ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์

Mongwin · Posted: 28/10/2012 8:43 pm Post subject:

ปรับคณะรัฐมนตรี ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วครับ (28 ต.ค. 55)
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2555/E/164/1.PDF

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

ส่วน นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

Wisarut · Posted: 29/10/2012 11:39 am Post subject: ชอบกลๆ

ต้องช่วยกันหยุดการสร้างรถไฟรางกว้าง 1 เมตร
โดย สิริอัญญา
คอลัมน์บ้านเกิดเมืองนอน - หน้า 2
แนวหน้า 28 ตุลาคม 2555

บทความวันนี้ไม่พอดีกับวันที่ 23 ตุลาคม 2555 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ก็ยังเป็นโอกาสที่จะน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระมหาราชเจ้าพระองค์นั้น

พระมหากรุณาธิคุณที่ยิ่งใหญ่หนึ่งในหลายประการก็คือ การเลิกทาส ทำให้คนไทยพ้นจากความเป็นทาส และความเป็นทาสก็ได้หมดไปตั้งแต่ยุคสมัยของพระองค์ท่าน นับถึงบัดนี้ก็เป็นเวลาร่วมร้อยปีแล้ว

พระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้เลิกทาส ไม่ใช่นักการเมืองที่เที่ยวอ้างอิสระเสรีและความเสมอภาคกันเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมืองในทุกวันนี้ ในขณะที่กำลังทำให้คนไทยกลายเป็นทาสยุคใหม่อีกครั้งหนึ่ง

ในทางสากล ก็เอาประเทศไทยไปเป็นประเทศราชทางการเงินของสหรัฐและญี่ปุ่น ยอมเป็นวัวควายให้ต่างชาติจูงจมูกโดยไม่รู้จักละอายใจแก่คนไทยทั้งประเทศ

สหรัฐสั่งไม่ให้เครื่องบินอิหร่านเข้ามาเติมน้ำมันในประเทศไทย นักการเมืองก็ทำตามแต่โดยดี สั่งให้ทำอะไรต่อมิอะไรก็ทำให้โดยไม่มีปากไม่มีเสียง แม้กระทั่งสั่งให้ยกทรัพยากรและดินแดนให้กับเขมร นักการเมืองก็ทำให้โดยไม่ยี่หระต่อข้อหาขายชาติ ขายแผ่นดินแม้แต่น้อย

ญี่ปุ่นสั่งให้ทำโครงการไหนก็ทำ สั่งไม่ให้ทำโครงการไหนก็ไม่ยอมทำโครงการนั้น แม้สิ่งที่ทำจะสร้างความพินาศฉิบหายวายวอดให้กับบ้านเมือง ก็ยอมให้เขาชักจมูกลากไปโดยไม่ใส่ใจพี่น้องร่วมชาติของตนเลย

การสร้างและพัฒนารถไฟกำลังขับเคลื่อนกันเป็นการใหญ่ในยุคการเมืองพัฒนามาถึงขั้นโคตรโกง โกงทั้งโคตร และโคตรมหาโกง ก็ทำตามคำบงการของญี่ปุ่นที่ควบคุมประเทศไทยและรัฐบาลไทย รวมทั้งนักการเมืองไทย โดยผ่านองค์กรที่เรียกว่าไจก้าและเจบิค

รถไฟที่จะทำกันเป็นรถไฟทางกว้าง 1 เมตรแบบเก่าๆและเป็นแบบที่แทบไม่มีประเทศไหนในโลกใช้แล้ว เพราะประเทศทั้งหลายในโลกเขาพัฒนารถไฟในระบบรางกว้าง 1.435 เมตร หรือเรียกว่าระบบสแตนดาร์ตเกท คือระบบรางมาตรฐาน

เมื่อรางกว้าง ขบวนรถไฟก็ใหญ่ขึ้น วิ่งได้เร็วขึ้น ขนส่งได้มากขึ้น ต้นทุนก็ต่ำกว่ารถไฟทางแคบที่มีรางกว้าง 1 เมตร ซึ่งประเทศที่ยังใช้อยู่ก็เหลือไม่กี่ประเทศซึ่งล้วนเป็นประเทศที่เคยถูกฝรั่งบังคับในยุคล่าอาณานิคมทั้งสิ้น

รถไฟรางกว้าง 1 เมตร เป็นรางแคบ รถไฟก็เล็ก วิ่งก็ช้า อุบัติเหตุก็สูง ต้นทุนก็สูง การซ่อมบำรุงก็มีราคาแพง เพราะผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเหลืออยู่ในโลกนี้ไม่กี่ราย แต่เมืองไทยก็ยังคงใช้อยู่และกำลังจะเดินหน้าทำกันต่อไปด้วยการสั่งการของญี่ปุ่น

ทำไมญี่ปุ่นจึงต้องบังคับให้ประเทศไทยต้องพัฒนารถไฟในระบบรางกว้าง 1 เมตรต่อไป ทั้งๆที่เป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศไทยและคนไทยสุดประมาณนัก

คำตอบก็คือ การบังคับที่ว่านั้นก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ของญี่ปุ่น เพราะถ้ารถไฟไทยยังคงเป็นรถไฟรางแคบ ขบวนเล็ก วิ่งช้า ต้นทุนสูง อุบัติเหตุสูง ประเทศไทยและคนไทยก็ต้องขาดทุนในกิจการรถไฟนั้น และคนทั้งหลายก็จะไม่นิยมใช้รถไฟไทย ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ซึ่งเป็นตัวอย่างที่เห็นชัดๆ กันอยู่แล้ว

เมื่อคนไทยไม่นิยมใช้รถไฟก็จะหันไปใช้รถยนต์เหมือนเดิม และผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการใช้รถยนต์ก็คือญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทรถยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดและมีจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย

คนไทยยิ่งใช้รถยนต์มากเท่าใด ญี่ปุ่นก็ยิ่งมีรายได้ผลและผลประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น และคนไทยใช้รถยนต์มากเท่าใด ประเทศไทยและคนไทยก็จะฉิบหายมากขึ้นเท่านั้น

คนไทยจะมีหนี้สินทั่วทุกครัวเรือนเพื่อซื้อหารถยนต์มาใช้สอยคันละก็ประมาณ 1 ล้านบาท หนี้สินก็จะท่วมหัวท่วมประเทศและเกิดปัญหาสารพัดขึ้นในสังคมไทย

เมื่อมีรถยนต์แล้วก็ต้องเสียค่าน้ำมันหรือค่าแก๊ส ค่าใช้จ่ายของคนไทยก็จะเพิ่มสูงขึ้น จะเป็นแรงกดดันให้ต้องแสวงหารายได้มาเป็นค่าใช้รถยนต์และยังต้องเพิ่มขึ้นเป็นค่าใช้จ่ายในการไปโน่นมานี่รวมทั้งค่าซ่อมบำรุง ก็จะเกิดปัญหาหนี้สินขึ้นในสังคมไทย

เมื่อมีการใช้รถยนต์มากเท่าใดก็จะใช้น้ำมันและแก๊สมากขึ้นเท่านั้น ประเทศไทยก็ต้องจ่ายค่าน้ำมันและแก๊สให้กับผู้ผลิตในต่างประเทศมากขึ้นเท่านั้น แม้ขณะนี้ค่านำเข้าน้ำมันและแก๊สก็มีจำนวนสูงสุดเป็นลำดับแรกของรายจ่ายของประเทศไทยอยู่แล้ว รายจ่ายของประเทศที่สูงขึ้นมากเท่าใด ประเทศไทยก็จะยิ่งล่มจมมากขึ้นเท่านั้น

ดังนั้นถ้าไม่ต้องการให้ประเทศไทยฉิบหายวายวอดไปมากกว่านี้ ไม่ต้องการให้คนไทยฉิบหายวายวอดมากไปกว่านี้ ก็ต้องเพ่งเอาที่ต้นเหตุโดยตรง คือ การขนส่งระบบรางนั่นคือการสร้างรถไฟ

จะต้องหยุดการสร้างรถไฟรางกว้าง 1 เมตรไว้ทันที เพราะถ้าสร้างต่อไปประเทศไทยจะพินาศฉิบหายวายวอดต่อไปอีกร้อยปีเป็นอย่างน้อย

แต่จะหวังให้นักการเมืองหยุดนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ มีแต่ประชาชนจะต้องหยุดเรื่องนี้เอง แต่จะทำได้ ก็ต่อเมื่อประชาชนต้องกวาดล้างนักการเมืองออกไปเสียก่อน!

Mongwin · Posted: 29/10/2012 11:54 am Post subject:

^^^
นายไพศาล พืชมงคล (นามปากกา สิริอัญญา ตามชื่อภรรยา) นี่ หลายครั้งแล้วนะครับ ทำตัวเป็นกูรู เขียนบทความออกสื่อโดยไม่มีความรู้ เสียชื่อคนสงขลา และเด็กเตรียมฯ หมด Evil or Very Mad

headtrack · Posted: 29/10/2012 12:24 pm Post subject:

...ใช่ครับอาจารย์ อะไรของเขาก็ไม่รู้ ไม่มีการอ้างอิงแหล่งข้อมูล เขียนสะเปะสะปะหาที่จับไม่ได้ เหมือนวิทยุบางท้องถิ่นไม่มีผิด...!?!
...หยุดสร้างทางกว้างหนึ่งเมตรแล้วจะไม่เปนที่สบใจผู้ค้ารถผู้ค้าน้ำมันมากกว่าหรือ...?!?
...หยุดสร้างทางกว้างหนึ่งเมตรแล้วผู้ประกอบการในไทยเขาจะเดือดร้อนขนาดไหน...?!?

...คุณที่ใช้นามปากกา สิริอัญญา นี่ตื่นเช้ามากรุณาล้างหน้าล้างตาให้สะอาดสดชื่นหน่อยก็ดี จะได้ขจัดอะไรที่มันทำให้หูตาพร่ามัว...!?!
_________________

Find me on Instagram: @632knongtsaikhaow

mone · 3rd Class Pass Joined: 04/02/2009 Posts: 76

อย่าว่าแต่นายคนนี้เลยครับ...

ต้องทำใจเลยว่า ถ้าไม่นับคนรู้และรักรถไฟจริงๆ

ตอนนี้ทัศนคติของสื่อมวลชนทั่วไป เชียร์และชื่นชอบราง 1.435 เมตร กันแบบโงหัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว Sad

black_express · Posted: 29/10/2012 2:08 pm Post subject:

แล้วคนเขียนคอลัมน์ข้างต้นเคยลืมตาดูโลกหรือเปล่าว่า เส้นทางรถไฟปกติในประเทศญี่ปุ่นใช้ขนาดทางกี่เมตร ? และเส้นทางรถไฟความเร็วสูงมาปะปนกับเส้นทางปกติหรือไม่ ?

รู้อะไรขอให้มีข้อมูลด้วยครับ

Mongwin · Posted: 30/10/2012 1:59 pm Post subject:

'ประภัสร์' เล็งฟื้นร.ฟ.ท.ขับเคลื่อนระบบขนส่ง
INN News วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.2555 13:03น.

"ประภัสร์" เล็งฟื้นการรถไฟ ขับเคลื่อนขนส่ง โลจิสติกส์ เชื่อมเพื่อนบ้าน สนโรงงานประกอบรถไฟฟ้าลดต้นทุนเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ รอ ครม. ไฟเขียวเก้าอี้ ยัน จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

นายประภัสร์ จงสงวน ว่าที่ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายในงานเสวนาเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง โดยมองว่า การรถไฟ จะต้องมีการพลิกฟื้นให้เป็นหน่วยงานหลักของประเทศให้ได้ ทั้งเป็นตัวหลักในการขนส่ง การแข่งขันโลจิสติกส์กับประเทศต่าง ๆ นอกจากนี้ ส่วนตัวได้มีแนวคิดว่า ประเทศไทย ควรจะมีโรงงานประกอบรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นโครงการที่ใช้พื้นที่ไม่มาก และเป็นโครงการที่มีประโยชน์สูงมาก เพราะเป็นผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ รวมทั้ง เป็นการประหยัดต้นทุนค่าน้ำมัน และเวลาด้วย

อย่างไรก็ตาม ว่าที่ผู้ว่าการการรถไฟฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันกระบวนการสรรหาผู้ว่าการการรถไฟฯ เหลือเพียงรอเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ให้รับทราบ ซึ่งภายหลังจากที่ตนเองได้เข้าไปทำงานในตำแหน่งดังกล่าวแล้ว จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

Mongwin · Posted: 31/10/2012 7:54 am Post subject:

“ประภัสร์” ปัดฝุ่นระบบรถไฟใหม่
นสพ.บ้านเมือง วันที่ 31/10/2555 เวลา 7:31 น.

นายประภัสร์ จงสงวน ว่าที่ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. เปิดเผยถึงแนวทางการบริหารงานภายในการรถไฟ ทันทีหลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ดำรงตำแหน่ง ว่า สิ่งแรกที่จะดำเนินการคือ การปรับปรุงแผนธุรกิจรถไฟที่มีแผนฟื้นฟูองค์กร การบริหารจัดการด้านบุคลากร ทั้งนี้ หากดำเนินการได้ตามแผนที่กำหนด จะทำให้รถไฟพ้นจากการขาดทุนได้

“สำหรับการพัฒนารถไฟนั้น สิ่งแรกต้องพัฒนาคือบุคคลากรให้มีความกระตื้นรื้อในการทำงาน ซึ่งผมมั่นใจว่าพนักงานการรถไฟพร้อมที่จะมีการเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น โดยคาดว่าทันทีที่ตนเข้ารับตำแหน่ง ก็จะเริ่มพัฒนาตามระบบที่กำหนด อย่างไรก็ตาม คาดว่าการรถไฟจะพบมิติใหม่ คือจะต้องมีความเปลี่ยนแปลงได้ภายใน 6 เดือน หลังที่เริ่มปฏิบัติงาน ส่วนประเด็นที่รัฐบาลอาจจะมีแนวทางแยกองค์กรบริหาร อย่างเช่น รถไฟความเร็วสูง หรือรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ ออกจากการบริหารงานภายใต้รถไฟนั้น ผมมองว่าหากมีแนวทางเช่นนั้นเกิดขึ้นจริง ก็จะขอโอกาสการบริหารงานโดยการรถไฟ ทั้งนี้มั่นใจว่า การรถไฟจะสามารถบริหารให้ทั้งรถไฟความเร็วสูง และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ให้ได้มีผลกำไรอย่างแน่นอน”

ส่วนปัญหาการบุกรุกที่ดินแนวริมทางรถไฟนั้น ถือว่าเป็นปัญหาที่จะต้องเข้าไปดูแล ทั้งนี้ อาจจะต้องมีการหารือร่วมกับชาวบ้านที่อาศัยอยู่แนวริมทางรถไฟ โดยอาจจะมีแผนช่วยเหลือ เพื่อหากต้องย้ายออกจากบริเวณดังกล่าว หรืออาจจะต้องหาที่อยู่แห่งใหม่ให้กับชาวบ้านซึ่งไม่กระทบทั้งนี้จะต้องหารือถึงแนวทางดังกล่าวอีกครั้ง

ด้านนายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีสกุล ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม.ในวันที่ 15 พ.ย.นี้ จะมีการพิจารณาเรื่องการประกวดราคาจัดหารถไฟฟ้า 800 ตู้ วงเงินประมาณ 40,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ (Heavy Rail) 500 ตู้ และรถไฟฟ้ารางเดียว (Monorail) 300 ตู้ ซึ่ง รฟม.ได้เสนอต่อที่ประชุมบอร์ดไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่บอร์ดได้สั่งให้มาทำรายละเอียดเพิ่มเติม และนำมาพิจารณาอีกครั้ง โดยคาดว่าบอร์ดจะมีมติที่ชัดเจนในการประชุมครั้งนี้ ทั้งนี้ รฟม.มีแผนใช้ศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าแต่ละสายทาง ที่มีทั้งหมด 8 แห่ง เป็นที่ตั้งโรงงาน และต้องมาพิจารณาอีกครั้งว่าจะใช้ศูนย์ซ่อมใดบ้าง แต่ไม่น่ามีปัญหา เพราะใช้พื้นที่ไม่มาก หากบอร์ดมีมติเห็นชอบแล้ว รฟม.จะเสนอกระทรวงคมนาคม เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในสิ้นปีนี้

Wisarut · Posted: 01/11/2012 7:05 pm Post subject: ข่าวแห้ง

ก.วิทย์ฯขอ4พันล้านตั้งสถาบันขนส่งทางราง

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 7 กรกฎาคม 2555 13:01

กระทรวงวิทย์ เดินหน้าจัดตั้งสถาบันขนส่งทางราง รับโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า ชูไทยศูนย์กลางระบบรางอาเซียน คาด 7 ปีใช้งบ 4 พันล้าน

นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์ได้เดินหน้าก่อตั้งสถาบันขนส่งทางรางเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อเตรียมความพร้อมด้านกำลังคน และวิศวกรที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งในระบบราง รองรับโครงการก่อสร้างรถไฟลอยฟ้า รถไฟใต้ดิน และรถไฟความเร็วสูง ตามงบประมาณที่รัฐบาลตั้งไว้กว่า 1.6 ล้านล้านบาท

สถาบันดังกล่าว คาดว่าจะใช้งบประมาณ 4 พันล้านบาท ระยะเวลา 7 ปี ในการเตรียมพร้อมกำลังคน งานวิจัย และพัฒนาศัยภาพในการดูแลรักษาระบบราง โดยไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ซึ่ง ปัจจุบันสถาบันดังกล่าวได้ดำเนินการไปแล้วบางส่วน ภายใต้ความร่วมมือระหว่างสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และมหาวิทยาลัย โดยในปี 2555 ได้จัดอบรมวิศวกรไปแล้ว 2 รุ่น รุ่นละ 35 คน

ทั้งนี้ การพัฒนาสถาบันขนส่งทางราง จะใช้โมเดลเดียวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศ ที่ใช้เวลาประมาณ 15 ปี ทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นผู้นำภาคการผลิตชิ้นส่วนยานยนตร์ส่งออกที่สำคัญของโลก แต่เชื่อว่าระบบรางจะไปได้เร็วกว่า เนื่องจากมีงานวิจัยรองรับ

Wisarut

In Pics : ประมวลภาพ 20สถานที่ชวนขนหัวลุกที่สุดของโลก, ทางรถไฟสายมรณะติดโผ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 พฤศจิกายน 2555 18:17 น.

เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - “เดอะ เดลี เทเลกราฟ” หนังสือพิมพ์รายวันเก่าแก่ของสหราชอาณาจักรซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ ค.ศ. 1855 ระบุ “เส้นทางรถไฟสายมรณะ” ความยาว 415 กิโลเมตร ที่เชื่อมระหว่างจังหวัดราชบุรีและกาญจนบุรีของไทยไปยังปลายทางที่เมืองบูซายัดของพม่า ติดโผสถานที่ที่ “น่าหวาดกลัวที่สุดในโลก” จากการที่มีแรงงานทาสและเชลยศึกที่เป็นทหารฝ่ายสัมพันธมิตรมากกว่า 106,000 นายเสียชีวิตระหว่างการก่อสร้างถือเป็น “สถานที่สยอง” 1 ใน 4 แห่งของเอเชียที่ถูกรวมไว้ในครั้งนี้ ร่วมกับเรือนจำตวล สเลงของกัมพูชา, เกาะฮาชิมะ และผืนป่าปีศาจ “อาโอะกิงาฮาระ” ของญี่ปุ่น