมืองอย่างเต็มใจ


เหตุผลหนึ่งที่เราเลือกจุดนี้เป็นที่พัก ก็เพราะคร้านที่จะเดินต่อไปอีก 3 กิโลกว่า เพื่อไปยัง ย.3 ไม่ต้องพูดถึง ย.4 ที่ต้องไปต่ออีกไกลโข ผมกับเพื่อนจึงเห็นพ้องกันว่า ความสูงแค่นี้ก็ทำให้เราสุขมากพอแล้ว ถ้าไม่งั้น อ.หม่อม (ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช) นักคิด นักเขียน 4 แผ่นดินผู้ยิ่งใหญ่ คงไม่เลือกสร้างบ้านพักไว้มาผ่อนคลายตรงนี้หรอก

เวลาผ่านไปรวดเร็ว ท่ามกลางความหนาวเหน็บเย็นจับใจ ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง พระอาทิตย์แอบไปหลบหลังทิวสนก่อนจะทิ้งตัวลงนอนหลังม่านเขา ปล่อยให้นักเดินทางได้ผ่อนคลายด้วยเสียงดนตรีจากกีตาร์และเพื่อนที่รู้ใจ ราตรีอันเงียบงันจบลงด้วยเสียงแห่งความสุข


Doi Khun Tan Notebook

ขุนตาล เป็นอุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในเมืองไทย มีความยาว 1,362.05 เมตร

ใช้เวลาสร้าง 14 ปี ใน 3 รัชกาล =>
สถานที่พักมีทั้งหมด 4 จุด คือ ย.1-ย.4

Let’s go Doi Khun Tan

ทางรถไฟ ลงที่สถานีขุนตาล แล้วเดินเท้าไปที่ที่ทำการอีกประมาณ
900 เมตร เป็นทางสะดวกที่สุด

ทางรถยนต์ เลี้ยวขวาตรงหลัก กม.ที่ 47
(เส้นทางสายลำปาง-ลำพูน) เข้าไปตามทางอีก 18 กม. สภาพถนนไม่ดีนัก
บางช่วงก็ชันมากจึงควรใช้รถสภาพดี

//--------------------------------------------------------------

น่ากลัวว่าคุณนพพร จะ เผลอ ลอกกันมาผิดๆ คือ ไปลอกข้อมูลสมัยที่ว่า รถไฟเปิดการเดินถึงเชียงใหม่ เมื่อ 1 มกราคม 2469 (สมัย ร.7) จาก 72 ปีการรถไฟ ทั้งๆที่เรารู้กันดีว่า:

1. 1 มกราคม 2464: เปิดการเดินรถขบวน ลำปาง - เชียงใหม่ มีเดินทุกวัน (ต่อมาได้ขยายเป็นวันละ 2 เที่ยว)
2. 1 พฤศจิกายน 2465: เปิดการเดินรถด่วนสายเหนือ มีเดินสัปดาห์ละ 2 เที่ยว
3. 21 ธันวาคม 2469: รถจักรบอลด์วินและ รถจักรสวิสคอนโซลิเดต มาแทนรถจักร รางมาตรฐานของเยอร์มัน
4. 1 มกราคม 2469: เปิดเดินรถเร็วชนิดมีเดินทุกวัน กรุงเทพ - พิษณุโลก โดยใช้ รถจักรบอลด์วิน
5. 16 พฤศจิกายน 2474: ทดสอบรถจักรดีเซลไฟฟ้าฟริกซ์ 900 แรงม้า กรุงเทพ - เชียงใหม่
6. 5 มกราคม 2475: รถด่วนสายเหนือ เปลี่ยนจากรถจักรฮาโนแมก (สั่งมาใช้แต่ปี 2471 แทนเจ้าบอล์วินแปซิฟิกที่ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่) มาใช้รถจักรดีเซลไฟฟ้าฟริกซ์ 900 แรงม้า

ส่วนกรณีอุโมงค์ขุนตานนั้น เรารู้ดีว่า:
31 มีนาคม 2461 (นับอย่างใหม่ ก็ต้องปี 2462 แล้ว): เปิดใช้งานอุโมงค์ขุนตาน แต่ ยังไม่มีรถเดินประจำ มีแต่รถงาน เพราะ ถมที่ เป็นทางลาดลงไปที่ทาชมพู ที่เป็นงานหนักปานสร้างภูเขาทองยังไม่เสร็จ และ สะพานหอสูงสั่งจากฮอลันดาที่จ้างให้ปรัสเซียทำให้โดนกักไว้ กว่าจะตั้งสะพานหอสูงได้ก็ปลายปี 2463

เท่าที่ดูคงจะอ้างว่า ใช้เวลาสร้างอุโมงค์ขุนตาน 14 ปี นั้น คงจะรวมเวลาที่นายช่างเอมิล ไอเซนโฮเฟอร์ และ บรรดาวิศวกรรถไฟปรัสเซีย ในการขี่ม้าขึ้นไปสำรวจกำหนดหมุดหมายที่จะเจาะอุโมงค์ เมื่อปี 2450 แต่ เวลาเริ่มการก่อสร้างจริงๆ นั้น ต้องหลังจาก มีรถเดินถึงแม่พวกแล้ว หลังปี 2455 แล้ว

[Wisarut]

เกาะขบวน 36 เที่ยวหัวหิน
โดย DAVID WILSON
The Star 17 ตุลาคม 2010

แม้จะรู้จักกรุงเทพ - พัทยา - เชียงใหม่กันมาเยอะแล้ว ถ้าอยากจะดู ของดี เมืองไทยก็น่าที่จะรับหัวหินไปพิจารณา เพราะ ชั้นแต่วังไกลกังวล ทรงสเปน ที่หัวหินก็มีอะไรที่น่าดูแล้ว

ถึงแม้การไปเที่ยวหินจะนั่งรถจากกรุงเทพ มาก็ได้ แต่ จะให้ดีนั่งรถด่วนระหว่างประเทศขบวน 36 จากบัตเตอร์เวิร์ธไปหิหินจะได้บรรยากาศอย่างวิเศษเลยทีเดียว ที่สถานีบัตเตอร์เวิร์ธมีโต๊ะรับแลกริงกิตเป็นเงินบาทไทยด้วย นอกเหนือจากบรรยากาศรอบสถานี

พอถึงสถานีหัวหินก็เจอกับอาคารสถานีเรือนไม้ที่เก่ามาแต่สมัยรัชกาลที่ 6 และรถจักรไอน้ำ ที่จอดในย่านสถานี ข้างสนามกอล์ฟ จะว่าไปแล้วหัวหินเป็นหน้าเป็นตาเมืองไทยสมัยยังเป็นกรุงสยาม อย่างเอกเลยทีเกียว

จากสถานีจะไปโรงแรมที่พัก ถ้าเลี่ยง 2 แถวได้ก็จะเป็นดีเพราะ กระเป๋า สื่อสารกับฝรั่งนักเดินทาง ลำบากอยู่เสียหน่อย แต่ถ้ามีเพื่อนคนไทยไปด้วยก็พอไปได้อยู่

หินหินนั้นเป็นสวรรค์เมืองร้อน ที่ มี บริการเช่ามาขี่รอบหาด ตลาดไนท์บาร์ซา และ อาหารที่สดใหม่ราวกับว่าเพิ่งออกมาจาก โรงเชือดเลยทีเดียว ราคาก็สบายกระเป๋า (ฝรั่ง) อาหารไทยสไตล์ฝรั่งก็มีร้าน Petite Cafe

นอกเหนือจากการต้องคอยหลบแท็กซี่กับการพัฒนาที่ชักจะนำภาพไม่โสภา ตามหาดเมืองหัวหินหรือ บรรดารถ ที่ห้อมาเต็มเหยียดแล้ว หัวหินเป็นเมืองที่ฝรั่งมาใช้ชีวิตวัยเกษียนกันจนตั้งเป็นชุมชนฝรั่งเลยก็ว่าได้

เมื่อเทียบกับเมืองพัทยาแล้ว เมืองหัวหินนั้นดีเกินกว่าที่จะไปตามรอยพัทยาแต่กระนั้นก็มีสิ่
บันเทิง ที่พอใกล้เคียวแถวซอยบิณฑบาต

เมืองหัวหินมีลมมาเรื่อยเหมาะการเล่น kite surfing ถึงแก่มีงการแข่ง kite surfing World Cup ที่หัวหิน

ถ้าจะไปหัวหิน ให้ขึ้นรถที่บัตเตอร์เวิร์ธออก เวลา 1440 ถึงหัวหิน 0634 วันใหม่ (ตามตาราง) ควรจองตั๋วล่วงหน้า ด้วย ถ้าจะพักที่หัวหิน ที่สบายกระเป๋าและบริการดีก็ที่ บ้านเทียนทองเกสต์เฮาส์ ที่คิด 400-600 บาท (39-59 ริงกิต)

[CENTENNIAL]

^
^
ข่าวนี้เอาซะงงไปเล็กน้อยเลยเฮียวิซซี่แบร์

สรุปได้ว่า ข่าวล่าสุดที่เฮียเอามาลง คือ ข่าวภาษาอังกฤษที่แนะนำให้นักท่องเที่ยวที่อยู่ในประเทศมาเลเซียนั่งรถไฟ ขบวน 36 จากบัตเตอร์เวิร์ธ มาลงที่หัวหิน เพื่อเที่ยวที่หัวหินใช่ไหมครับ

[Wisarut]

^^
ใช่แล้วครับ จริงๆก็มีการนำเที่ยวชะอำและเพชรบุรีด้วยนะครับ

[Mongwin]

น่าเสียดายที่จากบัตเตอร์เวอร์ธ-หาดใหญ่ไม่มีรถนอนชั้น 1 (บนอ.ป.) นะครับ

[Wisarut]

บี้รฟท.ทำแผนบริหารงบฟื้นกิจการ
หน้า เศรษฐกิจ
ไทยโพสตื 9 พฤศจิกายน 2553 - 00:00

กนร.เร่ง รฟท.ทำแผนฟื้นธุรกิจ สบน.เล็งหาเงินกู้ให้ รฟท. 1.1 แสนล้าน ใช้ในแผนฟื้นฟูการรถไฟฯ ด้านกอร์ปศักดิ์สั่งทำแผนใช้เงินกลับมาเสนอ หวั่นทำงานช้า
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่ประชุมมีมติให้การจัดทำแผนธุรกิจเพื่อพลิกฟื้นฐานะทางการเงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่ประชุมจึงได้มีมติให้แต่งตั้งกรรมการเพิ่ม ในคณะกรรมการติดตามการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคม เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนการดำเนินงานให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น อีกทั้งให้เร่งดำเนินการตามแผนการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการของ รฟท. และแผนการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานระบบราง เพื่อให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมร่วมกับนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี ได้มีการแสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับการบริหารจัดการงบประมาณ ตามแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ระยะเร่งด่วน พ.ศ.2553-2557 วงเงิน 1.76 แสนล้านบาท เนื่องจากเกรงว่าอาจมีความล่าช้า ดังนั้นจึงได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมกลับไปจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการใช้งบประมาณในแต่ละโครงการเสนอต่อที่ประชุมฯ เพื่อพิจารณาอีกครั้ง
"เลขาฯ ได้เร่งรัดให้จัดทำแผนมาดูว่า ในแต่ละโครงการมีกรอบการใช้เงินอย่างไร ทั้งเรื่องของเวลา และต้องดูด้วยว่าโครงการใดจะต้องกู้เงิน และโครงการใดที่ ร.ฟ.ท.จะจัดหาเงินมาเองก่อนนำเสนอที่ประชุมอีกครั้งเพื่อพิจารณา ซึ่งเบื้องต้นในส่วนของเงินกู้นั้น สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ระบุว่า เบื้องต้นจะจัดหาเงินกู้มาให้จำนวน 1.1 แสนล้านบาท ส่วนที่เหลือจะเป็นหน้าที่ของ ร.ฟ.ท.หามาเอง" นายจำรูญกล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ในขณะนี้ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม และประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท. ได้มอบหมายให้ ร.ฟ.ท.กลับไปจัดทำแผนแล้ว โดยเฉพาะแผนการใช้เงินตามโครงการที่จะเริ่มดำเนินการในปี 2554 ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนพฤศจิกายน 2553 นี้.

//--------------------------------------------------------

สรุปว่า แม้จะมีเงินกู้ไทยเข้มแข็ง 176000 ล้านให้ รฟท. แต่ จ่ายจริง 110000 ล้าน ที่เหลือ รฟท. ออกเอง เพราะถือว่าเป็นดอกเบี้ย โดยปรับองค์กร ให้เป็นไปตามที่ สบน. สั่ง พร้อมทำแผนการจ่ายเงินและ แผนการฟื้นฟูกิจการมาด้วย

[black_express]

เป็นการบ้านที่ผู้บริหารของ รฟท.ต้องคิดหนัก เท่ากับเปลี่ยนแนวคิดเป็นเรื่องของการบริหารจัดการธุรกิจล้วนๆ ไม่อาจคิดเรื่องบริการเชิงสังคมได้อีก หากรัฐบาลไม่โดดเข้ามารับผิดชอบเต็มตัว

จะตามใจเบื้องบนเหมือนเช่นก่อน คงจะไม่ได้แล้ว และรัฐบาลควรปลดล็อกเรื่องค่าโดยสารที่ต่ำกว่าต้นทุนค่าใช้จ่ายจริงด้วย

[Mongwin]

รอดูก่อนครับ ว่า 1 ม.ค. 54 นี้ การรถไฟฯ จะได้ของขวัญปีใหม่ ยกเลิกรถไฟฟรีหรือเปล่านะครับ

[Wisarut]

'ไตรรงค์'จี้เร่งแผนฟื้นฟูการเงินขสมก.-ร.ฟ.ท.
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ
หน้าอสังหา Real Estate - อสังหาฯ-คมนาคม
ออนไลน์เมื่อ วันอังคารที่ 09 พฤศจิกายน 2010 เวลา 14:55 น.
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,582 11-13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

กนร.รุกคืบแผนฟื้นฟู ร.ฟ.ท.-ขสมก. จี้ปรับลดวงเงินงบประมาณซ้ำซ้อน รถเมล์ฟรี พร้อมตั้ง จักรมณฑ์ ผาสุกวนิช เป็นประธานดูแผนการเงิน ขสมก. และตั้งกรรมการเพิ่มดูเบิกจ่ายงบปรับโครงสร้างร.ฟ.ท.หวังผลักดันรัฐวิสาหกิจใช้ภาวะบาทแข็งช่วยรัฐประหยัดงบประมาณ

นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2553 ว่า สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ( สคร.) ได้เสนอให้การดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจเป็นไปอย่างโปร่งใส เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน เหมาะสมกับรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง

ทั้งนี้ที่ประชุมให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)ได้รับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2554 ภายใต้กรอบวงเงินจำนวน 1,251.159 ล้านบาท จากที่เสนอขอจำนวน 1,578.769 ล้านบาท โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ ในส่วนซ้ำซ้อนกับวงเงินอุดหนุนของภาครัฐในการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพประชาชน (โครงการรถเมล์ฟรี)

ขณะเดียวกันได้แต่งตั้งกรรมการเพิ่มในคณะกรรมการติดตามการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคม เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนการดำเนินงานให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นโดยเฉพาะให้การจัดทำแผนธุรกิจการเงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.)รวดเร็วและมีประสิทธิภาพโดยให้เร่งดำเนินการตามแผนการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการของ ร.ฟ.ท. และแผนการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานระบบรางเพื่อให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

นายไตรรงค์กล่าวอีกว่าที่ประชุมได้มอบหมายให้นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) เป็นประธาน ในการจัดทำแผนธุรกิจเพื่อพลิกฟื้นฐานะทางการเงินของขสมก.พร้อมแต่งตั้งคณะกรรมการโดยให้มีหน้าที่ในการศึกษาบทบาทของ ขสมก.ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งหรือ feeder ของระบบขนส่งมวลชน (mass transit) ในกรุงเทพฯภาพรวม ที่จะมีระบบขนส่งแวดล้อมเพิ่มเติมขึ้นอีกมากมายเช่น รถไฟฟ้า การต่อขยายเส้นทางต่างๆ อันเป็นการศึกษาคู่ขนานกับบทบาทของ ขสมก.ในฐานะที่เป็นระบบขนส่งแยกต่างหากไม่มีความเชื่อมโยงกับระบบอื่นๆ

นอกจากนี้ยังเร่งรัดให้รัฐวิสาหกิจสามารถเบิกจ่ายลงทุนในไตรมาสที่ 4 ปี 2553 และปี 2554 ให้ทันในช่วงที่ค่าเงินบาทที่ 30 บาทต่อดอลลาร์ จะประหยัดงบประมาณได้ทั้งสิ้นกว่า 13,626.14 ล้านบาท หรือ 8.56%ของงบลงทุนในส่วนของ Import content ทั้งหมดและถ้าทันช่วงค่าเงินบาทที่ 29 บาทต่อดอลลาร์จะประหยัดได้ทั้งสิ้นกว่า 18,505.68 ล้านบาทซึ่งได้มอบเป็นนโยบายให้แก่ผู้บริหารแต่ละรัฐวิสาหกิจไปแล้ว

[Mongwin]

จัดซื้อหินโรยทาง พร้อมขนบรรทุกขึ้นตู้รถไฟ ที่บริเวณทางแยกเขากระโดง

ฝ่ายการช่างโยธา การรถไฟแห่งประเทศไทย เรียกประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ดังนี้
1.จ้างซ่อมบำรุงทางรถไฟและอื่น ๆ แขวงบำรุงทางบ้านกรูด กองบำรุงทางเขตทุ่งสง ศูนย์บำรุงทางภาคใต้ ขายแบบชุดละ 6,300 บาท
2.จ้างซ่อมบำรุงทางรถไฟและอื่นๆ แขวงบำรุงทางบ้านส้อง กองบำรุงทางเขตทุ่งสง ศูนย์บำรุงทางภาคใต้ ขายแบบชุดละ 6,400 บาท
3.จ้างซ่อมบำรุงทางรถไฟและอื่นๆ แขวงบำรุงทางฉะเชิงเทรา ขายแบบชุดละ 3,800 บาท
4.งานจัดซื้อหินโรยทาง พร้อมขนบรรทุกขึ้นตู้รถไฟ ที่บริเวณทางแยกเขากระโดง สถานีรถไฟบุรีรัมย์ ขายแบบชุดละ 4,500 บาท
ขอเอกสารถึงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2553 ยื่นซองวันที่ 1 ธันวาคม 2553
ติดต่อขอทราบรายละเอียดได้ที่ กองจัดซื้อจัดจ้าง ศูนย์โครงการพัฒนาและระบบข้อมูล ตึกพัสดุ ชั้น 1 ด้านสะพานกษัตริย์ศึก บริเวณการรถไฟฯ โทร. 0-2220-4429