รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล

Wisarut · Posted: 26/01/2011 9:34 am Post subject:

เปิดรับเอกสารศึกษารถไฟฟ้าสีชมพู
เดลินิวส์ วันพุธ ที่ 26 มกราคม 2554 เวลา 8:39 น

นายรณชิต แย้มสอาด รองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ) รักษาการแทนผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า รฟม. ได้ประกาศเชิญชวนบริษัทที่ปรึกษายื่นข้อเสนอเป็นที่ปรึกษาศึกษาทบทวนรายละเอียดความเหมาะสม ปรับปรุงแบบ และจัดเตรียมเอกสารประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย–มีนบุรี โดยให้รับเอกสารการจัดจ้างที่ปรึกษาระหว่างวันที่ 1-14 ก.พ.นี้ จากนั้นจะกำหนดวันยื่นข้อเสนอด้านเทคนิคและข้อเสนอราคาต่อไป ทั้งนี้การประกาศดังกล่าวถือเป็นครั้งที่ 2 หลังจากได้เปิดยื่นข้อเสนอครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา แต่มีกลุ่มบริษัทมายื่นข้อเสนอเพียงรายเดียว ทั้งที่ มีบริษัทสนใจมาลงทะเบียนรับเอกสารการจัดจ้างที่ปรึกษาถึง 33 ราย ทำให้ไม่มีคู่แข่งขัน ซึ่งการเปิดให้ยื่นครั้งที่ 2 นี้ยังใช้ขอบเขตงานหรือทีโออาร์เดิม อย่างไรก็ตามหากท้ายที่สุดยังมีการยื่นมาเพียงรายเดียวอีกกรรมการฯจะไปหาแนวทางอื่น ๆ ต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มที่ปรึกษารายเดียวที่มายื่นข้อเสนอในครั้งแรกมีบริษัททีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด เป็นบริษัทหลัก สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย – มีนบุรี เป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว 34.5 กม. โครงสร้างทางยกระดับทั้งหมด มี 24 สถานี ตามแผนงานจะเริ่มก่อสร้างเดือนก.ย. 2555 และเปิดบริการปลายปี 2559.

Wisarut · Posted: 26/01/2011 9:42 am Post subject:

3 ยักษ์รับเหมากลุ่มทุนการเมือง กวาดเรียบ"บิ๊กโปรเจ็กต์"แสนล้าน
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
วันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2554 เวลา 09:21:33 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้หน่วยงานราชการหลายแห่ง เช่น กรุงเทพมหานคร (กทม.) กรมทางหลวง (ทช.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กำลังเปิดประมูลงานโครงการขนาดใหญ่อย่างคึกคัก ในจำนวนนี้มีอยู่ 5 โครงการใหญ่ มูลค่ารวม 99,063 ล้านบาท ผู้เข้าร่วมประมูลล้วนเป็นบริษัทรับเหมาขนาดใหญ่ อาทิ

บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD),
บมจ.ช.การช่าง (CK),
บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STECON) เป็นต้น

แหล่งข่าวจากวงการรับเหมาก่อสร้างกล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ภาพรวมงานประมูลโครงการใหญ่ ๆ ทั้งรถไฟฟ้า ถนน อุโมงค์ จะตกอยู่ในมือผู้รับเหมารายใหญ่ เนื่องจากมีสายสัมพันธ์กับฝ่ายการเมืองมากกว่า และถูกมองว่าแบ่งงานก่อนยื่นประมูลกันไว้เรียบร้อยแล้ว เช่น

1. ถนนต่อเชื่อมราชพฤกษ์ บริษัทซิโน-ไทยฯได้งานไปตามคาดหมาย และมีแนวโน้มจะได้งานสะพานนนทบุรี 1 อีกด้วย

2. ส่วนโครงการอื่น ๆ เช่น รถไฟสายสีแดง
2.1 งานสัญญาที่ 3 ติดตั้งระบบและตู้รถไฟฟ้า ตอนนี้ที่มีสิทธิ์ลุ้นมี 2 ราย คืออิตาเลียนไทย กับ ช.การช่าง แต่แนวโน้มความเป็นไปได้น่าจะเป็น ช.การช่าง เพราะร่วมกับบริษัทซีเมนส์ที่เป็นคู่ค้าเก่ากับ ร.ฟ.ท.
2.2 ส่วนอิตาเลียนไทยได้งานโยธาสัญญาที่ 1
2.3 ส่วนสัญญาที่ 2 เป็นของซิโน-ไทยที่ร่วมกับบริษัทยูนิค

3. สำหรับงานอุโมงค์บางซื่อของ กทม. น่าจะเป็นอิตาเลียนไทยและ ช.การช่าง แต่ที่มีภาษีที่สุดจะเป็นอิตาเลียนไทย เพราะรับงานสร้างอุโมงค์ส่งน้ำให้ กทม.อยู่ก่อน

4. ส่วนงานปรับปรุงทางรถไฟสายอีสาน (Track Rehabilitation Phase 5-6) ที่น่าจับตาคือ บริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอทฯ ผู้รับเหมาที่รับงานกับ ร.ฟ.ท.มานาน ที่หันมาจับมือกับซิโน-ไทยฯ น่าจะได้งานปรับปรุงทางระยะที่ 5 ส่วนระยะที่ 6 ทางอิตาเลียนไทยได้ไป

@ "ช.การช่าง-ITD" ชิงเค้กสายสีแดง
ด้านบรรยากาศการยื่นซองประมูลรถไฟชานเมืองสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) 26 กิโลเมตร วงเงิน 75,548 ล้านบาท งานสัญญาที่ 3 งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมตู้รถไฟฟ้า ทั้งบางซื่อ-รังสิตและบางซื่อ-ตลิ่งชัน วงเงิน 26,272 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา ร.ฟ.ท.เปิดให้ยื่นซองประมูล ปรากฏว่ามีผู้รับเหมาเข้าร่วม 4 ราย คือ

1.กลุ่มมิตซูบิชิเฮฟวี่, บริษัทฮิตาชิ และบริษัทสุมิโตโม คอนซอร์เตี้ยม จากญี่ปุ่น
2.กิจการร่วมค้า SMCK (บริษัทซีเมนส์ ประเทศเยอรมนี, บริษัทมิตซูบิชิคอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และ บมจ.ช.การช่าง) => มีภาษีดีที่สุด
3.กิจการร่วมค้า MIR (บริษัทมารูเบนี ประเทศญี่ปุ่น, อิตาเลียนไทย และบริษัทฮุนไดโรเทม (Hyndai Rotem) ประเทศเกาหลี)
4.กลุ่มบริษัทซัมซุง เอ็นจิเนียริ่ง คอนซอร์เตี้ยม ประเทศเกาหลี

ส่วน บมจ.ซิโน-ไทยฯไม่ยื่นประมูล โดยที่ ร.ฟ.ท.คาดว่าจะเปิดซองราคาอีก 1 เดือนข้างหน้า

ขณะที่งานโยธาในสัญญาที่ 1 วงเงิน 26,554 ล้านบาท และสัญญาที่ 2 วงเงิน 18,861 ล้านบาท มีผู้รับเหมายื่น 3 ราย คืออิตาเลียนไทย, ช.การช่าง และกิจการร่วมค้า SU (บมจ.ซิโน-ไทยฯ-บมจ.ยูนิคฯ) จะเปิดซองราคาในเร็ว ๆ นี้

ในส่วนสำนักการระบายน้ำ กทม. เปิดประมูลก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อ (คลองลาดพร้าวถึงแม่น้ำเจ้าพระยา) ราคากลาง 2,457 ล้านบาท มีผู้รับเหมาซื้อแบบ 8 ราย คืออิตาเลียนไทย, ช.การช่าง, เนาวรัตน์พัฒนาการ, กิจการร่วมค้า เอสเอส-ยูเอ็น, หจก.สามประสิทธิ์, คริสเตียนีและเนลเส็น, กรุงธนเอนยิเนียร์, กิจการร่วมค้า JV Seli-Vichitbham-Right Tunnelling กำหนดยื่นซองราคาในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เซ็นสัญญาเดือนกรกฎาคม ใช้เวลาก่อสร้าง 1,080 วัน

@ "ซิโน-ไทยฯ" ซิวอื้อ
ด้านกรมทางหลวงชนบท เปิดประมูลก่อสร้างถนนต่อเชื่อมถนนราชพฤกษ์-กาญจนาภิเษก (แนวตะวันออก-ตะวันตก) ต่อเชื่อมกับสะพานห้าแยกปากเกร็ด ราคากลาง 2,574 ล้านบาท เคาะราคาเมื่อวันที่ 18 มกราคม ปรากฏว่าซิโน-ไทยฯเสนอราคาต่ำสุดที่ 2,547 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลาง 2% จากผู้รับเหมายื่นซอง 5 ราย

นอกจากนี้มีแนวโน้มว่า ซิโน-ไทยฯจะได้งาน "สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยานนทบุรี 1" วงเงิน 3,796 ล้านบาท จากผู้ยื่นประมูล 2 ราย คือ 1.กิจการร่วมค้า ST (บมจ.ซิโน-ไทยฯ และ บจ.ไทเซอิฯ) 2.กิจการร่วมค้า ITD-SMCC (บมจ.อิตาเลียนไทย และ บจ.สุมิโตโม มิตซุย คอนสตรัคชั่น) ซึ่งกรมทางหลวงชนบทเตรียมจะเปิดซองราคาในเดือนมกราคมนี้

ขณะที่เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา ร.ฟ.ท.ปิดการขายแบบงานปรับปรุงทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ระยะที่ 5 และ 6 รวม 586 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 14,688 ล้านบาท มีกำหนดยื่นเอกสารประกวดราคาวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เคาะราคาวันที่ 23 มีนาคม ใช้เวลาก่อสร้าง 24 เดือน แล้วเสร็จกลางปี 2556

โดย "งานระยะที่ 5" 308 กิโลเมตร (ชุมทางแก่งคอย-แก่งเสือเต้น-สุรนารายณ์-ชุมทางถนนจิระ-ชุมทางบัวใหญ่) ราคากลาง 8,100 ล้านบาท มีผู้ซื้อแบบ 9 ราย คือ

ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง,
อิตาเลียนไทย,
มิตซุย,
ช.การช่าง,
เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง (1964),
ซิโน-ไทยฯ,
Laing O Rourke Australia,
ไทยพีค่อน และ
กำแพงเพชรวิวัฒน์ก่อสร้าง

ส่วน "งานระยะที่ 6" (ชุมทางบัวใหญ่-หนองคาย) 278 กิโลเมตร ราคากลาง 6,588 ล้านบาท มีผู้ซื้อแบบ 8 ราย คือ
ยูนิคฯ,
อิตาเลียนไทย,
มิตซุย,
Laing O Rourke Australia,
ช.การช่าง,
เอ.เอส.แอสโซซิเอท,
ไทยพีค่อน และ
ซิโน-ไทยฯ

Wisarut · Posted: 26/01/2011 10:29 am Post subject:

ตอนนี้ บริษัทเรือด่วนเจ้าพระยาฉลอง 40 ปี ด้วยการลงทุนทำตั๋วร่วมกับ รถไฟฟ้าบีทีเอส และ รถไฟฟ้าใต้ดิน ... และ การลงทุนอื่นๆ เพื่อ เพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยว จาก 10-20% ของรายได้ทั้งหมด เป็น 30-50% ของรายได้ทั้งหมด ตามข่าว ที่ Link ให้ต่อไปนี้:

Mongwin · Posted: 27/01/2011 8:48 am Post subject:

สศอ.ดันแผนแม่บท 20 ปีอุตฯรถไฟฟ้า
เขียนโดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ
วันอังคารที่ 25 มกราคม 2011 เวลา 14:46 น.

สศอ.จับมือเอกชน เร่งเดินหน้าจัดทำแผนแม่บทศึกษาแนวทางพัฒนาอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง รับแผนการขยายระบบขนส่งมวลชนระบบรางใน 20 ปีข้างหน้า ชี้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเปิดโอกาสให้เอกชนไทยเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา

นางสุทธินีย์ พู่ผกา ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการร่วมมือกับภาคเอกชนไทย เพื่อผลักดันโครงการศึกษาแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องในประเทศไทย(ระยะที่ 2) ด้วยการระดมความคิดเห็นเพื่อกำหนดกรอบการพัฒนาให้ชัดเจนรองรับแผนการพัฒนาในอีก 20 ปีข้างหน้า ให้สอดคล้องกับโครงการพัฒนาระบบรางของรัฐบาล

ทั้งนี้รัฐบาลไทยมีแผนการลงทุนด้านโครงสร้างระบบรางทั้งในส่วนของรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน 12 เส้นทาง ตลอดระยะเวลา 20 ปี มูลค่ากว่า 8 แสนล้านบาท ระยะที่ 1(ปี 2554-2556) จะเปิดให้บริการทั้งหมด 4 สาย ระยะที่ 2(ปี 2559-2561) จะเปิดให้บริการทั้งหมด 7 สาย และในระยะที่ 3(ปี 2569-2571)จะเปิดให้บริการทั้งหมด 7 สาย โดยสายสีแดงเข้ม สายสีเขียวเข้ม สายสีน้ำเงิน สายสีม่วง เป็นสายที่ได้แบ่งเส้นทางก่อสร้างออกเป็น 3 ช่วง นอกจากนี้รัฐบาลยังมีแผนดำเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพของรถไฟฟ้าทั่วประเทศอีกกว่า 1.8 แสนล้านบาท

"สศอ.ได้เร่งหารือแนวทางการเร่งผลักดันตามแผนแม่บทการจัดทำแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องในประเทศไทย เพื่อเป็นการต่อยอดอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ที่ผู้ผลิตไทยมีศักยภาพอยู่แล้วให้สามารถเข้าสู่อุตสาหกรรมระบบรางของโลกได้มากยิ่งขึ้น แต่ลำพังสศอ.คงขับเคลื่อนไม่ได้มากนัก หากรัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องไม่ได้ให้ความสนใจและเล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยเลิกจัดซื้อสินค้าสำเร็จรูปนำเข้าจากต่างประเทศ และไม่กำหนดรายละเอียดไว้ในทีโออาร์ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้เข้าไปมีส่วนร่วมพัฒนาระบบรางที่กำลังเร่งผลักดันอยู่ในขณะนี้"

นอกจากนี้ยังได้กำหนดแนวทางการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาให้มากขึ้น โดยจัดตั้งสถาบันพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมการขนส่งระบบรางของประเทศไทย พร้อมว่าจ้างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือเป็นที่ปรึกษาโครงการ โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.)ได้เตรียมความพร้อมในการพัฒนาบุคลากรด้านระบบราง พร้อมกับจัดหลักสูตรอบรมบุคลากรด้านปฏิบัติการระบบขนส่งเพื่อผลิตคนป้อนให้ตลาดแรงงานระบบรางที่มีแนวโน้มขาดแคลนในอนาคตอันใกล้ พร้อมทั้งมีแผนจะขยายการอบรมไปสู่การผลิตบุคลากรด้านวิศวกรรมระบบรางที่เน้นพัฒนาความสามารถด้านเทคโนโลยีอีกด้วย

ด้านดร.อิทธิชัย ปัทมสิริวัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญ สศอ. กล่าวว่าในแต่ละปีการดูแลบำรุงรักษาระบบและตัวรถไฟฟ้าที่จัดซื้อและนำเข้าตลอดจนการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศคิดเป็นมูลค่าสูงมาก รัฐบาลจึงไม่ควรปิดกั้นหรือกีดกันให้เอกชนไทย แต่ควรส่งเสริมสนับสนุนด้านปัจจัยการผลิตชิ้นส่วน หรือผลิตรถไฟฟ้าได้ทั้งระบบและไม่ควรให้เอกชนเข้าไปต่อสู้โดยลำพังทั้งการออกกฎระเบียบต่าง ๆ โดยมองถึงประโยชน์ของประเทศเป็นหลักตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาบุคลากร งานวิจัยต่าง ๆ เพื่อป้อนวิศวกรให้เข้าไปมีส่วนในการปฏิบัติงาน การผลิตสินค้าที่ใช้สำหรับอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าโดยไม่ต้องพึ่งการนำเข้าจากต่างประเทศอีกต่อไป

"ระยะ 5 ปีหรือ 10 ปีต่อจากนี้ไประบบรถไฟฟ้าในประเทศไทยจะก้าวหน้าไปมากรัฐบาลตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องจึงควรให้ความสำคัญในเรื่องอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนรถไฟฟ้าและบุคลากรรองรับไว้หรือหากสามารถดำเนินการผลิตรถไฟฟ้าได้ทั้งขบวนก็จะเป็นการดีต่อประเทศไทย ลดการนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งเมื่อปี 2552 สศอ.ได้เชิญผู้ประกอบการรถไฟฟ้าทั่วโลกจำนวน 7 รายมาหารือและนำเสนอมุมมองความเป็นไปได้ในการสนับสนุนแนวคิดดังกล่าวแล้วเพียงแต่ผู้ประกอบการเหล่านั้นยังไม่มีความมั่นใจภาครัฐในเรื่องการลงทุนและการผลักดันโครงการรถไฟฟ้าในเส้นทางต่าง ๆ เท่านั้น"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,604 27-29 มกราคม พ.ศ. 2554

nathapong · Posted: 27/01/2011 10:01 am Post subject:

Wisarut · Posted: 31/01/2011 2:08 am Post subject:

คมนาคมสั่งลุย ระบบ"ตั๋วร่วม" คาดใช้ปี2558
เศรษฐกิจ
ไทยโพสต์ 31 มกราคม 2554 - 00:00

คมนาคมเดินหน้าทำระบบตั๋วร่วม มั่นใจในปี 2558 ใช้ได้ทุกระบบ ทั้งรถไฟฟ้า รถเมล์ ทางด่วน เรือด่วน
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดรูปแบบและแนวทางการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ข้อสรุปโครงสร้างการบริหารจัดการตั๋วร่วมแล้ว

จึงได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ไปจัดทำรายละเอียดและแผนการใช้เงินในการดำเนินการแต่ละปีเพื่อเสนอมาให้กระทรวงคมนาคมภายในสัปดาห์นี้ ก่อนจะเสนอไปยังนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม พิจารณาภายในกลางเดือน ก.พ.นี้ คาดว่าภายในปี 2558 จะสารถใช้ระบบตั๋วร่วมกับระบบขนส่งมวลชนได้ทุกประเภท

ทั้งนี้ ในอนาคต 5-6 ปีข้างหน้า ระบบการขนส่งมวลชนจะมีความหลากหลายมาก ทั้งระบบรถไฟฟ้าที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดูแล และยังมีรถไฟฟ้าบีทีเอส และบีอาร์ทีที่ กทม.ดูแล, รถไฟฟ้าสายสีแดง, แอร์พอร์ตลิงค์ และรถไฟความเร็วสูงของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.), ระบบทางด่วนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.), มอเตอร์เวย์ของกรมทางหลวง รวมถึงรถโดยสารประจำทางองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และเรือด่วนเจ้าพระยา จึงจำเป็นที่จะต้องเร่งทำระบบตั๋วร่วมเพื่อให้เกิดความสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง.

suraphat · Posted: 31/01/2011 7:57 am Post subject:

รฟม.ประมูลสร้างรถไฟฟ้า3เส้นทางกว่าแสนล.

รฟม.แจง ครม.วันนี้ แผนก่อสร้างรถไฟฟ้า 6 เส้นทาง ตั้งเป้าปี 54 เปิดประมูล 3 เส้นทาง มูลค่ากว่าแสนล้านบาท พร้อมทยอยเปิดบริการตั้งแต่ปี 57-62 ขณะที่ผลก่อสร้างงานโยธาสายสีม่วงคืบหน้ากว่า 7%

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุม ครม. วันนี้ (31 ม.ค.) กระทรวงคมนาคมจะรายงานผลการดำเนินการในปีงบประมาณ 2553 ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) รวมทั้งโครงการและแผนงานในอนาคต โดยในปี 2554 รฟม.มีโครงการสำคัญ 16 โครงการ โดยเป็นโครงการรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการและที่จะดำเนินการในอนาคต จำนวน 6 เส้นทาง คือ 1.สายสีม่วงช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ระยะทาง 23 กม. เริ่มก่อสร้างตั้งแต่เดือนพ.ย.2552 กำหนดเปิดบริการเดือนส.ค.2557

2.ส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ ระยะทาง 27 กม. เดิมจะเริ่มก่อสร้างเดือนพ.ย.2553 กำหนดเปิดบริการเดือนก.พ.2559 3.สายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 25 กม. กำหนดก่อสร้างเดือนธ.ค.2554 เปิดบริการเดือนพ.ค.2559 4.สายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 36 กม. กำหนดก่อสร้างเดือนก.ย.2555 เปิดบริการเดือนก.ย.2559 5.สายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี ระยะทาง 37.5 กม. กำหนดก่อสร้างเดือนธ.ค.2555 เปิดบริการเดือนม.ค.2562 และ 6.สายสีม่วงช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 19.8 กม. กำหนดก่อสร้างเดือนมิ.ย.2555 เปิดบริการเดือนธ.ค.2562

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า โครงการรถไฟฟ้าที่จะเปิดประกวดราคาในปี 2554 มี 3 โครงการ มูลค่ารวม 101,179 ล้านบาท คือ 1.สายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ วงเงิน 25,900 ล้านบาท 2.สายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ วงเงิน 33,212 ล้านบาท และ 3.สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี วงเงิน 42,067 ล้านบาท

ทั้งนี้ รฟม.จะรายงานความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าที่ได้รับอนุมัติให้ก่อสร้าง 3 เส้นทาง คือ รถไฟฟ้าสายสีม่วง จัดกรรมสิทธิ์ที่ดินแล้ว 97.4% โดยงานก่อสร้างสัญญาที่ 1-3 มีผลงานรวม 7.31% ส่วนสัญญาที่ 6 หรืองานระบบรางอยู่ระหว่างประกวดราคา ส่วนรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินแล้ว 14.62% ส่วนการคัดเลือกผู้รับเหมาสัญญาที่ 1-5 อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้ง 2 ช่วง อยู่ระหว่างขั้นตอนการสำรวจและประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์

Mongwin · Posted: 02/02/2011 4:24 pm Post subject:

ผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2553
RYT9 มติคณะรัฐมนตรี -- พุธที่ 2 กุมภาพันธ์ 2554 15:11:41 น.

เรื่อง ผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2553 นโยบายของคณะกรรมการ และโครงการและแผนงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยในอนาคต

คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2553 นโยบายของคณะกรรมการ และโครงการและ แผนงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยในอนาคต ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ

สาระสำคัญของเรื่อง
กระทรวงคมนาคม รายงานว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยได้รายงานผลการดำเนินงาน ใน ปีงบประมาณ 2553 นโยบายของคณะกรรมการ และโครงการและแผนงานในอนาคต ซึ่งคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน แห่งประเทศไทยได้เห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2553 สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

1. ผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2553
1.1 ด้านการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน
(1) โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ได้ดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน โดยมีความก้าวหน้าของงาน คิดเป็นร้อยละ 97.42 ส่วนการก่อสร้างงานโยธา สัญญาที่ 1 (การก่อสร้างโครงสร้างยกระดับส่วนตะวันออก) สัญญาที่ 2 (การก่อสร้างโครงสร้างยกระดับส่วนตะวันตก) และสัญญาที่ 3 (การก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงอาคารจอดแล้วจร) มีความก้าวหน้ารวม ร้อยละ 7.31 สำหรับสัญญาที่ 6 งานระบบราง อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อการประกวดราคา สำหรับการพิจารณา คัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนนั้น คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2553 (ข้อ 4.4) เห็นชอบให้แก้ไขเพิ่มเติมมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2553 โดยให้สามารถดำเนินการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุน สำหรับช่วงบางใหญ่-เตาปูน 1 ราย ด้วย

(2) โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ- ท่าพระ
รฟม. ดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ซึ่งมีความก้าวหน้าของงานคิดเป็นร้อยละ 14.62 และได้คัดเลือกผู้รับเหมางานโยธา (สัญญาที่ 1-5) แล้วเสร็จ ซึ่งคณะรัฐมนตรี ได้มีมติรับทราบแล้วเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2553 โดยให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาดำเนินการตรวจสอบและกำกับติดตามการดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปอย่างถูกต้อง

(3) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ
รฟม. ได้ดำเนินการสำรวจและประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ โดยมีความก้าวหน้า ร้อยละ 1.26 ส่วนช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ อยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อว่าจ้างสำรวจและประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากยังไม่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ซึ่งต้องรอการปรับปรุงแก้ไขแบบและผลการศึกษาเพิ่มเติมแนวเส้นทางที่มีการต่อขยายไปถึงบริเวณ ตำบลคูคต จังหวัดปทุมธานี ส่วนงานคัดเลือกผู้รับจ้างงานโยธาและงานคัดเลือกผู้ลงทุนงานระบบรถไฟฟ้านั้น อยู่ระหว่างการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการคัดเลือกผู้รับจ้างงานโยธาและผู้ลงทุนงานระบบรถไฟฟ้า

1.2 ด้านการเงินและการลงทุน
(1) รฟม. ได้บริหารความเสี่ยงเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับการจ่ายค่าจ้างผู้รับเหมาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงฯ ด้วยวิธีการทำสัญญาซื้อขายเงินตราล่วงหน้า โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และได้มีการศึกษาแนวทาง ในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของการคืนเงินกู้ (เงินเยน) สำหรับโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล ในลักษณะของการนำเงินกู้ (เงินเยน) โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงฯ มาจ่ายคืนเงินกู้

(2) ในปีงบประมาณ 2553 รฟม. มีรายได้รวม 511.80 ล้านบาท รายจ่ายรวม 529.22 ล้านบาท ค่าดอกเบี้ยเงินกู้โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล จำนวน 857.82 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 875.24 ล้านบาท

1.3 ด้านการให้บริการ
(1) รฟม. ได้ปรับปรุงการให้บริการในด้านต่างๆ ได้แก่
(1.1) การจัดให้มีพื้นที่จอดแล้วจรเพิ่มเติมในเขตทางพิเศษศรีรัช (ด่านอโศก 1)
(1.2) การพัฒนาและจัดให้มีระบบขนส่งต่อเนื่อง (Feeder Systems)
(1.3) การประสานงานกับการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อปรับปรุงพื้นที่ทางเดินเชื่อมต่อระหว่างสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง โครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมต่อท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของการรถไฟแห่งประเทศไทยกับสถานีรถไฟฟ้าเพชรบุรี โครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล

(1.4) การดำเนินการจัดทำแผนการดำเนินการพัฒนาระบบตั๋วร่วม ระหว่าง บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

(2) ในปีงบประมาณ 2553 มีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล เฉลี่ย 183,414 คน/วัน เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2552 ร้อยละ 5.01

(3) การสำรวจความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ พบว่าผู้ใช้บริการร้อยละ 96.70 มีความพึงพอใจต่อการใช้บริการ

1.4 ด้านการบริหารจัดการองค์กรและพัฒนาทรัพยากรบุคคล
(1) ดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน
(2) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อกำกับดูแลงานด้านการกำกับกิจการที่ดีและงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคม

(3) พัฒนาระบบสารสนเทศตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
(4) จัดทำและดำเนินการตามแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ
(5) จัดทำแผนพัฒนาบุคลากรเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีจากที่ปรึกษา ผู้รับเหมา และผู้รับจ้างต่างๆ ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงฯ

2. นโยบายของคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย

คณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ได้กำหนดนโยบายการดำเนินงาน จำนวน 11 ข้อ ดังนี้

2.1 เร่งดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนสายต่างๆ ตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายที่กำหนด โดยให้ความสำคัญกับการเร่งรัดงานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินให้เป็นไปตามแผน

2.2 ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน โดยคำนึงถึงผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคม และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

2.3 สร้างมูลค่าเพิ่มจากระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนโดยบริหารสินทรัพย์และดำเนินธุรกิจต่อเนื่องอื่น

2.4 บริหารจัดการองค์กรและธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มผลิตภาพขององค์กร
2.5 สนับสนุนการประสานระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกับระบบขนส่งอื่นๆ เพื่อให้มีการขนส่งต่อเนื่อง รวมทั้งการจัดให้มีระบบตั๋วร่วม

2.6 ให้บริการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน โดยเน้นถึงความปลอดภัยและความพึงพอใจของผู้ใช้บริการเป็นสำคัญ

2.7 ประชาสัมพันธ์เชิงรุกเพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจถึงความสำคัญของระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน

2.8 บริหารจัดการองค์ความรู้และพัฒนาองค์กรให้มีความเป็นเลิศทางด้านระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน

2.9 ดำเนินงานโดยยึดหลักการกำกับดูแลที่ดีและการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม พร้อมทั้งเสริมสร้างมาตรฐานด้านคุณธรรมและจริยธรรมให้แก่พนักงานและลูกจ้าง

2.10 นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการให้บริการ
2.11 ให้มีการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีในการออกแบบ ก่อสร้าง และบริหารกิจการรถไฟฟ้า ขนส่งมวลชน

3. โครงการและแผนงานในอนาคต : โครงการหลักสำคัญที่จะดำเนินการในปี 2554 จำนวน 16 โครงการ คือ

3.1 โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางใหญ่ — บางซื่อ ระยะทาง 23 กิโลเมตร ก่อสร้างเดือน พฤศจิกายน 2552 กำหนดเปิดให้บริการ เดือน สิงหาคม 2557

3.2 โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ — ท่าพระ ระยะทางรวม 27 กิโลเมตร กำหนดก่อสร้างเดือน พฤศจิกายน 2553 และเปิดให้บริการ เดือน กุมภาพันธ์ 2559

3.3 โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทางรวม 25 กิโลเมตร กำหนดก่อสร้างเดือน ธันวาคม 2554 และเปิดให้บริการ เดือน พฤษภาคม 2559

3.4 โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 36 กิโลเมตร กำหนดก่อสร้างเดือน กันยายน 2555 และเปิดให้บริการเดือน กันยายน 2559

3.5 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี ระยะทาง 37.5 กิโลเมตร กำหนดก่อสร้างเดือน ธันวาคม 2555 และเปิดให้บริการเดือน มกราคม 2562

3.6 โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 19.8 กิโลเมตร กำหนดก่อสร้างเดือน มิถุนายน 2555 และเปิดให้บริการเดือน ธันวาคม 2562

3.7 โครงการจัดทำมาตรฐานการออกแบบและก่อสร้างรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน
3.8 โครงการประชาสัมพันธ์โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายและสายใหม่
3.9 โครงการเพิ่มสมรรถนะการรักษาความปลอดภัยและกู้ภัย โครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล

3.10 โครงการพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน
3.11 โครงการจัดทำแผนวิสาหกิจฉบับใหม่ (ปีงบประมาณ 2555-2559)
3.12 โครงการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ
3.13 โครงการพัฒนาบุคลากร
3.14 โครงการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีจากที่ปรึกษา ผู้รับเหมา และผู้รับจ้างต่างๆ

3.15 โครงการพัฒนาศูนย์กลางองค์ความรู้ด้านระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน
3.16 โครงการด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2554

Wisarut · Posted: 07/02/2011 1:39 am Post subject:

คมนาคมแจงแผนรถไฟฟ้า ลั่นปี54เปิดประมูล6สายรวด
ข่าวปก สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1174
ประจำวันที่ 5-8 กุมภาพันธ์ 2554

คมนาคมปากหวานให้ครม.รับทราบแผนก่อสร้างรถ ไฟฟ้า 6 เส้นทาง ตั้งเป้าปี 54 เปิดประมูลรวดเดียวทั้ง ชมพู-ส้ม-ม่วง-เขียวอ่อน-เขียวเข้ม-น้ำเงิน วงเงินกว่า 2 แสนล้านบาท ทยอยสร้างเสร็จและเปิด บริการตั้งแต่ปี 2557 ไปจนถึง 2562 นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมครม.เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคมได้รายงาน ผลการดำเนินการในปีงบประมาณ 2553 ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) รวมทั้งโครงการและแผนงานในอนาคต โดยปีนี้ทางรฟม.มีโครงการสำคัญ 16 โครงการ

โดยเป็นโครงการรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการและที่จะดำเนินการในอนาคต จำนวน 6 เส้นทาง คือ

1.สายสีม่วงช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ระยะทาง 23 กม. เริ่มก่อสร้างตั้งแต่เดือนพ.ย.2552 กำหนดเปิดบริการเดือนส.ค.2557

2.ส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ ระยะทาง 27 กม. เดิมจะเริ่มก่อสร้างเดือนพ.ย.2553 และเปิดให้บริการเดือนก.พ.2559

3.สายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 25 กม. กำหนดก่อสร้างเดือนธ.ค.2554 และเปิดให้บริการเดือนพ.ค.2559

4.สายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 36 กม. กำหนดก่อสร้างเดือนก.ย.2555 และเปิดให้บริการเดือนก.ย.2559

5.สายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี ระยะทาง 37.5 กม. กำหนดก่อสร้างเดือนธ.ค.2555 และเปิดให้บริการเดือนม.ค.2562 และ

6.สายสีม่วงช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 19.8 กม. กำหนดก่อสร้างเดือนมิ.ย.2555 เปิดบริการเดือนธ.ค.2562

นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม� ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าที่จะเปิดประกวดราคาในปี 2554 นี้ กระทรวงคมนาคมได้เตรียมที่จะเปิดประกวดราคาแล้วจำนวน 3 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท ประกอบด้วย

1.สายสีชมพู ปากเกร็ด-มีนบุรี ระยะทาง 29.9 กิโลเมตร มูลค่าประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาท

2.สายสีส้ม ช่วงบางกะปิ-ศูนย์วัฒนธรรม-ดินแดง ระยะทาง 12 กิโลเมตร มูลค่าประมาณ 4 หมื่นล้านบาท และ

3.สายสีม่วง ช่วงเตาปูน-วังบูรพา ระยะทาง 8 กิโลเมตร มูลค่าประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโครงการรถฟ้าสายสีเขียวเข้ม ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ ระยะทาง 13 กิโลเมตร วงเงิน 3.6 หมื่นล้านบาท และสีเขียวอ่อน แบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 14 กิโลเมตร วงเงิน 2.8 หมื่นล้านบาทนั้น ภายในต้นปี 2554 นี้ รฟม.จะมีการประกาศเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้าร่วมประกวดราคาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนก่อน ขณะที่สายสีเขียวเข้ม ยังอยู่ระหว่างการพิจารณารายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม จากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ซึ่งว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้ จากนั้นคาดว่าในช่วงกลางปี 2554 จะสามารถประกาศเชิญชวนผู้ที่สนในเข้าร่วมลงทุนได้

นายสุพจน์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการประกวดราคาก่อสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ กับหัวลำโพง-บางแค ว่า กรมบัญชีกลางได้นำส่งร่างหนังสือผลการตรวจสอบผลการประกวดราคามายังกระทรวงคมนาคมแล้ว โดยทุกขั้นตอนที่ รฟม.ทำถูกต้อง ส่วนการตรวจสอบจากสำนักงานอัยการสูงสุดตอนนี้ก็เสร็จสิ้นแล้วเช่นกัน รอเพียงเสนอไปยัง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณา จากนั้นจึงส่งมาที่กระทรวงคมนาคม จากนั้นจึงจะนัดผู้รับเหมามาลงนามสัญญาก่อสร้างได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 นี้

Mongwin · Posted: 08/02/2011 7:51 am Post subject:

'คมนาคม'ฉลองครบ 100 ปี
เขียนโดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,607 6 - 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
วันศุกร์ที่ 04 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 13:54 น.

แม้ว่าช่วงต้นปี 2554 จะเปิดให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงค์ที่มีมูลค่าโครงการสูงกว่า 34,000 ล้านบาท พร้อมกับการเปิดบริการเช็กอินผู้โดยสารที่สถานีมักกะสันอย่างเป็นทางการ แต่นั่นเป็นเพียง 1 โปรเจ็กต์ที่กระทรวงคมนาคมภายใต้การนำของนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้เร่งผลักดันจนเปิดให้บริการได้

Click on the image for full size

แต่ยังมีอีกหลาย ๆ โครงการที่ถูกคัดเลือกนำมาเป็นจุดขายของหน่วยงานเนื่องในโอกาสที่เดือนเมษายนปี 2554 นี้จะครบรอบ 100 ปีกระทรวงคมนาคม โดยมีทั้งโครงการที่ใกล้จะแล้วเสร็จและในส่วนที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง

+++7 ก.พ.ประเดิมยกคานสะพานที่หลักสี่
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งรัดอีกหลาย ๆ โครงการเพื่อให้เป็นการร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในวาระครบรอบ 100 ปีกระทรวงคมนาคม โดยในวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ รมว.กระทรวงคมนาคมจะทำพิธียกคานในโครงการก่อสร้างสะพานข้ามวงเวียนหลักสี่ที่มีมูลค่าโครงการ 398 ล้านบาทอย่างเป็นทางการ เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรช่วงถนนแจ้งวัฒนะและถนนรามอินทราได้เป็นอย่างดี โดยกำหนดแล้วเสร็จและเปิดใช้ในปี 2555 นี้

Click on the image for full size

เช่นเดียวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงเตาปูน-บางใหญ่ที่มีมูลค่าโครงการ 60,185 ล้านบาท ล่าสุดปลัดกระทรวงคมนาคมพร้อมคณะผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบงานก่อสร้างที่มีความคืบหน้า 18.16%จากแผนงาน 17.92%เร็วกว่าแผน 0.74% ซึ่งในวันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้จะทำพิธียกคานเสาตอม่อ(ต้นแรก)ช่วงหน้าเซ็นทรัลสาขารัตนาธิเบศร์อย่างเป็นทางการโดยรมว.กระทรวงคมนาคม

Click on the image for full size

ทั้งนี้สัญญาที่ 1โครงสร้างยกระดับ(ตะวันออก) มีความก้าวหน้า 25.53% จากแผนงาน 25.62% ช้ากว่าแผน 0.09% สัญญาที่ 2 โครงสร้างยกระดับ(ตะวันตก) มีความก้าวหน้า 14.89% จากแผนงาน 12.95 % เร็วกว่าแผน 1.94% งานสัญญาที่ 3 ศูนย์ซ่อมบำรุงและอาคารจอดแล้วจร มีความก้าวหน้า 8.62% จากแผน 8.59% เร็วกว่าแผน 0.03% โดยศูนย์ซ่อมบำรุงขณะนี้อยู่ระหว่างการตอกเสาเข็ม ส่วนอาคารจอดแล้วจรทั้ง 3 แห่ง คือ ที่แยกนนทบุรี 1 ท่าอิฐ และสามแยกบางใหญ่ผู้รับจ้างได้เจาะสำรวจดินเรียบร้อยแล้ว

+++เร่งรัดสายสีแดงและเชื่อมต่อทางพิเศษ
โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชันโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.)เป็นเจ้าของโครงการที่มีมูลค่า 9,308 ล้านบาท จัดเป็นรถไฟชานเมืองเพื่อขนส่งผู้โดยสารเข้าสู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร (กทม.)เชื่อมโยง 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร ตามแผนจะให้มีการก่อสร้างสถานีไว้ทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา

ส่วนกรณีการก่อสร้างท่าเรือจะมีขึ้นในฝั่งธนบุรี(ที่มีอยู่เดิม) โดยจะมีการปรับปรุงให้สวยงามยิ่งขึ้น ขณะนี้ภาพรวมการก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วหลายจุด แต่ยังติดปัญหาการย้ายชุมชนประมาณ 100 หลังคาเรือนช่วงใกล้สะพานพระรามที่ 6 ส่งผลให้การก่อสร้างด้านบนเสาไม่ได้จำนวน 10 ช่วง สิ่งสำคัญการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเสร็จไปแล้วเกือบ 99% ร.ฟ.ท.จึงจะให้มีการเทคอนกรีต ณ จุดเชื่อมต่อกลางสะพานโดยรมว.กระทรวงคมนาคมเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยในวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้

นอกจากนั้นคมนาคมยังเร่งรัดโครงการก่อสร้างทางเชื่อมต่อทางพิเศษสายบางพลี-สุขสวัสดิ์กับถนนวงแหวนอุตสาหกรรมที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.)เป็นเจ้าของโครงการ มีมูลค่า 2,472 ล้านบาท เริ่มสร้างมาตั้งแต่สิงหาคม 2552 ขณะนี้มีความก้าวหน้า 80% ล่าสุดปลัดกระทรวงคมนาคมสั่งการให้ปรับแบบด่านเพื่อรองรับรถเข้า-ออกให้ได้มากขึ้นจากเดิม 8 ช่องให้เป็น 12 ช่องรองรับรถที่จะมากขึ้นในอนาคตเอาไว้ด้วย กำหนดเปิดให้บริการเดือนมิถุนายน 2554 นี้

โดยจุดเด่นของโครงการกทพ.เตรียมปรับภูมิทัศน์ให้สวยงามรูปแบบสวนหย่อมเพื่อให้เป็นศูนย์รวมน้ำใจของประชาชน อีกทั้งมีเอกลักษณ์รวมจิตใจติดตั้งไว้ที่ด่านอีกด้วย ซึ่งประชาชนสามารถใช้เส้นทางเข้าสู่โครงการไปสู่พื้นที่ต่าง ๆ ได้สะดวกรวดเร็วขึ้น