View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 44074
Location: NECTEC
|
Posted: 07/09/2011 11:30 am Post subject: |
|
|
4อบต.สมุทรปราการหนุนกทม.สร้างรถไฟฟ้าสายบางนา-สุวรรณภูมิ
หน้ากทม. เดลินิวส์
วันพุธ ที่ 07 กันยายน 2554 เวลา 8:51 น
กทม.พบ มท.ขอทำโมโนเรล พร้อมของบอุดหนุนเพิ่มหน้ากทม. ไทยรัฐ
วันอังคาร ที่ 6 กันยายน 2554 เวลา 05:15 น
รายงานข่าวแจ้งว่า ความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในขณะนี้การศึกษาออกแบบแล้วเสร็จ 2 สาย คือ
1. สายจุฬาฯ และ
2. สายรามคำแหงทองหล่อ
ซึ่งอยู่ระหว่างที่รอกระทรวงมหาดไทยนำเสนอคณะรัฐมนตรี
ส่วนในอีก 2 สาย คือ
1. สาย กทม.2 (ดินแดง)กทม.1 (เสาชิงช้า) และ
2. สายบางนา-สุวรรณภูมิ
ทางสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) อยู่ระหว่างขออนุมัติเพิ่มวงเงินเพื่อแก้ไขสัญญาว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา เนื่องจากสายกทม.2 มีการปรับแก้เส้นทางให้สิ้นสุดที่ถนนพระราม 6 ปากซอยโยธี แทน เนื่องจากส่วนที่เหลือมีแนวเส้นทางทับซ้อนกับสายสีส้มตามแผนแม่บทรถไฟฟ้า 12 สายของรัฐบาล
ส่วนสายบางนาสุวรรณภูมิ มีการปรับรูปแบบของโมโนเรลเป็นรถไฟฟ้าขนาดเบา (ไลท์เรล) ที่สามารถขนส่งผู้โดยสารได้มากขึ้น โดยจะใช้งบประมาณว่าจ้างเพิ่มอีก 28 ล้านบาท ซึ่งจะต้องมีการจัดรับฟังความคิดเห็นประชาชนใหม่ ในส่วนของเส้นทางที่ปรับเปลี่ยน และเตรียมร่างเอกสารประกวดราคาโครงการฯด้วย
อย่างไรก็ตาม กทม.ได้มีการเตรียมความพร้อมในส่วนที่เกี่ยวข้องไว้แล้ว โดยในสายบางนาสุวรรณภูมิ จากที่ได้ประกาศเชิญชวนเจ้าของพื้นที่ยื่นข้อเสนอซึ่งจากการพิจารณาผู้ที่ให้ข้อเสนอดีที่สุด คือบีทีเอส ที่จะมอบพื้นที่จำนวน 46 ไร่ให้ กทม.ใช้เป็นศูนย์ซ่อมโดยไม่คิดค่าเช่า โดยเอกชนได้ประโยชน์จากการพัฒนาพื้นที่ ขณะนี้ข้อเสนอดังกล่าวก็ยังคงเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้ว่า กทม.ยังต้องรอขั้นตอนการพิจารณาจาก ครม. นอกจากนี้ในเส้นทางที่จะผ่านพื้นที่ของจังหวัดสมุทรปราการเป็นระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร ทางองค์การบริหารส่วนตำบลในเส้นทางผ่านได้เชิญ กทม.เข้าไปชี้แจง ประกอบด้วย
อบต.บางแก้ว
อบต.บางโฉลง
อบต.ราชาเทวะและ
อบต.บางพลีใหญ่
ซึ่งจากการซักถามรายละเอียดโครงการฯ ทาง อบต.ทั้ง 4 แห่งเห็นด้วยและสนับสนุนให้ กทม.ก่อสร้างรถไฟฟ้าในเส้นทางดังกล่าว.
//-------------------------------------------------------------------- |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 47475
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 11/09/2011 9:01 pm Post subject: |
|
|
คค.เผยคืบหน้าระบบรถไฟฟ้าชานเมือง
INN News ข่าวเศรษฐกิจ วันอาทิตย์ที่ 11 เดือนกันยายน พ.ศ.2554 14:05 น.
ปลัดกระทรวงคมนาคม เผย การศึกษาออกแบบระบบรถไฟฟ้าชานเมือง อยู่ระหว่างมอบหมายบริษัทรับผิดชอบเสนอข้อดี-ข้อเสียก่อนพิจารณา อีกครั้ง
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า สำหรับโครงการศึกษาและออกแบบรายละเอียดระบบรถไฟฟ้าชานเมืองร่วมกับ รถไฟทางไกลเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ช่วง มักกะสัน - จ.ฉะเชิงเทรา ขณะนี้ได้ให้บริษัทที่ศึกษาโครงการการก่อสร้างรถไฟฟ้า ทำการเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย ราคาค่าก่อสร้างความคุ้มค่าการลงทุน ในโครงการรถไฟความเร็วสูง สายตะวันออก และนำมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. สรุปเรื่อง เพื่อส่ง ร.ฟ.ท. จัดเตรียมดำเนินการปรับปรุงเอกสาร เพื่อเตรียมการขออนุมัติดำเนินการโครงการต่อไป |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 44074
Location: NECTEC
|
Posted: 14/09/2011 2:18 am Post subject: |
|
|
คมนาคมปรับงบปี 55เ พิ่มขึ้น 122% ซ่อมถ.น้ำท่วม 1.4 หมื่นล.- รถไฟฟ้า
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 13 กันยายน 2554 09:44 น. Share
ASTVผู้จัดการรายวัน-คมนาคมปรับกรอบงบประมาณปี 55 เป็น 2.42 แสนล้าน เพิ่มจากปี 54 ประมาณ 122.19% เผยเฉพาะงบซ่อมถนนน้ำท่วมกว่า 1.4 หมื่นล. ขณะที่เร่งรัดการออกแบบรถไฟฟ้า5 สาย และรถไฟความเร็วสูงตามนโยบายรบ. เพื่อให้เปิดประมูลปลายปี 55 สั่งหน่วยงานลดกรอบโครงการใหม่ปี 55 จาก เดิม 10-15% เนื่องจากระยะเวลาใช้จ่ายมีน้อย
นายสุพจน์ ทรัพยฺล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผภายหลังประชุมงบประมาณปี 2555 ว่า กระทรวงคมนาคมได้ปรับปรุงกรอบวงเงินงบประมาณประจำปี 2555 ใหม่จากเดิมวงเงิน 132,790.569 ล้านบาท เป็น 242,468 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2554 ที่ได้รับจัดสรรจำนวน 133,340.150 ล้านบาท หรือ 122.19% โดยกรมทางหลวง(ทล.) เสนอมากที่สุดประมาณ 9.44 หมื่นล้านบาท รองลงมาคือกรมทางหลวงชนบท(ทช.) ประมาณ 4.95 หมื่นล้านบาทและการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) 4.39 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ กรอบงบประมาณปี 2555 ที่ปรับใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ซึ่งมีการปรับขึ้นจากกรอบเดิมของปี 2554 กว่า 100,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นงบที่เกี่ยวกับน้ำท่วม เฉพาะ ทล.และทช.จะอยู่ที่ประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาทสำหรับงบประมาณที่เพิ่มขึ้นของ ทล.ส่วนใหญ่จะเป็นการขยายเส้นทางจราจรเป็น 4 ช่อง การเพิ่มปริทธิภาพของถนน และการซ่อมแซมเส้นทางสายหลัก เป็นต้น ส่วน ร.ฟ.ท.ก็เป็นการดำเนินโครงการรถไฟทางคู่ ตามแผนงานที่กำหนด
นอกจากนี้จะเป็นงบประมาณในการการศึกษาออกแบบรถไฟฟ้าตามนโยบายของรัฐบาล เช่น
1. รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี
2. รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี
3. รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง และ
4. รถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ
เพื่อให้สามารถเปิดประกวดราคาให้ได้ในปลายปี 2555
ส่วนรถไฟฟ้าความเร็วสูงทั้ง 5 เส้นทาง ก็จะมีการตั้งงบประมาณออกแบบในปี 2555 ด้วย |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 47475
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 15/09/2011 8:38 am Post subject: |
|
|
'สุกำพล'ชี้รถไฟฟ้า 20 บ. ต้องรอสร้างครบ 10 เส้น
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 15 กันยายน 2554 07:31
"สุกำพล"ชี้ค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ต้องรอสร้างครบ 10 เส้นทางก่อน
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องการจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย โดยให้พิจารณาเพิ่มเติมตามที่นายประภัสร์ จงสงวน กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม ตั้งข้อสังเกตเรื่องการชดเชยรายได้ค่าโดยสารให้กับบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีเอ็มซีแอล และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี ว่าจะกระทบกับผู้ถือหุ้น หากรัฐบาลแทรกแซงค่าโดยสาร เพราะอาจเป็นการเข้าข่ายจำกัดรายได้ของผู้ถือหุ้น และอาจเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องจากผู้ถือหุ้นในอนาคต
การเก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายเป็นนโยบายของผม ซึ่งต้องการผลักดันให้เกิดขึ้นก่อนจะก่อสร้างโครงข่ายรถไฟฟ้าครบทั้ง 10 สาย แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ถือว่าผิดสัญญาที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ เพราะในการหาเสียงระบุว่าจะเก็บ 20 บาทเมื่อสร้างรถไฟฟ้าครบ 10 สายทาง แต่ส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะทำได้ก่อนที่รถไฟฟ้าจะครบ 10 สายทางพล.อ.อ.สุกำพล กล่าว
ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหารือและสรุปผลภายในสิ้นปีนี้ หากไม่สามารถดำเนินการได้ก็ต้องยุติ แต่ต้องยุติอย่างมีเหตุผล และเชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจ ส่วนจะให้เก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายเฉพาะโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง หรือแอร์พอร์ตเรลลิงค์นั้น คงไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะระยะทางสั้น ซึ่งกระทรวงฯจะรายงานต่อนายกรัฐมนตรีต่อไป
ด้านนายประภัสร์ กล่าวว่า นโยบายพรรคเพื่อไทยประกาศไว้ชัดเจนว่า จะจัดเก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายเมื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าเสร็จครบทั้ง 10 สาย แต่ที่ผ่านมาผู้บริหารกระทรวงฯระบุว่าจะเร่งดำเนินการตามนโยบายนี้ ซึ่งต้องพิจารณาว่ามีความจำเป็นหรือไม่ หากต้องนำเงินของรัฐไปอุดหนุนการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นการเดินทางที่ประชาชนมีความสามารถในการจ่ายเงิน ต่างจากการเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทาง ซึ่งการดำเนินนโยบายนี้ต้องไม่กระทบสัญญาสัมปทานเดิม เพราะจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในอนาคต
"สิ่งที่กระทรวงฯต้องเร่งรัดคือ เร่งก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 10 สายทางตามนโยบายรัฐบาลให้เร็วที่สุด นายประภัสร์ กล่าว
ด้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่มีข้อสังเกตจากนายประภัสร์ ซึ่งให้คำนึงถึงผลกระทบกับผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าในปัจจุบัน ซึ่งอาจนำมาสู่การฟ้องร้องได้ โดยกระทรวงฯอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ว่า หากจัดเก็บค่าโดยสาร 20 บาทในขณะนี้ จะส่งผลกระทบหรือไม่อย่างไร หากเกิดปัญหาตามมาก็พร้อมจะทบทวน |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 44074
Location: NECTEC
|
Posted: 15/09/2011 9:39 am Post subject: |
|
|
แต่กระนั้นก็ใช้อำนาจเถื่อนบีบ รฟท. ให้เดินรถ Airport City Line 20 บาท ตลอดสายไปแล้วนี้จนคนบ่นกันพึ่มว่ามีหวังจะทำให้ Airport Express ตายเอาง่ายๆนะ แม้จะให้ Airport Express เ้ดินเป็นรถไฟความไวสูงแต่ตั้งราคาตั้งเที่ยวละ 1000 บาทเพื่อผลประโยชน์ของเจ๊เกียว รฟท. ซีช้ำหนะสิ ถามได้!
ตอนนี้บิ๊กโอ๋ให้ชะลอโครงการรถไฟฟ้า 20 บาท ไปก่อนเพราะ ไม่สบโอกาส ตามข่าาวต่อไปนี้:
ส่อดับฝันรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย "บิ๊กโอ๋" หวั่นเอกชนฟ้อง
ทีมข่าวเศรษฐกิจ
ไทยรัฐออนไลน์ - 15 กันยายน 2554
ส่อดับฝันรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เสี่ยงต่อการถูกเอกชนฟ้องร้องในอนาคต คาดได้ข้อสรุปภายใน ธ.ค. ด้าน "ประภัสร์" ดับเครื่องชน ปลัดคมนาคม แจงล้ำเส้นให้สัมภาษณ์ก่อน ทำนโยบายป่วน ...
วันที่ 14 กันยายน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมหัวหน้าหน่วยงาน เพื่อติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายว่า ที่ประชุมได้พิจารณาการจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แต่นายประภัสร์ จงสงวน กรรมการผู้ช่วย รมว.คมนาคม ได้ให้ข้อสังเกตว่า อาจทำไม่ได้ เนื่องจากบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีเอ็มซีแอล และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หากรัฐบาลเข้าไปประกันรายได้ อาจเป็นการเข้าข่ายเข้าไปจำกัดรายได้ของผู้ถือหุ้น ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องในอนาคต
เรื่องการเก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายนั้น เป็นนโยบายของผมต้องการผลักดันโครงการเกิดขึ้นได้ก่อนที่การก่อสร้างโครงข่ายจะครบทั้ง 10 สาย แต่ก็ต้องไปดูว่าทำได้หรือไม่ หากทำไม่ได้ก็ไม่ผิดสัญญาที่ได้หาเสียงไว้ เพราะตอนหาเสียงบอกไว้ว่าจะเก็บ 20 บาทเมื่อสร้างรถไฟฟ้าครบ 10 สายทางแล้ว รมว.คมนาคมกล่าว
อย่างไรก็ตาม แนวทางเดิมกระทรวงคมนาคมกำหนดเก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย โดยเชื่อมโยงโครงข่ายรถไฟฟ้าที่ให้บริการอยู่ ซึ่งประกอบด้วย รถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟลอยฟ้าหรือบีทีเอส และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรลลิงค์ จึงได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมกลับไปทบทวนใหม่ว่าจะทำได้หรือไม่ คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะได้ข้อสรุป หากทำไม่ได้ก็ต้องจบอย่ามีเหตุผล คาดว่า ประชาชนน่าจะเข้าใจได้ และจากนี้คงจะต้องมีรายงานตรงต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
นายประภัสร์ กล่าวว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทยประกาศไว้ชัดเจนว่า จะจัดเก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายเมื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าเสร็จครบทั้ง10 สาย แต่เนื่องจากปลัดกระทรวงคมนาคมไปให้ข่าวผ่านสื่อว่า จะเร่งทำนโยบายนี้ก่อน ซึ่งตนเห็นว่า เพื่อต้องการแสดงให้เห็นว่าการะทรวงคมนาคมพร้อมจะสนองนโยบายของรัฐบาล แต่ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องของผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
ผมเห็นว่าเป็นข้าราชการอย่าดูเพียงว่าจะต้องเร่งสนองนโยบายรัฐบาลเท่านั้น เพราะวันนี้มันไม่ใช่ แต่สิ่งที่ผมมองเห็นว่ากระทรวงคมนาคมจะต้องเร่งรัดในการก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 10 สายตามนโยบายรัฐบาลให้เร็วที่สุดมากกว่า จึงต้องให้ความเป็นธรรมกับ รมว.คมนาคมด้วย นายประภัสร์กล่าว
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่มีข้อสังเกตจากนายประภัสร์ จงสงวน กรรมการผู้ช่วยรมว.คมนาคม ว่า นโยบายเรื่องนี้จะต้องคำนึงถึงผลกระทบกับผู้ประกอบการเอกชนที่ให้บริการรถไฟฟ้า ซึ่งอาจนำมาสู่การฟ้องร้องทำให้เกิดคดีความได้ แต่ขั้นตอนขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางความเป็นไปได้ว่าหากมีการจัดเก็บค่าโดยสาร 20 บาทในขณะนี้ จะส่งผลกระทบอะไรหรือไม่อย่างไร หากดำเนินการแล้วทำให้เกิดปัญหาตามมาก็พร้อมที่จะทบทวน
นายสุพจน์ กล่าวว่าได้มีการพิจารณาเบื้องต้น เพราะเห็นว่าหากมีการปรับลดค่าโดยสารอาจมีจำนวนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นด้วย ส่วนจำนวนรายได้ที่จัดเก็บได้ก็มีการคิดเบื้องต้นว่าจะให้เงินชดเชยไม่น้อยกว่ารายได้เดิมที่เคยได้รับ แต่เรื่องนี้คงต้องไปดูในรายะอียดว่าจะทำได้หรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างรอการศึกษาประมาณการผู้โดยสาร คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน ธ.ค.นี้. |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 44074
Location: NECTEC
|
Posted: 15/09/2011 4:20 pm Post subject: |
|
|
ดันสร้างท่าเทียบเรือรถไฟฟ้า
หน้าเศรษฐกิจ เดลินิวส์
วันพฤหัสบดี ที่ 15 กันยายน 2554 เวลา 9:50 น
นาวาโทปริญญา รักวาทิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด ผู้ให้บริการเรือด่วนเจ้าพระยา เปิดเผยว่า ต้องการให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดพัฒนาท่าเทียบเรือ ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา 8 จุด ซึ่งเป็นจุดตัดกับแนวการก่อสร้างรถไฟฟ้า 10 สาย ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้สมบูรณ์ในปี 2572 เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการขนส่งสาธารณะแก่ประชาชน และแก้ไขปัญหาน้ำท่วมท่าเรือ โดยอาจยึดท่าเรือสาธรในปัจจุบันเป็นต้นแบบในการพัฒนา
ทั้งนี้ เบื้องต้นควรเร่งพัฒนาท่าเทียบเรือก่อน 2 จุด ที่คาดว่า จะสามารถเปิดให้บริการได้ก่อนคือ ภายในปี 2558 คือ
1. ท่าเรือพระนั่งเกล้า เพื่อรองรับการบริการขนส่งรถไฟฟ้าสายสีม่วง และ
2. ท่าเรือพระราม 7 เพื่อรองรับการบริการขนส่งรถไฟฟ้าสายสีแดง
โดยหากเปิดให้บริการรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย จะทำให้จำนวนผู้โดยสารเรือด่วนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นจากวันละ 35,000-40,000 คน เป็น 100,000 คน
ส่วนการลดค่าโดยสาร ตามนโยบายรัฐบาล ก่อนหน้านี้ได้ปรับลดราคาเรือประจำทางแล้ว ระยะละ 1 บาทไปแล้ว ในส่วนของเรือด่วนธงเหลือง ธงส้ม ธงเขียว จะปรับราคาไม่ได้ เนื่องจากหากปรับลดราคาเรือด่วนลงอีก จะขาดทุนถึง 10 ล้านบาท จากเดิมขาดทุน 4 ล้านบาทในปีนี้
นอกจากนี้บริษัทเตรียมอยู่ระหว่างศึกษา เพื่อลงทุนต่อเรือรูปแบบใหม่ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน 25 ลำ รวมเป็นเงินลงทุน 1,250 ล้านบาท รวมทั้งเร่งพัฒนารูปแบบการให้บริการด้วยการใช้ระบบตั๋วร่วมกับระบบขนส่งสาธารณะอื่น ๆ ให้ครอบคลุม. |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 47475
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 15/09/2011 4:41 pm Post subject: |
|
|
ท่าเรือสะพานพระนั่งเกล้า เคยมีอยู่ในยุคที่เรือด่วนเจ้าพระยาเดินถึงปากเกร็ด แต่ต่อมาก็ตัดระยะเหลือแค่ท่าน้ำนนท์ ถ้าจะสร้างท่าเรือขึ้นมาใหม่ ก็คงต้องเปิดเดินเรือช่วงท่าน้ำนนท์-ปากเกร็ดอีกครั้ง |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 44074
Location: NECTEC
|
Posted: 15/09/2011 4:48 pm Post subject: |
|
|
^^^
ก็เปิดการเดินเรือ ช่วง นนทบุรีไปปากเกร็ดอยู่แล้วนี่ครับเพียงแต่ เปิดเฉพาะ จันทร์ ถึง ศุกร์และ จำกัดเวลาเช้า เย็น เท่านั้น โดยยังไม่มีท่าสะพานพระนั่งเกล้า คงต้องรอให้เกิดการเดินรถอย่างเป็นทางการ จึงจะ เปิดการเดินเรือ ช่วง นนทบุรีไปปากเกร็ดแบบมีเดินทุกวันได้สำเร็จ แต่อาจต้องย้ายท่าเรือปากเกร็ดจากที่เดิมที่อยู่ที่ลี้ลับไป อยู่ที่ใต้สะพานพระราม 4 ให้ได้แม้จะต้องวิ่งเต้นเอากะเทศบาลนครปากเกร้ดก็ตามที |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 44074
Location: NECTEC
|
Posted: 15/09/2011 10:50 pm Post subject: |
|
|
สามารถ เย้ยแผนรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย มัวห่วงผู้ถือหุ้น
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 กันยายน 2554 17:41 น.
รมช.คมนาคมเงาจวกนโยบายรัฐ เย้ยจัดเก็บรถไฟฟ้า 20 บาททำไม่ได้จริง ซัดติดเกรงใจ บ.เอกชน สุดท้าย ขรก.ต้องรับกรรม ฉะไร้ความผิดชอบ เล่นละครตอนหาเสียง บอกจะช่วยคนรายได้น้อย มาตอนนี้กลับห่วงผู้ถือหุ้น
วันนี้ (15 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะ รมช.คมนาคมเงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม ออกมายอมรับว่า รัฐบาลไม่สามารถดำเนินการเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายได้ เพราะบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีเอ็มซีแอล ผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี ผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอส เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หากรัฐบาลเข้าไปประกันรายได้จะข่ายเข้าจำกัดรายได้ผู้ถือหุ้น และอาจถูกฟ้องได้นั้น ซึ่งเรื่องนี้นายสามารถกล่าวว่า ตอนหาเสียงพรรคเพื่อไทยบอกว่าจะเก็บ 20 บาทตลอดสายทันที โดยไม่มีเงื่อนไขต้องสร้างรถไฟฟ้าครบ 10 สายที่จะทยอยสร้างให้ครบภายใน 8 ปี เพราะมีแนวทางอยู่แล้ว ประชาชนจึงเข้าใจว่าจะลงมือทำทันที ถึงได้เลือกพรรคเพื่อไทยเข้ามา แต่พอได้รับการเลือกตั้งเป็นรัฐบาลแล้วกลับเพิ่มเงื่อนไขนี้เข้ามา เรื่องนี้คนที่ต้องรับกรรม คือ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เพราะแม้จะสร้างครบ 10 สายก็จะยังมีปัญหากับผู้ถือหุ้นของบีเอ็มซีแอล และบีทีเอสซีอยู่ดี ที่เมื่อถึงเวลานั้นจำนวนผู้ถือหุ้นจะเพิ่มมากขึ้นด้วย
ตอนหาเสียงพรรคเพื่อไทยบอกว่าจะช่วยผู้มีรายได้น้อยซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากให้สามารถใช้รถไฟฟ้าได้ แต่ตอนนี้กลับมาห่วงใยผู้ถือหุ้นที่มีเพียง 44,000 คนเท่านั้น เสมือนเล่นละครที่กลับคำพูดโดยไม่รับผิดชอบ ทั้งที่ได้เตือนแล้วว่าไม่สามารถทำได้จริง ซึ่ง ครม.เงาจะตามติดปัญหานี้ว่าเข้าข่ายหลอกลวงประชาชขนหรือไม่อย่างไร และใครจะเป็นผู้รับผิดชอบเพราะประชาชนเป็นผู้รับผลกระทบความเสียหาย นายสามารถระบุ |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 47475
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 19/09/2011 4:49 pm Post subject: |
|
|
เดินหน้าหรือพับแผน วัดใจรัฐบาลเพื่อไทย รถไฟฟ้า20บาท...ไม่ง่าย!!
มติชน วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554 เวลา 16:00:44 น.
โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เป็นอีกแนวนโยบายหนึ่งที่ประชาชนให้ความสนใจและคาดหวังอยู่ไม่น้อย เพราะนอกจากจะช่วยให้การเดินทางโดยรถไฟฟ้าที่สะดวกรวดเร็ว มีราคาถูกลงแล้ว การเชื่อมโครงข่ายเข้าด้วยกัน ยังจะช่วยดึงคนเข้าใช้บริการมากยิ่งขึ้น ช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรที่ติดหนึบของกรุงเทพฯ และปริมณฑลให้ลดลงได้เป็นอย่างดี
แต่ความหวังที่เปล่งประกายในช่วงแรกเริ่มจะเลือนรางลง เมื่อ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ออกมายอมรับว่า โครงการนี้อาจจะดำเนินการได้ยาก เพราะส่งผลกระทบกับรายได้ผู้ถือหุ้นของบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีเอ็มซีแอล ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่อาจจะมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในอนาคตได้
หากพิจารณาปัญหาที่เกิดขึ้น อาจจะไม่แตกต่างจากในอดีตเท่าไหร่นัก เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัฐบาลพยายามจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการรถไฟฟ้า!!
ก่อนหน้านี้ ยุคสมัยของพรรคไทยรักไทย (พรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน) มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มีแนวคิดที่ใกล้เคียงกัน แต่ครั้งนั้นดูจะยิ่งใหญ่กว่าครั้งนี้ เนื่องจากเป็นการซื้อคืนสัมปทานบริหารจัดการรถไฟฟ้าจากบีเอ็มซีแอล และบีทีเอส จุดประสงค์ที่รัฐบาลสมัยนั้นให้ไว้กับประชาชน คือเพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก เป็นการนำรถไฟฟ้าทั้ง 2 ระบบมารวมกัน ทำให้ต้นทุนถูกลง และจะทำให้ค่าบริการถูกลงด้วย ซึ่งเป็นจุดประสงค์เดียวกันกับรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายของพรรคเพื่อไทย ที่หาเสียงไว้ในช่วงเลือกตั้ง ด้วยจุดประสงค์ต้องการให้ประชาชนใช้บริการในราคาถูกลง
สำหรับการซื้อคืนสัมปทานในครั้งนั้น เบื้องต้นได้แบ่งเป็นการซื้อคืนจากบีทีเอส 55% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท และซื้อคืนจากบีเอ็มซีแอล 25% มูลค่าประมาณ 2,450 ล้านบาท
การประชุมนัดแรกเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2547 เป็นการประชุมของคณะกรรมการเจรจาเพื่อซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้า มีนายอุทิศ ธรรมวาทิน รองปลัดกระทรวงการคลังในสมัยนั้นเป็นประธาน ร่วมหารือกับบีทีเอส แต่การประชุมดูเหมือนจะเกิดผลตอบรับที่ไม่ค่อยดีจากทางบีทีเอสเท่าไหร่ เพราะถูกนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานบริหารบีทีเอสในขณะนี้ ปิดดีลอย่างมีอารมณ์ว่า "ไม่ต้องมายุ่งกับผม ผมอยู่ได้ด้วยตัวเอง อย่าใช้วิธีซื้อหนี้มาเป็นตัวบีบ"
แต่ความพยายามยังคงอยู่ จึงเกิดการประชุมร่วมกันตามมาอีกหลายครั้งอย่างต่อเนื่อง
เป็นการประชุมที่มาพร้อมกับกระแสข่าว โดยเฉพาะข่าวลือเรื่องการเรียกเงินผลประโยชน์ให้ยกเลิกการเจรจา ว่ากันปากต่อปากว่า เป็นหลักหลายพันล้านบาท เดือดร้อนนายสุริยะต้องออกมาปฏิเสธอย่างจริงจัง แต่การเจรจาร่วมระหว่างคณะกรรมการกับบีทีเอสและบีเอ็มซีแอล ก็ยังไม่มีทีท่าจะได้ข้อยุติ
ผ่านไปหลายเดือน กระทั่งต้นปี 2548 พ.ต.ท.ทักษิณก็ออกมายืนยันกับเอกชนทั้ง 2 รายว่า หากเอกชนมีความพร้อม รัฐบาลก็ยินดีให้การสนับสนุน จะไม่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องการบังคับซื้อหุ้น และยืนยันว่าการซื้อคืนระบบรางจะไม่มีการบังคับ รัฐบาลเพียงแต่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก
การออกมาพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณในครั้งนั้น ทำให้นายคีรีออกมากล่าวขอบคุณรัฐบาลที่จะไม่มีการบังคับซื้อคืนระบบราง หลังจากนั้นเรื่องดังกล่าวก็ค่อย ๆ เงียบหายไปจนกระทั่งเกิดปฏิวัติรัฐประหาร เข้าสู่ยุคคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)
พอมาถึงยุคของพรรคพลังประชาชน ในสมัยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี เรื่องนี้ก็ได้รับการพูดถึงอีกครั้ง โดยรัฐบาลมีมติให้ดำเนินการใน 2 เรื่อง คือ 1.ให้กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นผู้ให้สัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอส ดำเนินการยกรถไฟฟ้าบีทีเอสให้กระทรวงคมนาคมดูแล และ 2.ให้กระทรวงการคลังพิจารณาเรื่องของการซื้อหุ้นรถไฟฟ้าคืน แต่ช่วงนั้นมีเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองเกิดขึ้น จนส่งผลให้เรื่องต่างๆ ไม่มีความคืบหน้า
ผ่านมาถึงยุครัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้ตอบคำถามข้าราชการที่เกี่ยวข้องว่า ไม่มีนโยบายในเรื่องนี้
จากนั้นเป็นต้นมา ความพยายามในการเชื่อมโครงข่ายระบบรางเข้าด้วยกัน ก็ดูเหมือนจะเงียบหายไป จนล่าสุดกลายมาเป็นนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ที่ประกาศนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นคนแรกที่ให้สัมภาษณ์ขานรับนโยบายพรรคเพื่อไทยทันทีที่รู้ผลการเลือกตั้ง "ยืนยันว่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายทำได้แน่นอน"
นายสุพจน์ให้สัมภาษณ์ว่า เบื้องต้นเตรียมไว้ 2 แนวทาง คือ 1.ให้บริการร่วมระหว่างรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์กับรถไฟฟ้าใต้ดิน และ 2.ให้บริการระหว่างรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ รถไฟฟ้าใต้ดิน และรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งแนวทางแรกเหมาะสมที่สุด สามารถดำเนินการได้เร็วเพราะมีการหารือกันแล้วกับผู้บริหารบีเอ็มซีแอล ก็ไม่ขัดข้อง ส่วนรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ ดำเนินงานโดยบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด บริษัทลูกของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) คงไม่มีปัญหาเพราะเป็นของรัฐอยู่แล้ว
สำหรับรูปแบบของบริการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่กระทรวงคมนาคมได้พิจารณา จะเป็นในลักษณะของการนั่งรถไฟฟ้าในเส้นทางไหนก็ได้ หรือจะเป็นการต่อจากเส้นทางหนึ่งไปยังอีกเส้นทางหนึ่งก็ได้ แต่จ่ายค่าบริการเพียง 20 บาท
คนทั้งประเทศ โดยเฉพาะคน กทม.รับรู้ข้อมูลเช่นนี้ในช่วงหาเสียง และยังจำติดหู ตามติดข่าวตั้งแต่วันที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคนใหม่เข้าทำงานอย่างเป็นทางการ เพื่อรอฟังจากปาก พล.อ.อ.สุกำพล ถือเสมือนเป็นสัญญาผูกมัด ไม่ใช่แค่หาเสียง
วันที่ 15 สิงหาคม 2554 พล.อ.อ.สุกำพลเข้าทำงานที่กระทรวงคมนาคมอย่างเป็นทางการวันแรก แม้จะยังไม่ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าวทันที แต่ภายหลังได้ยืนยันว่าจะดำเนินการแน่นอน โดยจะเจรจากับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ รถไฟฟ้าใต้ดิน และรถไฟฟ้าบีทีเอส
กระทั่งมีการประชุมหัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา สิ่งที่ พล.อ.อ.สุกำพลพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ ก็เริ่มแผ่วลงเมื่อได้ฟังข้อมูลจากนายประภัสร์ จงสงวน กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม ในฐานะอดีตผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แสดงความคิดเห็นว่า หากจะทำต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ เนื่องจากบีเอ็มซีแอล และบีทีเอส เป็นบริษัทมหาชน การดำเนินการที่ส่งผลสะเทือนถึงผู้ถือหุ้นย่อมกระทบต่อความเชื่อมั่นของภาคเอกชนที่จะเข้ามาลงทุนกับรัฐบาลได้ อีกทั้งการดำเนินการต้องไม่ขัดหรือผิดสัญญาที่ภาครัฐทำไว้กับบริษัทเอกชน ไม่เช่นนั้นอาจถูกฟ้องร้องได้
เมื่อได้รับคำเตือนแบบนี้ พล.อ.อ.สุกำพลจึงสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไปพิจารณาโครงการอีกครั้ง พร้อมกับยอมรับเหมือนถอดใจว่าอาจดำเนินการได้ยาก
เพราะ พล.อ.อ.สุกำพลรู้คำตอบดีว่าสิ่งที่กำลังจะทำ กระทบต่อรายได้ผู้ถือหุ้นของบีเอ็มซีแอลและบีทีเอสแน่นอน และหวั่นใจว่าอาจถูกฟ้องร้องได้
ด้านรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ที่มั่นใจว่าจะทำได้ง่ายกว่า เพราะเป็นของภาครัฐนั้น ก็อาจมีความยุ่งยากเช่นกัน เพราะเมื่อการเชื่อมโยงของระบบรางไม่ครอบคลุม จะส่งผลถึงจำนวนผู้ใช้บริการไม่มากเท่าที่ประเมินไว้ นั่นหมายถึงรายได้ไม่เข้าเป้า สุดท้ายรัฐบาลต้องแบกรับภาระค่าชดเชยมากยิ่งขึ้น
"ที่ผ่านมาได้ตั้งใจทำแล้ว แต่เมื่อมีปัญหาก็ต้องมาพิจารณา จะแก้ไขกฎหมายเพื่อดำเนินการก็คงไม่ได้ หากไม่สามารถทำได้ ถือว่าจบอย่างมีเหตุผล ไม่ถือว่าผิดสัญญา นโยบายที่หาเสียงไว้คือจะทำเมื่อมีรถไฟฟ้าครบทั้ง 10 สาย" พล.อ.อ.สุกำพลให้สัมภาษณ์ล่าสุด น่าจะชัดเจนแล้วว่าโครงการ 20 บาทตลอดสาย ในขณะนี้คงเป็นได้แค่ฝันค้าง
แต่ พล.อ.อ.สุกำพลได้หยอดน้ำเชื้อไว้ว่าในอนาคตรถไฟฟ้าเสร็จ 5 สายขึ้นไป ก็น่าจะสามารถทำได้ รวมถึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณารายละเอียดและสรุปผลให้ทราบภายใน 3 เดือน หรือภายในสิ้นปีนี้ว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่
แถมหยอดคำหวานตบท้ายว่าหากผลพิจารณาระบุว่าสามารถทำได้ แม้จะเป็นเพียงสายเดียวก็ต้องทำ
สัปดาห์นี้จะเป็นครั้งแรกที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ตัวแทนจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) หารือร่วมกัน
หวังใจว่าผลสรุปที่ออกมา คงจะเป็นข่าวดีสำหรับคนที่ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ เหมือนที่คนใช้รถยนต์ส่วนตัวได้ชื่นใจไปแล้ว ทั้งจากราคาน้ำมันที่ถูกลง แถมด้วยมาตรการลดภาษีสรรพสามิตรถคันแรก
เหมือนกับรัฐบาลให้โชค 2 ชั้น!!
(มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 19 กันยายน 2554) |
|
Back to top |
|
|
|