Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:312073
ทั่วไป:13683543
ทั้งหมด:13995616
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 44, 45, 46 ... 284, 285, 286  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 47475
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 23/08/2011 11:42 am    Post subject: Reply with quote

'ยิ่งลักษณ์' นำครม.แถลงนโยบายร่ายยาว
โพสต์ทูเดย์ 23 สิงหาคม 2554 เวลา 09:48 น.

'ยิ่งลักษณ์' นำครม.แถลงนโยบายเร่งรัด 2 ส่วน 'เร่งด่วน1ปีระยะยาว4ปี' ลั่นขอสร้างความปรอดองสามัคคี เน้นพัฒนาเศรษฐกิจยั่งยืน เดินหน้าปูพรมนโยบายหาเสียงให้เป็นจริง

เวลา 9.00น.ที่รัฐสภา คณะรัฐมนตรี(ครม.)นำโดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาและชี้แจงการดำเนินการตามแนวนโยบายแห่งรัฐตามรัฐธรรมนูญมาตรา 176 ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้อ่านเอกสารแถลงนโยบายทั้งหมด 44 หน้าโดยสรุปว่า จากสถานการณ์และสภาวะแวดล้อมของเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงมีนัยสำคัญได้ส่งผลให้ประเทศไทยอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านเชิงโครงสร้างที่สำคัญ 3 ประการ คือ 1.การเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจ ที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงสูงไม่สามารถก้าวพ้นวิกฤตได้อย่างยั่งยืน เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนสูงอยู่ในกระบวนการเปลี่ยนผ่านขั้วอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองไปสู่ศูนย์กลางใหม่ทางทวีปเอเซียในระยะยาว

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า 2.การเปลี่ยนผ่านทางด้านการเมือง ความขัดแย้ง ทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา แม้จะมีผลต่อความเชื่อมมั่นทางเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ผ่านมาผูกโยงกับภาวะเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ดี ความขัดแย้งดังกล่าวมีผลกระทบต่อการวางพื้นฐานเพื่ออนาคตในระยะยาว และทำให้สูญเสียโอกาสในการเดินหน้าเพื่อพัฒนาประเทศในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เพียง 3.6% ซึ่งต่ำกว่าที่ควรจะเป็น 3.การเปลี่ยนผ่านเชิงโครงสร้างประชากรและสังคมไทย โครงสร้างดังกล่าวของไทยกำลังเปลี่ยนไปสู่สังคมผู้สูงอายุจะมีผลต่อปริมาณและคุณภาพของคนไทยในอนาคต

"นโยบายการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลจะยึดหลักการบริหารที่มีความยืดหยุ่นที่คำนึงพลวัตรการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาล นโยบายของรัฐบาลมีจุดมุ่งหมาย 3 ประการ คือ ประการที่หนึ่ง เพื่อนำประเทศไทยไปสู่โครงสร้างเศรษฐกิจที่สมดุลมีความเข้มแข็งของเศรษฐกิจภายในประเทศมากขึ้น ประการที่สอง เพื่อนำประเทศไทยไปสู่สังคมที่มีความปรองดองสมานฉันท์และอยู่บนพื้นฐานของหลักนิติธรรมที่เป็นมาตรฐานสากลเดียวกันและมีหลักปฏิบัติที่เท่าเทียมกันต่อประชาชนคนไทยทุกคน ประการที่สาม เพื่อนำประเทศไทยไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2558 อย่างสมบูรณ์โดยสร้างความพร้อมและความเข้มแข็งทั้งด้านเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรมและการเมืองและความมั่นคง" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว

จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แถลงนโยบายลงในรายละเอียด 2 ส่วนสำคัญ คือ 1.นโยบายเร่งด่วนที่จะเริ่มดำเนินการในปีแรก และ 2.นโยบายตลอดระยะการบริหารราชการ 4 ปีของรัฐบาล ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการนำนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยมาไว้ในคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า สำหรับนโยบายระยะเร่งด่วนที่จะเริ่มดำเนินการในปีแรกมี 16 ด้านแบ่งเป็น1. สร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติและฟื้นฟูประชาธิปไตย เสริมสร้างความเข้าใจร่วมกันของประชาชนในชาติให้เกิดความสมัครสมานสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เยียวยาและฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องแก่บุคคลทุกแก่บุคคลทุกฝ่าย เช่น ประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐและผู้ประกอบการภาคเอกชน ซึ่งได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางความคิด ทางการเมืองและความรุนแรงที่ก่อตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายของการใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 สนับสนุนให้คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อแนวทางปรองดองแห่งชาติ(คอป.) ดำเนินการอย่างอิสระและได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ในการตรวจสอบหาความจริงกรณีความรุนแรงทางการเมือง การละเมิดสิทธิมนุษยชน การสูญเสียชีวิต บาดเจ็บทางร่างกายและจิตใจ ความเสียหายทางทรัพย์สิน

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า 2. กำหนดให้การแก้ไขและป้องกันปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ 3. ป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นในภาครัฐอย่างจริงจัง 4.เร่งแก้ไขปัญหาความไม่สงบและนำสันติสุขกลับสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเร็ว 5. เร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและนานาประเทศ 6.แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อและราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 7.ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน พักหนี้ครัวเรือนของเกษตรกรรายย่อยและผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้ต่ำกว่า 5 แสนบาท อย่างน้อย 3 ปี และปรับโครงสร้างหนี้สำหรับผู้ที่มีหนี้เกิน 5 แสนบาท เพิ่มรายได้รายวันสำหรับแรงงานเป็นวันละ 300 บาท และรายเดือนของผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีเป็น 15,000 บาท


8.ปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลให้เหลือร้อยละ 23 ในปี 2555 และลดลงร้อยละ 20 ในปี 2556 เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชน ขยายฐานภาษีและรองรับเข้าสู่การเป็นประชาคาอาเซียนในปี 2558 9.ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนสนับสนุนสินเชื่อรายย่อย เพิ่มกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง 1 ล้านบาท จัดตั้งกองทุนพัฒนาศักยภาพสตรีเฉลี่ยจังหวัดละ 100 ล้านบาท จัดตั้งกองทุนตั้งตัวได้วงเงินประมาณ 1 พันล้านต่อสถาบันอุดมศึกษาที่ร่วมโครงการสนับสนุนการสร้างผู้ประกอบการรายย่อย 10.ยกระดับสินค้าการเกษตรและให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยให้มีการประกันภัยพืชผลและนำระบบรับจำนำสินค้าการเกษตรมาใช้ รวมถึงการออกบัตรเครดิตสำหรับเกษตรกร

11.ส่งเสริมให้มีการจัดการน้ำอย่างบูรณาการด้วยการสร้างระบบชลประทานขนาดใหญ่ กลาง เล็ก 12. เร่งเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวโดยได้ปี 2554 – 2555 เป็นปีมหัศจรรย์ไทยแลนด์ (มิราเคิลไทยแลนด์ เยียร์) และประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวร่วมเฉลิมฉลองในพระราชพิธีมหามงคลในช่วงปี 2554-2555 13. สนับสนุนงานศิลปหัตถกรรมเพื่อสร้างเอกลักษณ์และผลิตสินค้าในท้องถิ่น 14. พัฒนาระบบประกันสุขภาพ 30 บาทรักษาทุกโรค 15.จัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์แทปเล็ตให้โรงเรียน โดยเริ่มทดลองดำเนินการในโรงเรียนนำร่อง สำหรับระดับประถมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2555 ควบคู่กับการพัฒนาเนื้อหาที่เหมาะสมตามหลักสูตรบรรจุลงในแทปเล็ต รวมถึงทำอินเตอร์เน็ตไร้สายในระดับการให้บริหารและในพื้นที่สาธารณะ รวมถึงสถานศึกษาที่กำหนดฟรี 16. เร่งรัดและผลักดันการปฏิรูปการเมือง ที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างกว้างขว้าง โดยมีสภาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยให้ประชาชนเห็นชอบโดยการออกเสียงประชามติ

จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวอีกว่า ขณะที่ นโยบายตลอดระยะการบริหารราชการ 4 ปีของรัฐบาล อาทิ นโยบายโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาระบบรางเพื่อขนส่งมวลชนและการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการ ด้วยการศึกษาและพัฒนารถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพ-เชียงใหม่ กรุงเทพ-นครราชสีมา กรุงเทพ-หัวหิน และเส้นทางอื่นเพื่อเตรียมการเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ศึกษาและพัฒนาขยายทางรถไฟสายแอร์พอร์ตเรลลิงค์ ต่อจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปยังชลบุรีและพัทยา เร่งรัดโครงการรถไฟฟ้า10สายในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ให้สามารถเริ่มก่อสร้างได้ครบใน4ปีโดยเก็บค่าบริการ 20 บาทตลอดสายทั้งระบบรวมทั้งเร่งพัฒนาระบบตั๋วร่วมบัตรเดียว และพัฒนาที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อยให้มีโอกาสไดที่อยู่อาศัยในราคาและค่าเช่าถูกตามบริเวณใกล้สถานีรถไฟฟ้า

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า พัฒนาการขนส่งทางน้ำและกิจการพาณิชยนาวีขนส่งเดินเรือชายฝั่งทะเลทั้งฝั่งด้านทะเลอันดามันและฝั่งด้านทะเลออ่าวไทย โดยพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและสะพานเศรษฐกิจเชื่อมสองฝั่งทะเลภาคใต้ พัฒนาท่าอากาศยานสากล ท่าอากาศยานภูมิภาคและอุตสาหกรรมการบินของไทย รวมทั้งเพิ่มความสามารถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้รองรับผู้โดยสารจากปีละ45ล้านคนเป็นปีละ65 ล้านคนขึ้นไปเพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบิน สร้างภูมิคุ้มกันและเตรียมความพร้อมในการรองรับและปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของของสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติธรรมชาติ ดำเนินการศึกษาอย่างรอบคอบในเรื่องของความจำเป็นของโครงการพัฒนาเขื่อนและเกาะเพื่อป้องกรุงเทพและภาคกลางให้ปลอดภัยจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและจากการละลายของน้ำแข็งขั้วโลกตามสภาวะโลกร้อนที่กำลังเกิดขึ้น

"รัฐบาลขอให้ความเชื่อมั่นต่อรัฐสภาว่ารัฐบาลจะบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตและมีประสิทธิภาพ มุ่งมั่นที่จะให้ประเทศมีความเจริญรุ่งเรืองมีความสามัคคี ปรองดอง และมีความยุติธรรม รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้อย่างมีศักดิ์ศรีในเวทีโลก พร้อมทั้งนำความสุขกลับคืนมาให้พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 44074
Location: NECTEC

PostPosted: 24/08/2011 6:53 pm    Post subject: Reply with quote

‘สุกำพล’ฟื้นมักกะสัน คอมเพล็กซ์ ดันแอร์พอร์ตลิงค์ถึงระยอง
ข่าวปก
สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1230
24-26 สิงหาคม 2554

รฟม./คมนาคม: “สุกำพล” ฟิตจัดเร่งเปิดประมูลรถไฟฟ้า 10 สาย เพื่อให้ก่อสร้างได้ภายในปี 54 นี้ พร้อมวางแผน ระยะยาวต่อขยายแอร์พอร์ต ลิงค์เชื่อมดอนเมือง-ระยอง ลุยปลุกผีมักกะสันคอมเพล็กซ์ ดันโครงการแอร์พอร์ตลิงค์สมบูรณ์แบบ และ ใช้ประโยชน์ที่ดินให้เต็มที่ ยืนยันค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวง คมนาคม เปิดเผยว่า รัฐบาล มีนโยบายเร่งรัดโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าจำนวน 10 เส้น ทาง หลังจากนี้จะพิจารณาว่าแต่ละโครงการอยู่ในขั้นตอนใด และมีความพร้อมอย่างไรบ้าง หากโครงการมีความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นแบบก่อสร้าง งบประมาณ กระทรวงฯจะเร่งประกวดราคาคัดเลือกผู้รับเหมา เพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 10 เส้นทางภายในปีนี้ “โครงการใดที่อยู่ระหว่างเปิดประมูลคัดเลือกเอกชนหรือผู้รับเหมาที่จะเข้ามาดำเนินการก็ให้ดำเนินการต่อ ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาหรืออยู่ในขั้นตอนการขออนุมัติต่างๆ จะต้องนำมาพิจารณาศึกษาเพื่อดูในรายละเอียดให้เหมาะสมกับแผนดำเนินงาน” พล.อ.อ.สุกำพลกล่าว

สำหรับโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 10 เส้นทาง ประกอบด้วย
1.สายสีแดงเข้ม เส้นทางธรรมศาสตร์มหาชัย ระยะทาง 80.8 กม.
2.สายสีแดงอ่อน เส้นทางศาลายา-หัวหมาก ระยะทาง 58.5 กม.
3.สายแอร์พอร์ตลิงค์ ช่วง ดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท-สุวรรณภูมิ ระยะทาง 50.3 กม.
4.สายสีม่วง เส้นทางบางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 42.8 กม.
5.สายสีน้ำเงิน เส้นทางบางซื่อ-หัวลำโพง-ท่าพระ-พุทธมณฑลสาย 4 ระยะทาง 55 กม.
6.สายสีเขียวเข้ม เส้นทางลำลูกกา-สมุทรปราการ ระยะทาง 66.5
7.สายสีเขียวอ่อน เส้นทางยศเส-บางหว้า ระยะทาง 15.5 กม.
8.สายสีส้ม เส้นทางตลิ่งชัน-มีนบุรี ระยะทาง 37.5 กม.
9.สายสีชมพู เส้นทางแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 36 กม. และ
10.สายสีเหลือง เส้นทางลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กม.

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวด้วย ว่า จะมีการพิจารณาโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง หรือ แอร์พอร์ต ลิงค์ ส่วนต่อขยายจากพญาไท-บางซื่อ-ดอนเมืองและช่วงสุวรรณภูมิ-สนามบินอู่ตะเภา-ระยองอีกครั้ง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการเดินทาง และเป็นไปตามนโยบายที่รัฐบาลได้หาเสียงไว้

“ตามแผนงานในระยะยาวจะต้องขยายแนวเส้นทางรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ ออกไปอู่ตะเภาและดอนเมือง ซึ่งเป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ ขณะเดียวกันจะได้สนับสนุนโครงการก่อสร้างมักกะสันคอมเพล็กซ์ บนพื้นที่บริเวณสถานีมักกะสัน ซึ่งจะทำให้โครง การแอร์พอร์ตลิงค์สมบูรณ์ และเป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เต็มที่” พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว

ส่วนนโยบายดำเนินการเก็บค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าทุกเส้นทางในอัตรา 20 บาทตลอดสายนั้น จะเริ่มจากรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต ลิงค์ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กับโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินสายเฉลิมรัชมงคล หรือรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ก่อน ซึ่งเชื่อว่าสามารถทำได้

ด้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงฯ ได้เสนอแนวทางการดำเนินงาน เพื่อจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าในอัตรา 20 บาทตลอดสาย ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแล้ว โดยผลศึกษาระบุว่า แนวทางดังกล่าวจะส่งผลให้ปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าในภาพรวมจาก 3 โครงการ คือ รถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ เพิ่มขึ้นเป็นวันละประมาณ 9.7 แสนเที่ยว หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยกว่า 30% จากปัจจุบัน 7.4 แสนเที่ยว

อย่างไรก็ตาม เมื่อปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้รายได้จากค่าโดยสารเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่รายได้ที่เพิ่มขึ้นจะครอบคลุมรายได้ที่ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าทั้ง 3 รายได้รับหรือไม่นั้น กระทรวงฯ จะพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง ซึ่งโดยหลักการนั้น หากรายได้ต่ำกว่าเดิม ภาครัฐต้องจ่ายเงินอุดหนุนให้เอกชน โดยกระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณาจัดหาแหล่งเงิน แต่ถ้ารายได้สูงกว่าเดิม ภาครัฐไม่จำเป็นต้องสนับสนุน และยกประโยชน์ให้กับประชาชนที่จะได้ใช้บริการรถไฟฟ้าในราคาต่ำ

สำหรับรถไฟฟ้าที่จะสามารถดำเนินการได้ก่อน คือ รถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที ซึ่งการ รฟม.เป็นเจ้าของสัมปทาน และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต ลิงค์ ซึ่งดำเนินการโดยร.ฟ.ท. ส่วนรถไฟฟ้าบีทีเอสนั้น กระทรวงฯ ยังไม่ได้ติดต่อประสานกับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทาน

อย่างไรก็ดี จากการหารือเบื้องต้นกับบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีเอ็มซีแอล ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที พบว่าบีเอ็มซีแอลพร้อมเจรจา และเชื่อว่า ร.ฟ.ท.พร้อมสนับสนุนนโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย เพราะจะช่วยให้รายได้เพิ่มขึ้น จะเห็นว่าหลังจาก ร.ฟ.ท.ลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าด่วนสุวรรณภูมิเหลือเที่ยวละ 90 บาท จากเดิม 150 บาท ส่งผลให้ปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 2,000-3,000 เที่ยว จากเดิมวันละ 600 เที่ยว

“สิ่งที่ต้องเร่งพิจารณาเพื่อดำเนินการตามนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย คือ ปัญหาการเชื่อมต่อระบบรถไฟฟ้า เช่น ผู้โดยสารที่ใช้รถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีและต้องต่อรถไฟฟ้าบีทีเอสหรือต่อไปยังรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต ลิงค์ จะทำอย่างไรเพื่อไม่ต้องจ่ายค่าโดยสารเมื่อเข้าระบบใหม่อีก” นายสุพจน์ กล่าว

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ปัจจุบันรถไฟฟ้าบีทีเอสมีปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ยวันละประมาณ 5.1 แสนเที่ยว อัตราค่าโดยสารเฉลี่ยเที่ยวละ 24 บาท มีรายได้วันละประมาณ 12 ล้านบาท ส่วนรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที มีปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ยวันละ 2.2 แสนเที่ยว อัตราค่าโดยสารเฉลี่ยเที่ยวละ 26 บาท รายได้วันละประมาณ 5.7 ล้านบาท และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ มีปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ยวันละ 3.7 หมื่นเที่ยว อัตราค่าโดยสารเฉลี่ยเที่ยวละ 31 บาท มีรายได้วันละประมาณ 1.1 ล้านบาท โดยทั้ง 3 โครงการมีรายได้รวมวันละประมาณ 18.8 ล้านบาท
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 44074
Location: NECTEC

PostPosted: 25/08/2011 10:08 am    Post subject: Reply with quote

อาจารย์สามารถ ท่านได้ตำหนิติเตียน นโยบาย ค่าโดยสาร รถไฟฟ้า 20 บาท ที่เพื่อไทย ผลักดัน ตามที่แสดงใน บทความต่อไปนี้:

//----------------------------------------------------------------------------------------

รถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย
โดย สามารถ ราชพลสิทธิ์
หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน
วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 21:30:00 น.

รัฐบาลประกาศว่า จะเร่งก่อสร้างรถไฟฟ้า 10 สาย ทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล พร้อมจะจัดเก็บค่าโดยสาร 20 บาท ตลอดสาย

ผู้เขียนเห็นด้วยที่รัฐบาลจะเร่งก่อสร้างรถไฟฟ้าเชื่อมโยงตัวเมืองกับชานเมืองในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ตามแผนแม่บทที่จัดทำโดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนช.) แต่รัฐบาลไม่ควรจะเร่งก่อสร้างพร้อมกันหลายสายในหลายพื้นที่ เพราะจะมีปัญหาการหาแหล่งเงินทุนเนื่องจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าต้องใช้เงินจำนวนมาก และจะทำให้เกิดวิกฤตจราจร จราจรจะจลาจลทั่วกรุงเทพฯ

กรุงเทพฯจะเป็นอัมพาต!

ดังที่เห็นกันอยู่ในเวลานี้ แม้ว่าไม่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าทั่วกรุงเทพฯ ก็ตาม รถก็ติดอย่างวินาศสันตะโรอยู่แล้ว รัฐบาลควรที่จะเลือกก่อสร้างเส้นทางที่มีความพร้อมทั้งเรื่องแบบก่อสร้าง การเวนคืน และควรเป็นเส้นทางที่คาดว่าจะมีผู้โดยสารมากก่อนเป็นอันดับแรก

การที่รัฐบาลประกาศว่า จะเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าราคาเดียว 20 บาทตลอดสาย ผู้เขียนเกรงว่าจะไม่สามารถกระทำได้ ดังได้เกิดขึ้นแล้วในสมัยรัฐบาลไทยรักไทย ที่เคยมีนโยบายจะเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าราคาเดียว 15 บาท ตลอดสาย เนื่องจากเหตุผลสำคัญคือ จะมีปัญหากับผู้รับสัมปทานในโครงการรถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน รฟม.ที่ในเวลานี้เก็บค่าโดยสารตามระยะทาง โดยทั้งสองโครงการมีค่าโดยสารสูงสุด 40 บาท

การที่รัฐบาลจะเก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย จะทำให้ผู้รับสัมปทานทั้งสองโครงการมีรายได้จากค่าโดยสารน้อยลง

ผู้รับสัมปทานก็จะไม่ยอมให้ความร่วมมือ!

ทางแก้ก็คือ รัฐจะต้องเสียเงินชดเชยค่าโดยสารให้ผู้รับสัมปทาน หรือต้องซื้อกิจการรถไฟฟ้าคืนจากผู้รับสัมปทาน ซึ่งจะต้องใช้เงินนับแสนล้านบาท เงินจำนวนมากขนาดนี้สามารถนำไปต่อขยายสายทางรถไฟฟ้าสู่พื้นที่ชานเมืองได้หลายสาย

นอกจากปัญหาที่จะเกิดกับผู้รับสัมปทานแล้ว ยังจะทำให้เกิดปัญหาอื่นอีกมากมาย ดังนี้

(1) จะขาดความเป็นธรรมกับผู้โดยสาร คนนั่งรถไฟฟ้าระยะทางใกล้ต้องเสียค่าโดยสารเท่ากับคนนั่งรถไฟฟ้าระยะทางไกล ผู้ที่นั่งรถไฟฟ้าเพียงสถานีเดียวจะให้เขาจ่ายเท่ากับผู้ที่นั่งรถไฟฟ้า 20 สถานีได้อย่างไร อีกทั้งในเวลานี้มีผู้จ่ายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 10-15 บาท แต่วันดีคืนดี ให้เขาจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 20 บาท

ใครจะยอม!

(2) ผู้โดยสารรถเมล์ปรับอากาศอาจจะเรียกร้องให้รัฐบาลเก็บค่าโดยสารในราคาเดียวตลอดสายเช่นเดียวกับค่าโดยสารรถไฟฟ้า เช่น 10 บาท ตลอดสาย ในเวลานี้ อัตราค่าโดยสารรถเมล์ปรับอากาศยูโรทู เริ่มตั้งแต่ 12-22 บาท เป็นการเก็บตามระยะทาง นั่งน้อยจ่ายน้อย นั่งมากจ่ายมาก โดยมีอัตราค่าโดยสารสูงสุดแพงกว่าค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายเสียอีก

(3) การเก็บค่าโดยสารอัตราเดียว 20 บาทตลอดสาย จะทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับรถไฟฟ้าไม่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ ต้องขอเงินสนับสนุนค่าโดยสารจากรัฐบาลปีละหลายหมื่นล้านบาท นั่นหมายความว่า รัฐบาลต้องใช้เงินภาษีจากพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ เงินของตาสีตาสา มาชดเชยค่าโดยสารให้กับคนกรุงเทพฯ หรือมาช่วยคนกรุงเทพฯ

ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อคนต่างจังหวัด

(4) การเก็บค่าโดยสาร 20 บาท ตลอดสายจะทำให้รัฐบาลเสียโอกาสจะได้เงินจากผู้โดยสารที่มีกำลังจะมีความเต็มใจจะเสียค่าโดยสารมากกว่า 20 บาท

แม้ว่าในอนาคตอันยาวนาน เมื่อมีการสร้างรถไฟฟ้าครบทุกสายแล้ว จะมีผู้โดยสารใช้รถไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นถึง 6 ล้านคนต่อวันก็ตาม (ปัจจุบันมีผู้โดยสารประมาณวันละ 700,000 คน) ก็ยังไม่สามารถทำให้การเดินรถไฟฟ้ามีกำไรได้ ด้วยเหตุผล ดังนี้

ผู้โดยสาร 6 ล้านคนต่อวัน ค่าโดยสารคนละ 20 บาท จะทำให้มีรายได้ 120 ล้านบาทต่อวัน หรือประมาณ 40,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งคิดเป็นประมาณ 4% ของเงินลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าทุกสาย ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1 ล้านล้านบาท รายได้แค่ 4% ต่อปี ถือว่าน้อยมาก ไม่พอจ่ายค่าดอกเบี้ย ซึ่งมีอัตราประมาณ 6% ต่อปี อีกทั้ง ยังต้องเสียค่าบริหารจัดการประมาณ 2% ต่อปี

ดังนั้น จะเห็นว่า การบริหารจัดการรถไฟฟ้าจะขาดทุน 4% ต่อปี หรือคิดเป็นเงินประมาณ 40,000 ล้านบาท ต่อปี

ผู้เขียนขอเสนอแนะรัฐบาลให้เก็บค่าโดยสารตามระยะทาง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้โดยสาร นั่งน้อยจ่ายน้อย นั่งมากจ่ายมาก แต่มีส่วนลดสำหรับคนชรา นักเรียน คนพิการ และพระภิกษุสงฆ์ และให้เป็นไปตามหลักการเดียวกันกับค่าโดยสารรถเมล์ปรับอากาศ และค่าใช้ทางด่วน ซึ่งในอดีตนั้นค่าทางด่วนเคยเก็บในอัตราเดียวตลอดสาย เช่น 10 หรือ 15 บาท ตลอดสาย แต่เมื่อมีการต่อทางด่วนยาวขึ้น ก็ได้มีการเปลี่ยนการจัดเก็บค่าผ่านทางตามระยะทาง ในอนาคตเราจะมีรถไฟฟ้าเป็นระยะทางยาวกว่า 500 กิโลเมตร จะเก็บค่าโดยสารในอัตราเดียวได้อย่างไร

การที่เสนอแนะอย่างนี้ ไม่ได้หมายความว่า ผู้เขียนไม่เห็นใจผู้มีรายได้น้อย ผู้เขียนเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง และเห็นว่ารัฐบาลควรนำเงินที่จะต้องชดเชยค่าโดยสารปีละหลายหมื่นล้านบาท ไปช่วยผู้มีรายได้น้อยในโครงการรถเมล์ฟรี โดยการเพิ่มจำนวนสาย และจำนวนรถให้มากขึ้น รวมทั้งโครงการไฟฟ้าฟรีและรถไฟฟรี

นอกเหนือจากนี้ รัฐบาลควรจะนำเงินจำนวนนี้ไปต่อขยายสายทางรถไฟฟ้าสู่พื้นที่ชานเมืองให้มากขึ้น เช่น พื้นที่คูคต ลำลูกกา มีนบุรี สำโรง สมุทรปราการ บางบอน มหาชัย ศาลายา และพุทธมณฑล เป็นต้น

หากทำได้เช่นนี้จะเกิดประโยชน์ทั้งผู้โดยสารรถไฟฟ้าและผู้โดยสารยานพาหนะอื่น รวมทั้งรถส่วนตัว เพราะเมื่อมีผู้เปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น ยวดยานพาหนะบนท้องถนนก็จะลดน้อยลง รถก็จะติดน้อยลง รถเมล์ก็จะวิ่งได้เร็วขึ้น

คิดใหม่เถอะ รัฐบาล อย่าปล่อยให้นโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย ต้องล้มเหลวดังที่ได้เกิดขึ้นแล้วกับนโยบายรถไฟฟ้า 15 บาท ตลอดสายเลย
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 47475
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 26/08/2011 1:09 pm    Post subject: Reply with quote

บอร์ด รฟท.ตั้งงบปี 55 เพิ่ม รองรับนโยบายขนส่งสาธารณะ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 สิงหาคม 2554 12:29 น.

นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานกรรมการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ เห็นชอบตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ 2555เพิ่มเติม เพื่อรองรับนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา เรื่องนโยบายโครงสร้างพื้นฐานการพัฒนาระบบรางเพื่อขนส่งมวลชน และการบริหารจัดการระบบขนส่งสินค้า และบริการ 13 โครงการ อาทิ โครงการศึกษาและพัฒนารถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ สายกรุงเทพฯ- นครราชสีมา และกรุงเทพฯ-หัวหิน รวมทั้งโครงการศึกษาและพัฒนาขยายทางรถไฟสายแอร์พอร์ต ลิงก์ ต่อจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปยังชลบุรี และพัทยา

ส่วนการจัดทำโครงการรถไฟฟ้าเชื่อมต่อจากพญาไท-บางซื่อ-ดอนเมือง ในระยะแรก กระทรวงจะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโครงการเชื่อมต่อจากพญาไท-บางซื่อ เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในเขตกรุงเทพฯ และหากมีความชัดเจนในการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง เป็นท่าอากาศยานแห่งที่ 2 จะดำเนินการโครงการเชื่อมต่อจากพญาไท-บางซื่อ-ดอนเมือง ต่อไป ซึ่งจะทำให้ไม่มีจุดตัดทางรถไฟกับถนน ตั้งแต่ช่วงบางซื่อ–หัวลำโพง เป็นการลดปัญหาการจราจรได้อย่างมาก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องสิ่งแวดล้อม ของคณะกรรมการผู้ชำนาญการ ภายใต้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 47475
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 29/08/2011 12:04 pm    Post subject: Reply with quote

รมว.คมนาคมเตรียมเร่งเดินหน้ารถไฟฟ้าทั้ง 10 สาย
สำนัหข่าวไทย วันจันทร์ ที่ 29 ส.ค. 2554

กรุงเทพฯ 29 ส.ค.- พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงภารกิจของกระทรวงคมนาคม ว่า หลังจากนี้จะเดินหน้าโครงการสำคัญหลายโครงการ เช่น รถไฟฟ้า 10 สาย จะเร่งเปิดประมูลภายใน 4 ปี ส่วนค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย นั้น เบื้องต้นจะมีการเก็บค่าโดยสารดังกล่าวเมื่อมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าครบทั้ง 10 เส้นทาง

พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ได้มอบหมายให้นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ไปศึกษาว่าระบบรถไฟฟ้าในปัจจุบันทั้งรถไฟฟ้าใต้ดิน บีทีเอส และแอร์พอร์ตลิงค์ รวมทั้งรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เช่น สายสีม่วงส่วนต่อขยาย สามารถรวมกันและจัดเก็บค่าโดยสารราคา 20 บาทได้หรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีโครงการสำคัญ เช่น การขยายแอร์พอรต์ลิงค์ ถึงอู่ตะเภา การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเส้นทางไปจังหวัดนครราชสีมา ก่อนขยายถึงเชียงใหม่ และหนองคาย การก่อสร้างเพิ่มรถไฟทางคู่จากปัจจุบัน 300 กิโลเมตร เป็น 3,000 กิโลเมตร โครงการพัฒนาการเดินเรือและก่อสร้างท่าเรือที่ปากบารา จังหวัดสตูล จะเป็นโครงการที่เดินหน้าทำแน่นอน รวมถึงขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 ซึ่งจะต้องดำเนินการรองรับผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 45 ล้านคนต่อปี โดยในอนาคตมีการก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 และอาคารผู้โดยสารภายในประเทศอีก 1 อาคาร

พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวถึงการแบ่งงาน 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ว่า พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก ดูแลกรมทางหลวงชนบท องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) บริษัท ไทยเดินเรือทะเล และบริษัท อามาดิอุส นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ ดูแลงานทางน้ำ เช่น กรมเจ้าท่า บริษัท รถไฟฟ้า รฟท. จำกัด บริษัท วิทยุการบิน สถาบันการบินพลเรือน โรงแรมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวจะมีการแต่งตั้งแกนนำคนเสื้อแดงเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายเลขานุการ หรือข้าราชการการเมืองประจำกระทรวงต่าง ๆ ว่า แนวทางปรองดองก็ไม่ควรแบ่งแยกว่าสีไหนจะมาทำงาน โดยหากการแต่งตั้งสามารถทำหาที่ได้ เชื่อว่าทุกคนจะยอมรับ.-สำนักข่าวไทย
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 44074
Location: NECTEC

PostPosted: 30/08/2011 9:54 am    Post subject: Reply with quote

"สุกำพล"เตรียมเซ็นสัญญารถไฟฟ้า 10 สายใน 4 ปี
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 สิงหาคม 2554 15:56 น.



พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า สำหรับการดำเนินนโยบายต่อจากนี้ ในส่วนของโครงการเดิมจะดำเนินการต่อให้แล้วเสร็จ สำหรับโครงการใหม่ ในส่วนของการก่อสร้างรถไฟฟ้า 10 สาย จะดำเนินการเซ็นสัญญาให้ครบทุกสายภายใน 4 ปี โดยปีนี้จะเซ็นสัญญา 2 สาย คือ สายสีม่วง บางซื่อ-บางใหญ่ และสายสีเขียว แบริ่ง-สมุทรปราการ ส่วนในปี 2555 อีก 5 สาย ปี 2556 อีก 6 สาย
ในส่วนของนโยบาย 20 บาทตลอดสายนั้น หากการก่อสร้างรถไฟฟ้า 10 สายเสร็จสิ้น สามารถดำเนินการได้ทันที แต่สำหรับการให้บริการที่มีอยู่ขณะนี้ จะมีการหารือกับบริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ BMCL ในส่วนของรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที บริษัท Bangkok Mass Transit System หรือ BTS หากยินยอมจะสามารถดำเนินการได้ทันที
นอกจากนี้ พล.อ.อ.สุกำพล ยังกล่าวว่า หากการดำเนินการก่อสร้างครบ 10 สายแล้วเสร็จ และใช้นโยบาย 20 บาทตลอดสาย คาดว่าจะมีรายได้จากการจำหน่ายตั๋ว 7 ล้านตั๋วต่อวัน เป็นเงิน 140 ล้านบาท ซึ่งจะมีค่าซ่อมบำรุง 90 ล้านบาทต่อวัน เหลือรายได้จริงประมาณ 50 ล้านบาทต่อวัน หรือ 2 หมื่นล้านบาทต่อปี และรายได้จากการให้บริการเชิงพาณิชย์ การโฆษณา สามารถชดเชยส่วนต่าง และใช้จ่ายหนี้ของกระทรวงคมนาคมได้
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 44074
Location: NECTEC

PostPosted: 31/08/2011 9:59 am    Post subject: Reply with quote

'บิ๊กโอ๋' ย้ำยึดผลประโยชน์ประชาชนชี้ไม่มีใบสั่งการเมืองเล่นงานใคร!
โดย จิตวดี เพ็งมาก
หน้าเศรษฐกิจ เดลินิวส์
วันพุธ ที่ 31 สิงหาคม 2554 เวลา 0:00 น

ต้องยอมรับว่าทุกยุคทุกสมัย “กระทรวงคมนาคม” ถือเป็นกระทรวงเศรษฐกิจ กึ่งการเมือง ขึ้นชั้นเกรดเอ ด้วยความที่ทุกคนเห็นว่า เป็นหนึ่งในกระทรวงขุมทรัพย์ วัดจากงบประมาณในแต่ละปีเป็นแสนล้านบาท และยังได้ดูแลรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ที่อยู่ในชั้นเกรดเอ เมื่อเทียบกับรัฐวิสาหกิจด้วยกัน เช่น บริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) บริษัท การบินไทย จึงทำให้ทุกคนจับตากันว่า ใครจะมานั่งเป็นเจ้ากระทรวงใบหูกวาง

สำหรับรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ผู้ที่ได้รับตำแหน่งดังกล่าว คือ บิ๊กโอ๋ หรือ “พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต” แม้ชื่อจะไม่ดูคุ้นหูมาก แต่หากดูประวัติการทำงานแล้วต้องยอมรับว่า ไม่ธรรมดาทีเดียว เพราะเป็นเตรียมทหารรุ่น 10 ขึ้นชื่อเป็นเพื่อนรักกับ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้มีอำนาจสูงสุดตัวจริงเสียงจริงของพรรคเพื่อไทย

หลายฝ่ายจับตาการส่งเพื่อนรักมานั่งคุมกระทรวงบิ๊กเบิ้มว่า จะมีใบสั่งมากวาดล้างโปรเจคท์ หรือรื้อสัญญากับบริษัทใดเป็นพิเศษหรือไม่ “เดลินิวส์” จึงขอนำเสนอคำตอบที่ชัดเจน แม้ “บิ๊กโอ๋” นั่งทำงานในกระทรวงหูกวางไม่กี่วัน แต่ได้ทำการบ้านของกระทรวงคมนาคมมาเป็นอย่างดี ดังนี้

ถาม : โครงการรถไฟฟ้า 10 เส้นทาง และค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย จะเห็นความชัดเจนเมื่อไร

ตอบ : ผมมีแผนว่า รถไฟฟ้า 10 เส้นทาง จะต้องเซ็นสัญญาให้ได้ภายใน 4 ปีนี้ ได้ทั้ง 10 สายในทุกตอน ซึ่งหากมีรถไฟฟ้า 10 เส้นทางแล้ว จะทำให้พฤติกรรมของคนกรุงเทพฯตรงต่อเวลามากขึ้น ส่วนเรื่องค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย แนวคิดเดิมจะเริ่มดำเนินการ เมื่อรถไฟฟ้าครบ 10 เส้นทาง แล้วจึงค่อยเก็บ 20 บาท

ส่วนบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ (บีเอ็มซีแอล) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน เชื่อว่า พูดง่าย น่าจะพูดรู้เรื่อง รวมทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอส เช่นกันน่าจะคุยกันรู้เรื่อง ซึ่งการที่เราแยกหน่วยงานดูแลรถไฟฟ้าบางส่วนออกไป คงต้องมีการแก้ไข เพื่อให้กระทรวงคมนาคมดูไปเลยหน่วยงานเดียว เพราะถ้าแยกกันอย่างนี้แล้วจะดูแลยาก ต่อไปคงต้องคุยกันตรงนี้

ส่วนความชัดเจนในเรื่องเวลาจะเริ่มใช้ได้เมื่อไรนั้น ตอนที่พรรคหาเสียงไม่ได้บอกว่าเมื่อไร แต่ตรงนี้เราจะเร่งทำให้เกิดขึ้น ให้เห็นว่า เป็นจริงได้ ตอนนี้เราจะเริ่มจากรถไฟฟ้าใต้ดิน และแอร์พอร์ตเรลลิงก์ก่อน เพราะถ้ารอรถไฟฟ้าเสร็จ 10 สาย ใช้เวลาอีกตั้ง 8 ปี เราจึงจะใช้สายที่เสร็จแล้ว ให้ดำเนินการเร็วที่สุด

สิ่งเหล่านี้ คงต้องให้เวลาพิสูจน์ฝีมือ รมว.คมนาคม ที่ชื่อ “สุกำพล สุวรรณทัต” ผู้ซึ่งถูกสังคมตราไว้แล้วว่า เป็นเพื่อนรักของอดีตนายกรัฐมนตรี จะสมราคาคุยหรือไม่.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 44074
Location: NECTEC

PostPosted: 31/08/2011 3:36 pm    Post subject: ในที่สุด บิ๊กโอ๋ก็แผลงฤทธิ์เอาจนได้ Reply with quote

เพื่อไทยรื้อแผนปชป. ตัดทิ้งรถไฟฟ้า2สาย เส้นวัชรพล-พระราม9 และดินแดง-ยศเส
ประชาชาติธุรกิจ 31 สิงหาคม 2554 09:20:42 น.

แผน 4 ปีรถไฟฟ้า 10 สายเพื่อไทย สร้างแค่ 408 ก.ม. ใช้เงินลงทุน 6.6 แสนล้าน รื้อแผนแม่บทยุคประชาธิปัตย์ ตัดทิ้ง 2 สาย ระยะทางรวม 35.5 ก.ม. มีสายสีเทา "วัชรพล-พระราม 9" กับสายสีฟ้า "ดินแดง-ยศเส" จี้เซ็นสัญญา-ลงมือตอกเข็ม-ประมูลสายใหม่ให้จบภายใน 3 ปี


พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า รัฐบาลชุดนี้จะสร้างรถไฟฟ้า 10 สายให้เสร็จภายใน 7-8 ปี ทุกสายทางจะเริ่มต้นก่อสร้างและประมูลภายใน 4 ปีนี้

ปีนี้เซ็นก่อน 2 สาย 9 หมื่นล้าน

โดยในปี 2554 มี 2 สายทางพร้อมเซ็นสัญญา คือ 1.สีเขียว (แบริ่ง- สมุทรปราการ) 12.8 กิโลเมตร ค่าก่อสร้างกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท และ 2.สีแดง (บางซื่อ-รังสิต) 26 กิโลเมตร วงเงินกว่า 7.5 หมื่นล้านบาท ในปี 2555 มี 5 สายทางเตรียมประมูลและเซ็นสัญญา ได้แก่ 1.สีชมพู (แคราย-มีนบุรี) 36 กิโลเมตร 2.สีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่) 11.4 กิโลเมตร 3.สีแดง (บางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน และบางซื่อ-หัวลำโพง) 25.5 กิโลเมตร 4. สีม่วง (บางซื่อ-ราษฎร์บูรณะ) 19.8 กิโลเมตร 5.สีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-บางกะปิ-มีนบุรี) 20 กิโลเมตร

ปี 2556 เตรียมเซ็นสัญญา 6 สาย คือ 1.สีแดง (ศิริราช-ตลิ่งชัน) 2.สีแดง (ตลิ่งชัน-ศาลายา) 6 กิโลเมตร 3.สีแดง (รังสิต-ม.ธรรมศาสตร์) 10 กิโลเมตร 4.สีเขียว (สะพานใหม่-คูคต) 7 กิโลเมตร 5.สีเหลือง (ลาดพร้าว-พัฒนาการ-สำโรง) 30.4 กิโลเมตร และ 6.ส่วนต่อขยายแอร์พอร์ตลิงก์ (ดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท) 21.8 กิโลเมตร

ส่วนค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย มอบหมายปลัดกระทรวงคมนาคมเร่งสรุปข้อมูลในสายทางที่อยู่ในความรับผิดชอบ 2 สาย คือรถไฟฟ้าใต้ดินและแอร์พอร์ตลิงก์ รวมถึงเจรจารถไฟฟ้าบีทีเอส โดยรัฐอาจจะต้องชดเชยส่วนต่างให้เอกชนบ้าง

รื้อแผน ปชป.ตัดทิ้ง "สีเทา-สีฟ้า"

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า เมื่อเทียบกับแผนแม่บทรถไฟฟ้า 12 สายทาง ระยะทาง 509 กิโลเมตร ที่อนุมัติโดยรัฐบาลชุดที่แล้ว พบว่ารัฐบาลชุดนี้ตัดออก 2 สายทางด้วยกัน รวม 35.5 กิโลเมตร เหลือเพียง 469 กิโลเมตร คือ 1.สีเทา (วัชรพล-พระราม 9) ระยะทาง 26 กิโลเมตร และ 2.สีฟ้า (ดินแดง-ยศเส) ระยะทาง 9.5 กิโลเมตร

"เดิม 2 สายนี้เป็นระบบโมโนเรล ไม่รับกับนโยบายรัฐบาลเพื่อไทยที่จะสร้างเฉพาะรถไฟฟ้า นอกจากนี้ มติคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก หรือ คจร.ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในรัฐบาลชุดที่แล้ว ให้กรุงเทพมหานครเป็นผู้ก่อสร้าง แต่นโยบายรัฐบาลใหม่ตัดทิ้ง ไม่บรรจุในแผน 4 ปี หากกรุงเทพ มหานครจะสร้าง ก็ต้องหาเงินสร้างเอง"

แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ แผนก่อสร้างรถไฟฟ้า 10 สายทาง ตามนโยบายของพรรคเพื่อไทย ยังเป็นเส้นทางเดิม ไม่มีปรับเปลี่ยน แต่เร่งก่อสร้างและเปิดบริการให้เร็วขึ้นภายในปี 2562 โดยมีสายทางที่กำลังก่อสร้าง และมีแผนเปิดบริการในปี 2558 จำนวน 7 สาย คือ 1.สีแดง (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) 15 กิโลเมตร งานก่อสร้างคืบหน้า 77% 2.สีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) 23 กิโลเมตร งานก่อสร้างคืบหน้า 30% 3.สีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค) 27 กิโลเมตร งานก่อสร้างคืบหน้า 3% 4.สีแดง (บางซื่อ-รังสิต) 26 กิโลเมตร กำลังประกวดราคา 5.สีเขียว (แบริ่ง- สมุทรปราการ) 12.8 กิโลเมตร เพิ่งได้ผู้รับเหมา 6.สีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่) 11.4 กิโลเมตร และ 7.สีชมพู (แคราย-มีนบุรี)

"ส่วนที่เหลือ จะอยู่ในขั้นตอนจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ออกแบบรายละเอียด และทบทวนแบบ อาจจะใช้ระยะเวลา 1-2 ปี"

ขณะที่ภาพใหญ่แผนลงทุนรถไฟฟ้า 10 สายทางตามนโยบายของพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย 1.สีแดงเข้ม (ธรรมศาสตร์-มหาชัย) 80.8 กิโลเมตร 2.สีแดงอ่อน (ศาลายา-หัวหมาก) 54 กิโลเมตร 3.ส่วนต่อขยายแอร์พอร์ตลิงก์ (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ) 50.3 กิโลเมตร 4.สีเขียวเข้ม (ลำลูกกา-บางปู) 66.5 กิโลเมตร 5.สีเขียวอ่อน (ยศเส-บางหว้า) 15.5 กิโลเมตร 6.ต่อขยายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-หัวลำโพง-ท่าพระ-พุทธมณฑลสาย 4) 55 กิโลเมตร 7.สีม่วง (บางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ) 42.8 กิโลเมตร 8.สีส้ม (ตลิ่งชัน-มีนบุรี) 36 กิโลเมตร 9.สีชมพู (แคราย-มีนบุรี) 36 กิโลเมตร และ 10.สีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง)

สีส้มตัดระยะทางเหลือ 20 ก.ม.

นอกจากนี้ มีการตัดแบ่งช่วงก่อสร้างสายสีส้ม จากเดิม "ตลิ่งชัน-ราชดำเนิน-ศูนย์วัฒนธรรม-บางกะปิ-มีนบุรี) ระยะทางรวม 37.5 กิโลเมตร ใน 4 ปีนี้จะสร้างแค่ 20 กิโลเมตร จาก "ศูนย์วัฒนธรรม-บางกะปิ-มีนบุรี" เนื่องจากช่วงที่เหลือเป็นโครงสร้างใต้ดิน ต้องใช้เงินลงทุนสูง จึงน่าจะดำเนินการได้หลังจากปี 2558 ไปแล้ว

"รัฐบาลชุดนี้ยังมีนโยบายขยายเส้นทางแอร์พอร์ตลิงก์จากสุวรรณภูมิไปอู่ตะเภาและพัทยา ใน 4 ปีนี้อาจจะได้แค่ศึกษาความเป็นไปได้ ส่วนจะก่อสร้างหรือไม่ ต้องดูผลการศึกษาก่อน"

10 สาย ลงทุน 6.6 แสนล้าน

แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า ตามแผนของพรรคเพื่อไทยที่จะดำเนินการใน 4 ปี ระยะทาง 408 กิโลเมตร (ยังไม่รวมส่วนต่อขยายอีก 60.5 กิโลเมตร) เงินลงทุนอยู่ที่ 668,593 ล้านบาท (รวมค่าเวนคืน-ก่อสร้าง-งานระบบ)
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 44074
Location: NECTEC

PostPosted: 03/09/2011 8:45 pm    Post subject: Reply with quote

^^^
ตอนนี้แค่ทำให้ได้จริงก็นับว่าหนักหนาสาหัสพอดู และ คงมีกระแสต่อต้านอยู่ในใจกรณีการตัดรอนสายส้ม เส้นทางจากศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ผ่าน สนามหลวง ไป สถานีธนบุรี
Back to top
View user's profile Send private message
headtrack
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 30/05/2009
Posts: 1627
Location: ละแวกภาคกลางตอนบน และภาคเหนือตอนล่าง

PostPosted: 03/09/2011 11:03 pm    Post subject: Reply with quote

ข่าวใดใด... wrote:

... ฯ ล ฯ ...

ต้องยอมรับว่าทุกยุคทุกสมัย “กระทรวงคมนาคม” ถือเป็นกระทรวงเศรษฐกิจ กึ่งการเมือง ขึ้นชั้นเกรดเอ ด้วยความที่ทุกคนเห็นว่า เป็นหนึ่งในกระทรวงขุมทรัพย์ วัดจากงบประมาณในแต่ละปีเป็นแสนล้านบาท และยังได้ดูแลรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ที่อยู่ในชั้นเกรดเอ เมื่อเทียบกับรัฐวิสาหกิจด้วยกัน เช่น บริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) บริษัท การบินไทย จึงทำให้ทุกคนจับตากันว่า ใครจะมานั่งเป็นเจ้ากระทรวงใบหูกวาง...

... ฯ ล ฯ ..,


... ขอได้โปรดอย่าหาว่าผมเลอะเลือน หรือบ้าใบ้มามิถูกจังหวะแต่ประการใดเลยนะครับ...

... เป็นโอกาสอันดีที่เห็นความข้างต้นแล้ว รู้สึกสะดุดกับ "ความ"อันทำให้ผู้เสนอ คุยได้กับทุกคน
แต่ "เนื้อ" ของความดังกล่าวช่างสะท้อน "การที่ไม่สามารถทำอะไรได้" จริงๆ...
หากเหล่าเราผู้เสียภาษีได้อ่านความดังที่หยิบยกมานี้... ย่อมเกิดคำถามทำนอง Why...Why... และ ่Why...?!?

หากงานด้านอื่นมันไม่่สำคัญแล้ว... จะตั้งอะไรใหญ่โตขึ้นมาทำไม...?!?

... ทำไมมาลุ้นกันอยู่ "กระทรวงขุมทรัพย์". ดังที่ความข้างต้นว่า... ?!?

... ทำไมไม่อยากทำงานเพื่อประชาชน เพื่อชาติ อย่างในตำราเรียนชั้นประถม (รุ่นผม)...
ที่สำคัญ ...ทำไมไม่อยากทำงานเพื่อประชาชน เพื่อชาติ
อย่างที่เคย "บ้วนใส่หน้าคนทั้งหลายที่จ่ายเงินเดือนให้ท่าน" ...

... "ทุกวันนี้ผมนั่งรถไฟคันเดียวกับที่ "ปู่" ผมเคยนั่งนะครับ..."...

... อยากได้เงินมากกว่านี้ก็จงมาใช้ความรู้ความสามารถแข่งขันกันทางธุรกิจกับอีกหลายคนที่เขาสามารถทำได้สิ...
... อย่าเอาสิ่งที่ปวงชนมอบให้ท่าน... มาทิ่มแทงเขาภายหลังเลย... คิดเสียว่าเมตตาเถิด...

...
_________________
Click on the image for full size
Find me on Instagram: @632knongtsaikhaow
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 44, 45, 46 ... 284, 285, 286  Next
Page 45 of 286

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©