Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล
View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44085
Location: NECTEC
Posted: 23/09/2011 1:06 am Post subject:
"ปชป."อัดBTS20บาทตลอดสาย ทำไม่ได้ทันทีตามที่หาเสียง
เนชั่นทันข่าว
22 กันยายน 2554 13:07 น.
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในที่ประชุม ได้พิจารณากระทู้ถามสด ของนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เรื่อง นโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ซึ่งถามรมว.คมนาคม โดย พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช. คมนาคม ชี้แจงแทนรมว. คมนาคมว่า ขณะนี้ได้เริ่มเดินหน้าทำเรื่องนี้แล้ว แต่ การจะทำให้สำเร็จลุล่วงได้ จำเป็นต้องตั้งองค์กรที่มีอำนาจตามกฎหมายขึ้นมา ซึ่งอยู่ระหว่างจัดตั้งองค์กร ใช้ผู้มีความรู้เชี่ยวชาญใช้วิชาการจัดการ เรื่อตั๋วร่วมระหว่างรถสายต่างๆ ซึ่งคาดว่า 3เดือนต่อจากนี้ น่าจะเห็นการตั้งองค์กรที่ถูกต้องตามกฎหมายขึ้นมาบริหาร และจะได้แจ้งให้ทราบต่อไป
นายสามารถ กล่าวว่า "จากการตอบคำถามยังเชื่อว่า อีก 3-6 เดือน ก็ยังไม่สามารถ เก็บค่าบริการได้? 20 บาทตลอดสาย หรือสามารถลดค่าครองชีพได้ในระยะสั้นๆ "
โดยทั้งนี้ นายสามารถ ได้ขออนุญาตประธานสภาฯ เปิดคลิปหาเสียงของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่สนามรัชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่1 ก.ค. ที่ผ่านมา โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า "ถ้าหากได้รับเลือกเป็นรัฐบาล ทุกอย่างที่พรรคเพื่อไทยและปูจะดำเนินการตามที่ได้สัญญาไว้กับพี่น้องประชาชนทันทีค่า...."
นายสามารถ กล่าวว่า นอกจากที่รับฟังสดแล้วยังมีการถ่ายทอดสดทั่วประเทศ ประชาชนหลายล้านคนซึ่งตั้งใจฟังคำสัญญาของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก่อนตัดสินใจเลือกตั้ง ซึ่ง คำว่า "ทุกอย่าง" หมายถึงนโยบาย ส่วน "ทันที" คงไม่ได้หมายถึงรออีกนับสิบปี จนกว่าจะก่อสร้างรถไฟฟ้า 10 สายเสร็จ ถ้าจะให้รอทำไมถึงไม่พูดให้ชัดเจนว่า จะทำให้รอรถไฟฟ้าสิบสายเสร็จก่อน จึงจะนั่งรถ20บาทตลอดสาย
ซึ่งพล.ต.ท.ชัจจ์ ได้ชี้แจงว่า นโยบายของเพื่อไทยได้ให้ไว้หลายเรื่อง ทั้งเรื่อง ข้าว เงินเดือน เรื่องค่ารถไฟฟ้า ที่จะสามารถทำได้สำเร็จ แต่ต้องดูตามสถานการณ์ความจำเป็น ซึ่งเรื่องค่ารถไฟฟ้าเหลือแค่การจัดการเรื่องตั๋วร่วมอย่างเดียว ขอให้อดใจรอสักนิด
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44085
Location: NECTEC
Posted: 23/09/2011 6:17 pm Post subject:
แนะรัฐใช้ตั๋วรถร่วมแทนรถไฟฟ้า 20 บาท
Thai PBS 23 กันยายน 2554 - 13:24
ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านโลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี แนะรัฐบาลใช้ตั๋วรถโดยสารร่วมที่ครอบคลุมระบบขนส่งในกรุงเทพฯ แทนการใช้นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท พร้อมพัฒนาระบบขนส่งควบคู่ไปกับการใช้นโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อประชาชน โดยไม่จำเป็นต้องรอให้โครงการเสร็จเรียบร้อยก่อน
นายพงษ์ชัย อธิคมรัตนกุล ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านโลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เปิดเผยถึงนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทของรัฐบาลว่า การกำหนดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าเพียง 20 บาท เป็นราคาที่ต่ำเกินไป และปฏิบัติจริงได้ยาก ขณะเดียวกัน บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ บีทีเอส ที่ได้รับสัมปทาน เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้น การลดราคาค่าโดยสารเหลือ 20 บาท ภาครัฐจะมีวิธีการชดเชยนักลงทุนอย่างไร
นายพงษ์ชัย กล่าวอีกว่า รัฐบาลไม่ควรจำกัดนโยบายที่รถไฟฟ้า 20 บาท แต่ควรใช้ตั๋วรถร่วมที่สามารถเชื่อมโยงระบบขนส่งได้ทั้งกรุงเทพฯในราคาที่คนกรุงเทพฯรับได้ ขณะเดียวกัน ควรมีการพัฒนาระบบขนส่ง เช่น รถประจำทางต่างๆ และหากภาครัฐต้องการรักษาสัญญาที่ให้กับประชาชนควรเริ่มดำเนินการพร้อมประเมินความเป็นไปได้ของนโยบาย โดยไม่ต้องรอให้โครงการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยก่อน
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 47480
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 47480
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 26/09/2011 10:21 am Post subject:
คมนาคมรื้อแผนสร้างรถไฟฟ้าสีชมพู
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 26 กันยายน 2554 08:01
คมนาคมรื้อแผนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี เล็งใช้ระบบเฮฟวี่เรลแทนโมโนเรล ดันค่าก่อสร้างพุ่ง 6.2 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 10 เส้นทาง ซึ่งที่ประชุมมีมติให้ทบทวนแบบก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-ปากเกร็ด - มีนบุรี ระยะทาง 36 กม. โดยจะก่อสร้างเป็นรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนขนาดใหญ่(Heavy Rail) แทนการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเดี่ยว(Straddle Monorail) ตามแผนเดิม และปัจจุบันการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) อยู่ระหว่างเตรียมลงนามสัญญาว่าจ้างที่ปรึกษาออกแบบก่อสร้าง
สาเหตุที่กระทรวงฯเปลี่ยนรูปแบบโครงการ เพราะต้องการให้คุ้มค่าการลงทุน และสามารถรองรับผู้โดยสารที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งการเปลี่ยนรูปแบบก่อสร้าง ส่งผลให้วงเงินค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้นประมาณ 2 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะใช้วงเงิน 42,067 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินประมาณ 4 พันล้านบาท ค่างานโยธา 1.8 หมื่นล้านบาท ค่างานระบบรถไฟฟ้า 1.8 หมื่นล้านบาท และค่าจ้างที่ปรึกษา 1 พันล้านบาท
"การปรับปรุงแบบก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพูต้องแล้วเสร็จก่อนกลางปี 2555 โดยต้องปรับปรุงในส่วนของแบบโครงสร้างงานโยธา จุดที่ตั้งสถานีโดยสาร และประมาณการผู้โดยสาร ซึ่งมีข้อกังวลว่าการปรับเปลี่ยนรูปแบบโครงการ อาจส่งผลให้การก่อสร้างต้องล่าช้าจากแผนเดิมที่กำหนดไว้"แหล่งข่าว กล่าว
ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว -พัฒนาการ -สำโรง ระยะทาง 30.4 กิโลเมตร เป็นโครงการที่ต้องเร่งดำเนินการ ซึ่งรฟม.จะตั้งงบประมาณในการว่าจ้างที่ปรึกษา โดยเบื้องต้นคาดว่าจะก่อสร้างได้เร็ว เพราะเป็นรถไฟฟ้ารางเดี่ยว และจะใช้วิธีออกแบบพร้อมก่อสร้าง (Design-Build) จึงไม่ต้องออกแบบรายละเอียด
"สุกำพล"ตั้งเป้าเซ็นสัญญาสร้างรถไฟฟ้า 10 เส้นทางใน 4 ปี
ด้านพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินโครงการรถไฟฟ้า 10 เส้นทาง ตามนโยบายพรรคเพื่อไทย ตามแผนเดิมที่กำหนดไว้ เพื่อให้เซ็นสัญญาจ้างก่อสร้างทั้ง 10 โครงการภายใน 4 ปี และไม่ได้สั่งปรับเปลี่ยนรายละเอียดโครงการ เพราะจะเป็นเรื่องใหญ่ และไม่ได้เร่งรัดด้านใดเป็นพิเศษ
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44085
Location: NECTEC
Posted: 04/10/2011 1:59 am Post subject:
^^^
ข่าวเดียวกันเวอร์ชันไทยโพสต์ดูได้่ที่นี่ครับ
รื้อแบบ"สีชมพู"เลื่อนเปิด"สีเขียว" ดันเฮฟวีเรลบาน2หมื่นล.
หน้าเศรษฐกิจ ไทยโพสต์ 4 ตุลาคม 2454
รฟม.หวั่นแผนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ ช้าไป 1 ปี หลัง รมว.คมนาคม สั่งปรับแบบก่อสร้างสายสีชมพู จากโมโนเรลเป็นเฮฟวีเรล ส่งผลต้องปรับโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้ร่วมกันใหม่หมด
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า แผนการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ จะต้องล่าช้าไปไม่น้อยกว่า 1 ปี หลังจาก พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม สั่งให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ไปทบทวนแบบการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-ปากเก็รด-มีนบุรี ระยะทาง 36 กิโลเมตรใหม่ โดยให้จัดจ้างบริษัทที่ปรึกษาให้มาศึกษาความเหมาะสมว่ารถไฟฟ้าสายดังกล่าวควรเป็นรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ (เฮฟวีเรล) มากกว่ารถไฟฟ้าขนาดเบา (โมโนเรล) โดยอ้างว่าเพื่อรองรับผู้โดยสารที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคตได้
การเปลี่ยนแปลงเป็นเฮฟวีเรล ทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยนใหม่ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานบริเวณวงเวียนหลักสี่ใหม่ทั้งหมด เนื่องจากเดิมโครงสร้างพื้นฐานของสายสีชมพูที่ได้มีการออกแบบและผ่านการพิจารณาสิ่งแวดล้อมแล้วได้ออกแบบไว้เป็นแบบโมโนเรล และใช้ร่วมกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ ดังนั้น เมื่อเปลี่ยนก็ต้องเริ่มกระบวนการตั้งแต่หนึ่งใหม่ รวมถึงการแก้ไขในร่างเงื่อนไขสัญญาต้องกำหนดให้ผู้ที่ก่อสร้างสายสีเขียว เปลี่ยนโครงสร้างเป็นแบบเฮฟวีเรลด้วย แหล่งข่าวกล่าว
ตามแผน รฟม.จะเปิดประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม หมอชิต-สะพานใหม่ ระยะทาง 12 กิโลเมตร มูลค่า 36,685 ล้านบาท จะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการกลางปี 2558 แต่ถ้ามีการปรับแบบก่อสร้างดังกล่าวใหม่ การเปิดให้ใช้บริการต้องเลื่อนออกไปเป็นปลายปี 2559 หรือปี 2560
นอกจากนี้ การเปลี่ยนรูปแบบการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ยังส่งผลให้วงเงินค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้นอีก 20,000 ล้านบาท จากเดิมใช้เงินลงทุน 42,067 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 4,000 ล้านบาท งานโยธา 18,000 ล้านบาท ค่างานระบบรถไฟฟ้า 18,000 ล้านบาท และค่าจ้างที่ปรึกษา 1,000 ล้านบาท
การแก้ไขแบบก่อสร้างนั้นถ้ามีเจตนาที่ดี ทาง รฟม.ก็เห็นด้วย แต่ถ้าเพื่อการทุจริตก็ถือว่าประเทศชาติสูญเสียความเจริญ แหล่งข่าวกล่าว
//------------------------------------------------------------------------------
เออ เท่าที่ดูก็พอรู้ว่านี่เป็นมหกรรมการซื้อใจคนกรุงเทพด้านเหนือ จากมีนบุรี ถึง ศูนย์ราชการ (แถวบ้านผมเอง) แถมชาวนคร นนทบุรี และ ปากเกร็ด จะได้ รักษาฐานคะแนนเสียงเอาไว้นานๆ แถมได้ปั่นราคาที่ดิน ให้พุ่งทะลุฟ้า ได้ด้วย
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 47480
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 06/10/2011 12:42 am Post subject:
"คมนาคม"ให้สนข.ศึกษาปรับรูปแบบรถไฟฟ้าสายสีชมพู-สีเหลืองใหม่
ไทยรัฐออนไลน์ 5 ตุลาคม 2554, 21:40 น.
"รมว.คมนาคม" สั่ง สนข.ศึกษาปรับรูปแบบรถไฟฟ้าสายสีชมพู-สีเหลืองใหม่ จากโมโนเรลป็นเฮฟวี่เรลให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน พร้อมยืนยันรถไฟฟ้า10 สายสามารถเซ็นสัญญาภายใน 4 ปี...
เมื่อวันที่ 5 ต.ค. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมแผนแม่บทการขนส่งทางรถไฟทั่วประเทศว่า ตนได้ให้นโยบายกับสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.)ให้ไปศึกษาและปรับแผนในการดำเนินการโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู เส้นทางแคราย-มีนบุรี ระยะทางกว่า 36 กม. และโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง เส้นทางลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กม.ใหม่ จากเดิมที่มีรูปแบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว หรือ รถไฟฟ้าขนาดเบา โมโนเรล มาเป็นรถไฟฟ้าขนาดหนัก หรือเฮฟวี่เรล (รถไฟฟ้าในปัจจุบัน) ว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ โดยให้ สนข.ไปศึกษาให้ได้ข้อสรุปภายใน 6 เดือน ทั้งเรื่องงบประมาณที่จะเพิ่มขึ้น ผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมด้วย
รมว.คมนาคม กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ต้องปรับรูปแบบการก่อสร้างจากโมโนเรลมาเป็นเฮฟวี่เรล เนื่องจากมองว่าในเส้นทางถนนแคราย-มีนบุรี และเส้นทางลาดพร้าว-สำโรงนั้น มีปริมาณประชาชนที่จะเดินทางสัญจรจำนวนมาก และเมื่อจะมีการก่อสร้างควรให้มีความคุ้มค่าต่อการลงทุน นอกจากนั้นในการศึกษา โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีเหลือง เส้นทางลาดพร้าว-สำโรงนั้น หากมีการเปลี่ยนรูปแบบแล้วการก่อสร้างจะเป็นใต้ดินหรือยกระดับบนดิน รูปแบบไหนจะเหมาะมากกว่ากัน
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า การดำเนินการก่อสร้างในโครงการรถไฟฟ้า จำนวน 10 สายทาง ระยะทางรวมกว่า 464 กม.นั้น จะต้องมีการดำเนินการและลงนามในสัญญาก่อสร้างภายในระยะเวลา 4 ปี หลังจากนี้แน่นอน ส่วนการดำเนินการหลังจากนี้เส้นทางรถไฟฟ้าที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะดำเนินการเป็นลำดับต้นๆ คือ รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม เส้นทางแบริ่ง-สมุทรปราการ, รถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน เส้นทางหมอชิต-สะพานใหม่ และหลังจากนั้นจะเป็นรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองเป็นลำดับต่อไป
รมว.คมนาคม กล่าวอีกว่า การดำเนินโครงการรถไฟทางคู่ระยะแรก ระหว่างปี 2553-2557 ระยะทางรวม 767 กม. ซึ่งเป็นการก่อสร้างรางรถไฟขนาด 1 เมตร โดยสร้างรางคู่กับรางเดิมที่มีอยู่ คงให้ดำเนินการก่อสร้างต่อไป โดยปัจจุบันความคืบหน้าโครงการแล้วประมาณ 10% ส่วนโครงการระยะที่ 2 และ 3 ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ปี 2558 นั้น จะให้ก่อสร้างเป็นรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตรแทน เนื่องจากรางขนาดมาตรฐานจะสามารถรองรับได้ทั้งระบบรถไฟดีเซลสำหรับขนส่ง สินค้า และระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูงสำหรับขนส่งผู้โดยสาร ซึ่งจะช่วยประหยัดงบประมาณ รวมทั้งยังช่วยรองรับการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและการขนส่งและจราจร (สนข.) ไปศึกษาความเป็นไปได้และให้สรุปภายใน 1 เดือน
สำหรับโครงการรถไฟทางคู่ระยะแรก ประกอบด้วย 5 โครงการ ได้แก่ 1.เส้นทางลพบุรี-นครสวรรค์-ปากน้ำโพ ระยะทาง 118 กม. 2.เส้นทางมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กม. 3.เส้นทางชุมทางถนนจิริ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กม. 4.เส้นทางนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กม. และ 5.เส้นทางประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม. ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 และ 3 รวมระยะทาง 2,272 กม. เช่น เส้นทางแก่งคอย-บัวใหญ่ ระยะทาง 220 กม. เส้นทางชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 309 กม. เส้นทางปากน้ำโพ-ตะพานหิน ระยะทาง 69 กม. เส้นทางขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 172 กม. เส้นทางหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 89 กม. เส้นทางชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 166 กม. เส้นทางตะพานหิน-เชียงใหม่ ระยะทาง 427 กม. เส้นทางสุราษฎร์ธานี-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 339 กม. เส้นทางคลองสิบเก้า-กบินทร์บุรี ระยะทาง 76 กม.
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 47480
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 07/10/2011 11:44 am Post subject:
ปรับแบบรถไฟฟ้าสายสีชมพูทำโครงการล่าช้าแถมค่าก่อสร้างพุ่ง
เดลินิวส์ Friday, 07 October 2011 04:26
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม แจ้งว่า ตามที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม มีนโยบายปรับแบบการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแครายปากเกร็ด-มีนบุรี ระยะทาง 36 กม. และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-บางกะปิ-สำโรง ระยะทาง 30.4 กม. จากเดิมกำหนดก่อสร้างเป็นรถไฟฟ้ารางเดี่ยว หรือโมโนเรล เพื่อลดขนาดรางลดผลกระทบจราจร และลดค่าก่อสร้าง เปลี่ยนเป็นให้สร้างเป็นรถไฟฟ้าขนาดหนัก หรือเฮฟวี่เรล รูปแบบเดียวกับรถไฟฟ้าบีทีเอส เนื่องจากสามารถรองรับจำนวนผู้โดยสารได้มากกว่า แม้จะมีการก่อสร้างมากกว่า
ซึ่งถือว่าคุ้มค่าการก่อสร้าง ทำให้ขณะนี้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ผู้รับผิดชอบต้องปรับแผนการทำงานใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการสายสีชมพู ที่ขั้นตอนการดำเนินงาน รฟม.ได้ว่าจ้างบริษัท ทีมคอนซัลแตนท์ ให้จัดทำเอกสารประกวดราคา เพื่อเตรียมเดินหน้าประกวดราคาก่อสร้างแล้ว โดยแผนเดิมจะนำโครงการเข้าขออนุมัติในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในปี 2554 ตั้งเป้าเปิดใช้บริการปี 2558 จึงต้องเปลี่ยนแผนงานใหม่เป็น ศึกษาทบทวนรูปแบบการก่อสร้าง และศึกษาข้อดีข้อเสียของการก่อสร้างระหว่างโมโนเรลและเฮฟวี่เรล วงเงิน 15 ล้านบาท ใช้ระยะเวลาศึกษาประมาณ 4 เดือน โดยจะเริ่มงานในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะทำให้การเดินหน้าโครงการล่าช้าไปอีกเป็นปี
รายงานข่าวแจ้งว่า หากผลการศึกษาเห็นว่าระบบเฮฟวี่เรลเหมาะสม จะทำให้วงเงินค่าก่อสร้างสูงขึ้นจากเดิมที่ตั้งไว้ 42,067 ล้านบาท และจะต้องเสียเวลาปรับแบบก่อสร้างใหม่อาจใช้เวลาอีกเป็นปีกว่าจะเริ่มต้นเปิดประมูลได้ เบื้องต้นมีแนวโน้มสูงว่าจะใช้วิธีก่อสร้างแบบดีไซน์แอนด์บิ้วท์ คือ ออกแบบควบคู่การก่อสร้าง เพราะใช้เวลาดำเนินโครงการได้เร็วกว่าวิธีออกแบบรายละเอียดก่อนแล้วค่อยหาผู้รับเหมามาก่อสร้าง เพื่อให้โครงการแล้วเสร็จทันตามนโยบายรัฐบาล แต่ค่าก่อสร้างแบบดีไซน์แอนด์บิ้วท์จะสูงกว่า เพราะต้องเผื่อค่าความเสี่ยงของงานไว้ด้วย ขณะที่ผลกระทบต่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ถือว่ามีน้อยเพราะตามแผนเดิม ออกแบบก่อสร้างเป็นรถไฟฟ้าแบบเฮฟวี่เรลอยู่แล้วในช่วงบางกะปิ-สำโรง ระยะทาง 17.8 กม. ค่าก่อสร้าง 46,000 ล้านบาท จึงมีการปรับแบบแค่ช่วงลาดพร้าว-บางกะปิ ระยะทาง 12.6 กม. ค่าก่อสร้าง 16,000 ล้านบาท เป็นแบบเฮฟวี่เรล ทั้งนี้จะมีผลดีต่อโครงการด้วยซ้ำ เนื่องจากแต่เดิมโครงการนี้กำหนดเป็นโครงการในเฟส 2 แต่เมื่อมีการมอบนโยบายใหม่ เป็นการเร่งให้เดินหน้าโครงการนี้ให้เร็วขึ้น
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44085
Location: NECTEC
Posted: 09/11/2011 5:20 pm Post subject:
เลื่อนเปิดรถไฟฟ้า18เดือนสีชมพู-ส้มชะงักไร้บอร์ด
ข่าวเศรษฐกิจ
หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- อังคารที่ 8 พฤศจิกายน 2554 00:00:35 น.
คมนาคม - น้ำท่วมกระทบรถไฟฟ้า 6 สายหยุดชะงักการก่อสร้าง ส่งผลต้องเลื่อนการเปิดใช้ออกไป 1-1.6 ปี ส่วนสายสีส้ม-ชมพูสะดุดเหตุไร้บอร์ดอนุมัติ
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผย ว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผน การขนส่งและจราจร (สนข.) ไปทบทวนและปรับแผนการก่อสร้างและสถานะโครงการก่อสร้างรถ ไฟฟ้า 6 สายที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างให้เป็นปัจจุ บัน หลังจากที่ได้รับผลกระทบทางน้ำท่วมกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้การก่อสร้างต้องหยุดชะงักไป คาดว่าหลังจากน้ำลดแล้วจะต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือนถึงจะเริ่มทำงานได้ ดังนั้น การเปิดให้บริการแต่ละโครงการต้องเลื่อนออกไปน้อยกว่า 1-1.6 ปี คาดว่าแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน พ.ย.นี้
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 6 โครงการ ประกอบด้วย
1.โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ ระยะทาง 11.8 กม. เปิดใช้ 2558
2.สายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 12.8 กม. เปิดใช้ประมาณ 2557-2558
3.สายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ระยะทาง 15 กม. เปิดใช้บริการ 2558 และ
4.สายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 26 กม. เปิดใช้ 2558
5.สายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ระยะทาง 23 กม. เปิดใช้บริการ 2557
6.สายสีน้ำเงิน ช่วงบาง ซื่อ-ท่าพระ และช่วงหัวลำโพง-บางแค ระยะทาง 27 กม. เปิดใช้บริการ 2559
แหลงข่าวกล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า
1. สายสีส้ม ช่วงตลิ่งชันศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ระยะทาง 37.5 กม.
2. สายสีชมพู ช่วงแคราย-ปากเกร็ด-มีนบุรี ระยะทาง 36 กม.
ซึ่งได้คัดเลือกที่ปรึกษาการออกแบบแล้ว แต่ยังไม่สามารถเซ็นสัญญาได้ เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ (บอร์ด) ทำให้การดำเนินงานทั้งหมดต้องหยุดชะงัก
นายรณชิต แย้มสะอาด รองผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในฐานะรักษาการผู้ว่าการ รฟม.กล่าวว่า ในเร็วๆ นี้จะมีการเซ็นสัญญาว่าจ้างที่ปรึกษาโครงการรถ ไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 36 กม. และรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ระยะทาง 37.5 กม.
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44085
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44085
Location: NECTEC
Posted: 27/11/2011 12:34 am Post subject:
เกมผลประโยชน์ "คมนาคมแสนล้าน" จับตาบิ๊กรับเหมาประมูลรถไฟฟ้า
ข่าวหน้า 1 ประชาชาติธุรกิจ
ปีที่ 35 ฉบับที่ 4370
วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
ช่วงรอยต่อการเมืองสมัย "รัฐบาลประชาธิปัตย์" ยุคที่มีครูภูธรชื่อ "โสภณ ซารัมย์" จากพรรคภูมิใจไทย นั่งคุมกระทรวงคมนาคม ระหว่างนั้นมีการเปิดประมูลหลายโครงการ มูลค่ารวมเฉียด 1 แสนล้านบาท พร้อม ๆ กับมีการเซตตัว
"ผู้รับเหมา" แต่ละโปรเจ็กต์ไว้ล่วงหน้าเสร็จสรรพ ล้วนเป็นผู้รับเหมาแบรนด์เนม มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับนักการเมืองในพรรคทั้งสิ้น
แต่เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้วมาซุกใต้ปีกของ "พรรคเพื่อไทย" นอกจากตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคม ของ "สุพจน์ ทรัพย์ล้อม" ที่กำลังชุลมุนท่ามกลางกระแสน้ำท่วมอยู่ในขณะนี้ พบว่ายังมีประเด็นร้อนในแวดวงการประมูลงานขนาดใหญ่ที่ยื่นซองไปแล้ว
เมื่อรัฐบาลชุดที่แล้ว และรอลุ้นผลการตัดสิน มีแนวโน้มจะ "พลิกผัน" ตามทิศทางลมของฝ่ายการเมือง
โผรถไฟสายสีแดงพลิก
เริ่มชัดเจน "รถไฟชานเมือง" สาย สีแดง (บางซื่อ-รังสิต) ระยะทาง 26 กิโลเมตร มูลค่าลงทุน 75,548 ล้านบาท เมื่อกลางเดือนธันวาคม 2553 ที่ผ่านมา ทาง "ร.ฟ.ท.-หรือการรถไฟแห่งประเทศไทย" เจ้าของโครงการให้ยื่นประมูลทั้ง 3 สัญญาไปแล้ว
มีผู้รับเหมายื่นซองงานโยธา สัญญาที่ 1 และ 2 จำนวน 3 ราย คืออิตาเลียนไทย-ช.การช่าง และกิจการร่วมค้า SU (ซิโน-ไทยฯ และยูนิคฯ) และสัญญาที่ 3 งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมตู้รถไฟฟ้า จำนวน 4 ราย คือ 1.กลุ่ม มิตซูบิชิเฮฟวี่, ฮิตาชิและสุมิโตโม 2.กิจการร่วมค้า SMCK (ซีเมนส์-มิตซู บิชิ-ช.การช่าง) 3.กิจการร่วมค้า MIR (มารูเบนี-อิตาเลียนไทย-โรเทมส์) และ 4.กลุ่มบริษัทซัมซุง
โดย "ร.ฟ.ท." เริ่มเปิดซองราคา สัญญาที่ 1 (งานก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง) กรอบวงเงิน 26,554 ล้านบาท เมื่อ 14 มิ.ย. ที่ผ่านมา ผลออกมา "ซิโน-ไทยฯ และยูนิคฯ" เสนอราคาต่ำสุด 34,650 ล้านบาท สูงกว่าราคากลางที่บริษัทที่ปรึกษาประเมินไว้ 31,772 ล้านบาท อยู่ที่ 9.06% หรือ 2,878 ล้านบาท
ขณะที่ "อิตาเลียนไทย" เสนอราคาอันดับ 2 ที่ 34,999 ล้านบาท สูงกว่าราคากลาง 10.16% หรือ 3,227 ล้านบาท ส่วน "ช.การช่าง" เสนอราคา รั้งท้าย ที่ 35,500 ล้านบาท สูงกว่าราคากลาง 11.73% หรือ 3,877 ล้านบาท
หลังได้ผู้เสนอราคาต่ำสุดแล้ว คณะกรรมการประกวดราคา มีรองผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท. "ประจักษ์ มโนธัม" นั่งเป็นประธาน รับหน้าที่ต่อรองราคากับ "ซิโน-ไทยฯ และยูนิคฯ" ทันที
เปิดโต๊ะเจรจากัน 5 ครั้ง บริษัท รับเหมาเชื้อสายตระกูล "ชาญวีรกูล" กัดฟันลดกระหน่ำต่ำกว่ากรอบราคากลางของบริษัทที่ปรึกษาจาก 34,650 ล้านบาท เหลือ 31,170 ล้านบาท หรือลดไป 3,480 ล้านบาท
แต่ผลสุดท้าย ราคานี้ยังไม่ใช่ตัวเลขที่ใช่ ! ทำให้จนถึงขณะนี้ ทั้ง "ซิโน-ไทยฯ และยูนิคฯ" ยังปิดดีลจ็อบนี้ไม่ลงตัว
ITD เสียบแทนซิโน-ไทยฯ
ว่ากันว่าโปรเจ็กต์นี้มี "ใบสั่ง" จากนักการเมืองให้เล่นเกมใต้ดิน เพื่อเปิดทางเจรจากับรายที่ 2 "อิตาเลียนไทย" ที่รอเสียบอยู่ และมีความเป็นไปได้สูงว่าจะประสบความสำเร็จ เพราะเกมนี้มีเดิมพันสูงลิ่วถึง 10% ของมูลค่างาน
หากสำเร็จไปด้วยดี ไม่ใช่สัญญาที่ 1 ที่ "อิตาเลียนไทย" จะได้งาน แต่ยังมีสัญญาที่ 2 จ่อคิวอยู่ร่วม 18,861 ล้านบาท รวมเบ็ดเสร็จ 2 สัญญา คิดเป็นมูลค่างานกว่า 45,415 ล้านบาท
"หลังเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ อิตาเลียนไทยพยายามจะให้ได้งานมาก ๆ เริ่มมีร้องเรียนเรื่องประมูลงานใหญ่ อย่างรถ ไฟฟ้าสายสีเขียวก็มีร้องว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ไม่สำเร็จ เพราะช่วงหลังมีปัญหาการเงินค่อนข้างมาก จึงต้องหางานใหม่เสริมสภาพคล่อง เชื่อว่างานนี้เขาจะทำสำเร็จ เพราะสายสัมพันธ์กับเพื่อไทยแน่นมาก ไม่แปลกที่จะเห็นภาพคุณเปรมชัย (กรรณสูต) ลงพื้นที่น้ำท่วมคุมซ่อมประตูระบายน้ำด้วยตัวเอง" แหล่งข่าวจากวงการรับเหมาก่อสร้างกล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ"
ร.ฟ.ท.รับลูกชง "ไจก้า" ตัดสิน
แหล่งข่าวจาก ร.ฟ.ท.กล่าวว่า ขณะนี้กำลังรอองค์การเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า) ผู้ปล่อยเงินกู้โครงการนี้พิจารณาอนุมัติตามที่คณะกรรมการประกวดราคาเสนอไป ผลการเปิดซองราคา สัญญาที่ 1 จะเชิญบริษัทอิตาเลียนไทย ที่เสนอราคารายที่ 2 มาต่อรองราคา หลังราคาที่บริษัท ซิโน-ไทยฯ และยูนิคฯ ปรับลดลงมาเหลือ 31,170 ล้านบาท ยังไม่เป็นที่พอใจ เพราะยังสูงกว่ากรอบราคากลาง ตามที่มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติไว้ปี 2552 วงเงิน 26,554 ล้านบาท โดยสูงกว่ากรอบ 4,616 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการมีตัวเลขในใจ ที่จะต่อรองกับรายที่ 2 อยู่แล้ว
"ตอนนี้รถไฟฯพยายามเปลี่ยนแผนเช่นกัน ใช้วิธียึดกรอบราคากลางตามมติ ครม.เป็นที่ตั้ง โดยอ้างว่ายึดกรอบราคาของที่ปรึกษาไม่ได้ เพราะไม่มีใครรับรองว่าเป็นราคาที่ถูกต้อง ตามที่กลุ่มซิโน-ไทยฯพยายามยึดเป็นหลักการว่าเป็นราคาที่ถูกต้อง และได้ทำหนังสือถึง ไจก้ายืนยันตามราคานี้ไปแล้วว่าทำถูกต้องตามแนวทางของราคาที่ปรึกษา หากอิตาเลียนไทยที่อยากได้งานมาก จะต้องยอมลดราคาได้มากกว่ารายแรก เพราะสุดท้ายแล้วราคายังสูงอยู่ อาจจะยกเลิกประมูล"
วางรางสีม่วง 3.6 พันล้านป่วน
ไม่ใช่เฉพาะ "รถไฟฟ้าสายสีแดง" ที่โผพลิก ในส่วนสัญญาที่ 6 "งานวางระบบราง" รถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) ระยะทาง 23 กิโลเมตร มูลค่างาน 3,638 ล้านบาท ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ก็ป่วนไม่แพ้กัน
โครงการนี้ "รฟม." ให้ผู้รับเหมายื่น ข้อเสนอเมื่อ 18 พ.ค. ที่ผ่านมา หรือปลายรัฐบาลที่แล้ว มีบิ๊กรับเหมา 2 ค่ายเข้าชิงระหว่าง "อิตาเลียนไทย-กลุ่มกิจการร่วมค้า SA" ที่ซิโน-ไทยฯ ผนึกกับ เอ.เอส.แอสโซซิเอทฯ
ล่าสุด "บิ๊กโอ๋-พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต" รมว.คมนาคม ให้ รฟม.ดำเนินการตามไจก้า เปิดซองราคาของบริษัทอิตาเลียนไทย เพราะผ่านการพิจารณาด้านเทคนิคเพียงรายเดียว
ภายหลังค่าย "ซิโน-ไทยฯและเอ.เอส.แอสโซซิเอทฯ" ไม่ผ่านการอนุมัติด้านเทคนิคจากไจก้า เพราะมีคุณสมบัติไม่เหมาะสม สวนทางกับข้อเสนอ ของ "รฟม." ที่ให้ทั้ง 2 ค่ายผ่านการพิจารณา
ทั้งหมดจึงล้วนมี "นัยสำคัญ" ช่วงการเมืองผลัดใบ เมื่อฟ้าเปลี่ยนสีจากน้ำเงินมาเป็นสีแดง รับเหมาที่สายสัมพันธ์แนบแน่นจึงมาแรง ดับรัศมี "รับเหมาขั้วเก่า" จากที่เคยรุ่งโรจน์ ค่อยอับแสงไปทีละนิด ๆ
Back to top
You cannot post new topics in this forum You cannot reply to topics in this forum You cannot edit your posts in this forum You cannot delete your posts in this forum You cannot vote in polls in this forum
Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group