Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311915
ทั่วไป:13580630
ทั้งหมด:13892545
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 170, 171, 172 ... 486, 487, 488  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Nakhonlampang
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 29/03/2006
Posts: 3293
Location: เสนานิคม1-คลองหลวง

PostPosted: 25/07/2012 1:06 am    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:

(2) แม้ทางรถไฟบริเวณตัวเมืองหัวหินเป็นทางยกระดับ แต่การบดบังวังไกลกังวล ผมคิดว่าไม่น่าใช่ เพราะมีถนนเพชรเกษมและอาคารฝั่งตะวันตกของถนนเพชรเกษมคั่นอยู่ด้วยซ้ำ ข้อนี้ก็เป็นอันตกไปครับ
(3) เหลือเพียงพลับพลาจตุรมุข(พลับพลาสนามจันทร์)ที่หัวหินเท่านั้น ที่หากสร้างทางรถไฟหรือชานชาลาแบบยกระดับ ก็ถูกบดบังแน่นอนครับ


เห็นด้วยกับข้อสังเกตของ อ.เอกทุกประการครับ

เพิ่มเติมอีกอย่างหนึ่งที่ลืมไม่ได้ก็คืออาคารสถานีรถไฟหัวหินครับ
Arrow อาคารสถานีรถไฟหัวหินเป็นอาคารที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์

ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ถ้าเราเห็นความสำคัญเฉพาะการอนุรักษ์ตัวอาคาร แต่ไม่สนใจบริบทของสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบข้าง ก็อาจจะทำให้คุณค่าของตัวอาคารถดถอยลงไปได้ครับ

ลองนึกภาพโครงสร้างทางยกระดับที่มาสูงข่มอยู่ใกล้ๆกับอาคารสถานีรถไฟหัวหินและพลับพลาพระมงกุฏเกล้าดูสิครับว่ามันจะเป็นทัศนอุดจาดเพียงใด

มันน่าจะมีวิธีที่ดีกว่านี้นะครับ Question
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46896
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 25/07/2012 6:54 am    Post subject: Reply with quote

ขอบคุณพี่หนุ่มมากครับที่มาให้ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม
รอดูกันต่อไปครับ ว่าจะออกมาแบบไหน Very Happy

------------

ปัญหาอยู่ที่คน
ไทยโพสต์ กระจกไร้เงา 25 July 2555 - 00:00
บุญช่วย ค้ายาดี

การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. เปิดให้บริการมานานถึง 115 ปี แต่ในด้านการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพกิจการนั้นกลับถูกปล่อยปละละเลยเป็นระยะเวลานานเช่นกัน ทำให้คุณภาพที่ควรจะมีหายไป จนไม่มีความสามารถในการแข่งขันกับการขนส่งทางบกและทางอากาศ รวมถึงรูปแบบอื่นๆ ทั้งที่การขนส่งทางรถไฟถือว่าเป็นรูปแบบที่ประหยัดและได้ประโยชน์มากที่สุด

และด้วยคุณภาพ ทำให้รายได้ของการรถไฟแห่งประเทศไทยเริ่มหดหายไปเรื่อยๆ จนกระทั้งในปัจจุบันปี 2555 การรถไฟฯ มีหนี้สินสะสมไม่น้อยกว่า 72,000 ล้านบาท ซึ่งยังไม่นับรวมหนี้ค้างจ่ายบำเหน็จพนักงานที่เกษียณอายุไปแล้วอีก 20,000 ล้านบาท ดังนั้น เมื่อรายได้ที่ได้มาไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายภายในองค์กร ส่งผลให้แต่ละปีงบประมาณนอกจากรัฐบาลจะต้องอุดหนุนแล้ว การรถไฟฯ ยังต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อนำมาใช้เป็นเงินสดหมุนเวียนภายในองค์กรปีละหลายพันล้านบาท

แม้ว่าตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมานั้น กระทรวงคมนาคมซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดพยายามที่จะเข้ามาดูแลและแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยจัดทำแผนการพัฒนาและลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ากว่า 1.76 แสนล้านบาท โดยแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ระยะคือ 1.แผนงานหรือโครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันทีจำนวน 11 รายการ วงเงินลงทุนรวม 87,529 ล้านบาท โดยแยกเป็นส่วนที่รัฐรับภาระการลงทุนวงเงินรวม 84,024 ล้านบาท และการรถไฟแห่งประเทศไทยรับภาระการลงทุน วงเงินลงทุนรวม 3,505 ล้าน

และ 2.โครงการที่จะต้องดำเนินการศึกษาความเหมาะสม และจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบเป็นรายโครงการ จำนวน 10 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 89,279 ล้านบาท ประกอบด้วย ส่วนที่รัฐรับภาระการลงทุน วงเงินรวม 68,310 ล้านบาท และการรถไฟแห่งประเทศไทยรับภาระการลงทุนวงเงินลงทุนรวม 20,969 ล้านบาท ในแผนการดำเนินการดังกล่าวนั้นยังไม่รวมถึงแผนการพัฒนาด้านที่ดินของการรถไฟที่มีทั่วประเทศกว่า 2 แสนไร่

แต่การพัฒนาโครงการหรือการลงทุนตามแผนงานดังกล่าวนั้นกลับไม่เป็นไปตามแผน ยังอืดเป็นเรือเกลือ บางโครงการก็เดินหน้าไปตามแผนที่วางไว้ แต่บางโครงการก็เดินหน้าไป 1 ก้าว ถอยหลัง 3 ก้าว หรือบางโครงการก็หยุดนิ่งเอาเสียดื้อ ไม่สนใจว่าใครจะเป็นอย่างไรไม่ทำซะอย่าง และที่สำคัญการรถไฟกลับกลายเป็นแหล่งทำมาหากินของนักการเมือง ทั้งตั้งพวกตั้งพ้องเข้ามานั่งบริหารเพื่อหวังฉกฉวยโอกาสเอาผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเองมากกว่าจะมองที่ประโยชน์องค์กร โดยเฉพาะกลุ่มสินทรัพย์ที่เป็นที่ดิน เกิดการแกร่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันจนละเลยหน้าที่การงาน แถมด้วยการทุจริต

ถึงขนาดว่า พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.คมนาคม ที่มาจากการเมืองแท้ ยังออกปากว่าการรถไฟเปิดให้บริการมาเป็นระยะเวลานานมาก แต่ยังใช้หัวรถจักรดีเซลลากจูงขบวนรถ ขณะที่หัวรถจักรมีอยู่เพียง 120 หัว ซึ่งในความจริงต้องใช้ถึง 300 หัว แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครสนใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง และสาเหตุหลักที่ทำให้การบริหารงานของการรถไฟล้มเหลว เพราะคน โดยเฉพาะระดับผู้บังคับบัญชาสูงสุด ไม่เอาจริงกับการดำเนินงาน รองลงมาคงเป็นกระทรวงคมนาคมที่ไม่ค่อยมีบทบาทในการพัฒนาเท่าที่ควร และฝ่ายการเมืองที่อาจเข้าไปแทรกแซงการทำงานในอดีต ดังนั้นถ้าจะแก้ไขต้องแก้ที่คน

ปัญหาของการรถไฟต้องแก้ที่คน ต้องปรับปรุงใหม่ ยังติดนิสัยเอื่อย ขาดความรู้สึกเป็นเจ้าของ และยังไม่ทำหน้าที่ของตนเอง เช่น กรณีของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.ร.ฟ.ท.) แทนที่จะเรียกร้องเพื่อสิทธิประโยชน์ของพนักงาน กลับไปเป็นตัวแทนของนักการเมือง เดินขบวนร่วมกับเสื้อเหลือง เสื้อแดงจนวุ่นวายไปหมด เป็นต้น นอกจากนี้ การเก็บผลประโยชน์ต่างๆ ของ ร.ฟ.ท.ในช่วงที่ผ่านมา ยังไม่มีบัญชีให้ตรวจสอบ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ไม่สามารถตรวจสอบบัญชีของ ร.ฟ.ท.ได้ เพราะไม่มีบัญชีในการดำเนินงาน ดังนั้น "ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของวัฒนธรรมองค์กร การแก้ไขต้องแก้ที่ตัวผู้บริหารสูงสุด” พล.ต.ท.ชัจจ์กล่าว

อย่างไรก็ตาม เรื่องบุคลากรนั้นถือว่าเป็นเรื่องสำคัญและเป็นปัญหาใหญ่ที่การรถไฟฯ ต้องหาทางแก้ไข ขนาดการสรรหาผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. เพื่อแทน นายยุทธนา ทัพเจริญ ที่หมดวาระไปเมื่อวันที่ 21 ก.ค.2555 ยังวุ่นวายกระแสข่าวลือเยอะไม่หมด บ้างก็ว่านายยุทธนาจะต่ออายุสัญญาจ้างอีก 1 ปี พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่าการวิ่งเต้นครั้งนี้นั้นน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการประมูลต่างๆ ของ ร.ฟ.ท. ภายใต้โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ากว่า 1.76 แสนล้านบาท และลงทุนโครงการขนาดใหญ่ เช่นรถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าสายสีแดง และการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์เพื่อหารายได้ บ้างก็บอกว่าจะมีเด็กนักการเมืองเข้ามา สารพัดไปหมด

ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด จะต่อไม่ต่อทุกฝ่ายควรที่จะหยุดเลิกสาดโคลนใส่กันเสียที รวมถึงเลิกเอาการเมืองเข้ามาเกี่ยวด้วย เวลานี้สิ่งที่ควรจะทำน่าจะหันมาช่วยกันพัฒนาและปรับปรุงการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ขณะนี้มีแต่เพิ่มขึ้นๆ ไม่ใช่ความเจริญและ แต่เป็นหนี้สินที่มีแต่เพิ่มขึ้นๆ ทุกวัน ขืนปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ช้าการรถไฟแห่งประเทศไทยคงไม่ต่างจากองค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ หรือ ร.ส.พ.ที่ไม่เหลือแม้แต่ชื่อ.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46896
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 25/07/2012 9:45 pm    Post subject: Reply with quote

คมนาคมสั่งทอท.-การท่าฯ เร่งเพิ่มขีดความสามารถด้านบริการ
ฐานเศรษฐกิจ วันพุธที่ 25 กรกฏาคม 2012 เวลา 20:38 น.

คมนาคมเล็งปรับเป้าตัวชี้วัดแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ใหม่ หวังวัดประสิทธิภาพการบริหารจัดการโลจิสติกส์ตามแผนส่งเสริมประตูการค้าหลักของประเทศ สั่งทอท.และการท่าเรือฯทบทวนการใช้พื้นที่หมุนเวียนเพื่อเร่งเพิ่มขีดความสามารถให้บริการของท่าเรือแหลมฉบังและฟรีโซนสุวรรณภูมิ เล็งปัดฝุ่นเส้นทางรถไฟเชื่อมเข้าสู่มาบตาพุดที่หยุดการใช้งานมานาน “ชัชชาติ” เตรียมเรียกหน่วยงานเกี่ยวข้องถกแผนแหลมฉบังเฟส 2- 3 สัปดาห์หน้าหวังแก้ปัญหาผลกระทบประชาชนในพื้นที่โดยรอบ

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยภายหลังการประชุมคณะทำงานจัดทำแผนยุทธศาสตร์คมนาคมเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโลจิสติกส์ของประเทศ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า จะต้องมีการทบทวนแผนและกำหนดตัวชี้วัด (KPI) ที่เหมาะสมใหม่ โดยยึดผู้ใช้บริการเป็นหลัก นอกจากนั้นนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรียังต้องการให้เร่งปฏิบัติเพื่อให้เห็นภาพการรวมโครงการต่างๆเข้าสู่ระบบ GIS เพื่อให้สามารถร่วมบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยพบว่าโครงการก่อสร้างถนนเส้นทางต่างๆของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทในปัจจุบันนี้เข้าสู่ระบบ GIS ได้แล้วจึงสามารถบริหารจัดการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น

“ภายในสัปดาห์หน้าจะเรียกประชุมเพื่อติดตามปัญหาของท่าเรือแหลมฉบัง และการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 รวมถึงโครงข่ายคมนาคมทางถนนที่เชื่อมต่อว่ามีปัญหาอุปสรรค และมีจุดคอขวดตรงไหนบ้าง โดยจะต้องดูผลกระทบกับประชาชนในพื้นที่หลายร้อยครอบครัวที่คัดค้านการก่อสร้างเฟส 3 อันเนื่องมาจากการแก้ปัญหาผลกระทบในเฟส 2 ยังไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ รวมถึงการพัฒนาของผู้ประกอบการเอกชนที่รับสัมปทานในเฟส 2 ที่ยังไม่ครบตามสัญญา ซึ่งทางการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.)จะต้องชี้แจงรายละเอียดทั้งหมด”

ทางด้านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ถือเป็นประตูหลักของการส่งออกประมาณ 20% รองจากท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งตามแผนสุวรรณภูมิมีขีดรองรับสินค้า 3 ล้านตันต่อปี โดยบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. จะต้องประเมินประมาณสินค้าและการเติบโตที่ชัดเจน ว่าจะเต็มความจุเมื่อใด เพื่อทำแผนรองรับเพื่อไม่ให้กระทบต่อการส่งออกของประเทศ ซึ่งปัญหาของทอท.คือให้สัมปทานเอกชนบริหารคาร์โก้ และแผนพัฒนาสุวรรณภูมิเฟส 2 ไม่มีการเพิ่มขีดความสามารถในส่วนของคาร์โก้รองรับไว้จึงส่งผลให้เกิดปัญหาตามมาในที่สุด

นายศิลปชัย จารุเกษมรัตนะ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ยุทธศาสตร์คมนาคม จะเป็นการพัฒนาส่งเสริมประตูการค้าหลักของประเทศคือท่าเรือและสนามบิน ซึ่งการจะไปสู่เป้าหมายได้นั้นจะต้องแก้ปัญหาอุปสรรคและจุดคอขวดต่างๆ
“กทท. จะต้องปรับเป้าหมายตัวชี้วัดการให้บริการในท่าเรือแหลมฉบังใหม่ เช่น เสนอว่าใน 5 ปีข้างหน้าจะลดระยะเวลาในการเทียบท่าของเรือขนาด 800 TEU เฉลี่ยจาก 11.5 ชั่วโมงในปัจจุบันเป็น 20.50 ชั่วโมง หรือลดประมาณปีละ 10 นาที ซึ่งถือว่าน้อยไป โดยเห็นว่าควรลดเวลาลงครึ่งหนึ่ง เนื่องจากการใช้เวลาจอดของเรือน้อยลงมากเท่าไรจะทำให้เพิ่มจำนวนเรือที่เข้าเทียบท่าได้เพิ่มขึ้น ส่วนทอท.เสนอปรับลดเวลารถบรรทุกผ่านเข้าเขตปลอดภาษี(ฟรีโซน) และจุดตรวจสอบสินค้า จาก 3 นาทีเหลือ 1.5 นาทีนั้น เห็นว่า ทอท.จะต้องหาตัวชี้วัดการส่งออกสินค้าทางอากาศ (คาร์โก้) เพิ่ม เช่น การใช้พื้นที่คลังสินค้า ปริมาณสินค้าหมุนเวียน และรายได้ เป็นต้น”

ปลัดกระทรวงคมนาคมกล่าวอีกว่าทางด้านการขนส่งทางถนนจะมีการกำหนดระยะเวลาการขนส่งจากต้นทางถึงปลายทาง โดยกำหนดตัวชี้วัดที่เข้าใจง่ายๆ เช่น การขนส่งสินค้าจากกรุงเทพไปยังท่าเรือแหลมฉบังไม่เกิน 2 ชั่วโมง ส่วนการโดยสารจากกรุงเทพถึงสนามบินสุวรรณภูมิไม่เกิน 40 นาที โดยใช้รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์ เป็นต้น เนื่องจากระยะเวลาในการเดินทางจะเป็นตัวกำหนดต้นทุนของผู้ประกอบการ
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46896
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 25/07/2012 11:29 pm    Post subject: Reply with quote

สนข.เล็งเปิดรางให้เอกชนวิ่งหาเงินป้อนร.ฟ.ท.
ฐานเศรษฐกิจ วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

สนข.คิดนอกกรอบ เตรียมเปิดทางให้เอกชนเช่ารางและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆของการรถไฟฯนำไปบริการเดินรถเพื่อการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าด้านการลงทุนของภาครัฐและกระตุ้นให้เกิดการแข่งขัน เผยอาจเปิดทางเอกชนลงขันตั้งบริษัทร่วมลงทุนจัดหารถและโบกี้ นำร่องภาคอีสานก่อนขยายเส้นทางอื่นๆ ในระยะต่อไป

ดร.จุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าเตรียมผลักดันให้มีการต่อยอดแผนการพัฒนาองค์กรการรถไฟแห่งประเทศไทยโดยเฉพาะโครงการที่เกิดจากการใช้งบประมาณ 1.7 แสนล้านบาทซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นรางหมอน ระบบอาณัติ สัญญาณหรือการจัดซื้อหัวรถจักรใหม่ให้การเดินทางสะดวกรวดเร็วมีความปลอดภัยมากขึ้น

โดยแนวคิดดังกล่าวเตรียมเปิดทางให้เอกชนที่มีศักยภาพด้านการจัดซื้อหัวรถจักรและโบกี้ขนสินค้ามาเช่ารางที่การรถไฟฯจัดสร้างขึ้นและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆให้บริการเดินรถทั้งเพื่อการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าด้านการลงทุนที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้มากถึง 1.7 แสนล้านบาท โดยเอกชนที่สนใจอาจลงทุนเองหรือร่วมลงทุนจัดหาหัวรถจักรพร้อมจัดซื้อโบกี้-แคร่ขนสินค้าเองเนื่องจากเห็นว่าหากเข้าสู่กระบวน การของการรถไฟฯจัดซื้อจัดหาก็จะเกิดความล่าช้าเช่นที่ผ่านมาจนส่งผลให้ผลประกอบการของการรถไฟฯไม่เป็นไปตามแผน

"เล็งเห็นว่าการรถไฟฯควรเร่งปรับการบริหารจัดการเพื่อรองรับการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ควรเน้นเชิงรุกมากกว่าจะตั้งรับ โดยเฉพาะการรุกสู่กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านของไทย โดยรางและโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ควรนำมาใช้ประโยชน์ให้เกิดความคุ้มค่าสร้างรายได้ให้การรถไฟฯมากกว่านี้ แนวทางหนึ่งคือการเปิดตลาดรถไฟด้านการขนส่งสินค้าด้วยภาคเอกชนมาลงทุนมากกว่าจะเปิดทางให้มาเลเซียหรือสิงคโปร์ที่ในอนาคตเมื่อเปิดเสรีเออีซีจะเป็นการแข่งขันกันได้การรถไฟไทยจึงต้องเร่งปรับตัวรับการแข่งขันจากภายนอกตั้งแต่วันนี้ โดยแนวทางต่อมาจะเกิดผลให้ต้องมีการเพิ่มบุคลากรเพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดรถไฟในหน้าที่ต่างๆโดยไม่ไปแก่งแย่งคนที่มีอยู่เดิม โดยสวัสดิการในส่วนภาคเอกชนเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด"

ผอ.สนข.กล่าวอีกว่าในเบื้องต้นมีแนวคิดหารือกับภาคเอกชนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ต้องการเป็นผู้นำร่องเพราะมีความโดดเด่นด้านพื้นที่ที่มีปริมาณสินค้าป้อนเข้าสู่ระบบการขนส่งจำนวนมากอีกทั้งมีนักลงทุนที่มีศักยภาพหลายๆคนที่มีความสนใจจะลงทุนด้านโลจิสติกส์การขนส่งด้วยระบบรางของรัฐบาล

"ในช่วงแรกจะทำเป็นโซนเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงสู่ท่าเรือแหลมฉบังให้มากขึ้น โดยเฉพาะจุดใหญ่ที่ขอนแก่นซึ่งพบว่าศักยภาพของผู้ประกอบการด้านการขนส่งสินค้าภาคเอกชนในพื้นที่ภาคอีสาน หลายคนมีความพร้อมขอเพียงรัฐบาลและการรถไฟฯ มีความชัดเจนด้านนโยบายเท่านั้นโดยอาจมีการลงทุนร่วมกัน ส่วนการรถไฟฯรับรายได้จากค่าเช่าราง พร้อมทำหน้าที่อำนวยความสะดวกให้เกิดความคุ้มค่าด้านการลงทุนเพื่อให้ได้รับสวัสดิการและผลประกอบการที่ดีขึ้นกลับคืนมาในที่สุด โดยจะได้มีการหารือกับผู้เกี่ยวข้องและภาคเอกชนพร้อมผลักดันให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป"
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
black_express
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/03/2006
Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ

PostPosted: 26/07/2012 9:17 am    Post subject: Reply with quote

น่าจะมีบริษัทลูกของการรถไฟฯ ร่วมกับกลุ่มเอกชนเข้ามารับภารกิจด้านนี้ โดยอาจจะเป็นบริษัท SRT Freight ก็ได้ โดยเฉพาะสายลาดกระบัง - แหลมฉะบัง และสายหนองคาย - มาบตาพุด โดยมีพนักงานและ พขร.เป็นของตนเอง

เผื่อเราจะได้เห็นขบวนรถไฟสีสันใหม่ๆ แปลกตาบ้าง Laughing
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46896
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 26/07/2012 11:47 am    Post subject: Reply with quote

คค.จับมือ สธ.บิ๊กคลีนนิ่งรถไฟ ป้องกันโรคมือเท้าปาก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 กรกฎาคม 2555 10:52 น.

พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดกิจกรรม Big Cleaning Day รณรงค์ทำความสะอาดรถไฟป้องกันโรคมือเท้าปาก โดยยอมรับว่า สถานการณ์โรคมือ เท้า ปาก กำลังแพร่ระบาดในประเทศไทย และพบจำนวนผู้ป่วยมากขึ้น ดังนั้น กระทรวงคมนาคม จึงร่วมกับกรมควบคุมโรค ทำความสะอาดตู้รถไฟทุกตู้ในทุกขบวนทุกวัน เพื่อป้องกันโรคมือเท้าปาก เพราะปัจจุบันมีผู้โดยสารทุกเพศ ทุกวัย เดินทางด้วยรถไฟกว่า 1 แสนคนต่อวัน จึงมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรคได้

โดยในวันนี้เริ่มทำความสะอาดตู้รถไฟครั้งใหญ่ นอกเหนือจากการทำความสะอาดในช่วงเวลาปกติ พร้อมกัน 5 สถานีทั่วประเทศ คือ สถานีรถไฟกรุงเทพฯ หรือหัวลำโพง สถานีรถไฟนครราชสีมา สถานีรถไฟหาดใหญ่จังหวัดสงขลา สถานีรถไฟศิลาอาส จังหวัดอุตรดิตถ์ และสถานีรถไฟเชียงใหม่ โดยจะทำความสะอาดทุกวัน โดยเฉพาะในห้องสุขาบนขบวนรถไฟระหว่างเดินทาง นอกจากนี้ จะทำความสะอาดใหญ่ ในระบบสาธารณะอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ รถโดยสารประจำทาง และรถโดยสารบริษัท ขนส่ง จำกัด ด้วย
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46896
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 27/07/2012 3:19 pm    Post subject: Reply with quote

ปิดตำนาน 102 ปี‘มักกะสัน’ เนรมิตอู่ซ่อม‘แก่งคอย’400ไร่
สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1321 ประจำวันที่ 28-7-2012 ถึง 31-7-2012

“โรงงานมักกะสัน” โรงซ่อมบำรุงรถไฟที่ก่อสร้างเมื่อปี 2453 มีอายุเก่า แก่ถึง 102 ปี มาถึงวันนี้ที่ดินแปลงงาม กลางกรุง 497 ไร่ ที่กำลังจะถูกเนรมิตเป็น “มักกะสัน คอมเพล็กซ์” มูลค่าการพัฒนากว่า 3 แสนล้านบาท
เพื่อเป็นศูนย์กลางคมนาคม การขนส่งสินค้า ขนส่งผู้โดยสาร และย่านการค้า โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กำลังออกแบบโครงการซ่อมบำรุงแห่งใหม่ที่สถานี “แก่งคอย” บนเนื้อที่ 404 ไร่ ทำให้บรรยากาศการซื้อขายที่ดินโดยรอบคึกคักขึ้นมาทันตาเห็น

“สยามธุรกิจ”ได้ติดตามลงพื้นที่ตรวจความพร้อมสถานีแก่งคอยเพื่อก่อสร้างเป็นโรงงานซ่อมบำรุงรถไฟใหม่ร่วมกับพล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะ โดยพบว่า สถานีแก่งคอยมีศักยภาพเหมาะสมจะเป็นโรงงานซ่อมหนักของรถไฟ เพราะการคมนาคมสะดวกมีพื้นที่ติดกับถนนมิตรภาพ และแม่น้ำป่าสัก อีกทั้งเป็นที่ดินแปลงใหญ่กว่า 404 ไร่ ซึ่งจะนำที่ดินจำนวน 175 ไร่ไปก่อสร้างเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงแห่งใหม่

นายวัชรชาญ สิริสุวรรณทัศน์ รองวิศวกรใหญ่ด้านลากเลื่อน ร.ฟ.ท. เปิดเผยว่า ขณะนี้ร.ฟ.ท.ได้ว่างจ้างสถาบันเทคโนโลยีพระจอมแกล้าลาดกระบัง (สจล.) ศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้นกำหนดแล้วเสร็จเดือนธันวาคม 2555 จากนั้นจะออกแบบรายละเอียด เพื่อเปิดประกวดราคาในเดือนตุลาคม 2556 กำหนดแล้วเสร็จ 2559

สำหรับการก่อสร้างโรงงานซ่อมบำรุงใช้งบประมาณ 5,042 ล้านบาท โดยจะมีการย้ายศูนย์ซ่อมรถจักร ศูนย์ซ่อมรถดีเซลรางและปรับอากาศ ศูนย์ซ่อมรถโดยสาร ศูนย์แผนงานและการผลิต คลังพัสดุ ฝ่ายการพัสดุ รวมถึงบ้านพักอาศัย โรงพยาบาลบุรฉัตรไชยากร เพื่อรองรับพนักงานและข้าราชการที่จะย้ายจากกมักกะสัน จำนวน 1,200 คน

ด้านเจ้าที่หน้าที่ร.ฟ.ท.สถานีแก่งคอยคนหนึ่ง กล่าวว่า ภายหลังจากประชาชนในพื้นที่รู้ว่าจะมีการก่อสร้างโรงงานซ่อมบำรุงรถไฟได้มาสอบถามว่าต้องการที่ดินเพิ่มหรือไม่ ถ้าต้องการก็จะมีที่ดินขายให้ ซึ่งราคาที่กรมธนารักษ์ประเมินไว้อยู่ที่ 5,700 บาทต่อตร.ว. แต่ราคาท้องตลาดจะอยู่ที่หลายหมื่นบาทต่อตร.ว. นอกจากนี้ เมื่อเร็วๆ นี้ก็มีเจ้าหน้าที่จากบริษัท ทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ มาสำรวจพื้นที่ย่านนี้ เพื่อเก็บข้อมูลไปเตรียมความพร้อมการยืนประมูลมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-นครราชสีมา ทำให้เจ้าของที่ดินบริเวณนี้มีการตื่นตัวมาก

“เจ้าของที่ดินย่านนี้รายใหญ่จะเป็นโรงงานปูนซีเมนต์ต่างๆ และโรงงานชำแหละไก่ของซี.พี. ตอนนี้ราคาเริ่มมีความเคลื่อนไหวคึกคักมากขึ้น แต่ยังไม่พบว่า มีกว้านซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไร”

นายคเนศ สุขตระกูล สารวัตรแขวงรถพ่วงแก่งคอย สถานีแก่งคอย กล่าวว่า สถานีแก่งคอยนอกจากจะมีโรงงานซ่อมบำรุงแล้วยังจะมีการก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าแห่งชาติด้วย เพราะว่ามีการขนส่งน้ำมันจากบริษัท แท็บไลน์ ขนส่งปูนซีเมนต์ ก๊าซ และสินค้าเกษตร ไปภาคตะวันออกผ่านเส้นทางแหลมฉบัง-แก่งเคย และเส้นทางภาคเหนือ โดยสถานีแก่งคอยจะเป็นสถานีขนส่งสินค้าหลักของประเทศ และเป็นรายได้หลักของร.ฟ.ท.ด้วย ไม่ว่าจะเป็นปูนซีเมนต์ตรานก ตราช้าง และ TPI รวมถึงสินค้าเกษตร เช่น ข่าว น้ำตาล มันสำปะหลัง ข้าวโพด แต่ที่ผ่านมาการขนส่งทางรถไฟไม่สามารถตอบสนองภาคเอกชนได้ ถ้ามีศูนย์กระจายสินค้าจะทำให้ผู้ประกอบการหันมาใช้บริการรถไฟมากขึ้น

ทางด้านประชาชนในพื้นที่คนหนึ่งให้ความเห็นว่า ยังไม่ทราบจะมีการสร้างโรงงานซ่อมบำรุงรถไฟ แต่ก็เห็นด้วยถ้ามีโครงการเกิดขึ้น เพราะเป็นการสร้างงานให้กับคนในพื้นที่ และย่านนี้เขตอุตสาหกรรมอยู่แล้วเชื่อว่าประชาชนจะไม่ต่อต้านอย่างแน่นอน

พ.ต.ท.มานพ ชาวไร่ สารวัตร สภ.อ.แก่งคอย เปิดเผยว่า ตนทราบว่ามีการสร้างโรงงานซ่อมบำรุงรถไฟที่สถานีแก่งคอยเมื่อไม่นานมานี้เอง ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะมีศูนย์ขนส่งรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) และเชื่อมโยงกับตลาดอินโดจีน และจีนตอนใต้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับคนในพื้นที่ด้วย

นอกจากนี้ ที่สถานีแก่งคอยยังมีโครงการก่อสร้างโรงซ่อมรถจักรแห่งใหม่ที่แก่งคอย มูลค่า 1,100 ล้านบาท เหตุผลที่จำเป็นต้องมีโรงซ่อมรถจักรก็เพราะว่าโรงซ่อมรถจักรและล้อเลื่อนที่มีอยู่ที่บางซื่อ และธนบุรีค่อนข้างแออัด อีกทั้งจะมีการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า จำนวน 20 คัน เพื่อมาวิ่งในเส้นทางระหว่าง ICD ลาดกระบัง - แหลมฉบัง, สินค้าอุตสาหกรรม และระหว่าง Container Yard ในภูมิภาค ที่เส้นทางเป็นราง 100 ปอนด์

ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า เพิ่มเติมอีกจำนวน 57 คัน ตามนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาล ต้องการพื้นที่ซ่อมบำรุงเพิ่ม และโรงซ่อมบำรุงที่มีอยู่ในปัจจุบันถูกออกแบบมาให้รับน้ำหนักรถที่มีน้ำหนักกดเพลาประมาณไม่เกิน 15 ตันต่อเพลาเท่านั้น โดยโครงการนี้ได้จ้างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นที่ปรึกษาออกแบบรายละเอียดแล้วเสร็จภายในเดือนมีนคม 2556 คาว่าประกวดราคาได้ในเดือนพฤษภาคม 2556 กำหนดแล้วเสร็จในปี 2558

ท้ายที่สุดเมกะโปรเจกต์พัฒนาโรงงานซ่อมบำรุงที่ “แก่งคอย”จะสำเร็จลุล่วงหรือไม่ หัวใจสำคัญอยู่ที่การย้ายประชาชนบุกรุกพื้นที่จำนวน 40 ครัวเรือนออกไปให้ได้ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และการรถไฟฯมักตายน้ำตื้นกับเรื่องนี้ มีกรณีศึกษาโฮปเวลล์ และแอร์พอร์ต ลิงค์ ในอดีตที่ผ่านมา
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46896
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 31/07/2012 4:54 pm    Post subject: Reply with quote

จับตา! ศึกชิงผู้ว่าฯ รฟท. คนในหรือเด็กนายใหญ่ ?
มติชนออนไลน์ วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 เวลา 16:35:30 น.
เอาคืน คอลัมน์ ปิดไม่ลับ มติชน 31 ก.ค.2555

เป็นธรรมดาสำหรับการจัดทัพ เพื่อมาบริหาร "รัฐวิสาหกิจ" ที่รัฐบาลจะต้องนำคนของตัวเองเข้ามาเป็นผู้บริหารในรัฐวิสาหกิจนั้นๆ

ไม่ว่าจะเข้ามาเป็น ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) กรรมการ หรือจนถึงผู้บริหารสูงสุดในรัฐวิสาหกิจนั้นๆ

และจะยิ่งเห็นได้อย่างชัดเจน ในส่วนของรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกับ "งบประมาณ" เป็นจำนวนมหาศาล ที่จะต้องมีการ "ผลักดัน" คนของตัวเองเข้ามาเป็นผู้บริหารในรัฐวิสาหกิจนั้นๆ

ล่าสุดที่ยังคงมีความชุลมุนกันอยู่ เห็นจะไม่พ้นที่ "ร.ฟ.ท." หรือการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ถือเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีทรัพย์สินมากมายมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดิน แต่กลับมีผลการดำเนินงานที่ขาดทุนมาโดยตลอด

แต่ขณะนี้มีโครงการที่ "ร.ฟ.ท." จะต้องดูแล ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ การบริหารพื้นที่ในตลาดนัดสวนจตุจักร ฯลฯ

ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับเงินงบประมาณที่สูงมาก

แต่ขณะนี้การสรรหา "ผู้บริหารสูงสุด" ของ ร.ฟ.ท.กลับยังนิ่งเงียบ แม้ว่า ยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการคนเก่าทำงานครบอายุสัญญาแล้ว

แว่วว่า งานนี้ผู้สมัครที่เป็น "คนใน" ได้รับแรงสนับสนุนจาก "รมต." ที่กำกับดูแล

ขณะที่ผู้สมัคร "คนนอก" ผู้ใหญ่ในรัฐบาลส่งเข้าประกวด เนื่องจากเห็นผลงานในการบริหารงาน อีกทั้งต้องการที่จะแก้ไขปัญหาของ "ร.ฟ.ท." ให้เด็ดขาด


ทำให้ต้องมีการตัดสินโดยมี "นายใหญ่" เป็นกรรมการ และเห็นว่า "คนนอก" นั้น น่าจะมีภาษีที่ดีกว่า

แต่เรื่องนี้ คาดว่าน่าจะเป็นหนังชีวิต เพราะ "คนใน" จะใช้ยุทธวิธีร่วมมือกับพนักงาน ร้องเรียนคุณสมบัติของ "คนนอก" ว่าไม่ตรงกับที่กำหนดไว้ในระเบียบการคัดเลือกในเรื่องของการเคยเป็นผู้บริหารที่เคยผ่านการคุมรัฐวิสาหกิจที่มีรายได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 5 พันล้านบาท

งานนี้คงจะต้องจับตาดูว่า ศึกครั้งนี้จะจบลงอย่างไร เพราะเห็นว่า "รัฐมนตรี" ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ มีสิทธิถูกปรับพ้นจาก ครม. จึงอาจจะมีการ "เอาคืน"...
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46896
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 31/07/2012 5:53 pm    Post subject: Reply with quote

'คค.'สั่งร.ฟ.ท.ขุดลอกคลองเลียบทางรถไฟ
INN News วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ.2555 17:05น.

"จารุพงศ์" สั่ง ร.ฟ.ท. ขุดลอกคลองเลียบทางรถไฟ 7.5 ก.ม. ใช้งบ 44 ลบ. คาด ออกแบบสร้างอุโมงค์คลองทวีวัฒนา เสร็จ ส.ค. มอบหมาย กทม. ตรวจสอบท่อบริเวณ "สุทธิสาร - วิภาวดี"

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมการบริหารจัดการน้ำและป้องกันแก้ไขอุทกภัย ว่า เป็นการหารือร่วมกับ ดร.รอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) และหน่วยงานราชการกระทรวงคมนาคม โดยการหารือในวันนี้ เป็นเรื่องของการระบายน้ำ ซึ่งการระบายน้ำด้านตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ได้มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ดำเนินการขุดลอกคลองยืม เลียบทางรถไฟด้านใต้คลองมหาสวัสดิ์ รวมระยะทาง 7.5 กิโลเมตร ใช้งบประมาณ 44 ล้านบาท เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำ และโครงการขุดลอกคูคลองที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมเจ้าท่านั้น จะแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคมนี้

นอกจากนี้ ทางกรุงเทพมหานคร มีแนวคิดในการก่อสร้างอุโมงค์ใต้คลองทวีวัฒนา ซึ่งคาดว่าการออกแบบน่าจะแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคมนี้ และสำหรับฝั่งตะวันออก ดร.รอยล มอบหมายให้กรุงเทพมหานครตรวจสอบท่อที่อยู่บริเวณแยกสุทธิสาร และแยกวิภาวดี ที่มีอยู่ข้างละ 8 ท่อ ว่าจะส่งผลกระทบต่อการระบายน้ำหรือไม่ รวมทั้งการลงพื้นที่สำรวจที่คลองบางน้ำจืด ด้วย ซึ่งในปัจจุบัน มีโรงงานและบ้านเรือนประชาชนอยู่เป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม ดร.รอยล แสดงความเป็นห่วงสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ICD) ลาดกระบังด้วย อีกทั้งจะมีการหารือเพื่อติดตามความคืบหน้าในอีก 2 สัปดาห์
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46896
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 03/08/2012 4:01 pm    Post subject: Reply with quote

รฟท. จับมือ มจธ. เสริมกำลังพัฒนาระบบราง
ข่าวทั่วไป ThaiPR.net -- ศุกร์ที่ 3 สิงหาคม 2555 15:54:32 น.

กรุงเทพฯ--3 ส.ค.--มจธ.
มจธ. เสริมกำลัง รฟท. ทุ่มงบ 10 ล้าน เร่งผลิตนักศึกษารถไฟ พัฒนาสถาบันระบบรางภาคพื้นอาเซียน ต่อยอดประสบการณ์จากโจทย์ปัญหาจริงที่รอการแก้ไข คาดลดงบประมาณ และอุบัติเหตุทางรถไฟ

Click on the image for full size

คุณยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดโครงการแสดงนิทรรศการและนำเสนอผลงานทางวิชาการ (Track II) สำหรับนักศึกษาโครงการความร่วมมือพัฒนาบุคลากรการรถไฟแห่งประเทศไทย ในหัวข้อ “ทศวรรษใหม่...การรถไฟไทย” เมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านว่า รฟท.ต้องการพัฒนาบุคลากรในหน่วยงานให้เป็นฐานกำลังสำคัญในการก่อตั้งและพัฒนาสถาบันระบบรางภาคพื้นอาเซียน แต่ติดปัญหา รฟท.สามารถรับบุคคลเข้าทำงานเพียงร้อยละ 5 ต่อปีเท่านั้น จึงจัดทำโครงการ “ความร่วมมือเพื่อก่อตั้งและพัฒนาสถาบันพัฒนาระบบรางภาคพื้นอาเซียน”เปิดโอกาสให้บุคลากรใน รฟท.ที่มีความรู้ประสบการณ์อยู่ในงานมาศึกษาเพิ่มเติม เป็นเวลา 2 ปีโดยมีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เป็นผู้กำหนดหลักสูตร และรูปแบบการศึกษา ส่วน รฟท.เป็นผู้สนับสนุนทุนการศึกษาในทุกด้าน ซึ่งในแต่ละปีจะมีงบประมาณสำหรับทุนการศึกษาปีละ 10 ล้านบาท ซึ่งปีการศึกษา 2555 นี้ได้จัดต่อเนื่องเป็นรุ่นที่ 2 แล้ว

ทางด้าน ผศ.ดร.กิติเดช สันติชัยอนันต์ อาจารย์ประจำภาควิชาครุศาสตร์โยธา มจธ.หัวหน้าโครงการความร่วมมือระหว่าง รฟท.-มจธ. กล่าวว่าโครงการนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2552 และเริ่มรับนักศึกษาในปีการศึกษาแรกคือปี 2553 โดยมีนักศึกษารุ่นแรกจำนวน 36 คน และในปีการศึกษา 2554 มีนักศึกษารุ่นที่สองจำนวน 56 คน ภายใต้ หลักสูตรเทคโนโลยีบัณฑิต ของคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มจธ. โดยมีศูนย์การศึกษาต่อเนื่อง (ศศต.) เข้าร่วมดำเนินงานกับโครงการ และได้รับความร่วมมือจากคณะวิทยาศาสตร์ และศิลปะศาสตร์

“โครงการนี้รับสมัครบุคลากรใน รฟท.ที่มีวุฒิ ปวส. มาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่ มจธ. เป็นเวลา 2 ปี ในสาขาเทคโนโลยีเครื่องกล สาขาเทคโนโลยีการก่อสร้าง สาขาเทคโนโลยีไฟฟ้า และสาขาใหม่ที่เปิดในปีการศึกษา 2555 นี้คือสาขาเทคโนโลยีการจัดการ (การเดินรถ) ซึ่งเป็น 4 หัวใจหลักของ รฟท. ภายใต้หลักสูตรที่ มจธ. ออกแบบ โดยพัฒนาต่อยอดหลักสูตรร่วมกับประสบการณ์ทำงานของคน รฟท. เพื่อพัฒนาศักยภาพ และทักษะในทุกด้านของนักศึกษาซึ่งเป็นบุคลากรของ รฟท.ให้สามารถนำความรู้ไปต่อยอดในการทำงานได้มากที่สุด ซึ่งนักศึกษาจะนำโจทย์ปัญหาที่พบระหว่างการทำงาน และยังไม่ได้รับการแก้ไขมาทำโครงงาน”

นายวีรวุฒิ ยอดเปลี่ยน นักศึกษา รฟท.พนักงานรถจักร ฝ่ายการช่างกล เจ้าของโครงงาน “การศึกษาเครื่องกั้นอัตโนมัติ” กล่าวถึงเหตุจูงใจที่ทำโครงงานนี้ว่า เครื่องกั้นทางตัดรถไฟที่ใช้ในปัจจุบันมีราคาสูงถึงเครื่องละประมาณ 4 ล้านบาท ในขณะที่การรถไฟยังขาดงบประมาณในการจัดจ้างเอกชนมาดำเนินงาน ทำให้ขณะนี้มีทางตัดรถไฟที่ยังไม่มีเครื่องกั้น มากถึง 700 กว่าจุดทั่วประเทศไทย จากข้อมูลเมื่อปี 2553 ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ตนและเพื่อนจึงช่วยกันคิดชุดเครื่องกั้นซึ่งคาดว่าจะมีราคาต่ำกว่าการจัดจ้างบริษัทเอกชนมาดำเนินการอย่างแน่นอน

“เครื่องกั้นระบบเดิมต้องซื้อจากต่างประเทศมีราคาสูง และต้องให้คนจากบริษัทมาติดตั้งสายส่งสัญญาณเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ซึ่งรฟท.ไม่สามารถทำเองได้ จึงต้องจัดจ้างบริษัทเอกชนดำเนินการเท่านั้นเสียทั้งค่าเครื่องและค่าแรงงาน โดยการทำงานของเครื่องกั้นแบบเดิม จะติดตั้งสายแท็กไว้ที่ประมาณ 1,034 เมตร ก่อนถึงทางตัด เมื่อรถไฟวิ่งผ่านมาเหยียบสายแท็กจะส่งสัญญาณไปตามสายที่ฝังไว้ใต้ดินจนถึงเครื่องรับสัญญาณทำให้เครื่องกั้นทำงาน แต่ระบบใหม่ที่ผมศึกษาเป็นเครื่องกั้นอัตโนมัติไม่ต้องฝังสายสัญญาณ โดยจะติดตั้ง Sensor ไว้ที่ระยะเท่ากันคือ 1,034 เมตร ก่อนถึงเครื่องกั้น และเมื่อหัวรถไฟวิ่งผ่าน Sensor จนกระทั่งพ้นท้ายขบวน Sensor จะส่งสัญญาณคลื่นวิทยุไปยังตัวรับสัญญาณที่ติดอยู่ที่เครื่องกั้นและทำงานทันที และเนื่องจากระบบนี้ใช้คลื่นความถี่ในการควบคุม จึงไม่ต้องใช้พนักงานในการควบคุมเครื่องกั้น และลดต้นทุนให้ รฟท.ด้วย” นายวีรวุฒิกล่าว

และอีกโครงงานที่น่าสนใจคือเรื่อง ระบบสนับสนุนการหยุดขบวนรถไฟจากภาคพื้นดิน ของ นายไพทูน สนโศก นักศึกษา รฟท.และพนักงานรถจักร งานรถดีเซลรางกรุงเทพฯ ฝ่ายการช่างกล ที่ได้กล่าวถึงเหตุผลในการศึกษาโครงงานนี้ว่า ระบบการหยุดขบวนรถไฟจากภาคพื้นดินที่ใช้ในปัจจุบันมีการชำรุดเสียหายจำนวนมาก ซึ่งระบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบันทำงานโดยติดตั้งกระเดื่องภายในหัวรถไฟเพื่อให้พนักงานขับรถไฟ ตอบสนองกับระบบโดยเหยียบกระเดื่องเป็นระยะทุก 8-10 วินาทีเพื่อเช็คสมรรถภาพของพนักงานขับรถไฟว่ายังมีสติ ไม่เหม่อลอย หรือหลับ แต่หากเกิน 8-10 วินาทีแล้วพนักงานขับรถไฟไม่มีการโต้ตอบกับระบบหรือไม่ได้เหยียบกระเดื่อง ระบบจะทำการเตือนโดยจะมีเสียงออดดังขึ้น 8 วินาที เพื่อปลุกให้ตื่น แต่ถ้า 8 วินาทีผ่านไปยังไม่มีการตอบสนองจากพนักงาน ออดจะดังอีก 4 วินาที และดังมากซึ่งถ้าหลังจาก 4 วินาทีแล้วยังไม่มีการตอบสนองอีกระบบจะทำการตัดการขับเคลื่อนทั้งหมด และระบบเบรกฉุกเฉินจะทำงานทันที แต่เนื่องจากระบบการหยุดรถนี้เก่ามากเพราะถูกติดตั้งมาพร้อมกับตัวรถไฟซึ่งมีอายุประมาณ 37 ปีมาแล้ว ทำให้ระบบเสียบ่อยจึงต้องงดการใช้งาน ส่งผลให้ภาระในการควบคุมรถไฟตกอยู่ที่พนักงานขับรถเพียงคนเดียว ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ในหลายปีที่ผ่านมามีอุบัติเหตุทางรถไฟเกิดขึ้นหลายครั้งเนื่องจากระบบหยุดรถไม่ทำงาน หรือเกิดจากเหตุสุดวิสัยจากการทำงานหนักของพนักงานขับรถไฟ เช่น เป็นลม หรือหัวใจวายเหมือนที่มีข่าวว่าเดือนที่ผ่านมามีพนักงานขับรถไฟเกิดหัวใจวายติดกัน 4 คนเนื่องจากทำงานหนัก

“อุบัติเหตุรถไฟส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่สถานี ทั้งๆ ที่นายสถานี หรือพนักงาน รับรู้ก่อนเกิดอุบัติเหตุ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากระบบควบคุมการขับเคลื่อนและระบบเบรกทั้งหมดอยู่บนรถไฟ ไม่มีอุปกรณ์จากภาคพื้นดินที่จะช่วยหยุดขบวนรถไฟได้ ทำให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรงผมจึงคิดศึกษาระบบสนับสนุนการหยุดรถไฟจากภาคพื้นดินโดยใช้วิทยุสื่อสารเป็นตัวควบคุม ซึ่งจะติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณไว้ทุกสถานี ถ้าหากนายสถานีไม่สามารถติดต่อกับพนักงานขับรถไฟได้ขณะที่ขบวนรถกำลังวิ่งเข้าสู่สถานี หรือในกรณีที่ขบวนรถไฟวิ่งผ่านสถานีแล้วเห็นความผิดปกติของขบวนรถ หรือตัวพนักงานบนรถไฟ นายสถานีสามารถกดเครื่องส่งสัญญาณที่สถานี และระบบจะแปลงเป็นรหัสวิทยุส่งไปยังเครื่องรับสัญญาณที่ติดตั้งไว้ที่หัวรถไฟทุกขบวนให้ทำการเตือนด้วยเสียงออดดังบนหัวรถไฟประมาณ 10 วินาที เพื่อเช็คว่าพนักงานบนรถไฟยังมีสติที่จะควบคุมรถหรือไม่ และเมื่อออดดังครบ 10 วินาทีแล้วไม่มีการตอบสนองจากพนักงานบนรถไฟ ระบบจะทำการตัดการขับเคลื่อนรถไฟทั้งหมด พร้อมทั้งระบบเบรกฉุกเฉินจะทำงานทันที เพื่อหยุดรถ ภายในรัศมีการทำงาน 1.5 - 2 กิโลเมตร แต่หากขบวนรถไฟวิ่งพ้นรัศมีการทำงานของสัญญาณไปแล้ว นายสถานีจะแจ้งไปยังสถานีถัดไปให้กดเครื่องส่งสัญญาณต่อไป” นายไพทูนกล่าวเพิ่มเติมว่า ระบบสนับสนุนการหยุดขบวนรถไฟจากภาคพื้นดินถือเป็นระบบป้องกันความผิดพลาดของมนุษย์ซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้นได้ และช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุรุนแรงจากรถไฟอีกทางหนึ่ง
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 170, 171, 172 ... 486, 487, 488  Next
Page 171 of 488

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©