ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์

[CENTENNIAL]

^
^
^
ผมก็รอลุ้นอย่างใจจดใจจ่อเลยครับว่า เมื่อไหร่จะประกาศในเว็ปไซต์ของ รฟท. เมื่อไหร่จะประมูล ผลออกมาจะเป็นอย่างไร

ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าจะได้จากจีน อย่างน้อยก็ขอให้ได้จาก CNR ก็ยังดี

[Wisarut]

คมนาคมชงโครงการ2หมื่นล.

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 2 พฤษภาคม 2554 22:28 น.



ASTVผู้จัดการรายวัน-คมนาคมชงครม.ทิ้งทวนโครงการลงทุนกว่า 2 หมื่นล้านบาท ก่อนยุบสภา เผยจำเป็นเร่งด่วนและกระทบหากต้องรอรัฐบาลใหม่อนุมัติ เฉพาะร.ฟ.ท.ชงแผนซื้อรถใหม่ทั้งหัวจักรและรถโดยสาร 1.4หมื่นล้านบาท ด้านการบินไทย ขอเปลี่ยนวิธีจัดหาเครื่องบินล็อตเก่า 7 ลำ มูลค่า 3.1 หมื่นล.หลัง เอ็กซิมแบงก์ของอเมริกา เปลี่ยนเงื่อนไข

นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (3พ.ค.) จะมีการพิจารณาโครงการของกระทรวงคมนาคมหลายโครงการ เช่น โครงการลงทุนของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) วงเงิน ประมาณ 14,903.05 ล้านบาท ประกอบด้วย

1.โครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า จีอี จำนวน50 คัน วงเงิน 6,563 ล้านบาท

2.โครงการปรับปรุงรถจักร (Refurbish) [รถจักรอัลสตอม] จำนวน56 คัน วงเงิน 3,359 ล้านบาท

3.โครงการจัดหารถโดยสารรุ่นใหม่สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ 115 คัน วงเงิน 4,981.05 ล้านบาท

ซึ่งถือเป็นโครงการจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องให้ครม.เห็นชอบเพื่อเริ่มการลงทุน แต่หากไม่ได้รับการพิจารณาและต้องรอรัฐบาลใหม่อีก 3-4 เดือนจะเกิดปัญหา และ ร.ฟ.ท.ยังเสนอกรอบวงเงินกู้อีก 6,200 ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน เพื่อเสริมสภาพคล่องในการดำเนินงานในปี 2554
นอกจากนี้ยังมีการลงทุนของบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ในโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านบริการการเดินอากาศวงเงิน 4,460.31 ล้านบาท ซึ่ง เป็นโครงการสำลงทุนเพื่อพัฒนาระบบการควบคุมการจราจรทางอากาศให้ทันสมัยและมีความปลอดภัยสูงสุด, โครงการพัฒนาระบบตั๋วร่วม ซึ่งได้เสนอขอจัดตั้งสำนักงานพัฒนาบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม โดยในระยะแรกมอบหมายให้กับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.). เป็นศูนย์กลางในการจัดการข้อมูล โดยสนข.ได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (300 ล้านบาท) จากธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย หรือ เอดีบี
ในส่วนของกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้เสนอขอความเห็นชอบในหลักการเพื่อดำเนินโครงการ GPS ในรถสาธารณะ ซึ่งมติครม.เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2553 เคยเห็นชอบให้กรมการขนส่งฯ ศึกษารายละเอียดการใช้ระบบ GPS ควบคุมรถสาธารณะ โดยผลศึกษาจะดำเนินการในช่วงปี 255 -2557 แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ

การแก้ไขกฎระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และ
จัดตั้งศูนย์ควบคุมซึ่งจะเปิดดำเนินการในปี 2558

โดยระยะแรกจะออกเป็นกฎกระทรวง ให้รถสาธารณะทั้งหมดรวมถึงรถบรรทุก ติด GPS เป็นอุปกรณ์ส่วนควบ และระยะต่อไปจึงจะครอบคลุมไปถึงรถส่วนบุคคล
“กรมขนส่งทางบกจะเป็นศูนย์กลางในการบริหารจัดการระบบ ซึ่งข้อดีของการมี GPS จะทำให้สามารถควบคุมการจราจรให้เกิดความปลอดภัยและแก้ปัญหาตราจรได้ ซึ่งในปี 54 นี้ กรมขนส่งฯ จะศึกษารายละเอียดทั้งหมด รวมไปถึงวงเงินลงทุนและค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการที่เหมาะสม ซึ่ง GPSที่ต้องติดในรถทุกคัน รัฐจะเข้าไปดูแลเพื่อควบคุมราคา "
นอกจากนี้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้เสนอครม.ขอทบทวนมติครม.เรื่องการจัดหาเครื่องบิน ปี 2553-2557 จำนวน 7 ลำ วงเงิน 31,259 ล้านบาท ด้วยวิธีเช่าซื้อจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งสหรัฐอเมริกา (เอ็กซิม แบงก์) เนื่องจากเอ็กซิม แบงก์มีการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การกู้ทำให้การบินไทยได้รับวงเงินกู้น้อยลง โดยขอเปลี่ยนรูปแบบเป็นแบบอื่น เช่น ออกบอนด์ เป็นต้น

[Mongwin]

"รบ.มาร์ค"ผลาญงบฯ 1.4 หมื่นล.ซื้อซ่อมหัวรถจักร-123 ล.ให้"กรุงเทพฯเมืองน่าอยู่"
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 พฤษภาคม 2554 19:24 น.

นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบโครงการลงทุนรถจักรและล้อเลื่อนของการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. วงเงิน 1.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นวงเงินที่คณะรัฐมนตรี เคยมีมติอนุมัติงบลงทุนตามแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระยะ 5 ปี ในวงเงิน 1.7 แสนล้านบาทแล้ว โดยให้ดำเนินการจัดหารถจักรโดยสารเชิงพาณิชย์ จำนวน 115 คัน วงเงิน 4,900 ล้านบาท ค่าจัดหาหัวรถจักรและอะไหล่จำนวน 50 คัน วงเงิน 6,500 ล้านบาท และค่าซ่อมแซมจำนวน 3,360 ล้านบาท โดยให้ รฟท. รับภาระเงินกู้ และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้

นายศุภชัย ยังได้แถลงการประชุมคณะรัฐมนตรี ในช่วงที่ 2 ว่า ทางคณะรัฐมนตรี รับทราบตามที่กระทรวงกลาโหม เสนอเรื่องข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทย และรัฐบาลจีน เกี่ยวกับการส่งมอบเรือเร็ว จำนวน 20 ลำ มาใช้ประโยชน์ในการบรรเทาสาธารณภัยในประเทศไทย โดยเป็นการให้เปล่า

ขณะเดียวกัน คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 123 ล้านบาท จากสำนักงบประมาณ ให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดทำโครงการ"กรุงเทพฯ เมืองปลอดภัย ห่างไกลอาชญากรรม" จากที่ สตช. ของบไป 235 ล้านบาท

นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรี ยังมีมติอนุญาตให้หมีแพนด้าหลินปิง อยู่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ต่อไปอีกเป็นเวลา 2 ปี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอ

อย่างไรก็ตาม การประชุมคณะรัฐมนตรี จนถึงขณะนี้ได้มีการพิจารณาไปแล้ว 96 วาระ และจะเริ่มพิจารณาวาระที่ 97 ในเวลา 19.00 น. และคาดว่าจะเสร็จสิ้น ทั้ง 165 วาระ ในเวลา 22.00 น.

-------------------

ทิ้งทวนกันเต็มสูบ "ครม."อนุมัติวันเดียว 5 แสนล้าน
เนชั่นทันข่าว 4 พค. 2554 06:37 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประชุมครม.นัดสุดท้ายวานนี้ (3 พ.ค.) ที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติงบประมาณในทุกหน่วยราชการรวมแล้ว มูลค่า 5 แสนล้านบาท ประกอบด้วย โครงการบ้านธนาคารอารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อที่อยู่อาศัยแห่งแรก และเห็นชอบในหลักการการขอชดเชยภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ วงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท วงเงินให้กู้ไม่เกินรายละ 3 ล้านบาท ระยะเวลาการกู้ ไม่เกิน 30 ปี และอายุผู้กู้หลักที่ใช้สิทธิรวมกับจำนวนปีที่ขอกู้ต้องไม่เกิน 65 ปีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ปีที่ 1 - ปีที่ 2 เท่ากับ 0% ต่อปี ส่วน ปีที่ 3 - ปีที่ 5 กรณีสวัสดิการ เท่ากับ MRR- 0.50% ต่อปี กรณีรายย่อย เท่ากับ MRR ปีที่ 6 เป็นต้นไป กรณีสวัสดิการ เท่ากับ MRR- 1.00% ต่อปี กรณีรายย่อย เท่ากับ MRR- 0.50% ต่อปี
-การให้ความช่วยเหลือบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร จำกัด (มหาชน) ที่ไม่สามารถประกอบกิจการการค้าได้ในช่วงเวลาที่เกิดความไม่สงบในเขตพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม 2553 เฉพาะวันที่บริษัทฯ หยุดให้บริการรถไฟฟ้า BTS จำนวน 5.5 ล้านบาท

- มาตรการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ย่านราชประสงค์ และพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง กรณีผู้ประกอบการที่มีกรมธรรม์ประกันภัยที่ยังไม่ได้รับสินไหมทดแทน จากบริษัทประกันภัย และเห็นชอบชดเชยค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. ในอัตรา 0.75% ต่อปี เป็นเวลา 1 ปี คิดเป็นจำนวนไม่เกิน 15 ล้านบาท โดยใช้วงเงิน 2,000 ล้านบาท

- การรถไฟแห่งประเทศไทย ลงทุนซื้อรถจักรและล้อเลื่อน ตามแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน มูลค่า 1.7 แสนล้านบาท เป็นการลงทุนรอบแรก จำนวน 1.4 หมื่นล้านบาท

- โครงการดำเนินงานบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม 62.15 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม
- การดำเนินงานตามแผนงานการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม โดยใช้เงินกู้ธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย ( Asian Development Bank : ADB) ในวงเงินประมาณ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- การดำเนินงานจัดทำระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง (Central Clearing Cleaning House : CCH) โดยใช้เงินกู้ ADB ในวงเงินประมาณ 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- งบประมาณขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ.2555-2561)แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คืองบประมาณตามนโยบายเร่งด่วน 10 โครงการ จำนวน 1.58 หมื่นล้านบาท และเห็นชอบในหลักการแผนงบประมาณขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง อีกจำนวน 371,598.379 ล้านบาท เพื่อเป็นหลักประกันว่าการปฏิรูปการศึกษาในรอบที่สองจะเดินหน้าตามที่ได้วางระบบและแผนงานต่อไป
- การจัดสรรงบประมาณเพิ่มเพื่อปรับอัตราค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงาน มหาวิทยาลัย ทั้งมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐและมหาวิทยาลัยในสังกัดของรัฐที่เป็นส่วน ราชการในอัตรา 5% เป็นเงินรวม 397.21 ล้านบาท แบ่งเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ 14 แห่ง จำนวน 239.66 ล้านบาท มหาวิทยาลัยที่ส่วนราชการ 15 แห่ง จำนวน 102.02 ล้านบาท และมหาวิทยาลัยราชภัฏ(มรภ.)และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.) 50 แห่ง จำนวน 55.53 ล้านบาท
- งบประมาณจัดสรรเพิ่มสำหรับพนักงานมหาวิทยาลัยที่จ้างโดยเงินรายได้ของมหาวิทยาลัย สำหรับใช้จ่ายในปีงบประมาณ 2554 เป็นระยะเวลา 6 เดือน เป็นเงินจำนวน 174.91 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เป็นส่วนราชการ 15 แห่ง จำนวน 93.03 ล้านบาท มรภ.และ มทร. 50 แห่งจำนวน 81.88 ล้านบาท
- ค่าตอบแทนพิเศษเพิ่มเติมให้กับกำลังพลกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 293 ล้านบาท
- โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ 9 ส่วนที่ 1 วงเงินลงทุน 7,060 ล้านบาท ส่วนที่ 2 วงเงินลงทุน 4,540 ล้านบาท ส่วนที่ 3 วงเงินลงทุน 15,085 ล้านบาท และส่วนที่ 4 วงเงินลงทุน 4,485 ล้านบาท รวมเป็นวงเงินลงทุนทั้งสิ้น 31,170 ล้านบาท โดยใช้จากเงินกู้ในประเทศ จำนวน 23,374 ล้านบาท และเงินรายได้ของ กฟภ. จำนวน 7,796 ล้านบาท และเห็นชอบการกู้เงินในประเทศของโครงการดังกล่าวต่อไป
- การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ปรับเพิ่มเงินตอบแทนพิเศษให้แก่พนักงานในพื้นที่เสี่ยงภัยจังหวัดชายแดนภาคใต้จากอัตราคนละ 2,500 บาทต่อเดือน เป็นอัตราคนละ 5,000 บาทต่อเดือน
- ศอ.บต. จำนวน 180 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนใน12อำเภอ พื้นที่3จังหวัดชายแดนใต้
- เช่ารถยนต์ เพื่อใช้ในราชการในกรมการพัฒนาชุมชน เป็นงบก่อหนี้ผูกพัน 2554-2557 จำนวน 152 ล้านบาท เบื้องต้นจะเช่ารถจำนวน 235 คัน แบ่งเป็นรถบรรทุกดีเซล 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ รวมถึงรถประจำตำแหน่งอธิบดีและรองอธิบดี
- โครงการประชาสัมพันธ์การขยายความคุ้มครองประกันสังคม มาตรา 40 งบประมาณ 200 ล้าน
- โครงการสร้างพิพิธภัณฑ์พระราม 9 มูลค่า 1.8 พันล้านบาท เพื่อเฉลิมฉลองปีมหามงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครบรอบ 84 พรรษา
- โครงการกรุงเทพเมืองปลอดภัยห่างไกลอาชญากรม งบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 2554 (งบกลาง) จำนวน 123 ล้านบาท
- โครงการสร้างสนามกีฬาใน 9 จังหวัด ได้แก่ จ.ชลบุรี จ.ศรีสะเกษ จ.อุดรธานี จ.บึงกาฬ จ.กระบี่ จ.ยะลา จ.แม่ฮองสอน จ.ลำปาง และจ.สุโขทัย
- โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเกษตรกร และเกษตรกรที่ไม่มีที่ทำกิน วงเงินจำนวน 1,641 ล้านบาท
- โครงการพัฒนาธุรกิจทางอิเล็คโทรนิค ปี 2555 วงเงิน 258 ล้านบาท
- โครงการผลิตทรัพยากรบุคคลตามโครงการตามโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ปี 2555 -2564 เบื้องต้นได้วางกรอบงบประมาณไว้ที่ 1.07 หมื่นล้านบาท
- โครงการส่งเสริมการตั้งครรภ์อย่างมีคุณภาพ กำหนดเริ่มดำเนินการในช่วงเดือน ก.พ. 2554 และโครงการ “พ่อแม่มือใหม่เลี้ยงลูกถูกวิธี” เพื่อดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการปฏิรูปประเทศไทย จำนวน 415 ล้านบาท

[boatteam]

^
^
กระเป๋าตุงกันถ้วนหน้า.....
_________________
สถานีบ้านเกิดอรัญประเทศ สุดเขตแดนสยามฝั่งตะวันออก

[pak_nampho]

[Mongwin]

การรถไฟฯ เปิดรับสมัครลูกจ้างเฉพาะงานหลายอัตรา (ใหม่)
โดย.. ศูนย์ประชาสัมพันธ์และบริการท่องเที่ยว 9 พฤษภาคม 2554 - 14:18:52

นางนวลอนงค์ วงษ์จันทร์ หัวหน้ากองประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งว่า การรถไฟฯ มีความประสงค์จะเปิดรับสมัครลูกจ้างเฉพาะงาน เพื่อปฏิบัติหน้าที่คนการทำความสะอาดสถานี, พนักงานคุมประแจ และพนักงานเข็นแผงกั้นถนนฯ จำนวน ๓๐ อัตรา ค่าจ้างวันละ ๒๒๑ บาท โดยจะต้องมีคุณสมบัติเป็นเพศชาย, หญิง อายุไม่ต่ำกว่า ๑๘ ปี สัญชาติไทย จบการศึกษาไม่ต่ำกว่าชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.๓) หรือเทียบเท่า เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ ๓ – ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๔ (เว้นวันหยุดราชการ) และจะทำการสอบคัดเลือกแบบสัมภาษณ์ ในวันที่ ๑๙ และ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๓๐ - ๑๖.๓๐ น. ณ ที่ทำการงานเดินรถแขวงกรุงเทพ อาคารสถานีรถไฟกรุงเทพ ชั้น ๒ ถนนรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

ผู้สนใจติดต่อขอรับใบสมัครและสมัครด้วยตนเองได้ที่ งานเดินรถแขวงกรุงเทพ ฝ่ายการเดินรถ การรถไฟแห่งประเทศไทย ชั้น ๒ ภายในอาคารสถานีรถไฟกรุงเทพ โทรศัพท์ ๐-๒๖๒๑-๘๗๐๑ ต่อ ๕๒๐๙, ๕๓๐๙

[Mongwin]

รฟท.เล็งชง ครม.ขออนุมัติรับ พนง.เพิ่ม 2.4 พันตำแหน่ง
สยามรัฐ Tue, 10/05/2011 - 10:32

รฟท.เล็งชง ครม.ขออนุมัติรับ พนง.เพิ่ม 2.4 พันตำแหน่ง หลังประสบปัญหาขาดแคลนพนักงานช่างกล

นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อขออนุมัติบรรจุอัตรากำลังพนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เพิ่มจำนวน 2,400 อัตรา เนื่องจากที่ผ่านมา ครม.ให้ รฟท.ไปศึกษาเรื่องความเหมาะสมของอัตรากำลังหลังจากปรับโครงสร้างหน่วยงานเป็นหน่วยธุรกิจ ซึ่งผลศึกษาสรุปว่า รฟท.มีปัญหาขาดแคลนอัตรากำลัง จำนวน 2,400 อัตรา ส่วนใหญ่เป็นพนักงานช่างกล

นายสุพจน์ กล่าวอีกว่า การรับพนักงานดังกล่าวจะทยอยรับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2554 ไม่ได้รับทั้งหมดภายในปีเดียว สาเหตุที่ รฟท.ขาดแคลนกำลังคน เพราะ ครม.มีมติให้ รฟท.รับพนักงานได้เพียง 5% ของพนักงานที่เกษียณอายุ หรือต้องมีพนักงานรวมไม่เกิน 1.5 หมื่นคน ซึ่งปัจจุบัน รฟท.มีจำนวนพนักงานอยู่ที่ประมาณ 1.1-1.2 หมื่นคนเท่านั้น และแม้ว่าจะรับพนักงานเพิ่ม 2,400 อัตรา จำนวนพนักงานก็ไม่เกินกรอบกำลัง 1.5 หมื่นคน

[Mongwin]

ตร.ภาค 3 บุรีรัมย์ จู่โจมตรวจค้นยาเสพติดบนรถไฟสายอีสาน
เนชั่นทันข่าว 11 พค. 2554 20:31 น.

ที่สถานีรถไฟลำปลายมาศ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ พล.ต.ต.กรกต สาริยา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ปปส. กว่า 100 นาย จู่โจมตรวจค้นรถไฟเที่ยวล่องขบวนที่ 136 อุบลราชธานี - กรุงเทพ ซึ่งเป็นมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบขนย้ายยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมายและการขนย้ายแรงงานต่างด้าว

หลังจากที่มีสายข่าวรายงานว่าขบวนการค้ายาเสพติด ได้ใช้เส้นทางรถไฟในการขนย้ายยาเสพติด โดยมีการตรวจอย่างละเอียดทั้งสิ่งของ สัมภาระของผู้เดินทาง นอกจากนี้ยังมีการนำสุนัขตำรวจดมกลิ่นตามสัมภาระในขบวนรถไฟดังกล่าว เพื่อหาสารเสพติดรวมทั้งตรวจบัตรประจำตัวประชาชนผู้โดยสาร และนำผู้โดยสารตรวจปัสสาวะ เพื่อหาสารเสพติด การจู่โจมตรวจค้นในครั้งนี้ พบประชาชนหลายรายที่ไม่สามารถแสดงบัตรประชาชนได้ จึงได้นำตัวไปตรวจสอบ

พล.ต.ต.กรกต สาริยา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 กล่าวว่า มาตรการการจู่โจมตรวจค้นขบวนรถไฟสายภาคอีสานที่มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพในครั้งนี้ เป็นการปฏิบัติการครั้งแรกของตำรวจภูธรภาค 3 เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการสกัดกั้นเส้นทางลำเลียงยาเสพติด หลังจากที่มีการรายงานว่าขบวนรถไฟเป็นเส้นทางหนึ่งที่ขบวนการค้ายาเสพติดจะใช้ในการขนย้ายยาเสพติด โดยจะมีการปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง

ดูคลิปวิดีโอข่าวได้ที่นี่ครับ
http://77.nationchannel.com/playvideo.php?id=149998

[Wisarut]

แผนทำทางข้ามรถไฟบานงบพุ่ง7พันล.
หน้า เศรษฐกิจ
ไทยโพสต์ 17 พฤษภาคม 2554 - 00:00

ทช.ปรับแผนสร้างสะพานข้ามทางรถไฟใหม่หลายจุดเปลี่ยนเป็นอุโมงค์ลอด ส่งผลใช้เงินเพิ่มอีก 7,192.58 ล้าน เตรียมเสนอ ครม.สมัยหน้าพิจารณา

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้ปรับแผนการดำเนินงานและกรอบวงเงินโครงการก่อสร้างสะพานข้ามจุดตัดทางรถไฟตามแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของ รฟท.วงเงิน 1.76 แสนล้านบาทในระยะเร่งด่วน 2555-2557 ใหม่ ส่งผลให้วงเงินก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟจำนวน 114 แห่ง มูลค่า 19,012.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอีก 7,192.58 ล้านบาท เนื่องจากมีหลายจุดที่ชาวบ้านต้องการให้เปลี่ยนจากการก่อสร้างสะพานข้ามเป็นอุโมงค์ลอดทำให้มูลค่าการก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีการพิจารณา ดังนั้น หลังจากการเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว ทางกระทรวงคมนาคมจะรีบนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณาอนุมัติอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม แผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของการรถไฟแห่งประเทศไทยนั้น กรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้รับมอบหมายให้ก่อสร้างทางต่างระดับข้ามทางรถไฟ ประกอบด้วย ทล. จำนวน 83 แห่ง วงเงิน 15,990 ล้านบาท และ ทช. จำนวน 31 แห่ง วงเงินประมาณ 3,022 ล้านบาท

“ต้องเร่งเสนอให้ ครม.อนุมัติ เพราะต้องวางแผนงานล่วงหน้าให้สอดคล้องกับแผนลงทุนรถไฟทางคู่ในอนาคตด้วย โดยเฉพาะเส้นทางในภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นอันดับแรก คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2557 เพื่อรองรับการบริการด้านขนส่งสินค้าทางรถไฟที่มีแผนก่อสร้างรางคู่หลายเส้นทางในอนาคต” แหล่งข่าวกล่าว

[Wisarut]

รฟท.เร่งสรรหาผู้ประกอบการไอซีดี
โดย ทีมข่าวเศรษฐกิจ
ไทยรัฐออนไลน์
15 พฤษภาคม 2554 15:28

วันที่ 15 พ.ค. นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรรหาผู้ประกอบการเพื่อเข้ามารับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากลาง (ไอซีดี) ลาดกระบัง หลังจากที่สัญญาสัมปทานกับผู้ประกอบการเอกขน 6 รายเดิมได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 5 มี.ค.2554 ที่ผ่านมา โดย รฟท.จะเป็นผู้ประกอบการสถานีไอซีดีเอง แต่คัดเลือกเอกชน เพียง 2 รายเข้ามาดำเนินการ ตามขั้นตอนจะต้องเสนอขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งต้องรอรัฐบาลชุดใหม่ ในระหว่างนี้ใช้วิธีการว่าจ้างผู้ประกอบการ 6 รายเดิมเป็นการชั่วคราวก่อน

"เดิมสถานีไอซีดีทั้ง 6 แห่งรองรับการขนถ่ายตู้สินค้าได้เพียงปีละ 4 แสนทีอียู การปรับปรุงพื้นที่ใหม่ คาดว่าจะรองรับตู้สินค้าได้เพิ่มขึ้นเป็น 8 แสน ถึง 1 ล้านทีอียูได้ ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 150 %" นายสุพจน์ กล่าว

นายสุพจน์ กล่าวว่า จะมีการปรับรูปแบบการบริหารสถานีไอซีดี โดยให้ รฟท.ดำเนินการแทนการให้สัมปทานแก่เอกชน ซึ่งสถานีไอซีดีลาดกระบังแบ่งเป็น 6 สถานี จะต้องมีการปรับการใช้ประโยชน์ของพื้นที่แบ่งเป็น 2 โซน คือโซนตะวันออกและตะวันตก แต่ละโซนจะมีพื้นที่บริหารจัดการ 3 สถานี เพื่อให้เอกชนที่ได้รับการว่าจ้างดำเนินการปรับปรุงพื้นที่จัดทำเป็นจุดรวม และกระจายสินค้าได้เพิ่มขึ้น เพราะมีการปรับลดพื้นที่ส่วนที่เป็นสำนักงานจากเดิม 6 สถานีมี 6 จุด จะยุบรวมทั้งหมดเหลือเพียง 2 จุดเท่านั้น พื้นที่ส่วนที่เหลือสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ และเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายสำนักงานด้วย

นายสุพจน์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีการเสนอให้มีการปรับย้ายพื้นที่ตั้งของสถานีไอซีดีลาดกระบังออกไปในพื้นที่รอบนอก แต่ได้มีการพิจารณาเห็นว่าควรจะปรับปรุงพัฒนาการใช้ประโยชน์จากสถานีไอซีดี ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์คุ้มค่าที่สุด ตามข้อเสนอผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยให้พิจารณาจากแผนธุรกิจของผู้ประกอบการและการบริหารจัดการตู้สินค้าที่ สามารถทำรายได้ให้กับ รฟท.สูงสุด

นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการ รฟท. กล่าวว่า ที่ผ่านมา รฟท. ได้ให้สัมปทานผู้ประกอบการเอกชนเข้ามาสถานีไอซีดี ตั้งแต่ปี 2539 และสัญญาสิ้นสุดลงตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2554 ดังนั้นในระหว่างการพิจารณาคัดเลือกเอกชนเข้ามาดำเนินการ จึงต้องให้เอกชนรายเดิมดำเนินการไปก่อน ซึ่งในปัจจุบัน รฟท. มีรายได้จากการให้สัมปทานเอกชนทั้ง 6 ราย ปีละ 400 ล้านบาท คาดว่าหลังจากที่มีการปรับรูปแบบโดยให้ รฟท. เข้ามาดำเนินการเอง โดยว่าจ้างเอกชน 2 รายเข้ามาบริหารสถานีไอซีดี ทำให้มีรายได้เพิ่มเป็น 800 ล้านบาท ซึ่งแต่ละรายจะรับผิดชอบบริหารพื้นที่ 3 สถานี กำหนดอายุสัญญาว่าจ้างคราวละ 5 ปี ทั้งนี้ในรายงานการประชุม ระบุว่า เดิมที รฟท. ได้เปิดประมูลคัดเลือกเอกชน 6 รายเข้ามารับสัมปทานบริหารสถานีไอซีดีทั้ง 6 แห่ง คือสถานีเอ บี ซี ดี อี และเอฟ ระยะเวลาสัมปทาน 10 ปี ตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค.2549 ถึง 5 มี.ค.2554 หลังจากนั้นได้มีการต่อสัญญาออกไปอีก 5 ปี ซึ่งได้มีการการต่อสัญญาสัมปทานออกไปอีก 5 ปี ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 5 มี.ค.2554 ที่ผ่านมา