ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์

[Mongwin]

ITD คว้างานร.ฟ.ท.มูลค่างาน 134.8 ลบ. -ตั้งบ.ขยายธุรกิจในบังคลาเทศและลาว
ฐานเศรษฐกิจ วันอังคารที่ 21 สิงหาคม 2012 เวลา 13:01 น.

นางนิจพร จรณะจิตต์ กรรมการรองประธานบริหารอาวุโส บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์(ITD) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญากับการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อดำเนินงานจ้างผลิตหรือจัดหาสะพานเหล็กพร้อมดัดแปลงตะม่อฯลฯ ระหว่างสถานีนครสวรรค์ กับสถานีบึงบรเพ็ด จ.นครสวรรค์ มูลค่างาน 134.8 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ระยะเวลาก่อสร้าง 270 วัน โดยลักษณะงานก่อสร้างประกอบ เป็นการจ้างผลิตหรือจัดหาสะพานเหล็ก พร้อมดัดแปลงตะม่อ ถอด และติดตั้งสะพานเหล็ก รวม 8 แห่ง ระหว่างสถานีนครสวรรค์ กับ สถานีบึงบรเพ็ด

นอกจากนี้ บริษัทได้ลงทุนในบริษัทต่างๆ เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ได้แก่ ITD Bangladesh Co.,Ltd. ( ITD Bangladesh ) ซึ่งจัดตั้งเมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2555 ด้วยทุนจดทะเบียน 4,000,000 ตากาบังคลาเทศ โดยมีสัดส่วนการลงทุน ร้อยละ 99.99 เพื่อดำเนินธุรกิจ ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้างในสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ และ บริษัท อิตาเลียนไทย หงสา จำกัด ( อิตาเลียนไทย หงสา) ซึ่งจัดตั้งเมื่อวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555 ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท โดยมีสัดส่วนการลงทุน ร้อยละ 99.97 ดำเนินธุรกิจให้บริการขุดคัดแยกถ่านหินในสปป.ลาว

[Mongwin]

พิจิตรเปลี่ยนสะพานรางรถไฟ
เนชั่น 77 ช่อง 77 จังหวัด by ไอ้ฉ่ำ | 21.08.2012

พิจิตรเปลี่ยนสะพานรางรถไฟรองรับเส้นทางหลักสัญจรในช่วงน้ำท่วม

เจ้าหน้าที่บริษัทผู้รับจ้างเร่งดำเนินการเปลี่ยนสะพานข้ามทางรถไฟในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ที่มีกว่า 40 จุด เพื่อรองรับการเดินทางของรถไฟให้ดีมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสะพานรถไฟเดิมอยู่ในสะภาพที่ไม่สมบูรณ์เนื่องจากก่อสร้างและใช้มาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2508 การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงดำเนินการเปลี่ยนสะพานข้ามรางรถไฟเป็นสะพานแบบใหม่ที่มีความกว้าง และแข็งแรงกว่าเดิมเพื่อประโยชน์ในการเดินรถไฟ การเดินทางที่ถือว่าปลอดภัยและได้รับความนิยมของประชาชน

สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟถือว่าเป็นการเดินทางที่สำสำคัญของประชาชนในพื้นที่จังหวัดพิจิตร โดยเฉพาะในช่วงประสบอุทกภัยเนื่องจากถนนส่วนใหญ่ในพื้นที่จังหวัดพิจิตรจะถูกน้ำท่วมจนไม่สามารถใช้ในการสัญจรได้ การเดินทางด้วยรถไฟจึงเป็นวิธีหลักที่ประชาชนใช้เดินทาง โดยจะมีการเดินทางเพิ่มมากขึ้นจากปกติที่มีจำนวนมากอยู่แล้ว การเปลี่ยนสะพานรางรถไฟให้มีความสมบูรณ์จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรองรับการใช้บริการของประชาชนในช่วงอุทกภัย

[Mongwin]

คอลัมน์หมายเลข 7 - ตรวจสอบรฟท.ใช้งบปรับปรุงสุขา
Post dated: 21 ส.ค 2012 เวลา 12:13 PM

ห้องข่าว 7 สี - คอลัมน์หมายเลข 7 ตามติดทุจริตกลโกง วันนี้เสนอต่อจากเมื่อวาน เกี่ยวกับการใช้งบประมาณไทยเข้มแข็ง เพื่อปรับปรุงห้องสุขาของรถไฟและสถานีรถไฟทั่วประเทศ หลังจากมีประชาชนร้องขอให้สตง.ตรวจสอบความคุ้มค่า และความโปร่งใสของการใช้งบประมาณแผ่นดิน

[Mongwin]

คอลัมน์หมายเลข 7 - ตรวจสอบรฟท.ใช้งบปรับปรุงสุขา
Post dated: 22 ส.ค 2012 เวลา 12:18 PM

ห้องข่าว 7 สี - คอลัมน์หมายเลข 7 ต้านทุจริตตามติดกลโกง กรณีตรวจสอบโครงการปรับปรุงห้องสุขาบนรถไฟ และที่สถานีรถไฟทั่วประเทศ เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินมีความคุ้มค่าและโปร่งใส วันนี้เสนอเป็นตอนจบ

[Mongwin]

ร.ฟ.ท.เล็งยกที่สถานีแม่น้ำเคลียร์หนี้คลัง
ฐานเศรษฐกิจ วันอังคารที่ 21 สิงหาคม 2012 เวลา 13:53 น.

บอร์ดร.ฟ.ท.สั่งรีวิวแผนพัฒนาภายใต้งบ 1.7 แสนล้านบาทก่อนเร่งสรุปนำเสนอครม.ไฟเขียวงบประมาณดำเนินการ ผุดไอเดียยกพื้นที่แปลงสถานีแม่น้ำแลกหนี้กว่า 7 หมื่นล้านบาท "สร้อยทิพย์" จี้แก้ปัญหาการเดินรถให้เพียงพอทั้งบริการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร ดีเดย์ 1 ก.ย.ขันนอตให้บริการรถไฟด่วนพิเศษกรุงเทพฯ-เชียงใหม่, กรุงเทพฯ-บัตเตอร์เวิร์ธ(BW) เชื่อมมาเลเซีย เน้นบริการตรงเวลา สะอาดปลอดภัย เพื่อเพิ่มรายได้ลดรายจ่าย

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม และประธานคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าได้สั่งให้ผู้บริหารระดับสูงร.ฟ.ท.จัดทำแผนการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานภายใต้กรอบงบประมาณ 1.7 แสนล้านบาทใหม่ หลังการดำเนินงานที่ผ่านมามีความล่าช้า เนื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่น ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาล หรือได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัย จนส่งผลให้เกิดความล่าช้าในที่สุด ซึ่งการปรับแผนใหม่ในครั้งนี้จะทำให้เห็นภาพการพัฒนาที่กระชับชัดเจนยิ่งขึ้นก่อนที่จะนำเสนอกระทรวงคมนาคมเพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาเห็นชอบให้เร่งรัดจากคณะรัฐมนตรี(ครม.)และรัฐบาลตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

กรณีการจัดหารถโดยสารรุ่นใหม่ 115 คันได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วนั้นก็จะเร่งปฏิบัติตามขั้นตอนการประมูลจัดซื้อ ส่วนรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางอยู่ระหว่างการศึกษาออกแบบ ก็จะปรับเร่งระยะเวลาการศึกษา-ก่อสร้างให้เสร็จเร็วขึ้น และจะมีการเปิดประมูลได้ 1-2 เส้นทางในเร็วๆ นี้ เช่นเดียวกับรถไฟความเร็วสูงก็จะต้องร่นระยะเวลาการออกแบบและแบ่งสัญญาการก่อสร้างเร็วขึ้นเช่นกัน ส่วนการปรับเปลี่ยนราง การเปลี่ยนระบบอาณัติสัญญาณไฟ การก่อสร้างรั้วในจุดที่ไม่ปลอดภัยคืบหน้าไปมาก เช่นเดียวกับการปรับเปลี่ยนรางระยะ 5 - 6 ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การจัดซื้อหัวรถจักรทั้ง 20 คัน 50 คันหรือการซ่อมบำรุงก็อยู่ระหว่างดำเนินการพิจารณาคุณสมบัติและด้านเทคนิค ส่วนการก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟภายใต้การดำเนินงานของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทยังไม่คืบหน้าเพราะไม่ได้รับงบประมาณสนับสนุนในปี 2556 จึงต้องเร่งรัดต่อไป

นางสร้อยทิพย์กล่าวถึงการแก้ไขปัญหานี้กว่า 7 หมื่นล้านบาทของการรถไฟฯซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่รัฐบาลค้างจ่ายเบี้ยบำนาญให้กับพนักงาน ในเบื้องต้นจากการหารือกับผู้บริหารการรถไฟฯ มีแนวคิดว่าควรจะนำพื้นที่ทำเลสถานีแม่น้ำไปแลกหนี้กับกระทรวงการคลังภายใต้กรอบระยะเวลาหนึ่งที่คลังสามารถนำไปพัฒนาหารายได้มาชดเชยหนี้ก้อนใหญ่นี้ให้หมดไป ซึ่งมอบหมายให้การรถไฟฯไปหารือตามระเบียบกฎหมายว่าสามารถทำได้หรือไม่ อย่างไร

ด้านนายจรัสพันธ์ วัชโรทัย ผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถร.ฟ.ท.กล่าวเสริมถึงการแก้ปัญหาการเดินรถให้บริการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารว่า ในวันที่ 1 กันยายนนี้ จะเปิดให้บริการรถไฟด่วนพิเศษนครพิงค์(SP1-2)กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และด่วนพิเศษ 35 ให้บริการเส้นทางกรุงเทพฯ-หาดใหญ่-บัตเตอร์เวิร์ธ(BW) เชื่อมโยงไปยังมาเลเซีย โดยรูปแบบการพ่วงตู้นอนเพิ่มจาก 11 โบกี้เป็น 13-14 โบกี้ แต่ไม่มีการปรับค่าบริการเพิ่ม เน้นบริการตรงเวลา สะอาดปลอดภัย เพื่อให้เป็นขบวนรถตัวอย่างในการเพิ่มรายได้ลดรายจ่าย คาดว่าอย่างน้อย 1 ขบวนน่าจะรองรับผู้โดยสารได้กว่า 450 คนได้อย่างเพียงพอ เช่นเดียวกับการเพิ่มหัวรถจักรและแคร่เพื่อการขนส่งสินค้าจากไอซีดีลาดกระบังไปยังท่าเรือแหลมฉบังซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ ปัจจุบันทางคู่ที่การรถไฟฯสร้างไว้เปิดให้บริการได้แล้ว ปกติไป-กลับวันละ 28 ขบวนเพิ่มเป็น 34 ขบวนต่อวัน ซึ่งใน 1 ขบวนสามารถพ่วงใส่แคร่ได้มากถึง 30 แคร่ ดังนั้นอีก 6 ขบวนที่เพิ่มมากจึงสามารถเพิ่มตู้ได้อีก 180 ตู้ในแต่ละวันขนสินค้าได้มากขึ้นตามไปด้วย

นายจตุรงค์ ธีระกนก ประธานอนุกรรมาธิการระบบราง ในคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา กล่าวว่าเห็นควรให้การรถไฟฯเร่งดำเนินการเพราะล้วนสร้างผลประโยชน์ให้กับการรถไฟฯทั้งเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารที่สร้างรายได้สู่การรถไฟฯในแต่ละเที่ยวเพิ่มขึ้น

"ควรมองเรื่องการขยายเส้นทางใหม่ควบคู่กันไปด้วย โดยเส้นทางที่น่าจะเห็นได้ชัดคือช่วงจากไอซีดีลาดกระบังไปยังท่าเรือแหลมฉบังที่ล่าสุดการก่อสร้างทางคู่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้จะยังไม่เข้าถึงท่าเรือได้มากที่สุดแต่ก็สามารถช่วยให้การขนส่งสินค้าเพิ่มจำนวนได้มากกว่าเดิม ซึ่งหากขนส่งได้มากคาดว่าผู้ประกอบการจะให้ความสนใจมาใช้ระบบการขนส่งทางรางมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นหากการรถไฟฯสามารถสร้างความเชื่อมั่นด้านการตรงต่อเวลาและคุณภาพของการให้บริการโดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งไม่ควรมองข้ามการเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านเพื่อการเดินทางและการขนส่งสินค้าเพื่อสร้างอำนาจทางการค้าของไทยจึงควรเร่งดำเนินการ"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,768 23-25 สิงหาคม พ.ศ. 2555

[Mongwin]

หนี้ท่วมรถไฟ
ไทยโพสต์ คอลัมน์กระจกไร้เงา โดย บุญช่วย ค้ายาดี 24 August 2555

การขนส่งทางรางถือว่าเป็นการขนส่งที่ช่วยลดต้นทุน และประหยัดการใช้น้ำมัน และยังถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่จะช่วยดึงดูดต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพราะเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ ดังนั้น การพัฒนาระบบรางจึงมีความสำคัญในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจของประเทศ และยังเป็นการลงทุนที่นักลงทุนทั้งไทยและเทศต่างให้ความสนใจและพร้อมที่จะลงทุน

แต่ในสภาพปัจจุบันจะเห็นว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ซึ่งในฐานะรัฐวิสาหกิจที่กำกับดูแลกิจการประเภทรางของประเทศ กับที่ไม่สามารถพึงพิงได้ เพราะในสภาพความเป็นจริง นอกจากขาดการพัฒนาคุณภาพการให้บริการแล้ว สภาพทั่วไปยังเก่าขาดคุณภาพไปแทบทุกอย่าง และยิ่งแย่ไปกว่านั้น ยังพกพาหนี้สินจำนวนมหาศาลติดตัวไปไม่มีวันสิ้นสุด มีแต่จะขยับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนหนี้สินท่วมตัว แถมยังขาดสภาพคล่องทางการเงิน ต้องกู้เงินเพื่อมาใช้หมุนเวียนในองค์กร

ซึ่งล่าสุดพบว่า ร.ฟ.ท.มีหนี้สินเพิ่มพูนขึ้นกว่า 1.1 แสนล้านแล้ว โดยหนี้เหล่านี้มาจากหนี้สะสมเกี่ยวกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สะสมมาหลายสิบปี มูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาท หนี้การจัดซื้อหัวรถจักร ตู้โดยสาร อีก 16,000 ล้านบาท หนี้ที่ขาดทุนสะสมจากการเดินรถ โดยการจัดเก็บค่าโดยสารต่ำกว่าทุน หรือเชิงสังคม (PSO) ทำให้เกิดปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินที่จะต้องนำมาใช้หมุนเวียนและบริหารจัดการภายในองค์กรอีกกว่า 48,000 ล้านบาท รวมถึงหนี้ที่รัฐบาลผลักภาระไว้ให้ร.ฟ.ท.เป็นผู้รับภาระแทน คือ หนี้ที่เกิดจากการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงค์อีก 31,000 ล้านบาท ด้วยหนี้สินที่มีมูลค่าสูงขนาดนี้ ทำให้บรรดาผู้บริหารประเทศอย่าง ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม แสดงความเป็นห่วงถึงหนี้สินดังกล่าวอย่างไร จึงมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดเข้ามาแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจังกันเสียที แม้ว่าเรื่องหนี้สินนี้จะเป็นเรื่องที่พูดซ้ำซากกันมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นว่ามีการดำเนินการหรือแก้ไขปัญหากัน ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย และถ้ายิ่งปล่อยไว้หนี้ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น คุณภาพของงานก็หดหายไป ก็จะได้แต่ผลาญงบประมาณไปวันๆ

แต่การแก้ไขปัญหา ร.ฟ.ท.นั้นต้องเริ่มที่แก้ไขตัวบุคคลของ ร.ฟ.ท.เอง เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหนถ้าพูดกันถึงระบบรางแล้วมักจะได้ยินเสมอว่า คนที่เก่งเรื่องนี้คือคนรถไฟ แต่แล้วทำไมคนรถไฟที่ว่าเก่งกันนักกันหน้าถึงได้ทำให้ ร.ฟ.ทเจ๊งซะไม่มีท่าเช่นปัจจุบันนี้ และส่วนใหญ่ก็มักจะเข้าใจว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะมีการเมืองเข้าแทรก

เมื่อย้อนไปดูทุกยุคทุกสมัยก็จะเข้าใจได้ทันทีเลยว่าสาเหตุที่ทำให้รถไฟมีหนี้ท่วมตัวเช่นนี้ ก็ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งมาจาก การเมืองจริงๆ ที่เข้ามาวุ่นวายหาผลประโยชน์ใน ร.ฟ.ท. แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากตัวบุคลากรของ ร.ฟ.ท.เอง ที่มีการชิงดีชิงเด่นกัน แบ่งแยกพวกเอง พวกข้า ทำงานเช้าชามเย็นชาม หรือถ้าใครเป็นใหญ่ก็ดึงพวกตัวเองขึ้นมานั่งในตำแหน่งใหญ่โต โดยไม่สนใจว่าคนเหล่านี้มีความสามารถหรือไม่ จนเป็นเหตุให้การทำงานขาดประสิทธิภาพ

ดังนั้น นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท.ซึ่งรับสนองนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาครั้งนี้ เห็นว่าปัญหาของ ร.ฟ.ท.จะแก้ไขได้ต้องแก้ที่ตัวบุคลากร โดยเริ่มจากการวางกำลังคนที่เหมาะสม กับงาน เพราะที่ผ่านมานั้นงานไปโหลดอยู่ที่คนบางกลุ่ม หรือบางคน ดังนั้นเราต้องใช้คนให้เต็มศักยภาพ ซึ่งดูง่ายๆ ปัจจุบันรองผู้ว่าการฯ บางคนไม่มีงานทำก็มี ผู้ช่วยฯ มีเยอะมาแต่ไม่มีงานทำ

นอกจากนี้ ต้องเร่งรัดให้ ร.ฟ.ท.เร่งสำรวจทรัพย์สินของตัวเองโดยเฉพาะที่ดินทั่วประเทศเพื่อนำมาใช้ในกิจกรรมเชิงพาณิชย์ เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มและเป็นประโยชน์กับ ร.ฟ.ท.สูงสุด รวมถึงต้องจัดระเบียบที่ดินที่มีอยู่ทั่วประเทศมูลค่ากว่า 3.6 แสนล้านบาท ให้เกิดประโยชน์ โดยไม่เอาไปให้เช่าแบบเสียเปล่า ต้องเน้นที่การบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเป็นระบบ และที่ผ่านมามีการนำที่ดินใกล้สถานีไปทำโน่นทำนี่ แต่โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่าไม่เหมาะสม เพราะเพชรพลอยทั้งนั้นที่อยู่ในมือ

อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบันนี้การรถไฟแห่งประเทศไทยมีความจำเป็นที่จะต้องปฏิรูปอย่างเร่งด่วน เพราะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศ และยังมีโครงการลงทุนเพื่อพัฒนาระบบรางที่ใช้เงินไม่น้อยกว่า 1.9 ล้านล้านบาทรออยู่ เพื่อแต่ในสภาพที่เป็นเหมือนคนพิการที่ไม่สามารถพึงพิงได้ จะกลายเป็นตัวถ่วงความเจริญของประเทศหรือไม่

ดังนั้น ต้องจับตาดูว่าสิ่งที่นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ได้สั่งการไปนั้น ร.ฟ.ท.จะสามารถจัดทำแผนไปได้แค่ไหน และที่สำคัญเมื่อมีแผนแล้วจะสามารถปฏิบัติได้หรือไม่ รวมถึงรัฐบาลเองจะให้ความสนใจกับเรื่องนี้อย่างจริงๆจังๆ แค่ไหน ไม่ใช่สักแต่พ่นน้ำลายไปวันๆ แล้วก็ปล่อยเลยตามเลย เหมือนหลายโครงการที่ผ่านมา.

[Mongwin]

กระทู้ถาม เรื่อง นโยบายปฏิรูปการรถไฟแห่งประเทศไทย
นายนคร มาฉิม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ตั้งกระทู้ถาม ถามนายกรัฐมนตรี
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 24 ปีที่ 2 สมัยสามัญทั่วไป ครั้งที่ 7
วันที่ 23 สิงหาคม 2555
คลิปวิดีโอโดยเครือข่ายข้อมูลการเมืองไทย www.tpd.in.th


เผยแพร่เมื่อ 23 ส.ค. 2012 โดย tpdnet

[Wisarut]

ข่าว ร.ฟ.ท.เล็งยกที่สถานีแม่น้ำเคลียร์หนี้คลัง (ฐานเศรษฐกิจ วันอังคารที่ 21 สิงหาคม 2555 เวลา 13:53 น.) ย้ายไปหมวด ข่าวที่ดินรถไฟท่าจะเหมาะ และ เมื่ออ่านข่าวนี้แล้ว รฟท. ก็น่าจะสวงนที่ทำทาง รถไฟฟ้าสายแดงส่วนต่อขยายไปเชื่อมกะ ที่ดินสถานีแม่น้ำและท่าเรือคลองเตย ถ้ามีการพัฒนาใหม่ๆ จริงๆ มิฉะนั้นก็ให้ รฟม. ดำเนินการแทน

[Mongwin]

ผมขอยกข่าวดังกล่าวไปเพิ่มที่หมวดข่าวที่ดิน รฟท.นะครับ เพื่อเป็นบันทึกช่วยจำ เพราะหัวข้อข่าวเกี่ยวกับที่ดินสถานีแม่น้ำก็จริง แต่มีเนื้อข่าวอยู่เพียง 2 บรรทัด นอกนั้นเป็นเรื่องอื่น ๆ ครับ

[Wisarut]

เกาะติดข่าว : ประธานบ.Kyushu Railway พบนายกฯสานต่อความร่วมมือระบบรถไฟความเร็วสูง (ฐานเศรษฐกิจ)
ที่มา: ฐานเศรษฐกิจ
วันที่: 24 สิงหาคม 2555
อ้างอิง: http://www.thanonline.com

นายกฯ หวังญี่ปุ่นช่วยพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง-รถไฟสายท่องเที่ยว
ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) --
ศุกร์ที่ 24 สิงหาคม 2555 15:46:46 น.
โดย ฐานิสร์ ทองนอก/รัชดา/ศศิธร
อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

นายโคจิ คะระอิเคะ ประธานบริษัท Kyushu Railway ประเทศญี่ปุ่น เข้าเยี่ยมคารวะนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อสานต่อความร่วมมือระหว่างไทยกับญี่ปุ่น ด้านระบบรถไฟความเร็วสูงและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ตามผลการเยือนเกาะคิวชูของนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนเมษายน 2555 ที่ผ่านมา

วันนี้ (24 สิงหาคม 2555) เวลา 13.00 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายโคจิ คะระอิเคะ ประธานบริษัท Kyushu Railway ประเทศญี่ปุ่น เข้าเยี่ยมคารวะนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีต้อนรับประธานบริษัท Kyushu Railway ประเทศญี่ปุ่น พร้อมกล่าวแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อเหตุอุทกภัยและดินถล่มอย่างหนักทางตอนเหนือของเกาะคิวชู เมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
โดยประธานบริษัท Kyushu Railway กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่สละเวลาให้เข้าพบ และขอบคุณทางรัฐบาลไทยที่ได้ให้ความช่วยเหลือเมื่อตอนประสบอุทกภัย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประเทศไทยมีแผนที่จะลงทุนเกี่ยวกับระบบรถไฟความเร็วสูง ซึ่งทางญี่ปุ่นมีความรู้ และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก รวมทั้งยังเป็นต้นแบบที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการผสมผสานผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและการท่องเที่ยวท้องถิ่นเข้ากับระบบรถไฟความเร็วสูง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีหวังว่าจะสามารถสานต่อความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างกันต่อไป
ในด้านความคืบหน้าเรื่องระบบรถไฟความเร็วสูงของไทยนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังศึกษาระบบต่างๆ เพื่อเตรียมการจัดซื้อจ้าง นอกจากนี้ ในช่วงต้นปี 2556 ไทยจะจัดนิทรรศการนานาชาติเรื่องรถไฟความเร็วสูงขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจะเน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเชื่อมต่อภายในประเทศ และภูมิภาคอาเซียน จึงอยากจะเชิญประเทศญี่ปุ่นเข้าร่วมด้วย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีหวังว่าญี่ปุ่นจะนำแนวคิดการผสมผสานผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์มาแลกเปลี่ยนในโอกาสนี้อีกด้วย
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยมีรถไฟสายเก่าที่อยากจะพัฒนา เพื่อให้เป็นรถไฟสายท่องเที่ยว ซึ่งรถไฟของทางบริษัท Kyushu Railway จะเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับไทย
ประธานบริษัท Kyushu Railway กล่าวยินดีและพร้อมให้ความร่วมมือ โดยตัวนักออกแบบตกแต่งของญี่ปุ่น ซึ่งมีความสนใจในประเทศไทยอยู่แล้ว จะเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยในการออกแบบรถไฟไทยได้เป็นอย่างดี ซึ่งการออกแบบรถไฟที่ผสมผสานผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและการท่องเที่ยวท้องถิ่นเข้าด้วยกันนั้น จะต้องเน้นถึงเรื่องการเก็บรักษาอัตลักษณ์ และเรื่องเล่าท้องถิ่น และการบริการเป็นสำคัญ โดยในเรื่องการบริการนั้น ประเทศไทยสามารถใช้จุดนี้เป็นจุดแข็งได้เป็นอย่างดี
ก่อนจบการสนทนา นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในอนาคต ถ้าประเทศไทยมีระบบรถไฟความเร็วสูง หวังว่าจะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้ ความเชี่ยวชาญกับทางญี่ปุ่น

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องโครงการระบบรถไฟความเร็วสูงของไทย ในโอกาสที่นายโคจิ คะระอิเคะ ประธานบริษัท Kyushu Railway ประเทศญี่ปุ่น เดินทางมาไทยว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังศึกษาระบบต่างๆ เพื่อเตรียมการจัดซื้อจ้าง

นอกจากนี้ ในช่วงต้นปี 56 รัฐบาลไทยจะจัดนิทรรศการนานาชาติเรื่องรถไฟความเร็วสูงขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจะเน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเชื่อมต่อภายในประเทศและภูมิภาคอาเซียน จึงอยากจะเชิญประเทศญี่ปุ่นเข้าร่วมด้วย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีหวังว่าญี่ปุ่นจะนำแนวคิดการผสมผสานผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์มาแลกเปลี่ยนในโอกาสนี้อีกด้วย

"ไทยมีรถไฟสายเก่าที่อยากจะพัฒนาเพื่อให้เป็นรถไฟสายท่องเที่ยว ซึ่งรถไฟของทางบริษัท Kyushu Railway จะเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับไทย"น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว

ด้านนายโคจิ กล่าวว่า ยินดีและพร้อมให้ความร่วมมือ โดยตัวนักออกแบบตกแต่งของญี่ปุ่น ซึ่งมีความสนใจในประเทศไทยอยู่แล้ว จะเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยในการออกแบบรถไฟไทยได้เป็นอย่างดี ซึ่งการออกแบบรถไฟที่ผสมผสานผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและการท่องเที่ยวท้องถิ่นเข้าด้วยกันนั้น จะต้องเน้นถึงเรื่องการเก็บรักษาอัตลักษณ์ และเรื่องเล่าท้องถิ่น และการบริการเป็นสำคัญ โดยในเรื่องการบริการนั้น ประเทศไทยสามารถใช้จุดนี้เป็นจุดแข็งได้เป็นอย่างดี
//-------------------------------------------------