รีวิว : Mini Meeting to Nam tok

[black_express]

สวัสดีครับ...



หลังจากจบรายการ RFT.Com Mini meeting ไปยังกาญจนบุรีแล้ว ผมได้ไปซุ่มเงียบเพื่อรวบรวมภาพ เพื่อจัดทำรีวิวไว้เป็นที่ระลึกตามธรรมเนียม โดยปล่อยให้น้องๆ พี่ๆ ตั้งกระทู้ปล่อยภาพโชว์ ปิ้ง จี่ เผา กันไปพลางๆ โดยภาพที่ได้ ผมนำไปลองฝีมือที่ Pantip.Com ปรากฎว่ามีทั้งหลุด และข้อมูลคลาดเคลื่อน จนกระทั่งพรรคพวกต้องไปช่วยเป็นพัลวัน กระทู้ที่นั่นถึงได้จบอย่างทุลักทุเลไม่น้อย

หวนกลับมาทางบ้านเราบ้างนะครับ เมื่อเช้าตรู่วันที่ 12 พฤษภาคม 2555 ทางผมก็ได้ฤกษ์ออกจากบ้าน มุดดินกับรถไฟฟ้าเที่ยวค่อนข้างปฐมฤกษ์ของวันมาโผล่ที่สถานีบางซื่อ พร้อมกับคุณหนุ่มที่แอบตามมาติดๆ และพบว่ามีสมาชิกร่วมทางมาถึงก่อนหน้านั้นหลายคน รวมทั้งป๋าณัฐด้วย

ในเมื่อยังไม่มีอะไรทำ ทางคุณบอมบ์และคุณนุชิต ผู้ร่วมจัดรายการในครั้งนี้ อยู่ระหว่างเดินทางมาไม่ถึงบางซื่อ มองซ้ายมองขวา ป๋าณัฐเลยชวนผม คุณหนุ่ม เฮียวิศ กับน้องๆ อีกสองสามคน ไปซดโกปี๊กับปาท่องโก๋ตรงร้านกาแฟในสถานีชุมทางบางซื่อ 2 รอเวลาเดินทางเสียงั้นแหละ



หลังจากรองท้องกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พอดีได้เวลาขบวนรถไฟนำเที่ยวสายกรุงเทพ - หัวหิน แล่นเข้าเทียบชานชาลา



และเมื่อคุณบอมบ์และคณะได้มาสมทบกันเป็นที่เรียบร้อย เวลาราวโมงเศษ ขบวนรถไฟท่องเที่ยวสายน้ำตก ซึ่งวันนี้ได้จัดชุดขบวนเป็นพิเศษ ต้องใช้รถจักรดีเซลลากจูงแทนขบวนรถดีเซลรางเช่นปกติ ก็เข้าเทียบชานชาลาสถานีชุมทางบางซื่อ 2 บ้าง โดยมีโบกี้ประชุมปรับอากาศสีม่วงหราพ่วงอยู่ท้ายขบวน และเห็นคุณโดนัท ยืนยิ้มเผล่รอรับอยู่แล้ว

[black_express]

เมื่อได้ขึ้นไปสัมผัสบรรยากาศอันเย็นฉ่ำภายในโบกี้ประชุมที่เย็นฉ่ำแล้ว ผมถึงได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่า เคยเป็นโบกี้เข้าพ่วงรวมขบวนรถจัดพิเศษในการประชุม ครม.สัญจร ยุค พตท.ทักษิณ ชินวัตร แถมมีเพียงคันเดียวใน รฟท.อีกด้วย ทางผู้ไม่ประสงค์จะออกนามจึงได้ตั้งสมญาโบกี้นี้ได้อย่างน่ารักน่าหยิกว่า "โบกี้เสนาบดี"

เข้าท่าจริงๆ ครับ แต่หลังเสร็จงานแล้ว ขออย่าได้เจริญรอยตามไปอยู่ที่ดูไบก็แล้วกัน



ครั้นเมื่อบรรดาสมาชิกผู้ร่วมเดินทางในกรุงเทพมหานคร ต่างขึ้นมาอยู่ในโบกี้เสนาบดีกันพร้อมหน้าแล้ว ทางคุณบอมบ์ก็เริ่มพิธีกล่าวต้อนรับ และดำเนินการประชุมแถลงผลงาน ตลอดจนกิจกรรมต่างๆ ที่มีแผนจะดำเนินการในเร็วๆ นี้อย่างมิรอช้า รวมถึงการพิจารณาปรับปรุงการบริหารงานภายในเว็บไซต์ และเปิดโอกาสให้บรรดาสมาชิกที่ยังมีข้อสงสัยได้ซักถามจนเป็นที่พอใจแล้ว พอดีขบวนรถได้เวลาเข้าสู่สถานีนครปฐม



สำหรับกลุ่มอาวุโสนั้น มิได้สนใจเรื่องนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์เท่าใดนัก เพราะต่างคนต่างเคยมาจนแทบนับครั้งไม่ถ้วน แต่ชวนกันไปนั่งชิมข้าวหมูแดงที่ร้านดังระดับเชลล์ชวนชิมตรงริมคลองเจดีย์บูชาครับ

ที่สถานีนครปฐม มีคุณบอย และชาวคณะอีกส่วนหนึ่ง มารอขึ้นรถไฟด้วย

[ksomchai]

แว้บเข้ามาติดตาม ตลอดเส้นทางถึงน้ำตก ครับ
_________________

[black_express]

ครั้นได้เวลากลับมารวมพลเพื่อเตรียมตัวเดินทางต่อ ต้องรอให้ขบวนรถหวานเย็นสาย ธนบุรี - หลังสวน ซึ่งตามหลังมาเข้าเทียบชานชาลาสถานีนครปฐมจนเป็นที่เรียบร้อยก่อนครับ ขบวนรถไฟท่องเที่ยวสายน้ำตกจึงได้ฤกษ์ล้อหมุน ออกเดินทางไปยังกาญจนบุรีโดยมิชักช้า



ยังอยู่ระหว่างดำเนินการประชุมในช่วงที่ 2 ต่อไปครับ จนกระทั่งขบวนรถหยุดที่สถานีกาญจนบุรี โดยแทบไม่รู้เนื้อรู้ตัว

ด้วยโบกี้ประชุมที่ติดแอร์ พร้อมกระจกบานใหญ่ที่ปิดสนิท เป็นสาเหตุหนึ่งที่ผมไม่ได้ภาพจากทริปรายการนี้มากเท่าที่คาดไว้ แฮ่ะๆ



พอรถเคลื่อนจากสถานีกาญจนบุรี คุณหมอรักพงษ์ เวียงเจริญ ประธานเว็บไซ้ต์ RFT.Com พร้อมครอบครัว ได้เข้ามาทักทายกับบรรดาสมาชิกที่เดินทางมาเยี่ยมเยือนถึงถิ่น และกล่าวต้อนรับพร้อมแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจของเมืองกาญจนบุรีให้ฟังอีกด้วย

[black_express]

ขอบคุณพี่สมชายมากๆ ครับ ที่แวะเข้ามาทักทาย



จากสถานีกาญจนบุรี รถไฟแล่นต่อไปอีกพักเดียว ก็หยุดให้บรรดานักท่องเที่ยวลงจากรถเพื่อเดินชมสะพานข้ามแม่น้ำแคว (ใหญ่)

คิดว่าหลายๆ คน คงแสดงฝีมือด้านถ่ายภาพได้สวยงามกว่าผมแน่ๆ อย่าลืมนำมาลงโชว์ในกระทู้กันด้วยนะครับ



สะพานข้ามแม่น้ำแควในปัจจุบัน ทางหน่วยงานต่างๆ และ จ.กาญจนบุรี ได้ลงทุนปลูกไม้ดอก ไม้ประดับและอื่นๆ สร้างความสวยงามให้กับบริเวณสถานที่จนผิดหู ผิดตาจากสมัยที่ผมเคยมาเยี่ยม แบบไม่ติดฝุ่นทีเดียวครับ



และถือโอกาสฝากภาพไว้ให้กับพี่สมชายมา ณ ที่นี้
(ป.ล. หากพี่ต้องการภาพ RAW (ต้นฉบับ) กรุณาติดต่อได้ทางหลังไมค์ ฮ่าๆๆ)

[black_express]

มองไปยังมุมอื่นๆ บริเวณสะพานดูบ้างครับ



สำหรับนักท่องเที่ยวบางรายที่สภาพร่างกายไม่อำนวย หรือไม่อยากเดินข้ามตลอดสะพานล่ะก็ การรถไฟฯ ได้จัดรถบริการวิ่งนำชมสะพานวันละหลายรอบ ในราคาคนละ 20 บาทต่อรอบเท่านั้น โดยสถานที่จำหน่ายตั๋วตั้งอยู่ตรงเชิงสะพานนั่นแหละครับ



กับป้ายพูดแทนตัว ที่มีข้อความค่อนข้างยืดยาว ที่ถึงแม้ผมจะถ่ายภาพมาได้ แต่ยังอ่านได้ไม่ครบถ้วนเลยครับ

[Mongwin]

[black_express]

ที่น่าสนใจสำหรับผม เห็นจะเป็นแผ่นหล่อทองเหลือง ทำแผนที่นูนต่ำแสดงเส้นทางรถไฟสายมรณะ พร้อมที่ตั้งของค่ายเชลยในบริเวณต่างๆ แต่ด้วยแสงแดดที่ค่อนข้างจัด เลยยืนพิจารณาได้ไม่ละเอียดนักครับ

ที่สถานีน้ำตก ก็มีติดตั้งอยู่เช่นกัน



เดินข้ามมาที่สถานที่จัดแสดงรถจักรไอน้ำประวัติศาสตร์ สำหรับคันนี้ จะเป็นที่คุ้นกันดีสำหรับเหล่าสมาชิกอยู่แล้ว คือรถจักรไอน้ำ C-56 ที่มาพร้อมกับกองทัพญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย



คันต่อมาเป็นรถยนต์รางครับ ซึ่งทางกองทัพญี่ปุ่นได้ออกแบบล้อให้สามารถใช้กับถนนปกติ หรือถอดล้อออก ก็สามารถวิ่งบนรางรถไฟได้ ซึ่งประเทศไทยสมัยนั้น เส้นทางที่เข้าสู่เมืองหลวงได้สะดวกที่สุด เห็นจะเป็นเส้นทางรถไฟนี่แหละ

ยังมีความเห็นที่สรุปไม่ได้กับเฮียวิศ ว่าเป็นรถยี่ห้ออะไร ? ระหว่างโตโยต้า มิตซูบิชิ หรือว่าฮ๊โน่ ที่ผลิตรถบรรทุกแบบนี้ส่งให้กองทัพญี่ปุ่นใช้งาน

[black_express]

ไม่คิดว่าจะโดนซุ่มยิงครับ อ.หม่อง แต่รู้ว่าแก่ตัวขึ้นอีกจม...

[black_express]

ภาพมุมประชิด แสดงให้เห็นเพลาล้อหลังที่ออกแบบทำเป็นล้อรถไฟอีกด้วย



รถจักรประวัติศาสตร์อีกคันหนึ่ง เป็นรถจักรไอน้ำผลิตโดยบริษัท คิทสัน แอนด์ ซัน จากสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ครับ เคยใช้งานกิจการรถไฟในรัฐมลายูของอังกฤษ พอพ่ายแก่กองกำลังญี่ปุ่นแล้ว กลายเป็นสินสงคราม ถูกยึดมาใช้งานบนเส้นทางรถไฟสายมรณะแห่งนี้ จนกระทั่งสงครามโลกยุติ และถูกกองทัพสัมพันธมิตรขายต่อให้กับกรมรถไฟหลวง และเป็นของการรถไฟฯ ในที่สุด



หันไปดูสิ่งละอันพันละน้อยที่นำมาวางจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยวดูบ้างครับ ส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อสกรีนแหล่งท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ไว้ใส่เป็นที่ระลึก และผ้าปักลวดลายสวยๆ ผมก็เห็นมีวางจำหน่ายอีกด้วย