ข่าวและภาพรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน

[Wisarut]

รัฐใจป้ำแบกหนี้แทนรฟม.5ปี1.7หมื่นล.
Thaipost - 31 พฤษภาคม 2549 กองบรรณาธิการ

รัฐบาลรักษาการใจป้ำ รื้อมติ ครม.ปี 46 แบกรับหนี้แทน รฟม.อีก 5 ปี วงเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท เปิดช่องขอเพิ่มได้อีก หากไม่มีเงินจ่าย รถไฟฟ้า 3 สาย ไร้วี่แวว คมนาคมไม่ชงเข้า ครม.


นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 30 พ.ค. มีมติให้ทบทวนมติ ครม.เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.46 เรื่องการชำระคืนหนี้เงินกู้ค่าออกแบบค่าก่อสร้าง และค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการรถไฟฟ้ามหานครเฉลิมรัชมงคล ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้รัฐบาลเป็นผู้รับภาระชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยเงินกู้ดังกล่าวเป็นรายปี ต่อไปอีก 5 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2550-2554 รวมทั้งให้ รฟม.ถือเป็นหลักการว่า ภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นการเพิ่มทุนของรัฐบาล

มติ ครม.เดิมกำหนดให้รัฐบาลรับภาระจ่ายชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยเงินกู้ดังกล่าว ในช่วง 3 ปีแรกที่เปิดบริการเดินรถ (ปีงบประมาณ 2547-49)

ทั้งนี้ ครม.มอบหมายให้สำนักงบประมาณไปจัดสรรงบประมาณให้แก่ รฟม.เพื่อชำระคืนหนี้ดังกล่าวเป็นรายปี หรือจนกระทั่งมีการโอนภาระการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยเงินกู้ดังกล่าวออกจาก รฟม.ตามแผนจัดการหนี้ระยะยาว และหากมีความจำเป็นต้องขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล ให้เสนอ ครม.พิจารณาอีกครั้ง

"มติ ครม.ในครั้งนี้ เป็นการขยายเวลาให้รัฐบาลเป็นผู้ชำระหนี้แทน รฟม. ออกไปอีก 5 ปี เพราะในปัจจุบัน รฟม.ยังประสบกับภาวะการขาดทุนอยู่ โดยหากเมื่อครบกำหนดแล้ว รฟม.มีความจำเป็นต้องขอให้รัฐช่วยเพิ่มอีก ก็ให้ขอ ครม. ส่วนแนวทางการเพิ่มรายได้ของ รฟม.ยังไม่มีรายละเอียดในเรื่องนี้" นายเฉลิมชัยกล่าว

สำหรับยอดการชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ที่รัฐบาลต้องจ่ายแทน รฟม.อีก 5 ปี เป็นเงินรวม 17,757.20 ล้านบาท ได้แก่ ปี 2550 รวม 3,084.83 ล้านบาท, ปี2551 รวม 2,546.86 ล้านบาท, ปี 2552 รวม 3,598.72 ล้านบาท, ปี 2553รวม 3,664.88 ล้านบาท, ปี 2554 รวม 4,862.91 ล้านบาท

น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้า3 สายที่เดิมคาดว่า กระทรวงคมนาคมจะเสนอรายละเอียดในการประชุมครั้งนี้ แต่ไม่ได้มีการเสนอเข้าพิจารณา โดยไม่ทราบสาเหตุว่าเป็นเพราะเหตุใด.

[Wisarut]

คมนาคมยื้อขึ้นราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน
ยังไม่เสนอ ครม. อนุมัติประกาศใช้ 3 ก.ค.
Dailynews - May 31, 2006

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม แจ้งว่า ตามที่บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (บีเอ็มซีแอล) ได้รับสิทธิตามสัญญาสัมปทานสามารถขึ้นราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินได้ในวันที่ 3 ก.ค.นี้ ซึ่งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ต้องนำเรื่องดังกล่าวเสนอมาที่กระทรวงคมนาคม เพื่อนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติ โดยการขึ้นราคาดังกล่าวจะต้องประกาศให้ประชาชนทราบล่วงหน้า 30 วัน ซึ่งต้องประกาศในวันที่ 3 มิ.ย. นี้นั้น แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการนำเรื่องการขึ้นราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินเข้าเสนอในที่ประชุม ครม. จึงเป็นที่แน่นอนว่าจะประกาศขึ้นราคาไม่ทันกำหนด 30 วัน อย่างไรก็ตามแม้จะเลยกำหนดดังกล่าวไปแล้ว บีเอ็มซีแอลยังมีสิทธิขึ้นราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินได้ เพราะเป็นข้อกำหนดในสัญญาสัมปทานที่บีเอ็มซีแอลสามารถขึ้นค่าโดยสารได้ทุก ๆ 2 ปี โดยคำนวณจากดัชนีผู้บริโภค แม้จะมีระยะเวลาประกาศไม่ถึง 30 วัน แต่ก็สามารถเจรจาให้มีการยืดหยุ่นกับทางบีเอ็มซีแอลได้ เพราะเงื่อนไขระยะเวลาเป็นข้อกำหนดอยู่ในสัญญาระหว่าง รฟม. กับบีเอ็มซีแอล ดังนั้นเงื่อนไขการขึ้นราคาค่าโดยสารจึงอยู่ที่ ครม.มีมติอนุมัติเท่านั้น ถ้ายังไม่อนุมัติก็ยังขึ้นราคาไม่ได้

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อได้รับอนุมัติขึ้นราคาจะทำให้อัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินเพิ่มขึ้นเป็น 15-39 บาท จากเดิม 14-36 บาท อย่างไรก็ตามทางบีเอ็มซีแอลยอมรับข้อเสนอที่จะให้โปรโมชั่นส่วนลดค่าโดยสารสำหรับผู้โช้บัตรโดยสารแบบเติมเงินเหมือนเดิม แต่จะไม่มีโปรโมชั่นสำหรับผู้โดยสารที่ใช้เหรียญโดยสารแบบเที่ยวเดียว เพราะต้องการดึงดูดให้ผู้โดยสารมาใช้บริการรถใต้ดินเป็นประจำ.

[Wisarut]

ขสมก.เปิดเดินรถตู้ (Feeder vans) เส้นทางใหม่3สาย
Dailynews - May 31, 2006



รายงานข่าวจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) แจ้งว่า ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2549 นี้ เป็นต้นไป ขสมก. กระทรวงคมนาคม ร่วมกับกระทรวงพลังงาน จะเปิดให้บริการรถตู้โดยสารปรับอากาศ ใช้ก๊าซเอ็นจีวี จำนวน 3 เส้นทาง คือ

1. สาย ต.120 วิ่งระหว่างสถานีรถไฟฟ้าหมอชิต-สำโรง (ทางด่วน) ค่าโดยสาร 28 บาท ตลอดสาย 2. สายต.122 วิ่งระหว่าง สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต-ปากเกร็ด (ทางด่วน) ค่าโดยสาร 23 บาทตลอดสาย และ
3. สาย ต.123 วิ่งระหว่างอู่แสมดำ-มหาวิทยาลัยรามคำแหง (ทางด่วน) ค่าโดยสาร 36 บาทตลอดสาย

ทั้งนี้โครงการดังกล่าว ได้จัดขึ้นเพื่อสนองนโยบายในการประหยัดพลังงาน โดยให้รถขนส่งมวลชนหันมาใช้ก๊าซเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิงแทน

ก่อนหน้านี้ ขสมก. ได้เปิดเดินรถตู้เอ็นจีวี สายสถานีรถไฟฟ้าหมอชิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) นำร่องเป็นสายแรก โดยมีบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ให้คำปรึกษาแก่ ขสมก. ซึ่งหลังจากเปิดเดินรถ มีประชาชนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก

ซึ่งโครงการนี้มีบริษัทเอกชนเป็นผู้ลงทุนตัวรถและว่าจ้างพนักงานขับรถ และให้ ขสมก. เป็นผู้จัดหาพื้นที่จอดรถ และฝึกอบรมพนักงานและแบ่งรายได้ร่วมกัน ซึ่งทำให้ ขสมก. ได้ประโยชน์และมีรายได้เพิ่ม ทั้งนี้ในเส้นทางเดินรถใหม่ทั้ง 3 สาย ได้จัดเตรียมรถไว้เบื้องต้นจำนวน 50 คัน และจะเพิ่มปริมาณมากขึ้นภายหลังตามจำนวนประชาชนที่มาใช้บริการ โดยทั้ง 3 เส้นทางเป็นรถที่ใช้ทางด่วน และจอดรับ-ส่ง เฉพาะบริเวณป้ายหลัก ๆ เท่านั้น ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้รับความสะดวก และถึงที่หมายได้รวดเร็วมากขึ้น.

[Wisarut]

รฟม.พร้อมประมูลรถไฟฟ้า2สายเล็งทำฟีดเดอร์ไปเมืองทอง-จุฬาฯ
Dailynews - June 2, 2006


นางอัญชลี ชวนิชย์ ประธานกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (บอร์ด รฟม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสายสีน้ำเงิน ว่า ขณะนี้ รฟม. มีความพร้อมที่จะดำเนินโครงการทั้ง 2 โครงการแล้ว ใช้งบดำเนินการในปี 2549 ซึ่งรูปแบบการดำเนินการนั้น เบื้องต้นจะใช้วิธีการจ้างเหมาก่อสร้าง ลักษณะคล้ายกับการดำเนินการประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ที่เปิดใช้อยู่ในปัจจุบัน โดย รฟม. ในฐานะผู้รับผิดชอบดำเนินโครงการจะใช้เงินงบประมาณ และเงินกู้มาลงทุนก่อสร้าง แต่จะยังเปิดโอกาสให้ผู้สนใจยื่นข้อเสนอด้านการเงินด้วย หากข้อเสนอของเอกชนดีภาครัฐก็จะรับไว้พิจารณา ส่วนรูปแบบการก่อสร้างนั้น เนื่องจากโครงการของ รฟม. มีแบบรายละเอียดก่อสร้างแล้ว ดังนั้นผู้รับเหมาจะดำเนินการก่อสร้างตามรูปแบบเดิมที่ได้ศึกษาไว้ หรือจะเสนอรูปแบบการก่อสร้างใหม่ ๆ ก็ได้ หากเห็นว่าส่งผลดีต่อโครงการ อย่างไรก็ตามยังต้องรอความชัดเจนจากรัฐบาลอีกครั้ง ทั้งนี้หลังจากกระทรวงคมนาคมเสนอเรื่องดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาคาดว่าภายในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ จะมีการประชุมร่วมกับผู้เกี่ยวข้อง เพื่อหารือถึงรูปแบบและแหล่งเงินอีก

นางอัญชลี กล่าวถึงการทดลองนำรถโดยสารขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มาวิ่งรับส่งผู้โดยสารเพื่อเชื่อมโยงระบบขนส่งระหว่างรถเมล์และรถไฟฟ้าใต้ดิน (ฟีดเดอร์) ว่า หลังจากเริ่มทดลองวิ่งให้บริการใน 2 เส้นทาง คือ

1) เส้นทางท่าน้ำราชวงศ์-สถานีรถไฟฟ้าสามย่าน และ
2) เส้นทางอู่บางเขน-สถานีรถไฟฟ้าพหลโยธิน


แต่เพื่อความคล่องตัวอาจจะปรับเปลี่ยนนำรถขนาดเล็กมาให้บริการแทน (Feeder vans or Feeder non aitrcon buses) และจะเพิ่มเที่ยวรถในช่วโมงเร่งด่วนให้มากขึ้น นอกจากนี้มีแผนจะขยายเส้นทางการให้บริการฟีดเดอร์เพิ่มขึ้นอีก เช่น

1) เส้นทางผ่านจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ
2) เส้นทางจากสถานีรถไฟฟ้าสวนจตุจักรไปยังเมืองทองธานี.

[Wisarut]

ขสมก.ทดลองเปิดเส้นทางเดินรถเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้ววันนี้
dailynews - June 1, 2006



นายโอภาส เพชรมุณี รักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2549 เป็นต้นไป ขสมก. จะทดลองเปิดเส้นทางเดินรถเชื่อมต่อท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 2 เส้นทาง เพื่อสำรวจปริมาณผู้โดยสาร ดังนี้

1. สาย 550 แฮปปี้แลนด์-สุวรรณภูมิ แต่ในเบื้องต้นจะเปิดให้วิ่งจากแฮปปี้แลนด์-ประเวศ ก่อนเนื่องจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังไม่เปิดให้บริการ ซึ่งเป็นรถปรับอากาศยูโรทู 20 คัน ค่าโดยสาร 14-22 บาท

2. สาย 549 มีนบุรี-สุวรรณภูมิ เป็นรถปรับอากาศครีม-น้ำเงิน ค่าโดยสาร 11-19 บาท ทั้งหมด 9 คัน และรถครีม-แดง อีก 9 คัน (replacemebnt for Non aircon bus No.517)

[Wisarut]

รถไฟฟ้าอีกแล้ว!!
คอลัมน์ จอดป้ายประชาชื่น โดย ประชานิเวศน์
มติชน - 2 มิถุนายน 2549

และแล้วก็กลับมาเป็นประเด็นทางการเมืองเพื่อหาเสียงกับคนกรุงเทพฯในการเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 15 ตุลาคม 2549 อีกจนได้

สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า ที่ก่อนหน้านี้พรรคไทยรักไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้หาเสียงไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งการเลือกตั้ง วันที่ 2 เมษายน 2548

ครั้งนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ฟันธงแบบรับประกันคุณภาพว่า คนกรุงเทพฯและปริมณฑลจะได้ใช้รถไฟฟ้าภายในปี 2552 แน่นอน!!

โดยเฉพาะสายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) ถึงขั้นมีขบวนกลองยาว ที่นำโดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เลขาธิการเป็นหัวขบวนประชาสัมพันธ์ด้วยตัวเอง จนหมู่บ้านจัดสรรหลายแห่งเข้าไปขึ้นคัทเอาท์เชิญชวนให้จับจองซื้อบ้าน เพราะจะมีรถไฟฟ้าผ่าน

แต่ปรากฏว่า พอพรรคไทยรักไทยได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเป็นรัฐบาลอย่างถล่มทลาย ได้จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ากลับถูกนำเข้าไปรวมกับโครงการเมกะโปรเจ็คต์อื่นๆ ในโครงการ Partnership for Thailand

ทั้งๆ ที่บางเส้นทางมีความพร้อมที่จะเริ่มก่อสร้างได้

โดยเฉพาะ 3 เส้นทาง คือ สายสีม่วงช่วงบางใหญ่-บางซื่อ สายสีน้ำเงินช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และช่วงหัวลำโพง-บางแค ที่สามารถเชื่อมตัวกับรถไฟฟ้าใต้ดินสายเฉลิมรัชมงคลที่เปิดให้บริการอยู่ขณะนี้

และสายสีแดงเข้มช่วงรังสิต-หัวลำโพง ที่สามารถไปเชื่อมต่อกับสายสีแดงอ่อนช่วงตลิ่งชัน-สนามบินสุวรรณภูมิได้

ทั้ง 3 โครงการได้มีการดำเนินการทุกอย่างจนสามารถที่จะเปิดหาผู้รับเหมาได้แล้ว แต่รัฐบาลไทยรักไทยกลับไม่ดำเนินการอะไร ทั้งๆ ที่ได้เอามาเป็นนโยบายในการหาเสียงจนได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นรัฐบาล

ท่ามกลางคำครหาว่ารัฐบาลหมดเงินที่จะลงทุนโครงการแล้ว เพราะช่วงดังกล่าวกำลังเกิดปัญหา "คลังถังแตก" พอดี เพราะตัวเลขเงินคงคลังลดต่ำกว่าปกติมาก

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติแก้ไขร่างพระราชกฤษฎีกา กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ เป็นวันที่ 15 ตุลาคม 2549 ก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวที่จะปัดฝุ่นโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 3 เส้นทางออกใหม่ โดยแยกออกมาจากโครงการเมกะโปรเจ็คต์ อ้างว่า ขณะนี้สภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศเริ่มประสบปัญหา จำเป็นที่จะต้องมีเม็ดเงินลงทุนภาครัฐเข้าไปกระตุ้น

ขณะที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่เป็นเจ้าของโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 3 สายก็ออกมารับลูก บอกว่าได้กันงบประมาณไว้แล้ว เพื่อใช้ก่อสร้างในปี 2549 รวมกันเกือบ 7,000 ล้านบาท

ทั้งที่รถไฟฟ้าทั้ง 3 โครงการน่าที่จะเริ่มก่อสร้างได้ตั้งแต่ปี 2548 แล้ว แต่รัฐบาลกลับไม่เร่งดำเนินการ พอจะมีการเลือกตั้งใหม่ในปลายปีนี้ ก็ขุดเอาโครงการนี้ขึ้นมาใหม่ เพื่อช่วยหาเสียงกับคนกรุงเทพฯ เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่าเป็นเขตที่คะแนนเสียงของพรรคไทยรักไทยตกลงไปมาก

ไม่รู้ว่าพอเลือกตั้งครั้งใหม่เสร็จ ทั้ง 3 เส้นทางจะแท้งอีกรอบหรือเปล่า?

[Wisarut]

อ้วก!รถไฟฟ้าเตรียมขึ้นราคา +ทั้งใต้ดิน-ลอยฟ้า/ค่าย BMCL ปรับเป็น 15-39 บ.มีผล3ก.ค.
บีทีเอสจ่อคิวปรับราคาตาม
Than Setthakihj - Juen 1-3, 2006



คนกรุงอ่วม รถไฟฟ้าใต้ดินขยับราคา จาก 14-36 บาท เป็น 15-39 บาท มีผลหลัง 3 ก.ค.49 นี้เป็นต้นไป "สมบัติ" แจงทำตามสัญญา ยันผู้ใช้บริการไม่ลดแน่ พร้อมเตรียมแผนดึงยอดผู้โดยสารเพิ่ม ด้าน "เสี่ยเพ้ง" ไฟเขียวแลกกับจัดโปรโมชั่นมอบส่วนลด ขณะที่ "บีทีเอส" เตรียมขยับราคาค่าโดยสารตาม อ้างต้นทุนค่าดำเนินการเพิ่มแล้ว 30%

ดร.สมบัติ นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีเอ็มซีแอล เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า บีเอ็มซีแอล วางแผนจะทำการประกาศอัตราค่าโยสารรถไฟฟ้าไต้ดินใหม่ ให้ประชาชนได้ทราบ ไม่เกิน 2 สัปดาห์แรกของเดือน มิ.ย.49 นี้ เพื่อให้มีผลใช้หลังวันที่ 3 ก.ค.49 เป็นต้นไป โดยจะปรับราคาจาก 14-36 บาทในปัจจุบัน เป็น 15-39 บาท ซึ่งเป็นไปตามที่ระบุไว้ในสัญญา และเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบให้ผู้โดยสารลดลง


สำหรับยอดผู้ใช้บริการในขณะนี้ มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปี 2548 ที่ผ่านมาถึง 30% และคาดว่าเมื่อสิ้นปี 2549 จะมีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอีก ส่วนรายได้นั้น ในขณะนี้มีรายได้เฉลี่ยวันละ 3,000,000-3,500,000 บาท และคาดว่าเมื่อทำการปรับเพิ่มค่าโดยสารแล้วจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10% หรือน่าจะมีรายได้เฉลี่ยวันละ 4,000,000 บาท แต่ก็จะเป็นรายได้ที่เพียงพอกับต้นทุนค่าดำเนินการ (Operating Cost) ซึ่งหากต้องการให้มีกำไร ก็จะต้องทำให้มีรายได้เฉลี่ย 4,500,000 ต่อวัน ส่วนในปี 2550 นั้น คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20%

ทั้งนี้ทางบริษัทมุ่งเน้นที่จะดำเนินการโครงการระบบขนส่งต่อเนื่องเชื่อมต่อ (Feeder System) ที่ร่วมกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ให้เป็นผลดี เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ประชาชน ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีก 10%-20% นอกจากนั้นแล้วก็มีแผนที่จะเจรจากับผู้ประกอบการที่อยู่ในรัศมีสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อจัดโปรโมชั่นร่วมกันด้วย ซึ่งจากสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น


ด้านนายนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงการปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินว่า รฟม.ได้เจรจากับผู้บริหารบริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีเอ็มซีแอล ผู้รับสัมปทานเดินรถแล้ว และได้มีการตกลงในหลักการให้มีการปรับขึ้นค่าโดยสารตามเงื่อนไขในสัญญาโดยอิงตามดัชนีผู้บริโภค (CPI) และเงื่อนไขที่ตกลงไว้กับเจ้าหนี้เงินกู้ด้วย แต่มีเงื่อนไขว่าทางบีเอ็มซีแอลจะต้องยอมรับข้อเสนอที่จะจัดโปรโมชั่นให้ส่วนลดค่าโดยสารเพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนมากนัก โดยจะนำไปขออนุมัติบอร์ดบีเอ็มซีแอลอีกครั้งว่าจะให้ส่วนลดอย่างไร


ขณะที่ นางอัญชลี ชวนิชย์ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่าต้องมีการปรับค่าโดยสารตามสัญญา แต่บีเอ็มซีแอลจะให้โปรโมชั่นส่วนลดสำหรับผู้ที่ใช้บัตรเติมเงิน ซึ่งปัจจุบันได้ส่วนลดอยู่ 15% -30% ตามประเภท ส่วนผู้ใช้เหรียญโดยสารจะไม่ได้ส่วนลดเช่นเดียวกับปัจจุบัน ซึ่งยอมรับว่า ค่าโดยสารจะต้องมีการปรับขึ้นเล็กน้อยจากราคาปัจจุบัน โดยขณะนี้กำลังพิจารณาว่าจำเป็นจะต้องเสนอครม.หรือไม่ เนื่องจากตามหลักการจะต้องประกาศอัตราค่าโดยสารใหม่ก่อนบังคับใช้ 30 วัน คือต้องประการในวันที่ 3 มิ.ย.นี้ และมีผล 3 ก.ค. 2549 ทั้งนี้ ตามสัญญาบีเอ็มซีแอลจะสามารถปรับค่าโดยสารได้ในทุกๆ 2 ปี โดยจะครบกำหนดวันที่ 3 ก.ค. 2549


ส่วนนายเยี่ยมชาย ฉัตรแก้ว ในฐานะรักษาการ ผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ข้อตกลงข้างต้นตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมชี้แจงนั้น เป็นการตกลงในหลักการ แต่ยังต้องมาตกลงในรายละเอียดร่วมกับบีเอ็มซีแอลอีกครั้งว่า จะมอบส่วนลดให้ผู้โดยสารได้เท่าไร ซึ่งจะนัดหารือกันต่อไป


ขณะเดียวกัน ทางบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี ก็มีการพิจารณาที่จะปรับอัตราค่าโดยสารด้วยเช่นกัน โดย "ฐานเศรษฐกิจ" ได้รับการชี้แจงจากแหล่งข่าวระดับสูงรายหนึ่ง ของบมจ.บีทีเอสซีว่า ขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่ว่าจะมีการปรับอัตราค่าโดยสารหรือไม่ และหากปรับจะปรับเพิ่มเป็นราคาเท่าใด เนื่องจากทางบีทีเอสซีไม่ได้ทำการปรับอัตรค่าโยสารเลยนับตั้งแต่เปิดให้บริการมาเป็นเวลา 6 ปีกว่าแล้ว และในระหว่างนี้จากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ทำให้ทางบริษัทมีต้นทุนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของต้นทุนที่ค่าดำเนินการ (Operating Cost) เพิ่มขึ้นแล้วถึง 30% จึงมีผลกระทบต่อบริษัทมากพอสมควร


แหล่งข่าวรายเดิมกล่าวต่อว่า แม้ในขณะนี้ยอดผู้ใช้บริการ สำหรับวันธรรมดา จะเฉลี่ยอยู่ที่ 430,000 เที่ยว/วัน ในวันเสาร์จำนวนกว่า 300,000 เที่ยวต่อวัน และในวันอาทิตย์มีจำนวนกว่า 200,000 เที่ยวต่อวัน ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่มากก็ตาม แต่ก็ยังมีรายได้ไม่มากพอกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ต้องมีการพิจารณาว่าจะปรับราคาหรือไม่ อย่างไรก็ดีจะต้องหารือกับทางกทม. ในฐานะคู่สัญญาก่อน ซึ่งคาดว่าจะนัดเจรจากันในเร็วๆ นี้


ด้านแหล่งข่าวระดับสูงรายหนึ่ง จากสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ทางผู้บริหารบีทีเอสซี เคยกล่าวด้วยวาจาว่า จากภาวะเศรษฐกิจในช่วงนี้ส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินการเพิ่มขึ้น จึงมีแนวคิดที่จะปรับราคาค่าโดยสารเพิ่ม แต่ยังไม่ได้มีการส่งหนังสือแจ้งมาอย่างเป็นทางการว่าจะปรับราคาค่าโดยสารเมื่อใด และเป็นอัตราเท่าไร


แหล่งข่าวรายเดิมกล่าวต่อว่า หากทางบมจ.บีทีเอสซีจะปรับค่าโดยสารเพิ่ม จะสามารถปรับเพิ่มได้เฉพาะในส่วนของบัตรโดยสารเที่ยวเดียว และเหรียญโดยสารเท่านั้น แต่ในส่วนของบัตรโดยสารประเภทอื่นๆ ที่มีส่วนลดอยู่แล้ว ซึ่งทางบริษัทออกจำหน่ายเพื่อใช้เป็นส่วนของการส่งเสริมการขาย อาทิ บัตรโดยสารสำหรับนักเรียน นักศึกษา จะไม่มีการปรับเพิ่ม


สำหรับการปรับเพิ่มค่าโดยสารจะทำได้ใน 2 กรณี ด้วยกัน กรณีแรก จะสามารถปรับราคาให้เต็มเพดานราคาค่าโดยสารตามที่ระบุไว้ในสัญญาได้ นั่นคือราคา 15-45 บาท แต่ในขณะนี้ทางบีทีเอสซีเก็บค่าโดยสารเพียงแค่ 10-40 บาทเท่านั้น จึงยังสามารถปรับราคาเพิ่มได้ ซึ่งสามารถที่จะพิจารณาปรับเพิ่มได้ในทันที เพียงแค่ต้องแจ้งให้ทางกทม.ทราบเท่านั้นว่าปรับเพิ่มเท่าใด และเมื่อใด


ส่วนอีกกรณีหนึ่ง ถือเป็นการปรับในกรณีพิเศษ คือการปรับราคาตามดัชนีผู้บริโภค ที่ปรับขึ้น เพื่อคงมูลค่าของเงิน หรือปรับราคาตามอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในส่วนนี้ทางบีทีเอสซีสามารถพิจารณาได้ว่าจะปรับเพิ่มทำไร แต่ก็ต้องมีการตั้งคณะกรรมการ 1 ชุด ประกอบด้วยผู้เชียวชาญ หรือผู้ทรงคุณวุฒิ จากบีทีเอสซีเอง และจากกทม. มาร่วมกันวินิจฉัยว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งต้องพิจารณาว่าปรับขึ้นมากเกินไป หรือจะมีผลกระทบต่อประชาชนหรือไม่

[black_express]

เลือกตั้งคราวหน้า คงต้องเทคะแนนให้ฝ่ายค้านไว้คานอำนาจกับรัฐบาลสักหน่อยแล้ว

[Wisarut]

เมโทรมอลล์ปั้นสถานีรัชดาสู่ศูนย์ศึกษา

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 7 มิถุนายน 2549 09:52 น.


เมโทร มอลล์ มุ่งพัฒนาสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินรัชดาภิเษกเป็นศูนย์การค้าเพื่อการศึกษา

นายภัครพงษ์ สุนทรศารทูล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เมโทร มอลล์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าเมโทร มอลล์ภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ทางเมโทร มอลล์ได้เปิดให้บริการศูนย์การค้าเมโทร มอลล์ไปแล้ว 2 แห่ง คือ

1) สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสุขุมวิทและ
2) พหลโยธินตามลำดับนั้น

ขณะนี้ทางเมโทร มอลล์กำลังพัฒนาให้ศูนย์การค้า ณ สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินรัชดาภิเษก เป็นศูนย์การค้าเพื่อการศึกษา (Ratchada Learning Station) ซึ่งจะเป็นแหล่งรวมโรงเรียนกวดวิชาที่มีชื่อเสียง โรงเรียนสอนดนตรีและการแสดง ร้านหนังสือ Internet Cafe และอื่นๆไว้เพื่อรองรับนักศึกษาที่อยู่รอบสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินรัชดาภิเษกในระยะ 5 กิโลเมตร จำนวนกว่า 40,000 คน จากสถานการศึกษา 25 แห่ง

ทั้งนี้ ศูนย์การค้าเมโทร มอลล์ ณ สถานีรัชดาภิเษกมีขนาดพื้นที่ทั้งสิ้น 1,200 ตารางเมตร โดยจะจัดให้พื้นที่เกือบทั้งหมดเป็นพื้นที่เพื่อการศึกษา และคาดว่าศูนย์การค้าแห่งนี้จะเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้

นอกจากนี้ ทางเมโทร มอลล์ยังเปิดโอกาสให้ประชาชนที่สนใจเป็นเจ้าของกิจการขนาดเล็ก สามารถมาลงทุนประเภท shop in shop ภายในศูนย์การค้าเมโทร มอลล์ ณ สถานีพหลโยธิน อีกด้วย


// -------------------------------------------------------------------------------

[Wisarut]

คนพิการร้องรถไฟใต้ดินปรับปรุงบริการ
Khaosod - June 1, 2006

ที่สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จัดกิจกรรมจำลองให้คนพิการใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อประเมินว่าผู้พิการต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้างและสิ่งที่มีอยู่นั้นเพียงพอแล้วหรือไม่ โดยมีอาสาสมัครที่เคยอบรมกับเจ้าหน้าที่ศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก (ศพอ.) ร่วมกิจกรรม 13 คน แต่ละคนมาจากต่างอาชีพและต่างสถานที่กัน เช่น ปลัดอำเภอ องค์การบริหารส่วนตำบล ผู้พิการในชุมชน และอาจารย์ภาคการศึกษาพิเศษ

สำหรับกิจกรรมครั้งนี้เริ่มต้นจากสถานีรถไฟฟ้ากำแพงเพชรไปยังสถานีศูนย์วัฒนธรรม โดยเริ่มจากการซื้อตั๋ว การใช้ห้องน้ำ รวมถึงเข้าพบตัวแทนผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องการจัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ

น.ส.เสาวลักษณ์ ทองก๊วย เจ้าหน้าที่ ศพอ. เปิดเผยว่า บริการรถไฟฟ้าใต้ดินมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการเกือบครบทุกอย่างแล้วขาดเพียง 3 สิ่ง ที่คนพิการต้องการให้ปรับปรุงคือ 1.ทางเข้าสถานียังไม่มีเส้นทางลาดชันสำหรับรถเข็นเพื่อเข้าตัวสถานีหรือหากมีแต่ก็ยังไม่เพียงพอ บางสถานีทางเข้าอยู่สูงเกินไป 2.บริการห้องน้ำยังไม่ค่อยได้รับการอำนวยความสะดวกจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งเวลาใช้จะต้องขอกุญแจจากเจ้าหน้าที่ แต่มักจะพบปัญหาเจ้าหน้าที่อ้างว่าหากุญแจไม่เจอ และ 3.เรื่องช่องว่างระหว่างชานชาลากับรถไฟฟ้า ควรจะมีแผ่นติดชั่วคราว กรณีรถจอดเพื่อให้รถวีลแชร์ไม่ตกลงในช่องว่าง หรือล้อติดเพราะเลื่อนออกลำบาก ส่วนบริการอื่นๆ ที่มีอยู่ขณะนี้นับว่าดีแล้ว ถือเป็นบริการต้นแบบสำหรับผู้พิการของประเทศไทยได้

// -----------------------------------
มีเรื่องงให้คนพิการบ่นจนได้อ่านะ