ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์

[Mongwin]

ร้องเรียนสถานีบางจาก จ.เพชรบุรี ไม่มีถนนเข้า-ออกสถานี
เดลินิวส์ 16 ธ.ค. 53

ที่ ปส./2441/2553
การรถไฟแห่งประเทศไทย เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

เรื่อง ชี้แจงการสร้างถนนในเขตที่ดินการรถไฟฯ
เรียน คุณเอก วิภาวดี
อ้างถึง หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ฉบับประจำวันที่ 29 พฤศจิกายน 2553

ตามที่หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ คอลัมน์ จดหมายถึงเดลินิวส์ ลงพิมพ์ข้อร้องเรียนของคุณกล้าณรงค์ เทียนฟัก เรื่อง “สถานีรถไฟบางจากไม่มีถนนเข้า-ออก” ความว่า สถานีรถไฟบางจากไม่มีถนนเข้า-ออก และไม่มีน้ำประปา ทำให้พนักงานและประชาชนได้รับความลำบากนั้น

ศูนย์ประชาสัมพันธ์และบริการท่องเที่ยวการรถไฟแห่งประเทศไทย ขอเรียนว่า การรถไฟฯ โดยฝ่ายการช่างโยธา ได้สำรวจเส้นทางการสัญจรของประชาชนในเขตที่ดินของการรถไฟฯจุดดังกล่าวเพื่อเข้าสู่สถานีรถไฟบางจาก จังหวัดเพชรบุรี แล้วพบว่า ยังไม่มีถนนเข้าสู่สถานีรถไฟ เบื้องต้นการรถไฟฯ จึงได้ประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาด้านงบประมาณและการดำเนินงาน ในโอกาสเดียวกันก็ได้ขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตั้งน้ำประปาเพิ่มด้วยแล้ว

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

ขอแสดงความนับถือ
นางสาวมณฑกาญจน์ ศรรีวิลาศ
ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์และบริการท่องเที่ยว

[ksomchai]

ตรงทางแยกถนนเพชรเกษมเข้าสถานีบางจากมีป้ายบอกนะครับ มีทางเข้าอย่างดี เลียบคลองชลประทานไป ถนนสายนี้ไปออกวัดเขาตะเคราได้

แต่เมื่อขับรถเข้าไปแล้วหาทางเข้าสถานีไม่เจอ
_________________

[nop2]

[nathapong]

[Wisarut]

สทน.จี้ ก.คมนาคม เร่งปรับระบบขนส่งเพื่อกระตุ้นเที่ยวในประเทศ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 ธันวาคม 2553 00:09 น.

สทน.จี้ปรับระบบขนส่งกระตุ้นเที่ยวในประเทศ

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 17 ธันวาคม 2553 20:43 น.


สทน.จี้ กระทรวงคมนาคม เร่งปรับระบบขนส่งคมนาคม เพิ่มความสะดวกกระตุ้นคนไทยเที่ยวในประเทศ แนะรถไฟไทย ปรับปรุงบริการ ขยายฐานลูกค้านักท่องเที่ยว ชี้ระบบราง ช่วยค่าทัวร์ถูกลง 20% แต่ทุกวันนี้สภาพไม่เอื้อ ขณะที่ วสายการบินโลว์คอสต์ ใช้กลยุทธ์ราคาตีหัวเข้าบ้าน วอน สคบ.คุ้มเข้ม

น.ส.มัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ(สทน.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศสำหรับตลาดคนไทย จึงต้องการเสนอให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งผลักดันการปรับปรุงระบบการคมนาคมขนส่งของประเทศให้ดีขึ้น มีความสะดวกสบาย สามารถรองรับกลุ่มผู้ใช้บริการที่เป็นนักท่องเที่ยว เพื่อเป็นการจูงใจให้เกิดการเดินทางโดยใช้บริการสาธารณะโดยเฉพาะที่เป็นระบบราง

ทั้งนี้ สทน.ต้องการเสนอให้รัฐ โดยกระทรวงคมนาคม เข้ามาวางนโยบายให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ให้เป็นองค์กรหนึ่งที่มีบทบาทกระตุ้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยว เพราะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ทุกระดับ เพราะใน 1 ขบวน จะมีหลายโบกี้ หลายระดับราคา ตั้งแต่ชั้น 3 ถึงชั้น 1 ที่สำคัญ เป็นการขนส่งที่ขนส่งได้ต่อเที่ยวจำนวนมาก ในราคาสมเหตุสมผล ปลอดภัย และตรงเวลา ซึ่งเหมาะกับการท่องเที่ยวเอง และ การจัดทริปทัวร์เพื่อเดินทางเป็นหมู่คณะ ซึ่งการเดินทางเที่ยวโดยรถไฟค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าเที่ยวโดยรถโค้ชนำเที่ยวเฉลี่ยต่อทริป 10-20%

“หากมีการปรับปรุงการบริการของรถไฟ จะช่วงกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวสร้างเม็ดเงินกระจายรายได้ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้อีกมาก จึงต้องการให้รัฐบาลและการรถไฟ มองความสำคัญในประเด็นนี้ และเร่งบูรณาการด้านการบริการอย่างจริงจัง ที่ผ่านมาแม้ ททท.จะมีโครงการส่งเสริมท่องเที่ยวทางรถไฟมาบ้างแล้ว แต่ก็เปิดทางให้เอกชนเพียงรายเดียวเป็นผู้รับผิดชอบขายแพกเกจนำเที่ยว เมื่อหมดโครงการ ก็ไม่มีใครสานต่อ การประชาสมัพันธ์ก็อยู่ในขอบเขตจำกัด”

ในส่วนของการเดินทางทางอากาศ ต้องการให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. เข้ามาตรวจสอบการจัดโปรโมชั่นของสายการบินต้นทุนต่ำ(โลว์คอสต์แอร์ไลน์) เพราะเหมือนเป็นโฆษณาชวนเชื่อด้วยการตั้งราคาต่ำ เช่น บางแคมเปญเริ่มที่ 0 บาท แต่ไม่มีใครรู้ว่า ราคาเปิดนั้นมีจำนวนเท่าใดต่อไฟล์ท และ สูงสุดเป็นราคาเท่าใด ขณะที่การบินไทยซึ่งเป็นสายการบินประจำชาติ แต่ก็ตั้งราคาสูงจนตลาดคนไทยเอื้อมไม่ถึง ไม่เอื้อให้คนไทยเที่ยวในประเทศ

นอกจากนั้น ต้องการให้รัฐบาล กำหนดเป็นนโยบายต่อเนื่อง ขอความร่วมมือหน่วยราชการเดินทางจัดประชุมสัมมนาในประเทศไทยและใช้บริการผ่านบริษัทนำเที่ยว เพื่อให้ เกิดวงจรของธุรกิจ และการกระจายรายได้ รวมถึงผู้เที่ยวก็จะได้ความรู้จากแหล่งท่องเที่ยว มากกว่าการเที่ยวเอง หรือจัดเองแบบไม่มีไกด์คอยบรรยาย

//---------------------------------------------------

ตอนนี้สมาคมการท่องเที่ยวพากันหน้าเขียวเพราะ ขาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศเลยขอพึ่งพาการท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อชดเชยกัน แต่มาเจ รฟท. ต้นทุนแพงเลยโอดครวญ

[Mongwin]

อุปสรรคสำคัญของการท่องเที่ยวทางรถไฟ คือ การไม่ตรงเวลานั่นแหละครับ
ถ้าแก้ปัญหาตรงนี้ได้ คงเข้าสู่ยุคทองของรถไฟไทยอีกครั้งครับ

[Wisarut]

^^^
ก็ต้องเลิกมติ ครม. ที่ไม่ยอมให้ รฟท. สต็อกอาไหล่ ถ้าไม่สต็อกอาไหล่ ก็ไม่มีทางที่จะตรงเวลารถเกิดเหตุติดขัดได้

[Mongwin]

อุบลฯ-เพิ่มขบวนรถไฟสายอีสานใต้รับปีใหม่จันทร์นี้
ครอบครัวข่าว วันอาทิตย์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553

นายสถานีรถไฟ จ.อุบลราชธานี เตรียมจัดรูปขบวนรถไฟสายอุบลราชธานี – กรุงเทพฯ และกรุงเทพฯ – อุบลราชธานี จาก 11 ขบวนต่อวันเพิ่มเป็น 17 ขบวนต่อวัน และเสริมตู้โดยสารอีกขบวนละ 4 ตู้ เพื่อรองรับประชาชนกลับบ้านรับเทศกาลปีใหม่ เริ่มจัดขบวนบริการในวันจันทร์นี้เป็นต้นไป

นายบรรพต สายแวว นายสถานีรถไฟ จ.อุบลราชธานี เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงวันจันทร์ที่จะถึงนี้ทางการรถไฟสั่งการให้สถานีรถไฟต้นทาง และปลายทางระหว่างกรุงเทพมหานคร และ จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นเส้นทางการเดินรถไฟสายภาคอีสานตอนล่าง ( อีสานใต้ ) เร่งจัดรูปขบวนรถไฟสายพิเศษ และเพิ่มตู้ขบวนรถไฟในระดับชั้นที่ 3 เพิ่มขึ้นอีกจากเดิมที่มีอยู่ในขบวนรถด่วน ขบวนรถดีเซลลาง ขบวนรถเร็ว และขบวนรถไฟโดยสารเที่ยวพิเศษสายอุบลราชธานี-กรุงเทพมหานคร วันละ 11 ขบวน เพิ่มเป็นวันละ 17 ขบวนต่อวัน รวมทั้งในแต่ละขบวนจะมีตู้โดยสาร จำนวน 11 ตู้ ให้สถานีรถไฟเพิ่มตู้โดยสารขึ้นอีก 4 ตู้ รวมทั้งสิ้นในแต่ละขบวนรถไฟจะมี 15 ตู้โดยสาร

ส่วนในช่วงที่เร่งรีบรับส่งผู้โดยสารตามขบวนรถไฟเที่ยวพิเศษเจอขบวนรถไฟบรรทุกสินค้า ด้านนายสถานีตามรายทาง หรือ ต้นทาง และปลายทาง จัดห้ามหรือสั่งเจ้าหน้าที่ห้ามล้อแต่ละสถานีรถไฟชลอเวลาการปล่อยขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าให้ทดเวลาช้าลง เพื่อเร่งระบายขบวนรถไฟที่มีผู้โดยสารจากเส้นสายหลักดังกล่าวเป็นที่ตั้ง และเพื่อลดปัญหาผู้โดยสารตกค้างหรือเกิดความล่าช้าในการเดินทางทันที

สำหรับการจัดรูปขบวนรถไฟโดยสารดังกล่าว ทางสหภาพการรถไฟสั่งการให้เริ่มมีผลการบังคับใช้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2553 นี้ และคาดสิ้นสุดการจัดขบวนรถไฟเที่ยวพิเศษในวันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2554 ทั้งนี้ การจัดขบวนรถไฟเที่ยวพิเศษดังกล่าว ทางสถานีรถไฟจะมุ่งเน้นการบริการเต็มรูปแบบ ทุก ๆ เย็นวันศุกร์ และตลอดวันเสาร์ และ อาทิตย์ เป็นหลัก ส่วนในวันธรรมดาสถานีรถไฟต้นทางดอนเมืองที่กรุงเทพมหานครจะเป็นผู้กำหนดปล่อยขบวนรถไฟตามจำนวนผู้โดยสารเพื่อมุ่งหน้าถึงสถานีปลายทาง จ.อุบลราชธานี

โดยทั้งหมดนี้นายบรรพต ฯ นายสถานีรถไฟ จ.อุบลราชธานี กล่าวต่ออีกว่า เพื่อเป็นการบริการประชาชนตลอดช่วงเดือนส่งท้ายปีเก่า และต้อนรับปีใหม่ และ คาดว่า น่าจะรองรับฝูงชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาที่ตั้ง เพื่อร่วมงานเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่กับญาติ/มิตร และกลับเข้ามาทำงานตามปกติได้อย่างอบอุ่นต่อไป

[Compressor]

ขบวนรถพิเศษเพื่อการโดยสาร

30 ธันวาคม 2553
ข.977 ออก กท. 22.00 น. ถึง อน. 09.10 น. วันรุ่งขึ้น

31 ธันวาคม 2553
ข.933 ออก กท. 06.20 น. ถึง อน. 16.30 น.
ข.2202 ออก อน. 10.05 น. ถึง กท. 21.30 น.

3 มกราคม 2554
ข.934 ออก อน. 19.40 น. ถึง กท. 08.10 น. วันรุ่งขึ้น

4 มกราคม 2554
ข.2215 ออก กท. 06.20 น. ถึง อน. 16.15 น.
ข.934 ออก อน. 19.40 น. ถึง กท. 08.10 น. วันรุ่งขึ้น

**ข.2215/2202 หยุดเพื่อการโดยสารที่ เก.สร.รย.รส.ปช.กค.อย.ดม.บซ.สส.กท.
**รถสินค้า ออก อน. กักไว้ตามหลัง ข.140/934 ทั้งหมด

[Mongwin]

นั่งรถไฟไป'ท่าเรือ' ไหว้พระ-ชมวิว-หิวก็หม่ำ
ข่าวสดรายวัน วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7326 หน้า 21
ธีรธนา ขุนทอง รายงาน


สถานีรถไฟท่าเรือ

ใกล้ปีใหม่ที่จะมีวันหยุดยาวอย่างนี้ บรรดานักท่องเที่ยวคงจะมีแผนเดินทางอยู่ในใจกันแล้ว

ชาวเมืองกรุงที่จองแผนการเที่ยวไกลๆ ไม่ ทัน อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

ถ้าสนใจ ขอแนะนำให้นั่งรถไฟ

การนั่งรถไฟเที่ยว เป็นการเก็บดีเทลความ ประทับใจได้ดี ไม่รีบ ไม่ร้อน นั่งไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พักตามสถานี หาวบ้าง ทอดสายตาดูท้องไร่ท้องนาบ้าง ปล่อยใจไปกับชนบทให้ เต็มที่

เสน่ห์ของรถไฟมีเยอะ ครองความขลังไว้แน่นขบวน ยิ่งนั่งตู้ธรรมดา ไม่ใช่ดีเซลรางยิ่งสนุก

จากที่เคยนั่งมาตั้งแต่เด็ก ยังไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลง แม่ค้าขายไก่ย่าง พ่อค้าขายน้ำ ลุงขายปลาหมึกเสียบไม้ย่าง ยังเดินกันขวักไขว่

สำเนียงพูดของคนขายของบนรถไฟ ฟังแล้วขำ เรียกรอยยิ้มได้ ตะโกนขาย "จับ ไข่ แข็ง ปัง" (ขายกระจับ ขนมไข่ น้ำแข็ง ขนมปัง) เหมือนมุขตลกที่ชอบเอาไปอำ



ของกินที่เร่ขายบนรถไฟ เป็นแบบยุคพอเพียง บะหมี่กระทงใบตอง ใช้ตะเกียบคีบทีสองทีเป็นอันตรธานหาย ส่วนที่เหลือต้องเอียงกระทงกวาดเศษหมูเศษผักไปกองรวมไว้ คงได้อีกสักคำ ขนมหวานอย่าง ไอติม ข้าวเกรียบ ก็กระจุ๋มกระจิ๋ม ไก่ย่าง ปลาหมึก ยาดม ยาอม ยาหม่อง มีไว้บริการนักเดินทาง

เชิญเลือกได้สุดแต่ใจจะไขว่คว้า!!

เกร็ดการนั่งรถไฟมีอยู่ว่า ห้ามไปนั่งห้อยขาตรงบันไดเด็ดขาด เพราะการนั่งบันไดนอกจากอันตรายแล้ว ยังอาจโดนระเบิดได้

ระเบิดที่ว่าไม่ใช่ระเบิดป่วนเมือง แต่เป็นระเบิดอึ ที่ผลุดออกมาจากส้วมบนโบกี้รถไฟ ส้วมรถไฟไม่มีที่เก็บ เวลาปล่อยธุระขณะรถวิ่ง จะเกิดปรากฏการณ์ลมหวน ตีตลบจากด้านล่างขึ้นบนอย่างน่าอัศจรรย์ใจ

ใครอยากเปลี่ยนรองเท้าเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ระหว่างเดินทางก็ให้ลองไปนั่งที่บันได

ที่เตือนนี่ไม่ใช่อะไร เพราะโดนมาแล้ว!!



เที่ยวท่าเรือ จากกรุงเทพฯ ชั่วโมงเศษๆ ก็มาถึงท่าเรือเป็นอำเภอสุดท้าย ตะเข็บชายแดนอยุธยาติดสระบุรี เป็นอำเภอเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงในมุมท่องเที่ยวสักเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่แฝงไปด้วยเสน่ห์

คงเพราะมัวแต่แฝงอยู่นี่เอง จึงทำให้ถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งๆ ที่ อ.ท่าเรือ มีอะไรให้ค้นหามากมาย



1.รำแก้บนหลวงพ่อโต วัดสะตือ

2.องค์หลวงพ่อโต ตอนน้ำท่วม

3.บรรยากาศเขื่อนพระราม 6

4.ตลาดเก่า

5.ของฝาก "ขนมบ้าบิ่น"

6.วิถีชาวตลาด

7.ศาลาบูชาพระเครื่อง วัดสะตือ

8.ร้านบะหมี่เจ้าเก่า ตลาดท่าเรือ

9.วิถีชาวตลาด

10.หอยทอดร้อนๆ



แต่ที่คนพอจะรู้จัก อ.ท่าเรือ ก็เห็นจะเป็นช่วงน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่าน มา เพราะที่นี่ถูกน้ำท่วมหนักเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ บ้านเรือน ไร่นา เสียหาย

หลังน้ำลดจึงถือโอกาสชักชวนคนมาเที่ยวให้ผ่อนคลาย

ท่าเรือมีที่เที่ยวที่กินหลากหลาย ขอเริ่มจากที่กินก่อน ลงจากสถานีรถไฟ ขอแนะนำให้หาของกินเรียกน้ำย่อยก่อนกินของหนัก ขนมบ้าบิ่น ท่าเรือ ขึ้นชื่อว่าเป็นต้นตำรับบ้าบิ่นเมืองไทย เจ้าเด็ดอย่าง "บ้าบิ่นทูลเกล้าฯ" ขอให้บุกซื้อถึงบ้าน ร้านนี้อยู่ตรงซอยตรงข้ามธนาคารนคร หลวงไทย ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ

ใครไปซื้อจะเห็นการทำขนมแบบโชว์ไทม์

ร้านนี้ต้องยกให้เป็นยอดนักขาย นอกจากจะขายบ้าบิ่นเป็นอันๆ แล้ว ป้าแกยังอุตส่าห์แคะเอาเศษขนมบ้าบิ่นติดเตา ใส่ถุงขายด้วย โฆษณาว่าหวานมันกว่าที่เป็นอันๆ เสียอีก

ที่สำคัญ เศษบ้าบิ่นราคาถูก ถุงละแค่ 5 บาทเท่านั้น แต่ก็อร่อยได้



ที่ท่าเรือมีของกินเยอะ อย่างร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ด-หอยกระทะชื่อดัง ตั้งอยู่ทางไปท่าลาน เป็นร้านที่ชาวบ้านและเหล่าข้าราชการนิยมมากินมื้อกลางวัน ก๋วยเตี๋ยวเป็ดร้านนี้เด็ด ไม่หวงเครื่อง หอยกระทะก็หอม กรอบ ชวนรับประทาน แต่ถ้ายังไม่หนำใจ ร้านนี้ก็มีบริการอาหารตามสั่ง ประเภทข้าวผัด ข้าวแกง แบบม้วนเดียวจบ ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ด สังเกตง่าย หน้าร้านมีตุ๊กตาเป็ดตัวใหญ่ตั้งตระหง่าน

แต่ถ้าจะกินของหนักกว่านั้น ขอแนะนำร้านส้มตำครกทอง 'ร้านเล็ก... ส้มตำ' ตั้งอยู่ใกล้เขื่อนพระราม 6 ต.ท่าหลวง ที่นั่นมีสารพัดตำ ไม่ว่าจะเป็น ตำซั่ว ตำไทย ตำปู ตำลาว โขกกันสนั่นครก กินแกล้มไก่ย่าง คอหมูย่าง ไก่เหลือง (กระดูกไก่ติดไม้ย่าง) ตั้งเตาท้าอิ่มอร่อยอยู่ตรงนั้น กินไปนั่งดูวิวไป ช่วยย่อย เจริญอาหาร

สำหรับผู้ชอบกินเส้น แนะนำให้ไปกินบะหมี่โบราณ ในตลาดท่าเรือ ตั้งอยู่ไม่ไกลร้านบ้าบิ่นทูลเกล้าฯ อยู่กลางตลาด เลยธนาคารนครหลวงไทยไปนิด ถ้าไปตอนกลางวันต้องใจเย็นๆ เพราะคิวยาว ล้นออกมานอกร้าน เมนูเด็ดมี บะหมี่น้ำ-แห้ง ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำ ขอแนะนำว่าเวลาสั่งให้สั่งเบิ้ล 2 จาน จะแห้ง จะน้ำ ก็ว่ากันให้จบ รอสั่งใหม่อาจขาดช่วงแห่งความสำราญ บะหมี่ร้านนี้ดูขลัง ตู้ใส่บะหมี่เป็นตู้ไม้เก่า วัสดุ อุปกรณ์ โต๊ะนั่ง ไปยันแก้วน้ำ ถอดแบบยุคโบราณ

ลองไปนั่งแล้วจะหวนนึกถึงความหลัง

เดินตลาดท่าเรือแล้วอดนึกถึงตำนานปล้นสะท้านเมืองไม่ได้ เมื่อ ปี 2508 ที่นี่เคยถูกเสือใบ เสือขาว และเหล่าเสือร้ายอีกหลายเสือ ปิดตลาดปล้นมาแล้ว ยิงกันดุเดือดถึงขนาดเก็บปลอกกระสุนได้เป็นปี๊บๆ เลยทีเดียว

ถึงวันนี้ที่นี่ยังมีกลิ่นอายความหลังอยู่ ห้องแถวประตูไม้บานเฟี้ยม ยังคงมีให้เห็น ป้ายชื่อร้านค้า เป็นไม้แกะสลัก ก็ยังอนุรักษ์ไว้ ไม่ทิ้งทำลาย

ขาดแต่เพียงเสือร้ายควงปืนยืนจังก้ากลางตลาดที่กลายเป็นตำนานไปแล้ว...

ขนาดหนังไทยยังเอาไปสร้างหนังเรื่อง เสือโจรพันธุ์เสือ กับเหตุการณ์ปล้นตลาดท่าเรือ



มาท่าเรือไม่แวะไปไหว้ หลวงพ่อโต วัดสะตือ ก็เหมือนไม่ได้มา วัดสะตือตั้งอยู่ต.ท่าหลวง เป็นวัดเก่าแก่ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ปี พ.ศ.2400 สร้างโดย หลวงพ่อโต หรือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ที่นี่มีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ หรือที่ชาวบ้านเรียก หลวงพ่อโต เป็นพระนอนประดิษ ฐานอยู่ทางทิศใต้ของวัด องค์พระยาว 25 วา เป็นที่กราบไหว้สักการบูชา

เสน่ห์ของวัดสะตือ คือ การแก้บนหลวงพ่อ ซึ่งดูแล้วสนุกสนาน ว่ากันว่าคนที่มาบนบานศาลกล่าว เมื่อสมหวังก็มักจะเอาขนมจีน ไข่ต้ม แกงเขียวหวาน ผลไม้ตามฤดูกาลมาถวาย รำแก้บนกัน

รำแก้บนที่นี่ไม่เหมือนที่อื่น เมื่อก่อนใช้กลองยาวร่ายรำสนุกสนาน เซิ้งกันตั้งแต่แม่ครัวไปยันเครือญาติและตัวผู้บนบาน ยักย‰าย ส่ายสะโพก ฟ้อนรำรอบองค์หลวงพ่อ จะรำกี่รอบก็แล้วแต่จะบน ออกลีลากันจนเหงื่อกาฬแตก

มาสมัยนี้วิวัฒนาการเปลี่ยนไป การรำแก้ บนยังเหมือนเดิม แต่มโหฬี ปี่ กลอง เปลี่ยนจากกลองยาวมาเป็นแตรวง ใช้กลองชุดแทนกลองยาว คนแถวนั้นเก่ง ออกแบบวงดนตรีเคลื่อนที่ได้ ไว้รับงานแก้บนโดยเฉพาะ ผมขออนุญาตเรียกว่า "วงแก้บนโมบาย" เพราะเคลื่อนย้ายได้ ใช้อิเล็กโทน ติดตั้งในรถเข็น ทำเสียงเมโลดี้เพลง พ่วงด้วยเครื่องไฟขนาดเล็ก มีแบตเตอรี่ ติดลำโพงเสียงเซ็นเซอร์ราวด์รอบทิศทาง เดินเข็นตามคนรำ เพิ่มดีกรีความมัน เลยทำให้จังหวะร่ายรำแบบเดิมกลายเป็นจังหวะโป๊งชึ่งไปเสียอย่างนั้น

อย่างว่าอะไรๆ ก็อาจเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ขอให้ใจเคารพบูชาเข้าวัดทำบุญเป็นใช้ได้

ปีใหม่นี้ไปไหว้ขอพรหลวงพ่อโตเพื่อความเป็นสิริมงคล

ไหว้หลวงพ่อแล้ว ไปปล่อยนกปล่อยปลากันให้สบายใจ แม่น้ำป่าสักกว้างใหญ่ ลงไปปล่อยปลาที่ท่าน้ำ จะเห็นเขื่อนพระราม 6 ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ที่วัดสะตือ บรรยากาศ ดีครับ นั่งพักให้หายเหนื่อย แล้วค่อยลุยเที่ยวใหม่

ยิ่งวันเสาร์-อาทิตย์ มีคนแก้บนเยอะ เสียงดนตรีแก้บนอย่างกับงานคอนเสิร์ต ทั้งแนวสามช่า ดิสโก้ แข่งกันดังแทบไม่มีหยุด ใครนึกสนุกอยากไปร่วมแจมคนที่นั่นเขาก็ยินดี

วันหยุดมีตลาดนัดรอบวัด ของกินพื้นบ้าน ขนม นมเนย เพียบ รสชาติแบบราชา แต่ราคาแบบชาวบ้าน ไปท่าเรืออย่าลืมซื้อของดี "ปลาร้า-ปลาส้ม" ไปฝากกัน ร้านอร่อยขายอยู่ในตลาดวัดสะตือ ขายวันเสาร์-อาทิตย์ ทางลงท่าน้ำ



ก่อนถึงบรรทัดนี้พูดถึงเขื่อนพระราม 6 ที่เที่ยวอีกแห่งที่ไม่ควรพลาด เขื่อนพระราม 6 เดิมชื่อเขื่อน "เฑียรฆ์ราชา" ตั้งอยู่ ต.ท่าหลวง ไม่ไกลจากวัดสะตือ เขื่อนพระราม 6 เป็นเขื่อนแห่งแรกของประเทศไทย เริ่มงานก่อสร้างเมื่อปลายปี พ.ศ.2458 สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ.2467

ตัวเขื่อนมี 6 ช่อง มีความยาวทั้งสิ้น 75 เมตร เขื่อนแห่งนี้มีหน้าที่ทดน้ำในแม่น้ำป่าสักให้มีระดับสูงขึ้น แล้วส่งน้ำจากด้านหน้าเขื่อนไปเข้าประตูพระนารายณ์ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน

แถวเขื่อนมีของกินเยอะ ทั้งก๋วยจั๊บ ก๋วยเตี๋ยวร้านเป็นเพิงๆ แบบชาวบ้าน และร้านส้มตำดังที่กล่าวไป นอกจากนี้ ยังมีปลาแม่น้ำ ซึ่งทอดแห ตกปลา หากันสดๆ ยกขึ้นมาขายบนฝั่ง บริเวณเขื่อนบรรยากาศดีมาก เหมาะแก่การเดินเล่น ปล่อยอารมณ์ให้พ้นผ่าน

ไม่ว่าจะสมหวัง อกหัก รักคุด ให้มาเดินทอดน่อง ใช้สันเขื่อนเป็นแบล็กกราวด์ ก็จะได้บรรยากาศที่แตกต่าง สายน้ำและความเย็นจะช่วยท่านได้

อ.ท่าเรือ ยังมีอะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะเกินบรรยาย

สิ่งที่พรรณนาอย่าได้เชื่อ จนกว่าจะได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง!!!