รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล

[Mongwin]

"ITD" แย้มปี 54 มีงานใหม่เข้า 4-5 หมื่นล้าน แบ่งเค้กใน-นอก ปท. 50:50
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 กุมภาพันธ์ 2554 16:51 น.

"ITD" แย้มปี 54 มีงานใหม่เข้ามามูลค่าประมาณ 40,000-50,000 ล้าน แบ่งสัดส่วนใน-นอกประเทศ 50:50 คาด backlog สิ้นปีพุ่งกว่า 120,000 ล้าน จากสิ้นเดือน พ.ย. ปีก่อน ที่มีแค่ 70,000 ล้าน

วันนี้ (17 ก.พ.) นายธวัชชัย สุทธิประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) กล่าวถึงแผนงานในปี 54 ว่า บริษัทจะมีงานใหม่เข้ามาประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้สิ้นปีนี้งานในมือ (backlog) เพิ่มขึ้นเป็นสูงกว่า 120,000 ล้านบาท จากสิ้นเดือน พ.ย.53 มี backlog ประมาณ 70,000 ล้านบาท โดยงานใหม่ปีนี้คาดว่ามีสัดส่วนงานในประเทศและต่างประเทศ 50:50 โดยงานในประเทศคาดว่าจะมีมูลค่ามากกว่า 20,000 ล้านบาท รวมถึงโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าที่บริษัทยื่นประมูลงานรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และจะเข้าประมูลสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ คาดว่าจะชนะประมูล 1-2 สัญญา และในปลายปี 54 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)จะเปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี และสายสีชมพู ช่วงมีนบุรี-ปากเกร็ด

ขณะที่ งานต่างประเทศยังคงมีเข้ามาจำนวนมาก แต่ที่ได้รับงานแล้ว คือ โครงการทวายประเทศพม่า โครงการสร้างทางด่วน เมืองดักการ์ ประเทศบังคลาเทศ นอกจากนี้ ยังมีงานต่อเนื่องในประเทศอินเดีย และบาร์เรนห์

"บริษัทหายไป 14 ปี ที่ไปรับงานต่างประเทศมากขึ้น เพราะงานในประเทศไม่ค่อยมี แต่ในปีนี้เราจะกลับมา เพราะ รฟม.จะมีการออกงานรถไฟฟ้าต่อเนื่อง ซึ่งเรามีโอกาสได้เยอะ ส่วนงาน mass transit มีคู่แข่งน้อย มาร์จิ้นก็ได้สูงกว่าทั่วไป" นายธวัชชัย กล่าว

อนึ่ง ในปี 53 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากงานในประเทศ 65% และงานต่างประเทศ 35%

[Wisarut]

^^^
ตอนที่ผมอ่านข่างประชาชาติธุรกิจ ทำให้ได้ทราบว่ามีการกะเก็ง การไว้ดั่งนี้:
1. งานปรับปรุงทางระยะที่ 5 (สายลำนารายณ์ ยกเว้น ช่วง แก่งเสื้อเต้น - สุรนารายณ์, สายหนองคายช่วง ถนนจิระ - บัวใหญ่) ระยะทาง 308 กิโลเมตร 8,100 ล้านบาท: บริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง (1964) + ซิโน-ไทยฯ

2. งานปรับปรุงทางระยะที่ 6 (สายหนองคาย ชั่งบัวใหญ่ - หนองคาย) ระยะทาง 278 กิโลเมตร 6,588 ล้านบาท: อิตาเลียนไทย

3. รถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ - รังสิต)
3.1 งานก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อและอาคารซ่อมบำรุง 26,554 ล้านบาท: อิตาเลียนไทย
3.2 งานโยธาช่วงบางซื่อ-รังสิต 18,861 ล้านบาท: ซิโน-ไทย + บริษัทยูนิค
3.3 งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมตู้รถไฟฟ้า บางซื่อ-รังสิตและบางซื่อ-ตลิ่งชัน (แต่ต้องเพิ่ม เมื่อยิดระยะไปอีก 1 กิโลเมตรถึงฉิมพลี) 26,272 ล้านบาท : ช.การช่าง เพราะร่วมกับบริษัทซีเมนส์ และ มี บริษัทมิตซูบิชิคอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้เป็นที่พอใจแก่ เจ้าหนี้

อ้างอิง: 3 ยักษ์รับเหมากลุ่มทุนการเมือง "ซิโน-ไทยฯ-ITD-ช.การช่าง" กวาดเรียบ"บิ๊กโปรเจ็กต์"แสนล้าน (ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2554 เวลา 09:21:33 น.)

[Wisarut]

7 เเผน แก้ระบบขนส่งสาธารณะ อุดรูรั่วจากการเดินทาง 2 แสนล้าน
คอลัมน์ Lead:
หน้าคมนาคม/ลอจิสติกส์
สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1177
ประจำวันที่ 16-18 กุมภาพันธ์ 2554

ปัจจุบันสัดส่วนผู้เดินทางระหว่างจังหวัดของไทย เป็น การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนบุคคลสูงถึงร้อยละ 59 ขณะที่ระบบขนส่งสาธารณะมีเพียงร้อยละ 41 ของผู้เดินทางทั้งหมด ที่สำคัญจำนวนผู้ใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะแบบประจำทาง ทั้งรถโดยสารและรถไฟ มีทิศทางลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจากระบบขนส่งผู้โดยสารสาธารณะ ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการได้อย่างแท้จริง ทั้งทางด้านคุณภาพ ความ ปลอดภัย หรือแม้แต่ความเพียงพอต่อการใช้บริการ

นอกจากนี้ ระบบขนส่งสาธารณะที่มีอยู่ยังมีช่องว่างการให้บริการทั้งด้านเวลา และค่าใช้จ่าย จึงเป็นผลให้ประชาชนหันไปเลือกเดินทางโดยรถยนต์ส่วยบุคคลแทนมากขึ้น ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่า หากปล่อยให้แนวโน้มยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ย่อมคาดการณ์ถึงต้นทุนการขนส่งของประเทศจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน รวมถึงการใช้พลังงานในภาคขนส่งจะไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร

อย่างไรก็ดี จากแผนดำเนินการศึกษาพัฒนาระบบการขนส่งผู้โดยสารสาธารณะระหว่างจังหวัด ที่สำนักนโยบาย และแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ศึกษาไว้เพื่อกำหนดเป็นแผนแม่บทระยะ 10 ปี (พ.ศ.2555-2564) เพื่อให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางในการวางแผนพัฒนาระบบการขนส่งผู้โดยสารสาธารณะ ให้สอดคล้องกับการพัฒนาเมืองและสามารถตอบสนองความพึงพอใจ ผู้ใช้บริการมากขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ ผลการศึกษาสรุปได้ว่า หากมีการดำเนินงานตามแผนงานดังกล่าว จะทำให้ปริมาณผู้โดยสารในระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 6 ลดค่าใช้จ่ายที่สูญเสียจากการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลกว่า 80,000 ล้านบาท และประหยัด มูลค่าของเวลาในการเดินทางกว่า 108,000 ล้านบาท รวมทั้งลดต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมกว่า 3,600 ล้านบาท

แน่นอนว่า หากไม่ดำเนินงานตามแผน จะทำให้ประเทศสูญเสียทางเศรษฐกิจในระยะเวลา 30 ปี ประมาณ 444,000 ล้านบาท สำหรับแผนงานและโครงการที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเป็นต้องให้สำคัญเป็นพิเศษ ประกอบด้วย

1.การปรับปรุงการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ใช้สอยอาคารสถานีขนส่ง โดยการปรับปรุงพื้นที่อาคารสถานีขนส่งทั่วประเทศ จำนวน 69 แห่ง และสถานีขนส่งที่มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างประเทศ จำนวน 7 แห่ง ได้แก่ การปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก และความปลอดภัยในสถานี รวมถึงการจัดทำที่พักรอขึ้นรถโดยสารสำหรับเดินทางโดยเฉพาะงบประมาณรวมทั้งสิ้น 2,710 ล้านบาท โดยหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ คือ การการขนส่งทางบก บริษัท ขนส่ง จำกัด องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น และบริษัทเอกชนอื่นๆ

2.การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรางของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) โดยดำเนินการตามแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบรางระยะเร่งด่วนปี 2553-2557 ของร.ฟ.ท. ตามมติครม.เมื่อวันที่ 27 เม.ย.2553 หน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ คือ การรถไฟฯ มีงบประมาณรวมทั้งสิ้น 175,500 ล้านบาท

3.การก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 และระยะที่ 3 ได้แก่ 1.ภาคเหนือ เส้นทางปากน้ำโพ-พิษณุโลก 2.ภาคใต้ เส้นทางหัวหิน-สุราษฎร์ธานี พร้อมทั้งพัฒนารถไฟความเร็วเฉลี่ย 100 กม./ชม. สำหรับ การเดินทางจากกรุงเทพฯ-พิษณุโลก, กรุงเทพฯ-ขอนแก่น และกรุงเทพฯ-สุราษฎร์ธานี โดยใช้งบประมาณ 40,600 ล้านบาท หน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ คือ การรถไฟฯ

4.ก่อสร้างศูนย์กลางเชื่อมต่อการเดินทางในภูมิภาค โดยการก่อสร้างศูนย์ กลางเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างรถโดยสารประจำทาง และรถไฟโดยสาร จำนวน 4 แห่ง ใน 4 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก ขอนแก่น นครราชสีมา และสุราษฎร์ธานี โดยให้สิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทางเชื่อมต่อ เพื่อเป็นศูนย์รวมการเดินทางในภูมิภาค โดยใช้งบประมาณ 408 ล้านบาท หน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ คือ กรมการขนส่งทางบก และการรถไฟฯ

5.การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลและการจัดการตั๋วโดยสารแบบบูรณาการ จัดตั้งศูนย์ควบคุมระบบจัดการตั๋วโดยสารแบบบูรณาการ และระบบลูกข่ายที่สถานีขนส่ง ผู้โดยสารที่มีบทบาทสำคัญ เพื่อให้มีระบบ การขายตั๋วโดยสารร่วม ทั้งระหว่างรถโดยสารต่างเส้นทาง และระหว่างรถโดยสารกับรถไฟ ที่เอื้อให้ผู้โดยสารสามารถซื้อตั๋วโดยสารที่ใดก็ได้ รวมถึงจัดตั้งระบบการประชาสัมพันธ์ข้อมูลการเดินทางแก่ผู้โดยสารด้วย โดยใช้งบประมาณ 250 ล้านบาท หน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ คือ กรมการขนส่งทางบก การรถไฟฯ กรมการบินพลเรือน และกรมเจ้าท่า

6.จัดตั้งศูนย์บริการขนส่งผู้โดยสาร ทางน้ำ ก่อสร้างท่าเทียบเรือในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และตราด เพื่อเป็นศูนย์ กลางการเดินทางโดยเรือโดยสารในจังหวัด โดยใช้งบประมาณ 880 ล้านบาท หน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ คือ กรมเจ้าท่า

และ 7.ปรับปรุงโครงข่ายก่อสร้างทางหลวง 4 ช่องจราจร ระยะที่ 2 ระยะทางรวม 1,891 กม.และก่อสร้างทางหลวง พิเศษระหว่างเมือง 5 เส้นทาง งบประมาณทั้งสิ้น 214,600 ล้านบาท หน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ กรมทางหลวง

จากตัวเลขความสูญเสียจากความไม่พร้อมของระบบขนส่งสาธารณะในเบื้องต้น ผู้ที่เกี่ยวข้องไม่สามารถปล่อย ปละละเลยได้อีกต่อไป โดยเฉพาะสนข. ซึ่งเป็นหน่วยงานนโยบายของกระทรวงคมนาคม ให้ผลักดันในการแก้ปัญหาระบบ ขนส่งสาธารณะให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว และต่อเนื่อง ไม่ว่าพรรคไหนจะมาเป็นรัฐบาล และใครจะมานั่งเก้าอี้รมว.กระทรวงคมนาคมก็ตาม เพราะแม้เพียงลดลงได้เพียง 10% ก็เท่ากับสามารถลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจได้ถึง 20,000 ล้านบาทแล้ว

สุดท้ายหวังว่า ประชาชนคนไทยคงจะไม่รอการแก้ปัญหาเรื่องนี้นานถึง 30 ปีหรอกนะ เพราะนั่นหมายถึง ความ สูญเสียทางเศรษฐกิจที่จะตามมาถึง 444,000 ล้านบาท

[BanPong1]

แผนลำดับที่ 2 3 และ 4 เป็นสิ่งที่ถูกใจที่สุดครับ
เอาสถานีขนส่งเชื่อมต่อมาไว้ติดกับสถานีรถไฟให้เร็วที่สุด มีประโยชน์มาก รถไฟก็ไม่ต้องกลัวว่ารถโดยสารจะมาแย่งผู้โดยสาร ถ้าแผนลำดับที่ 2 และ 3 ทำได้โดยเร็วนะครับ
_________________

[Wisarut]

^^
ท่ารถที่บัวใหญ่ ห่างจากสถานีชุมทางบัวใหญ่แค่ 500 เมตร เชานเดียวกะ ท่ารถตู้่ที่ทุ่งสง ที่ห่างจากสถานีทุ่งสง 500 เมตร

[RORONOA]

^^^
ของบ้านโป่งเดินจากสถานีไปหอนาฬิกาเกือบๆ 500 เมตร ต่อรถได้ทุกสายครับโดยเฉพาะไปเมืองกาญฯ มาทุกๆ 5 นาทีเลย

[Nakhonlampang]

[RORONOA]

^^^
อ่านแล้วเข้าใจเลยครับ ของบ้านโป่งดีอย่างที่ไม่สร้างขนส่งรถทุกสายจะเข้ามาหอนาฬิกาหมด เปรียบหอนาฬิกาบ้านโป่งเหมือนอนุสาวรีย์ชัยของย่านนี้ล่ะครับ ไปไหนไม่ถูกก็มาที่นี่ก่อนมีรถทุกสายอยู่แล้ว แต่หลังสถานีนี่หมดโอกาสครับ รถติดมากโดยเฉพาะช่วงเวลานักเรียนจนขยายถนนเป็น 4 เลนแบบไม่มีเกาะกลางไปแล้ว ก็ยังอุตส่าห์ติดได้อีก ลานกว้างที่เป็นย่านขนสินค้าเห็นแล้วอยากให้เป็นท่ารถโดยสารเล็กๆเหมือนกัน หรือเป็นท่ารถไปกาญจนบุรีโดยตรง เพราะท่ารถในเมืองนี่กินพื้นที่ถนนพอสมควร แถมบางสายยังหมดเร็วกว่าที่ควรเนื่องจากแม่ค้าจะเข้ามาขายของ แย่งพื้นที่กันน่าดู ทุกวันนี้ลานขนถ่ายสินค้าของสถานีบ้านโป่งจะเป็นที่พักของรถรับจ้างไม่ประจำทาง หรือพวกรถสองแถว รถบัส รถตู้ของนักเรียน หรือบางทีก็ผู้โดยสารจากเมืองกาญฯที่เหมารถทัวร์/รถตู้มาจอด รองรับรถได้หลักร้อยคันเชียวครับ คงทำเป็นท่าถได้ไม่ยาก

[Mongwin]

คมนาคมเร่งประมูลโครงการใหม่ 4.6 หมื่นล้าน
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554 18:35

นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2554 ว่า ได้กำชับให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการประกวดราคาโครงการลงทุนใหม่ ซึ่งคิดเป็นเงิน 46,640.21 ล้านบาท จากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรทั้งหมด 109,070.97 ล้านบาท เพื่อให้สามารถลงนามสัญญาจ้างได้ภายในเดือนพ.ค.นี้ ส่วนโครงการขนาดใหญ่หรือโครงการที่ใช้เงินกู้ ซึ่งต้องใช้เวลาดำเนินการประกวดราคาตามขั้นตอนของแหล่งเงินกู้ต่างๆ ต้องลงนามสัญญาจ้างไม่เกินเดือน ก.ย.นี้

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีโครงการลงทุนของกรมทางหลวง 17 โครงการ ซึ่งสามารถลงนามสัญญาจ้างได้เรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลือกว่า 5,000 โครงการ อยู่ระหว่างกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เชื่อว่าในภาพรวมจะเบิกจ่ายงบประมาณได้ตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ว่าภายในสิ้นเดือนมี.ค.นี้ ต้องเบิกจ่าย 44% ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย โดยรายจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่า 35% ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุน ซึ่ง ณ วันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคมสามารถเบิกจ่ายงบประมาณในภาพรวม 22,834.03 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 20.94% และเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุน 7,449.05 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 9.76%

"หากลงนามสัญญาได้ภายในเดือนพ.ค.นี้ ก็จะเริ่มเบิกจ่ายงบประมาณได้ในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ส่วนการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งที่ผ่านมามีปัญหาเบิกจ่ายล่าช้านั้น ขณะนี้มีความชัดเจนเรื่องแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ ทำให้การดำเนินการประกวดราคาเดินหน้าได้ และจะไม่มีปัญหาการเบิกจ่ายล่าช้า โดยในส่วนของรฟท.นั้นอยู่ระหว่างกระบวนการประกวดราคาหลายโครงการ เช่น โครงการปรับปรุงทางระยะที่ 5 และ 6 วงเงินรวม 15,287 ล้านบาท โครงการเปลี่ยนหรือเสริมความมั่นคงสะพานที่ชำรุด วงเงิน 1,059.40 ล้านบาท ” นายสุพจน์ กล่าว

ในส่วนของรฟม.ส่วนใหญ่เป็นงานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินในโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ ซึ่งปัจจุบันประเมินราคาแล้วเสร็จประมาณ 80% เหลือเพียงขั้นตอนการประกาศและจ่ายเงินก็จะแล้วเสร็จ ซึ่งไม่ถือว่าล่าช้า

[Mongwin]

รฟม.ดันรถไฟฟ้าเพิ่มอีกสาย ตลิ่งชันผ่านรามคำแหงเข้ามีนบุรี
แนวหน้า 2 มี.ค. 54

มีรายงานข่าวจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)ว่า รฟม.อยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนก่อนการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าเพิ่มอีก 1สาย คือโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี ล่าสุดได้ประกาศประกวดราคาเพื่อหาบริษัทที่ปรึกษา มาศึกษาทบทวนรายละเอียดความเหมาะสม ตลอดจนออกแบบ และจัดเตรียมเอกสารประกวดราคา แล้ว โดยกำหนดให้บริษัทที่สนใจยื่นข้อเสนอภายในวันที่ 6 พฤษภาคม 2554

สำหรับโครงการดังกล่าวมีระยะทางรวม 37.5 กิโลเมตร เป็นโครงสร้างทางวิ่งใต้ดิน 26.5 กิโลเมตร และโครงสร้างทางยกระดับ 11 กิโลเมตร มีสถานีทั้งสิ้น 29 สถานี (สถานีใต้ดิน 21 สถานี และสถานียกระดับ 8 สถานี)

โดยแนวเส้นทางเริ่มต้นจากสถานีรถไฟตลิ่งชัน จากนั้นใช้แนวเขตรถไฟสายบางกอกน้อย ผ่านบางขุนนนท์ ผ่านศิริราช ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณเชิงสะพานพระปิ่นเกล้า ผ่านใต้ถนนราชดำเนิน ถนนหลานหลวง ผ่านยมราชแล้วเข้าสู่ถนนเพชรบุรี เลี้ยวเข้าถนนราชปรารภ ถึงดินแดงเลี้ยวไปถนนวิภาวดีรังสิต เลี้ยวขวาผ่านศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 (ดินแดง) ตัดตรงไปเชื่อมกับรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคลที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เข้าถนนประชาอุทิศ ตัดผ่านถนนประดิษฐ์มนูธรรม เข้าซอยรามคำแหง 39 เลี้ยวซ้ายเข้าถนนรามคำแหง ผ่านลำสาลี ถนนกาญจนาภิเษก สิ้นสุดที่จุดตัดกับถนนร่มเกล้าบริเวณมีนบุรี

ด้านนายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 1 มีนาคม2554 มีมติอนุมัติกรอบวงเงินค่าจ้างที่ปรึกษา และควบคุมระบบรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ วงเงิน 382 ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอมา ซึ่งกรอบวงเงินค่าจ้างที่ปรึกษาดังกล่าว เป็นกรอบวงเงินที่ต่ำกว่าราคาเกณฑ์ของสำนักงานประมาณ ถึง 13.524 ล้านบาทหรือ 3.5%