นั่งรถเล่นตอนน้ำท่วม(สายเหนือ) กับขบวน 111

[sannithi]

สวัสดีครับ ก็หายไปนานเลย เนื่องจากหน่วยงานผม (แขวงการทางพิษณุโลก) ต้องไปซ่อมบำรุงทางและช่วยเหลือน้ำท่วมกันพักใหญ่ มีเวลาก็เลยเอาวิดีโอรถไฟสายเหนือ พิษณุโลก-เด่นชัย กับขบวน 111 มาให้ดูกันครับ

ผมต้องขออนุญาตทุกท่านไว้ก่อนนะครับว่าผมต้องขออภัยด้วยที่ภาพวิดีโออาจจะชัดแค่จากสถานีพิษณุโลก - ตรอน เท่านั้น เนื่องจาก Menmoryเต็มครับ ต่อจากนั้นผมใช้โทรศัพท์มือถือ LG GS290 ถ่ายแล้วความควชัดแค่ 2 ล้านMP เท่านั้น อาจทำให้ภาพไม่คมชัดเท่ากล้องดิจิตอล และที่สำคัญผมถ่ายได้แค่สถานีปางต้นผึ้งนะครับ เพราะเนื่องจากวันนั้น ขบวน 111 ช้าประมาณ 1 ชั่วโมง จึงทำให้ถึงสถานีปางต้นผึ้งก็มืดแล้วครับ ออกจากสถานีนี้ไปคงไม่ต้องพูดถึง เพราะมองไม่เห็นครับ เอาไว้ครั้งหน้าจะไม่ให้พลาด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ



มาเริ่มกันเลยนะครับ วันี้ผมค่อนข้างโชคดีที่ได้เห็นเจ้า 102 และ 111 มาหลีกกันที่พิษณุโลกครับ และนานๆรวมทั้งน้อยครั้งมากที่ 102 จะมาก่อน 111 (แต่ความจริงวันนี้น่าจะมาพร้อมกันครับเพราะผมเห็นจอดรอกันอยู่ก่อนเข้าสถานีพิษณุโลกโดยมีแสงไฟหน้ารถทั้งด้านเหนือและด้านใต้ครับ แต่ทางสถานีให้ 102 เข้าเทียบรอหลีกกับ 111 ก่อนครับ)

ช่วงที่น้ำท่วมนี้ 102 และ 109 วิ่งรับส่งผู้โดยสาร เชียงใหม่-ชุมทางบ้านภาชี-เชียงใหม่ ครับ ส่วน 111 และ 112 ก็ ชุมทางบ้านภาชี-เด่นชัย และ เด่นชัย-ชุมทางบ้านภาชี ครับ ดีที่ปัจจุบันนี้มี 107 และ 108 วิ่ง เด่นชัย-ชุมทางบ้านภาชี-เด่นชัยแล้ว ค่อยสบายหน่อยครับ มีทางเลือกมากขึ้น (ส่วนขบวน 1 และ 9 (กรุงเทพ-เชียงใหม่) ไม่ต้องพูดถึง ช้าอย่างต่ำ 4 ชั่วโมงครับ ล่าสุดตอนผมรอ 111 อยู่ ปดร.ก็ประกาศว่า ขบวน 9 ช้า 4 ชั่วโมง ทุกทีจะเห็นน้อยมากที่ขบวน 9 จะมาทีหลัง 111 แต่ตอนนี้สถานการณ์น้ำท่วมต้องวิ่งอ้อม พอให้อภัยกันได้ครับ อิอิ)

วันนี้ผู้นำขบวน 102 ก็ไม่พ้นน้าต้อม 4409 ครับ ผมสังเกตดูริ้วขบวน 102 นี้มีแค่6โบกี้เองครับ มีตู้โดยสารเพียง3-4โบกี้ ถ้าเป็นตอนช่วงปกติน้ำไม่ท่วม อย่าหวังเลยว่าจะมีที่ว่างเช่นนี้ครับ ผิดกับขบวน 111 ที่นำขบวนมาด้วยน้าต้อมเช่นกัน เลขที่ออก 4125 ครับ แต่ริ้วขบวนกลับมีตู้โดยสารมากกว่า 102 โดยมีตู้โดยสารประมาณ 7 ตู้เลยครับ แถมไม่มีที่นั่งระบุบนตั๋วด้วย ก็น่าจะเป็นเพราะสถานการณ์น้ำท่วมที่ทำให้ผู้โดยสารน้อยลงไปถนัดตา ผมนั่งในตู้ที่ 1 พอเลยสถานีปางต้นผึ้งไป ทั้งขบวนก็มีผมกับแฟน2คนที่เหลือนั่งถึงเด่นชัยครับ

ผมเคยสงสัยนะครับเมื่อพูดถึงขบวน 111 ทำไมดูเวลาวิ่งมันดูช้ากว่า 108 ล่ะครับ เช่น สถานีบ้านด่าน ปางต้นผึ้ง ห้วยไร่ ขบวน 111 จอด แต่ 108 ไม่จอด ออกจากเด่นชัย จอดอีกทีก็ ศิลาอาสน์เลย แต่ก็ดูไวดีนะครับ

และเมื่อออกจากสถานีพิษณุโลกแล้วก็ต้องผ่านสถานีบ้านเต็งหนาม ซึ่งผมจำได้ดีที่ ขบวนรถ สวรรคโลก-กรุงเทพ มาตกรางในรางหลีกที่สถานีนี้เมื่อหลายปีก่อน ผมยังไปดูเขายกรถขึ้นกันอยู่เลยครับ และผมได้สังเกตว่าทำไม ก่อนเข้าสถานีบ้านเต็งหนามและเกือบทุกสถานี จนถึงเด่นชัย ตามหลักแล้ว เสาหางปลาเข้าสถานีจะมี สีเหลือง และแดงใช่มั้ยครับ ต้องเห็นสีเหลืองยกทำมุมเฉียง และ ผ่านไปหน่อย เสาสีแดงก็ต้องยกทำมุมเฉียง แปลว่าผ่านสถานนีนี้ได้โดยไม่ต้องจอดใช่มั้ยครับ (รบกวนถามข้อมูลผู้รู้ด้วยครับ เนื่องจากผมประสบการณ์น้อย ไม่ค่อยได้ดูจากคนที่เขาโพสต์ไว้ครับ) แต่เท่าที่ผมเห็นส่วนใหญ่เสาสีเหลืองกลับไม่ยกเฉียงขึ้น เป็นเพราะอะไรครับ ทั้ง บ้านเต็งหนาม บ้านตูม แควน้อย พรหมพิราม หนองตม ..... ไปเรื่อยๆ จะมีที่ยกแบบสมบูรณ์ก็เห็นจะเป็น วังกะพี้อะครับที่ผมเห็นยกทั้ง 2 เสา

เมื่อรถออกจากพิษณุโลกก็วิ่งด้วยความเร็ว ประมาณ 35 บ้าง 40-45 บ้างฯลฯ จนถึงประมาณสถานีบ้านบุ่งที่เร่งความเร็วได้ เพราะเบาทาง แต่ทางทำหมอนเสร็จแล้วก็ยังเบาทางอีกเหรอครับแต่ก็ดีครับเพื่อความปลอดภัย ต่อไปเรามาดู ขบวน 111 ผ่านสถานีบ้านเต็งหนามบ้านตูม และแควน้อย กันครับ
(ปล.ผมขอลงทีละน้อยนะครับ เนื่องจากผมต้องโหลดลง Youtube ใช้เวลานานเพราะบางคลิปความจุร้อยกว่าMB และตัวเน็ทเองก็ช้าด้วย ผมจะลงให้เรื่อยๆจนหมดนะครับ)



ระหว่างทางก่อนเข้าสถานีเต็งหนาม สองข้างทางเต็มไปด้วยหญ้าพงต่างๆ แทบจะเข้ามาในตู้โดยสารเลยครับ แต่ที่ผมเห็นหลังจากวันที่ไปเที่ยว เขาตัดหญ้าพงจนเตียนหมดแล้วครับ ค่อยดูสะอาดตาหน่อย แต่สิ่งหนึ่งที่อยากให้ทุกท่านลองดูอย่างที่ผมบอกไปครับ คือเสาหางปลาแรกสีเหลืองที่ไม่ยกขึ้น สถานีบ้านตูมก็เหมือนกันครับ



เมื่อออกจากสถานีบ้านเต็งหนามแล้วสถานีต่อไปที่ขบวน 111 ต้องผ่านก็เป็นสถานีบ้านตูมครับ แต่เมื่อเกือบจะถึงสถานีบ้านตูมผมสังเกตเห็นเจ้าเสาหางปลาสีแดงยกเฉียงขึ้น2อัน นั่นก็แสดงว่านี่เราต้องรอหลีกกับขบวนไหนสักขบวนใช่มั้ย แล้วขบวนไหนล่ะ ก็ไม่พ้นเจ้าขบวน 12 แน่นอนครับ และเมื่อเจ้า 111 เข้าเทียบในรางหลีกแล้ว ไม่นาน ขบวน 12 ก็เข้ามาและผ่านขบวน 111กับสถานีบ้านตูมด้วยความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. และที่สำคัญทีนานๆจะได้เห็นกันก็คือ มีตู้โดยสารถึง5โบกี้ วิ่งผ่าน 111 ไปอย่างช้าๆครับ เมื่อเจ้า 12 ผ่านเราไปแล้วก็ได้เวลาที่ 111 ต้องออกจากสถานีบ้านตูมแล้วล่ะครับ และสถานีต่อไปที่ 111 จะผ่านก็ได้แก่สถานีแควน้อยนั่นเอง



และเมื่อผ่านสถานีแควน้อยไปทางด้านเหนือของสถานีเราก็ต้องผ่านสะพ่นข้ามแม่น้ำแควน้อยที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เมื่อผ่านไปแล้วก็มุ่งหน้าสู่สถานีพรหมพิรามต่อไป และผมเองก็ไม่ได้ถ่ายวิดีโอตั้งแต่สถานีพรหมพิรามไปจนถึงสถานีไร่อ้อยครับ เนื่องจากคุยโทรศัพท์จนเพลิน มาดูอีกทีอ้าวถึงสถานีไร่อ้อยเสียแล้ว และเมื่อถึงสถานีไร่อ้อยก็มีขบวน 408 จอดรอหลีก 111 อยู่ ส่วนใหญ่นั้น 111 จะไปหลีกกันที่ ชุมทางบ้านดาราครับ แต่วันนี้เนื่องจาก 111 ช้ากว่าเวลาประมาณ 1 ชม. และ 408 เองก็คงช้าเช่นกัน เลยต้องมาหลีกกันที่สถานีไร่อ้อย ซึ่งถัดมาจากสถานีชุมทางบ้านดาราไป 1 สถานีครับ

และเมื่อผ่านสถานีไร่อ้อยไปแล้ว ก็ถึงสถานีชุมทางบ้านดาราทางแยกสู่สายคลองมะพลับ-สวรรคโลก ช่วงน้ำท่วมนี้ไม่เห็น ขบวน 3 กับ 4 มาเป็นเดือนแล้ว คิดถึงจังเจ้า Sprinter แอร์เย็นฉ่ำ แต่บางวันที่วันไหน Sprinter งอแง ก็ต้องให้ลูกพี่ Daewoo มาทำการแทนในบางครั้งครับ ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนจะได้เห็นขบวน 3 กับ 4 วิ่งเสียที

และเมื่ออกจากสถานีชุมทางบ้านดาราแล้วสถานีต่อไปที่ 111 จะต้องจอดก็เป็น สถานีท่าสักครับ และที่สถานีนี้เองที่ผมได้เห็นอะไรแปลกตาไปจากเดิมคืออะไรไปดูกันครับ



อ้อ ผมเองก็ลืมไปกับสถานีไร่อ้อยที่ 111 วิ่งผ่านแล้วมี 408 รอหลีกอยู่ ลองไปดูตอน 111 วิ่งผ่าน 408 กันครับ



และต่อกันเลยครับ เมื่อผ่านไร่อ้อย ชุมทางบ้านดาราไปแล้วก็ต้องรอหลีกกับขบวน 410 ที่ดูแปลกตาไปที่ปกติใช้ดีเซลาราง 3 โบกี้ แต่วันนี้เป็นน้าต้อม นำขบวนแล้วบวกด้วย บ.ช.ส. อีก 3 โบกี้ ก็แปลกตาดีครับ ตอนแรกผมก็สงสัยว่าเอ๊ะ ยังมีขบวนอะไรหลงมาอีกล่ะนี่ 102 ก็หลีกกับเราไปที่พิษณุโลกไปแล้ว แล้วที่กำลังเข้ามาล่ะขบวนอะไร จนมาถึงบางอ้อเมื่อขบวนดังกล่าววิ่งมาอยู่ข้างๆ 111 ก็รู้ว่า 410 นั่นเอง เพราะป้ายเขียนว่า ศิลาอาสน์-พิษณุโลกครับ



และเมื่อ 111 ออกจากท่าสักแล้ว สถานีต่อไปที่ 111 จะจอดก็คือ สถานีตรอนครับ



เมื่ออกจากสถานีตรอนแล้ว ก็ต้องผ่านสถานีวังกระพี้ครับรู้สึกว่าจะมีสถานีวักระพี้นี่แหละครับที่ยกเสาสัญญาณทั้ง2อัน ก็เลยงงว่าแล้วสถานีที่ผ่านมาล่ะ มันแปลว่าอะไร



และเมื่อผ่านสถานีวังกระพี้ไปแล้วก็แน่นอนที่ 111จะต้องจอดคือ สถานีอุตรดิตถ์และศิลาอาสน์ครับ และเพื่อไม่ให้เสียเวลาผมก็เลยรวมวิดีโอทั้ง2สถานีนนี้ไว้ในไฟล์เดียวกันไปเลย และเชิญรับชมกันเลยครับ อ้อและทุกท่านคงจำเสาหางปลาสีแดงที่ต่ำที่สุด(ไม่รู้ในประเทศไทยรึป่าวนะครับ) ที่สถานีอุตรดิตถ์นี้นี่เอง



เมื่อออกจากสถานีอุตรดิตถ์และศิลาอาสน์ไปแล้ว 111 ก็จอดที่สถานีบ้านด่านครับ และผมจำได้ว่าตอนกลับที่ผมนั่ง 108 กลับพิษณุโลก ก็มารอหลีกให้ ขบวน 9 ที่สถานีบ้านด่านนี้ เพราะ ขบวน 9 ช้ากว่าเวลาไป 4 ชั่วโมงครับ และเมื่อบวกกับถึงสถานีบ้านด่านและปางต้นผึ้งก็มืดจนไม่สามารถถ่ายวิดีโอต่อไปได้ จึงทิ้งท้ายไว้ที่สถานีปางต้นผึ้งครับสำหรับทริปนี้



และเมื่อออกจากสถานีบ้านด่านแล้ว 111ก็จอดที่สถานีปางต้นผึ้งครับ สังเกตได้ว่ามืดแล้ว เสียดายจัง ถ้าวันนี้ 111 ไม่ช้าไป 1ชม. ก็คงถ่ายได้ถึงสถานีห้วยไร่ได้ประกอบกับช่วงนี้เป็นหน้าหนาวซึ่งมืดไวอยู่แล้วด้วยก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ



และเมื่อออกจากสถานีปางต้นผึ้งไปแล้วก็มองไม่เห็นอะไรมากนัก 111 ก็จอดสถานีห้วยไร่ และจอดที่ปลายทางสถานีเด่นชัย เวลา 18.40 น. สรุปว่าช้าประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ตอนกลับ 108 ก็ออกตรงเวลานะครับ ก่อน 108 ออก ก็มีขบวนรถน้ำมัน บ.ท.ค. วิ่งน้ำหน้าไปไม่ถึง 10 นาทีครับ แต่ 108 ก็ตามไม่ทัน ไปถึงพิษณุโลกประมาณ 22.20 น. พออภัยได้เพราะต้องเบาทางตลอด

และผมสังเกตว่าทุกทีจะมีการต่อขบวนที่สถานีศิลาอาสน์ 1 โบกี้ กับ 108 แต่ครั้งนี้ไม่มีการทำเช่นนั้น น่าจะเป็นช่วงน้ำท่วมมั้งครับที่ผู้โดยสารไม่ได้เยอะอะไรจึงไม่จำเป็นต้องพ่วงมาอีก 1 โบกี้ และหลังจากวันที่ผมไปเที่ยวครั้งนั้นมา ขบวน 403 และ 410 ก็มาทำขบวนด้วย ดีเซลราง 3 โบกี้เหมือนเดิมครับ ไม่รู้ว่าหายไปไหนหลายวัน ยังไงถ้ามีทริปอะไรอีกจะนำมาให้ดูแก้เครียดเรื่องน้ำท่วมกันนะครับ

ปล.ผมต้องขออภัยในการลงวิดีโอครั้งนี้เนื่องจากความไม่พร้อมต่างๆและอาจจะผิดพลาดประการใดก็แนะนำกันมาได้ครับ ขอบคุณครับ